PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

เกษม อัชฌาสัย:เหตุสหรัฐแทรกแซงไทย

เหตุสหรัฐแทรกแซงไทย

8007

เกษม อัชฌาสัย

        พูดจาเล่าลือกันมากว่าสหรัฐอเมริกาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองไทย แลรู้เห็นเป็นใจกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวมทั้งยื่นมือเข้าแทรกแซงการประท้วงขับไล่ “ระบอบทักษิณ ที่กปปส.ประกาศชุมนุม Shutdown Bangkok ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มกราคมที่ผ่านมานี้ มีส่วนทำให้เกิดความรุนแรงซึ่งจะจริงหรือไม่นั้น พึงพิจารณา

        โดยนายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระและผู้อาวุโสได้ออกมาช่วยกันขยายความอีกครั้ง ณ เวทีกปปส.ที่แยกปทุมวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

        นายกษิตใช้ความคร่ำหวอดทางการทูตอธิบายว่า สหรัฐเข้าแทรกแซงกิจการในประเทศต่างๆ ก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติที่เรียกกันในวิชาการเมืองระหว่างประเทศว่า National Interest แม้หลายครั้งที่ทำไปขัดหลักการของสหรัฐเองและหลายหนและกระทำไปโดยไม่ชอบธรรม

        โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ “อาหรับ สปริง”ที่เกิดขึ้นยังไม่จบในอียิปต์ขณะนี้ ที่สหรัฐสนับสนุนฝ่ายกบฏโค่นล้มรัฐบาลที่ถูกต้องของอดีตประธานาธิบดีโมฮาเม็ด มอร์ซีซึ่งมาจากการเลือกตั้ง แต่นายบารัก โอบามาประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ปิดหูปิดตาไม่รับรู้ใด ๆ ต่อการที่พลเอกอับดุล ฟาตะห์อัลซีซี ผู้นำฝ่ายกบฏใช้กำลังปราบปรามประชาชนที่ลุกฮือขึ้นสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโมฮาเม็ด มอร์ซี จนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย

        เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะสหรัฐไม่ยอมนายมอร์ซีซึ่งสังกัดกลุ่มมุสลิมสุดโต่งที่เรียกกันในนามว่า กลุ่ม “ภราดรภาพมุสลิม” หรือ Muslim Brotherhood ซึ่งสหรัฐไม่ชอบด้วยเกรงว่าจะเป็นภัยคุกคามอิสราเอล(ชาติเพื่อนบ้านของอียิปต์)ในอนาคต ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าอิสราเอลกับสหรัฐนั้นมีความสนิทสนมใกล้ชิดกันมานานเป็นพิเศษ ตั้งแต่ชาวอิสราเอลตั้งประเทศขึ้นมาบนแผ่นดินปาเลสไตน์เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ โน่น

        นายกษิตยังได้ยกตัวอีกเรื่องหนึ่ง แสดงถึงความไม่ชอบมาพากลของสหรัฐคือ“ยูเครน” ซึ่งสหรัฐเข้าไปยุยงส่งเสริมให้ประชาชนลุกฮือขึ้นประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งๆที่ขัดต่อระบอบประชาธิปไตยและส่งเสริมมนุษยชน ที่ชอบอ้างเสมอว่าคือหลักการสำคัญที่สหรัฐยึดถือ

        แต่สหรัฐกลับประพฤติขัดกับหลักการ มุ่งรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ หมายโค่นล้มรัฐบาลยูเครนลงให้ได้ทั้งนี้เพื่อสถาปนารัฐบาลใหม่ขึ้นเป็นรัฐบาลที่ถอนตัวออกห่างจากรัสเซียให้มาเป็นเพื่อนกับสหรัฐและสหภาพยุโรปในอนาคต

        นอกจากนั้นนายปราโมทย์ยังเล่าถึงความนัยเบื้องลึกที่ทำให้สหรัฐเข้ามาสนใจไทย เพื่อโยงเข้ากรณีที่สหรัฐละหลักการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย ที่คนไทยลุกขึ้นไล่ “ระบอบทักษิณ” ถึงกับเข้ามาจุ้นจานในกิจการของไทยหนักข้อขึ้น

        นั่นเป็นเพราะพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยไปพูดในสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือ Council of Foreign Relations หรือองค์กรเอกชนที่ทรงอิทธิพลมากที่นิวยอร์กทำให้สภานี้มีความสนใจในผลประโยชน์ที่จะน่าได้รับในเมืองไทยเป็นพิเศษ หลังรู้ว่าไทยเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญด้านน้ำมัน

