PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

ว่าด้วยรัสเซีย จีน และ ไทย สหรัฐ

ยุทธนาวี มะกันรัสเซีย

จับตายุทธนาวี อเมริกา อังกฤษ VS จีน รัสเซีย จากวิกฤติซีเรีย
30 สิงหาคม 2013 โดย blogger   [อ่าน 3027 คน , ยังไม่มีความเห็น , ID]


รัสเซีย-จีน ไม่แทงกั๊ก ออกมาขวางอเมริกาในกรณีที่ตั้งเป้าเข้าโจมตีซีเรีย ขู่ทั้งระดับประเทศด้วยการทูตและส่งกองเรื่อรบเข้าลอยลำกลางหมู่เรือของอเมริกาและนาโต้  ผมจะย่อยข่าวให้ฟังว่าสอง

วันนี้มีอะไรเคลื่อนไหวบ้าง สำหรับความเห็นของผมเอง เลวร้าย เลวร้าย อาจจะชนวนสงรามโลกได้ง่ายๆ งานนี้อเมริกาเอาแขกแน่แต่รัสเซียและจีนก็เอาแน่เหมือนกันแต่เอาเลือดบนกบาลสั่ง

สอนอเมริกา  อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ออกมาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศควรรอบคอบ และยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะความพยายาม

รวบรัดโจมตีซีเรียโดยไม่ผ่านมติสหประชาชาตินั้นไม่ต่างอะไรไปจาก การกระทำความผิดพลาดแบบเดิมที่รังแต่จะก่อให้เกิดความยับเยินอย่างที่มีประเทศอิรักเป็นตัวอย่างให้เห็น  สำนักข่าวซินหัว

ของจีนออกมาตั้งข้อสังเกตถึงการด่วนสรุปของบรรดาชาติตะวันตก ก่อนการตรวจสอบของสหประชาชาติจะมีความเห็นในเรื่องการใช้อาวุธเคมีของซีเรีย ได้เตือนเอาไว้ว่า “การบุกซีเรียจะนำมาซึ่ง

อันตรายและความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของประชาคมระหว่างประเทศ  ดมิตรี โรโกซิน อดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวว่า เป้าหมายของอเมริกาไม่ได้หยุดยั้งอยู่เพียงลิเบียแต่ซีเรียและเยเมนจะ

เป็นเป้าหมายรายต่อไป สุดท้ายจะพุ่งเป้าไปยังอิหร่าน  รัสเซียจะต้องให้ความสนใจต่อการยกระดับไปสู่การก่อสงครามขนาดใหญ่ทั่วทั้งภูมิภาค  พลเรือตรีฉาง เฉาฉง ออกมาประกาศจุดยืนของจีนว่า

จีนจะไม่ลังเลใดๆ เลยในการปกป้องอิหร่าน แม้การกระทำเช่นนี้จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ตามที เนื่องจากจีนต้องพึ่งพาเส้นทางน้ำมัน 10%ของประเทศจากอิหร่าน  อับบาส อารัคชี

โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านได้ออกมากล่าวว่าตะวันออกกลางกำลังเต็มไปด้วยข้อขัดแย้งต้องอาศัยสันติภาพ อดทน อดกลั้น เข้ามาช่วยไม่ใช่อาศัยกำลังทหาร การโจมตีซีเรียนั้นไม่ได้ช่วย

แก้ปัญหาได้แล้ว ยังจะทำให้เกิดความขัดแย้งลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาคอีกด้วย  ประธานาธิบดีปูติน ของรัสเซีย ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน ยืนยันว่ารัสเซียไม่เห็นหลักฐานใดๆ

ว่ารัฐบาลซีเรียเป็นผู้ใช้อาวุธชนิดนี้ฆ่าประชาชนของตัวเอง แต่อังกฤษเป็นลูกน้องของอเมริกา มาตั้งแต่สมัยหมาน้อยโทนี แบลร์ ก็ยังสะกดจิตตัวเองให้เดินตามก้นอเมริกาไม่เปลี่ยนแปลง เงินกับ

น้ำมันที่ยึดได้มันไม่เข้าใครออกใคร  อาวุธฝ่ายอเมริกาที่เข้าไปจ่อคอซีเรียมี เรือพิฆาตติดจรวดนำวิถี 4ลำ  เรือดำน้ำจำนวนหนึ่งไม่เปิดเผย  เรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิทซ์ 2ลำ เรือโจมตีสะเทินน้ำสะ

เทินบกหนึ่ลำ ยังไม่รวมของนาโต้และอังกฤษ ฝ่ายรัสเซียส่งเรื่อเข้าไปขวางกลางกลุ่มเรื่อสหรัฐ 2ลำ เป็นเรื่อต่อต้านเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น มอสคว่าติดอาวุธนิวเคลียร์สิบหกหัวรบ 1ลำ เรือพิฆาติติด

อาวุธนำวิถีชั้นอูดาลอยปราบเรือดำน้ำ 1ลำ และอีกสิบสองลำจากทั้งกองเรือเมริเตอร์เรเนียนเข้ามาเสริมในอีกสองวันนี้ เป็ยุทธนาวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สิ้นยุคสงครามเย็น
รัสเซีย-จีน ไม่แทงกั๊ก ออกมาขวางอเมริกาในกรณีที่ตั้งเป้าเข้าโจมตีซีเรีย ขู่ทั้งระดับประเทศด้วยการทูตและส่งกองเรื่อรบเข้าลอยลำกลางหมู่เรือของอเมริกาและนาโต้ ผมจะย่อยข่าวให้ฟังว่าสอง

วันนี้มีอะไรเคลื่อนไหวบ้าง สำหรับความเห็นของผมเอง เลวร้าย เลวร้าย อาจจะชนวนสงรามโลกได้ง่ายๆ งานนี้อเมริกาเอาแขกแน่

แต่รัสเซียและจีนก็เอาแน่เหมือนกันแต่เอาเลือดบนกบาลสั่งสอนอเมริกา

อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ออกมาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศควรรอบคอบ และยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะความพยายามรวบรัดโจมตี

ซีเรียโดยไม่ผ่านมติสหประชาชาตินั้นไม่ต่างอะไรไปจาก การกระทำความผิดพลาดแบบเดิมที่รังแต่จะก่อให้เกิดความยับเยินอย่างที่มีประเทศอิรักเป็นตัวอย่างให้เห็น

สำนักข่าวซินหัว ของจีนออกมาตั้งข้อสังเกตถึงการด่วนสรุปของบรรดาชาติตะวันตก ก่อนการตรวจสอบของสหประชาชาติจะมีความเห็นในเรื่องการใช้อาวุธเคมีของซีเรีย ได้เตือนเอาไว้ว่า “การ

บุกซีเรียจะนำมาซึ่งอันตรายและความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของประชาคมระหว่างประเทศ…

ดมิตรี โรโกซิน อดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวว่า เป้าหมายของอเมริกาไม่ได้หยุดยั้งอยู่เพียงลิเบียแต่ซีเรียและเยเมนจะเป็นเป้าหมายรายต่อไป สุดท้ายจะพุ่งเป้าไปยังอิหร่าน รัสเซียจะต้องให้

ความสนใจต่อการยกระดับไปสู่การก่อสงครามขนาดใหญ่ทั่วทั้งภูมิภาค

พลเรือตรีฉาง เฉาฉง ออกมาประกาศจุดยืนของจีนว่าจีนจะไม่ลังเลใดๆ เลยในการปกป้องอิหร่าน แม้การกระทำเช่นนี้จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ตามที เนื่องจากจีนต้องพึ่งพาเส้นทางน้ำมัน

10%ของประเทศจากอิหร่าน

อับบาส อารัคชี โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านได้ออกมากล่าวว่าตะวันออกกลางกำลังเต็มไปด้วยข้อขัดแย้งต้องอาศัยสันติภาพ อดทน อดกลั้น เข้ามาช่วยไม่ใช่อาศัยกำลังทหาร การโจมตีซีเรีย

นั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว ยังจะทำให้เกิดความขัดแย้งลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาคอีกด้วย

ประธานาธิบดีปูติน ของรัสเซีย ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน ยืนยันว่ารัสเซียไม่เห็นหลักฐานใดๆว่ารัฐบาลซีเรียเป็นผู้ใช้อาวุธชนิดนี้ฆ่าประชาชนของตัวเอง แต่อังกฤษเป็นลูก

น้องของอเมริกา มาตั้งแต่สมัยโทนี แบลร์ ก็ยังสะกดจิตตัวเองให้เดินตามก้นอเมริกาไม่เปลี่ยนแปลง

เงินกับน้ำมันที่ยึดได้มันไม่เข้าใครออกใคร

อาวุธฝ่ายอเมริกาที่เข้าไปจ่อคอซีเรียมี เรือพิฆาตติดจรวดนำวิถี 4ลำ เรือดำน้ำจำนวนหนึ่งไม่เปิดเผย เรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิทซ์ 2ลำ เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกหนึ่ลำ ยังไม่รวมของนาโต้และ

อังกฤษ

ฝ่ายรัสเซียส่งเรื่อเข้าไปขวางกลางกลุ่มเรื่อสหรัฐ 2ลำ เป็นเรื่อต่อต้านเรือบรรทุกเครืองบินชั้น มอสคว่าติดอาวุธนิวเคลียร์สิบหกหัวรบ 1ลำ เรือพิฆาติติดอาวุธนำวิถีชั้นอูดาลอยปราบเรือดำน้ำ 1ลำ

และอีกสิบสองลำจากทั้งกองเรือเมริเตอร์เรเนียนเข้ามาเสริมในอีกสองวันนี้ เป็ยุทธนาวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สิ้นยุคสงครามเย็น
//////////////////
จีน-รัสเซีย คือมิตรแท้ยามยาก

สุทิน วรรณบวร

ในสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 สยามตกอยู่ในวงล้อมของนักล่าอาณานิคมจากตะวันตก ฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมต่อเวียดนาม ลาว เขมร ทำให้สยามถูกคุกคามจากทิศตะวันออก ส่วนอังกฤษเป็นเจ้า

อาณานิคมต่อพม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ สยามจึงถูกคุกคามจากทิศตะวันตกและภาคใต้

                 สยามยามนั้นเหมือนลูกแกะอยู่ในวงล้อมของหมาป่าที่จ้องขม้ำอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์สยามในยุคนั้น ที่ไปมีความสัมพันธ์เกี่ยวดองกับราชวงศ์รัสเซีย

ทำให้รัสเซียเข้ามาคานอำนาจเอาไว้ ช่วยให้สยามหลุดพ้นจากการตกเป็นเมืองขึ้นในอาณานิคมของตะวันตกมาได้

                เดือนพฤษภาคม 2557 ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะวิกฤติทางการเมือง ทหารจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกและควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ การควบคุมอำนาจปกครองประเทศ

โดยคณะทหาร ทำให้สหรัฐอเมริกาไม่พอใจ ประท้วงอย่างรุนแรง ขู่ตัดการช่วยเหลือกทางทหาร ยกเลิกการซ้อมรบ  สหรัฐเรียกร้องให้คณะทหารคืนประชาธิปไตยให้กับคนไทยโดยการจัดให้มีการ

เลือกตั้งทั่วไปโดยเร็ว

                รัสเซีย ซึ่งเคยช่วยเหลือประเทศไทยครั้งฝรั่งล่าอาณานิคม  ไม่เห็นด้วยกับท่าทีวางก้ามของอเมริกา ประธานาธิบดีวาลาดิเมีย ปูติน จึงแถลงว่า “มิตรประเทศต้องเคารพการตัดสินใจของ ผู้

บัญชาการทหารบกที่ประกาศกฎอัยการศึก เพื่อรักษาความสงบมั่นคงภายในและจัดระเบียบบริหารประเทศ ข้าพเจ้ามั่นใจว่า  สถานการณ์ในประเทศไทยจะกลับสู่ปรกติในเร็ววัน”

                ปี 2522  ภัยจากคอมมิวนิสต์เวียดนาม คุกคามประเทศไทย เพราะเวียดนาม ส่งกำลังทหารเข้ามาในกัมพูชากว่า 250,000 นาย  สาธารณรัฐประชาชนจีนก็ช่วยเหลือไทย โดยการเปิดสงคราม

สั่งสอนเวียดนามที่ชายแดนติดต่อกับจีน ทำให้เวียดนามพะวักพะวงกับสงครามสองด้าน

                ปี 2557 เมื่อสหรัฐแสดงอำนาจบาตรใหญ่แทรกแซงกิจการภายในของไทย  ประธานาธิบดีจีน-นายสี จิ้นผิงก็ออกมาปรามด้วยการแถลงข่าว เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในไทย ใช้ความ

อดทนอดกลั้นและ เจรจากันให้มากขึ้น เพื่อนำประเทศเข้าสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พร้อมกับสำทับว่า

                “ต่างชาติไม่ควรแทรกแซงเรื่องรัฐประหารในไทย  เชื่อคนไทยสามารถจัดการกันเองได้ และ ขอให้กำลังใจประเทศไทยให้ผ่านวิกฤติการณ์นี้ไปได้ด้วยดี”

                เป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อจีนกับรัสเซียแท็กทีมปราม อเมริกา ทรราชบ้านนอกอย่างนายฮุน เซน แห่งกัมพูชา ผู้มีความสัมพันธ์เกี่ยวดองทางเครือญาติและ ธุรกิจกับทักษิณ ชินวัตร เปลี่ยนท่าที

ถีบหัวส่งทักษิณ  เดินทางตามรอยจีนกับรัสเซีย ประกาศ”กัมพูชาไม่ยอมให้ “คนต่างชาติ” ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น หรือสร้างกองทัพโจมตีเพื่อบ้าน” นายฮุน เซนพูดเรื่องนี้ หลังจาก นายโรเบิร์ต

อัมสเตอร์ดัม ทนายความส่วนตัวของทักษิณ แถลงข่าวในต่างประเทศว่า รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เตรียมตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในประเทศเพื่อนบ้าน

                นายฮุน เซนซึ่งไม่เคยยึดมั่นข้อมติของประเทศสมาชิกสมาคมเอเชียตะวันออก (อาเชียน) ว่าด้วยการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก เห็นได้จากการแถลงข่าวด่านายอภิสิทธ์

เวชชาชีวะ ว่าปล้นอำนาจไปจากพรรคเพื่อไทยเมื่อครั้งที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพประชุมอาเชียน ซัมมิต ที่ชะอำ-หัวหิน ในปี 2552

                มาวันนี้นายฮุน เซน อ้างว่า “ประเทศสมาชิกอาเซียนและ รัฐธรรมนูญของกัมพูชา ห้ามไม่ให้แทรกแซงกิจการภายในประเทศเพื่อนบ้าน ข้าพเจ้าขอย้ำว่า กัมพูชาไม่ใช่สถานที่ที่ประเทศใด

หรือกลุ่มใด แม้แต่กลุ่มของคุณทักษิณ จะมาจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น”

                “กัมพูชาถือว่าสถานการณ์ในไทยเป็นกิจการภายในของไทย และ กัมพูชาจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย เนื่องจากรัฐประหารครั้งนี้ได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว กัมพูชาต้องรักษา

ความสัมพันธ์และความร่วมมือกับทหารไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าพเจ้าหวังว่า อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ รวมถึงพรรคเพื่อไทยจะเข้าใจจุดยืนของกัมพูชา”

                เขมรกล้าหาญสลัดทิ้งทักษิณ  แสดงว่า ฮุน เซนต้องได้รับสัญญาณ บางอย่างจากจีน  ถ้าจำกันได้นาย ฮุน เซนเคยรับงานฉีกหน้าสหรัฐมาแล้ว เมื่อคราวที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอา

เซียนซัมมิต ในปี 2555 ในการประชุมครั้งนั้น จีนกับสหรัฐขัดแย้งกันรุนแรงเรื่องปัญหาทะเลจีนใต้

                ประธานาธิบดีบารัก โอบามา กับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เดินทางเข้ากัมพูชาในวันเดียวกัน ฮุน เซนสั่งทำป้ายต้อนรับประธานาธิบดีจีนขนาดใหญ่ ติดตั้งไว้ตลอดทางตั้งแต่สนามบิน จน

ไปถึงทำเนียบ แต่ไม่มีป้ายต้อนรับโอบามาแม้แต่แผ่นเดียว

                จีนประกาศปัญหาทะเลจีนใต้เป็นเรื่องภายใน  ไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาแทรกแซง ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้มีแถลงการณ์“เรื่องทะเลจีนใต้” เป็นไปตามที่จีนต้องการ เมื่อถึงเวลาเปิด

แถลงข่าวสรุปการประชุมและอ่านแถลงการณ์ต่างๆที่เตรียมไว้ นายฮุน เซนบีบน้ำตากล่าวว่า

                “ข้าพเจ้าซาบซึ้งจนกลั่นน้ำตาไม่อยู่ ที่ประเทศเล็กๆอย่างกัมพูชา สามารถจัดประชุมระดับสากลได้สำเร็จด้วยดี ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยให้ประชุมครั้งนี้สำเร็จด้วยดี ตลอดเวลา

หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าตรากตรำงานหนักเหนื่อยมากจนไม่มีเรี่ยวแรงจะแถลงต่อไปได้ ขอจบแถลงข่าวเพียงเท่านี้”

                การตัดบทไม่ยอมอ่านแถลงการณ์ทะเลจีนใต้ ทำให้โอบามา โกรธมาก รีบเดินทางออกจากัมพูชาในทันที เพราะเขาถูกสื่อตะวันตกวิจารณ์ว่า ล้มเหลว ไม่สามารถผลักดันแถลงการณ์ทะเล

จีนใต้ได้

                เล่าเรื่องนี้เพราะต้องการให้รู้ว่าอิทธิพลของอเมริกา กำลังเสื่อมถอยทั่วโลก ไม่ว่าจะไปวางก้ามที่ไหน จีนกับรัสเซียจะเข้ามาขวางทางดักคอที่นั่น ตัวอย่างเช่นในประเทศซีเรีย อเมริกา

กระเหี้ยนกระหือรือ จะถล่มซีเรียให้เป็นจุลให้ได้ แต่พอจีนกับรัสเซียเข้ามาขวาง อเมริกาก็ถอยไม่เป็นท่า

                เพราะฉะนั้นประเทศไทยไม่มีอะไรต้องหวั่นไหว วิตกจริตที่อเมริกาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาวิกฤติประเทศตามแนวทางของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  เพราะเรายังมีมิตรแท้ที่เคยช่วย

เหลือประเทศไทยยามยาก อย่างประเทศจีนและรัสเซีย เข้าใจและให้กำลังใจเราเสมอ

                ประเทศไทยควรจะดีใจและภูมิใจที่อเมริกา ขัดขวางไม่สนับสนุนแนวทางของเรา  เพราะประวัติศาสตร์ยุคใหม่สอนให้เรารู้ว่า ประเทศไหนที่อเมริกาเข้าไปแทรกแซง ให้สนับสนุน

ประเทศนั้นจะวิบัติฉิบหาย ตัวอย่างที่เห็นอยู่วันนี้ไม่ว่า จะเป็นประเทศยูเครน อียิปต์  อีรัก  อัฟกานิสถาน  ตูนีเซีย

                แม้แต่ในเวียดนามที่เกิดจลาจลต่อต้านคนจีน ทำให้คนจีนเสียชีวิต 2  บาดเจ็บหลายร้อยคน จนรัฐบาลจีนต้องรีบส่งเรือและเครื่องบินมาอพยพคนจีน4,000 กว่าคนจากเวียดนาม มีคนสงสัย

ว่าอเมริกันมีส่วนปลุกปั่นให้เกิดจลาจลต่อต้านจีน เพราะเหตุร้ายเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่อเมริกาออกแถลงการณ์ว่า จีนยั่วยุ ที่ย้ายฐานขุดเจาะน้ำมันไปอยู่ ในน่านน้ำที่อ้างเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ

ของเวียดนาม

                ในทางตรงกันข้ามประเทศไหน กลุ่มไหนที่อเมริกาเกลียดชัง ขัดขวาง  ต่อต้าน ประเทศนั้น กลุ่มนั้นจะได้ความนิยมและสนับสนุนจากคนในชาติ ตัวอย่างเช่น มวลมหาประชาชน  กปปส.

นำโดยกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ และคณะที่ทหารที่กล้าอาสาเข้ามาแก้วิกฤติชาติ  ได้รับการสนับสนุน เชื่อมั่น ศรัทธาจากชาวไทยทั่วประเทศ  แต่เป็นที่ชิงชังของสหรัฐ

                ในประเทศอินเดีย พรรคคองเกรสของตระกูลคานธีชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ตลอด 64 ปีที่ผ่านมา แต่ทันทีที่สหรัฐประกาศห้ามนายนเรนทรา โมดีจากพรรคบีเจพี ซึ่งเป็นคู่

แข่งของพรรคคองเกรส เข้าประเทศ ชาวอินเดียลงคะแนนให้พรรคบีเจพีล้นหลาม ชนะพรรคคองเกรส 272 ต่อ 49 เสียง นายโมดี ก้าวขึ้นมาเป็นนายคนใหม่ของอินเดีย ท่ามกลางความเกลียดชัง

ของอเมริกา

จึงสรุปได้ว่าอเมริกันคือตัวซวยของชาวโลก อเมริกันแทรกแซงประเทศไหนวิบัติเสียหาย เกิดขึ้นกับประเทศนั้น อเมริกันต่อต้านกลุ่มไหน ความเจริญรุ่งเรืองเกิดขึ้นกับคนนั้น ประเทศไทยจึงโชคดี

ที่อเมริกาเกลียด
------------------
สื่อรัสเซีย ตีข่าว อเมริกา เล็ง ไทยเป็นฐานทัพถาวร ใช้การสำรวจชั้นบรรยากาศบังหน้า หวังคานอำนาจจีน กลับสู่ยุคสงครามเย็น แฉ มะกัน ใช้อู่ตะเภา เป็นแหล่งเติมน้ำมัน ลำเลียงเสบียง บุคลากร

ไปยังอัฟกานิสถาน -อิรัค และส่งผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายไปยังฐานทัพกวนตานาโมที่คิวบา โดยเครื่องบินล่องหน สเตลท์ ระบุ จีนกังวลหนักกดดันประเทศในภูมิภาคเอเชียฯไม่ให้ร่วมมือกับสหรัฐ
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 55 เวปไซด์ The Voice Of Russia http://english.ruvr.ru/2012_06_26/79350701/
ซึ่งเป็นสถานีวิทยุของรัฐบาลรัสเซีย ได้เสนอบทความเกี่ยวกับกรณีที่สหรัฐอเมริกามีความต้องการที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพของอเมริกาเพื่อคานอำนาจจีน มีเนื้อหาดังนี้

หัวข้อ ประเทศไทยมีแนวโน้มว่าจะเป็นอีกหนึ่งประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ที่กองทัพอเมริกันจะใช้เป็นฐานทัพถาวร

ตอนนี้เพนตาก้อนกำลังพิจารณาที่จะกลับสู่ อู่ตะเภา หลังจากที่เคยใช้สถานที่นี้เป็นฐานทัพในช่วงสงครามเวียดนาม โดยในปัจจุบันอู่ตะเภา เป็นสนามบินภาณิชย์ที่ให้บริการเครื่องบินเหมาลำจา

กรัสเซีย และประเทศแถบตะวันออก เป็นหลัก Leon Panetta รมว.ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา กล่าวในการประชุมเรื่องความมั่นคงในประเทศสิงคโปร์ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ทางนาซากำลัง

พิจารณาใช้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ ซึ่งในการประชุมดังกล่าว รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯยังกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯจะย้ายฐานกำลังทหารเรือประมาณ 60% ไปประจำตามน่านน้ำใน

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อที่จะสร้างความสมดุลกับกองกำลังของประเทศจีน ทั้งนี้แหล่งข่าวในกองทัพไทย แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า ไม่เชื่อว่าสหรัฐจะสำรวจเฉพาะชั้นบรรยากาศเพียงอย่างเดียว และมีความกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของจีนต่อกรณีดังกล่าว

ทั้งนี้ความกังวลในเรื่องนี้น่าจะมีมูล เพราะมีบริษัทของสหรัฐที่ประจำที่อุ่ตะเภาทำหน้าที่ซ่อมบำรุงให้กับเครื่องบินและเรือของสหรัฐอเมริกา ที่ทำหน้าที่ลำเลียงเสบียงและบุคลากรไปยังประเทศอัฟกานิสถานกับอิรัค และมีกระแสข่าวว่าทหารอเมริกันใช้อูตะเภาเป็นแหล่งพักระหว่างเติมน้ำมันเพื่อส่งตัวผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายไปยังฐานทัพกวนตานาโมในคิวบา โดยเครื่องบินล่องหนสเตลท์

ผู้เชี่ยวชาญที่มาจากกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มีความเห็นว่า ทางวอชิงตันอยากให้ไทยช่วยสังเกตการณ์ทางอากาศเพื่อสำรวจความเคลื่อนไหวทั้งหมดผ่านเส้นทางการเดินเเรือจากประเทศตะวันออกกลาง จนถึงทะเลแปซิฟิค ซึ่งเป็นเส้นทางเรือที่จีนใช้ในการติดต่อการค้ากับประเทศแอฟริกาและเอเชีย

“ตอนนี้สหรัฐกังวลเรื่องศักยภาพทางเศรษจกิจของจีนที่กำลังเติบโตที่อาจไปเพิ่มพูนศักยภาพทางทหารและการเมืองให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาอำนาจในระดับโลก จึงเป็นเหตุผลที่ทางสหรัฐมีความจำเป็นที่จะคานอำนาจจีนด้วยการย้อนกลับไปสู่สงครามเย็นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2” นาย Andrei Volodin กล่าว

การดำเนินการทั้งหมดของสหรัฐก็เพื่อขยายฐานอำนาจของตัวเองให้มีบทบาทมากขึ้นในเอเชียแปซิฟิค ทางสหรัฐกำลังพิจารณาที่จะกลับไปมีฐานทัพที่ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนมีความเห็นว่า เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้ ทำให้จีนมีปฏิกริยาตอบโต้และวางยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงใหม่ของอเมริกา โดยต้องแสดงออกให้ประเทศในภูมิภาคนี้ที่ต้องพึ่งพาจีนได้รับทราบความกังวลดังกล่าวเพื่อจะได้ไม่อำนวยความสะดวกให้กับสหรัฐ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 55 ซีซีทีวีของจีน ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมติครม.ไทยไม่อนุมัตให้นาซาใช้อู่ตะเภาเป็นฐานปฏิบัติการสำรวจชั้นบรรยากาศ และตั้งข้อสังเกตว่านักวิทยาศาสตร์ไทยไม่ให้ความสำคัญกับการที่จะมีเครื่องบินที่มีศักยภาพสุงด้านการสอดแนมอย่าง ER - 2 ที่จะถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการของนาซา บินเหนือน่านฟ้าไทย พร้อมกับระบุว่าเครื่องบินดังกล่าวสามารถบินหนีระบบการตรวจสอบของเรดาร์ในทวีปเอเชียได้ด้วย
-----------------------
สงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกากับโซเวียตร่วมกันซัดเยอรมนีจนชนะ

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โซเวียตใช้กำลังทหารเข้าไปในประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันออก บังคับให้ชาติรัฐพวกนั้นมาเป็นรัฐบริวารของตน สนับสนุนให้พรรคคอมมิวนิสต์ชนะเลือกตั้งในประเทศโน้นชาตินี้ จนบั้นปลายท้ายที่สุด โซเวียตก็เป็นผู้นำของค่ายคอมมิวนิสต์

มีคนถามผมบ่อย ว่าทำไมโซเวียตต้องแผ่อิทธิพลไปครอบงำ ชาติโน้น รัฐนี้ ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ขอตอบรับใช้ในเปิดฟ้าส่องโลกเลยนะครับ ว่าในอดีตช่วง 150 ปี รัสเซียโดนภัยคุกคามที่เข้ามาจากทางทิศตะวันตกของประเทศถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งนำความหายนะมาสู่รัสเซียทั้งนั้น ดังนั้น รัสเซียจึงต้องเอาประเทศที่มีพรมแดนประชิดติดกับตัวเองทางตะวันตกให้อยู่โซเวียตจึงต้องจัดการให้ชาติรัฐพวกนี้เป็นคอมมิวนิสต์เพื่อเอาเป็นรัฐกันชนไม่ให้ใครเข้ามาคุกคามตนจากทางตะวันตก อเมริกาเห็นโซเวียตใหญ่โตมโหฬารอย่างไวก็ทนไม่ไหว จึงสร้าง Containment Policy ขึ้น แปลเป็นไทยน่าจะหมายถึงยุทธศาสตร์สกัดกั้น โดยมีข้อใหญ่ใจความว่า อเมริกาจะต้องใช้อำนาจและขีดความสามารถของตนทุกด้าน สกัดกั้นไม่ให้กลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์แผ่ขยายกระจายอำนาจออกมาจากฐานของตัวเองได้

โซเวียตทดลองระเบิดปรมาณูลูกแรกได้สำเร็จเมื่อ พ.ศ. 2492 ทดลองระเบิดไฮโดรเจนได้สำเร็จเมื่อ พ.ศ.2496 ตามด้วยส่งดาวเทียมดวงแรกของโลกที่ชื่อว่าสปุตนิคขึ้นไปโคจรรอบโลกได้สำเร็จเมื่อ พ.ศ.2500 โอย ตอนนั้นอเมริกาแทบจะคลั่งตาย ประกาศตั้งเป้าเพิ่มกำลังอาวุธนิวเคลียร์ ว่าจะต้องผลิตขีปนาวุธภาคพื้นดินให้ได้ถึง 1,000 ลูก และจะต้องสร้างขีปนาวุธที่สามารถยิงจากเรือดำน้ำให้ได้มากถึง 600 ลูก

โซเวียตอยู่เฉยไม่ได้ จึงพัฒนา ICBM หรือขีปนาวุธข้ามทวีป พร้อมที่จะส่งขบวนหัวรบนิวเคลียร์ไปจัดการกับอเมริกาและประเทศตะวันตก

ในตอนนั้นนั่นแหละครับ โลกอุบัติ Balance of Terror แปลเป็นไทยน่าจะได้ว่า ดุลยภาพแห่งความน่าสะพรึงกลัว

มีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ต้องหาพวก

อเมริกาก็ไปตั้งนาโต ที่มีชื่อเต็มว่า “องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ” เป็นองค์กรพันธมิตรทางการทหาร

โซเวียตก็ไปตั้งวอร์ซอแพค หรือ “องค์การกติกาสัญญาวอร์ซอ”

นาโตและวอร์ซอแพคซัดกันอยู่นาน กระทั่งโซเวียตล่มสลายกลายเป็น 15 ประเทศ เมื่อ พ.ศ.2534 โซเวียตไม่มีแล้ว รัสเซียก็ตั้งตัวเป็นประเทศผู้สืบสิทธิ์ของสหภาพโซเวียต

รัสเซียใน พ.ศ.2534-2542 อ่อนแอแย่จริงๆ ไม่มีกำลังวังชาที่เป็นผู้นำของกลุ่มประเทศอะไรได้ อเมริกาได้ทีก็ขี่หมาไล่ ปิดล้อมและบั่นทอนความมั่นคงของรัสเซียทุกด้าน

อเมริกาพยายามดึงประเทศที่เคยเป็นสาธารณรัฐของ สหภาพโซเวียตมาเป็นพันธมิตรกับกลุ่มประเทศตะวันตก อเมริกาพยายามอยู่หลายรอบที่จะดึงรัสเซียให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงกับตนและกลุ่มประเทศตะวันตกเหมือนกัน แต่รัสเซียจับได้หลายครั้ง ว่าอเมริกาไม่จริงใจกับตัวเอง รัสเซียจึงไม่ทุ่มกายถวายใจไปให้อเมริกากับตะวันตก

พ้นจากยุคของนายเยลต์ซิน ก็มาเป็นยุคของนายปูติน

ปูตินคนนี้นี่แหละครับ ต้องการที่จะรื้อฟื้นอิทธิพลของรัสเซียขึ้นมาใหม่ให้ดีเด่นดังทั้งทางด้านเศรษฐกิจและกำลังทหาร ผู้อ่านท่านที่ตามความเป็นไประหว่างประเทศ ก็คงจะรู้สึกเหมือนผมนะครับ 

ว่าในยุคปูติน รัสเซียเริ่มค่อยๆทยอยมีอิทธิพลต่อโลกมากขึ้น

ไม่เพียงแต่จะไม่จริงใจต่อรัสเซียเท่านั้น อเมริกายังไม่จริงใจต่อจีนด้วย เพราะอเมริการะแวงว่า ต่อไปในอนาคต รัสเซียและจีนมีโอกาสผงาดเป็นชาติมหาอำนาจของโลกได้ทั้งคู่ อเมริกาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะคุมไม่ให้ทั้งสองประเทศที่ว่าเติบโตมาเป็นมหาอำนาจแข่งกับตัวเอง จึงพยายามปิดล้อมรัสเซียและจีน

รัสเซียและจีนมีสมอง มีตาที่มองได้ทะลุปรุโปร่งพอสมควร ทั้งสองประเทศรู้ว่า ถ้าอยู่โดดเดี่ยวตัวคนเดียวจะโดนอเมริกาและตะวันตกใช้นาโตซัดเข้าสักวัน จึงมารวมตัวกันตั้งเป็นองค์การแบบเดียวกับนาโต ซึ่งนั่นก็คือ “องค์การความร่วมมือซ่างไห่”

องค์การนี้นี่แหละครับ ที่อเมริกาและโลกตะวันตกกลัว.

คุณนิติ นวรัตน์
-------------------------------
กลุ่มซ่างไห่ไฟว์ประชุมกันครั้งแรกเมื่อ 26 เมษายน 2539 ที่มหานครซ่างไห่ ผู้ร่วมประชุมมี นายเจียง เจ๋อ หมิน ประธานาธิบดีจีน นายบอริส เยลต์ซิน ประธานาธิบดีรัสเซีย นายนูร์สุลตาน นาซาร์บาเยฟ ประธานาธิบดีคาซัคสถาน นายอิโมมาลิ ราคโมนอฟ ประธานาธิบดีทาจิกิสถาน และนายอาสการ์ อาคาเยฟ ประธานาธิบดีคีร์กีซ

ข้อตกลงสำคัญที่เกิดขึ้นในการประชุมครั้งแรกก็คือ ข้อตกลงว่าด้วยการสร้างความไว้วางใจทางการทหารบริเวณชายแดน หรือข้อตกลงซ่างไห่ การชุมนุมสุมศีรษะของผู้นำทั้ง 5 ประเทศ 5 ท่าน

เป็นครั้งแรกยังทำให้เกิดสนธิสัญญาการซ้อมรบในระยะห่าง 100 กิโลเมตรนับจากเขตแดนของจีนและของรัฐสมาชิกอีก 4 ประเทศ

กลุ่มซ่างไห่ไฟว์ประชุมครั้งที่ 2 เมื่อ 24 เมษายน 2540 ที่กรุงมอสโก ทำให้เกิดข้อตกลงมอสโก ที่ว่าด้วยการลดกำลังทหารบริเวณชายแดนของรัฐสมาชิก

จากนั้นก็มีการประชุมครั้งที่ 3 พ.ศ.2541 ที่กรุงอัลมาตี คาซัคสถาน ครั้งที่ 4 พ.ศ.2542 ที่กรุงบิชเค็ก คีร์กีซ และครั้งที่ 5 พ.ศ.2543 ที่กรุงดูชานเบ ทาจิกิสถาน

ที่ทำให้สหรัฐอเมริกาหนาวก็คือ คำกล่าวของประธานาธิบดีเจียง เจ๋อ หมิน ในการประชุมครั้งที่ 3 ว่า... “จีนพร้อมที่จะร่วมมือกับรัสเซีย และพัฒนาความร่วมมือให้กลายเป็นการประชุมร่วมกัน
ระหว่างจีน รัสเซีย คาซัคสถาน คีร์กีซ และทาจิกิสถาน รวมทั้งอุซเบกิสถานและเติร์กเมนิสถาน เพื่อให้เกิดเสถียรภาพในเอเชียกลาง”

การประชุมครั้งที่ 5 เมื่อ 5 กรกฎาคม 2543 อุซเบกิสถานขอรับสถานะเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ และในการประชุมครั้งที่ 5 นี้นี่เองครับ มีการแถลงถึงภัยคุกคามความมั่นคงต่อจีน รัสเซีย และภูมิภาคเอเชียกลางที่เรียกว่า “พลังแห่งความชั่วร้าย 3 ประการ” คือ 1.กลุ่มคลั่งศาสนาหัวรุนแรง 2.กลุ่มแบ่งแยกดินแดน และ 3.กลุ่มก่อการร้ายสากล ซึ่งกลุ่มซ่างไห่ไฟว์ให้ความสำคัญและจะต้องร่วมกันต่อต้านอย่างมุ่งมั่น

จีนกับรัสเซียให้ความสำคัญกับกลุ่มซ่างไห่ไฟว์มาก เพราะทั้งสองประเทศรู้สึกตรงกันว่า เริ่มมีภัยคุกคามจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ที่ให้สถานะของกลุ่มนาโตเข้ามายุ่มย่ามในดินแดนทางแถบนี้ จีนและรัสเซียจึงยกระดับความร่วมมือในภูมิภาคภายใต้กลุ่มซ่างไห่ไฟว์ให้มุ่งไปในทางด้านการทหารและความมั่นคงมากขึ้น

การประชุมสุดยอดผู้นำครั้งที่ 6 อุซเบกิสถานขอเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มซ่างไห่ไฟว์ด้วย และเมื่อครบ 6 ประเทศแล้ว กลุ่มซ่างไห่ไฟว์ก็ร่วมกันลงนาม Declaration of Shanghai Cooperation Organization ประกาศองค์การความร่วมมือซ่างไห่ เมื่อ 15 มิถุนายน 2544 ที่มีบทบาทและวัตถุประสงค์สูงกว่ากลุ่มซ่างไห่ไฟว์ ที่แต่เดิมกำหนดเอาไว้แค่เรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับพรมแดนของประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้งทั้ง 5 ประเทศเท่านั้น

กลุ่มซ่างไห่ไฟว์ก็จึงสลายหายตัวไป และวันที่ 15 มิถุนายน 2544 จึงเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การความร่วมมือซ่างไห่ครั้งที่ 1

เมื่อกลายเป็นองค์การระหว่างประเทศแล้ว 14 กันยายน 2544 สมาชิก 6 ประเทศก็ยกโขยงไปกรุงอัลมาตี คาซัคสถานเพื่อร่างกฎบัตรองค์การความร่วมมือซ่างไห่ หลักการสำคัญในกฎบัตรก็มี ความ
ไว้เนื้อเชื่อใจกัน การมีผลประโยชน์ร่วมกัน การมีความเท่าเทียมกัน การปรึกษาหารือร่วมกัน การเคารพในอารยธรรมที่แตกต่างกันและการมีความมั่นคงร่วมกัน

หลังจากนั้น ก็มีการรับรองกฎบัตรในการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งที่ 2 เมื่อ 2 มิถุนายน 2545 ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย ทำให้องค์การความร่วมมือซ่างไห่ได้รับการก่อตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทาง
การตามหลักของกฎหมายระหว่างประเทศในวันนี้

ที่ผมรับใช้ไปนี่คือ องค์กรความร่วมมือที่มีวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงและการทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่บนโลก รวมกันถึง 30,221,711 ตารางกิโลเมตร (ร้อยละ 60 ของแผ่นดินยูเรเซีย) และมีประชากรมากถึง 1,540 ล้านคน (1 ใน 4 ของพลเมืองโลก)

ความใหญ่โตและความทรงพลังที่สามารถจะเล่นงานสหรัฐอเมริกาและตะวันตกได้ ทำให้การประชุมครั้งที่ 5 ที่กรุงอัสตานา คาซัคสถาน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 มีผู้สังเกตการณ์มาจากอีก 4 ประเทศคือ อินเดีย อิหร่าน มองโกเลีย และปากีสถาน

นายนาซาบาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน ประธานการประชุมพูดว่า...

“ท่านผู้นำของชาติต่างๆที่นั่งรวมตัวเจรจาครั้งนี้ เป็นตัวแทนครึ่งหนึ่งของมวลมนุษยชาติ”.

คุณนิติ นวรัตน์
------------------------
กำลังจะเป็น 2 ค่ายคล้ายสงครามเย็นอีกแล้ว

นายทหารที่รับพระราชทานยศนายพล ทั้งกองทัพบก เรือ อากาศจะต้องอบรมหลักสูตรปฐมนิเทศนายทหารชั้นนายพล ซึ่งปีนี้ แบ่งการอบรมเป็น 2 รุ่น คือรุ่นที่ 34 และ 35

10.00-12.00 น. พุธวันนี้ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การเตรียมความพร้อมของไทยสู่ประชาคมอาเซียน” รับใช้นายทหารชั้นนายพล รุ่นที่ 34 จำนวน 258 นาย ที่ห้องบรรยายรวมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร กรุงเทพฯ

โซเวียตล่ม สหรัฐฯเป็นขั้วอำนาจเดียวมาตั้งแต่ พ.ศ.2535-2555 เมื่อจีนและรัสเซียจะขึ้นมาคานอำนาจ สหรัฐฯก็ยั้งการแผ่ขยายอิทธิพลจีนและรัสเซียด้วยยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนและรัสเซียจึงรวมกันตั้งกลุ่มซ่างไห่ไฟว์ และต่อมาขยายเป็นองค์การความร่วมมือซ่างไห่ ขึ้นมาสู้ โดยมีสมาชิกในขณะนี้ 6 ประเทศ คือจีน รัสเซีย คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซ และอุซเบกิสถาน ครอบคลุมพื้นที่ 30 ล้านตารางกิโลเมตร (60% ของแผ่นดินยูเรเซีย) และมีประชากร 1,540 ล้านคน (25% ของประชากรโลก)

การรวมตัวขนาดใหญ่แบบนี้มีหลายองค์กร แต่เกือบทั้งหมดเป็นเรื่องเขตการค้าเสรี ทว่าการรวมตัวของรัฐสมาชิกองค์การความร่วมมือไฮไฟว์เน้นการทหารและความมั่นคง นี่แหละครับ คือองค์กรที่กำลังผงาดขึ้นมาต้านนาโต ที่มีสหรัฐฯและประเทศในยุโรปเป็นหัวหอก

สหรัฐฯและตะวันตกมีองค์กรด้านการทหารและความมั่นคงอย่างนาโตได้ พวกข้าก็รวมกันคานอำนาจเอ็งได้เหมือนกัน ว่าแล้ว พ.ศ.2549 ประธานาธิบดีปากีสถาน ก็ขอให้มีการพิจารณาคุณสมบัติของปากีสถาน ว่ามีเพียงพอที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวรในองค์การนี้ได้หรือไม่ ตอนนี้ปากีสถานจึงได้สถานะผู้สังเกตการณ์แล้ว ต่อไปก็อาจจะได้เป็นรัฐสมาชิกจะเล่นกับสหรัฐฯ และโลกตะวันตก องค์การต้องการพลังจากชาติรัฐขนาดใหญ่อย่างอินเดีย รัสเซียจึงเชิญอินเดียให้เข้าไปอยู่ในสถานะผู้สังเกตการณ์ เพื่อที่จะได้รับสถานะสมาชิกถาวรต่อไปในอนาคต

ประเทศใหญ่อีกชาติรัฐหนึ่ง ซึ่งทุกข์กับความอยุติธรรมของสหรัฐฯ และโลกตะวันตกมานานหลายทศวรรษก็คืออิหร่าน พอรู้ว่ามีองค์การของแท้อย่างนี้ตั้งขึ้นมา อิหร่านก็รีบขอเข้าไปเป็นผู้สังเกตการณ์ และเข้าสู่กระบวนการแปลงสถานะเป็นรัฐสมาชิกถาวรได้ตั้งแต่ 24 มีนาคม 2551 แต่สหรัฐฯที่เป็นขาใหญ่ในสหประชาชาติตะโกนว่า อิหร่านถูกคว่ำบาตรจากสหประชาชาติ จะเข้าไปเป็นสมาชิกถาวรขององค์การความร่วมมือซ่างไห่ได้อย่างไร ทำให้อิหร่านต้องชะงัก และองค์การก็ไม่สามารถรับอิหร่านเข้ามาเป็นสมาชิกได้

ผมเขียนต้นฉบับนี้ในวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2557 เป็นวันเดียวกับที่นายอัชราฟ กานี ประธานาธิบดีคนใหม่ของอัฟกานิสถาน ไปเยือนจีน ซึ่งการไปเยือนประเทศไหนเป็นครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่งผู้นำนี่เป็นเรื่องสำคัญ นายกานีไปจีนนานถึง 5 วัน 5 คืน นี่ก็คือการกระดิกพลิกตัวในเวทีนานาชาติที่ทำให้สหรัฐฯ หนาวเข้าไปถึงขั้วหัวใจ เพราะการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือซ่างไห่ ครั้งที่ 12 พ.ศ.2555 ที่ประชุมมอบสถานะผู้สังเกตการณ์ให้อัฟกานิสถาน และประกาศว่าองค์การความร่วมมือซ่างไห่จะเข้าไปดูแลอัฟกานิสถาน หลังจากที่นาโตของสหรัฐฯและตะวันตกถอนกำลังทหารส่วนใหญ่ออกจากอัฟกานิสถานในปลาย พ.ศ.2557

เบลารุสเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งแสดงความสนใจในการจะเข้าร่วมองค์การความร่วมมือซ่างไห่ ถึงขนาดไปขอให้คาซัคสถานช่วยสนับสนุน ซึ่งคาซัคสถานก็ใจดีช่วยพูดให้ แต่ รมว.กลาโหมรัสเซีย

คนที่มีชื่อว่านายเซรเก อิวานอฟ บอกว่าเบลารุสยังไม่พร้อมดอก ท่านอย่าเพิ่งเข้ามาเลย เบลารุสก็เลยอดเป็นผู้สังเกตการณ์ เมื่อไม่ได้สถานะผู้สังเกตการณ์ ก็ไม่มีสิทธิ์ไต่ขึ้นไปเป็นรัฐสมาชิก เพื่อรักษาน้ำใจ องค์การมอบสถานะคู่เจรจาให้ เช่นเดียวกับศรีลังกาและตุรกี

องค์การความร่วมมือซ่างไห่ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาเล่นๆ แบบ NATO ที่ No Action, Talk Only นะครับ พวกนี้ซ้อมรบร่วมกันบ่อยมาก โดยเฉพาะจีนกับรัสเซียนี่ ซ้อมรบร่วมทุก 2 ปี ภายใต้ชื่อ Peace Mission หรือภารกิจเพื่อสันติภาพ ต่อมาก็มีทหารคาซัค ทหารอุซเบก ทหารคีร์กีซ และทหารทาจิก เข้าร่วมด้วย

ที่สหรัฐฯขี้แตกออกมาเปรอะเลอะกางเกงก็คือ คำพูดของ รมว.กลาโหมรัสเซียที่ว่า...

“การซ้อมรบของเราไม่ปิดบัง และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนนำเสนอต่อประชาชนได้เต็มที่ และในอนาคต เราจะเชิญอินเดียเข้าร่วมซ้อมรบด้วย”.
---------------------
ปูตินสู้สู้

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 23 ธ.ค. 2557 05:01

อังคารวันนี้ 16.00 น. เป็นต้นไป ฯพณฯ คิริล บาร์สกี เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ร่วมวง Intellectual Tea (หรือ I-Tea) ครั้งแรกของสถานทูต เรื่อง Russian

Community in Thailand (ชุมชนคนรัสเซียในไทย) ซึ่งจะพูดนำโดยหัวหน้าสำนักงานองค์กรสื่อมวลชนของรัสเซีย (Russian Government Media Golding : RT) ประจำประเทศไทย ที่สถานเอกอัคร

ราชทูตรัสเซีย เลขที่ 78 ถนนทรัพย์ สุริวงศ์ กรุงเทพฯ

บ้านผมที่ลาดกระบังเป็นแหล่งชุมนุมสุมศีรษะของคนรัสเซียในประเทศไทยมานานเกินกว่า 15 ปี ภาพที่ผมเห็นจนชินตาก็คือ ท่านเหล่านี้นั่งดื่มวอดกาและสนทนากันที่บ้านผมตั้งแต่ตอนบ่าย ไปจน

ยันเช้าของอีกวันหนึ่ง บางท่านเมาแล้วก็หลับบนพื้น ตื่นขึ้นมาก็ดื่มกันต่อ

สองสามเดือนมานี้ มีชาวรัสเซียหลายท่านที่รับเงินเดือนจากทางรัฐบาลรัสเซียบ่นให้พวกเราฟังว่า เงินเดือนของพวกตนลดลงไปเยอะมาก รับเงินเดือนเป็นรูเบิลในจำนวนเท่าเดิม แต่พอกดตู้เอทีเอ็ม

ในเมืองไทย เหลือเงินไทยเพียงครึ่ง เพราะโดนอเมริกาและตะวันตกโจมตีค่าเงิน พวกนั้นประกาศแล้วว่า จะโจมตีค่ารูเบิลของรัสเซียให้เป็นเงินขยะ

อเมริกาและตะวันตกโกรธรัสเซียหลายเรื่อง เรื่องแรกเลยก็คือ เรื่องไครเมียและอูเครน เรื่องที่สองก็รัสเซียเป็นตัวตั้งตัวตีร่วมกับจีนตั้งองค์การความร่วมมือซ่างไห่ ทำให้ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก

หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียกลางอย่างคาซัคสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซ อุซเบกิสถาน ฯลฯ เมื่อไม่กี่วันก่อน ปูตินบินไปอินเดีย ก็มีข่าวแว่วมาว่า ในอนาคตอินเดียเป็นอีกประเทศ

หนึ่ง ซึ่งอาจจะกระโจนเข้ามาร่วมองค์การความ ร่วมมือซ่างไห่

ชาติรัฐในองค์การความร่วมมือซ่างไห่เริ่มทิ้งดอลลาร์ และค้ากันด้วยเงินสกุลของตนเอง อเมริกาเจอแบบนี้ก็โกรธหนัก ตั้งทีมซัดรูเบิลร่วงลงไปเมื่อวันอังคารถึง 80 และ 100 ต่อ 1 ยูโร และ 64.4 ต่อ

1 ดอลลาร์อเมริกัน

พ่อผมเคยสอนพวกเราบ่อยว่า อย่าเอาไข่ไปใส่ตะกร้าใบเดียว หากตะกร้าใบที่ว่านี่ตก ก็จะไม่มีอะไรกิน รัสเซียทำผิดตรงเรื่องเอาไข่ไปใส่ตะกร้าใบเดียว ทั้งประเทศอยู่ได้เพราะรายได้จากก๊าซ

ธรรมชาติและน้ำมัน นี่เป็นจุดอ่อนของรัสเซียที่อเมริกากับบรรดาสมุนรู้เช่นเห็นชาติ

หน้าหนาวทุกปี ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะแพงขึ้น ยิ่งหนาว ยิ่งแพง เพราะต้องเอาน้ำมันและก๊าซไปใช้ทำให้บ้านเรือนอบอุ่น ทว่าราคาน้ำมันและก๊าซในหน้าหนาวของปีนี้กลับราคาถูก

