PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

ความเข้าใจการNoVoteกับVoteNo

ความเข้าใจการNoVoteกับVoteNo


ไลบีเลีย ปี1980 รมต.โดนจับยิงเป้าหมดข้อหาคดโกง.....

ไลบีเลีย ปี1980 รมต.โดนจับยิงเป้าหมดข้อหาคดโกง

เปิดข้อมูล ผู้ลงสมัครส.ส. 400 กว่าคน จบต่ำกว่าป.ตรี

วันนี้(31 ม.ค.) เว็บไซต์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยข้อมูลผู้สัมครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้งหมด 53 พรรคการเมือง แยกย่อยตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ต่ำกว่าปริญญาตรี, ปริญญาตรี,ปริญญาโท,ปริญญาเอก ซึ่งข้อมูลระบุว่า ผู้สมัครจำนวน 408 คน มีวุฒิการศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาตรี โดยพรรคชาติพัฒนามีมากที่สุดถึง 80 คน

คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 101) 


1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
1.2 มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
1.3 เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวเป็นเวลาติดต่อ กันไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวเป็นเวลา ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 30 วันนับถึงวันเลือกตั้ง
1.4 ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อ กันไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
- เป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง
- เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา
- เคยรับราชการหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปี
1.5 ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบสัดส่วนต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตาม 1.4 ด้วย แต่ลักษณะดังกล่าวในกรณีใดที่กำหนดถึงจังหวัด ให้หมายถึงกลุ่มจังหวัด

"ส.ต.ท.บัณฑิต"มือยิงอาร์พีจีกลาโหม สาวไส้นักการเมืองจ้างถล่ม "วัดพระแก้ว".

วันศุกร์ ที่ 30 เมษายน 2553
Posted by นายหัวไทร , ผู้อ่าน : 18764 , 21:10:29 น.  
หมวด : การเมือง 

 พิมพ์หน้านี้ 
  โหวต 0 คน 

        ผลงานดีก็ต้องปรบมือชม สำหรับการจับกุมมือปืนยิงอาร์พีจีถล่มกระทรวงกลาโหม หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา ตำรวจสืบทราบจนได้รายละเอียดพยานหลักฐานเพียงพอ และออกหมายจับ "ส.ต.ท.บัณฑิต สิทธิทุม"
               
        หลังออกหมายจับเพียงวันเดียวตำรวจก็ตามตะคลุมตัวส.ต.ท.บัณฑิต ได้ช่วงหลบหนีไปกบดานย่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นถิ่นที่ทำงานเดิมของเขานั้นเอง หลังจากควบคุมตัวได้แล้ว ตำรวจได้นำตัวไปสอบสวนในทางลับ....เจ้าตัวพลั่งพลูสารภาพหมดสิ้น
        "นักการเมืองว่าจ้าง" 
        ก่อนหน้านั้น พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.แถลงความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุยิงระเบิดอาร์พีจี ใส่กระทรวงกลาโหมว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทำงานกันอย่างหนักล่าสุดสามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างชัดเจน ทั้งพยานบุคคล และพยานเอกสาร รวมทั้งลายนิ้วมือผู้ต้องจากวัตถุพยานจนสามารถออกภาพสเกตช์ 2 คนร้าย ก่อนเสนอต่อศาลเพื่ออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาได้แล้ว 1 ราย
                 
      
       ส.ต.ท.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่86 หมู่ที่ 9  ต.โจดหนองแก อ.พล จ.ขอนแก่น เป็นอดีตตำรวจตระเวนชายแดน และถูกให้ออกจากราชการเมื่อปี 2538 ขณะประจำอยู่ที่ สภ.อ.วังน้ำเย็น จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคดีไม้เถื่อน
      หลังจากถูกออกจากราชการ ทราบว่าไปทำงานที่บ่อนการพนันย่านชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นผู้ติดตามนักการเมืองระดับ ส.ส.คนหนึ่งในจังหวัดใกล้เคียงกับ กทม.
     
  ไม่ใช่เพียงแค่สารภาพว่า มีนักการเมืองว่าจ้างเท่านั้น แต่ ส.ต.ท.บัณฑิตยังสารภาพมากกว่านั้น ถ้าได้ยินแล้วจะช็อคตาย
    นายธาริต เพ็งดิฐษ์ อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ แถลงข่าว พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้สงคน คือ ส.ต.ท.บัณฑิต และนายศุภณัฐ หรือโก้อายุ 43 ปี และเชิญผู้เกี่ยวข้องอีก 3 คนมาสอบถาม
     3 คนที่เชิญมาสอบถาม คือนายภาสกร 2.พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วกรรม อ่ยุ 39 ปี ผลการสอบสวนพบว่า ส.ต.ท.บัณฑิต เป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ศุภชัย มีภรรยาเป็นแกนนำคนเสื้อแดงพัทยาคือนางจุรีภรณ์ สินธุไพร

      โดย ส.ต.ท.บัณฑิตมีความรู้ใช้อาวุธสงคราม ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ภรรยาพ.ต.ท.ศุภชัย โดยส.ต.ท.บัณฑิตให้การสารภาพว่าได้เดินทางเข้ากทม.พร้อมกับนางจุรีพร เพื่อร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงที่ผ่านฟ้า และบอกว่าการจะบรรลุวัตถุประสงค์จะต้องก่อวินาศกรรมสถานที่ราชการ จึงได้เตรียมอาวุธและระเบิดอาพีจี และมอบเงินให้ แสนบาท ต่อมา วันที่20 ได้ยิงระเบิดอาพีจีมีเป้าหมายคือวัดพระแก้ว โชคดีที่ระเบิดไม่ถูกเป้า จึงรีบทิ้งรถแล้วหนีไป
                     
     "เขาว่าจ้างให้ผมยิงถล่มวัดพระแก้ว แต่ผมยิงพลาดเป้า หัวระเบิดไปติดสายไฟ จึงรีบทิ้งอาวุธปืนไว้ในรถ แล้วหลบหนีไป"
         โอ้ โฮ้..นึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าส.ต.ท.บัณฑิต ยิงถูกตรงเผงตามเป้า แล้ววัดพระแก้ว ซึ่งมีพระแก้วมรกตคู่บ้านคู่เมืองของเราอยู่ที่นั้น แล้วทั้งวัดพระแก้ว และพระแก้วมรกตไม่เละหรือครับ
                    
         โอ้...ความศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วมรกต และพระสยามเวทาธิราช ทำให้ส.ต.ท.บัณฑิต ยิงพลาดเป้าครับ และทิ้งร่องรอยไวส้มากมายให้ตำรรวจได้สืบสาวจนจับกุมตัวมือปืนได้


ที่มา จากบล็อค นายหัวไทร

http://www.oknation.net/blog/naiman/2010/04/30/entry-4

ว่าด้วย"ศาลโลก"จากเพจ ของ"พานทองแท้"

ไทยรัฐออนไลน์เมื่อวานนี้ พาดหัวเกี่ยวกับศาลโลกอยู่2ข่าวด้วยกันครับ ข่าวแรกคือ “สุรพงษ์” เตรียมชง ครม.ขออนุญาตเปิดทางศาลโลกสอบคดีสลายชุมนุมเสื้อแดง โอ่ศาลโลกมีคำสั่งรับเรื่องเข้าสู่การพิจารณาแล้ว และอีกข่าวนึงคือ "ชวนนท์" ซัดแกนนำ นปช. เลิกปาหี่ คดีศาลอาญาโลก ท้ารัฐ แน่จริงลงสัตยาบรรณ รับอำนาจศาลเลย 

ในยุคข้อมูลข่าวสารเช่นทุกวันนี้ พรรคการเมืองใดที่พูดเก่ง และเคยชินกับการพูดให้สังคมงุนงงสับสน ย่อมจะตีกินในลักษณะเดิมได้ยากขึ้นเรื่อยๆครับ เฟสบุ๊คพานทองแท้นี้ จะเป็นสะพานที่เชื่อมเรื่องบางเรื่องที่เราไม่คุ้นเคย ให้เข้าใจได้ง่ายเข้า 

ดังนั้นวันนี้เรามาทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ กับกระบวนการพิจารณาคดี ของศาลอาญาระหว่างประเทศ กันดีกว่าครับ 

ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือICC (ย่อมาจาก International Criminal Court) ตั้งอยู่ที่ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถูกจัดตั้งขึ้นตาม ธรรมนูญกรุงโรมเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญา ณ แห่งหนตำบลใด ในประเทศที่เป็นภาคีได้ โดยมีทั้งหมด114ประเทศรวมถึงอังกฤษ 

ศาลนี้จึงสามารถพิจารณาคดีของ พลเมืองอังกฤษที่ชื่อ "มาร์ค"ได้ด้วย 

ประเทศไทยของเรา เป็น1ใน34ประเทศ ที่ได้ลงชื่อเข้าร่วมแล้ว แต่ยังมิได้ให้สัตยาบัน จึงยังมิได้เป็นรัฐภาคี ทำให้เขตอำนาจของศาลไม่ครอบคลุมถึงไทย 

แต่เนื่องจากมาตรา 12.3 ของธรรมนูญฯระบุไว้ว่า รัฐใด ๆ ก็ตามที่ลงชื่อเข้าร่วมแล้ว แต่ยังไม่ลงสัตยาบรรณ สามารถยอมรับอำนาจศาลชั่วคราวเฉพาะกรณีได้ โดยให้รัฐมนตรีต่างประเทศยอมรับอำนาจชั่วคราว และเนื่องจากเป็นการประกาศฝ่ายเดียว จึงไม่ถือเป็นสนธิสัญญา ที่ต้องทำ2ฝ่ายขึ้นไป จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ฮิ้ววววว.......... 

เห็นภาพแล้วนะครับ ศาลมีอำนาจพิจารณาพลเมืองอังกฤษที่ชื่อ"มาร์ค"ได้ แต่ไม่สามารถสืบสวนข้อเท็จจริงในไทย ศาลก็ย่อมไม่มีข้อมูลในการตัดสิน จึงเป็นที่มาของการที่ทั้ง2 ฝ่ายออกมาแถลงข่าว ตามที่ผมกล่าวถึงตอนต้นนั้น 

ทีนี้เรามาดูว่าข้อแตกต่างของข้อเสนอและคำท้า ของทั้ง2ฝ่ายมีนัยยะอย่างไรกันครับ 

ฝั่งรมว.ต่างประเทศ เข้าใจได้ง่ายๆ ตรงไปตรงมาครับ ดร.ปึ้งแกจะขอให้ครม.อนุมัติให้ศาลโลก เข้ามาตรวจสอบโดยใช้หลักตามมาตรา 12.3 ของธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งไทยได้ลงนามร่วมไว้แล้ว 
ซึ่งเมื่อครม.มีมติปุ๊บ กระบวนการของศาลโลก ก็เริ่มนับ1ได้ทันทีครับ 

ส่วนสิ่งที่โฆษก ปชป.ท้าว่าให้เลิกเล่นปาหี่ แล้วให้ลงสัตยาบรรณเพื่อให้ศาลโลกเข้ามาตรวจสอบได้เลยนั้น ผมว่านี่แหละครับปาหี่ของจริง 

ขอบอกว่ากระบวนการลงสัตยาบรรณนั้น เขาทำกันมานานแล้วครับ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2542(13ปีมาแล้ว ป่านนี้ยังไม่คืบหน้าเลย น่าจะเป็นสมัย ครม.ปชป.เองนะแหละครับ ไม่แน่ใจขี้เกียจเช็ค) ได้แต่งตั้ง "คณะกรรมการพิจารณาธรรมนูญศาลอาญาระหว่างประเทศ" ขึ้นตามที่กระทรวงต่างประเทศเสนอ เพื่อพิจารณาว่าต้อง แก้ไข,เพิ่มเติม,ปรับปรุงกฎหมายของไทย เพื่อให้สอดคล้องหรือไม่อย่างไร และจะต้องเผยแพร่เนื้อหาสาระของธรรมนูญให้แก่สาธารณชนได้รับทราบก่อนด้วย 

โฆษกฯปชป.นี้แกเคยเป็นเลขาฯเดินตามกษิต ภิรมย์ คนที่เคยพูดว่า ม๊อบปิดสนามบินนั้นอาหารก็ดี ดนตรีก็เพราะ แล้วพรรคปชป.ยังเอามาเป็นรมต.ต่างประเทศ นั่นแหละครับ เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า กระบวนการลงสัตยาบรรณนั้นทำกันมา13ปีแล้ว ไม่รู้ว่าถึงครึ่งทางหรือยัง เหลือขั้นตอนอีกบานเลย หากต้องรออีก10กว่าปี ป่านนั้นผู้นำฝ่ายค้านแกเลิกเล่นการเมืองไปแล้วครับ เห็นประกาศว่าจะเล่นการเมืองอีก10ปี ตอนนี้ก็เหลือเวลาของแกอีก 9ปีกว่าๆเอง 

ฟังจาก2ฝ่าย ถ้าจะมาท้ากันโดยให้ยืดเวลาให้นานเข้าไว้ เขาเรียกว่ามวยหมดราคาครับ แน่จริงต้องท้าให้ รมต.สุรพงษ์ฯ นำเรื่องเข้าครม.เร็วๆเลย อาทิตย์หน้ายิ่งดี การพิสูจน์โดยใช้คนกลางแบบที่ "มือที่มองไม่เห็นไม่สามารถสั่งได้" แบบผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก ไม่ต้องมี2มาตรฐาน เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนรออยู่ครับ มาท้ากันแบบให้ยื้อเวลากันแบบนี้ เฮ้อออ...เสียฟอร์มครับ...เสียฟอร์ม ที่สำคัญคือ เมื่อความจริงปรากฏ เราจะรู้กันว่ามีใครสั่งฆ่าประชาชนหรือไม่ ถ้ามีจริงและโดนลงโทษเมื่อไหร่ วิญญาณของวีรชนที่ยอมสละชีพเพื่อปกป้องประชาธิปไตยทุกท่าน จะได้นอนตายตาหลับเสียทีครับ

ยิ่งลักษณ์ อวยพร ตรุษจีน คนไทยเชื้อสายจีน สามัคคี รักใคร่ปรองดองกัน

(31/1/571)นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อวยพร ตรุษจีน คนไทยเชื้อสายจีน สามัคคี รักใคร่ปรองดองกัน

"ซินเหนียน ไคว่เล่อ

ตรุษจีนปีนี้ ขออวยพรให้พี่น้องไทยเชื้อสายจีน ร่ำรวย มั่งมี ศรีสุข มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง สามัคคี รักใคร่ ปรองดองกันนะคะ"

สรรเสริญ สมะลาภา:เหตุประมูลสินเชื่อจำนำข้าว 20,000 ล้าน ล่ม!


ได้รับรายงานว่าการประมูลสินเชื่อจำนำข้าว 20,000 ล้าน ล่ม! เนื่องจากแบงค์เสนอดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูง เพราะมีความเสี่ยง ทำให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะต้องยกเลิกการประมูล อีกแหล่งบอกว่านี่เป็นรายงานแบบแก้เกี้ยวเพราะที่จริงแล้ว ไม่มีแบงค์ใดเข้าร่วมประมูลเลย เนื่องจากกลัวปัญหาด้านกฎหมาย ทำให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะต้องเปิดประมูลใหม่อีกครั้ง (ตามกำหนดทุกวันอังคาร) ซึ่งคงจะรวบยอดเข้าเป็น 40,000 ล้าน

ไม่ว่าจะล่มเพราะดอกเบี้ยสูง หรือปัญหาด้านกฎหมาย แท้ที่จริงแล้วก็คือปัญหาเดียวกันเพราะถ้าเป็นเรื่องกฎหมายเช่น มติของกฤษฎีกาที่ให้รัฐบาลกู้และมีผลให้รัฐบาลชุดต่อไปชำระคืน จะต้องเป็นมติของคณะกรรมการ ไม่ใช่มติของเลขาธิการเพียงคนเดียว ซึ่งก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่แบงค์จะโดนเบี้ยวหนี้ และก็แปลเป็นความเสี่ยง ในที่สุดกลายเป็นดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ผมคิดว่านี่คือสาเหตุหลักที่หลายแบงค์ออกมาต่อต้านการปล่อยกู้ครั้งนี้เพราะจะกระทบต่อประชาชนที่นำเงินมาฝาก

การที่คุณยรรยง พวงราช บอกว่าพนักงานแบงค์รัฐเห็นแก่ตัว ไม่เห็นใจชาวนาด้วยการค้านปล่อยกู้จำนำข้าวนั้น ผมว่าคุณต้องกลับไปดูรัฐบาลของคุณก่อน ถ้าสามารถกำหนดราคาตลาดโลกได้ ไม่ขาดทุนมาก และไม่มีทุจริต อย่างที่เคยโม้เอาไว้ จะเกิดเรื่องนี้ไหม อย่าโยนบาปให้คนอื่นเลย

ส่อวุ่นหนัก??? กก.เลือกตั้งทั้ง 9 หน่วยจ.พิจิตร ลาออกกระทันหัน !!

 ผอ.เลือกตั้งจังหวัดพิจิตร เผย ในเขตเลือกตั้งที่ 1 กรรมการลต.ทั้ง 9 หน่วยจำนวน 86 คน ยื่นหนังสือลาออกทั้งหมด -กกต.พิจิตรเร่งหากก.สำรองวุ่น 

วันนี้ ( 31 ม.ค.57 ) นายประยูร จักรพัชรกุล ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดพิจิตร ได้รับรายงานจาก นายโกสิน ศรีเพชรพงษ์ นายอำเภอเมืองพิจิตร ว่า กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ส.ส. ระบบแบ่งเขต ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ทั้ง 9 หน่วยเลือกตั้ง จำนวน 86 คน ยื่นหนังสือให้นายอำเภอ ขอลาออก โดยอ้างว่าติดภารกิจ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)พิจิตรสั่งให้หาคนมาเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเพื่อสำรอง แต่การทาบทามทำได้ยาก เนื่องจาก เป็นการลาออกกระทันหัน เบื้องต้น ประสานขอความร่วมมือหน่วยราชการ ขอให้มีการหาคนที่มาดำเนินการ เป็นกรรมการหน่วยเลือกตั้ง เพื่อให้ทันการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ด้านนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้วว่าขณะนี้ มีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้ลาออก สั่งให้กรรมการประจำหน่วยซึ่งเป็นข้าราชการต้องมาชี้แจงเหตุผลในการลาออก เพราะอะไร หากไม่สมเหตุสมผลก็ต้องโดนวินัยร้ายแรงถือว่าเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา @tnews


การ์ดคปท.จับลูกน้องโกตี๋แฝงตัวเข้าม็อบพบอาวุธเพียบ

การ์ดคปท.ตรวจค้นเจอบุคคลต้องสงสัยได้บริเวณด้านราชวินิต ชื่อนายสัมภาษณ์ กูลศรีโรจน์ พฤติการณ์นายสมบูรณ์ ได้เข้ามาร่วมอยู่กับมวลชนหลายครั้ง มาครั้งนี้เมื่อประมาณ13.30น. นายสมบูรณ์ฯ ได้เดินเข้าทางด่านราชวินิต การ์ดได้ของตรวจกระเป๋าเจอประทัดยักษ์หลายลูกและได้ไปตรวจค้นรถยนต์ต่อเจอสิ่งของผิดกม.และที่น่าสนใจและเชื่อได้ว่าจะมีไว้ในการกระทำความผิดเช่น1.ลูกกระสุนปืน 2.ประทัดยักษ์ 3.เสื้อเกราะกันกระสุน 4.มีดขนาดต่างๆ 5.ป้ายทะเบียนหลายป้าย 6.กล้องส่องทางไกล 7.กลัองติดปืนยาว 8.กล้องถ่ายภาพและอุปกรณ์เครื่องมือช่าง 9.บัตรการ์ดโกตี๋ (เบื้องต้นนายสมบูรณ์ ยังอยู่ในการควบคุมตัวหลังเวทีคปท.) admin...puk


เตือนรัฐหนี้สาธารณะ

@MrNaling: เปิด!หนังสือ สบน.เตือน'กิตติรัตน์'กู้เงินจ่าย #จำนำข้าว   เสี่ยงผิดรธน.181(3) ! http://t.co/LlClQShPja

นปช.ประกาศเลิกชุมนุมใหญ่ 31 ม.ค.นี้ หวั่นเจอสร้างสถานการณ์นองเลือดปูทางรัฐประหาร!

30 ม.ค.2557 เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดแถลงข่าวในสถานการณ์พิเศษ โดยนายธนาวุฒิ วิไชยดิษฐ์ โฆษก นปช. กล่าวว่า ถ้าสังคมต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งก็ให้โหวตโน หากใครอยากเลือกตั้งพร้อมปฏิรูปก็ให้เลือกพรรคการเมืองอื่น แล้วดูว่าจำนวนคนที่อยากจะปฏิรูปมีจำนวนเท่าใด นปช.ไม่เคยปฏิเสธเรื่องการปฏิรูป แต่ต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งกลุ่ม กปปส.บอกเอาอำนาจให้เขา แล้วเขาจะไปปฏิรูปเอง โดยไม่มีกฎหมายใดมารองรับ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ทางออกของประเทศคือต้องเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.

นางธิดา โตจิราการ ประธาน นปช. กล่าวว่า ทราบว่าศาลแพ่งรับคำร้องเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว และนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 6 ก.พ.2557 เวลา 09.00 น. ทั้งที่หลังประกาศจนถึงขณะนี้ รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเลย

นางธิดากล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นตัวจักรสำคัญของระบอบอำมาตย์ เริ่มแรกคือการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พอรัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กปปส.ก็เดินหน้าต่อ แต่เป้าหมายไม่ใช่การล้มรัฐบาล แต่ต้องการล้มระบอบประชาธิปไตยและล้มการเลือกตั้ง ทำให้ขณะนี้มีคนเข้ามาร่วมกับคนเสื้อแดงมากขึ้น ส่วนประชาชนทั่วไปก็ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตนเป็นจำนวนมาก

นางธิดากล่าวต่อว่า นายสุเทพจะปิดกรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้คนไปเลือกตั้งโดยการไปปิดเขตต่างๆ และปิดกั้นไม่ให้คนออกไปทำงาน ไม่ให้บัตรเลือกตั้งและหีบบัตรไปถึงหน่วยเลือกตั้ง ขอให้แกนนำในแต่ละพื้นที่ให้หลีกเลี่ยงการปะทะ ส่วน กกต.ขอให้ทำหน้าที่ให้เรียบร้อย แต่ถ้าไม่จัดการเลือกตั้งตามกฎหมาย ประชาชนจะฟ้องร้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

Cr:ประชาไท
...Admin ตราชู...


กกต. คืนสิทธิสมัครเลือกตั้ง บัญชีรายชื่อให้ อริสมันต์-จรัล-ศุภชัย ใจสมุทร

กกต. คืนสิทธิสมัครเลือกตั้ง บัญชีรายชื่อให้ อริสมันต์-จรัล-ศุภชัย ใจสมุทร พร้อมบุคคลอื่น ที่ถูกตัดสิทธิอีก 40 คน หลังศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ผิด

ซึ่งในราชกิจจานุเบกษานี้ ปรากฏชื่อ นายอริสมันต์ นายจรัล นายถาวร, พล.ต.ต.วิรุฬ และนายศุภชัย ใจสมุทร ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย

ในประกาศของ กกต. ที่เกี่ยวข้องกับ นายอริสมันต์ ยังมีการระบุด้วยว่า มีคำสั่งศาลฎีกาให้ นายอริสมันต์ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 43 และ 44 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ประกาศ ณ วันที่ 21 มกรา 57


๑๑ตรวจแถวทหารเช็กขุมกำลังเอ็กเซอร์ไซซ์๑๑

ท่ามกลางกลิ่น "ปฏิวัติรัฐประหาร" ฉุนกึก เมื่อมีความ เคลื่อนไหวการขนย้ายกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์จากหน่วยทหารทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้ามาในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เพื่อสวนสนามในวันกองทัพไทย วันที่ 18 มกราคม 2557 ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่มีการสวนสนามยานยนต์ เพื่อเป็นการแสดงแสนยานุภาพ ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และความเข้มแข็งของกองทัพบก กองทัพไทย และถือเป็นสวนสนามวันกองทัพบกครั้งสุดท้าย ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนจะเกษียณ ก.ย.ปีนี้

สำหรับกำลังพลประกอบไปด้วย กำลังทหาร-รถถัง-รถเกราะ ทหารบูรพาพยัคฆ์-ทหารเสือราชินีฯ-รบพิเศษ-ทหารม้ารถถัง รถเกราะ ทหารพรานหญิงใต้ ทหารรักษาพระองค์ พล.1 รอ. พล.ปตอ. รวมทั้งหมด 20 กองพัน นี่จึงเป็นที่มาของข่าวลือ หรือหวาดวิตกว่า จะเกิดการรัฐประหาร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ เพราะสถานการณ์การเมืองแบบนี้ มีทหาร เข้ามามากมายแบบนี้

นั่นก็เป็นการคาดคะเนกันไปตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อมี "ควัน" ย่อมมี "ไฟ" ฉันใด เมื่อมี "เหตุให้ปฏิวัติ" ก็มีโอกาสเกิดการ "ปฏิวัติ" ได้ฉันนั้น

ทั้งนี้ เพื่อประมวลสัญญาณต่างๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมจะขอนำเอาบทเรียนการปฏิวัติครั้งล่าสุด คือ 19 กันยายน 2549 มาเปรียบเทียบกับเงื่อนไข รวมทั้งขุมกำลัง ในกองทัพในปี 2553 ว่า มีโอกาสที่รถตีนตะขาบจะออกมาเพ่นพ่านกลางกรุงมากน้อยแค่ไหน

โดยเงื่อนไขสำคัญที่สุดที่เร่งชนวนให้เกิดปฏิวัติปี 2549 คือ การข่าวที่แจ้งว่า มีนักการเมืองฮาร์ดคอร์ซีกรัฐบาลกำลังจะนำมวลชนฝ่ายสนับสนุนทักษิณมาชนกับม็อบพันธมิตรในวันที่ 20 กันยายน 2549 ซึ่งอาจทำให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. (ในขณะนั้น) จึงตัดสินใจนำกำลังเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยมีรายงานว่า พล.อ.สนธิ มีคำสั่งให้พลร่มป่าหวาย หน่วยสงครามพิเศษลพบุรี จำนวน 3 กองร้อย เตรียมเคลื่อนกำลังเข้ากรุง ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2549

ทั้งยังสั่งการให้ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 (ในขณะนั้น) เตรียมกำลังจากกรมทหารราบ 11 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ และหน่วย รถถัง ม.พัน.4 ให้เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งรอรับคำสั่งปฏิบัติการ

ขณะที่ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ทหาร 10 กองพัน เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งกองพลทหาร ม้าที่ 1 เพชรบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน โดยให้เบิกอาวุธและกระสุนเต็มพิกัด

เมื่อถึงวัน.. ว. เวลา.. น. ในค่ำวันที่ 19 กันยายน ก็มีข่าวทหารรบพิเศษจำนวน 3 กองร้อย เคลื่อนกำลังเข้ากรุงเทพฯ ก่อน ที่กำลังหลัก 3 กองพลที่ขึ้นตรงกับกอง ทัพภาคที่ 1 จะเคลื่อนพลยึดจุดยุทธศาสตร์ สำคัญในกรุงเทพฯ ไว้ได้ทั้งหมด

ส่วนกำลังพลจาก กองทัพภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 3 รวมทั้งอีก 2 กองพล ใน สังกัดกองทัพภาคที่ 1 คือ พล.2 รอ.ปราจีน บุรี และ พล.ร. 9 กาญจนบุรี รับผิดชอบตรึงกำลังเส้นทางสำคัญต่างๆ บริเวณ เขตปริมณฑลที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ ทั้งหมด

กระนั้นเป็นที่ยอมรับกันมาทุกยุคทุกสมัยว่ากำลังที่สำคัญที่สุดในการปฏิวัติจะมาจาก 3 กองพลหลักในกรุง เทพฯ ทั้งสิ้น คือ 1.กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) 2.กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) 3.กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.)

โดยหน่วยหลักๆ ที่ใช้ในการปฏิวัติรัฐประหารแทบทุกครั้งก็คือ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) กรม ทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) และกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) กองพันทหารม้าที่ 4 (ม.พัน 4) กรมทหารม้าที่ 5 รักษาพระองค์ (ม.5 รอ.) กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 (ปตอ.1) กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้ อากาศยานที่ 2 (ปตอ.2) จะถูกเรียกใช้เป็นอันดับแรกหากเกิดสถานการณ์
บก.พันเอก
68