PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

"บิ๊กป้อม" ประชุม "ศบม." พอใจผลงาน3 ปี ศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ



"บิ๊กป้อม" ประชุม "ศบม." พอใจผลงาน3 ปี ศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ ทำงานเชิงรุกร่วมกันมากขึ้น สั่งรักษาความมั่นคง บรรยากาศความสงบเรียบร้อย สั่งจับตา การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ประชุมมอบนโยบายและรับทราบผลการดำเนินงานของศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) ที่ ศาลาว่าการกลาโหม
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า การดำเนินงานตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ(ศบม.) ได้ขับเคลื่อนแก้ปัญหาความมั่นคงโดยการทำงานร่วมของทุกส่วนราชการด้านความมั่นคง ในการประสานงานและติดตามสถานการณ์ความมั่นคง
รวมทั้งดำเนินการป้องกันและแก้ปัญหาที่มีผลกระทบกับความมั่นคง การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการคลี่คลายปัญหาวิกฤติและปัญหาเร่งด่วนของชาติ เช่น ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ปัญหาการบินพลเรือน การจัดระเบียบสังคม และการจัดระเบียบสังคม เป็นต้น ด้วยการบังคับใช้กฏหมายอย่างทั่วถึง เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน เป็นผลให้สังคมมีความสงบเรียบร้อยและปลอดภัย โดยเฉพาะปัญหาเหตุร้ายและความรุนแรงรายวันลดลงอย่างต่อเนื่องในภาพรวม
พล.อ.ประวิตรฯ ได้กล่าวย้ำว่า บรรยากาศความสงบเรียบร้อยของสังคม มีความสำคัญยิ่ง ที่จะต้องช่วยกันรักษา โดยการทำงานที่เข้มแข็งของฝ่ายความมั่นคง จะเป็นกำลังสำคัญ กับการรับมือจากภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น เพื่อร่วมกันดูแลความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตโดยเสรีภาพภายใต้กรอบของกฎหมายและประกอบอาชีพอย่างปกติสุข
พร้อมทั้งกำชับสั่งการให้ทุกส่วนราชการ ให้ความสำคัญกับงานด้านการข่าวและการติดตามการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ร่วมกันพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อคลี่คลายปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชน อย่างรวดเร็วและเป็นเอกภาพ
ขณะเดียวกัน ยังจำเป็นต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมกับประชาชนในงานความมั่นคงอย่างต่อเนื่องควบคู่กันไป เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดจากการบิดเบือนข้อมูล และร่วมกันพัฒนาไปสู่สังคมที่มั่นคงอย่างยั่งยืน

นำร่อง เตรียมปลดล็อกเลือกตั้งท้องถิ่น หลังได้ กกต.ชุดใหม่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เตรียมเชิญปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือ เตรียมจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นบางระดับ หลังมี กกต. ชุดใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์และเป็นการเตรียมพร้อม สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นไปตามลำดับ  โดยอาจต้องหารือถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องบางมาตรา และ การยกเลิกการบังคับใช้ประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และ ฉบับที่ 3/2558 ในบางพื้นที่ เพื่อเปิดทางให้ทำกิจกรรมทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้งดังกล่าว  และ ยังต้องพิจารณาว่า จะยกเลิกพร้อมกับเปิดทางให้นักการเมืองระดับชาติ ทำกิจกรรม หรือ จัดตั้งพรรคการเมืองพร้อมกันด้วยหรือไม่ ซึ่ง คสช. กำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่

นายวิษณุ ยังปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า อาจมีการออกคำสั่งหัวหน้า คสช.โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44  คืนตำแหน่งให้กับนักการเมืองท้องถิ่น ที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตรวจสอบเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริต ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ แม้หลายหน่วยงานต้นสังกัดจะสรุป และ รายงานผลการตรวจสอบมาแล้วว่าไม่มีความผิด แต่ส่วนใหญ่ยังถูกตรวจสอบโดย ป.ป.ช.อยู่ จึงไม่สามารถดำเนินการคืนตำแหน่งให้ได้ในขณะนี้

คสช.เดินเข้าสู่มุมอับ ?



