PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

ประยุทธ์'ชี้หากรุนแรงทหารพร้อมออกโรง

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"พล.อ.ประยุทธ์" ห่วงแตกแยก โดยเฉพาะตำรวจกับผู้ชุมนุม แนะเจรจา ชี้หากขัดแย้งรุนแรงทหารจำเป็นต้องออก พร้อมประณามผู้ก่อเหตุ

(22/1/57)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ ในขณะนี้ ว่า ส่วนตัวไม่ขอตอบว่า มีความจำเป็นหรือไม่ เนื่องจากมีการประกาศใช้ออกมาแล้ว และเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารที่จะประกาศใช้ แต่ทั้งนี้ ผู้ปฏิบัติ จะต้องใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง และต้องติดตามว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ พร้อมย้ำ ฝ่ายทหารจะทำหน้าที่ดูแลประชาชนทุกภาคส่วนอย่างดีที่สุดและไม่ได้อยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการทหารบก ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงเรื่องความแตกแยกของคนในสังคมขณะนี้ โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม โดยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันลดความขัดแย้ง โดยไม่ใช้วิธีการที่รุนแรง เพราะเชื่อว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน ยังมีทางออก และสามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งส่วนตัวสนับสนุนให้พูดคุยกัน

อย่างไรก็ตาม หากความขัดแย้งรุนแรงจนถึงระดับที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ทหารอาจจำเป็นที่จะออกมาแก้ไข ทั้งนี้ ขอประณามผู้ก่อเหตุรุนแรงกับผู้ชุมนุม และขอเตือนว่าอย่าทำอีก และขณะนี้ พอที่จะทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว

ปะทะความคิด 2 ขั้ว "เอกชัย-สมบัติ" ศาลรัฐธรรมนูญกัการ"เลื่อนเลือกตั้ง"


Prev
1 of 3
Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 22 ม.ค. 2557 เวลา 19:42:34 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
หมายเหตุ:หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 22 มกราคม เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 214 ใน 2 ประเด็น คือ 1) หน่วยงานใดมีอำนาจในการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง และ 2) กรณีมีเหตุจำเป็นสามารถกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้หรือไม่


เนื่องมาจาก กกต. และ คณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกา มีความเห็นขัดแย้งกัน ซึ่ง กกต.ให้เหตุผลตามกฎหมายว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการนำความขึ้นกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่และมีหน้าที่ในการลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญมาตรา 214 ระบุถึงกรณีที่มีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่าง 2 องค์กรขึ้นไป

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ได้พูดคุย 2 มุมมองวิชาการต่อประเด็นดังกล่าว



นายเอกชัย ไชยนุวัติ 
รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.สยาม และ โฆษกสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) ให้ความเห็นว่า อันที่จริงแล้ว การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยของ กกต. ครั้งนี้ ไม่เข้าข่าย มาตรา 214 เลย เนื่องจาก มาตรา 214 กล่าวถึง "ความขัดแย้ง" หรือถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านคือ "ทะเลาะ" กัน กรณีนี้ ระหว่าง 2 องค์กร คือ รัฐบาล และ กกต. ไม่ได้ขัดแย้งหรือแย่งกันมีอำนาจในการเลื่อนเลือกตั้ง อีกกรณีคือ ไม่ได้ขัดแย้งกันว่า อีกฝ่ายมีอำนาจในการเลื่อนเลือกตั้งแต่ตนไม่มี

เพราะข้อเท็จจริงคือ ทั้งรัฐบาลและ กกต. ไม่มีอำนาจใดๆ ในการเลื่อนเลือกตั้งเลย  และในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ก็ไม่ได้ให้อำนาจใครให้การเลื่อนเลือกตั้ง ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่มีอำนาจรับคำร้องหรือวินิจฉัยในกรณีนี้ และคู่กรณีก็ไม่ได้ "ขัดแย้ง" หรือ "ทะเลาะ" กันแต่แรกด้วย

"ข้อเรียกร้องของ กกต.ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่ยึดหลักการ เพราะไม่ว่า นักกฎหมาย นักการเมือง หรือนักวิชาการคนใดๆ ก็หาไม่เจอว่า รัฐธรรมนูญมาตราใดที่เสนอให้มีการเลื่อนเลือกตั้งได้" นายเอกชัยระบุ

นายเอกชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้วินิจฉัย อย่างไรก็ตาม หากศาลวินิจฉัยให้เลื่อนเลือกตั้งได้ ก็จะเป็นวิกฤตการเลือกตั้งของไทย

"ผมว่าถ้าศาลมาดูสถานการณ์ ก็จะเห็นว่า มีหน่วยเลือกตั้งพร้อมจำนวน 92.5% นั่นแปลว่า ประชาชนต้องการจะเลือกตั้ง มีเพียง 7.5% ที่ไม่พร้อม แต่ก็ต้องมาดูเหตุผลด้วยว่า เพราะอะไร เพราะผู้สมัครไปสมัครไม่ได้ เพราะโดนปิดกั้นหรือไม่"

"ในสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวายเช่นนี้ มีทางออกให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตาม 3 ข้อ คือ 1. ให้สิทธิคนเท่ากัน นั่นคือ ต้องมีการเลือกตั้ง 2. เคารพและยึดกติการ่วมกันทุกๆ ฝ่าย และ 3. กรรมการผู้ดูแลกติกาต้องไม่ละเมิดกติกาเสียเอง แต่ถึงยังไง ถ้าปล่อยให้ไม่มีเลือกตั้ง ทางออกข้อที่ 1 ที่ผมเสนอ สังคมไทยก็ทำไม่ได้แล้ว" นายเอกชัยกล่าว

อ.เอกชัย กล่าวปิดท้ายว่า การเลือกตั้งต้องมีเพราะเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย แต่ส่วนตัวเชื่อว่า อาจไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในอนาคต



ด้าน นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และคณะทำงานกลุ่มกปปส. ให้สัมภาษณ์ว่า กกต. สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 214 ได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้ หรือส่งกลับหรือไม่นั้น ต้องรอดู

นายสมบัติ กล่าวว่า หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็ไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้อยู่ดี เพราะ กกต. จะไม่สามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ได้ครบ 95% ได้ภายใน 30 วัน  และหากรัฐบาลดันทุรังให้เกิดการเลือกตั้งขึ้น ก็คาดว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชาชน จะเข้ามาเป็นรัฐบาล เท่ากับว่าจะไม่มีพรรคฝ่ายค้านเลย พรรคเหล่านี้เกาะกลุ่มกันอยู่กับพรรคเพื่อไทย ทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้เป็น "เผด็จการจากการเลือกตั้ง"

"อย่าเข้าใจว่า เลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย เพราะมีหลักฐานให้เห็นแล้วว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อทักษิณ ที่จริงสภาต้องเป็นตัวแทนใช้อำนาจที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่นี่เป็นสภาหุ่นเชิด"

"จะเห็นเลยว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ หมายเลข 1 คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งต้องขึ้นมาเป็นผู้นำอีกถ้าได้รับเลือกตั้ง วิญญูชนที่คิดเป็น ต้องมองเห็นแล้วว่าเลือกตั้งแล้วจะมีอะไรรออยู่ จะวุ่นวายหรือไม่ ยิ่งเมื่อรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ทำให้กระทบท่องเที่ยวมากกว่าเดิม ชัดเจนว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเบ็ดเสร็จที่ไม่ได้สนใจเรื่องอื่น นอกจากชัยชนะของตน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการจำนวนหนึ่งเห็นว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและวินิจฉัยกรณีเลื่อนเลือกตั้ง อาจเข้าข่ายสถานการณ์ที่อาจจะเป็นรัฐประหารเงียบ หรือไม่

นายสมบัติ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นถึงนักวิชาการเหล่านี้ นักวิชาการเหล่านี้รู้ถูกผิด รู้ทุกอย่าง แต่เขาพูดอย่างนี้ไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจ หรือไม่ใช้เหตุผล แต่เป็นเพราะมีวาระซ่อนเร้น นักวิชาการที่บอกให้เดินหน้าเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธุ์มีวาระซ่อนเร้น

ทั้งนี้ นายสมบัติ เสนอทางออกต่อสถานการณ์ในขณะนี้ว่า ในฐานะนักรัฐศาสตร์ ขอเสนอให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงจากตำแหน่ง เพราะไม่มีผู้นำประเทศที่ดีคนใด จะปกครองประเทศในภาวะที่สังคมแตกแยก ต้องให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน ในประวัติศาสตร์นั้น ภาวะเช่นนี้อาจรุนแรงถึงขนาดแบ่งประเทศได้เลย

เมื่อถามต่อว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการเลื่อนเลือกตั้ง นายสมบัติ เห็นว่า ถ้าเป็นคนที่คิดถึงประโยชน์ของชาติ ก็ต้องเห็นว่าเลือกตั้งแล้วจะเป็นเช่นไร การเลือกตั้งในสถานการณ์นี้ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติเลย

“ขวัญชัย” เล่านาทีระทึกถูกยิงถล่ม

ผกก.สภ.เมืองอุดรฯ สอบปากคำ Thailand Web Stat By Digital Media | 22 ม.ค. 2557 16:08 | 283 views | View Comment
อุดรธานี 22 ม.ค.- พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี นำชุดเจ้าหน้าที่เดินทางมายังโรงพยาบาลเอกอุดร เพื่อสอบปากคำหาเบาะแสของผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มใส่บ้านพักและสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดร ม.11 ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ของนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา อายุ 61 ปี ประธานชมรมคนรักอุดร ช่วงสายวันนี้ (22 ม.ค.) ทำให้นายขวัญชัย ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยคณะแพทย์พบว่ากระสุนปืนเข้าที่ต้นแขน 2 นัด กระสุนทะลุตัดเส้นประสาท และกระสุนฝังในอีก 1 นัด ที่หัวเข่าขวา อยู่ในอาการเสียเลือด รู้สึกตัวดีและพ้นขีดอันตรายแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดชุดมาดูแลความปลอดภัยไว้แล้ว
 
นางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยานายขวัญชัย ให้การว่าขณะเกิดเหตุสามีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ระเบียงหน้าบ้าน และได้ยินเสียงดังขึ้นประมาณ 3-4 นัด คิดว่าเป็นเสียงประทัด จากนั้นมีเสียงรัวตามมาอีกนับสิบ ก่อนที่คนร้ายขับรถกระบะออกไปอย่างรวดเร็ว และพบว่าสามีถูกยิง แต่ยังรู้สึกตัวดี
 
ด้านนายขวัญชัย เล่าว่าออกมานั่งดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์เป็นประจำทุกวัน และกำลังจะลุกขึ้นเข้าบ้านก็ถูกยิง จึงรีบก้มหลบกระทั่งเสียงปืนสงบ และครอบครัวพาส่งโรงพยาบาล.-สำนักข่าวไทย

ทนายนกเขา ยันคปท.ไม่มีเจตนาหมิ่นศักดิ์ศรีตำรวจ

"นายนิติธร" กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ สตช. วันนี้ว่าทาง คปท. มิได้ลบหลู่ดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรี ตร. 

แต่ที่แกะป้ายออกนั้น ทาง คปท. ต้องการจจะปฏิรูป สตช. ใหม่ เชื่อหากปฏิรูปเรียบร้อยแล้ว สตช. และ ตร. ชั้นผู้น้อยจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตร. จะได้ไม่ไปรีดไถประชาชน

พร้อมระบุ คปท. เตรียมทำป้าย สตช. ด้วยแร่เงินอย่างดีส่งมอบคืนให้ตร.

และหลังมีข่าวว่าจะเกิดเหตุรุนแรงกับ คปท.ในคืนนี้นั้น ให้ตร.ต้องช่วยดูแลให้ด้วย ????







"เหลิม"ถกศรส.ยึดหลัก5ข้อ ไม่สลายม็อบแน่นอน - โทรหา"สุเทพ"ไม่รับสาย วอนกปปส.อย่ายึดที่ราชการ

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 มกราคม ที่กระทรวงแรงงาน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ปฏิบัติหน้าที่ รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศรส.)พร้อมด้วยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ร่วมแถลงข่าวภายหลังประชุมคณะทำงานศรส.มีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ พล.ท.ชาติอุดม ติตถะสิริ รองเสนาธิการทหารบก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เป็นต้น

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หลังจากครม.มีมติมอบหมายให้ตนรับผิดชอบ ศรส.และปรากฎว่า ฝ่ายค้านออกมาวิจารณ์โดยไม่เป็นความเป็นจริง ทั้งที่เป็นงานธุรการเหมือนสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯกปปส.แต่การดำเนินการกลับต่างกันโดยสิ้นเชิงกับสมัยนายอภิสิทธิ์ เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกำชับห้ามสลายการชุมนุมและขอพื้นที่คืน ห้ามใช้กำลัง โดยเฉพาะอาวุธปืนเอ็ม 16 อาก้า และเอชเค และจะไม่ละเมิดสิทธิผู้ชุมนุมทั้งกลางวันและกลางคืน โดยยึดหลัด 5 ข้อ คือ 1ใช้กฎหมายในการแก้ปัญหา 2.ยึดมั่นกาารปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ให้ผู้ชุมนุมใช้สิทธิ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คือชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ 4.เน้นการเจรจามากกว่าใช้กำลัง 5.ผู้ชมุนุมและผู้เกี่ยวข้องต้องเคารพสิทธิ์คนอื่นร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คณะทำงานจะเริ่มงานในวันที่ 23 ม.ค. และไม่เกินวันที่27 ม.ค.นี้กระบวนการงานเอกสารจะแล้วเสร็จ โดยการดำเนินการเรื่องนี้จะมีเลขาฯสมช.และอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งมีประสบการณ์ เป็นแม่งานหลัก ทั้งนี้ศรส.ใช้สโลแกนว่า "นำความสงบสุขกลับให้คนกรุงเทพมหานคร"เพื่อดำเนินการในครั้งนี้

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เดิมทีกำหนดว่าจะประชุมที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่เมื่อผู้ชุมนุมเดินทางไปปิดก็ย้ายที่ประชุมมาที่กระทรวงแรงงาน แต่ไม่ได้ย้ายเพราะขวัญอ่อน แต่ผู้ชุมนุมยังเคลื่อนมาที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสมแต่จะให้อภัย จะไม่สั่งใช้กำลังโดยเด็ดขาด เว้นแต่บุกรุกเข้ามาในสถานที่ราชการเราก็ต้องปฎิบัติตามหลักสากล ดังนั้นขอให้สังคมตัดสินการประทำของ กปปส.เอง

"ผมขอร้องว่าอย่ายึดสถานที่ราชการเลยเพราะไม่ใช่แนวทางการฏิรูปอย่างที่บอก เมื่อไปยึดสถานที่ ตัดน้ำตัดไฟ ข้าราชการเขาทำงานไม่ได้ ทั้งที่เขาต้องทำงานให้พี่น้องประชาชน" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

เมื่อถามถึงการเจรจรากับผู้ชุมนุมบริเวณแจ้งวัฒนะ เพื่อขอให้เปิดพื้นที่ผู้ชุมนุม จะเริ่มเมื่อไหร่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการเจรจากับการสลายคนละเรื่องกัน ยืนยันว่าทุกอย่างต้องจบด้วยการเจรจา ส่วนพื้นที่ชุมนุม อื่นๆ ต้องดูว่ามีใครสนิทกับใครบ้างที่จะพูดคุย ส่วนตนมีแนวคิดที่จะคุยกับนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส.อนุสาวรีย์ และจะบอกว่าพื้นที่นั้นป้องกันยาก ขอให้เลิกชุมนุมเถอะ

เมื่อถามกรณีการออกหมายจับนายสุเทพ จะดำเนินกาารอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เมื่อมีหมายจับก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ ไม่ว่าอะไรที่มีหมายจับก็ต้องดำเนินการ โดยต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย

เมื่อถามว่า จะพูดคุยกับนายสุเทพด้วยตัวเองหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า "เขายังไม่รับสายผม และตอนนี้ยังไม่ประสานไป"

ด้านนายธาริต กล่าวถึงขั้นตอนการปฏิบัติของศรส. ว่า การประชุมนัดแรกของศรส.ในวันนี้ แบ่งได้สองส่วนคือฝ่ายการเมืองมีรมว.แรงงาน เป็นประธานรับผิดชอบ และฝ่ายข้าราชการ ตนในฐานะอธิบดีดีเอสไอที่รับผิดชอบเรื่องคดีและความมั่นคงจะร่วมกับกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ดำเนินการใน 5 ประเด็น คือ 1.ฝ่ายการเมืองเน้นให้ข้าราชการประจำใช้กฎหมายไม่ใช่กำลัง เพราะหลายคนคิดถึงภาพปีเหตุการณ์ปี 2553 แต่รัฐบาลนี้ย้ำชัดว่าไม่ใช่กำลัง 2. จะสนธิกำลังทุกกระทรวง ทบวง กรม ไม่ใช่หน่วยหนึ่งหน่วยใด 3.ยุทธศาสตร์ของฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำคือ นำสันติสุขกลับมาให้กรุงเทพฯเหมือนเดิม ดงนั้นการใช้กฎหมายมีวัตถุประสงค์เพื่อความสงบสุข 4.จะร้องขอและมีแถลงการณ์ไปยังเลขาฯกปปส.ให้คืนความสงบสุขสู่กรุงเทพฯ ในเมื่อเป็นผู้เริ่ม ยืนยันว่าไม่มีการสลายการชุมนุม ไม่มีการกระชับพื้นที่ ไม่มีการสูญเสียไม่มีเด็ดขาด ส่วนพื้นที่แจ้งวัฒนะจะใช้การเจรจา และต้องขอความร่วมมือนายสุเทพ และแกนนำด้วย
1

สมชัย ศรีสุทธิยากร:การลงพื้นที่ สงขลา พัทลุง เพียง 2 วัน ทำให้รู้ว่า โจทย์การจัดการเลือกตั้งยากเย็นกว่าที่คิด


1. คนในรัฐบาลอาจคิดว่า กกต.จังหวัดในภาคใต้ เป็นพวกเดียวกับ กปปส. เลยเปิดทางให้มาขัดขวางการปฏิบัตืหน้าที่โดยง่าย แต่พอลงมาดูสภาพเป็นจริง คนของกกต.เหล่านี้ ทำงานด้วยความเหนื่อยยากแทบเลือดตากระเด็น ทั้งถูกคุกคาม ทั้งหลบลี้หนีซ่อน และ กลายเป็นเป้าหมายการขัดขวางการทำงานในทุกวิถีทาง จนเกือบจะตีกันตายอยู่แล้ว

2. คนในรัฐบาลอาจคิดว่า การสั่งการจากรัฐบาลกลางเพื่อให้หน่วยงานราชการให้ความร่วมมือกับ กกต.ในการจัดการเลือกตั้ง น่าจะเป็นสิ่งสนับสนุนที่เพียงพอให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จได้ถ้า กกต.ตั้งใจจริง แต่ข้อเท็จจริงในพื้นที่กลับพบว่า แทบจะไม่มีความร่วมมือในพื้นที่จากหน่วยราชการ ทหาร เอกชน เลย ทั้งในด้าน สถานที่และบุคลากร มีแค่ตำรวจที่สนับสนุนการทำงานตามคำสั่งที่รัฐบาลสั่งได้ แต่ก็แทบจะช่วยรักษาความปลอดภัยอะไรไม่ได้ อย่าว่าตำรวจโรงพักเลย แม้ ตชด.ก็ตาม

3. ปัญหา 3 ส่วนสำหรับการจัดการเลือกตั้ง คือ คนจัดการ ที่แทบจะหาได้ยากเย็น วัสดุอุปกรณ์ เช่น หีบบัตร และบัตรเลือกตั้ง ที่อาจถูกยึดเก็บทำลาย และสถานที่ที่อาจถูกปิดล้อม คือ จุดเสี่ยง 3 จุดสำคัญก่อนถึงวันเลือกตั้ง

4. ในวันเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเลือกตั้งล่วงหน้า หรือ เลือกตั้งจริง จะมีปัญหาที่เผชิญหน้าคือ ฝ่ายคัดค้านการเลือกตั้งพร้อมทำทุกวิธีการไม่ว่าถูกหรือผิดกฎหมายเพื่อให้เกิดความสำเร็จตามเป้าหมาย ประมาณการว่า สงขลาจังหวัดเดียวอาจมีคนฉีกทำลายบัตรเลือกตั้งเป็นพันราย จนถึงการพยายามขัดขวางการลงคะแนนและการนับคะแนนอย่างถึงที่สุด และเชื่อว่า จะไม่มีการขัดขวางจากตำรวจหรือฝ่ายรักษาความปลอดภัย ด้วยเกรงว่าจะกลายเป็นเหตุจราจลที่ลุกลามใหญ่โตต่อไป

5. เมื่อจังหวัดหลายจังหวัดไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ เรื่อง 22 เขตที่มีผู้สมัครรายเดียว และ 28 เขตที่ไม่มีผู้สมัคร กลายเป็นเรื่องเล็ก เมื่อเทียบกับ สส.บัญชีรายชื่อ 125 คนไม่สามารถประกาศผลได้ สส.จำนวนหนึ่งที่ผ่านการเลือกตั้ง ไม่สามารถเปิดประชุมสภา ท่ามกลางภาวะวุ่นวายของบ้านเมือง มีนาคม เมษายน หรือพฤษภาคม ถึงจะสิ้นสุด เป็นสิ่งที่ไม่มีใครตอบได้

หรือคำตอบจะอยู่ในสายลม
22 มกราคม 2557

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์:ยั่วยุ ย่ำยี


มีเรื่องราวที่ผมจำต้องให้สังคมรับรู้ ในเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้นิ่งเฉย และพยายามใช้ความเป็นกลางเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง ดูดี รักษาสถานะเอาไว้ ผมจึงต้องขอพูดเรื่องนี้เพื่อเตือนสติให้สังคมได้รู้จักแยกแยะ และกล้าที่จะพูดในสิ่งที่คุณเห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ที่ไปขึ้นเวที หมอที่ไปร่วมม็อบ ศิลปินที่เปิดตัว หรือบรรดาผู้นำความคิดในสังคมไทยทั้งหลาย

ผมมองภาพการทำลายป้าย "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ด้วยความเศร้าสลดใจ

แม้ว่าผมเคยเป็นผู้เปิดเผยถึงความเลวร้ายของระบบตำรวจ แต่ผมเข้าใจดีถึงแก่นแท้ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของตำรวจ จากโรงเรียนตำรวจ การฝึกสอน อบรม การทำงาน จนถึงวันเกษียณ

การทำงานของตำรวจที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านนักการเมืองทุกประเภท ตำรวจที่ต้องอยู่รับใช้รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย การเอาตัวรอดภายใต้ความรุ่งโรจน์ของชีวิตตำรวจ เป็นสิ่งที่กล้ำกลืนฝืนทน ตำรวจยอมบิดเบี้ยว และพริ้วไหวไปตามสถานการณ์ แต่ท้ายสุดแล้ว เหนือสิ่งเหล่านั้นยังมีสิ่งสุดท้ายคือ "ศักดิ์ศรี"

ไม่ว่าภายหน้า สถานการณ์คุณจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ การกระทำในเชิงสัญลักษณ์ที่รุนแรง เหยียดหยาม ย่ำยีเกียติภูมิของตำรวจกว่าสองแสนคนเหล่านี้ จะกลายเป็นแผลในหัวใจที่ไม่ได้กระทบเฉพาะ ผบ.ตร. ที่ชื่ออดุลย์ แสงสิงห์แก้ว หรือ ผบช.น. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เท่านั้น

ม็อบ คปท. ได้สร้างความเกลียดชัง และยั่วยุให้เกิดความรุนแรงตามยุทธศาสตร์ "ร่วมกันเดิน แยกกันตี"

สังคมไทยเป็นสังคมที่แปลก ยอมรับได้ทุกอย่าง แต่สำหรับบางอย่างคนไทยเขาถือ และไม่ยอมให้อภัย

โดยเฉพาะเรื่อง "ศักดิ์ศรี" มันยอมกันไม่ได้จริงๆ


บอกอใหญ่เดลี่ เทเลกราฟโดนปลดฟ้าผ่า ฝ่ายบริหารเร่งเข้าสู่ดิจิตอล หลังบอกอ ไทม์ เดอะซันโดนไปก่อนหน้านี้

Telegraph editor leaves as company focuses on digital business

LONDON Tue Jan 21, 2014 10:02pm IST
The editor of The Daily Telegraph Tony Gallagher arrives in Downing Street in London, December 4, 2012. REUTERS/Stefan Wermuth
The editor of The Daily Telegraph Tony Gallagher arrives in Downing Street in London, December 4, 2012.
CREDIT: REUTERS/STEFAN WERMUTH
(Reuters) - Britain's center-right Daily Telegraph newspaper said on Tuesday its editor had left as the paper focuses efforts increasingly on its digital business to survive.
Journalists at the paper took to Twitter to express sadness at the departure of Tony Gallagher, who has held the post since 2009.
"Telegraph editor Tony Gallagher has just been banged out of the newsroom. Everyone in shock," tweeted technology writer Sophie Curtis, in a reference to the traditional noisy ceremony that accompanies leaving newspaper employees.
Another journalist, Ben Bryant, told followers that some staff were left in tears after the announcement was made.
In a statement, the company praised Gallagher's role, including in a high-profile investigation that uncovered misuse of their expenses system by Members of Parliament, but said it was time to restructure the newspaper.
"Unlike our rivals, The Telegraph remains profitable but we face increasing pressure on circulation and advertising revenue streams," said Chief Executive of the Telegraph Media Group, Murdoch MacLennan.
"To protect the Company's future, we need rapidly to embrace and adapt to the new digital world in which our customers live."
Pre-tax profit at the newspaper group rose to 57.2 million pounds in 2012 when it said investment in digital infrastructure would be a priority.
The newspaper introduced new apps and subscription packages and last year began using a metered model for access to its Internet edition, which gives readers a numbers of articles for free.
But Editor-In-Chief Jason Seiken said the newspaper had to make significant changes if it was to remain viable.
"We must reinvent the way we work and move beyond simply putting news and information online and be an essential part of the audience's lives."
"Our competition is no longer only newspapers and we must innovate to survive."

(Reporting By Costas Pitas; editing by Stephen Addison)

ยิงขวัญชัย ไพรพนา สาหัส-ตร.ล่า2โจรรัวอาก้า39นัด


ข่าวภูมิภาค วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ.2557 11:13น.
510811
ด่วน! เกิดเหตุ "ขวัญชัย ไพรพนา" ถูกไล่ยิงจากรั้วชมรมคนรักอุดร สาหัส ด้าน ผบก.อุดรธานี เผย มือปืนกราดยิง "ขวัญชัย" สาหัส เป็นอาวุธสงคราม ยิง 39 นัด โดน 2 นัด ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว เร่งดูกล้องวงจรปิด ตร.ชั้นผู้ใหญ่ รุดตรวจสอบ
ขณะนี้ที่ชมรมคนรักอุดร เกิดเหตุยิง นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และประธานชมรมคนรักภาคอีสาน โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงจากรั้วหน้าชมรมคนรักอุดร เข้ามาที่หน้าบ้านของ นายขวัญชัย ทำให้ นายขวัญชัย ได้รับบาดเจ็บสาหัส นำส่งที่โรงพยาบาลเอกอุดร
ในขณะที่ พ.ต.อ.โกวิทย์ เจริญวัฒนศักดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย ซึ่งขณะนี้คนร้ายหลบหนีไปได้

คืบยิง'ขวัญชัย'-ตร.เผยอาการปลอดภัยแล้ว
พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า กรณีคนร้ายลอบยิงถล่ม
นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดง หรือคนรักอุดร ที่ชมรม จนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ล่าสุด กระสุนโดน
ที่หัวไหล่และขาขวา กระสุนฝังใน 2 นัด คาดว่าเป็นอาวุธสงครามร้ายแรงที่ใช้ก่อเหตุ คือ ปืนอาก้า โดยระดมยิง
ถล่มถึง 39 นัด
เบื้องต้น คนร้ายใช้รถกระบะสีบรอนซ์ มากัน 2 คน และเปิดฉากยิงถล่มดังกล่าว และได้นำส่ง ร.พ.เอกอุดร เพื่อ
ทำผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกมา ซึ่งทราบว่า อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยตำรวจชั้นผู้ใหญ่ บช.ภ.4 ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาตัวคนร้ายต่อไป

ผบช.ภาค4เยี่ยมพร้อมสอบปากคำ'ขวัญชัย'
ขณะนี้ที่โรงพยาบาลเอกอุดร พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนเดินทางมาสอบสวนและเยี่ยมอาการ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัย ในหน้าห้องพักฟื้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาการของ นายขวัญชัย ในขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ถูกอาวุธปืนยิงที่แขนขวา ในขณะเดียวกัน พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง พร้อมชุดสืบสวนสอบสวน เดินทางไปที่ชมรมคนรักอุดร บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อตรวจสอบสถานที่จริง วิถีกระสุนและย่านที่คนร้ายก่อเหตุถนนด้านหน้าชมรมคนรักอุดร ถึงบ้านพัก นายขวัญชัย ซึ่ง นายขวัญชัย ได้อ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าบ้าน

ตร.ตั้งธงปมขัดแย้งการเมือง คดียิง 'ขวัญชัย'
ขณะนี้ที่ห้องประชุมฉัตรไพฑูรย์ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พ.ต.อ.สุรินทร์ ชัยชมภู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ได้ประชุมทีมสืบสวนสอบสวนอย่างเคร่งเครียด กรณี นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม ซึ่งได้ตั้งประเด็นในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมือง เป็นประเด็นหลัก ในขณะที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเยี่ยม นายขวัญชัย ไพรพนา ที่โรงพยาบาลเอกอุดร
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประชา หลักจากเยี่ยม นายขวัญชัย เสร็จแล้ว ได้เดินทางไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เพื่อเข้าร่วมประชุมกับทีมชุดสืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมด้วย
ที่มา : http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=510811


สารจาก ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล





"เพื่อนตำรวจครับ ท่านทราบไหมว่า ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ถูก คปท. เหยียบย่ำทำลายในวันนี้นั้น สมเด็จพระสังฆราชเสด็จทรงเจิมเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2547 และวันนี้เป็นวันครบรอบศตมวาร (100 วันพอดี) ซึ่งเบื้องบนป้ายประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เคารพรักยิ่งของพี่น้องตำรวจเรา" ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

22/1/57

สุเทพ เทือกัสุบรรณ ปราศรัย กปปส.แยกปทุมวัน22/1/57




เวลา 1915 น.

- การกระทำของตำรวจ ถือว่าเป็นโจร มีการส่งลูกสมุนมายิง มาปาระเบิด เป็นสัตว์นรกครอกเดียวกัน การออก พรก.ฉุกเฉิน ไม่มีความจำเป็น เราชุมนุมอย่างสงบสันติ ปราศจากอาวุธ เพียงแต่หยุดการสร้างสถานการณ์ และตั้งด่านทั่ว กทม.ก็จะแก้ไขความรุนแรงได้ โดยใช้กฎหมายธรรมดาจะต้องมีการดำเนินคดีกับพวกนี้


ยิ่งลักษณ์ไม่มีสภาพเป็นรัฐบาลเพราะปฎิเสธคำวินิจฉัยของศาลรธน. ไม่เคารพหลักนิติธรรม บังอาจออกกฎหมายล้างความผิดให้คนโกง,คนฆ่าตำรวจ ทหาร ปชช. ปล้นทรัพย์ เผาทรัพย์สินของราชการและเอกชน ไม่มีประเทศไหนทำกัน ถือว่าไม่มีความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาลอีกต่อไปในทางกฎหมาย นอกจากนี้ในทาง
การเมือง ปชช.ได้ลุกขึ้นทวงอำนาจของปวงชนกลับคืนมา ถือว่าไม่มีความชอบธรรมทางการเมือง เป็นแค่แก๊งค์ทางการเมือง ไม่สามารถออก พรก.ฉุกเฉินได้ เป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้ใครทำตามคำสั่งก็จะมีความผิดติดตัวทุกคน การเป็นผู้รักษาการจะสั่งจ่ายเงินนอกเหนือจากงบประมาณไม่ได้ การตั้ง ศรส.และตั้งเฉลิมเป็น ผอ.ศูนย์ ต้องมีการจ่าย เบี้ยเลี้ยง แต่ไม่สามารถจ่ายได้เพราะต้องผ่านสภาก่อน จึงขอเตือนไปยัง จนท.ทั้งหลายว่าคำสั่งที่ออกโดยศูนย์นี้ จะไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย ถ้ามาบังอาจสลายการชุมนุม ปชช.จะฟ้องร้องดำเนินคดี


ต้องยกย่องชมเชย จนท.ทหารเพราะการประกาศแบบเถื่อนๆ โดยไม่มีสถานการณ์ฉุกเฉิน ทหารจึงไม่ยอมร่วมด้วย รัฐบาลพยายามใช้กฎหมายนี้มานานแล้วแต่ทหารไม่เล่นด้วย