        จากนั้น หลังถูกทำรัฐประหาร “ทักษิณ” ก็เริ่มต้นว่าจ้าง “ล็อบบี้ยิสต์” เข้าไปชี้ชวนให้ทั้งเอกชนและรัฐบาลสหรัฐสนับสนุนเขา อันเป็นที่มาว่าทำไมเอกอัครราชทูตสหรัฐคนก่อนและคนปัจจุบัน จึงหนุน “ระบอบทักษิณ” อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู โดยอ้างว่าจะต้องคงระบอบประชาธิปไตย ที่มาจากการเลือกตั้งเอาไว้ โดยไม่สนใจในประเด็นที่ว่า “ระบอบทักษิณ” ปล้นชาติมาตลอดโดยไม่สนใจในคุณธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น

        แม้ในขณะนี้เกิดการก่อการร้ายอย่างต่อเนื่องรุนแรง แต่สหรัฐซึ่งเป็นเจ้ากี่เจ้าการในการต่อต้านก่อการร้ายกลับเงียบกริบ เย็บปากสนิท

        อธิบายเพิ่มเติมว่า สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็คือ องค์กรที่กลุ่มนายทุนร่ำรวยมากในสหรัฐ รู้จักกันว่ากลุ่ม “ยิวไซออนิสต์”ตั้งขึ้นมา มีอำนาจอิทธิพลสูงทางการเมืองมากเหนือนักการเมืองสหรัฐทุกคน

        ประธานาธิบดีสหรัฐคนใดไม่ฟังสภานี้ ก็มักจะไปไม่รอด ยกตัวอย่างประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี เป็นต้น

        อีกผลประโยชน์หนึ่งที่ “ระบอบทักษิณ”พยายามทำก็คือการหาทางให้สหรัฐ เข้ามาตั้งฐานป้องกันทางอากาศของกองทัพเรือในไทย เพื่อแลกเปลี่ยนกับสองสิ่ง คือความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐและการจัดตั้งศูนย์ผู้แทนทางการค้าไทยในสหรัฐ

        จาการเปิดเผยของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรัฐบาลอภิสิทธิ์ ระบุว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ว่าจ้างบริษัท “ดาเวนพอร์ต แม็คเคสซัน” เกลี้ยกล่อม ส.ส.และส.ว.อเมริกันให้เห็นด้วยกับข้อเสนอของรัฐบาลสหรัฐที่จะมาสร้างฐานทัพในไทย โดยจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าแก่ไปแล้ว ๒ หมื่นเหรียญหรือตกราวๆ ๖ แสนกว่าบาท

        สหรัฐมีระเบียบปฏิบัติเชิงบริหารว่า กิจการสำคัญใด ๆ รัฐบาลไม่อาจดำเนินเองได้ตามลำพัง แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนและนี่ก็คือการใช้ระบบตรวจสอบ ระหว่างรัฐบาลกับรัฐสภา ซึ่งจะทำให้การบริหารโปร่งใส

        การ “ล็อบบี้” ส.ส.หรือ ส.ว.อเมริกันนั้น ถือว่าทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่ก็ต้องทำอย่างเปิดเผยและก็มีบริษัทต่างๆเปิดรับงานนี้อย่างเป็นกิจลักษณะ

        นี้คือการยืนยันว่า “ระบอบทักษิณ” พยายามทำทุกอย่าที่จะเอาใจสหรัฐ ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่ายังจะมีผลประโยชน์อื่นๆ อีกที่จะสามารถแสวงหาได้หากดำรงความเป็นรัฐบาลไว้ได้ต่อเนื่อง รวมไปถึงแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย ซึ่งบริษัทอเมริกันจับตาดูอยู่อย่างกระหยิ่มยิ้มย่องและก็มีความเป็นไปได้ด้วยว่าแหล่งทรัพยากรที่ว่านี้จะมีผู้นำกัมพูชาคือสมเด็จฮุนเซนเข้ามาเอี่ยวด้วยเพราะพื้นที่อันอุดมนี้คาบเกี่ยวกันระหว่างพื้นที่ของไทยกับกัมพูชา

        สรุปได้ว่า สหรัฐอเมริกา จะเข้าแทรกแซงกิจการต่างๆ ของนานาชาติในทุกกรณี รวมทั้งในไทย สนับสนุนใครก็ได้ ที่อำนวยหรือช่วยรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐ โดยสหรัฐจะไม่สนใจหลักการใด ๆ ที่พร่ำพูดไว้ให้ดูสวยงาม

        ฉะนั้นหลายฝ่ายจึงเรียกสหรัฐด้วยความชิงชิงชังว่า The Ugly American

ไม่มีความคิดเห็น: