PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คลอดแล้วกฎหมายอัยการใหม่ ห้ามนั่งบอร์ด รสก.-รับจ็อบเอกชน

คลอดแล้วกฎหมายอัยการใหม่ ห้ามนั่งบอร์ด รสก.-รับจ็อบเอกชน


20 ก.พ.2561 – คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..)  พ.ศ....ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา ก่อนเสนอ สนช.ต่อไป และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ 
ทั้งนี้สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ประกอบด้วย 1. กำหนดให้มีคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ประกอบด้วย  ประธาน ก.อ. ซึ่งต้องไม่เป็นพนักงานอัยการ อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นรองประธาน รองอัยการสูงสุดตามลำดับอาวุโส จำนวน 4 คน เป็นกรรมการอัยการโดยตำแหน่ง กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 8 คน และอธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ เป็นกรรมการอัยการโดยตำแหน่ง และเป็นเลขานุการ ก.อ.  
2. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธาน ก.อ. และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นบุคคลภายนอก  3. กำหนดให้มีการเลือกประธาน ก.อ. และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยห้ามกระทำการอันใดมีลักษณะเป็นการหาเสียง 4. กำหนดให้ประธาน ก.อ. และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี และดำรงตำแหน่งได้วาระเดียว 
5.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้ข้าราชการอัยการต้องไม่เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ  หรือกิจการอื่นของรัฐในทำนองเดียวกัน และไม่เป็นกรรมการ ผู้จัดการ ที่ปรึกษากฎหมาย หรือดำรงตำแหน่งอื่นใดในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทหรือกิจการอื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่มีวัตถุประสงค์มุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นที่ปรึกษาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งอื่นใดในลักษณะเดียวกัน 

“ประทิน”จี้ถอดยศ “เสี่ยอ๊อด”พูดจาหมิ่นเกียรติองค์กร ลากไส้ “ดาบนัส ลอยฟ้า”มือแจกอั่งเปา

Prapatchot Thanavorasart ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพติดตาม
กาฝากสีกากี!!
“ประทิน”จี้ถอดยศ “เสี่ยอ๊อด”พูดจาหมิ่นเกียรติองค์กร ลากไส้ “ดาบนัส ลอยฟ้า”มือแจกอั่งเปา อยู่ในราชการแต่ชื่อ ไม่เคยโผล่ทำงาน ทัวร์นอกโดยไม่รับอนุญาตเกือบร้อยหน เปิดภาพลับ“ดาบนัส”หิ้วกระเช้าอวยพรปีใหม่ “บิ๊กหยม”ผู้การนครบาล พบไวน์ลังละครึ่งแสน โผล่กลางโต๊ะทำงานด้วย
รุ่นใหญ่ต้องออกโรง .. องค์กรอันเป็นที่รักถูกย่ำยีต่อเนื่อง พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ในวัย 83 ปี ออกมากระซวก “เสี่ยอ๊อด ไซด์ไลน์”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ที่เปรียบ“อาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”เป็นแค่“อาชีพไซด์ไลน์” ..ถือเป็นคำพูดที่ทำลาย “เกียรติ-ศักดิ์ศรี”ของตำรวจเป็นอย่างมาก อีกทั้งตำแหน่ง ผบ.ตร. เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ได้รับการโปรดเกล้าฯ รวมทั้งการเป็น“ผู้นำตำรวจ”แต่ไปหยิบยืมเงิน “เจ้าของอาบอบนวด”นั่นก็อีก .. พฤติการณ์ลักษณะนี้“ขอโทษ”ไม่เพียงพอ ต้องเจอโทษสถานเดียวคือ“ถอดยศ”เท่านั้น .. งานนี้ก็ไม่รู้ว่า “ผู้มีอำนาจ”จะนำพาข้อชี้แนะของ“ผู้อาวุโส”แค่ไหน ..
ไปกันต่อที่ “อั่งเปาสีกากี”ที่ตำรวจนับร้อยชักแถวมารับกับ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ เจ้าของฉายา“อ้วน ลอยฟ้า”ที่มีชื่อพัวพัน“ธุรกิจสีเทา” ..ข้อมูลชวนอึ้งที่ “ร.ต.ต.มานัส”ปัจจุบันยังเป็น “ตำรวจในราชการ”ระดับ“รองสารวัตร”สังกัด “สันติบาล”ที่ถูกขอตัวไปทำหน้าที่อารักขา พล.ต.อ.ไพศาล เชื้อรอด อดีตที่ปรึกษา (สบ10) ที่เพิ่งเกษียณไปเมื่อปีกลาย .. พอมีปม“อั่งเปาร้อน”ก็แอคชั่นเอาเรื่องกันขึ้นมาที ตามตัวเรียกกลับต้นสังกัดกันให้ควั่ก ปรากฏว่า ยังตามตัวไม่พบ .. แถม “บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เพิ่งออกมาแฉด้วยว่า “ดาบนัส”มีประวัติ “ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่” ไปต่างประเทศ “โดยไม่ได้รับอนุญาต”เกือบ 100 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงปี 58 เป็นต้นมาเสียด้วย .. ซึ่งตามระเบียบก.ตร. “ละทิ้งหน้าที่”แค่ 15 วัน ก็ไล่ออกได้แล้ว ก็น่าสงสัยว่าไฉน“อดีตดาบมนัส”ถึงยังอยู่รอดปลอดภัย จนได้ติดยศนายร้อย อยู่กินภาษีประชาชนได้สบายใจเฉิบ .. ชีวิต“ตำรวจไซด์ไลน์”มันดี๊ดี อย่างนี้นี่เอง เพราะแค่เงินเดือนราชการ ไม่น่าจะทำให้อู้ฟู่ ขนาดใจป้ำเลี้ยงโต๊ะจีน “ตำรวจชั้นผู้น้อย”ในสังกัด บช.น.7 นับร้อยนาย แถมแจกอั่งเปา ซองละ 500 พร้อมยันต์คุ้มภัยให้แบบไม่เสียดาย ..ฟังเสียง“บิ๊กหยม”พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผู้การนครบาล กำกับดูแล บช.น.7 ช่วงวันแรกๆ ที่เกิดเรื่อง ดูแปร่งๆ ที่เบี่ยงประเด็นให้ดูมูลค่าในซองอั่งเปา ว่า ผิดกฎหมายป.ป.ช.หรือไม่ .. ทั้งที่ภาพออกมา มันประจานท่นโท่ว่าไม่เหมาะสม “บิ๊กอวบ”พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ก็เพิ่งประกาศหลั่ดๆ ห้ามรับแต๊ะเอีย-อั่งเปา-ประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ในช่วงตรุษจีน
.. แล้วก็ถึงบางอ้อ สาเหตุที่ทำให้“บิ๊กหยม” เสียงแปร่งๆ เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับ“ดาบนัส ลอยฟ้า”เมื่อ “มือดี”ปล่อยภาพ “ดาบนัส”เข้ามอบกระเช้าอวยพร “บิ๊กหยม”เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี่เอง .. เจ้ากระเช้ากาแฟ-คอฟฟี่เมต เต็มที่พันกว่าบาท ไม่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ชัวร์ .. ที่สะดุดตา ก็เจ้าลัง “Opus One”ไวน์ชั้นดีจากนาปา วัลเลย์ ประเทศสหรัฐฯ ที่กองอยู่บนโต๊ะทำงาน“บิ๊กหยม”มากกว่า .. สนนราคา Opus Oneไวน์ดังฝั่งอเมริกา ต่อขวดก็ไม่ต่ำกว่า“หมื่นบาทไทย”ยกลัง 6 ขวด ก็คูณเข้าไป .. ดูจากภาพนิ่งที่ปล่อยออกมา ไม่ชัดเจนว่าใครเป็น “ผู้ให้-ผู้รับ”ไวน์ลังละเกินครึ่งแสนที่ว่า แต่ถ้ามีการ“ให้ - รับ”เกิดขึ้นในห้องวันนั้น ในฐานะ “ข้าราชการตำรวจ”ทั้งคู่ ให้หรือรับ ความผิดก็ทั้งขึ้นทั้งล่อง นะท่านนะ
ช.ชฎา

"ทูตโปแลนด์"คนใหม่ พบแนะนำตัวกับ"บิ๊กป้อม"

"ทูตโปแลนด์"คนใหม่ พบแนะนำตัวกับ"บิ๊กป้อม" เผย เตรียมลงนามMOUความร่วมมือทางทหาร-ความมั่นคง เชิญ"บิ๊กป้อม" เยือน โปแลนด์/ ยินดีร่วมEEC

นาย Waldemar Dubaniowski ออท.สาธารณรัฐโปแลนด์ เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและ รมว.กห. ที่ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับหน้าที่

พล.อ.ต.รังสรรค์ เยาวรัตน์ ผช.โฆษก กห. กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้กล่าวถึง ความสัมพันธ์ไทยและโปแลนด์ ที่มีมายาวนานกว่า 100 ปี
โดยไทยเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 2 ของโปแลนด์ในอาเซียน และได้หารือร่วมกันถึง ความร่วมมือด้านความมั่นคง ด้าน เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
โดยได้จัดทำและเตรียมลงนามบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง อันจะนำไปสู่การัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างกัน

โดย นาย Waldemar ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และกล่าวชื่นชมยินดีที่ไทย มีอัตราการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่ดี
ซึ่ง พล.อ.ประวิตร. กล่าวแสดงขอบคุณ พร้อมทั้งเชิญโปแลนด์ได้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ( EEC) ซึ่งโปแลนด์มีความสนใจอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน เห็นว่า ประเทศไทยมีเสถียรภาพและมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ของไทย ที่รัฐบาลมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.อ.ประวิตร ได้เชิญ รมว.กห.สาธารณรัฐโปแลนด์ มาเยือนไทย เพื่อหารือถึงความร่วมมือทางทหารที่สำคัญระหว่างกัน
ขณะที่ นายวัลแตมาร์ เชิญ พล.อ.ประวิตร ให้ไปเยือนสาธารณรัฐโปแลนด์เช่นเดียวกัน

เตรียมตัว ไปเลือกตั้ง

เตรียมตัว ไปเลือกตั้ง
"บิ๊กตู่" ให้ความหวัง -ลดกระแส "คนอยากเลือกตั้ง ปลุกคนไทย ให้พร้อมไปเลือกตั้ง เลือกหรือไม่เลือก ก็ได้ แต่ต้องไปเลือกตั้ง ระบุไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แล้วไม่ไปเลือกตั้ง /ชี้ ปชต. ไม่ใช่ เดินประท้วง วอน เลิก We walk แจง ความหมาย "ปวงชนชาวไทย กับ ประชาชน"
หลังจากวานนี้. ยืนยันว่า จะไม่มีการคว่ำร่างกฎหมายลูก ยกเว้น มีเหตุจำเป็นจริงๆแล้ว
วันนี้ พลเอกประยุทธ์ ทำให้เกิดความหวัฃ ว่าจะมีเลือกตั้ง โดยชี้ว่า ประชาธิปไตยไทยจะต้องเป็นประชาธิปไตย ที่ยั่งยืนเป็นสากล ถึงเวลาเลือกตั้งก็ต้องไป ถ้าบอกไม่ไปเลือกตั้งดีกว่า อันนี้เสร็จเลย ต้องเลือกให้ดี
ต้องรู้เรื่องประชาธิปไตยเป็นอย่างไร ประชาธิปไตยไม่ใช่การมาเดินประท้วง เช่นที่กลุ่ม We Walk ทำนั้น ไม่เกิดประโยชน์ ควรหันหน้าหารัฐบาลมาให้ข้อมูลจะดีกว่า
ส่วนการเลือกตั้ง ขอให้ทุกคนไปเลือกตั้ง ไม่ว่าจะกาช่องเลือกใคร หรือไม่เลือกใครก็ตาม ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แล้วไม่ไปเลือกตั้ง เพราะเมื่อรวมคะแนนแล้ว อาจส่งผลต่อการมีรัฐบาลต่อไป
ก็เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ดีเป็นของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า รัฐบาลที่ดีต้องเป็นของปวงชนชาวไทย
คำว่าปวงชนนั้น แตกต่างจากประชาชน ถ้าประชาชน คือคนนั้นคนนี้ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ มันไม่ใช่ ปวงชนชาวไทย คือคนทุกอาชีพ รัฐบาลต้องทำหน้าที่แทนทุกคน
รัฐบาลนี้ดูทุกคน ปัญหาถึงได้เยอะ ผมพูดด้วยความจริงใจ
หากมีคนมาแจกเงินถือว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เพราะคงไม่มีอะไรที่จะได้มาเปล่าอย่าให้ใครมาบิดเบือน สร้างความร้าวฉานอีก
ส่วนตัวไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้อยู่แล้ว และทุกคนต้องรู้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พายเอง ได้.....เรือ(แป๊ะ)

พายเอง ได้.....เรือ(แป๊ะ)
"บิ๊กตู่" ลงเรือ ลุย แปลงนาบัว เปรย
ไม่ต้องมีใครมาพายให้ พายเองได้ เพราะบ้านติดคลอง เคยพายเรือมาก่อน
สนใจ วิธีการปลูกบัว เล็งจะปลูกบัว ใน คูคลอง หลังตึกไทยคู่ฟ้า ข้างตึกภักดีบดืนทร์
ฝากให้ บิ๊กอ้อ พลเอกวิลาส เลขานายกฯ หาข้อมูล ปลูกอย่างไร. ไม่ให้ปลากินบัวหมด
นายกฯลงเรือลุย แปลงนาบัว ลุงแจ่ม สวัสดิ์โต ที่บ้านศาลาดินหมู่ที่ 3 ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล ซึ่งเป็นที่ดินพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปที่ดินในประเทศไทย
ปลูกบัว พันธุ์บัวสัตตบุษที่มีกลีบดอกสีขาว และ บัวสัตตบงกช กลีบดอกสีชมพูอมม่วง โดยนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยว จะได้ร่วมกิจกรรมพายเรือกลางนาบัว ชมและเก็บดอกบัวตลอดจนเรียนรู้ การพับกลีบดอกบัว

แต่งกลอน"ไทยนิยม"....บิ๊กตู่ ซัด "คนพาล"

แต่งกลอน"ไทยนิยม"....บิ๊กตู่ ซัด "คนพาล"
หลัง ปล่อย เพลง"ใจเพชร" ออกมา เมื่อ 2 สัปดาห์ ที่แล้ว.....แต่ ไม่ฮือฮา นัก แม้จะใส่ทำนองร็อคเล็กๆ หวังเข้าหู คนรุ่นใหม่ ก็ตาม
ตอนนี้ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มาเป็น กลอน.... เขียนด้วยลายมือตัวเอง ในโอกาส Kick off "ไทยนิยม ยั่งยืน" วันแรก...รับ บิ๊กตู่ ลงพื้นที่ นครปฐม

"ประชารัฐ ไทยนิยม เหมาะสมยิ่ง
ทำทุกอย่าง ความจริง ให้มองเห็น
สาระพัด สารพัน ปัญหา น่าลำเค็ญ
ให้เปรียบเป็น แสงสว่าง ช่วยนำทาง
ความสำเร็จ ใช่จะมา ได้โดยง่าย
สิ่งที่หมาย อุปสรรค นั้นนักหนา
ทั้งยินดี ติฉิน คำนินทา
อย่าระอา ช่วยฝ่าฟัน ให้ยั่งยืน
ให้คนไทย มีรอยยิ้ม ทุกหย่อมหญ้า
ร่วมไขว่คว้า หาโอกาส ที่เหมาะสม
ทำความดี ต่อไป ไทยนิยม
ร่วมชื่นชม สุขด้วย ช่วยพัฒนา
ขอวิงวอน สื่อสังคม ช่วยสานต่อ
อย่ารั้งรอ คนพาล รานเสียหาย
ไม่หยุดยั้ง ขัดแย้งเพิ่ม เติมวุ่นวาย
ถึงที่หมาย มั่นคงมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน"
ถูกใจแสดงความรู้สึกเพิ่มเติม

ไม่ตอบคำถามใด เรื่อง"ต่อตระกูล ยมนาค" เสนอนายกฯให้ ปลด

"บิ๊กป้อม" เงียบ!! ไม่ตอบคำถามใด เรื่อง"ต่อตระกูล ยมนาค" เสนอนายกฯให้ ปลด ออกจาก คณะกรรมการต่อต้านทุจริตแห่งชาติ(คตช.) จากปม นาฬิกา
บิ๊กป้อม ทำนักข่าว ผิดคาด อีกแล้ว...ขา กลับ ก็เดินลงบันได ไม่ลงลิฟท์ ....แค่คราวนี้ นักข่าว รอที่หน้าบันได ด้วย....แต่บิ๊กป้อม ไม่ตอบอยู่ดี เดินยิ้ม ขึ้นรถกลับ ไปทานข้าวกลางวันที่ ร.1รอ.
หลัง ตัอนรับ เอกอัครราชทูตโปแลนด์ และกัมพูชา เข้าพบ

