PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ศรีทนได้ นายกฯบิ๊กตู่ ลั่น "ต่อให้ทำงานหนักกว่านี้ ไม่ได้เงินเดือน ผมก็จะอยู่



นายกฯบิ๊กตู่ ลั่น "ต่อให้ทำงานหนักกว่านี้ ไม่ได้เงินเดือน ผมก็จะอยู่" แต่อยู่ตามระบอบปชต.นะให้สง่างาม"
....ยันคดี รับผิดทางละเมิด ผมไม่รังแกใคร เขาทำมาตั้งแต่สมัยไหน เขาทำผิด อย่ามาหาว่าผมรังแก ไปไหน ก็กลับมาซะ ผมไม่ได้ว่าใคร..
เปรย ผมสงสารประเทศ ทำงานกัน แทบตาย แต่ไม่มีเงินเลย
เบื่อสื่อ ชอบ ใช้คำว่า โว ฟุ้ง
"ต่อให้งานหนักกว่านี้ ไม่ได้เงินเดือนผมก็จะอยู่ แต่อยู่ด้วยกลไกประชาธิปไตย ให้สง่างาม แต่จะมาอย่างไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน พอพูดอย่างนี้เดี๋ยวสื่อก็จะไปบอกแล้วว่าเปิดตัว ไม่รู้จะเปิดอะไรกันนักหนา เปิดตัว ปัด ฟุ้ง
วันนี้เก็บภาษีเกินเป้าหมายในช่วง 10 เดือน แทนที่จะชมก็บอกว่าเราโว ฟุ้ง อะไรของมันวะ ไอ้คนทำงานแทบตายควรจะชมบ้างเรื่องประสิทธิภาพการเก็บภาษี ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเรารีดภาษี สื่อเขียนอย่างนี้อย่าไปเขียนดีกว่า "

“บิ๊กตู่” ยัน ไม่ทะเลาะ “บิ๊กป้อม”เรื่องโผทหาร ยอมรับเห็นต่าง คุยกันก็จบ

“บิ๊กตู่” ยัน ไม่ทะเลาะ “บิ๊กป้อม”เรื่องโผทหาร ยอมรับเห็นต่าง คุยกันก็จบ ดูแล้วใครเหมาะกับสถานการณ์ ชี้ จัดโผไม่ใช่เชียร์มวย ไม่สนพวกมาเอาใจ เน้นผลงานสอดคล้องสถานการณ์ ปัดสืบทอดอำนาจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช. กล่าวถึงการเข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ถือว่าได้กำลังใจเพิ่มจากเดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังใจมีดีอยู่แล้ว ไม่เคยท้อแท้ ไม่เคยเหนื่อย
สำหรับองคมนตรี ผมได้กล่าวไปแล้ว และรู้ว่าท่านเป็นกำลังใจให้ตลอด และผมเคารพท่านตลอดเวลา และทุกคนในกองทัพก็เคารพ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร
" การแต่งตั้งก็เรียบร้อยไปก่อนหน้านี้แล้ว และผมก็ไม่เคยทะเลาะกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม
อันไหนที่คิดแล้วมีบางอย่างไม่ตรงกันก็คุยกัน เดี๋ยวก็ได้ข้อสรุป นี่เขาเรียกว่าทำงานด้วยกันได้ ไม่ใช่อะไรต้องข้างนี้ข้างโน้น แต่ต้องใช้เหตุผล
และที่ผ่านมา ไม่เห็นมีอะไรที่จะขัดแย้งกันมากมาย ก็เอาทุกคนมาใส่ตระกร้าแล้วกรองว่าสถานการณ์นี้ควรจะเป็นใครก็แค่นั้นเอง ได้ข้อสรุปมาเป็นไปตามคำสั่ง อย่าทำที่เหลือว่าเขาทำงานกันไม่ได้ ทะเลาะเบาะแว้งกัน
นายกฯ กล่าวด้วยว่า บางครั้งเวลาเสนอ ก็มีการเชียร์คนนั้นคนนี้ การแต่งตั้งมันเชียร์เหมือนมวยไม่ได้ ถ้าเป็นผม ใครที่เชียร์และเอาใจมากๆ จะไม่ให้ แต่จะดูการทำงานของคน ซึ่งบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารได้เซ็นไปแล้ว เพราะคุยกันจบนานแล้ว อยู่ในขั้นตอนการทำรายชื่อ ซึ่งผบ.เหล่าทัพ ลงนามรับผิดชอบการแต่งตั้งขึ้นมาแล้ว และตนได้เรียกให้มาชี้แจง ว่าทำไมเป็นคนนี้คนนั้นก็จบ เพราะทุกคนสามารถเป็นได้หมด เพียงแต่ต้องดูความอาวุโส
ผลงาน ถ้าไม่มีผลงานจะขึ้นเป็น5เสือ5สิงห์ไม่ได้ เขามีผลงานทุกคน หากทุกคนเก่งเท่ากันต้องดูความเป็นรุ่นพี่ แต่ไม่ได้ดูว่าเหลือกี่ปีหรือจะสอดรับกัน ผมมันไม่เกี่ยว เขาโตมา อย่าไปทำลายอนาคตเขา ไปว่าจนเสียหายหมด
เมื่อถามว่ารายชื่อแต่งตั้งเป็นไปตามที่เปิดเผยบนสื่อหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ ผมไม่ได้ดูรายชื่อบนหน้าสื่อมานานแล้ว เพราะขี้เกียจดู เวลาเสนอมาชื่อไม่ตรงจะว่าไง ใครรับผิดชอบ ทำเขาผิดหวัง คิดถึงเขาบ้าง บางทีคนนี้ คนนั้นไม่ดี แต่หลักฐานไม่มี พูดมาทำให้เขาเสียหาย เขาแก้ตัวได้ไหม วันหลังเขาคงจะเล่นงานสื่อบ้าง เพราะตัวเขาและครอบครัวเสียหาย
สำหรับคุณสมบัติของผบ.ทบ.คนใหม่ ไม่มีพิเศษ ถ้าผมเป็นผบ.ทบ.ต้องเป็นคนพิเศษหรือ มันไม่ใช่ คนที่จะเป็นต้องดูแลกองทัพให้ได้
“อำนาจมีไว้เพื่อดูแลกองทัพ ไม่ได้มีไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่คอยสนับสนุนรัฐบาล แต่เขาทำงานในหน้าที่ของเขา ซึ่งต้องสนับสนุนทุกรัฐบาลอยู่แล้ว ผมก็เคยทำ วันนี้ผมเป็นรัฐบาลเขาก็ต้องสนับสนุนผม ใช้อำนาจให้ถูกต้องมันก็จบแค่นั้น ถ้าไปตั้งส่งเดชเรื่อยเปื่อยไม่ได้ และทุกคนเขาก็ดีเหมือนกันหมด จะเป็นพลเอก พลโท พลตรี นายพลก็คือนายพล จะมีกรุตรงไหนคนที่ไม่มีตำแหน่งเขาก็ตั้งเป็นคณะทำงานมีไม่รู้กี่คณะ ทำเหมือนสภาที่ผมตั้งไว้ 20-30 คณะ
ในส่วนทหารเขาก็มีคณะทำงานดูแลงานต่างๆ ช่วยกันขับเคลื่อนนำมาสรุปงานในห้าเสือ และที่ประชุมผบ.ทบ.เขาทำงานกันเป็นระบบแบบนี้ไม่ใช่เป็นตัวคน ทหารอยู่มาเป็นร้อยปีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงตีกันตายนานแล้ว ผมอยู่มาสี่ปีก็ไม่มีปัญหา ไม่ได้ตั้งพวกนี้พวกนั้น แต่ตั้งทุกพวก แต่เราไปแบ่งแยกกันเองอย่าให้เขารู้สึกว่าถูกแบ่งแยก ท้ายที่สุดก็จะไม่ดีทั้งคู่ และจะดีกับประเทศชาติไหม รัฐบาลหน้ามาเขาก็ต้องมาปกครองบังคับบัญชาอยู่ดี หนีได้ที่ไหน ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมีอยู่ เขามีอำนาจมีสิทธิขาดดูแลสนับสนุนพัฒนากองทัพ ทำไมจะต้องมาตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจ ผมไม่ได้อะไรสักอย่าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ทุกอย่างมองเป็นการสืบทอดอำนาจหมด ทำไมไม่มองว่าสิ่งที่ทำวันนี้จะเกิดขึ้นไดอย่างไรในวันข้างหน้าส.ว.จะทำหน้าที่อะไร รัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้ทำอะไร บทเฉพาะกาลเขียนอย่างไร ให้ดูใส้ในดูแก่นก่อน อย่ามาดูกระพี้มันบอกตั้งกี่ทีแล้ว สนใจกันแต่กระพี้ข้างนอก แล้วก็ตีกันอยู่เรื่องนี้หาแก่นไม่เจอ ศาสนาเขายังมีแก่นศาสนาก็ดูพระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ ไม่ใช่ฟังโ่น่นนี่แล้วมาทะเลาะกัน