 เพราะเราชุมนุมอย่างสงบ ศรส.จึงไม่มีทหารไปนั่งด้วย ส่วนปลัด กห.ที่มีชื่ออยู่ ไม่นับเป็นทหาร ได้ดิบได้ดีเพราะพี่ให้ ธาริต เพ็งดิษฐ์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราติดตามข่าวเมื่อวาน พล.ร.ต.วินัยฯ ผบช.หน่วยซีล พูด
ชัดเจนว่า กปปส.ชุมนุมอย่างสงบพวกที่มาทำความรุนแรงยิงปืนและปาระเบิด เป็นพวกที่ถูกฝึกมา และ
พูดถึงปี 53 ว่า พวกที่ฆ่าตำรวจทหารเป็นคนชุดดำ นอกจากนี้สำนวนของ dsi ระบุว่าพวกที่มาดำเนินการก่อการร้ายมาจาก นปช.,พรรคเพื่อไทย และชายชุดดำ คดีอยู่ในศาลแล้ว แต่เมื่อเอาณัฐวุฒิที่มีข้อหาก่อการร้ายมาเป็นรัฐมนตรี ประเทศก็ฉิบหาย สรุปแล้วคือพรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลัง ส่วนข่าวที่ว่ามีกองกำลังจากเขมรเข้ามา 10 คันรถตู้ทหารกำลังติดตามอยู่

 ขอฝากถึงพล.ต.อ.ภานุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ซึ่งเป็นเลขาของเฉลิม อย่ารับใช้อีกต่อไป ตนไม่เคยเป็นศัตรูกัน พี่ชายของภานุพงษ์ตนก็สนิทกัน และเคยเกื้อหนุนตระกูลนี้มาก่อนด้วย

 ส่วนเฉลิมเมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นผอ.ศรส. ฟิตประชุมที่กระทรวงแรงงาน พี่น้องของเราก็ไปเยี่ยมอยากพบเฉลิม แต่ไม่กล้าออกมาและเกิดไฟฟ้าดับ น้ำไม่มีใช้

 ปชช.ต้องการไปถามว่า ออก พรก.เพื่อไปปราบใคร และอย่างไร จะเอากำลังจากไหนมา แน่จริงให้เฉลิม
เดินนำหน้าตำรวจเข้ามาจับตนเลยตนจะสวดอิติปิโสร่วมกับมวลชนและแสดงอำนาจกับ ปชช.ให้ถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว

 ชาวนาโทรมาถามตนว่า ที่รัฐบาลออก พรก.ฉุกเฉิน เพื่อจัดการกับตนหรือชาวนากันแน่เพราะชาวนาไม่ได้รับเงินค่าข้าวที่จำนำมา 4 เดือนแล้ว ตนจึงขอเรียนไปยังชาวนาว่าไม่รู้ใจสัตว์นรกพวกนี้เหมือนกัน ขอให้ชาวนาเตรียมสวดอิติปิโสอย่าไปรบกับใคร 

แต่ขอสัญญาว่าถ้า กปปส.ประสบชัยชนะ เรื่องแรกที่จะช่วยเหลือคือ ให้ชาวนาได้รับเงินจำนำข้าว และเราพร้อมที่จะนำกำลังไปช่วยหากมีสถานการณ์

 วันนี้กปปส.ไปที่สำนักงานปลัด กห. ปรากฎว่ายิ่งลักษณ์ต้องรีบเผ่นหนี 


- วันพรุ่งนี้ตนจะเดินรณรงค์กับเวทีแยกอโศก โดยใช้เส้นทางสุขุมวิท-หลังสวน-ชิดลม-อโศกและจะเดินทุกวันกับเวทีอื่นๆ จะมีข้าราชการมาขึ้นเวทีทำเซอร์ไพรซ์ เพื่อแสดงตัวว่าไม่ทำงานให้กับรัฐบาล


- อ่านเอกสารปลอม ลงชื่อศูนย์ กปปส.เขตบางซื่อ ขอรับเงินบริจาค จึงขอบอกว่า กปปส.ไม่เคยมีพฤติกรรมรีดไถ ไม่มีการเปิดบัญชีรับบริจาค หากจะบริจาคให้มาที่เวทีทั้ง 7 แห่ง


เรามีเงินมากพอที่จะต่อสู้จนกว่าระบอบทักษิณจะถูกกำจัดหมดสิ้น


วันนี้คนได้รอว่าเฉลิมจะประกาศห้ามอะไร แต่ก็ไม่มี กป.จึงขอประกาศดังนี้


1. ห้ามเฉลิม ส่ง จนท.มาปราบปราม ปชช.โดยเด็ดขาดถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าใครมาจะดำเนินคดีทุกคน
2.ขอประกาศให้ยิ่งลักษณ์และเฉลิม อย่าใช้อาวุธหรือสิ่งใดกับปชช.
3. ห้ามไม่ให้ประกาศห้ามร้านค้ามาจำหน่ายให้กับ กปปส. เพราะจะไม่มีที่เก็บของ คนจะเอาของมาให้มากมายแน่นอน