PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ตั้ง กฤษฎา บุญราช – พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นบอร์ด ธอส.

ตั้ง กฤษฎา บุญราช – พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นบอร์ด ธอส.

วันนี้ (26 ธ.ค.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เห็นชอบให้แต่งตั้งประธานกรรมการและ กรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ จํานวน ๘ คน ซึ่งในจํานวนนี้มี พลตํารวจเอก
เจตน์ มงคลหัตถี นายกําพล ศรธนะรัตน์ และ ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์ เป็นกรรมการอื่นด้วยท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) อนุมัติให้แต่งตั้ง นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์เพิ่มเติมและได้มีประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ นั้น
บัดนี้ พลตํารวจเอก เจตน์ มงคลหัตถี นายกําพล ศรธนะรัตน์ ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์ และ นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ได้ลาออกจากตําแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้ว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๑๗ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ และพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๙ และ มาตรา ๑๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ คณะรัฐมนตรี จึงได้มีมติเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ อนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคาร
อาคารสงเคราะห์ จํานวน ๔ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป และให้อยู่ในตําแหน่ง เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายกฤษฎา บุญราช แทน นายกําพล ศรธนะรัตน์
๒. พลตํารวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ แทน พลตํารวจเอก เจตน์ มงคลหัตถี
๓. ศาสตราจารย์นฤมล สอาดโฉม แทน ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์
๔. นางรัตนา อนุภาสนันท์ แทน นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙


สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทน
นายกรัฐมนตร

ปิดช่อง DMC ถาวร!!

ปิดช่อง DMC ถาวร!! 
"ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง และ กิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. พันเอกนที ศุกลรัตน์ บอกว่า ที่ประชุมบอร์ด กสท. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกใบอนุญาตการดำเนินกิจการโทรทัศน์ของช่อง DMC (ช่องทีวีของธรรมกาย) ซึ่งมีมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าของใบอนุญาตเนื่องจากทางบอร์ดกสท.ได้พิจารณาแล้วว่าพฤติกรรมต่างๆของทั้งนายองอาจ โฆษกวัดพระธรรมกาย, มูลนิธิธรรมกาย และมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องกัน
ทำให้เชื่อได้ว่าหากพ้นระยะเวลาการพักใบอนุญาตแล้วช่องดีเอ็มซีจะเป็นช่องทางการนำเสนอข่าวสารในลักษณะที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติจึงอาศัยอำนาจตามประกาศของ กสทช. มาตรา 37 ของพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์พ.ศ. 2551 และเงื่อนไขแนบท้ายการอนุญาติประกอบกิจการของช่อดีเอ็มซี ข้อ 12(4) กรณีที่เป็นประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐและส่วนรวม จึงมีมติให้ใบอนุญาติของช่องดีเอ็มซีสิ้นสุดหลังระยะเวลาการพักใช้ใบอนุญาติ 30 วัน ในวันที่ 6 ม.ค.2560 เป็นต้นไปทั้งนี้ทางมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมจะไม่สามารถมายื่นขอใบอนุญาติประกอบกิจการโทรทัศน์ได้อีก"

นักข่าวทำเนียบฯ มีมติงดตั้งฉายารัฐบาล บิ๊กตู่ อีกปี ยึดกติกา ไม่ตั้งฉายารัฐบาลรัฐประหาร รัฐบาลชั่วคราวและภาวะยังไม่ปกติ

นักข่าวทำเนียบฯ มีมติงดตั้งฉายารัฐบาล บิ๊กตู่ อีกปี ยึดกติกา ไม่ตั้งฉายารัฐบาลรัฐประหาร รัฐบาลชั่วคราวและภาวะยังไม่ปกติ หวั่นถูกนำไปขยายผลทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ชี้แจง เรื่องการตั้งฉายารัฐบาล-นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ประจำปี2559
โดยระบุว่า ตามที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลมีธรรมเนียมปฏิบัติในการตั้งฉายาของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในช่วงปลายปี เพื่อสะท้อนการทำงานของคณะรัฐมนตรีในรอบปี แม้รัฐบาลปัจจุบันที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะบริหารราชการแผ่นดินมานานแล้วกว่า 2 ปี
แต่จากการหารืออย่างรอบด้าน จึงมีมติ งดตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2559 ซึ่งนอกจากจะเป็นหลักปฎิบัติตามธรรมเนียมที่ยึดกันมา ยังมีข้อจำกัดทางข้อกฎหมายและบรรยากาศการเมืองในภาวะที่ยังถือว่าไม่ปกติ
ทั้งยังมีความเห็นว่าหากมีการตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี อาจถูกนำไปขยายความขัดแย้งหรือขยายผลในทางการเมือง จนตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ หลักปฏิบัติที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลปฎิบัติสืบต่อกันมา ว่าจะไม่ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี กรณีที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ภายหลังนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา หรือกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจนรัฐบาลยังทำงานไม่ครบปี กรณีรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร และกรณีสถานการณ์บ้านเมืองที่อยู่ในภาวะไม่ปกติ
การงดตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง อาทิ ในปี 2549-2550 รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหาร ในปี 2551 รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ในปี 2556 รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากมีการประกาศยุบสภา ในปี 2557 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากการรัฐประหาร เป็นต้น

‪เก๊กอยู่..แต่หลุดยิ้ม‬ บิ๊กป้อม ยึดแนวให้สัมภาษณ์แบบบิ๊กตู่

‪เก๊กอยู่..แต่หลุดยิ้ม‬ บิ๊กป้อม ยึดแนวให้สัมภาษณ์แบบบิ๊กตู่
‪บิ๊กป้อม เก๊ก ใส่นักข่าว มาถึงก็ตอบคำถามที่นักข่าวแจ้งประเด็นผ่านโฆษกกห.ไป แต่มาถึงเจอ "ป้าแจ๋ว" นักข่าวอาวุโส มอบ สคส.พร้อมบอก"คืนดีกันนะ"‬....จน บิ๊กป้อม ยิ้ม
แต่ก็ให้สัมภาษณ์ แนวใหม่. คล้ายๆนายกฯบิ๊กตู่ คือให้นักข่าว ส่งประเด็นผ่าน โฆษกกห. มาก่อน แล้ว ตอบตามนั้น แต่ไม่ครบทุกกประเด็น และไม่ให้ถาม หลังจากที่ ไม่พอใจสื่อ เสนอข่าว หลุดครม. ไปก่อนหน้านี้ จนงดให้สัมภาษณ์มาตลอดสัปดาห์...แต่วันนี้ พูดเป็นครั้งแรก พร้อมบอกว่า ต่อไป จะให้สัมภาษณ์ หรือไม่ "แล้วแต่ผม"

บิ๊กป้อม ขอให้สบายใจช่วงเทศกาลปีใหม่ จนท.ดูแลเต็มที่ รวมถึงชายแดนใต้



บิ๊กป้อม ขอให้สบายใจช่วงเทศกาลปีใหม่ จนท.ดูแลเต็มที่ รวมถึงชายแดนใต้ ขออย่าห่วง ว่าโจรใต้จะออกก่อเหตุนอกพื้นที่3 จ.ใต้ ยันทหาร จนท.ดูแลอยู่ เผย ศมบ.-มท.ดูแลเข้ม ปีใหม่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภากลาโหม ถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า สถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมาลดลงไปมากแล้ว เนื่องจากการบูรณาการเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ได้ร่วมมือกัน
ทั้งนี้ คิดว่าในช่วงปีใหม่นี้คงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พยายามทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี มีเพียงช่วงต้นๆเท่านั้นมีการซุ่มโจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์ และในช่วงหลังๆก็สงบลง
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าผู้ก่อความไม่สงบจะก่อเหตุนอกพื้นที่นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ผมและฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ตั้งด่านความมั่นคงเพื่อไม่ให้เล็ดลอดออกมาก่อเหตุนอกเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนที่เคยเข้ามาก่อเหตุใน 7 จังหวัดภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา เราได้จับกุมและอยู่ในระหว่างดำเนินคดีทั้งหมด มั่นใจได้ว่าน่าจะดีขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงวันขึ้นปีใหม่ เราพยายามที่จะทำให้มันดี ทั้งศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ(ศมบ.)ของกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่เพียงแต่เราจะดูเรื่องความสงบเรียบร้อยแล้ว เรายังอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในทุกๆพื้นที่ โดยเฉพาะหน่วยทหารทุกหน่วยจะออกมาบริการประชาชน พร้อมจัดพื้นที่พักรถ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในห้วงปีใหม่ ผมในนามฝ่ายความมั่นคง ขออวยพรประชาชน ขอให้อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนเคารพนับถือ พระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ทุกคนประสบความสุขผ่านอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองตลอดปี 2560

"บิ๊กแกละ" นำถก คสช. สั่งดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลข่าวสาร



"บิ๊กแกละ" นำถก คสช. สั่งดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลข่าวสาร ชี้มีข่าวสารที่เป็นไปตามธรรมชาติและข่าวสารที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อหวังผล ระบุเทคโนโลยีสารสนเทศต้องดูแลให้สามารถบริการประชาชนได้ต่อเนื่อง แนะทุกส่วนจัดส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ใส่ใจความปลอดภัยสาธารณะ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก พิสิทธิ์ สิทธิสาร รอง ผบ.ทบ./รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช . กล่าวว่า พลเอกพิสิทธิ์ กำชับให้เข้มงวดในมาตรการดูแลความปลอดภัยสาธารณะ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชาชนมาร่วมกิจกรรมและเฉลิมฉลองเป็นจำนวนมาก ให้มีการประสานกับผู้จัดงานถึงความพร้อมในการดูแลประชาชน
ทั้งเรื่องการรักษาความปลอดภัย เครื่องมือบรรเทาภัย อุปกรณ์ในการอำนวย
ความสะดวก การกำหนดเส้นทางเข้า- ออกงานให้มีความเหมาะสมกับผู้ที่มาร่วมกิจกรรม
การติดตั้งกล้องวงจรปิด ขอความร่วมมือในการงดจุดพลุหรือดอกไม้ไฟ เป็นต้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนสามารถดูแลและบริการประชาชนได้อย่างเต็มที่
รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังได้กำชับในเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ใช้ช่องทางการรับรู้ข้อมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีทั้งข่าวสารที่เป็นไปตามธรรมชาติและข่าวสารที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การบริการข้อมูลข่าวสารของภาครัฐไปสู่ประชาชนเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ขอให้ทุกส่วนได้กำกับดูแลในเรื่องการใช้งานระบบสารสนเทศ ขององค์กร
รวมทั้งประสานความร่วมมือกับส่วนราชการต่างๆ หรือองค์กรที่มีความชำนาญโดยเฉพาะ เพื่อร่วมกันดูแลข้อมูลและระบบสารสนเทศ ให้สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง
โดยมีสรุปผลการปฏิบัติงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น การสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ยึดยาบ้าได้ ๙๒๙,๓๔๗ เม็ด, ไอซ์ ๑๐.๒๔ กิโลกรัม, กัญชา ๔.๒๕ กิโลกรัม, กระท่อม ๑๒ กิโลกรัม, ไม้มีค่า ๔๘๑ ท่อน /๑,๐๗๔ แผ่น, อาวุธปืน ๒๗ กระบอก การจัดระเบียบสังคม ๑,๐๘๒ ครั้ง
สนับสนุนการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ๑๗๓ ครั้ง และตั้งจุดตรวจรถบรรทุกไม่ให้บรรทุกเกิน ๘๑ ครั้ง เข้าช่วยรับซื้อข้าวจากเกษตรกร ๒.๑ ล้านกิโลกรัม ช่วยสีข้าว
๒๐,๙๐๐ กิโลกรัม และช่วยเกี่ยวข้าว ๒๐,๑๑๓ กิโลกรัม
รวมทั้งได้มอบเครื่องกันหนาวให้กับประชาชนทั่วประเทศไปแล้ว ๑๒๐,๐๐๐ ผืน ซึ่งงานที่เกี่ยวเนื่องกับการรักษาความสงบเรียบร้อย บังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องปรามการกระทำผิด
รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลจะยังคงสานต่อให้เกิดประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง
การประชุมในวันนี้ รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในทุกมิติเพื่อดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินการในหลายลักษณะ โดยในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ตั้งจุดอำนวยความสะดวกร่วมกับ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร ในเส้นทางสายหลักและสายรอง ตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ – ๔ มกราคม ๒๕๖๐
การสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ในจังหวัดต่างๆ ทั้งกิจกรรมเคาท์ดาวน์ กิจกรรมสวดมนต์ กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะกุศล

บิ๊กป้อม สั่งกองทัพ พร้อมรับการโจมตีจากภายนอกประเทศ จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง



บิ๊กป้อม สั่งกองทัพ พร้อมรับการโจมตีจากภายนอกประเทศ จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และ รมว.กห. เป็นประธาน การประชุมสภากลาโหม และสั่งการเรื่อง การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
พลตรี คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า พลเอกประวิตร ได้เน้นย้ำกับ หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่ทุกประเทศ รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนให้ความสำคัญ และพยายามป้องกันระบบและข้อมูลของประเทศตนเอง มิให้เสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการทำสงครามไซเบอร์ จากการโจมตีจากภายนอกประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความเสียหายทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนในภาพรวม
"ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้ตระหนักถึงความสำคัญ และเตรียมความพร้อม ทั้งด้านกำลังพลและเครื่องมือ เพื่อรองรับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะกระทำต่อระบบเครือข่าย การติดต่อ สื่อสารข้อมูล หรือต่อระบบอินเตอร์เน็ตโดยตรงก็ตาม
ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้เกิดพลังความร่วมมือภายในควบคู่กันไป

บิ๊กป้อม สั่งเหล่าทัพ จัดซื้อจัดจ้าง สิ่งอุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ที่ผลิตได้เอง เป็นความเร่งด่วนแรก



บิ๊กป้อม สั่งเหล่าทัพ จัดซื้อจัดจ้าง สิ่งอุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ที่ผลิตได้เอง เป็นความเร่งด่วนแรก และจัดทำแผนงบประมาณสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี -แผนพัฒน์ ฉบับ 12 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ /เดินหน้าร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ปี60-79
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และ รมว.กห. เป็นประธาน การประชุมสภากลาโหม
พลตรีคงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า พลเอกประวิตร ได้สั่งการเรื่องนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 โดย​ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ดำเนินการจัดทำแผนงาน งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี โดยคำนึงถึง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายของรัฐบาลและแผนแม่บทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และต้องมีการบูรณาการงบประมาณและภารกิจของหน่วยงานภายในกระทรวงและระหว่าง กระทรวงด้วย
โดยกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์การดำเนินงานที่มีความเชื่อมโยง สอดคล้อง และสนับสนุนซึ่งกันอย่างมีประสิทธิภาพ บนพื้นฐาน“ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนมีความเชื่อมั่นและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จากระบบงานความมั่นคงที่มีการพัฒนาการเชื่อมโยงควบคู่กับระบบเศรษฐกิจในทิศทางเดียวกัน
ส่วนการจัดหาสิ่งอุปกรณ์ของหน่วย นั้น รมว.กลาโหม ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ พิจารณาสนับสนุนการจัดซื้อ/จ้างจากหน่วยงานภายในของกระทรวงกลาโหม เป็นความเร่งด่วนอันดับแรก ในกรณีที่หน่วยงานดังกล่าว ไม่สามารถผลิตหรือให้การสนับสนุนได้ จึงให้จัดหาจากแหล่งอื่น โดยให้ถือเป็นนโยบายเพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาหน่วยงานของกระทรวงกลาโหม ในการผลิตสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ
นอกจากนี้ ในเรื่องร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560 - 2579 นั้น พลตรีคงชีพ กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม ยังคงเดินหน้าปฏิรูปกองทัพและกิจการภายในอย่างต่อเนื่อง โดย ที่ประชุม ได้ร่วมพิจารณาและเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560 – 2579
โดยสาระสำคัญ ในการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ มีวัตถุประสงค์ ในการปฏิรูปงานด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ
โดยให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของกองทัพ รวมทั้งมาตรฐานทางทหารและเสริมสร้างขีดความสามารถงานวิจัยและนวัตกรรมสู่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพื่อการพึ่งพาตนเองและการพาณิชย์ และเพื่อสนับสนุนนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจตามรูปแบบประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล
โดยให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงตั้งแต่ระดับชาติ เช่น ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์การวิจัยและนโยบายความมั่นคงของชาติ ลงมาถึงระดับกระทรวงกลาโหม เช่น ยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศและแผนพัฒนาขีดความสามารถของกระทรวงกลาโหม
โดยจัดทำเป็น 3 ยุทธศาสตร์หลัก มุ่งสู่ทิศทางการวิจัยที่ชัดเจน ตอบสนองความต้องการของกองทัพและภัยคุกคามที่ประเทศเผชิญอยู่ ยกระดับมาตรฐานสู่ระดับสากลและสร้างความเชื่อมั่น กับผู้ใช้
รวมทั้งสร้างเสริมขีดความสามารถงานวิจัยและนวัตกรรม สู่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศเพื่อการพึ่งพาตนเองและการพาณิชย์ได้อย่างยั่งยืน ในระยะ 20 ปี โดยมีการดำเนินงาน 4 ระยะๆละ 5 ปี

นายก ฯปลื้มโพลล์คนชื่นชมรัฐบาลรัฐประหาร ชี้เป็นเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ



นายก ฯปลื้มโพลล์คนชื่นชมรัฐบาลรัฐประหาร ชี้เป็นเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ ขอบคุณที่เข้าใจ รัฐบาลตั้งใจทำงาน ปัญหายังมีอยู่ ยันเดินหน้าสู่ปชต./ขอบคุณสื่อทำเนียบฯทุกคนที่ปีนี้ ไม่ตั้งฉายาให้รัฐบาล "ต้องขอบคุณ ไม่รู้จะตั้งไปทำไม ตั้งไปก็เป็นเรื่องตลกกันไปเปล่า ๆ อย่าเลย"...สัญญา"ปีหน้าผมจะทำตัวให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ใจเย็นขึ้นเยอะๆแค่นั้นแหละ"ก็ขอให้ทุกคนใจเย็นกับผมบ้าง อะไรต่างๆที่มีข้อมูลเข้ามา ขอตรวจสอบก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ที่พึงพอใจการทำงานของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารมากกว่าการเลือกตั้ง ว่า
ก็เป็นเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ ขอขอบคุณที่เข้าใจว่ารัฐบาลตั้งใจทำงานอย่างไร แต่แน่นอนว่าปัญหาอุปสรรคก็ยังมีอยู่บ้าง ข้อสำคัญเรามีระบอบการปกครองประชาธิปไตยในอนาคตใช่หรือไม่ ซึ่งการทำวันนี้ก็เพื่อไปสู่จุดดังกล่าว ขอให้ช่วยตนตรงนี้ก่อน
ผลสำรวจวันนี้แสดงว่าทุกคนเริ่มเข้าใจมากขึ้น เพราะถ้าเราไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้มันก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ดังนั้นแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรไม่มีราบรื่นอยู่แล้ว ก็ต้องเจอกับอุปสรรค ซึ่งตนก็อดทนให้เต็มที่ อยู่ที่พวกเราทุกคน
“ขอบคุณสื่อทุกคนด้วยที่ปีนี้ ไม่ตั้งฉายาให้รัฐบาล ต้องขอบคุณ ไม่รู้จะตั้งไปทำไม ตั้งไปก็เป็นเรื่องตลกกันไปเปล่า ๆ อย่าเลย
ปีหน้าผมจะทำตัวให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ใจเย็นขึ้นเยอะ ๆ แค่นั้นแหละ ก็ขอให้ทุกคนใจเย็นกับผมบ้าง อะไรต่าง ๆ ก็ตามที่มีข้อมูลเข้ามา
ขอความกรุณาตรวจสอบกันซักหน่อยว่าใช่หรือไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง ถามผมก็ได้ ผมจะได้ชี้แจงได้ ถ้าไปฟังข้อมูลที่ไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่ เสร็จแล้วก็จะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดไปเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นคำว่า ซิงเกิลเกตเวย์ มันก็ไม่ใช่ แล้วก็ไม่เห็นมีใครแก้ให้เลยว่ามันไม่ใช่”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

บิ๊กตู่ บอก ผมไม่ใช่ดารา วอนนักข่าว อย่าจับตา หรือตามติดตอนออกกำลังกาย ออกมา



บิ๊กตู่ บอก ผมไม่ใช่ดารา วอนนักข่าว อย่าจับตา หรือตามติดตอนออกกำลังกาย ออกมา ออกน้อยแล้วแต่ ไม่สบายบ้าง เผยมีคนเป็นห่วง 60 แล้ว ไปล้มลุกคลุกคลาน เผยบางที ใจถึงลูกบอล แล้วแต่ ขาไม่ถึง
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ปีหน้าจะยังคงออกกำลังการในทุกวันพุธ ตามเดิม ถ้าไม่ติดอะไรก็ทำ แต่อย่ามาอะไรกับเรื่องการแสดงของผมเลย บางวันก็อาจจะเล่นน้อยบ้างมากบ้าง วันไหนไม่ค่อยสบายก็จะลดลง แค่นั้นเอง
" อย่ามาตามเหมือนผมเป็นดารา เล่นกีฬา ซึ่งมันไม่ใช่ ผมต้องการเพียงแค่จะนำลูกน้องให้ออกกำลังกาย ซึ่งเท่าที่ทำมาเขาก็ดีใจที่ได้ออกกำลังกาย"
โดยออกกำลังแค่วันพุธ คงไม่ได้อะไรมากนัก เพียงแต่เขาก็ไปออกต่อในวันอื่น ๆ ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ทุกอย่างมันต้องมีการเริ่มต้น ต้องมีการนำ ผมเป็นผู้นำก็ต้องนำเขาก่อน เช่นเดียวกับที่ ผมนำทหาร ซึ่งผมก็ทำอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก ทั้งการนำออกกำลังกาย การฝึกทหาร ก็ใช้วิธีการแบบนี้ตลอดก็เร็วขึ้นหน่อย ถ้าได้นำเป็นตัวอย่าง หรือร่วมทำไปพร้อมกับเขา ถือเป็นความร่วมมือกัน ไม่ใช่เอาแต่สั่งอย่างเดียว ตัวเองต้องทำได้บ้าง แม้ไม่ได้เก่งมากนัก
สำหรับกีฬาที่เล่นผ่าน ๆ มา ทั้ง 5 ประเภทก็ชอบทุกอย่าง ซึ่งตอนเด็กก็เล่นได้ทั้งหมด แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็ต้องระวังบ้าง รู้ว่าหลายคนเป็นห่วง
"เพราะล้มลุกคลุกคลาน ใจมันถึงลูกบอลแล้วแต่ร่างกาย และขายังไปไม่ถึง เพราะช้ากว่าเดิม เนื่องจากร่างกายมาใช้ในการบริหารเสียเยอะ ชิ้นส่วนความเคลื่อนไหวมันขาดหายไปเสียมาก อายุก็ 60 กว่าปีแล้ว จะเอาอะไรอีก"

"บิ๊กติ๊ก"น้องนายกฯ ยอมรับเป็นเจ้าของบ้าน. แต่ยันไม่ใช่คฤหาสน์



"บิ๊กติ๊ก"น้องนายกฯ ยอมรับเป็นเจ้าของบ้าน. แต่ยันไม่ใช่คฤหาสน์ แต่เพิ่งสร้างเสร็จ เตรียมแจ้ง ปปช. ได้มาเมื่อ มิ.ย. 2557 บ่นโดนโจมตีตลอด

พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม และ สมาชิก สนช.ยอมรับว่าเป็นบ้านหลังดังกล่าวเป็นของผมและครอบครัว ที่สร้างไว้อาศัยหลังเกษียณอายุราชการ
"ขอย้ำว่าเป็นบ้าน ไม่ใช่คฤหาสถ์ อย่างที่ นายวีระ บอก"
ทั้งนี้บ้านหลังนี้ เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อเดือน สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา และเพิ่งได้บ้านเลขที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการต่างๆให้แล้วเสร็จ รวมถึงแจ้งชี้แจงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เพิ่มเติม
"ขอให้เข้าใจว่าในขณะนั้นอยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ แต่ในขณะนี้บ้านเสร็จแล้ว ผมยังเป็นสมาชิก สนช.ก็ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช.อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"
ส่วนที่ถูกโจมตีตลอด ตั้งแต่ เรื่องภริยา และบุตรชาย นั่น พลเอกปรีชา กล่าวว่า ชินแล้ว ก็แปลกใจว่า ผมทำอะไรไม่ได้เลยหรือ
ทั้งนี้ จากการที่ เพจของนายวีระ สมความคิด "Veera Somkwamkid" โพสต์ภาพและข้อความ ว่าผู้ให้ข้อมูลว่ามีบ้านหลังหนึ่ง ที่ อ.เมืองพิษณุโลก เป็นของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และไม่ได้แจ้งในบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน โดยระบุว่า " มีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จังหวัดพิษณุโลก ส่งข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์หลังใหญ่ราคาหลายสิบล้าน อยู่บนที่ดินผืนใหญ่ 2 ผืนติดกันเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ (คฤหาสน์สร้างบนเนื้อที่ประมาณ เกือบ 3 ไร่ อีกแปลง(หันหน้าเข้าบ้านอยู่ด้านขวามือ)ยังปล่อยว่างแต่มีการถมที่ และมีการเจาะประตูข้างกำแพงรั้วไว้เพื่อเปิดถึงกันได้ มีบ้านพักคนงานและคนงานพักอาศัยอยู่

คฤหาสน์หลังนี้ไม่ปรากฎเลขบ้าน อยู่ในซอยพระองค์ขาว(ซอย 5) หลังวัดอรัญญิก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก บ้านตรงข้ามเยื้องกันเลขที่ 119 และห้องแถวตรงข้ามคฤหาสน์หลังนี้เลขที่ 55/112
ชาวบ้านแถบนั้นยืนยันว่าสร้างประมาณปี 2557 มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ไปไม่นานประมาณ 3 เดือน เจ้าของบ้านพร้อมครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่ตั้งแต่ต้นปี 59 นี้

"คฤหาสน์หลังนี้ชาวบ้านแถบนั้นต่างยืนยันว่าเป็นของพล.อ.ปรีชา และนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา"

"ถ้าบ้านหลังนี้เป็นของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชาจริง ก็ต้องถาม ป.ป.ช. ว่าพล.อ.ปรีชาได้แจ้งคฤหาสน์หลังนี้ไว้ในการแจ้งบัญชีทัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.หรือไม่? หรือคฤหาสน์หลังนี้ใช้ชื่อผู้ใดเป็นเจ้าบ้าน"
"คฤหาสน์ใหญ่โตแต่กลับไม่มีเลขที่ติดอยู่หน้าบ้าน เหมือนต้องการปกปิดอะไร หลังจากไปขอออกเลขบ้านจากทางราชการแล้ว ต้องติดเลขที่บ้านให้ชัดเจนไม่ใช่หรือ?
"แต่ชาวบ้านแถบนั้นเขารู้กันหมดว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นของผู้ใด คณะทำงานของผม เดินทางไปตรวจสอบด้วยตัวเองมาแล้ว ยืนยันว่าชาวบ้านแถบนั้นบอกว่าเป็นบ้านของพล.อ.ปรีชา ท่านใดที่อยู่จ.พิษณุโลกมีเวลาก็ลองไปสอบถามหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ พบอะไรดีก็เอาแบ่งปันกันด้วยครับ หรือท่านใดอยากจะไปเที่ยวชมความอลังการของคฤหาสน์หลังนี้ ก็ระวังตัวด้วยนะครับ เขาว่าหมาเฝ้าบ้านมันดุ และมีการติดกล้องวงจรปิดรอบบ้านด้วยครับ"
ถ้าคฤหาสน์หลังนี้ ไม่ใช่ของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ก็ขอให้ท่าน เอาหลักฐานออกมายืนยันว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับท่านและคนในครอบครัว หากท่านใดมีข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์หลังนี้เพิ่มเติม กรุณาส่งมาแลกเปลี่ยนกันด้วยครับ" เพจระบุ

เพจพลเมืองต่อต้าน Single Gatewaแจงกรณีมีการจับรัฐ


อยากจะเขียนเรื่องนี้ เป็นครั้งสุดท้าย และไม่อยากจะคิดว่า ผู้ใหญ่ในประเทศนี้ จะสายตาสั้นได้ขนาดนี้จริงๆ...ที่มองปัญหานี้ แบบตื้นเขิน
ใช้วิธีการสกปรก มอบหมายให้ลิ่วล้อ ออกมาใช้มุขเดิมๆ ในการป้ายสี ใส่ร้าย แล้วคิดว่าจะสำเร็จ....
1.) เรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะเมื่อหลายเดือนก่อน(ย้ำว่าหลายเดือน อาจจะเกือบปีแล้ว) โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ได้รับหนังสือเตือนจากหน่วยงานของรัฐด้วยกัน ว่าอาจตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีได้ (หน่วยงานรัฐ แจ้งไปเพราะ?????) นั้นแหละคือต้นเรื่อง แล้วเคยมีการโจมตีเกิดขึ้นไหม คำตอบคือไม่เคยเลย
2.) เมื่อเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เห็นหนังสือการเตือนดังกล่าว ก็ได้โพสต์ในเฟสของตนทันที โดยไม่ได้เช็คดูรายละเอียด นี่ก็คือการขยายประเด็นต่อจากข้อ 1.
3.) หลังจากผ่านมาแล้วเกือบปี ได้สื่อที่ทรยศต่อวิชาชีพของตน ได้แอบอ้าง บิดเบือน นำข่าวดังกล่าวมาขยาย ครั้งแล้ว ครั้งเล่า เพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดต่อ กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway เพื่อให้กระแสสังคมต่อต้านพวกเรา
4.) นี่มันยุคดิจิตอล ข้อมูลข่าวสารมันอยุ่ในอินเตอร์เน็ต การจับโกหก ใช้เวลาสั้นนิดเดียว ยิ่งคนทำหน้าที่สื่อ หากใช้วิธีสกปรกแบบนี้ด้วย เท่ากับการดูถูกวิชาชีพของตน ไม่เชื่อและไม่ศรัทธาในวิชาชีพของตน
5.) ข้อความที่เจ้าหน้าที่ตามข้อ 2 ได้เขียนมาคุย มาขอหารือ กับทางเพจพลเมืองต่อต้าน Single Gateway เมื่อวานนี้.....ปรากฎอยู่ในข้อความด้านล่างนี้
6.) สื่อชั่วๆ สองสำนัก จะปรากฎชื่อขึ้นในรูปภาพด้านล่างๆ และในข้อความที่หารือกัน
7.) ภาพเฟสของเจ้าหน้าที่ตาม ข้อ 2 ในปัจจุบัน....
ปล. อยากจะขอให้เพื่อนๆ (นายกำแหงทีม ทั้งหลาย) ได้ช่วยกันชี้แจงต่อไปด้วย เพื่อปกป้อง ชุมนุมแห่งนี้ จากความเข้าใจของประชาชนทั่วไปที่ได้รับข่าวสารด้านเดียวด้วยครับ

เพจต้านซิงเกิ้ลเกตเวย์โพสคนที่ตร.มาแถลงอาจไม่ใช่


พลเมืองต่อต้าน Single Gateway : Thailand Internet Firewall #opsinglegateway
โธ่ๆ ไอ้กำแหง จูเนียร์ โดนซะแล้้ว.....
(ไอ้กำแหง จูเนียร์มีเป็นร้อยๆๆๆ แต่นี่มันใคร่หว่า แล้ว "กำแหง"จะรู้ไหมเนี่ย! แต่ Hacker พกปืนนี้ "กำแหง"เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกในชีวิต)
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราทุกคนที่เข้ามาสู่สมรภูมินี้ ต่างต้องรู้ตัวว่า นี่คือสงครามไซเบอร์จริง ที่หากใครพลาดไปก็จบ ไม่มีใครทำด้วยความคึกอย่างเดียว แต่พวกเราทุกคนที่เข้าร่วมก็รู้ว่า นี่การปกป้องเสรีภาพสุดท้ายของประชาชน)
"....อย่าคิดว่า พวกเราจะหยุด เพราะมีพวกเราคนใด คนหนึ่งถูกจับไป ถึงจับพวกเราได้ แต่ก็หยุดความคิดของพวกเราไม่ได้...."
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แถลงข่าวรับมอบตัว นายณัฐดนัย คงดี อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาแฮ็กข้อมูลเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ และเข้าถึงระบบฐานข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากเจ้าหน้าที่ทหารและสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตัวเอง
โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้นจะใช้ความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ทำการเข้าถึงระบบข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐก่อนจะทำการบันทึกภาพไว้ แล้วส่งต่อให้กับผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊กชื่อพลเมืองต่อต้านซิงเกิ้ลเกตเวย์ เพื่อนำไปเผยแพร่ข้อมูลผ่านเพจดังกล่าว จากการสืบสวนสอบสวนยังพบว่านายณัฐดนัยนั้น เป็นสมาชิกของกลุ่มแฮ็กเกอร์ 3 กลุ่มหลักด้วยกันและยังเป็นสมาชิกคนเพจพลเมืองต่อต้าน ซิงเกิ้ลเกตเวย์อีกด้วย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า หลังจากพบมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีทำการเจาะข้อมูลเว็บไซต์หน่วยงานราชการ ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลา 3 วัน ก็สามารถจับกุมนายณัฐดนัยได้ในที่สุด และจากการตรวจสอบบ้านพัก พบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้แฮ็กข้อมูล ฮาร์ดไดรฟ์ ปืน กัญชาอัดแท่ง และอุปกรณ์การเสพอีกจำนวนหนึ่ง
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการรายอื่นต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มขบวนการดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นกลุ่มขบวนการใหญ่ มีทั้งอยู่ในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งหากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงบุคคลใด ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ส่วนรายละเอียดการสอบสวนนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
“เจ้าหน้าที่ยังฝากเตือนผู้ที่คิดจะทำผิดเจาะข้อมูลเว็บไซต์ราชการด้วยว่า ให้หยุดความคิดดังกล่าวทันที เพราะทางเจ้าหน้าที่ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถสืบสวนสอบสวนไปยังผู้กระทำผิด และจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เช่นเดียวกันกับผู้ต้องรายดังกล่าวนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนายณัฐดนัยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาไว้ทั้งสิ้น 4 ข้อหาด้วยกัน คือ 1.ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ 2.ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 3.ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
อ่านต้นฉบับที่นี่ :
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_159904