"อย่าเอาใจ ใครมาก"



"อย่าเอาใจ ใครมาก"
นายกฯ แจง ตั้ง ผบ.ทบ. บอกอย่าหวังคิดเสี้ยมทะเลาะ "พี่ใหญ่"ชาตินี้ ชาติหน้าไม่มีทะเลาะ แต่งตั้งผบ.เหล่าทัพ ชี้นั่งตำแหน่งไหนศักดิ์ศรีเท่ากัน แนะ อย่าเอาใจใครมากนัก แค่หัวโขน บอก บิ๊กแกละ ชี้เป็น รองผบ.ทบ. ก็ อัตราจอมพล
พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องร่วมกันสร้างประวิติศาสตร์ และอย่าคิดถึงตัวเอง ผมโตถึงวันนี้ก็ไม่เคยคิดถึงตัวเอง ว่าจะเป็นอะไร จะได้อะไร ไม่เคยคิดทำงานอย่างเดียวแล้วเดี๋ยวก็ได้เป็นทุกอย่างเอง ผู้บังคับบัญชาเขาก็เลือกเอง
"ไม่ต้องไปเอาใจใครมากนัก ไม่ใช่เอาแต่พูด ดีครับผม เหมาะสมครับนาย ใช่ครับพี่ ไอ้พวกนี้ต้องย้ายไปไกลๆ ไม่ใช่ของจริง พอหมดอำนาจวาสนาก็ไปหมด วันหน้ามันก็ไม่อยู่ด้วยแล้ว ที่เขาเคารพ เขาฟังวันนี้เพราะตำแหน่ง ผมมีหัวโขนนายกฯ เขาก็ต้องฟังผม จะไม่ฟังได้ไหมล่ะ ถ้าเมื่อไหร่ไม่ได้เป็นนายกฯเขาก็ไม่ฟังผม ไปไหนเขาก็ไม่รับ คิดถึงวันหน้า มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ จะได้ไม่ทะเลาะกัน แล้วอย่าคิดว่า สิ่งที่พูดวันนี้เพราะผมผ่านมาแล้ว ผมเป็นแล้วไม่ใช่ เพราะผมไม่คิดว่าตนจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นผบ.ทบ.หรืออะไรก็ตาม ตนก็ขึ้นมาตามลำดับของผม ถ้าผมทำงานห่วยก็ไม่ภูมิใจหรอก ใครจะตั้ง ผมขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ ฉะนั้น ทุกคนต้องทำส่ิงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น นำมาพัฒนาและอยู่ในกรอบ กติกา คิดนอกกรอบได้ แต่ก็ต้องนำมาอยู่ในกรอบ ทำให้ถูก และไม่ต้องมาพูดเอาใจ ถ้าทำห่วยจริง 2 ปีที่ผ่านมาช่วยกันมาตลอดอยู่แล้ว และจะช่วยกันทำส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปอย่างไร ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง มันมีกลไกของมันอยู่ อย่ามาระแวงกันหนักหนา ไประแวงคนที่ทำให้เสียหาย เวลานี้ออกกฎหมายหลายๆอย่าง เพื่อป้องกันความขัดแย้ง ไม่ให้มาทะเลากันที่หลัง วันนี้มันเละไปหมด รื้ออะไรเจอหมด
อย่างเรื่องที่ดิน การทุจริต มีคดีรออยู่ไปหมด ตนก็สื่อสารข้าราชการระดับล่าง ซี 3 ซี 4 ซี 5 โดนหมด แล้วจะให้ตนทำยังไง นั้นคือส่ิงที่ตนเป็นห่วง ท่านต้องดูแลลูกน้องให้ดี อย่าไปคิดว่าทุกคนแล้วต้องรวย มันไม่จำเป็น อย่าให้คนบ่นด่าเวลาไปแล้ว
นายกฯกล่าวว่า ผมเครียด พูดไปก็โมโหขึ้นเรื่อยๆ ต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเอง ต้องตื่นตัวเองเสมอ นี้เตือนแล้วยังโมโหทุกเช้าเลย ก่อนนอน ก่อนมาทำงานก็เตือนทุกครั้ง
"พอก้าวออกจากบ้านก็โมโหทันที พอหยิบหนังสือพิมพ์เปิดดูเอาอีกแล้ว สืบอำนาจ แต่งตั้งผบ.เหล่าทัพ มันก็เรื่องของเขา เกี่ยวอะไรด้วย เขาตั้งใครเป็นผบ.ทบ.มันเรื่องของเขา แล้วไอ้คนที่ไม่ได้เป็นผบ.ทบ.มันไม่มีศักดิ์ศรีหรืออย่างไร รองผบ.ทบ.ก็เป็นจอมพล เพราะฉะนั้นจะมาแย่งกันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมันเป็นพื้นฐาน ต้องเข้าใจเขา มันทะเลาะกันไม่ได้
อย่าเอาผมไปทะเลาะกับรองนายกฯหรือใคร บอกไว้เลยชาตินี้ ชาติหน้า ถ้าเจอกันก็ไม่ทะเลาะ ไม่ต้องมาหวังให้ผมทะเลาะกัน เพราะผมรักทุกคน มีอะไรทุกคนให้เกียรติผมเสมอ ไม่ว่าจะพี่ จะน้อง จะเพื่อน เพราะผมสวมหัวโขน ทุกคนสวมหัวโขนหมด เพื่อที่จะทำงานให้ประเทศ วันหน้าจะได้เดินยืดอกได้ วันหน้าจะได้ภาคภูมิใจว่าได้ทำอะไรไปบ้าง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

บิ๊กตู่ ยั้วะมาก ขึ้น"เตี่ย" เลย



บิ๊กตู่ ยั้วะมาก ขึ้น"เตี่ย" เลย
โวย อาจารย์แก่ พูดไม่สร้างสรรค์ นายกฯมายุ่งอะไรกับผักตบ ไม่เห็นพัฒนาเรื่องอะไร เหน็บให้ ตบมาผัดกินแทนผักบุ้งสิ ให้ "เตี่ย"มันไปทำก็แล้วกัน พูดแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ บอกอย่ามาระแวงกลับมาเป็นนายกฯอีก
นายกฯ ยั้วะ ถูกใส่ไฟรัฐบาลรีดเงินภาษีประชาชน แค่จัดระบบเพื่อความเป็นธรรม จัดการพวกหนีภาษี ยันไม่ทำคนจนเดือดร้อนแน่
ซัด "ดาวแดง ดาวดิน"บ้าบอคอแตก ค้านทุกเรื่อง ยันไม่ออก อยู่ตามโรดแม็ป อัดบิดเบือนกล่าวหาสั่งเชือดคดีจำนำข้าวอย่างไม่เป็นธรรม
พลเอกประยุทธ์ นายกฯกล่าวว่า วันนี้เก็บภาษีเกินเป้าหมายในห่วง 10 เดือน แทนที่จะชม กลับมาบอกว่า โว ฟุ้ง คนทำงานแทบตายก็ชมกันบ้าง และมาใช้คำว่า เป็นการรีดภาษี ถ้าเขียนแบบนี้อย่าเขียนดีกว่าว๊ะ เขาเก็บตามกฎหมาย ขั้นตอนการอัพเดทภาษี ถ้าไม่พัฒนาวันนี้ วันหน้าก็คิดแค่นี้ เก็บอะไรไม่ได้ซักอย่าง พอไปเก็บคนรวยก็ชอบ แต่พอไปเก็บคนหนีภาษีไม่ชอบ มันต้องให้ความเป็นธรรม คนจนไม่ได้เดือดร้อนอยู่แล้ว ตนไม่ได้เก็บภาษีคนจนที่มีรายได้ไม่ถึง เพียงแต่คนหนีภาษีต้องเข้ามา อย่าให้โอกาสเขาทุจริต ตนประกาศแล้วว่าปี 59 ถ้าใครเสียภาษีไม่ครบ ไม่ว่าใครก็ตาม ตนได้สั่งการให้ย้อนเก็บภาษีไป 5 ปี จ่ายให้ครบจนถึงปี 59 ไม่ว่าจะใหญ่ จะเล็ก เผยสงสารประเทศ ทำแทบตายไม่มีเงิน เพราะรายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย เพราะรัฐบาลมีรายได้มาจากการจัดระบบการเก็บภาษี ไม่ใช่รีดภาษี ทำให้ระบบภาษีให้เป็นธรรม เพื่อเป็นการสนับสนุนให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย เราก็อยากจะช่วยเขา แต่จะเอาเงินที่ไหนไปช่วยเขา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ให้อะไรไม่ได้เลย เพราะทุกคนเอาหมด เกษตรกรกี่กลุ่ม ไปลงพื้นที่มาขอราคาข้าวมากขึ้น ก็มันขายได้เท่านี้ กลไกตลาดมันเป็นอย่างนี้ เราสู้เต็มที่แล้ว แต่ต้องมาคิดว่า ถ้าไม่ได้กำไร แล้วจะไปปลูกอะไรแทน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ปลูกข้าวไม่ได้ อีกหน่อยก็ไม่มีกิน เราต้องพัฒนาทั้งระบบ ไม่ใช่ใครมาลงทุนแล้วไปไล่เขา ต้องไปตรวจสอบนอมีนีผิดกฎหมาย การเอื้อประโยชน์ให้ถูกต้อง หากตัวเองไม่พัฒนาตัวเอง แล้วไปจำกัดคนอื่นเขา ประเทศก็ไม่มีรายได้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนาประเทศ ที่ตนพูดวันนี้ ต้องการสื่อไปถึงคนอื่นให้เข้าใจ
รัฐบาลไม่มีวัตถุประสงค์ไปเร่งรัดหรือรีดภาษีกับใคร ทำให้ถูกต้อง รัฐบาลทำให้แต่ไม่สนใจกัน เพราะไม่ใช่เรื่องตัวเอง ซึ่งทั้งหมดเราต้องสร้างให้องคาพยพของประเทศ ที่ประกอบด้วยแผนดิน และประชาชนที่มีคุณภาพ
นายกฯกล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่ก็ค้านไปทุกเรื่อง พอน้ำท่วม ฝนแล้ง ก็โวยวาย รัฐบาลทำระบบส่งน้ำก็ไม่ได้ บอกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ มันมีช่องทาง วิธีการที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เห็นหลายคนไปให้ข่าวให้กับสื่อว่า หน้าที่มนุษยชนและหน้าที่รักษาทรัพยากรธรรมชาติ เป็นพันธสัญญาโลก แล้วประเทศไทยเป็นอะไรกับเขา
" คนเหล่านี้เกิดในประเทศไทยไหม ต้องมีส่วนร่วมในการดูแลคนไทยอื่นๆด้วยหรือไม่ ขอให้คิดแบบนี้ อย่าคิดทำงานแต่ของตัวเอง ไม่ใช่เอาเงินจากต่างประเทศมาทำงาน แล้วก็ต้องตอบแทนเขา แล้วแผ่นดินนี้ล่ะ ผมก็ไม่อยากทะเลาะด้วย รำคาญ ขวางมันทุกเรื่อง เวลาเสียหายไม่เห็นมีใครออกมา ที่ผ่านมาไปอยู่ไหนมา ก่อน 2 ปีแล้ว ไปอยู่ไหนมา
"ไอ้หน่วยงานพวกนี้ จะดาวแดง ดาวดิน ดาวบ้าบอคอแตกอะไร อยู่ไหน วันนี้พยายามทำมันก็ออกมาค้านอยู่นั้นแหละ ประชาธิปไตยสำคัญที่สุดในโลกอยู่แล้วแหละ เพราะเราเป็นโลกประชาธิปไตย จะไปเป็นอย่างอื่นไหมล่ะ ก็เป็นไม่ได้อีก
แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังปรับเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย ก็ยังต่อต้านกันเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าถามว่าแต่ก่อนเป็นอย่างไร ก็บอกว่าดี คดีความที่ออกมาเดี๋ยวจะทำให้ ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการ"นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องจำนำข้าวตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปก็ต้องสอบไปตามนั้น ผมก็บอกว่าคณะทำงานนี้มีหน้าที่หาหลักฐานต่างๆ แต่เรื่องกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องของศาล ซึ่งคณะกรรมการต้องทำให้เร็วให้ทันตามห่วงเวลาของกฎหมาย พอเขาเขียนสรุปมา สื่อก็เอาไปตี นายกฯสั่งว่าให้เร่งดำเนินการตรวจสอบ� โดยไม่สนใจกระบวนการยุติธรรม
ผมจะพูดแบบนี้ได้ไหม ผมเป็นคนเอาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วจะไม่สนใจกฎหมายได้อย่างไร เพราะหน้าที่ในการตัดสิน ไม่ใช่คณะกรรมการ เขามีหน้าที่แค่รวบรวมความเสียหาย แล้วส่งให้ศาลพิจารณา ความหมายของผมคืออย่างนั้น แค่นี้ก็มีคนเอาไปบิดเบือน เพราะคณะกรรมการเขียนคำสรุปมาให้สั้นลง ซึ่งไม่มีความอธิบาย ก็มีคนฉวยโอกาสทุกเรื่องไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากฝากทุกคนสร้างความเข้าใจ ให้เกิดการยอมรับ ความเชื่อถือ และสร้างศรัทธาของประชาชนต่อพวกเราให้ได้ ไม่ต้องมาสร้างให้กับตน สำหรับตนช่างเถอะ เพราะตนเข้ามา จะดีไม่ดีอย่างไร ก็เข้ามาแล้ว ไม่มีใครเขาเชิญตนเข้ามาสักหน่อย แต่เข้ามาแล้วเชิญตนออกตอนนี้ก็ไม่ออก เพราะไม่ได้เชิญตนเข้ามา จะออกตามเวลาที่มีอยู่ แล้วไปว่ากันใหม่ ตนต้องการความร่วมมือ ไม่ได้ต้องการการต่อต้า
" เมื่อเช้าพยายามไม่โมโห เพราะมีอาจารย์มหาวิทยาลัยมาบอกว่า นายกรัฐมนตรีมายุ่งอะไรกับผักตบ ไม่เห็นพัฒนาเรื่องอะไรเลย ไม่เคยฟังหรือไง
ผมทำมันทุกอย่าง เขาบอกว่าเป็นนายกฯที่ไปใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ วันหน้าก็เอาผักตบมาผัดกินแทนผักบุ้งสิ ให้ "เตี่ย"มันไปทำก็แล้วกัน พูดแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ แก่จะตายอยู่แล้ว พูดแบบนี้มาจะ 20 ปีอยู่แล้ว
ตั้งแต่ผมเด็กๆ มันก็พูดแบบนี้ ปากก็เป็นแบบนี้ แล้วอาจารย์แบบนี้จะสร้างประเทศได้อย่างไร เอาคนออกนอกกรอบ คิดนอกกรอบหมดก็ไม่ต้องมีประเทศ ไปตั้งอิสระโน้น ต่างคนต่างตีกัน มีกำลังของตัวเองก็ว่ากันไปสิ อย่างที่ผ่านมา"นายกฯกล่าว

พลิกปูมคนใกล้ชิด‘ทักษิณ’ถูกศาลสั่งคุก! ลุ้น‘ยิ่งลักษณ์-สมชาย-ก๊วนระบายข้าว’?

พลิกปูมคนใกล้ชิด ‘ทักษิณ’ ถูกศาลฎีกาฯสั่งคุก ‘ผู้บริหารแบงก์กรุงไทย-เครือกฤษดามหานคร’ โดนไปแล้ว 18 ปี ‘โอ๊ค-เลขาฯหญิงอ้อ’ โดนคุ้ยฟอกเงิน ‘เสี่ยเปี๋ยง’ คุก 6 ปี ยักยอกข้าวรัฐ เหลือชนักในคดีระบายข้าวจีทูจี-ข้าวถุงอีก ‘หมอเลี๊ยบ’ รายล่าสุด คุก 1 ปี เอื้อชินคอร์ปฯ ลุ้น ‘ยิ่งลักษณ์-สมชาย-บุญทรง-ภูมิ’
PIC yingluckkdd 26 8 59 1
‘หมอเลี๊ยบ’ หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย มันสมองของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวที่สุดคนหนึ่งในแวดวงการเมืองไทย คือหนึ่งในนักการเมืองรายล่าสุดที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ยุครัฐบาลนายทักษิณ ที่ดำเนินการแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมเอื้อบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศอย่างร้ายแรง 
นับเป็นหนึ่งในหลายบุคคลที่ต้องถูกจำคุกภายหลัง ‘ทักษิณ’ หลบหนีคดีซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศ ?
ที่ผ่านมามีใครกันบ้าง สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พลิกปูมให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
หนึ่ง กรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานครโดยทุจริต
กรณีนี้มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1 มี ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย จำเลยที่ 2 นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำเลยที่ 3 พร้อมด้วยอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย และบริษัทในเครือกฤษดามหานคร (บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)) เป็นจำเลยที่ 4-27 ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกคนละ 12-18 ปี และให้เครือกฤษดามหานครชดใช้กว่าหมื่นล้านบาท
กรณีนี้ข้อเท็จจริงในคำพิพากษา มีการระบุถึง ‘นายใหญ่’ ซึ่งพยานบางรายอ้างว่าคือ ‘ทักษิณ’ หรือ ‘คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (อดีตภรรยานายทักษิณ)’ โทรศัพท์มาสั่งการให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานครดังกล่าว แต่ท้ายสุดก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า ‘นายใหญ่’ คือใคร 
ขณะเดียวกันคำพิพากษามีการระบุถึง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ-คุณหญิงพจมาน นายมานพ ทิวารี บิดา น.ต.ศิธา ธิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน และนายวันชัย หงษ์เหิน สามีนางกาญจนาภา ที่ได้รับการโอนหุ้นและเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ และเครือข่ายด้วย 
ซึ่งประธานผู้รับผิดชอบสำนวนในองค์คณะผู้พิพากษาคดีนี้ เชื่อว่า พฤติการณ์ดังกล่าวกระทำไปเพื่อเป็นประโยชน์ตอบแทนจากการที่บริษัทในเครือกฤษดามหานครได้รับการปล่อยสินเชื่อเงินกู้ดังกล่าว ?
กรณีนี้ยังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปตรวจสอบกรณีฟอกเงินของบรรดาผู้ที่ได้รับเงิน-เช็คจากนายวิชัยด้วยว่า เป็นการได้รับอย่างถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นผลประโยชน์ตอบแทนจากการที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อโดยทุจริต ซึ่งปรากฏชื่อของนายพานทองแท้ นายมานพ นางกาญจนาภา และนายวันชัย เป็นหนึ่งผู้ถูกกล่าวหาด้วย และทั้งหมดได้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงแก่ดีเอสไอแล้ว
ขณะเดียวกันกรณีนี้ยังส่งผลสะเทือนไปยัง ‘สถานะ’ ของบริษัท เอคิวฯ ที่ผู้สอบบัญชีรายงานว่า ผู้บริหารชุดปัจจุบันยังไม่ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการชดใช้เงินกว่าหมื่นล้านบาทดังกล่าว ส่วนที่ดินซึ่งจำนองไว้และเตรียมนำออกมาขาย ประเมินราคาได้ประมาณ 8 พันล้านบาทเศษ ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 1.6 พันล้านบาท รวมถึงสถาบันการเงินหลายแห่งต่างก็งดให้สินเชื่อกับบริษัทเอคิวฯ เป็นการชั่วคราวแล้ว
สอง กรณี ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ยักยอกข้าวรัฐสมัยรัฐบาลนายทักษิณ
กรณีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาจำคุกนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด (ปัจจุบันล้มละลายแล้ว) เป็นเวลา 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา ปรับ 12,000 บาท กรณียักยอกข้าวของรัฐที่จะส่งออกไปขายต่างประเทศมาเป็นของตัวเองและนำไปจำหน่าย
ปัจจุบัน ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ จากการตรวจสอบพบว่า สุขภาพของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากพบข้อเท็จจริงว่า เข้าโรงพยาบาลสมุทรปราการค่อนข้างบ่อย อีกทั้งยังเคยถูกส่งมาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมาแล้ว 
นอกจากจะติดคุกคดีดังกล่าวแล้ว ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และคดีระบายข้าวถุงในสต็อกของรัฐ โดยเฉพาะคดีระบายข้าวจีทูจี ที่ปรากฏชื่อเป็นจำเลยร่วมกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กับพวกรวม 33 ราย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาฯ รวมถึงมีการพิจารณาให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งแก่รัฐด้วย
ส่วนในคดีระบายข้าวถุงในสต็อกของรัฐนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ปรากฏชื่อของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นเอกชนหลักในการนำข้าวในสต็อกไปจำหน่ายต่อเวียนขายแก่เอกชนรายอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคดีที่ปรากฏชื่อ 'เสี่ยเปี๋ยง' เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นระบายข้าวจีทูจีล็อตใหม่ หรือการระบายมันเส้นยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นต้น
สาม กรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมลดสัดส่วนการถือหุ้นคนไทยของบริษัท ชิน คอร์ปฯ ในบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) จาก 51% เหลือ 40%
กรณีนี้ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก ‘หมอเลี๊ยบ’ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.ไอซีที เนื่องจากแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมดังกล่าว เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ชิน คอร์ปฯ และบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ฯ รวมถึงกรอนุมัติแก้ไขโดยมิชอบ เนื่องจากไม่นำเสนอเรื่องผ่านมติคณะรัฐมนตรี
แม้จะมีการส่งเรื่องเข้าสู่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ตาม แต่ ‘บวรศักดิ์ อุวรรณโณ’ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ได้แย้งว่า นายทักษิณ เป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท ชิน คอร์ปฯ (ขณะนั้น) ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับภาครัฐในสัมปทานดาวเทียม หากนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม จะเป็นการทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนได้ จึงไม่อนุมัติ และตอบกลับไปว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ 
ดังนั้นข้อเท็จจริงคดีนี้คือ การที่ นพ.สุรพงษ์ อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมเองก็ ‘ผิด’ เพราะไม่มีอำนาจ-เอื้อประโยชน์ให้เครือ ‘ชิน’ แต่ถ้าส่งเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ ‘ผิดอีก’ เพราจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้นได้ เรียกว่าผิด ‘ทั้งขึ้นทั้งล่อง’ เลยทีเดียว !
ขณะที่อดีตปลัดไอซีทียุค ‘ทักษิณ’ และอดีต ผอ.สำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ ต่างก็ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 1 ปี เช่นกัน แต่รอลงอาญา 5 ปี เนื่องจากเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ‘หมอเลี๊ยบ’ และไม่มีอำนาจในการอนุมัติแก้ไขสัญญาดังกล่าว
นี่ยังไม่นับคดีก่อนหน้านี้ของ ‘หมอเลี๊ยบ’ ที่ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี กรณีแทรกแซงการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (บอร์ด) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.คลัง ยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 อีกด้วย
ทั้งหมดคือคดีความภายหลังที่นายทักษิณหลบหนีออกไปต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อ ‘ชะตาชีวิต’ ของคนใกล้ชิด ที่ปัจจุบันถูกศาลพิพากษาจำคุกทั้งสิ้น !
ไม่นับนักการเมือง ‘ซีกสีแดง’ ที่หลบหนีคำพิพากษา ‘จำคุก’ ของศาลฎีกาฯ ไปแล้ว เช่น นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย ในคดีทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง และนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมช.มหาดไทย ในคดีทุจริตการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็มีนักการเมืองที่เรียกได้ว่า ‘ใกล้ชิด’ นายใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่ง ศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้อง ได้แก่ นายนพดล ปัทมะ นักกฎหมาย-ทนายความประจำตระกูลชินวัตร กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ยุครัฐบาลนายสมัคร ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาสนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาต่อรัฐสภา ซึ่งศาลฯมีมติเสียงข้างมากว่า เป็นการปฏิบัติที่สมเหตุสมผล
นอกเหนือจากคดีดังกล่าวที่สิ้นสุดลงแล้ว ยังมีอีกหลายคดีที่ ‘คนใกล้ชิด’ ถูกศาลฎีกาฯพิจารณาไต่สวนอยู่ ได้แก่
หนึ่ง กรณีระบายข้าวจีทูจี
กรณีนี้ นอกเหนือจากนายบุญทรง นายภูมิ และ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ แล้ว ยังมีชื่อของ ‘หมอโด่ง’ หรือ นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง รวมอยู่ด้วย ซึ่ง ‘หมอโด่ง’ ถูกหลายฝ่ายระบุตรงกันว่าคือ ‘คีย์แมน’ คนสำคัญในการ ‘ดีล’ เรื่องระบาย ไม่ว่าจะปรากฏเป็นคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ รวมถึงคณะอนุกรรมการระบายข้าวด้วย 
ปัจจุบัน ‘หมอโด่ง’ ได้ถูกศาลฎีกาฯออกหมายจับ เนื่องจากหลบหนีไม่มาฟังการไต่สวนในคดีดังกล่าว โดยอัยการคาดว่าได้หลบหนีไปทางประเทศกัมพูชา
ส่วนปัจจุบันจะอยู่ที่ไหน-ตามตัวอย่างไร ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ ?
สำหรับในรายของนายบุญทรง นายภูมิ และนายมนัส ต่างถูกที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเสียงข้างมากโหวตถอดถอนจากตำแหน่ง ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ห้ามลงเล่นการเมืองเป็นเวลา 5 ปีด้วย
สอง กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
‘นารีขี่ม้าขาว’ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวสุดรักของนายทักษิณ กำลังถูกศาลฎีกาฯไต่สวนกรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้เกิดความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งคาดว่าอาจเสร็จสิ้นและมีคำพิพากษาในช่วงปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561 
โดยก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และไม่มีการตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการระบายข้าวแบบจีทูจีด้วย โดยในชั้นศาลฎีกาฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เบิกความยืนยันว่า มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ไม่พบการทุจริต ?
ขณะเดียวกันยังถูกที่ประชุม สนช. โหวตถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทำให้หมดสิทธิ์ลงเล่นการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ด้วย ส่งผลให้อาจลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คาดว่าจะมีในช่วงปลายปี 2560-ต้นปี 2561 ไม่ทัน
สาม กรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2551
กรณีนี้มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขยนายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 1 มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. (น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในปัจจุบัน) และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. เป็นจำเลยที่ 2-4 กรณีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ด้วยแก๊สน้ำตา ทำให้มีคนเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก 
เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะนับตั้งแต่เปลี่ยนขั้วรัฐบาลจาก ‘สีแดง’ มาเป็น ‘สีเขียว’ โดยการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 เนื่องจากมีความพยายามจาก ‘มือที่มองไม่เห็น’ เข้ามาดำเนินการในคดีนี้
เช่น มีหนังสือจากคณะรัฐมนตรี ลงนามโดย พล.อ.ประวิตร ให้อัยการเข้าไปแก้ต่างคดีดังกล่าว โดยเข้าไปสู้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เป็นโจทก์ โดยฝ่ายอัยการได้ทำหนังสือไปถึง 2 ครั้ง แต่ที่ประชุมศาลฎีกาไม่อนุญาต 
ต่อมา นายสมชาย พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ได้ทำหนังสือร้องถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ขณะนั้นมีประธานคนใหม่ ได้แก่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีต ผบ.ตร. ยุค คสช. และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พล.อ.ประวิตร) ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ในช่วงเป็น ผบ.ตร. โดยขอให้ ‘ถอนฟ้อง’ คดีดังกล่าว เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่
ปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นประธาน มีที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. ตัวแทนสำนักคดี ตัวแทนสำนักกฎหมาย ร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งตอนแรกทั้งหมดมีมติ ‘เอกฉันท์’ ไม่ถอนฟ้องคดีดังกล่าว
ทว่าต่อมามีตัวแทนกรรมการ ป.ป.ช. รายหนึ่งขอให้แก้ไขมติจาก ‘เอกฉันท์’ เป็นมติธรรมดา ซึ่งคณะกรรมการฯได้ดำเนินการไปตามนั้น และนำเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว คาดว่า ในเร็ว ๆ นี้ จะมีการพิจารณากรณีดังกล่าว
แต่สิ่งที่น่าสนใจคดีนี้คือ ต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่ถอนฟ้องก็ตาม แต่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยไปแล้วว่า ในการสู้คดีในชั้นศาลฎีกาฯ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะสู้อย่างเต็มที่หรือไม่ เพราะเห็นได้ว่า มีพยานฝ่ายโจทก์หลายราย เช่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. คนปัจจุบัน ได้ถอนตัวจากการเป็นพยานฝ่ายโจทก์แล้ว และฝ่ายโจทก์ก็ไม่ติดใจจะไต่สวนอีก ?
ดังนั้นสิ่งที่ต้องลุ้นกันในช่วง 1-2 ปีนี้คือ ทั้ง 3 คดีนี้จะมีบทสรุปเช่นใด และจะมีใคร ‘หลบหนี’ ตามรอย ‘นายใหญ่’ ไปอีกหรือไม่ ?

ประเทศไทยขึ้นแท่น"เกย์เยอะ"ที่สุดอันดับ10ของโลก

ประเทศไทยขึ้นแท่น “เกย์เยอะ” มากที่สุด อันดับ 10 ของโลก

Prev
1 of 1
Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 08 ต.ค. 2557 เวลา 19:20:09 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ต้องยอมรับว่า Social Network เป็นโลกที่ทุกคนสามารถแสดงตัวตน ความความคิดเห็น และมีจุดยืนที่ชัดเจนได้อย่างเปิดกว้าง วันนี้ทาง Zocial, inc. บริษัทรวบรวมข้อมูลและบริการวิเคราะห์ข้อมูลบนโลกออนไลน์ ขอหยิบยกประเด็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่น่าสนใจมาขยายภาพให้นักการตลาดดูข้อมูลเชิงลึกและนำไปประยุกต์ได้ กับกลุ่มที่มีความสนใจและความต้องการเฉพาะตัว คือกลุ่ม “เกย์” ที่มีการเปิดเผยตัวตนและสังคมเริ่มให้การยอมรับ มากขึ้น

ที่มา http://www.zocialinc.com/blog/gay_population_global/


ภาพรวมประชากรเกย์
  • ในโลกของ Facebook มีประชากรเกย์ทั้งโลกรวมกันทั้งหมดกว่า 15.4 ล้านคน
  • โดยประเทศที่มีประชากรเกย์บน Facebook มากที่สุดคือ อินเดีย (3 ล้านคน) สหรัฐอเมริกา(760,000 คน) และอียิป (640,000 คน) ตามลำดับ
  • โดยทวีปที่มีประชากรเกย์บน Facebook มากที่สุดคือ
  1. เอเชีย (8.5 ล้านคน)
  2. ยุโรป (2.5 ล้านคน)
  3. แอฟริกา (2.3 ล้านคน)
  4. อเมริกาเหนือ (1.2 ล้าน คน)
  5. อเมริกาใต้ (700,000 คน)
  6. ออสเตรเลีย (100,000 คน)
10 อันดับประเทศที่มีประชากรเกย์บน Facebook มากที่สุดแบ่งตามทวีป
เอเชีย
อันดับที่ประเทศประชากรเกย์บน Facebookประชากร Facebook ทั้งหมด
1India3 ล้าน108 ล้าน
2Vietnam620,00026 ล้าน
3Indonesia540,00068 ล้าน
4Philippines540,00036 ล้าน
5Pakistan500,00015 ล้าน
6Turkey480,00038 ล้าน
7Bangladesh400,0008.8 ล้าน
8Thailand340,00028 ล้าน
9Malaysia320,00016 ล้าน
10Korea280,00014 ล้าน
ยุโรป
อันดับที่ประเทศประชากรเกย์บน Facebookประชากร Facebook ทั้งหมด
1United Kingdom220,00036 ล้าน
2Italy90,00026 ล้าน
3Germany84,00028 ล้าน
4Spain76,00020 ล้าน
5Poland34,00012 ล้าน
6Romania34,00012 ล้าน
7Belgium34,0005.6 ล้าน
8Netherlands32,0009 ล้าน
9Sweden28,0005.2 ล้าน
10Georgia19,0001.3 ล้าน
แอฟริกา
อันดับที่ประเทศประชากรเกย์บน Facebookประชากร Facebook ทั้งหมด
1Egypt640,00020 ล้าน
2Morocco300,0007.6 ล้าน
3Algeria240,0007 ล้าน
4Nigeria194,00012 ล้าน
5Tunisia168,0004.4 ล้าน
6South Africa58,00011 ล้าน
7Tanzania52,0001.9 ล้าน
8Kenya44,0003.8 ล้าน
9Ethiopia44,0003.8 ล้าน
10Libya44,0001.8 ล้าน
อเมริกาเหนือ
อันดับที่ประเทศประชากรเกย์บน Facebookประชากร Facebook ทั้งหมด
1United States760,000182 ล้าน
2Mexico240,00054 ล้าน
3Canada94,00019 ล้าน
4Dominican Republic42,0003.4 ล้าน
5Guatemala13,0003.4 ล้าน
6Haiti10,000740,000
7Puerto Rico8,8001.9 ล้าน
8Costa Rico8,0002.6 ล้าน
9EI Salvador7,4002.4 ล้าน
10Honduras6,6001.8 ล้าน
อเมริกาใต้
อันดับที่ประเทศประชากรเกย์บน Facebookประชากร Facebook ทั้งหมด
1Brazil320,00094 ล้าน
2Argentina118,00026 ล้าน
3Peru74,00013 ล้าน
4Venezuela68,00011 ล้าน
5Chile54,00010 ล้าน
6Ecuador36,0007.6 ล้าน
7Bolivia14,0002.8 ล้าน
8Uruguay9,4002 ล้าน
9Paraguay8,0002.4 ล้าน
10Guyana1,000178,000
ออสเตรเลีย
อันดับที่ประเทศประชากรเกย์บน Facebookประชากร Facebook ทั้งหมด
1Australia74,00013 ล้าน
2New Zealand13,0002.6 ล้าน
3Papua New Guinea4.600280 ล้าน
4Fiji2,000280,000
5New Caledonia1,000124,000
6French Polynesia1,000120,000
7Guam1,00064,000
8Samoa1,00036,000
9Solomon Islands1,00028,000
10Tonga1,00028,000

   ซึ่งข้อมูลที่เรารวบรวมมาเพื่อจัดลำดับประชากรเกย์ของทั่วโลกมาจากการประมาณการเข้าถึง (Estimate Reach) ของ Facebook (ข้อมูล ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2557) ที่เพศชาย มีความสนใจในเพศชาย แบ่งตามประเทศ และประกอบไปด้วยข้อมูลอื่นๆ โดยตัวเลขเป็นการประมาณค่าซึ่งมาจากการกรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานเองไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือสิ่งที่สนใจ และทั้งนี้ยังได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
Top 10 ประเทศที่มีกฎหมายรองรับการแต่งงานเพศเดียวกัน
Source: wikipedia.org
  1. United States*
  2. Brazil
  3. Mexico*
  4. United Kingdom
  5. Argentina
  6. Canada
  7. Spain
  8. South Africa
  9. Belgium
  10. Netherlands
*บางส่วนของประเทศ
ไอ้จ้อน” ของชนชาติไหนมีขนาดใหญ่ที่สุด
Source: targetmaps.com
  1. Republic of Congo 1 นิ้ว
  2. Ecuador 7 นิ้ว
  3. Ghana 8 นิ้ว
  4. Columbia 7 นิ้ว
  5. Iceland 5 นิ้ว
  6. Italy 2 นิ้ว
  7. South Africa 6 นิ้ว
  8. Sweden 9 นิ้ว
  9. Greece 8 นิ้ว
  10. Germany 7 นิ้ว
10 เมืองสวรรค์ของชาวเกย์
Source: ucityguides.com
  1. New york
  2. Madrid
  3. San Francisco
  4. London
  5. Berlin
  6. Paris
  7. Amsterdam
  8. Los Angeles
  9. Barcelona
  10. Miami

จากข้อมูลการจัดอันดับข้างต้น นักการตลาดหรือแบรนด์สินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงกับกลุ่ม Niche Target ได้ และต้องยอมรับว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มเฉพาะที่มีขนาดใหญ่และมีอำนาจการซื้อสูงเลยทีเดียวหากเจอสินค้าหรือบริการที่ถูกใจ เนื่องด้วยในประเทศไทยที่มีประชากรเกย์บน Facebook มากถึง 340,000 คน และเป็นอันดับ10ของโลกธุรกิจใดที่มีสินค้าหรือบริการที่ตรงกับกลุ่มคนเหล่านี้ ลองปรับกลยุทธ์การทำโฆษณาแบบเฉพาะเจาะดูอาจได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกลุ่มอื่นๆ ได้อีก


สนธิชื่นชมบทบาทที่เปลี่ยนไปของประยุทธ์แต่แนะแก้จุดอ่อนเรื่องเศรษฐกิจ

เช้าวันศุกร์หลังเถ้าแก่ผ่านพ้นจากคดีในศาลฎีกาจากการลุกขึ้นมาต่อสู้กับทักษิณไปอีกเปลาะหนึ่ง เรากินข้าวเช้ากันและคุยกันถึงความเป็นไปในบ้านเมืองเฉกเช่นปกติ ตอนหนึ่งเถ้าแก่สนธิก็พูดขึ้นมาว่า "ประยุทธ์วันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆแล้ว"ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า
"สองปีแรกที่ขึ้นมาเป็นสองปีแรกที่ไม่แน่ใจ แล้วคนที่ทำให้ประยุทธ์ต้องเป็นอย่างนี้นี่นะ มีอิทธิพลทำให้ประยุทธ์เปลี่ยนความคิดแล้วประยุทธ์เดินหน้าไปอย่างนี้นี่ก็คือไพบูลย์ คุ้มฉายา เพราถ้าไม่มีไพบูลย์ คุ้มฉายา ประยุทธ์จะโดนประวิตรครอบงำตลอด ทุกเรื่องเลย ประยุทธ์เป็นคนซึ่งคิดอะไรง่ายๆสั่งการให้ทุกคนทำ ลักษณะเป็นผู้บัญชาการทหารบก เฮ้ย ไปจัดการเรื่องนี้ เฮ้ยไปจัดการหน่อย แต่การสั่งการให้คนทำในยุคที่ประยุทธ์ขึ้นมานี่ คนที่รับงานต่อไปนี่ไม่มีความสามารถ มีไพบูลย์อยู่คนเดียวที่อยู่กระทรวงยุติธรรมแล้วไพบูลย์เนี่ยก็ใช้กฎหมายเดินหน้า ไพบูลย์ก็โชคดีที่ไพบูลย์มีชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ชัยยะเป็นคนทำทุกเรื่องให้ไพบูลย์ ไพบูลย์ก็ทำเรื่องสำเร็จ พอแต่ละเรื่องทำสำเร็จปังปั๊บเนี่ย มันก็เหมือนปลดโซ่ตรวนของประยุทธ์ออกทีละข้อทีละข้อ เพราะก่อนหน้านั้นประยุทธ์ยังมีลักษณะปรองดองกับทักษิณ แต่พอปลดโซ่ตรวนออกปังปั๊บก็เอาดาบใส่มือให้ประยุทธ์ก็คือว่า หนีไม่ได้แล้วตอนนี้ต้องชนกับทักษิณแล้วนะเข้าใจมั้ย ใส่โซ่ตรวนการปรองดองออกแต่ใส่ดาบการปะทะกันเข้าไปแทนแล้ว นั่นคือที่มาตั้งแต่ถอดยศทักษิณแล้วเห็นมั้ย"เถ้าแก่ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบอึกหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
"สังเกตตอนแรกที่ชัยยะทำเรื่องถอดยศทักษิณ ประยุทธ์ยังชักเข้าชักออกนะ ยังไม่ชนเต็มตัวนะ ชัยยะพูดได้เลยเป็นตัวแปรสำคัญมาก มาช่วงหลังเนี่ยพอในที่สุดแล้วนี่เลขาปปง.คนเก่านี่พ.ต.อ.สีหนาทเนี่ยมันสนิทกับคุณหญิงอ้อ เพราะฉะนั้นสังเกตอย่างในยุคสีหนาท สีหนาทจะไม่ทำเรื่องอะไรก็ตามที่จะไปกระทบกระเทือนฝ่ายพรรคเพื่อไทยหรือคุณหญิงอ้อหรือทักษิณ ก็เลยทำให้ลักษณะประยุทธ์คล้ายๆว่าเอ้ยมึงเป็นเลขาปปง.ทำไมไม่ทำ เขาสั่งไปแล้วไงว่าให้ทำแล้วไม่ทำ คือลักษณะประยุทธ์จะเป็นอย่างนี้เขาไม่ลงรายละเอียดเขาไม่ทำเอง เอ้ยไปจัดการนะ แต่พอไม่จัดการประยุทธ์ก็ไม่รู้จะทำยังไง เข้าใจหรือเปล่า เผอิญจังหวะธรรมะจัดสรรตำแหน่งของไอ้สีหนาทมันหมดเทอมมันหมด ต้องเอาตัวใหม่ขึ้นมา สีหนาทมันวางแผนถึงขนาดจะมีการคัดสรรนะ เอากรรมการคัดสรรเพื่อมีเลขาปปง.ใหม่วางแผนไว้เรียบร้อยเลยนะ เตรียมที่จะเอาคนทางสายของพรรคเพื่อไทย ทักษิณ คุณหญิงอ้อขึ้นมาอีกที แต่เหมือนกับประยุทธ์รู้ทัน และไพบูลย์คงจะไปบอกประยุทธ์ ประยุทธ์ก็เลยตัดสินใจใช้มาตรา 44 แต่ก่อนจะใช้มาตรา44นี่ ประยุทธ์รู้ว่าชัยยะนี่เป็นน้องของเรา คำแรกที่ประยุทธ์พูดกับไพบูลย์ว่า เอ้ยนี่มันเด็กสนธินี่ ใช่มั้ย ไพบูลย์เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาบอกจะเด็กของใครไม่สำคัญหรอกสำคัญคนนี้ทำงานได้ ใช่มั้ย แล้วชัยยะก็เป็นคนตรงไปตรงมา"เถ้าแก่เล่ายาวก่อนจะพูดต่อ
"ประยุทธ์ก็เลยขอพบ ชัยยะก็บอกว่าผมนี่เป็นน้องพี่สนธิเค้า อยู่กันมา30กว่าปีแล้วเขาเป็นคนดีเขาไม่เคยทำชั่วอะไร ทำไมผมจะคบเขาไม่ได้ ถ้าท่านไม่สบายใจผมเซ็นใบลาออกให้ล่วงหน้าเลย แต่ถ้าท่านใช้ต้องอย่าระแวง ประยุทธ์เขาชอบความเป็นนักเลงแบบนี้ ก็เลยในที่สุดคำว่าคนของสนธิก็เลยหมดไป ซึ่งชัยยะขึ้นประวิตรไม่ต้องการ เพราะประวิตรเขาวางสายคนของเขานี่ ตั้งแต่อธิบดีดีเอสไอจะเอาคนของเขาไปนั่งแต่ว่าไพบูลย์กั๊กวิธีการไม่ต้องการให้ประวิตรส่งคนเข้ามาไพบูลย์ก็เลยตั้งคนในดีเอสไอที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมตอนนั้นมารักษาการ คือให้คนข้างในขึ้นไม่ให้คนนอกเข้ามานี่คือวิธีการที่เขาสู้กัน แล้วก็แลกกันการที่ไพบูลย์สนับสนุนชัยยะขึ้นมาหรือจะทำไรก็ตามนี่ต้องแรกกับการที่ประวิตรจะเอาญาติขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นั่นคือที่มาของปฏิคม เหลืออีก3เดือนเกษียณก็ยังเป็นอธิบดี ไพบูลย์ก็ให้ไปเพื่อแลกกัน"
เถ้าแก่ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มอีกครั้งแล้วเล่าต่อ "พอชัยยะขึ้นมาปังปั๊บเนี่ย ชัยยะขึ้นมา3เดือนเนี่ยผลงานออกมาเป็นชุดเลย นี่คือสิ่งที่ประยุทธ์อยากให้ข้าราชการประจำทำตามคำสั่ง พอแล้วประยุทธ์ก็บอกผมให้เข้าทำนี่ ก็ทำตามกฎหมายเขาผิดตรงไหน แต่ถ้าไม่ทำนี่ประยุทธ์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยเป็นครั้งแรกที่เจออดีตตำรวจกล้าตัดสินใจเดินหน้าลุยชนทุกเรื่อง อิทธิพลมีไม่มีไม่สนใจทำให้เห็น จนกระทั่งพวกทักษิณเป๋ไปหมดเลย ทักษิณเป๋ไปหมดเลย ประยุทธ์โซ่ตรวนที่ถูกประวิตรครอบงำก็เลยหลุดหมดเหลือแต่ดาบที่อยู่ในมือ ตอนนี้นี่ชัยยะเป็นดาบอาญาสิทธิ์ของประยุทธ์ แล้วไพบูลย์อีกคนหนึ่ง มันก็เลยทำให้ประยุทธ์รู้สึกว่าเอ้ยถึงเวลาแล้ว ประยุทธ์ก็เริ่มแรงกับทักษิณทีละนิดทีละนิดสังเกตมั้ย ไม่เหมือนกับสมัยก่อนนะ เดี๋ยวนี้มีการไอ้ลูกหมานึกออกมั้ย พูดง่ายๆว่าเริ่มมีความมั่นใจแล้ว ที่ผ่านมาตัวเองไม่ใช่กลัว แต่ตัวเองขาดขุนพลไง เผอิญประยุทธ์มีครบแล้วตอนนี้มีไพบูลย์มีนั่น ขาดอยู่อย่างเดียวเท่านั้นเองคือทำยังไงให้กองทัพมันสงบ ในที่สุดก็เป็นที่มาของพล.อ.เฉลิมชัย ซึ่งเป็นฝ่ายวงศ์เทวัญ เป็นหมวกแดง การที่เฉลิมชัยมาครั้งนี้ก็เท่ากับว่าประยุทธ์จับมือกับป๋า เพราะไม่งั้นบูรพาพยัคฆ์ก็จะสืบทอดอำนาจต่อเพราะวางคนไว้หมดแล้ว เท่ากับตัดตอนบูรพาพยัคฆ์เลย จากนี้ไปสองสามรุ่นวงศ์เทวัญตลอด บูรพาพยัคฆ์ลืมไปได้เลยซึ่งประวิตรวางตัวพิสิษฐ์ เสธ.ทบ.ขึ้นปรากฎว่าเถียงกันหนักหน้าสาหัสสากรรจ์ในที่สุดประยุทธ์ชนะ ป๋านี่มีสิทธิ์มีส่วนมาก อิทธิพลป๋าสูงมาก เพราะฉะนั้นจากการไม่เปิดบ้านให้ กลายเปิดบ้าน ตัวผบ.ทบ.คนใหม่แสดงตัวว่าอยู่ข้างป๋าชัดเจน วันที่ที่ป๋าจัดคอนเสิร์ตไปเลยคนเดียวเลยนะ ไปยืนกับป๋าเลยนะ ตรงนี้ทำให้วันนี้เราเห็นภาพใหม่แล้ว บรรยากาศอึมครึมในเรื่องทหารหมดแล้ว วันนี้ที่น่าสนใจก็คือว่าประวิตรจะถอยแค่ไหน หรือประวิตรจะยอมรับสภาพแล้วต้องเล่นเกมต่อตามที่ประยุทธ์หรือสังคมหรือป๋ากำหนดให้เล่น แต่พี่มองแล้วประวิตรไม่มีหนทางสู้ประยุทธ์เลยตอนนี้ วิษณุออกมาลุยเรื่องปฏิรูปตำรวจแล้วเห็นมั้ย วิษณุนะลุยแล้วนะบอกทำเสร็จภายในปีนี้ 4 ข้ออะไรบ้าง อาวุโส หมายความว่าไงหมายความว่าจากนี้ไป เด็กของพัชรวาทเด็กของประวิตรพวกนี้เอามาฝากเอามายัดตรงโน้นตรงนี้ไม่ได้แล้วนะ ต้องอาวุโสอย่างเดียวแล้วนะก็เท่ากับว่า ในอดีตมีการซื้อขายตำแหน่งกันมาก เยอะมากเลย เขาก็เลยบอกว่าจากนี้แต่งตั้งอาวุโสอย่างเดียว ไม่มีสมัยก่อนอาวุโส 33 เปอร์เซนต์ ความสามารถ 33 เปอร์เซนต์ แล้วความเหมาะสมอีก33เปอร์เซนต์ ดังนั้นถ้ามี30คนตำแหน่งว่าง มีอาวุโสอยู่ร้อยคนได้ขึ้นแค่30คน อีก70คนวิ่งเต้นกันหมดนี่คือที่มาของการข้ามหัวคนไง แล้วการซื้อตำแหน่ง นี่สะท้อนให้เห็นการที่ประวิตรไม่ยอมปฏิรูปตำรวจ เห็นมั้ยว่าเกมออกมาแต่ละเกมเป็นเกมข้างบนทั้งนั้นเลย แล้วเมื่อวานนี้ที่จำคุกหมอเลี๊ยบเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมากไปยังทักษิณ ให้รู้ว่าน้องสาวมึงไม่หรอก เพราะฉะนั้นทักษิณมีทางเดียวคือต้องเอาน้องสาวหนี เพราะพิพากษามาแล้วถ้าผิดยายปูอาจโดนประมาณ12ปี เผลอๆอาจจะมากกว่านี้สุดแล้วแต่เขาคิดยังไง บุญทรงโดนแน่นอนโดนหมด แต่ว่ายิ่งลักษณ์นี่ทักษิณต้องเอายิ่งลักษณ์หนี ต้นปีหน้านี่น่าจะพิพากษาแล้ว จากนี้ไปจนถึงต้นปีช่วงไหนหนีได้หนีแล้ว แล้วถ้าจะหนีในขณะนี้จะหนีทางชายแดนภาค5เชียงใหม่เชียงรายน่าน เพราะผู้บัญชาการภาค5คนปัจจุบันสนิทกับเยาวภา วงศ์สวัสดิ์มาก"เถ้าแก่พูดถึงตรงนี้แล้วนิ่งเงียบปล่อยให้บนโต๊ะออกความเห็นก่อนจะพูดต่อว่า
"พี่มองว่าประยุทธ์พอปลดแอกแล้วมีคนทำงานให้แต่เขายังพลาดอยู่เรื่องเดียว เขาไม่เก่งเศรษฐกิจ เขาเลยต้องพึ่งสมคิด จุดอ่อนของประยุทธ์ตอนนี้คือเศรษฐกิจ สมคิดทำเละหมดเลย คือประยุทธ์น่าเสียดายมากไม่รู้เรื่องนี้ โดนสมคิดกล่อมเสียจนเชื่อสมคิดหารู้ไม่ว่าสิ่งที่สมคิดทำนี่ คือการทำลายรากฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศไทยให้เจ๊งฉิบหายหมดเลย สมคิดมันทำเพื่อทุนอย่างเดียวเท่านั้นเอง คือน่าเห็นใจเขา เขาไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลยนะ แล้วสมคิดนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแบรนด์ดิ้งนะ สมคิดไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์คนนี่เข้าใจสมคิดผิดหมดเลยนะ สมคิดนี่เรียนจบมาทางแบรนด์ดิ้ง เชี่ยวชาญที่ทำอย่างไรที่จะโปรโมทอิมเมจของตัวเอง เน้นแบรนด์ดิ้งตลอด เป็นคนพูดเก่งแต่โอเปอเรชั่นใช้ไม่ได้เลย เพราะคนไม่เคยเข้าใจโอเปอเรชั่น จำไว้อย่างนะพี่เคยพูดหนึ่งถ้ายูเอาคนที่เคยเป็นอดีตนายแบงก์มาเป็นรัฐมนตรีคลังนะ เจ๊งทุกที เพราะมันมองปัญหาคลังแบบการเงิน เหมือนกับยูเอาหมอมาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ยูต้องเอาคนที่ เรียนทางด้าน public health สาธารณสุขศาสตร์มาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะว่าหมอเป็นแค่ส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขเข้าใจมั้ย เหมือนกันการคลังยูต้องเอาคนซึ่งมีภาพกว้าง แล้วต้องเป็นคนที่เข้าใจตลาดทุนด้วยอย่างลึกซึ้ง คนที่เหมาะที่สุดในสายตาของพี่ที่จะเป็นรัฐมนตรีคลังนะ แล้วผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายอย่างแล้วพิสูจน์กึ๋นตัวเองมาเรียบร้อยคือธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ธีรชัยอดีตเป็นรองผู้ว่าแบงก์ชาติ อยู่ฝ่ายควบคุมมาก่อนเรื่องการเงิน สองไปเป็นเลขากลต. อยู่ตลาดทุนเขาครบหมดเลยเพราะตลาดทุนมันรวมถึงภาพเอกชนหมดทุกอย่างไง สามที่สำคัญที่สุดเขาเป็นคนที่ออกมาสู้เรื่องพลังงาน เพราะฉะนั้นเขามีลักษณะที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นวันนี้คนที่เหมาะจะเป็นคลังมากที่สุด พี่ดูตัวในประเทศไทยแล้ว เหลือธีรชัยคนเดียว แล้วเขาเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด รวดเร็ว กล้าตัดสินใจ เขาอยู่แบงก์ชาติเขารู้หมดนี่แบงก์เป็นยังไง"
เถ้าแก่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า "ถ้าประยุทธ์หยุดคิดสักนิดหนึ่งแล้วหันมาดูเศรษฐกิจว่าใช้คนผิดหรือเปล่า ผิดเพราะสมคิดนี่เป็นนายหน้าของนายทุนหมดเลย สมคิดคือตัวแทนนายหน้า ทำงานทุกอย่างเพื่อทุน สมคิดนี่ควรที่จะออกมาเช่นได้ข่าวว่าปตท.จะเริ่มขายหมูปิ้ง ข้าวเหนียวสมคิดต้องบอกปตท.ให้หยุดคุณจะไปทำลายคนที่ทำมาหากินหาเช้ากินค่ำได้อย่างไร ตรงนี้สมคิดกลับมองไม่เห็นมองว่าเข้าปตท.ดีกว่า แล้วสมคิดก็ไม่สามารถลงไปแก้ปัญหาพลังงานได้ เพราะวันนี้ปัญหาพลังงานยังไม่มีใครลงไปแก้ทั้งระบบ ยังปล่อยให้ปตท.ยังปล่อยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นเจ้าแห่งพลังงาน กำหนดทิศทางของพลังงานซึ่งไม่ใช่ เพราะพวกนี้เป็นพวกหวงอำนาจตัวเองเคยชินกับการผลิตไฟฟ้าสร้างโรงไฟฟ้าแล้วพวกนี้ไปเข้าใจตัวเองผิด ว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์มาว่าต้องรับผิดชอบเรื่องไฟฟ้าในประเทศไทย พวกนี้เข้าใจผิดเลยนะ ไม่มีพวกผมทำประเทศไทยมีไฟฟ้าได้อย่างไร เพราะฉะนั้นพวกผมทำพวกผมจะสร้างเขื่อนอย่างเดียว สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ถ่านหินทุกอย่าง พวกนี้เป็นพวกเข้าใจผิดว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์มานี่คือปัญหาใหญ่ของชาติซึ่งตรงนี้ประยุทธ์ไม่รู้เรื่อง ประยุทธ์ฟังฝ่ายนั้นฝ่ายเดียวแล้วบอกเอาเถียงกันนั่งคุยกันใช้วิธีนี้วิธีเดียวซึ่งถ้าเป็นนายกฯที่กล้าตัดสินใจต้อง เข้าใจข้อมูลและเชื่อข้อมูลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วฟังธงไปเลย"
"คืออย่างนี้ปตท.นี่ต้องถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลถือหุ้นเกิน 50 เปอร์เซนต์ เมื่อเป็นรัฐวิสาหกิจแล้วมิสชั่นของปตท.ที่มีมาดั้งเดิมคืออะไร ต้องชัดเจนตรงนั้น เมื่อมิสชั่นมาคือต้องรักษาเสถียรภาพของพลังงานในราคาที่ถูกให้ประชาชนใช้พลังงานในราคาที่ถูกตรงนี้ มันต้องยืนตรงนี้ ไม่ใช่ปตท.มาอ้างว่าตอนนี้ธุรกิจน้ำมันมันกำไรน้อยลง มันก็เลยย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์คุณเข้าไปทำไม เพื่ออะไร สรุปแล้วคุณเข้าไปเพื่อทำมาหากินใช่มั้ยเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นเท่านั้นใช่มั้ย แล้วคนที่ได้49เปอร์เซนต์คือเอกชน นอมินีของนักการเมือง 51เปอร์เซนต์ของรัฐบาลเพราะฉะนั้นแล้วนี่คุณก็จากเดิมที่คุณไปคิดราคาน้ำมันแพงคุณฆ่าคนใช้น้ำมันวันนี้น้ำมันราคามันตกลงมาคุณคิดแพงแบบเดิมไม่ได้ คุณก็เริ่มจะมาฆ่ารากหญ้า เพราะฉะนั้นปตท.คือฆาตกรที่อำมหิตและโหดเหี้ยมที่สุด แล้วยังมีเรื่องการผูกขาดโรงงานขยะที่กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบประยุทธ์ก็ยังไม่ลงไปแตะเหตุผลก็เพราะคนที่คุมคือรุ่นพี่ตัวเองพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้วปรากฎว่าลูกชายของพล.อ.อนุพงษ์มีบทบาทมากในเรื่องของโรงไฟฟ้าขยะทั่วประเทศไทย ถ้าเขามีข้อผิดพลาดเขามีข้อผิดพลาดตรงข้อนี้ ถ้าเขาให้ความยุติธรรมกับกองทัพแล้วนะเขาน่าจะคืนความยุติธรรมให้กับประเทศไทยต่อไปในหลายๆด้านอันนี้เราโอเคเลย"เถ้าแก่ร่ายยาวก่อนจะตบท้ายว่า
"จุดอ่อนของประยุทธ์ตอนนี้คือสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องอื่นไม่ใช่เลย ตอนนี้เสถียรภาพเกิดกับกองทัพแล้วประยุทธ์ได้สร้างความยุติธรรมให้กองทัพอันนี้ถูกต้องต้องชมเค้า"