PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์เฟซบุ๊ก กล่าวถึงกรณี ส.ส.ปชป.ยกพลลาออก บอกนัยอะไร?

โดยระบุข้อความดังนี้

ส.ส.ปชป.ยกพลลาออก บอกนัยอะไร?

คิดเร็วๆตอนนี้ก็เห็นว่า เมื่อศาลโลกตัดสินไม่เป็นประโยช
น์ต่อการล้มรัฐบาล ปชป.ก็ต้องเพิ่มดีกรีความเข้มข้นให้มวลชนที่ร่วมชุมนุมฮึกเหิม การลาออกก็เพื่อส่งสัญญาณนี้

อีกมุมคือไม่กี่วันหลังจากนี้ฝ่ายค้านต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงตรงนั้นจะเผชิญคำถามถึงความชอบธรรมของการชุมนุมเพราะทั้งอภิปรายทั้งตั้งเวทีปลุกม๊อบคงไม่ได้รับการยอมรับ พอมีส.ส.ลาออกก็จะอธิบายว่าสภาฯเป็นเรื่องส.ส.ส่วนการชุมนุมประชาชน(โดยส.ส.ที่ลาออก)เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สรุปคือตั้งใจลากยาวอย่างน้อยถึงวันที่ ๒๐ พ.ย. ที่ศาลรธน.จะวินิจฉัยเรื่องแก้รธน.

ส่วนที่ประกาศนัดหยุดงานวันที่ ๑๓-๑๕ พ.ย. ผมก็ขอประกาศนัดทำงานในวัน เวลาเดียวกัน

"พี่น้องประชาชนทั้งหลาย ๑๓-๑๕ พ.ย. นี้ใครมีงานอะไรก็ขอให้ทำไปตามนั้น
 เงินเดือน ค่าตอบแทนรับได้ตามปกติที่หน่วยงานของท่านเอง"

แล้วช่วยกันตามดูด้วยนะครับว่ากิ
จการ ห้างร้านในเครือข่ายปชป.จะปฏิบัติอย่างไร

อีกเรื่องที่ต้องจำให้แม่นยำคือ
ปชป.ได้สถาปนาอำนาจตุลาการใหม่ขึ้นมาแล้วเรียกว่าศาลประชาชน ต่อไปถ้าเราจะตั้งศาลแบบนี้บ้างหวังว่าปชป.จะไม่ขัดขืนต่อคำพิพากษาของประชาชนนะครับ

คปท.ลั่นไม่ยอมรับคำตัดสินศาลโลก

11 พฤศจิกายน 2556 เวลา 20:46 น. |

คปท.ลั่นไม่ยอมรับคำตัดสินศาลโลก
คปท.ประกาศไม่รับคำตัดสินศาลโลก ลั่นไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ขณะที่หนุ่มผู้ชุมนุมเตรียมจุดไฟเผาตัวแต่ม็อบห้ามทัน
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.บรรยากาศการชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)ในช่วงเย็น ทางแกนนำได้มีการถ่ายทอดเสียงการอ่านคำพิพากษาของ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีคำพิพากษา คดีที่กัมพูชาได้ร้องขอให้ตีความคำพิพากษาเดิม กรณีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 สลับกับการปราศรัย โดยมีมวลชนเข้าร่วมชุมนุมเต็มพื้นที่
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ศาลโลกได้อ่านคำตัดสินแล้วเสร็จ แกนนำได้ขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมเชิญชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกันยืนไว้อาลัยในคำตัดสิน โดยระบุว่าจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลกและจะไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้กับประเทศกัมพูชา
ขณะที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 100 คนได้รวมตัวประท้วงการทำหน้าที่ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก และเผาธงชาติกัมพูชา นอกจากนี้ มีผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณ  35-40 ปี ได้ปีนขึ้นไปบนกำแพงแบริเออร์ เพื่อจะนำไฟแช็กมาจุดไฟเผาตัวเองประท้วง แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะมีมวลชนห้ามไว้ได้ทัน