ให้เยอะเกิน

ให้เยอะเกิน


โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภาแบบไร้รอยต่อ ระยะทาง 260 กม. วงเงินลงทุน 2 แสนล้านบาท
กำลังเป็นเค้กชิ้นใหม่ที่กลุ่มทุนขาใหญ่จ้องสะง่อมกันตาเป็นมัน
เพราะใครที่ได้รับเลือกให้ลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้ นอกจากได้รับสัมปทานยาวมากถึง 50 ปี
รัฐบาล คสช.จะยกที่ดินทำเลทองย่านมักกะสันอีก 140 ไร่ให้ไปพัฒนาเชิงธุรกิจ สร้างศูนย์การค้า โรงแรมหรู ศูนย์ประชุมนานาชาติ อาคารสำนักงาน ร้านค้า ปลอดภาษี ฯลฯ อีก 50 ปี
บวกที่ดินไข่แดงศรีราชาอีก 30 ไร่ให้ไปต่อยอดโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์ระยะยาว
แค่นั้นยังไม่จุใจ รัฐบาลยังให้สิทธิ พิเศษพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี รถไฟความเร็วสูงตลอดเส้นทางอีก 9 สถานี
แถมได้สัมปทานเดินรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์อีก 50 ปี พร้อมสิทธิใช้พื้นที่สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-สุวรรณภูมิ) เพื่อพัฒนาหากำไรระยะยาว
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าไม่เคยเห็นโครงการสัมปทานโครงการไหนได้รับประเคนสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลมากเท่าโครงการนี้มาก่อนเลย
ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ “อีอีซี” ซึ่งรัฐบาล คสช.ได้เสนอสิทธิประโยชน์ล่อใจอีกมากมายก่ายกอง
ดังนั้น เอกชนผู้ได้รับสัมปทานลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน นอกจากได้สิทธิประโยชน์บานแห้วที่รัฐบาลเสนอให้แล้ว
ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์จากโครง การอีอีซีเพิ่มอีกตามกติกา
เช่น...สิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 15 ปี
สิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินอีก 99 ปี
และสิทธิประโยชน์อื่นๆอีกบานตะไท
ดังนั้น ไม่ว่ากลุ่มทุนยักษ์รายใดจะได้สัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไปครองจากรัฐบาล
ย่อมได้สิทธิประโยชน์ 2 เด้ง โกยกำไรสะดือปลิ้นไปอีก 50 ปีด้วยประการฉะนี้แล
อย่างไรก็ดี “แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
เพราะจะทำให้การขนส่งผู้โดยสารจากสนามบินสู่สนามบินสะดวกรวดเร็วครบวงจร
แต่ “แม่ลูกจันทร์” ไม่เห็นด้วย...ที่รัฐบาลประเคนสิทธิประโยชน์ให้เอกชนผู้รับสัมปทานมากมโหฬารเกินความจำเป็น
ไม่เห็นด้วย เพราะเหตุผล 3 ประการคือ
1, ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับโครงการอื่นๆของรัฐบาลเอง
2, การที่รัฐบาลเวนคืนที่ดินชาวบ้านไปให้เอกชนผู้รับสัมปทานพัฒนาเชิงธุรกิจหากำไรผิดหลักนิติธรรม
3, การกระหน่ำสิทธิประโยชน์ให้เอกชนผู้ลงทุนมากเกินไป ทำให้ผลประโยชน์ ที่รัฐพึงได้...เหลือก้อนเล็กนิดเดียว!!
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าจากข้อมูลเบื้องต้น โครงการนี้ รฟท.จะได้ผลตอบแทนจากเอกชนผู้รับสัมปทานประมาณ 1 หมื่นล้านบาทถึง 2 หมื่นล้านบาทในระยะเวลา 50 ปี
ถ้าเอา 50 ปี ไปหารผลตอบแทน 2 หมื่นล้านบาท เท่ากับรัฐจะได้ผลตอบแทนจากเอกชนปีละ 400 ล้านบาทเท่านั้นเอง
ผลตอบแทนปีละ 400 ล้านบาทเทียบกับสิทธิประโยชน์มากมายที่รัฐบาลประเคนให้เอกชนผู้รับสัมปทานยาวถึง 50 ปี
มันคุ้มค่าหรือไม่...ช่วยหาคำตอบให้รัฐบาลกันเถอะโยม??
"แม่ลูกจันทร์"

หมากยื้อม็อบแบบนิ่มๆ

หมากยื้อม็อบแบบนิ่มๆ


ผ่องแรงกดดัน ถอดชนวนไปได้ก่อนหนึ่งจุด

ล่าสุดม็อบเครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเลกระบี่–เทพา ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ประกาศยุติการชุมนุมกดดันรัฐบาลทหาร คสช.ที่หน้าสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย ถนนราชดำเนิน

ภายหลังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันกับนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน

และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยให้กระทรวงพลังงานจัดทำรายงานประเมินผลกระทบใหม่ ใช้นักวิชาการที่มีความเป็นกลางและทั้งสองฝ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 9 เดือน นับตั้งแต่วันนี้

ถ้าชี้ชัดว่าการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่เหมาะสม กฟผ.จะต้องยุติการดำเนินการก่อสร้าง

เบื้องต้น แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติยืดหยุ่น

กระบวนการจัดการม็อบอย่างละมุนละม่อม

สะท้อนสถานการณ์ภายใต้การคุมเกมของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ไม่ใช่ฟอร์มของรัฐบาลทหารที่ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์เต็มมือ

และนั่นก็ถือเป็นการเสริมน้ำหนักให้ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ออกโรงชี้แจงกรณีแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เชิญชวนสมาชิกและนักกิจกรรมทั่วโลก ส่งจดหมายเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยุติดำเนินคดีอาญาต่อกลุ่มนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมทางการเมืองเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง
ยืนยันเรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายของไทย และมีการชี้แจงไปแล้วว่าอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม โดยไม่จำเป็นต้องทำหนังสือชี้แจงไปยังแอมเนสตี้

ยังไม่เต้นตามเกม “อีเวนต์” สไตล์องค์กรเอ็นจีโอฝรั่ง

ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับรัฐบาลทหารในทุกประเทศ ทุกกรณี ไม่มีข้อยกเว้น

แต่ก็อย่างที่เห็นๆกัน มันคือวิธีการป้องกัน “น้ำผึ้งหยดเดียว” อย่างได้ผลในแบบฉบับรัฐบาลทหารไทย ไม่ได้ใช้ปืนหรือกำลังในการจัดการม็อบต้านอย่างรุนแรงแต่อย่างใด

แค่แจ้งตำรวจให้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย

แม้แต่การแตะเนื้อต้องตัวผู้ชุมนุมยังแทบไม่มี

ตรงกันข้ามมีแต่พวกจ้องจุดไฟ ที่ใช้วิชามารตัดต่อคลิปการปะทะกันระหว่างตำรวจกับม็อบ กปปส.ในอดีตมารวมเป็นเหตุการณ์เดียวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม We Walk ที่เดินไปจังหวัดขอนแก่น

แชร์กันว่อนโซเชียลฯ คสช.สั่งทุบม็อบ เล่นบทโหดสลายมวลชน

หวังผลปลุกอารมณ์เกลียดชังทหาร กระตุกมวลชนฝ่ายต้านให้ลุกฮือ

เรื่องของเรื่องก็คือ ประเมินทีมทหารของ “นายกฯลุงตู่” ต่ำไป นึกว่าจะเป็นแบบทหารโบราณที่ยั่วตบะได้ง่ายๆ คิดอะไรไม่ได้มากไปกว่าการใช้กำลัง

โดยเฉพาะอาการแพ้ “ของแสลง” กับนักศึกษา ปัญญาชน

แต่ถึงตรงนี้ ผู้นำรัฏฐาธิปัตย์ก็ยังอยู่ในอารมณ์ที่พูดจากันด้วยเหตุด้วยผล แบบที่ “นายกฯลุงตู่” แสดงความเป็นห่วงกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหว สร้างความขัดแย้งโดยเอาหลักต่างประเทศมาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ

แต่ลืมดูไปว่า ตอนที่ต่างประเทศเปลี่ยนแปลง มีการบาดเจ็บและสูญเสียไปกี่แสนกี่ล้านคน

ทั้งๆที่เราเองสามารถเปลี่ยนได้ในทางที่สงบ ไม่เกิดความขัดแย้ง สูญเสีย

“บิ๊กตู่” ฉายภาพตามความเป็นจริง ล้อไปกับสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองยังขยาดหวาดผวา
กลัวม็อบกลับมาฉุดประเทศลงเหวกู่ไม่กลับ

และแทนที่จะปักหลักชนกับการเคลื่อนไหวของนักศึกษา รัฐบาลก็มุ่งหน้าไปที่การเจาะถึงชาวบ้าน
ดีเดย์ 21 กุมภาพันธ์ วัน “คิกออฟ” เริ่มต้นยุทธศาสตร์ “ไทยนิยมยั่งยืน”

ภายหลัง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้นโยบายกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ข้าราชการพลเรือน พร้อมคัดบุคลากรคุณภาพ “เกรดเอ” จากกองทัพ

รวมแล้วกว่า 7,500 ทีม เดินสายกระจายลงพื้นที่ทั่วประเทศ

ในลักษณะไปคลุกคลีกับชาวบ้าน ปรับทุกข์ บำรุงสุข สำรวจปัญหาและความต้องการของประชาชน
เพื่อเป้าหมายทำให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว

ที่สำคัญคือการทำให้ประชาชนรู้ว่าต้องเลือกคนเก่ง เลือกคนดี เพื่อจะได้รัฐบาลที่ดีมาทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่ให้ประเทศวนกลับไปที่เดิม

ตามจังหวะชิงตัดหน้า ไม่ให้เติมเกมระดมม็อบง่ายๆ.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ความคืบหน้าคดี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ # 4

ความคืบหน้าคดี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ # 4

ความคืบหน้าคดี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ # 4
จากเหตุการณ์ที่นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกเข้าจับกุมขณะตั้งแคมป์ในพื้นที่หวงห้ามของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และตรวจพบซากเสือดำ ซากไก่ฟ้าหลังเทา ซากเก้ง อาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ได้พานายเปรมชัยพร้อมพวกส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ แจ้งดำเนินคดี 9 ข้อหา ไปในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ โดยนายเปรมชัยได้ประกันตัวออกมาในวงเงิน 1.5 แสนบาท ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกนายเปรมชัยให้มารายงานตัวในวันที่ 22 ก.พ. นี้ ซึ่งครั้งนี้เป็นการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หลังจากที่ครั้งแรก 15 ก.พ. นายเปรมชัยและพวกไม่ได้เข้าพบตามที่เรียก

ออกหมายเรียกเปรมชัย เข้าทราบข้อหาเพิ่มครั้งที่ 2

พนักงานสอบสวนได้ประสานผ่านทางทนายความส่วนตัวและนายประกัน ของ นายเปรมชัย เพื่อเรียก นายเปรมชัย พร้อมพวก มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมกับรับทราบข้อกล่าวหา ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อ นายเปรมชัย พร้อมพวก ในข้อหา ทารุณกรรมสัตว์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557
ก่อนหน้านี้ได้ออกหมายเรียกครั้งแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.พ. แต่ทนายความส่วนตัวนายเปรมชัยได้แจ้งว่ามีเหตุขัดข้องไม่สามารถเดินทางมาพบพนักกงานสอบสวนได้ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกครั้ง ให้นายเปรมชัยพร้อมพวกมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 22 ก.พ. ในเวลา 09.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี
หากในครั้งที่ 2 นายเปรมชัยไม่มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 22 ก.พ.นี้ พนักงานสอบสวนจะแจ้งต่อศาลถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหา เพื่อให้ศาลใช้ดูลพินิจในการพิจารณาสั่งการต่อไป

จ่อแจ้งข้อหาเปรมชัย ครอบครองปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผลการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานกลางและเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย ในการตรวจสอบอาวุธปืนของนายเปรมชัย หลังจากการเข้าตรวจค้นบ้านของนายเปรมชัยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า มีปืนที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย 2 กระบอก
โดยปืนกระบอกที่ 1 เป็นปืนที่ผลิตขึ้นเอง กระบอกที่ 2 อาวุธปืนยาวขนาด 9 มม.ออโตเมติก มีความยาวลำกล้องถึง 420 มม. มีความยาวลำกล้องเกินกว่าที่กฎหมายระบุ คือ 160 มม.
นอกจากนี้ปืนที่ตรวจพบอีกจำนวน 8 กระบอก ยังไม่พบเอกสารว่าผู้ใดเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่นายทะเบียนจากกระทรวงมหาดไทย ว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของ และครอบครองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนของคดีนี้ จะต้องแจ้งกล่าวข้อหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แฉเปรมชัย มีเป้าเปิบจู๋เสือด

ชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าไปเก็บหลักฐานในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก พร้อมจัดทำลำดับเหตุการณ์การเข้าล่าสัตว์และการชำแหละเนื้อเสือดำเป็นบันทึกประกอบในสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เนื้อของการจัดทำเหตุการณ์ล่าสัตว์ของคณะนายเปรมชัย ระบุเนื้อหาตอนหนึ่งไว้ว่า
เนื้อขาขวาของเสือดำถูกเลาะออกจากกระดูกมาย่างกิน ส่วนหางเสือดำนำไปปรุงเป็นซุปหางเสือดำหรือหากชอบแบบต้มยำสามารถใส่เครื่องปรุงตามใจชอบ ทั้งนี้กลุ่มพรานไม่ได้มาเพื่อกินหางหรือเนื้อเสือดำเท่านั้นเป้าหมายต้องการกินตัวเดียวอันเดียวของเสือดำด้วย สรุปคือกลุ่มพรานได้กินอวัยวะเพศผู้ของเสือดำ หาง เนื้อสะโพกและขาขวาหลัง ส่วนเนื้อไก่ฟ้าหลังเทาแทบจะไม่ได้แตะเลยในอาหารมื้อเย็นของวันที่ 3 ก.พ.

เตรียมแจ้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์เพิ่ม

ร.ต.อ.สุมิตร  บุญยะนิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เจ้าของคดี กล่าวว่า ในส่วนของข้อกล่าวหารวมทั้งหมดเวลานี้มี 10 ข้อกล่าวหา เดิมมี 9 ข้อหาแต่เพิ่มอีก 1 ข้อหาที่มีการแจ้งความเพิ่ม คือทารุณกรรมสัตว์
ในข้อกล่าวหานี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ที่ด่านกักกันสัตว์ อ.สังขละบุรี มาให้ข้อมูลในรายละเอียดข้อกฎหมาย เพราะเป็นกฎหมายใหม่ ต้องทำให้รัดกุมที่สุดในแต่ละข้อกล่าวหา

22 ก.พ. นัดหัวหน้าทุ่งใหญ่สอบปากคำคดีติดสินบน

จากกรณีที่ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก แจ้งดำเนินคดีกับนายเปรมชัย ในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ล่าสุด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนแล้ว และจะเรียก นายวิเชียร พร้อมลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ 4 คน มาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นี้ เพื่อให้สำนวนมีความครอบคลุมครบถ้วน ก่อนจะเชิญ นายเปรมชัย มาให้ปากคำต่อไป

ป่าไม้ชงปปง.ยึดทรัพย์-ฟ้องแพ่ง กรณีรุกป่า

จากการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าใน อ.ภูเรือ จ.เลย ของบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่มีนายเปรมชัย เป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร พบว่าเรื่องนี้มี 2 ประเด็นสำคัญ
1. ส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จากการตรวจสอบพบว่าที่มีการครอบครองผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้น 6,215 ไร่ ซึ่งเมื่อมีการแจ้งความผู้ที่ถูกเอาผิดทางอาญาจริงๆ คือ พี่สาวของนายเปรมชัย แต่นายเปรมชัยไม่ถูกดำเนินคดีอาญาเพราะไม่ได้ลงนามในเอกสาร แต่ในส่วนของคดีแพ่งนั้น ภาครัฐสามารถเอาผิดเรียกค่าเสียหายเป็นเงินและเสนอเรื่องให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เอาผิดโดยยึดทรัพย์ได้ เพราะที่ดินดังกล่าวอยู่ในโซนป่าต้นน้ำ 1 และ 2 ที่ห้ามถือครองเพื่อทำธุรกิจ แต่พบว่าบริษัทดังกล่าวถือครองที่ดินและทำธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่
2. ส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายเปรมชัย ตรวจสอบพบว่านายเปรมชัยมีชื่อถือครองโฉนดไม่ต่ำกว่า 5 แปลง ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน รวมประมาณ 500 กว่าไร่ ดังนั้น ต้องตรวจสอบด้วยว่าได้มาอย่างไร ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการบุกรุกป่าท้องที่ อ.ภูเรือ ซึ่งประกอบด้วย 5 ฝ่าย
ส่วนเรื่องท่าจอดเรือยอชต์ อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า จ.ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ระบุว่า ท่าจอดเรือยอชต์นั้นมีเอกสารสิทธิถือครองที่ดินถูกต้อง

รมว.ทรัพยฯ ยันหลักฐานเอาผิดเปรมชัยแน่นหนา

พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย พร้อมพวกที่เข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก มีรายละเอียดสำคัญดังนี้
การดำเนินคดี 9 ฐานความผิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการไปแล้วนั้น มีพยานหลักฐานที่แน่นหนามาก ส่วนคดีอื่นที่จะมีการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมนั้นก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนต่อไป ส่วนเรื่องการดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าทั้งในพื้นที่ อ.ภูเรือ จ.เลย และ สนามกอล์ฟเขาสอยดาว จ.จันทบุรี เป็นเรื่องที่กรมป่าและกรมอุทยานฯกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