คสช.เดินเข้าสู่มุมอับ ?

เมื่อไม่ชอบธรรม มีอำนาจมากแค่ไหนก็อยู่ไม่ได้ !

พล.อ.สุจินดา,ทักษิณและเครือข่ายชินวัตร เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด

คำถาม 4 ข้อ 
คำถาม 6 ข้อ 

ไม่ได้เสริมสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นำมาแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ

- จะตั้งพรรคทหารก็ลังเล เพราะในอดีตพิสูจน์แล้วว่าพรรคทหารล้มเหลวในการเลือกตั้ง

- จะสนับสนุนพรรคการเมืองก็ยังไม่รู้ว่าจะสนับสนุนพรรคใด หรือพรรคใดจะยอมให้สนับสนุน และสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกต่างหาก

ระหว่างการเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองจะต้องประกาศจุดยืนทางการเมืองให้ประชาชนทราบ ในระหว่างนั้นจะเกิดกระแสพรรคประชาธิปไตยกับพรรคเผด็จการเหมือนพรรคเทพพรรคมารในอดีต จึงคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าคงไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าแสดงจุดยืนว่าเป็นพรรคเผด็จการในระหว่างหาเสียงเลือกตั้งแน่นอน

หลัังเลือกตั้งหาก พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.ใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญบวกอำนาจแฝงรวมเสียง
พรรคการเมืองกับ สว.แต่งตั้งเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง สามารถทำ ได้ แต่จะไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างราบรื่น กระแสต่อต้านนายกฯคนนอก หรือนายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น การต่อต้านจะนำไปสู่สภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ค้ำอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์จะหมดความชอบธรรม บางพรรคจะประกาศถอนตัว

รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์หลังการเลือกตั้งจะล่มสลายอย่างรวดเร็ว

และเชื่อว่าพรรคการเมืองสำคัญๆ เช่น พรรค เพื่อไทย หรือ พรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีพรรคใดต้องการภาพลักษณ์เป็นพรรคเผด็จการแน่นอน

"อะโธ่!! โจมตี เพราะจะไม่ให้อยู่ด้วยกัน"!!

"อะโธ่!! โจมตี เพราะจะไม่ให้อยู่ด้วยกัน"!!
"บิ๊กป้อม" แฉ แผนโจมตีผม เพราะไม่ให้อยู่ด้วยกัน ยันอะไรก็แยกพี่แยกน้องไม่ได้ พ้อถูกหาว่า เป็นตัวถ่วงรัฐบาล ทั้งๆที่ทำงาน ปัดไม่รู้ คำนาย"โหรวารินทร์" ปรับใหญ่ ครม.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการปรับ ครม. ว่า เป็นเรื่องของนายกฯ ตัดสินใจ ขอไม่ตอบคำถาม
ส่วนการที่ โหรวารินทร์ระบุว่า จะเป็นการปรับใหญ่10ตำแหน่งโดยนำนักการเมืองเข้าร่วม ครม. นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถาม โหร เอง
ส่วน ตัวเองนั้นนายกฯก็ยังไม่ได้สัญญาณมาว่าจะปรับออก
ส่วนที่ผ่านมามีการโจมตีผม มาตลอดว่าเป็นตัวถ่วง นั้นว่า โธ่!! โจมตีเพราะไม่อยากให้อยู่ด้วยกัน ปัดโธ่!! โจมตี เพราะไม่อยากให้อยู่ในตำแหน่งเท่านั้น
เมื่อถามว่า ท่านไม่ได้มีอะไรบกพร่องในการทำงาน แต่ถูกโจมตีมาตลอด พลเอกประวิตร กล่าวว่า ผมก็ทำงาน ก็โจมตีมาตลอด
เมื่อถามว่า ไม่มีอะไรแยกได้ใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า อืม ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย เราก็เทำงาน

"บิ๊กป้อม" เผยนายกฯคิด6 คำถามเอง ยันไม่ได้หวังกรุยทาง ตั้งพรรค คสช.



"บิ๊กป้อม" เผยนายกฯคิด6 คำถามเอง ยันไม่ได้หวังกรุยทาง ตั้งพรรค คสช. ชี้ คำถามเหมาะสม แฉ รัฐบาล คสช.ตัวผม ถูกโจมตี เพราะไม่อยากให้อยู่ด้วยกัน พ้อถูกโจมตีว่า เป็นตัวถ่วงรัฐบาล
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการตั้งคำถาม 6 ข้อ ของ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ฝ่ายการเมืองมองว่าหวังสืบทอดอำนาจและโจมตีพรรคการเมือง ว่าไม่จริง ไม่ได้มีความหมายตามที่ฝ่ายการเมืองตั้งข้อสังเกต
ส่วนเป็นการเตรียมการตั้งพรรค คสช. หรือไม่ นั้น ไม่ขอตอบ เพราะพูดหลายครั้งแล้ว ซึ่งคำถาม และคำตอบเหมือนเดิม คือ ไม่รู้
ส่วนความกังวลจะทำให้เกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่าไม่นำไปสู่สถานการณ์ และยืนยันว่า ไม่ใช่การชี้นำหรือหาเสียง แต่สื่อคิดเอาเอง
ซึ่งจากการติดตามสื่อเมื่อคืนนี้ ประชาชนเห็นว่าเหมาะสม ไม่คิดแบบฝ่ายการเมือง
ส่วน6คำถาม นั้น นายกฯเป็นผู้คิดคำถามเอง ไม่ได้หารือกับผมหรือ คสช. คนอื่น
ส่วนการปรับ ครม. นั้น เป็นเรื่องของนายกฯ ตัดสินใจ ขอไม่ตอบคำถาม
ส่วนการที่ โหรวารินทร์ระบุว่า จะเป็นการปรับใหญ่10ตำแหน่งโดยนำนักการเมืองเข้าร่วม ครม. นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถาม โหร เอง
ส่วน ตัวเองนั้นนายกฯก็ยังไม่ได้สัญญาณมาว่าจะปรับออก
ส่วนที่ผ่านมามีการโจมตีผม มาตลอดว่าเป็นตัวถ่วง นั้นว่า โธ่!! โจมตีเพราะไม่อยากให้อยู่ด้วยกัน ปัดโธ่!! โจมตี เพราะไม่อยากให้อยู่ในตำแหน่งเท่านั้น
เมื่อถามว่า ท่านไม่ได้มีอะไรบกพร่องในการทำงาน แต่ถูกโจมตีมาตลอด พลเอกประวิตร กล่าวว่า ผมก็ทำงาน ก็โจมตีมาตลอด
เมื่อถามว่า ไม่มีอะไรแยกได้ใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า อืม ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย เราก็ทำงาน

กว่าจะถึงพ.ย.61 โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข

กว่าจะถึงพ.ย.61 โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข



แฟ้มภาพ

ฟังเรื่อง คสช.จะตั้งพรรคหรือไม่ จากบรรดาแกนนำ ผู้นำ คสช. น้ำเสียงโน้มเอียงไปในทางที่จะตั้ง มากกว่าไม่ตั้ง

และยังสอดคล้องกับคำแถลงของนายกฯ เรื่องยังไม่ปลดล็อก เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา

พร้อมๆ กันนั้น นายกฯยังได้แจกเอกสารประกอบการแถลง ยืนยันเลือกตั้งตามโรดแมป ภายใน 150 วัน หลังจาก กม.ลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้

บรรยากาศการเมืองดูจะมีเรื่องราวให้ถกเถียงกันขึ้นมาทันที

แปลความกันตอนนี้ คสช.คงจะไม่รีบกลับบ้านไปเลี้ยงหลานตามโรดแมปของข้าราชการวัยเกษียณค่อนข้างแน่นอน