ฮุนเซน แถลงยันศาลโลกตัดสินเขมรมีสิทธิเต็มที่เขาวิหาร

เมื่อช่วงค่ำ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาออกแถลงการณ์การประกาศผลคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ผ่านโทรทัศน์แห่งชาติ โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจตอนหนึ่งระบุว่า ศาลได้ตัดสินให้กัมพูชามีอธิปไตยเต็มที่บนยอดเขาของปราสาทพระวิหาร และศาลได้ให้ไทยมีหน้าที่ที่จะต้องออกไปจากดินแดนนี้ ทั้งทหาร ตำรวจ ยามรักษาการและอื่นๆ ของไทยที่ประจำการในดินแดนดังกล่าว และในข้อ ๙๘ ศาลก็ได้กำหนดที่ขอบเขตที่ตั้งอย่างชัดเจนของยอดเขาดังกล่าว

ฮุน เซน ย้ำด้วยว่าการที่ศาลโลกนำเอาแผนที่ภาคผนวก ๑ มาตราส่วน ๑ ต่อ ๒ แสน ที่กัมพูชายื่นเมื่อ ค.ศ.๑๙๖๒ มาเป็รหบักฐานในการตีความนั้น เป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดที่สองประเทศต้องนำมาปฏิบัติต่อไป

ในนามของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมไทย ได้เห็นชอบที่จะมีจุดยืนร่วมกันว่าไม่ว่าศาลโลกจะตัดสินว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศจะเคารพต่อคำตัดสินนั้น และจะพยายามรักษาไว้ซึ่งมิตรภาพของประเทศข้างเคียง (ไทยชอบเรียกเพื่อนบ้าน) พร้อมทั้งสันติภาพ เสถียรภาพตามแนวชายแดน 

ฮุน เซน ยืนยันว่ากัมพูชาจะเคารพและปฏิบัติตามความตกลงในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ ๒๘ ต.ค. ๕๖ ที่จะสานต่อภารกิจกำหนดเขตแดนให้ชัดเจนเพื่อเร่งผลักดันให้เป็นไปตามคำตัดสินของศาล รักษาไว้ซึ่งมิตรภาพและความร่วมมือ

นอกจากนี้ฮุน เซน กำชับกองกำลังทหารที่ประจำการในพื้นที่ชายแดนให้ใช้ความอดทนอดกลั้น รักษาที่ตั้งและอย่างกระทำการใด ๆ ที่อาจสร้างความตึงเครียดหรือกระทบกระทั่งจนส่งผลกระทบต่อรัฐบาลทั้งสองในการปฏิบัติตามคำตัดสิ


กปท.ประกาศปฏิวัติประชาชน เรียกนายกรัฐมนตรี ผบ.ทบ.เหล่าทัพมารายงานตัว

Mon, 2013-11-11 21:56

กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณประกาศ "ปฏิวัติโดยประชาชน" ระบุจะไม่เหมือน 19 กันยา 49 แต่จะเป็นการใช้พลังประชาชนเพื่อยึดอำนาจ จะมีการตั้งสภาประชาชนเพื่อบริหารประเทศ โดยในวันอังคารจะไปทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอตั้งสภาประชาชน
บรรยากาศการชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2556 (ที่มา: FMTV)

11 พ.ย. 2556 - ในการชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) บริเวณใกล้กับแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนินวันนี้ (11 พ.ย.) นั้น ข่าวสด รายงานว่า พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ(กปท.) ได้นำมวลชนจำนวนหนึ่งพร้อมรถกระจายเสียงเคลื่อนจากเวที กปท. ที่แยกสะพานผ่านฟ้าฯ มาปักหลักที่บริเวณแยกป้อมมหากาฬ เพื่ออ่านประกาศปฏิวัติโดยประชาชน ระบุว่า "ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หยุดพักงาน และให้ผบ.ทุกเหล่าทัพและปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เข้ามาพบคณะเสนาธิการร่วม กปท.ภายใน 4 ชม. โดยหากไม่มาพบ กปท.ประกาศจะเคลื่อนพลประชาชนไปในแต่ละกระทรวง ทั้งนี้ กปท.มีความจำเป็นต้องยึดอำนาจรัฐโดยเร่งด่วนเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ"
ในรายงานของ นสพ. แนวหน้า รายงานความเห็นของ พล.อ.ปรีชา ที่แถลงว่าผิดหวังที่รัฐบาลไม่มีความพยายามรักษาอธิปไตยของชาติ ในคดีปราสาทพระวิหาร รวมถึงปัญหาอื่นๆ อย่างคดีคอรัปชั่น ความล้มเหลวในโครงการรับจำนำข่าว การจาบจ้วงสถาบันมีเพิ่มมากขึ้น ปัญหาบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด และเป็นรัฐบาลที่ทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม ดังนั้น มติ กปท. จะเคลื่อนไหวเพื่อปฎิวัติประชาชน แต่จะไม่เหมือนการปฎิวัติของทหารเมื่อปี 2549 ที่ใช้กำลังเข้ายึดอำนาจ แต่จะเป็นการใช้พลังประชาชนยึดอำนาจแทน แต่ขอยืนยันว่าจะยังไม่มีเคลื่อนไหว หรือบุกทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด
ด้าน ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ค.) เวลา 09.00 น.ทางกลุ่ม กปท.และกองทัพธรรม จะเดินเท้าไปยื่นถวายฏีกา ที่พระบรมมหาราชวัง เพื่อทูลเกล้าฯ ขอจัดตั้งสภาประชาชน โดยเบื้องต้นสภาประชาชนจะมีทั้งหมด 99 คน ทำงานบริหารประเทศด้วยประชาชน เพื่อประชาชนเอง
กปท. ยังมีข้อเรียกร้องที่ใกล้เคียงกับการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย โดยประกาศว่า 1.ขอให้ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน หยุดงานตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.เป็นต้นไป 2.ขอให้มหาวิทยาลัย โรงเรียน และสถานศึกษา หยุดเรียนตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.เป็นต้นไป 3.ขอให้พี่น้องประชาชนใน กทม.ปริมณทล และในต่างจังหวัด เดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปท.ที่สะพานผ่านฟ้า แต่หากเดินทางมาไม่ได้ขอให้ชุมนุมที่จังหวัดตนเอง โดยไปรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัด
อนึ่งหลังคำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ กลุ่มมวลชนประมาณ 100 คนได้รวมตัวประท้วงการทำหน้าที่ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก ได้มีชายอายุประมาณ 35-40 ปี ปีนขึ้นไปบริเวณแท่นแบริเออร์ เพื่อจะนำไฟแช็กมาจุดไฟเผาตัวเองประท้วง แต่ไม่สำเร็จ เพราะผู้ชุมนุมช่วยกันห้าม
ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมของ กปท. ในช่วงกลางคืน ในเวลา 21.49 น. มีการแสดงดนตรีโดยศรันยู วงศ์กระจ่าง ซึ่งระบุว่ามาร่วมแสดงดนตรีวันนี้ได้เพราะ "ธรรมะจัดสรร" และได้ร่วมร้องเพลง "เทียนแห่งธรรม" "นักรบมือตบ" ฯลฯ
อนึ่ง ระหว่างการแถลงข่าวของอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่บ้านพระอาทิตย์ในช่วงเช้านั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำ พธม. และประธานกองทัพธรรม ได้แถลงว่า ได้ขอร้องให้สนธิ ลิ้มทองกุล ขอให้สำรองไว้เผื่อหากตนชุมนุมแล้วไม่สำเร็จค่อยออกมานำการชุมนุม ซึ่งนายสนธิ จะขึ้นเวทีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ตนไม่ยอม ขณะที่สนธิ ได้ชี้แจงว่าพันธมิตรฯ ชุมนุมมา 7 ปี มีทั้งคนรัก และคนเกลียด การยุติคือการรุกฆาตให้คนได้ออกมาชุมนุม และทุกเวทีในตอนนี้ก็มีแกนนำ ตนจะออกหรือไม่ก็ไม่มีความหมาย ตนหวังว่าทุกเวทีจะมีการบูรณาการให้ตกผลึกถึงการปฏิรูป ซึ่งตนเห็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำเวทีราชดำเนิน เริ่มเข้าใจแล้วว่าบัดนี้มวลชนได้ล้ำหน้าไปกว่าการนิรโทษกรรม ตนจึงหวังให้มีการตกผลึกให้เปลี่ยนประเทศไม่ใช่แค่พิพากษาตระกูลชินวัตร

นายกฯ เขาวิหาร

"ประเทศไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันที่นอกจากจะมีพรมแดนติดต่อกันถึงเกือบ 800 กม. ยังเป็นสมาชิกอาเซียนที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันต่อไปเพื่อความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งประชาชนไทยและกัมพูชาก็มีความสัมพันธ์ฉันท์ญาติมิตรมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ร่วมกันมาช้านาน

ดังนั้นทั้งสองประเทศจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนของทั้งสองประเทศ

ในนามของรัฐบาล ดิฉันขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทย มีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่าง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนพี่น้องคนไทยทุกคนและของชาติอย่างสูงสุด"

นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
11 พ.ย. 56


เปิดทรัพย์สิน ครม. ปู 5 “ข้าราชการไทย” ใครว่าจน?

5 กันยายน 2013
ในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เข้ามาบริหารประเทศ มีการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีไปแล้วถึง 5 ครั้ง
“โฉมหน้า” รัฐมนตรีแต่ละชุด ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากน้อยแตกต่างกัน
บ้างก็ว่ารัฐมนตรีบางคนเข้ามาเพราะต่างตอบแทน
บ้างก็ว่ามาจากโควตากลุ่มการเมือง
มีเพียงรัฐมนตรีไม่กี่รายเท่านั้นที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากสังคม
การบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมาของรัฐบาลในหลายนโยบาย หลายโครงการ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ยังไม่นับรวม “โรคแทรกซ้อน” ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
จึงไม่แปลกที่ในระยะหลัง การแต่งตั้งรัฐมนตรีเริ่มเปลี่ยนไป มีการดึงอดีตข้าราชการประจำระดับสูงเข้ามานั่งในคณะรัฐมนตรีมากขึ้น เพื่อเสริมทัพในการแก้ปัญหา รวมไปถึงการเรียกความเชื่อมั่นจากสังคม
แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าข้าราชการเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ใกล้ชิดกับแกนนำของพรรคเพื่อไทย หรือเคยทำงานสนองรัฐบาลไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนมาก่อน
แต่ไม่อาจปฎิเสธว่าอดีตข้าราชการระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญในสายงานมาหลายสิบปี ย่อมมีภาษีดีกว่านักการเมือง
โดยในคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 5 พบว่ามีรัฐมนตรีที่มาจากอดีตข้าราชการประจำที่เกษียณอายุหรือลาออกจากราชการเพื่อมารับตำแหน่งทางการเมือง ได้แก่ นางเบญจา หลุยเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อดีตอธิบดีกรมศุลกากร นายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตอัยการสูงสุด นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตและอดีตผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตผู้บัญชาการทหารกองพลที่ 1 รักษาพระองค์
การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเมื่อไม่นานมานี้ สามารถ “ลบความเชื่อ”ที่ว่าข้าราชการ “จน” เพราะปรากฏว่าอดีตข้าราชการที่มาเป็น “เสนาบดี” เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีฐานะดีที่ถึงขั้นเศรษฐี
เปิดทรัพย์สินข้าราชการปู 5
1. นางเบญจา หลุยเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อดีตอธิบดีกรมศุลกากร แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตัวเองและคู่สมรส ปรากฏว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จำนวน 181,028,084 บาท เป็นของนางเบญจา ในฐานะผู้ยื่นจำนวน 102,094,752 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 41,025,603 บาท เงินลงทุน 5,764,100 บาท ที่ดิน 17,652,725 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 18 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 15 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่ 2 แสนบาท ขึ้นไป) 4,652,323 บาท รวมทรัพย์สิน 102,094,752 บาท
ขณะที่คู่สมรสมีจำนวน 79,256,461 บาท แบ่งเป็น เงินฝาก 24,962,685 บาท เงินลงทุน 4,717,200 บาท ที่ดิน 16,546,575 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 31 ล้านบาท ยานพาหนะ 2,030,000บาท
ด้านหนี้สินมีจำนวนทั้งสิ้น 323,128 บาท แบ่งเป็น ผู้ยื่น 223,128 บาท และคู่สมรส 1 แสนบาท
2. นายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตอัยการสูงสุด แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตัวเองและคู่สมรส พบว่า มีจำนวนทรัพย์สิน 152,709,376 บาท ไม่มีหนี้สิน แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายชัยเกษม จำนวน 120,508,069 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 21,521,326 บาท เงินลงทุน 20,044,483 บาท ที่ดิน 56,842,259 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 14,550,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (ตั้งแต่ 2 แสนบาท ขึ้นไป) 7,550,000 บาท
ของคู่สมรส 32,201,307 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 6,009,813 บาท เงินลงทุน 9,436,493 บาท ที่ดิน 7,300,000 บาท ยานพาหนะ 3,100,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (ตั้งแต่ 2 แสนบาท ขึ้นไป) 6,355,000 บาท
3. นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตัวเองและคู่สมรส พบว่ามีทรัพย์สินจำนวน 16,354,229 บาท ไม่มีหนี้สิน แบ่งเป็นของนายยรรยง จำนวน 15,350,104 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 7,091,595 บาท เงินลงทุน 4,058,509 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1,200,000 บาท
ขณะที่คู่สมรส มีทรัพย์สิน 1,004,124 บาท โดยเป็นเงินฝากทั้งหมด
4. นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตัวเองและคู่สมรส พบว่ามีทรัพย์สินจำนวน 17,131,643 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน แบ่งเป็นของนายยุคล 9,113,255 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 6,175,405 บาท เงินลงทุน 1,273,850 บาท ยานพาหนะ 1,500,000 บาท และทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่ 2 แสนบาท ขึ้นไป) 164,000 บาท
ขณะที่คู่สมรสมีทรัพย์สิน 8,018,387 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 2,164,247 บาท เงินลงทุน 4,228,740 บาท ที่ดิน 1,265,400 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่ 2 แสนบาท ขึ้นไป) 360,000 บาท
5. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, อดีตผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตัวเองและคู่สมรส พบว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิ้นจำนวน 51,452,417 บาท
แบ่งเป็นของนายชัชชาติ 19,425,209 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 1,308,706 บาท เงินลงทุน 11,495,403 บาท ยานพาหนะ 2 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป) 2,060,000 บาท
คู่สมรสจำนวน 32,527,207 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 4,984,640 บาท เงินลงทุน 22,552,566 บาท ที่ดิน 6 แสนบาท ยานพาหนะ 3.5 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป) 890,000 บาท คู่สมรสมีหนี้สิน 5 แสนบาท
6. พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตผู้บัญชาการทหารกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตัวเองและคู่สมรส พบว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 49,179,995 บาท
แบ่งเป็นทรัพย์สิน 49,928,986 บาท โดยเป็นของ พล.อ.พฤณท์ 13,299,496 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 712,894 บาท เงินลงทุน 12,046,602 บาทยานพาหนะ 540,000 บาท
คู่สมรส มีทรัพย์สิน 36,629,489 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 269,567 บาท เงินลงทุน 20,862,921 บาท ที่ดิน 12,997,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 12,997,000 บาท ยานพาหนะ 2,500,000 บาท และคู่ส่มรสมีหนี้สิน 748,991 บาท

รับเบี้ยประชุมรัฐวิสาหกิจทะลุ 8 หลักต่อปี

เป็นที่น่าสังเกตว่า ทรัพย์สินในส่วนที่เป็นรายได้ของรัฐมนตรีที่เคยเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงที่ได้แจ้งต่อป.ป.ช.นั้น ในส่วนของรายได้ประจำจากเงินเดือนข้าราชการแล้วยังพบว่ามีค่าตอบแทนอื่น เช่น เบี้ยประชุม หรือ โบนัส เป็นจำนวนมากจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เข้าเป็นเป็นกรรมการ
“เบญจา หลุยเจริญ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อดีตอธิบดีกรมศุลกากร มีรายได้ประจำจากเงินเดือน 880,069 บาทต่อปี และรายได้อื่นๆ คือ เบี้ยประชุม และ โบนัส จำนวน 14,093,483 บาทต่อปี
ทั้งนี้ก่อน เข้ารับตำแหน่ง รมช.คลัง นางเบญจา ดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายชุด อาทิ ประธานกรรมการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ขณะที่”ชัยเกษม นิติสิริ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตอัยการสูงสุด แจ้งว่า มีรายได้ประจำจากเงินเดือน 1,347,000 บาทต่อปี และรายได้อื่นๆ ประกอบด้วยเบี้ยประชุมราชการ/รัฐวิสาหกิจ 2,643,888 บาท ค่าโบนัสรัฐวิสาหกิจ 2,250,000 บาท
ทั้งนี้ ก่อนเข้ารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม เคยดำรงตำแหน่งกรรมการและประธานคณะกรรมการตรวจสอบบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยในปี 2554 เป็นอัยการในอันดับที่ 2 ที่มีรายได้จากการเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจมากที่สุด
ด้าน “ยรรยง พวงราช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า มีรายได้ประจำเป็นเงินเดือน 2,257,199 ต่อปี ค่าตอบแทนและเบี้ยประชุม 823,340 บาทต่อปี และ ค่าตอบแทนอื่นๆ 1,321,716 บาทต่อปี
ทั้งนี้ก่อนเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง นายยรรยงเคยเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรด้วย