ราคาน้ำมันกลับแกว่งตัวอยู่ใกล้ๆ 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

รัสเซียและจีนประกาศค้าขายโดยใช้หยวนและรูเบิลเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ประกาศปุ๊บ อเมริกาก็เริ่มทุบอุปสงค์น้ำมันของตลาดให้อ่อนแอปั๊บ และเข็นอุปทานโดยส่งน้ำมันของตัวเองเข้าสู่ตลาด

มากขึ้น เพื่อเล่นงานรัสเซีย (และเวเนซุเอลา)

รัสเซียเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย รายได้ของรัสเซียส่วนใหญ่มาจากน้ำมัน และถ้าจะให้เกิดความสมดุลทางงบประมาณ รัสเซียบอกว่าราคาน้ำมัน

ควรจะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อเมริกาจะฆ่ารัสเซียด้วยน้ำมัน และโจมตีค่าเงิน จึงส่ง เพชฌฆาตไปซัดเงินรูเบิลในตลาดมืด รัสเซียสู้ด้วยการไม่ลดการผลิตน้ำมัน และให้ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยพรวดเดียวจาก 10.5% ไปเป็น 17%

เพื่อดัดหลังพวกที่กู้รูเบิล หรือพวกที่เล่นอนุพันธ์รูเบิลเพื่อเก็งกำไรค่าเงิน

ผมมีความเชื่อส่วนตัวนะครับ ว่าถึงตอนนี้ ธนาคารและกองทุนของอเมริกันและตะวันตก ก็คงจะเลือดโชกจากอาวุธ “มาตรการดอกเบี้ย” ที่ปูตินงัดมาสู้ กันบ้าง

แม้ว่าจะขัดสนจนเงิน ชีวิตลำบากยากเย็นแสนเข็ญมากขึ้นอย่างมาก ทว่าประชาชนคนรัสเซียก็ไม่บ่น แถมยังหนุนให้ผู้นำของตนสู้กับอเมริกาอย่างสุดฤทธิ์

เศรษฐกิจแย่ แต่แทนที่จะออกมาประท้วงผู้นำของตนบนถนนหนทางเหมือนที่คนไทยบางกลุ่มทำเมื่อตอนจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจใน พ.ศ.2540 คนรัสเซียกลับให้กำลังใจผู้นำ

ไอ้ปื๊ดบ้านเราวิเคราะห์ว่า เห็นท่าปูตินจะสิ้นบารมีซะแล้ว

ไม่จริงดอกครับ บารมีปูตินกลับดีขึ้นเรื่อยๆ

ความนิยมของปูติน กลับพุ่งแรงแซงสถิติเดิมอย่างมาก

เมื่อใดไอ้ปื๊ดจะเลิกเอาแต่แปลข่าวฝรั่งมาหลอกคนไทยซะที.

คุณนิติ นวรัตน์

คุณนิติ นวรัตน์
------------------------
สงครามเย็นกลับมา ไทยโดนกระทบแรง..!!!
โดย คุณนิติ นวรัตน์ 1 ม.ค. 2558 05:01....
1
สนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต เป็นองค์การพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกา แคนาดา และประเทศ ในยุโรป ตั้งเมื่อ 1 เมษายน 2492 ภายใต้แนวคิดระบบความมั่นคงร่วมกัน เพื่อ

ถ่วงดุลค่ายคอมมิวนิสต์
2
พ.ศ.2552 ครบ 60 ปีของการก่อตั้ง นาโตมีสมาชิก 28 ประเทศ + คณะมนตรีหุ้นส่วนยูโร-แอตแลนติก อีก 22 ประเทศ
3
นาโตคือเครื่องมือนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เมื่อสหรัฐอเมริกาจะดึงใครเป็นพวก ก็จะมอบสถานะพิเศษทางทหารแก่ประเทศพันธมิตรในภูมิภาคนอกกรอบนาโต เพื่อให้เป็นไปตาม

ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา โดยเรียกชื่อพันธมิตรพวกนี้ว่า Major Non-NATO Ally “ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มนาโต” ชาติพวกนี้มีสิทธิได้รับอุปกรณ์ทางทหารส่วนเกินจากสหรัฐ

อเมริกาในลำดับต้น มีสิทธิได้รับคลังอาวุธยุทโธปกรณ์สำรองเพื่อการสงคราม มีสิทธิในการซื้อกระสุนที่ทำจากกากยูเรเนียม ฯลฯ
4
สหภาพโซเวียตรวมประเทศบริวารตั้งองค์การสนธิสัญญาวอร์ซอเมื่อ พ.ศ.2498 แต่ระบบพันธมิตรทางทหารองค์การนี้ล่มสลายหายไปเมื่อสหภาพโซเวียตแตกเมื่อ พ.ศ.2534
5
สหพันธรัฐรัสเซียสืบสิทธิสหภาพโซเวียต หลังจากที่แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของตนได้แล้ว รัสเซียก็พยายามสร้างตนขึ้นเป็นมหาอำนาจโลกอีกครั้งหนึ่ง แต่ชาติรัฐบริวารเก่าแก่ของสหภาพโซเวียต

อย่าง เช็ก ฮังการี โปแลนด์ บัลแกเรีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย โรมาเนีย สโลวะเกีย สโลวีเนีย แอลเบเนีย โครเอเชีย ฯลฯ กลับไปเป็นสมาชิกของนาโต องค์การศัตรูใหญ่สุดของรัสเซียเสียแล้ว
6
สิ่งที่รัสเซียพยายามทำก็คือ 1.สร้างองค์การความร่วมมือซ่างไห่ ซึ่งประกอบด้วย รัสเซีย จีน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซ และอุซเบกิสถาน 2.เข้าไปมีอำนาจในประเทศที่มีพรมแดนประชิดด้าน

ตะวันตกซึ่งเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงอันดับ 1 ของรัสเซีย เพราะสหรัฐอเมริกาพยายามเข้าไปแทรกแซงและดึงให้ประเทศเหล่านี้เข้ามาเป็นสมาชิกนาโต เช่น จอร์เจียและยูเครน
7
เมื่อโดนรัสเซียกดดัน รัฐสภายูเครนก็มีมติให้สถานะประเทศของยูเครนเป็นชาติรัฐไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เมื่อ พ.ศ. 2553 เมื่อมีสถานะนี้แล้ว ยูเครนก็สมัครเป็นสมาชิกขององค์การด้านการทหารอย่างนาโต

ไม่ได้ รัสเซียก็จะปลอดภัย
8
อังคาร 23 ธันวาคม 2557 เมื่อเปลี่ยนผู้นำประเทศ รัฐสภายูเครน กลับมีมติ 303 ต่อ 8 ให้ยกเลิกสถานะชาติรัฐไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ในอนาคตยูเครนจึงสามารถเป็นสมาชิกของนาโตได้ วันที่ยูเครนเป็น

สมาชิกนาโต ยุทธศาสตร์ปิดล้อมรัสเซียของสหรัฐอเมริกาก็บรรลุความสำเร็จ
9
สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรปล่อยน้ำมันสู่ตลาดโลก เพื่อให้ราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สหรัฐอเมริการู้ว่ารัสเซีย
และพันธมิตรไม่มีรายได้จากทางอื่นนอกจากน้ำมัน โดยเฉพาะเศรษฐกิจของรัสเซียจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
10
ขณะนี้ รัสเซียและพันธมิตรจึงอยู่ในอาการโคม่าด้านเศรษฐกิจ เพราะจำนวนน้ำมันที่รัสเซียและพันธมิตรผลิตได้ มีดังนี้ รัสเซีย 10,610,000 บาร์เรลต่อวัน คาซัคสถาน 3,500,000 บาร์เรลต่อวัน อุซเบ

กิสถาน 104,200 บาร์เรลต่อวัน ฯลฯ
11
แน่นอนกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
12
และแน่นอนกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
13
พ.ศ.2558 เศรษฐกิจไทยจะโดนกระทบจาก 1.นักท่องเที่ยวโลกและนักท่องเที่ยวรัสเซียลด 2.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาปรับลดสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยให้เป็น Tier 3 3.

ถูกระงับการเยือนอย่างเป็นทางการจากสหภาพยุโรปและไม่ได้ลงนามความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ (PCA) ทำให้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี 6 ฉบับ ระหว่างไทยกับสหภาพ

ยุโรปสะดุดลง 4.สินค้าเกษตรสำคัญของเกษตรกรไทยถูกทดแทนโดยพืชบางประเภทที่ผ่านการพัฒนาทางพันธุวิศวกรรม และ 5.อื่นๆ
14
พ.ศ.2558 นักท่องเที่ยวรัสเซียของไทยจะหดตัวเกิน 24.6% รายได้หดตัว 20.7% รัสเซียโดนคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ทำให้ขาดแคลนสินค้าอาหาร ต้องหาแหล่งนำเข้าใหม่ทดแทน

แต่มรสุมที่รุมเร้า จะฉุดความต้องการนำเข้าของรัสเซีย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าทุนและสินค้าฟุ่มเฟือย และจะฉุดให้การส่งออกของไทยไปรัสเซียใน พ.ศ.2558 หดตัวไม่น้อยกว่า 16%
15
เดือนพฤษภาคม 2557 สื่ออังกฤษรวมหัวกันเผยแพร่รายงานบริษัทผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ของไทยใช้แรงงานทาสในกระบวนการประมงกุ้ง กระทรวงพาณิชย์อังกฤษรับลูกทันที โดยสั่งให้สมาคมค้า

ปลีกทำหนังสือคู่มือเลือกซื้อสินค้าจากประเทศที่ไม่มีที่มาจากแรงงานทาส ตามด้วยการต่อต้าน จากทั่วโลก
16
22 มิถุนายน 2557 รายงานประจำปีเรื่องสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศปรับลดสถานะประเทศไทยไปอยู่ใน Tier 3 เช่นเดียวกับชาติ

รัฐที่สหประชาชาติระบุว่ามีการพัฒนาน้อยที่สุดอย่างมอริเตเนียและเยเมน ในกลุ่มเดียวกับซีเรียและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ซึ่งอยู่ในภาวะสงคราม หรือแม้แต่ประเทศอย่างซิมบับเวและเกาหลีเหนือ

ที่มีการปกครองแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ
17
Tier 3 ทำให้ไทยเสียหายโดยรวมหลายแสนล้านบาทต่อปี
18
ไทยถูกระงับการเยือนอย่างเป็นทางการ จึงไม่ได้ลงนามความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ (PCA) กับสหภาพยุโรป เป็นผลให้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี 6 ฉบับ ระหว่างไทยกับ

สหภาพยุโรป ที่มีสมาชิกมากถึง 28 ประเทศ สะดุด
19
1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป ไทยจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางอัตราภาษีศุลกากร (GSP) ของสินค้า 6,200 รายการ ของสหภาพยุโรป ทำให้ขายสินค้าไม่ได้ โดยมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 1 หมื่นล้านเหรียญ

สหรัฐฯ (สถิติของ พ.ศ. 2556 คือ 9,052.23 ล้านดอลลาร์ หรือ 298,267.35 ล้านบาท)
20
ทีมวิจัยสถาบัน Fraunhofer Institute for Molecule Biology and Applied Ecology ของเยอรมนีแถลงว่า ดอกวัชพืชแดนดิไลออนที่ผ่านการพัฒนาทางพันธุวิศวกรรมแล้ว สามารถให้ผลผลิตน้ำยางดิบ

ได้มากถึง 500 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ปลูก 6 ไร่ 1 งาน และขณะนี้กำลังจะประสบความสำเร็จในการให้ผลผลิตที่สูงกว่านั้นอีก 2 เท่าตัว หรือ 1,500 กิโลกรัม ต่อพื้นที่เท่าเดิม
21
การวิจัยที่จะสำเร็จในอนาคตอันใกล้ทำให้สวนยางพาราของเกษตรกรไทย 22,176,714 ไร่ อาจจะกลายเป็นสวนที่สร้างมูลค่าการผลิตน้อยลงเพราะน้ำยางสีขาวจากต้นดอกวัชพืชแดนดิไลออนมียาง

ลาเทกที่เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำยางดิบ และกลายเป็นแหล่งยางดิบทดแทนได้อย่างสมบูรณ์
22
ปัญหาอื่นที่กำลังจะเข้ามาก็คือ ไทยอาจจะเผชิญกับภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะวุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกาออกมาโจมตีรัฐบาลอเมริกัน กรณีที่มีการทรมานนักโทษการก่อ

การร้ายจากตะวันออกกลางในคุกลับอเมริกันที่มีกระจายอยู่ในหลายภูมิภาคของโลก และยืนยันว่าหนึ่งในบรรดาคุกลับอเมริกันแห่งแรกๆ ของโลกอยู่ในประเทศไทย
23
นักรบญิฮาดอิสลามิสต์หัวรุนแรงประกาศว่าจะแก้แค้นทุกประเทศที่มีคุกลับ
24
ผมขออนุญาตแนะนำผู้อ่านท่านที่เคารพทุกท่านใช้ชีวิตใน 365 วัน ของพุทธศักราช 2558 ด้วยความระมัดระวังทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและความมั่นคงปลอดภัยครับ.
----------------------------
องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่

องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่
 : หน้าต่างอาเซียน โดย ทนง ขันทอง

               ในระหว่างวันที่ 6-7 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีการประชุมครั้งที่ 12 ของผู้นำประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Economic Organization) จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ทำให้อนาคตขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ถูกผู้คนจับตามองมากขึ้น
   
               กลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ก่อตั้งขึ้นที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2544 โดยปัจจุบันมีสมาชิกถาวรประกอบด้วยจีน คาซัคสถาน คีร์กีซสถานรัสเซีย ทาจิกิสถาน และอุซเบกิสถาน มีประเทศผู้สังเกตการณ์ (Observer States) 5 ประเทศคือ อัฟกานิสถาน อินเดีย อิหร่าน มองโกเลีย และปากีสถาน
   
               นอกจากนี้ยังมีประเทศหุ้นส่วนในการเจรจา (Dialogue Partners) 2 ประเทศคือเบลารุส และศรีลังกา
   
               ปรากฏว่าประเทศไทยและประเทศอาเซียนอื่นๆ ยังไม่ได้เข้าร่วมหรือมีบทบาทอะไรในกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้นี้ ซึ่งกำลังเพิ่มบทบาทในเวทีโลก เพื่อที่จะท้าทายหรือปฏิเสธ

ระเบียบโลกเก่า (old order) ผ่านการสร้างระเบียบโลกใหม่ขึ้นมา (new order)
   
               การปรากฏกายของนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เคียงคู่นายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีของประเทศเจ้าภาพตอกย้ำให้เห็นถึงสัมพันธภาพที่เหนียวแน่นยิ่งขึ้นระหว่างประเทศมหาอำนาจทั้ง

สองที่จะต่อกรกับมหาอำนาจโลกปัจจุบันคือสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และพันธมิตรในโลกตะวันตก
   
               กล่าวได้ว่าสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเป็นแกนนำของพวกแองโกล-แซกซั่น (Anglo-Saxon) ที่กำลังควบคุมและมีอำนาจเหนือระเบียบโลกปัจจุบันที่เราเรียกว่าทุนนิยมเสรีประชาธิปไตย

ผ่านกลไกและสถาบันต่างๆ ที่มีพัฒนาการช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา กลไกที่พวกแองโกล-แซกซั่นได้วางไว้คือแบ่งแยกแล้วปกครอง (divide and rule) หรือระเบียบผ่านความไร้ระเบียบ (order through

chaos) อันนำไปสู่การค้าเสรี การเงินเสรีและเปิดประเทศเสรีเพื่อผลักดันทุกประเทศเข้าสู่ขบวนการประชาภิวัฒน์
   
               ส่วนสถาบันที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับกลไกนี้ได้แก่แสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐ และพันธมิตรนาโต องค์การสหประชาชาติ ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ องค์การการ

ค้าโลก ศาลโลก ธนาคารพาณิชย์ที่คุมระบบการเงินโลกบรรษัทข้ามชาติที่ครอบครองทรัพยากรของโลก บริษัทน้ำมันที่มีอำนาจเหนือบ่อน้ำมันในตะวันออกกลาง ตลาดเงิน/ตลาดทุน ฮอลลีวู้ด ฯลฯ
   
               แต่ระบบโลก หรือระเบียบปัจจุบันกำลังจะล่มสลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยุโรป เพราะภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจ ธนาคารที่อ่อนแอ หนี้สินภาครัฐที่ล้นพ้น ภาวะการตกงานที่แพร่กระจาย

และความสิ้นหวังของประชาชนจากสภาพเศรษฐกิจ สังคม ถ้าเงินยูโรหรือเศรษฐกิจยุโรปมีอันต้องเป็นไป จะลากระบบการเงินและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาไปด้วย ผลกระทบจะลามไปทั่วโลก
   
               ประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ จึงกำลังก่อตัวอย่างเด่นชัดขึ้นมาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและท้าทายอำนาจเก่าของพวกแองโกล-แซกซั่น ซึ่งก็กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่ของตนเอง

(New World Order) เพื่อที่จะรักษาสถานภาพของการเป็นผู้นำโลกอีกต่อไป
   
               ในฐานะเจ้าภาพ นายหู จิ่นเทา ได้กล่าวให้คำมั่นว่าจีนจะปล่อยเงินกู้ให้แก่ประเทศสมาชิกในกลุ่มเอสซีโอในวงเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 แสนล้านบาท เพื่อเสริมสร้างความ

สัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก
   
               นายหูกล่าวและกระตุ้นด้วยว่า ประเทศสมาชิกจำต้องทำงานอย่างหนักในการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ทางรถไฟ ถนน การเดินทางทางอากาศ โทรคมนาคม และโครงข่าย

พลังงานเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงภายในภูมิภาค
   
               ประธานาธิบดีจีนยังเรียกร้องให้มีการก่อตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนากลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร กลุ่มพลังงาน ธนาคารเมล็ดพันธุ์และการอำนวยความสะดวกในการค้า

และการลงทุนในหมู่ประเทศสมาชิกอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ระบุว่า ประเทศสมาชิกจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความสามารถในการแข็งขันทางเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งรวมถึงความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยี

วัฒนธรรม การศึกษา และการแพทย์
   
               ที่สำคัญในขณะที่จีนกำลังถูกสหรัฐปิดล้อมในทะเลจีนใต้และมหาสมุทรแปซิฟิก องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการใช้กำลังทหารโจมตีอิหร่านและซีเรียทุกรูป

แบบ โดยให้เหตุผลว่า จะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของโลก
   
               แถลงการณ์นี้มีขึ้นหลังสิ้นสุดการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งประธานาธิบดี มาห์มูด อาห์มาดิเนจัด แห่งอิหร่านก็เดินทางเข้าร่วมด้วย
   
               โลกเราจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จะเป็นการแข่งกันแจ้งเกิดของระเบียบโลกใหม่ (New World Order) ของแองโกล-แซกซั่น และของจีน รัสเซียผ่านความขัดแย้งและสงคราม

กรอบการพูดคุยระหว่างนายกฯกรีซกับปูตินที่กรุงมอสโคว์วันนี้

กรอบการพูดคุยระหว่างนายกฯกรีซกับปูตินที่กรุงมอสโคว์วันนี้
--------------
เอาหละคราวนี้เข้าสู่เมนูหลักหละนะครับ... วันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.58) ถึงคราวที่กรีซจะต้องชำระหนี้ IMF จำนวน 463 ล้านยูโร จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขา (พวกเจ้าหนี้ก็กลัวว่ากรีซจะเบี้ยวหนี้ แต่กรีซก็พึ่งจะออกมาบอกเองว่าไม่เบี้ยวหรอก พรุ่งนี้จ่ายให้แน่นอน... ฮ่าๆๆ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเงินเลย) ต้นเดือนหน้าก็ต้องจ่ายอีก 763 ล้านยูโร เดือนมิถุนายนต้องจ่ายหนี้อีกสองงวดรวมกันเป็นเงินถึง 878 ล้านยูโร และเดือน กรกฎาคมอีก 458 ล้านยูโร เงินกู้ก้อนใหม่เขาก็ยังไม่ส่งมอบให้ครบเลย กู้มาปุ๊บเขาก็ทวงปั๊บ ดอกบานตะไท ตายแน่ๆกรีซเอ๋ย... จะทำอย่างไรดี ผู้นำประเทศคิดหนัก การลาออกไม่ใช่การแก้ไขปัญหาแน่ๆ มิหนำซ้ำจะยิ่งทำให้ปัญหาหนักกว่าเดิมอีก ดังนั้นรัฐบาลนี้จึงดิ้นสุดๆเพื่อหาทางรอดให้ได้ นายกฯ Alexis Tsipras ของกรีซจึงตัดสินใจเดินทางเข้าขอคำแนะนำและความช่วยเหลือจากท่านปูตินเป็นการด่วน วันนี้ผู้นำทั้งสองประเทศจะคุยกันเรื่องอะไรบ้าง สำนักข่าว RT News ของรัสเซียเขาวิเคราะห์ให้ฟังดังนี้ครับ...
1.) รัสเซียกำลังจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กรีซอย่างนั้นหรือ?
--------------
มีข่าวหลุดออกมาว่าตอนนี้เอเธนส์กับมอสโคว์กำลังวางแผนลับเกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านการเงิน ตั้งแต่รมว.คลังของรัสเซียแง้มไม่กี่วันหลังจากที่รัฐบาลชุดปัจจุบันของกรีซชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยสื่อฯฝั่งรัสเซียลงข่าวว่าทางรัสเซียยินดีให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กรีซในทางอ้อม
ไอ้ทางอ้อมที่ว่านี้มันเป็นอย่างไรหรือ? แหล่งข่าวจากรัฐบาลรัสเซียบอกว่า ทางรัสเซียพร้อมที่จะพิจารณาลดค่าแก๊สให้กับทางกรีซ เนื่องจากราคาแก๊สสัมพันธ์กับราคาน้ำมันซึ่งลดลงเป็นอย่างมาก ทางรัสเซียพร้อมที่จะเจรจาถึงความเป็นไปได้ในการปล่อยเงินกู้รอบใหม่ให้กรีซ แต่ว่า...ในขณะเดียวกันรัสเซียก็สนใจในการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วย พูดให้ชัดก็คือรัสเซียอยากได้สินทรัพย์บางอย่างจากรีซ (ไอ้ย๋า!... ทำไมนักการเมืองรัสเซียออกตัวแรงขนาดนี้อ่ะ แบบนี้มันแนวเดียวกันกับพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดทรอยก้าที่ต้องการจะยึดรัฐวิสาหกิจดีๆของกรีซเลยนะนั่นหนะ แต่ข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลของปูตินหรอกนะ แค่ขู่ให้อียูตกใจเล่นๆว่ารัสเซียก็สนใจสินทรัพย์ของกรีซเช่นกันเท่านั้นเอง) ก่อนหน้านี้ (ราวเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้) รมว.คลังของกรีซได้ออกมากล่าวว่า กรีซจะไม่ขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากกรุงมอสโคว์ (มันเป็นลูกเล่นของพวกนักการเมืองเขาหนะ ใช้กล่อมพวกอียูให้ยอมปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้กรีซ ก็ต้องพูดอย่างนั้นแหละ กรีซนี่ลูกเล่นแพรวพราวเยอะครับ)
2.) แล้วรัสเซียมีเงินมากพอที่จะให้กรีซยืมไปใช้หนี้ IMF ในวันพรุ่งนี้หรือ?
--------------
คำถามก็คือว่าแล้วรัสเซียมีเงินมากพอที่จะช่วยเหลือกรีซอย่างนั้นหรือ? นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกส่วนมากค่อนข้างจะคิดเป็นบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจของรัสเซีย แต่ทุกคนมีความเห็นร่วมกันว่าปีนี้เศรษฐกิจของรัสเซียจะหดตัวลงมาประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์ แต่จะกลับฟื้นมาได้ในปี 2559 โดยมีความเติบโตขึ้นประมาณ 1.9 เปอร์เซ็นต์
แม้ว่าเศรษฐกิจของรัสเซียจะไม่ค่อยแข็งแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่รัสเซียมีเงินเก็บสำรองระหว่างประเทศอยู่ราว $356,365 billion รวมกับอีก $150 billion ที่กระจายอยู่ในเงินทุนสำรองน้ำมัน เงินทุนสำรองแห่งชาติ เงินทุนสำรองด้านสวัสดิการสังคมแห่งชาติด้วย หากเศรษฐกิจของรัสเซียเข้าสู่ภาวะถอถอยมากกว่านี้ เงินทุนสำรองเหล่านี้จะยังคงทำให้สถานะด้านการเงินของรัสเซียมีความมั่นคงอยู่ได้อีก 2-3 ปี (นี่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องทำ QE อย่างที่สหรัฐฯและอียูทำเลยนะ แค่บอกว่าขนาดไม่ทำ QE รัสเซียก็ยังอยู่ได้สบายๆ 2-3 ปีแม้ในภาวะเศรษฐกิจของรัสเซียแย่กว่านี้ ดูสิอันนี้รัสเซียบอกไม่ได้โม้ พูดจริงๆ สหรัฐฯอิจฉาหละสิ)
รัสเซียนั้นให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและปล่อยเงินกู้ให้กับอดีตประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียต เมื่อเดือนที่แล้วปล่อยกู้ให้เบลารุส 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เดือนกุมภาพันธ์ปล่อยกู้ให้อาร์เมเนีย 270 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปีที่แล้วก่อนที่จะเกิดเหตุการวิกฤตยูเครน ได้ปล่อยกู้ให้กรุงเคียฟเป็นพันธบัตรยูโรมูลค่า 3 พันล้านยูโร (ตอนนี้ยูเครนก็หนี้ทั่วหัวไม่แพ้กรีซหรอก)
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่ารัสเซียมีเงินหรือไม่ แต่อยู่ที่เรื่องของเงินปันผลทางการเมือง (political dividend) โดยให้พันธมิตรของตนร่วมกันเทเงินให้กรีซต่างหาก ว้าว!... เกมนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่กินคนเดียว แต่แบ่งเพื่อนปล่อยกู้ให้กรีซด้วย ลดความเสี่ยงให้กับตัวเองและเพื่อนๆก็ได้ส่วนแบ่งด้วย กรีซก็จะได้รับความช่วยเหลือด้วย
3.) รัสเซียอาจจะมีส่วนลดค่าแก๊สให้กรีซก็ได้
--------------
เรื่องการลดราคาแก๊สก็น่าสนใจ ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญในความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเลยก็ว่าได้ ปูตินได้ประกาศว่าเส้นทางท่อแก๊สสายใหม่ให้เดินทางผ่านไปยังตุรกีและกรีซ ทั้งรัสเซียและกรีซต่างก็สนใจในโครงการนี้ แต่ราคาแก๊สนั้นอยู่ที่รัสเซียเป็นคนกำหนด เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา รมว.พลังงานของกรีซได้เข้าพบบอสใหญ่ของบริษัท Gazprom ของรัสเซีย ที่กรุงมอสโคว์ พูดถึงเรื่องการขอส่วนลดค่าแก๊สให้กรีซ ภายใต้เงื่อนไข "take-or-pay clause" ซึ่งทำให้กรีซจะต้องจ่ายค่าแก๊สที่ตัวเองไม่ได้ใช้ (หมายความว่า ถ้ากรีซเหมาซื้อแก๊สจากรัสเซียแล้วเอาไปขายต่อโดยกำหนดราคาเอง กรีซก็ต้องเป็นผู้จ่ายเงินค่าแก๊สทั้งหมดให้รัสเซีย แต่ถ้ากรีซกินแค่ค่าผ่านทางกรีซก็จ่ายเฉพาะส่วนที่ตัวเองใช้เท่านั้นส่วนที่ประเทศอื่นซื้อต่อไปก็ให้จ่ายตรงให้กับรัสเซียเลยอย่างนี้เป็นต้น) ถ้ารัสเซียมีส่วนลดค่าแก๊สให้กรีซ กรีซก็สามารถเอาไปขายต่อและทำกำไรเพ่ิมได้อีก ซึ่งจะเป็นอีกทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ให้กรีซด้วย นี่คือสิ่งที่กรีซต้องการ
4.) มอสโคว์สามารถยกเลิกแซงชั่นกรีซได้หรือไม่ เพื่อเปิดทางให้กรีซมีรายได้เพิ่มขึ้น?
--------------
แล้วเรื่องการยกเลิกแบนสินค้าการเกษตรของกรีซหละ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน? ตามกำหนดการแล้วการห้ามนำสินค้าจากยุโรปเข้าสู่รัสเซียจะหมดอายุในเดือนสิงหาคมปีนี้ ซึ่งเป็นมาตรการที่รัสเซียใช้ตอบโต้สหรัฐฯและอียูที่แซงชั่นรัสเซีย มาตรการแบนสินค้าอียูในครั้งนี้ทำให้กรีซต้องรับเคราะห์อย่างแสนสาหัสกว่าประเทสอื่นๆ เพราะสินค้าการเกษตรของกรีซที่ส่งออกมายังรัสเซียนั้นมีปริมาณมากกว่า 40% โดยในปี 2013 กรีซส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้รัสเซียมีมูลค่าถึง €178 ล้านยูโร (ประมาณ 6.3 พันล้านบาท)
รมว.เกษตรของรัสเซียกล่าวว่ามาตรการแซงชั่นอาหารกรีซจะถูกยกเลิกก็ต่อเมื่อกรุงเอเธนส์ออกจากอียู ในขณะที่กรีซยังเป็นส่วนหนึ่งของอียูอยู่นั้น กรีซไม่อาจลงนามข้อตกลงใดๆกับรัสเซียได้ (ตายหละหว่า...อยู่หรือออกตอนนี้สำหรับกรีซแล้วไม่ต่างกันเลย แต่คนที่หนาวก็คืออียูครับ อันนี้ไม่ได้ขู่กรีซนะ รัสเซียขู่อียูตะหาก)
แต่ในฐานะที่เป็นสมาชิกของอียู กรีซมีสิทธ์ที่จะโหวดยับยั้งการแซงชั่นรัสเซียได้ (veto) นอกจากกรีซที่ไม่เห็นด้วยกับการแซงชั่นรัสเซียแล้วยังมี ฮังการี สโลวาเกีย อิตาลี ไซปรัส และสาธารณรัฐเช็กอีกที่มีความเห็นเช่นเดียวกับกรีซ รัสเซียเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของกรีซ การซื้อขายระหว่างกันมากกว่าระหว่างกรีซกับเยอรมันซะอีก โดยในปี 2013 รัสเซียกับกรีซมีมูลค่าการซื้อขายระหว่างกันถึง $12.5 billion (ประมาณ 4 แสนกว่าล้านบาท)
5.) หลังจากเจรจากับรัสเซียแล้ว กรีซจะเดินหมากอย่างไรต่อ?
--------------
ในขณะที่นายกฯกรีซยังอยู่ที่มอสโคว์ IMF ก็คาดหวังว่าจะได้รับเงินจำนวน €463.1 million จากกรีซด้วย อันนี้เด็ด! นักวิเคราะห์รัสเซียเขาชี้ทางออกให้กรีซอย่างนี้ ถ้านายกฯกรีซเดินมือเปล่ากลับบ้านและผิดนัดชำระเงินให้ IMF (เบี้ยวหนี้ว่างั้นเหอะ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย) ก็ให้กรีซถอนตัวออกจากยูโรโซนซะเลย แต่ยังคงใช้สกุลเงินยูโรร่วมกับอียูต่อไป จากนั้นก็ขอให้ทางรัสเซียช่วยซักไม่กี่พันล้านเหรียญเพื่อเอาตัวรอดไปก่อน สถานการณ์นี้จะทำให้ทุกคน (อียูกับสหรัฐฯ) ช็อกแน่ๆ และจะเป็นการจุดชนวนความวุ่นวายทั่วตลาดการเงินไปเลย ซึ่งก็เริ่มจะปั่นป่วนมาตั้งแต่ตอนที่กรีซออกมาย้ำอยู่บ่อยๆว่าจะจ่าย จะจ่าย จะจ่าย แต่ไม่จ่ายซักที ฮ่าๆๆ หนุกดีอ่ะ
รัสเซียมองว่าเหตุผลที่อียูเข้ามาอุ้มกรุงเอเธนส์ไว้ด้วยการให้เงินช่วยเหลือตั้ง €240 billion (ประมาณ 8.5 ล้านล้านบาท) นั้นก็เพื่อปกป้องเงินยูโรต่างหาก ซึ่งมีสมาชิกที่ใช้เงินสกุลนี้ด้วยกันทั้งหมดถึง 18 ประเทศ (ถ้ายูโรล้มจะเป็นอย่างไร ก็เดี้ยงกันทั้ง 18 ประเทศนะสิครับ และอีกเหตุผลหนึ่งที่นักวิเคราะห์รัสเซียเขาไม่ได้กล่าวไว้แต่ก็เป็นที่รู้กันก็คือพวกเจ้าหนี้อียูและสหรัฐฯหวังจะฮุบกิจการดีๆของกรีซและรีดดอกเบี้ยแพงๆด้วย ฝันไปเหอะกรีซเบี้ยวแน่ๆ)
The Eyes
08/04/2558
----------


ผู้บริหารข่าวทีวีดิจิทัลเห็นพ้องทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบต่อสังคม

ผู้บริหารข่าวทีวีดิจิทัลเห็นพ้องทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบต่อสังคม
บรรณาธิการและผู้บริหารข่าวทีวีดิจิทัลเห็นพ้องต้องกันในการทำหน้าที่สื่ออย่างรับผิดชอบ พร้อมวางแนวปฏิบัติการทำหน้าที่บนพื้นฐาน ”เสรีภาพบนความรับผิดชอบ” โดยสร้างกลไกกำกับดูแลจริยธรรมการรายงานข่าว และตั้งคณะทำงานร่างแนวปฏิบัติร่วม
วันที่ 8 เมษายน 2558 เวลา 10.00 น. บรรณาธิการและผู้บริหารข่าวจากสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลได้ร่วมหารือถึงสถานการณ์ที่สื่อมวลชนกำลังตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์และถูกแรงกดดันจากหลายด้าน และเสรีภาพในการรายงานข้อมูลข่าวสารกำลังถูกท้าทายจากสถานการณ์บ้านเมือง
ที่ประชุมเห็นว่าโทรทัศน์ดิจิทัล ซึ่งเข้าถึงผู้ชมอย่างกว้างขวางมีความจำเป็นต้องยืนหยัดในเสรีภาพในการรายงานข่าวสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่ในขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงการทำหน้าที่ที่ไม่ละเมิดสิทธิของผู้ที่ตกเป็นข่าว และคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการรายงานข่าว
ที่ประชุมได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อร่างแนวปฏิบัติที่ให้ความสำคัญกับหลักจริยธรรมเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการรายงานข่าวสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลโดยผู้บริหารฝ่ายข่าวของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลทุกช่องพร้อมจะลงสัตยาบรรณเพื่อปฏิบัติตามอย่างจริงจัง พร้อมสนับสนุนการจัดตั้งกลไกที่จะมีหน้าที่ตรวจสอบและกำกับการปฏิบัติตามหลักจริยธรรมดังกล่าว
ที่ประชุมเห็นพ้องตรงกันว่ามีความเป็นอย่างยิ่งที่สื่อมวลชนจะต้องทำหน้าที่อย่างเสรีบนความรับผิดชอบเพื่อเป็นสถาบันที่สังคมให้ความศรัทธาและความเชื่อถือ
การประชุมครั้งนี้ภายใต้หัวข้อ “แนวคิดทิศทางสถานการณ์สื่อ” จัดโดยสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และเป็นครั้งแรกที่ บรรณาธิการและผู้บริหารข่าวของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล ได้แสดงความเห็นและจุดยืนต่อบทบาทของสื่อร่วมกัน
---------------------------------------------------------


แถลงการณ์MOUระหว่างกระทรวงพลังงานรัสเซียกับไทย

แถลงข่าวการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน วันที่ 8 เมษายน 2558 ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน
การลงนามบันทึกความเข้าใจกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานได้จัดขึ้น ในวันที่ 8 เมษายน 2558 ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย (นายณรงค์ชัย อัครเศรณี) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (นายยูริ เซนทูริน) เป็นผู้ลงนามในความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม
สหพันธรัฐรัสเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านพลังงานอย่างมาก โดยมีปริมาณสำรองน้ำมัน (80 พันล้านบาร์เรล ณ 1 มกราคม 2556) และก๊าซธรรมชาติ (1,688 ล้านล้านคิวบิกฟุต ณ 1 มกราคม 2556) เป็นอันดับต้นๆ ของโลก รวมทั้งเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ นอกจากนี้ มีการพัฒนาอุตสากรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานจำนวนมาก อีกทั้งมีความก้าวหน้าในวิทยาการและเทคโนโลยีด้านพลังงาน ดังนั้น การกระชับความร่วมมือกับสหพันธรัฐรัสเซียในด้านนี้จะตอบสนองผลประโยชน์ของไทยในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
การลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ในหลากหลายมิติ อาทิ การแลกเปลี่ยนความรู้ การฝึกอบรม การพัฒนาทักษะ และการถ่ายทอดความรู้ด้านพลังงาน และการส่งเสริมการค้า การลงทุนในภาคพลังงาน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ อีกทั้งเป็นการร่วมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซียวาระ 120 ปี ในปี พ.ศ. 2560 อีกด้วย


อำนาจเป็นของประชาชน


ผมเห็นคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณหลายคนมีความเห็นในเชิงสนับสนุนนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรแห่งสำนักสุขิโต ที่อ้างนิมิตที่สื่อสารกับฤาษีเกวลัน แห่งหิมาลัย(ใครยืนยันได้บ้างว่ามีตัวตนจริง) ว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีก2-3ปี ยังดีที่พล.อ.ประยุทธจะออกมาปฏิเสธและยืนยันจะอยู่ตามโรดแมปที่วางไว้เท่านั้น
.
เราคงไม่ปฏิเสธหรอกครับว่าคนที่สนับสนุนรัฐประหารนั้นมาจากการต่อต้านรัฐบาลของระบอบทักษิณไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยของทักษิณเอง สมัคร สมชาย จนมาถึงยิ่งลักษณ์ เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเหล่านั้นใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล
.
แต่เราก็ไม่เอาควรเอาการเกลียดรัฐบาลของระบอบทักษิณที่มาจากการเลือกตั้งจนกลายเป็นการต่อต้านระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระบอบที่ให้อำนาจของประชาชนเป็นใหญ่ เราควรจะหวงแหนอำนาจของเราแทนที่จะเอาอำนาจของเราไปมอบให้คณะใดคณะหนึ่ง
.
ดังในพระราชหัตถเลขาสละราชย์ของรัชกาลที่ 7 ที่ว่า "ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่สละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร"
.
การออกมาชุมนุมของประชาชนเพื่อขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามในระบอบประชาธิปไตย แต่เราอย่าเข้าใจไปว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมดังนั้นจึงต้องต่อต้านการเลือกตั้ง แล้วเอาอำนาจของประชาชนที่รัชกาลที่7ทรงมอบให้ไปมอบให้กับคณะใดคณะหนึ่ง
.
พล.อ.ประยุทธ์และคณะก็คงจะตระหนักว่า อำนาจที่ใช้อยู่นี้ไม่ใช่อำนาจของพวกเขา แต่เป็นการทำหน้าที่แทนประชาชนเพื่อผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประเทศที่เกิดวิกฤตจนไร้ทางออก และอำนาจนั้นเป็นสิ่งชั่วคราวไม่ยั่งยืน

บิ๊กป้อม ไม่อนุญาตเสื้อแดงจัดงาน10เม.ย.

“บิ๊กป้อม” ลั่นไม่อนุญาต นปช. จัดงานรำลึกผู้เสียชีวิต สลายชุมนุมแยกคอกวัว บอกทหารเสียชีวิต ก็ไม่ได้จัดรำลึก “ประยุทธ์” บ่นหนักใจ งานคืบแค่ 30% เพราะตั้งความหวังสูง หวังให้ประเทศ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ...

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 8 เมษายน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือ โหร คมช. ทำนายว่าการเลือกตั้งจะต้องเลื่อนออกไป ไม่เป็นไปตามโรดแม็ปของ คสช. ว่า ตนยืนยันว่าการทำงานยังเดินทางตามโรดแม็ปที่วางไว้ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ก็พูดชัดเจนแล้วว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนข้อห่วงใยต่อการร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะไม่เป็นไปตามกรอบนั้นก็มีเวลาอยู่แล้ว ส่วนจะสะเด็ดน้ำเมื่อไหร่หรือไม่ ตนไม่รู้ ทั้งนี้การร่างรัฐธรรมนูญมีห้วงระยะเวลาที่ชัดเจน

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ห่วงใยหากรัฐธรรมนูญอาจไม่ถูกใจทั้งคนในประเทศ และนอกประเทศ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว ทั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สปช. สนช. ก็ต้องดำเนินการตามโรดแม็ป ส่วนในปีหน้าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอนหรือไม่นั้น ยืนยันทุกอย่างเป็นตามโรดแม็ปที่ได้วางไว้

เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่ม นปช.ยื่นหนังสือขออนุญาต คสช. เพื่อจัดงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 53 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยากให้ไปรำลึกส่วนตัว เพราะทหารก็เสียชีวิตเหมือนกัน เราก็ไม่ได้จัดงานรำลึก หากจะทำบุญก็ทำ ไม่มีใครห้าม แต่ขอให้ไปทำที่บ้านของตัวเอง อย่ามารวมกลุ่มกัน จนกลายเป็นประเด็น ซึ่งไม่ดี เรื่องทำบุญ คสช.ไม่ห้าม แต่ให้ไปทำที่บ้านอย่ามารวมกลุ่มกันทำเป็นส่วนรวมไม่ได้ ตอนนี้อะไรที่เป็นประเด็น ขอร้องอย่าไปทำเลย

เมื่อถามถึง นายกรัฐมนตรีรู้สึกหนักใจว่าการทำงานของรัฐบาล และ คสช.คืบหน้าเพียง 30% พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีตั้งความหวังไว้มาก แต่รายละเอียดการบริหารประเทศมีมากมาย โดยเฉพาะการเข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นไปตามหลักสากล รวมถึงการทำงานก็ต้องให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ตลอดจนดูแลประชาชนในทุกเรื่อง เช่น ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ขณะนี้นายกรัฐมนตรีพยายามทำทุกอย่าง มีความตั้งใจ 100% ทำทุกวัน คิดทุกวัน แต่ผลยังไม่ออกมา ทั้งนี้ หวังว่าอนาคตผลก็ต้องออกมา เพราะนายกรัฐมนตรีต้องการให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทุกอย่างเป็นปัญหา เราต้องเดินตามที่นายกรัฐมนตรี และ คสช.ต้องการ อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่า ข้าราชการให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่น่ามีปัญหาอะไร

พล.อ.ประวิตร ยังแสดงความมั่นใจว่า ต่างประเทศมีความเข้าใจกรณีที่รัฐบาล และ คสช. ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ดูแลรักษาความสงบภายในประเทศ หลังจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าชี้แจงกับทูตานุทูต ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะมาตรา 44 ไม่ได้มีไว้ทำร้ายคน มีแต่ทำประโยชน์ เพื่อจัดการกับสิ่งที่ติดขัดให้การบริหารประเทศเดินหน้าได้สะดวกยิ่งขึ้น.

" อเมริกันเงิบ หรือ เผด็จการใกล้งีบ "

" อเมริกันเงิบ หรือ เผด็จการใกล้งีบ "
รัสเซียเข้ามา เผด็จการไทย ตีปีก สื่อพาดหัว " อเมริกันเงิบ " ..
อ่่านแล้วขำ ปนสมเพช ...ว่า อเมริกันจะเงิบ หรือ เผด็จการใกล้จะโดนหมัดน๊อคจนงีบสลบ
ความจริงที่ต้องรู้
ข้อ 1 คือ ทั้งจีนและรัสเซีย กฏหมายสากล ไม่มีผลกับเขามากนัก ..เขาจะไม่ปฏิเสธ คุณ เพราะ เขาไม่มีอะไรค้ำคอ...ผลประโยชน์ ในเวลาที่ เราไม่มีโอกาสต่อรอง นั้น เป็นโอกาสอันงดงามของเขา
ข้อ 2 ...ทั้งจีน และ รัสเซีย ยังต้องพึ่ง การส่งออกไปอเมริการอยู่มาก การ บอยคอร์ตรัสเชัยของอเมริกาเป็นผลให้เห็นอยู่แล้ว ว่า มีอิทธิพลเพียงใด
ในเวลานี้ เอาเข้าจริง ๆ ทั้ง จีน รัสเซีย ไม่มีกำลังพอจะหืออือกับ อียู และ อเมริกา ได้ ...
ข้อ 3 อเมริกัน มีกฏหมายระหว่างประเทศค้ำคอ ในเรื่อง นโยบายต้่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน หมายความว่าเขาอ่อนข้อกับ เผด็จการไทยไม่ได้ ( นิมันคิดจริง ๆเหรอว่า อเมริการเขาจะคลานเข่ามาขอคืนดี )
ข้อที่ 4 อเมริการคือเจ้าโลกในวันนี้ และ ไม่มีวันยอมให้ รัสเซีย และ จีนมาปันผลประโยชน์
ท่าทีอันแข็งกร้าวของเขา ในเรื่องหมู่เกาะทะเลจีนใต้ก็เห็นอยู่แล้วนั่นนะ ผลประโยชน์ เล็ก ๆ ของตัวแทนเขาเท่านั้นนะ ( ก็ ไอ้เรื่องเขาเอาเรือดำน้ำมาโผล่อ่าวไทย หลังรัสเซียเทียบท่า ไม่กี่วันไง เผด็จการไทยก็ ตีปีก หาว่าเขามาง้อเรื่องผลประโยชน์ในประเทศ ..ฮา จริง )
จากข้อ 3 ข้อ4 ....คำตอบของคำถามเรื่องการ สยายปีกของจีนและรัสเซีย เข้ามาในไทย จึงมีทางเดียวเท่านั้น คือ ....
" ต้องจัดการปัญหา เผด็จการในไทยให้เร็วที่สุดก่อนที่จะเสียประโยชน์ไปมากกว่านี้ "
และจากข้อ 1 และ 2 ...จะไม่มีทั้งจีนและรัสเซีย มาร่วมตายกับเผด็จการไทย ในวันนั้น
ความโลภ และ ดันทุรัง เพราะ กลัวจะเสียหาย( น้อย ) หากปล่อยวางประเทศไทย เรื่องที่ เผด็จการไทยควรเร่งพิจารณามาก ๆวันนี้ คือ คำพังเพยที่ว่า
" เสียน้อยเสียยาก แต่จะเสียมากเสียง่าย "
วันนี้มันถลำลึกเกินกว่า ที่จะคิดถึงชัยชนะแล้ว
ตอนนี้มีให้เลือกแค่ . " ฉิบหาย " หรือ "หายนะ" เท่านั้น
ที่เหลืออย่าไปเชื่อ ฝันกลางวันทั้งนั้นละ

กรีซยันทวงหนี้สงครามจากเยอรมัน

กรีซเอาจริง... ทวงหนี้สงครามจากเยอรมันนี
--------------
ไม่ได้ลงข่าวเกี่ยวกับกรีซให้แฟนเพจได้อ่านกันนานแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าเขาสามารถยุติปัญาวิกฤตเศรษฐกิจได้แล้วหรอกนะครับกรีซยังทำสงครามกับพวกเจ้าหนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง อันที่จริงก็ติดตามข่าวอยู่เรื่อยๆเหมือนกัน แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาแอ็ดมินจึงเลือกลงเป็นบางข่าวเท่านั้น วันนี้จะลงให้ซักสองข่าวนะ (2 โพสต์) เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดจากทางกรีซ
ล่าสุดรัฐบาลกรีซออกมาประกาศว่าเยอรมันติดค้างหนี้กรีซถึง $303 billion (ประมาณ 9.9 ล้านล้านบาทเกือบสิบล้านล้านบาทเลยนะนั่นหนะ) เพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหายจากสงครามที่นาซีเข้ายึดครองกรีซในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้จุดชนวนความตึงเครียดระหว่างกรุงเอเธนส์กับกรุงเบอร์ลินขึ้นมา
นอกจากเป็นการเรียกร้องจากรัฐบาลเก่าของกรีซแล้ว พลเมืองกรีซช่วยกันผลักดันเรื่องเรียกร้องค่าเสียหายจากสงครามด้วย นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลกรีซคำนวณตัวเลขออกมา
เมื่อเร็วๆนี้นายกฯ Alexis Tsipras ของกรีซได้เดินทางไปพบผู้นำของเยอรมันนี และได้ออกมาเรียกร้องเงินชดเชยค่าเสียหายจากสงครามนาซี แต่ทางรัฐบาลของเยอรมันก็ออกมาปฏิเสธที่จะจ่ายเงินดังกล่าวให้กับกรีซ โดยกล่าวว่าเรื่องนี้ทางเยอรมันได้จ่ายให้กรีซไปตั้งแต่ปี 1990 ก่อนที่ประเทศจะรวมกันได้ซะอีก
เยอรมันนีได้จ่ายให้กรีซจำนวน 115 ล้านดอยทส์ชมาร์ก (Deutschmarks - DEM) (เสี้ยวหนึ่งที่ติดค้างกรุงเอเธนส์) ในปี 1960 เพื่อชดเชยค่าเสียหายจากสงคราม แต่กรีซบอกว่าไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าอาชญากรรมสงคราม ค่าความเสียหายในระบบสาธารณูปโภค และนำมาซึ่งการถูกบังคับให้กู้เงินเพิ่ม
การออกแคมเปญจ์เรียกร้องค่าเสียหายจากสงครามในครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่กรีซประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจและถูกบังคับให้เพิ่มมาตรการรัดเข็มขัดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยเงินกู้จากเจ้าหนี้ EU-IMF การออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการต่อรองกับพวกเจ้าหนี้ทรอยก้า (Troika : EU, ECB และ IMF) ของกรีซเพื่อไม่ให้กรีซกลายเป็นประเทศล้มละลาย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รมว.ของกรีซก็ออกมากล่าวว่ามีแผนจะเดินทางไปคุยกับ รมว.คลังของสหรัฐฯที่กรุงวอชิงตันด้วย คงจะเป็นเพราะสหรัฐฯเป็นหัวเรือใหญ่ของ IMF นั่นเอง แต่ในวันนี้ (วันพุธที่ 8 เม.ย.) นายกฯของกรีซจะเดินทางมาพบปูตินที่กรุงมอสโคว์ด้วยตัวเองคาดว่าน่าจะคุยกันเรื่องแก๊สและเรื่องทวงหนี้สงครามจากเยอรมันด้วย ติดตามอ่านในโพสต์ต่อไปนะครับ