การเลือกตั้งตามโรดแมป ไม่ว่าจะเกิดในเดือน พ.ย.2561 หรือข้ามไปต้นปี 2562 คงจะมีพรรคการเมืองที่รวมกลุ่มกันมาใหม่ๆ ลงแข่งขัน

อาจจะมีทั้งพรรคที่ประกอบด้วยอดีตบิ๊กทหาร และพรรคของคนอีกรุ่นที่อายุน้อยลงมา เสนอแนวทางด้านเศรษฐกิจ

พรรคหลักๆ เจ้าเก่า จะปรับตัวเข้ากับการต่อสู้ครั้งนี้ยังไง จะถอยหรือจะชน ก็ต้องดูอารมณ์ของประชาชนเจ้าของสิทธิเลือกตั้ง

ใครตีโจทย์นี้แตก ถือว่าได้เปรียบ

และก่อนจะไปถึงช็อตที่ว่านี้ งานเฉพาะหน้าของรัฐบาลและ คสช.ก็คือ การปรับ ครม.

นายกฯขอโทษขอโพยในที่ประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า จำเป็นต้องปรับ ครม.เพื่ออนาคต ไม่ใช่ว่า รมต.ทำงานไม่ดี

ความจำเป็นที่จะต้องปรับ ก็เพื่อสร้างผลงานในห้วง 1 ปีเศษที่เหลืออยู่

รัฐบาลบริหารงานถึง 4 ปี จะต้องมีอะไรไว้ให้ประชาชนดูต่างหน้า หรือพูดถึงในทางที่ดีๆ โดยเฉพาะเรื่องปากท้องความเป็นอยู่

หรือถ้าจะต้อง “ไปต่อ” จะต้องตั้งพรรค จะได้เป็นทุนรอนในการเดินทางต่อไป

ใครจะอยู่ใครจะไป เป้าสำคัญสุดในตอนนี้ คงเป็นรัฐมนตรีที่มาจากกองทัพ

ยกเว้น รมว.กลาโหม ที่พี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” นั่งอยู่ คงไม่สลับเอาพลเรือนมานั่งแน่นอน

ส่วนคนอื่นๆ ถือว่าอยู่ในข่ายไปได้ทั้งนั้น ขึ้นกับ “บิ๊กตู่”

ปัญหาเศรษฐกิจที่พูดๆ กัน ยิ่งเร่งเร้าให้คิดถึงแนวทางการนำเอามืออาชีพเข้ามาเสริมทีม

ที่ผ่านมา สังเกตได้ว่าภาคเอกชน กลุ่มทุนใหญ่ๆ ล้วนแต่สนับสนุนรัฐบาล คสช. นักข่าวสัมภาษณ์ทีไร มีแต่เรื่องด้านบวก

แต่พอถามหา “มือดีๆ” ที่จะให้เข้ามาร่วมหัวจมท้าย ได้ยินว่า หลบตากันเป็นแถวๆ

การที่รัฐบาลยังไม่ปลดล็อก สะท้อนความระมัดระวังและไม่มั่นใจ

เพราะขนาดยังไม่ปลดล็อก มีนักการเมืองคอมเมนต์เศรษฐกิจการเมืองอยู่พรรคละ 2-3 คน พูดทีก็ยังสะดุ้งกันที

รัฐบาลที่มาจากพรรคการเมือง ปีท้ายๆ จะบริหารยาก ทั้งด้วยปัญหาภายในและภายนอก

ยิ่งต้องคิดถึงการป้องกันแชมป์ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ก็ยิ่งยาก บางพรรคเข็มขัดกระเด็นไปเลยก็มีมาแล้ว

เส้นทาง 1 ปีเศษจากนี้ไป จะคดเคี้ยวหรือราบรื่น รอดูกันไป

…………….
วรศักดิ์ ประยูรศุข

แถ่วตร๊ง จั๊ดแถ่ว จัดแล้ว จัดอีก รับศึก เลือกตั้ง

แถ่วตร๊ง จั๊ดแถ่ว จัดแล้ว จัดอีก รับศึก เลือกตั้ง


มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง ที่จะมีการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ
เพราะลำพัง ถ้าเป็นการตัวบุคคลทดแทนเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ว่างลง
อันเนื่องจากการยื่นใบลาออกจากตำแหน่งของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล

ป่านนี้ก็คงจะเรียบร้อยโรงเรียน จปร. ไปแล้ว

ไม่ยืดเยื้อยาวนานเป็นสัปดาห์

หรือว่ามี “ข่าวลือ” หนาหูเรื่องการปรับปรุงรัฐมนตรีในตำแหน่งอื่นๆ

หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ผู้ขยับย้ายมาแล้วครั้งหนึ่งจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

แม้จะเป็น “เพื่อนรัก” ร่วมชั้นเรียนมากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
แต่ข่าวลือว่าด้วยการทำงานแบบ “วีรเอกชน” ก็ปรากฏขึ้นเป็นระยะ

เช่นเดียวกันกับปัญหาและข้อสงสัยอันเนื่องจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ

ไม่ว่าจะเป็นการตกต่ำของราคาพืชผล ตั้งแต่ข้าว ยางพารา ไปจนกระทั่งถึงผลไม้สารพัดชนิด

หรือ “โปรเจ็กต์ยักษ์” อย่างโครงการจัดการน้ำ

ที่ผ่านมา 3 ปีแล้วยังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม

และภาวะท่วมสลับแล้งก็ยังดำรงอยู่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน

กระทั่ง ต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อจัดการกับปัญหาน้ำ

โดยมีนายกรัฐมนตรีลงมานั่งเป็นประธานเอง

แต่ “ด้วยรักและผูกพัน” ฉันเพื่อนที่สนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้อง

ถึงจะออกปากว่า “พร้อมจะพักผ่อน”

แต่ข่าวลือในตลาดก็ยังหนาหู

ว่าถึงจะพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรไป

พล.อ.ฉัตรชัยก็ยังมีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาล

เมื่อไม่ประสานกับด้านเศรษฐกิจ

งานที่เหมาะสมตามความถนัดก็ต้องเป็นเรื่องของความมั่นคง

เช่น กระทรวงยุติธรรม

ถ้ามีการขยับย้าย พล.อ.ฉัตรชัยมาจริงตามข่าวลือ

ถามว่านายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะหลุดลอยไปเลยหรือ
คำตอบคือมิใช่

ในฐานะ “วัวเคยขา ม้าเคยขี่” กันตั้งแต่ก่อนเป็นรัฐบาล

ยังมีงานใกล้ตัวเช่นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรฯ ให้นายสุวพันธุ์ได้ใช้ความรู้ความสามารถแน่นอน

แต่กลายเป็น “แจ๊กพ็อต” จะไปแตกเอาที่นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ที่ขยับย้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง
จากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

รอบนี้อาจจะได้พักยาว

เป็นการพักยาวเช่นเดียวกันกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ผู้มีแนวโน้มจะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าปกปิดทรัพย์สิน

อันเนื่องมาจากการ “ลืม” ยื่นบัญชีทรัพย์สินบางรายการของภรรยา

ข้อหาคุ้นๆ ไหม?

และเมื่อรัฐมนตรี “ต้นทาง” เศรษฐกิจด้านการผลิตมีการเปลี่ยนแปลง

โอกาสและแนวโน้มจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในส่วนของ “ปลายทาง” ก็มากขึ้นตามไปด้วย

ข่าวลือว่าด้วยความ(ไม่) มั่นคงในตำอหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ของนางอภิรดี ตันตราภรณ์ จึงหนาหูขึ้นในระยะหลัง

ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถจัดหาตัวบุคคลที่สอดคล้องกับเงื่อนไขและความต้องการได้หรือไม่

เงื่อนไขอะไร?