มีผู้แพร่ภาพทหารเป่านกหวีด พร้อมเข้าร่วมกับประชาชนต้านระบอบทักษิณ




มาดูๆ !!!  ทหารเป่านกหวีด พร้อมเข้าร่วมกับประชาชนต้านระบอบทักษิณ
           วันนี้ ( 11 พ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กองทัพธรรม นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ คณะเสนาธิการร่วม นำผู้ชุมนุมประมาณ 1 พันคน เดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
          ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกร้องให้ทหารทั้งสามเหล่าทัพปกป้องแผ่นดินและรักษาอธิปไตยของชาติ โดยตามที่ศาลโลกยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก)จะมีการตีความในวันนี้ (11 พ.ย.) กปท. กองทัพธรรม เครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด ขอประกาศว่า จะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก ไม่ว่าจะมีคำตัดสินในรูปแบบใด ขอให้กองทัพทำหน้าที่รักษาแผ่นดินไทยโดยไม่ยินยอมให้สูญเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
          ในการยื่นหนังสือดังกล่าว มี พ.อ.หญิงสุริยา สุวรรณประสิทธิ์ หัวหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียน ร้องทุกข์ กระทรวงกลาโหม เป็นผู้รับหนังสือแทน จากนั้น กปท. กองทัพธรรม และเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด ได้เดินทางมายังกองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) และองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เพื่อเรียกร้องในกรณีเดียวกัน
             ล่าสุดในเพจ "พิชัย เข็มทอง" ได้แชร์ภาพทหารนายหนึ่ง กำลังเป่านกหวีด เพื่อแสดงจุดยืนเข้าร่วมกับประชาชนเพื่อต่อต้านระบอบทักษิ

"นายกฯ"โพสต์เฟซบุ๊กยันรัฐบาลสู้คดีพระวิหารเต็มที่ ให้กำลังใจประชาชน ทหาร

          น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟสบุ๊ค Yingluck Shinawatra ถึงกรณีที่ศาลโลกจะมีคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหารในวันนี้ (11 พ.ย.) ว่า
        "ดิฉันขอให้ความมั่นใจต่อพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลได้ดำเนินการต่อสู้คดีในทุกประเด็นอย่างเต็มความสามารถ เพื่อจะรักษาอธิปไตยของชาติและปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติอย่างเต็มที่ และขอให้พี่น้องตามบริเวณชายแดนตั้งมั่นอยู่ในความสงบ โดยรัฐบาลยืนยันที่จะดำเนินการให้เกิดสันติภาพและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา อันเป็นพื้นฐานสำคัญของมิตรภาพของประชาชนทั้งสองประเทศ ดิฉัน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ทหารปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและอดทน และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน ตลอดจนข้าราชการทั้งพลเรือนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง"

กต. แนะปชช.อย่าด่วนสรุปรอฟังตัดสิน 4 โมงเย็นวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมผบ.เหล่าทัพ ทีมกฎหมาย ประชุมติดตามศาลโลกอ่านคำพิพากษาประสาทพระวิหาร

ขณะที่ เสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มธรรมายาตราได้ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ชายแดน จ.ศรีสะเกษว่า เป็นสิทธิสามารถกระทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบประชาธิปไตยและกฎหมายที่กำหนดไว้ 

ซึ่งขณะนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มดังกล่าวและประชาชนในพื้นที่แล้ว เพื่อยืนยันว่า จะไม่เกิดการปะทะกันในพื้นที่ชายแดนแน่นอน

"แม้ในระหว่างนี้ อาจมีข่าวสร้างความสับสนให้ประชาชนได้ ผมขอให้ประชาชนติดตามการถ่ายทอดสดและทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่กระทรวงการต่างประเทศเตรียมเผยแพร่ เพื่อป้องกันการเข้าใจคลาดเคลื่อน

และย้ำให้ประชาชนอย่างเพิ่งด่วนตัดสินใจ ควรรอฟังคำตัดสิน โดยท่านวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะแปลภาษากฎหมาย เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย" นายเสข กล่าว

ภาพจาก @Wiroon_PJ