ก็คือความต้องการที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวตามปกติให้ได้โดยเร็วที่สุด

ให้เสียงบ่นเรื่องปัญหาปากท้องหมดหรือลดลงไป

ให้เสียงวิจารณ์ว่าด้วยความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจลดลงไป

เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมในหมู่ “ชนชั้นล่าง” ให้มากขึ้น

ทำไมต้องชนชั้นล่างหรือรากหญ้า

คำตอบง่ายๆ ตรงไปตรงมาที่สุด

ก็คือ หากต้องการลงสมัครและชนะการเลือกตั้ง

ก็ต้องกุมหัวใจของคนส่วนใหญ่ในประเทศให้ได้

คนส่วนใหญ่ในประเทศคือประดารากหญ้าทั้งหลาย

รากหญ้าที่เคยเป็นฐานเสียงอันหนักแน่น และหลังพิงอันแข็งแกร่งให้พรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย

วัตถุประสงค์ของการ “จั๊ดแถ่ว” ในคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด

ไม่ซับซ้อน

เป้าหมายและสายตาพุ่งไปยังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น

ในช่วงเวลา 18-24 เดือนจากนี้ไป

เวลาแห่งการชี้ชะตา

กระตุ้นทุกปี

กระตุ้นทุกปี

มหกรรมช็อปช่วยชาติ กลับมาอีกแล้วตามเสียงเรียกร้องของแฟนๆ

ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 3 ธันวาคม รวมเวลา 23 วัน รัฐบาล คสช.ขอเชิญพ่อแม่พี่น้องแห่ไปช็อปช่วยชาติกันให้ระเบิดเถิดเทิง

ค่าใช้จ่ายในโครงการช็อปช่วยชาติ สามารถนำใบกำกับภาษีไปขอหักลดภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อหนึ่งคน

ท่านที่ตั้งตารอจะช็อปช่วยชาติ จึงไม่ควรพลาดเป็นอันขาดเชียว

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ารัฐบาลนายกฯบิ๊กตู่จัดโครงการช็อปช่วยชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจติดต่อกันมาแล้ว 3 ปี

ปีแรก 2558 จัดช่วงสั้นๆแค่ 7 วัน ช่วยกระตุ้นยอดขายปลีกช่วงปลายปีให้คึกคักขึ้นมาพอสมควร

ปีที่ 2 รัฐบาลชักติดใจขยายมหกรรมช็อปช่วยชาติเป็น 18 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม ถึง 31 ธันวาคม 2559

ช่วยกระตุ้นยอดขายปลีกช่วงปลายปีเพิ่มขึ้นอีกกว่า 5 เปอร์เซ็นต์

ล่าสุดปีนี้ 2560 รัฐบาลเปิดมหกรรมช็อปช่วยชาติเร็วกว่าปีก่อน 1 เดือน แต่ขยายเวลาช็อปกระจายเพิ่มขึ้นเป็น 23 วัน

ตั้งเป้าว่ามหกรรมช็อปช่วยชาติจะกระตุ้นกำลังซื้อก๊อกสุดท้ายและช่วยดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ให้โตทะลุเป้า 4 เปอร์เซ็นต์ เห็นผลทันตา

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าโครงการช็อปช่วยชาติ ซึ่งรัฐบาล คสช.จัดติดต่อกันมาแล้ว 3 ปี จะกลายเป็น “งานเทศกาลประจำปี” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างนี้ตลอดไป

ถึงแม้รัฐบาลจะตีปี๊บว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นแล้วก็จริง

แต่กำลังซื้อประชาชนยังไม่ฟื้นตัว

จึงต้องจัดมหกรรมช็อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อประชาชน ให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจครบวงจร

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ชี้แจงว่า มหกรรมช็อปช่วยชาติ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มคนชั้นกลาง

เนื่องจากคนชั้นกลางนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้ยอดขายปลีก และห้างสรรพสินค้าต่างๆลดลงอย่างชัดเจน

โครงการช็อปช่วยชาติจะช่วยกระตุ้นประชาชนให้ไปจับจ่ายซื้อสินค้าจากห้างสรรพสินค้า และร้านค้าขายปลีกต่างๆ เพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี

“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือห้างร้านขายปลีกที่โดนระบบออนไลน์แย่งลูกค้าหนักขึ้นทุกวัน

และเห็นด้วยที่รัฐบาลจะเก็บภาษีจากผู้ขายสินค้าออนไลน์ให้เกิดความเป็นธรรม

สรุปว่า เป้าหมายของมหกรรมช็อปช่วยชาติ เพื่อดูดเงินจากกระเป๋าคนที่มีฐานะปานกลาง หรือ “มนุษย์เงินเดือน” ให้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี

โดยจัดโปรโมชั่นลดภาษีเงินได้ ...เป็นเงื่อนไขล่อใจ

เช่น...ท่านที่มีรายได้สุทธิตั้งแต่ 1.5 แสนบาท ถึง 3 แสนบาทต่อปี ถ้าช็อปช่วยชาติ 15,000 บาท จะได้ลดภาษี 750 บาทต่อคน

ท่านที่มีรายได้สุทธิตั้งแต่ 3 แสนบาท ถึง 5 แสนบาทต่อปี ถ้าช็อปช่วยชาติ 15,000 บาท จะได้ลดหย่อนภาษีเงินได้ 1,500 บาทต่อราย

ส่วนท่านที่มีรายได้สุทธิต่ำกว่า 1.5 แสนบาทต่อปี ถึงจะช็อปช่วยชาติจนกระเป๋าแตกแหกกระเจิง...

ก็ไม่ได้ลดหย่อนภาษีแม้แต่สลึงเดียว!!

เพราะท่านไม่ต้องจ่ายภาษีบำรุง ประเทศอยู่แล้วตามกติกา

ป.ล.ค่ารักษาพยาบาล ค่าเติมน้ำมัน ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ เอาไปลดภาษีไม่ได้ทุกกรณี

แต่ค่านวดหน้า ค่าทำสปา เอาไปลดภาษีช็อปช่วยชาติได้นะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

‘ลุงตู่’ลุยเต็มรูปแบบ!

‘ลุงตู่’ลุยเต็มรูปแบบ!

“ผมมีความจำเป็นต้องปรับเพื่ออนาคต อย่าโกรธอะไรผม”

“นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้แจ้งต่อรัฐมนตรีช่วงท้ายของการประชุม ครม. ขอใช้อำนาจของตัวเองในการปรับ ครม.

โดยรูปการณ์ที่สะท้อนความพยายาม “รวบรัดตัดความ”

ตามข่าววงใน ทุกอย่างจะจบภายในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ล้อตามเงื่อนไขสถานการณ์ปรับ ครม.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำเร็ว โดยเฉพาะต้องรีบกำจัดวงแรงกระเพื่อมทางอำนาจ ไม่ให้ขยายวงลุกลามตามธรรมชาติของการปรับเปลี่ยนที่ต้องมีทั้งคนสมหวังและผิดหวัง

ยิ่งฟังจากที่ “บิ๊กตู่” ต้องออกตัวเป็นนัยเลยว่า การปรับ ครม.รอบนี้ไม่ได้เกี่ยวโยงกับเรื่องของการทุจริตหรือบกพร่องต่อหน้าที่ เป็นการปรับเพื่อเติมเนื้องานของรัฐบาล

สถานการณ์เหมือนช่วยเคลียร์ให้คนที่จะโดนปรับออกล่วงหน้า

โดยเฉพาะคนที่อยู่ในข่าย “ตำบลกระสุนตก” มีชนักว่าด้วยปมร้อนความโปร่งใส ถ้ามีอันต้องหลุดวงโคจรไปจริงๆ จะได้ไม่โดนสังคมตราหน้าว่ามีปัญหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน

ถึงวันนี้ “นายกฯลุงตู่” อุ้มกระเตงไม่ไหวแล้ว จำเป็นต้องโละจุดอ่อน ตัดทิ้งตัวถ่วง

งานเลี้ยงเลิกรา ต้องมีคนกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน

และก็ตามฟอร์มของเกมอำนาจอันหอมหวน ไม่ว่าใครเสพแล้วต้องติด ยังไงก็หนีไม่พ้นภาวะทางใจ ภายใต้สถานการณ์กดดัน บรรยากาศเครียดๆในห้วงการยกเครื่องปรับ ครม.

มันก็มีพวกรอจังหวะเขย่าซ้ำ ตอกย้ำอาการระหว่างคนปรับกับคนโดนปรับ

กับช็อตต่อเนื่องจากในที่ประชุม ครม.ที่รองโฆษกรัฐบาลแถลงอย่างเป็นทางการว่า “บิ๊กตู่” ขอใช้อำนาจในการปรับ ครม. แต่อีกด้านหนึ่งก็มีการไล่เคลียร์กระแสข่าวอย่างไม่เป็นทางการ

ทีมงานรัฐบาลต้องรีบสกัด “ข่าวปล่อย” ร้อนๆแหลมๆ

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม มีอาการมึนตึงกันในที่ประชุม ครม. เพราะความพยายามลดทอนอำนาจ “พี่ใหญ่”

แถมอีกปมร้อน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ขู่จะยกทีมออกเป็นการกดดัน หาก “นายกฯลุงตู่” ไม่ปรับ ครม.ตามแนวทางที่เสนอให้

“แหล่งข่าว” จากวงใน วงนอก ช่วยกันใส่ฟืน โหมเติมเชื้อไฟ โดยเฉพาะนักการเมืองทั้งค่ายประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยที่อาศัยโหนกระแสตามท้องเรื่อง “ปล่อยของ” ผ่านสื่อ

“เสี้ยม” ให้ทีมงานรัฐบาลแตกคอกัน

และนั่นก็โยงเป็นเหตุผลลึกๆ ปัจจัยหลักที่ “นายกฯลุงตู่” ได้แจกแจงผ่านเอกสาร ยืนกรานถึงการไม่ปลดล็อก

พรรคการเมืองให้ทำกิจกรรม คสช.ได้ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย

จึงขอให้การปลดล็อกที่พูดกัน รอไปอีกระยะ อย่าตื่นเต้นกังวล

แปลไทยเป็นไทย งานนี้ยื้อแบบไม่กำหนดเวลา ปัจจัยแทรกไม่อยู่ในวิสัยที่ “บิ๊กตู่” ควบคุมได้

ทหารไม่มีทางไว้ใจ “ความแสบ” ของนักการเมือง ทั้งยี่ห้อประชาธิปัตย์และเพื่อไทย

แถมด้วยมุกล่าสุด “นายกฯลุงตู่” ได้ส่งคำถามถึงพี่น้องประชาชนอีก 6 ข้อใหญ่

โฟกัสข้อแรก วันนี้เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ๆที่มีคุณภาพให้ประชาชนพิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปบ้างหรือไม่ การที่มีแต่พรรคการเมืองหน้าเดิมๆ แล้วเป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์หรือไม่

ข้อสอง การที่ คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด ก็ถือเป็นสิทธิ์ของ คสช.ใช่หรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว

ข้อสาม สิ่งที่ คสช.และรัฐบาลดำเนินการไปช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่

โฟกัสแค่ 3 ข้อแรก สรุปความตามคำถามของหัวหน้า คสช. มันก็ชัด เป็นการปูทาง “นำร่อง” ป้อมค่ายการเมืองใหม่ เพื่อมาหนุน “นายกฯลุงตู่” สู้กับเจ้าของสัมปทานเดิมทั้งยี่ห้อเพื่อไทยและค่ายประชาธิปัตย์

ตีเหล็กกำลังร้อน ตีปี๊บในห้วงที่แบรนด์ “ประชารัฐ” กำลังติดตลาด

มั่นใจแล้วว่า ยุทธศาสตร์ปฏิรูปเดินมาถูกทาง

“ลุงตู่” พร้อมสู้ในเกมถนัดของนักการเมืองอาชีพแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง