มีเสียงเรียกร้องให้จัดการกับ "ม็อบชัตดาวน์กรุงเทพฯ" ของสุเทพ กปปส. เช่นเดียวกับเสียงที่เคยเรียกร้องให้จัดการ "ม็อบเสื้อแดง" ที่ยึดราชประสงค์ตอนรัฐบาลอภิสิทธิ์เมื่อ 3 ปีก่อน เป็นเสียงเรียกร้องเดียวกัน ที่เห็นว่ารัฐบาลถอยมากเกินไปแล้ว
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ เป็นระยะเวลา 60 วัน ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ครั้งล่าสุดเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนสถานการณ์ชุมนุมของเสื้อแดง ที่คุณสุเทพนี่แหละ เป็น ผอ.ศอฉ. แต่ครั้งนี้เป็นคราวของ เฉลิม อยู่บำรุง
กปปส. คือเครื่องจักรทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกับ
นปช. ก็คือเครื่องจักรทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย
การเล่นการเมืองสองขาทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ กลายเป็นเรื่องปกติที่บรรดาพรรคการเมืองใหญ่จำต้องมี เป็นขุมกำลังในการต่อสู้ทางการเมือง
แล้วในเมื่อเราไม่เชื่อถือนักการเมือง อยากเห็นการเมืองที่สะอาดตรงไปตรงมา แล้วทำไมเราถึงยอมตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองเสียเล่า? เพราะความรักชาติ ไม่ต้องการให้มีการคอรัปชั่น หรือต้องการล้มระบอบทักษิณอย่างนั้นหรือ? การเป่านกหวีด การร่วมชุมนุม คือการแสดงออกถึงความรักชาติ และการแก้ไขปัญหาอย่างนั้นหรือ?
ไม่มีใครดีกว่าใครหรอกครับ ไม่มีฮีโร่ เพราะเราล้วนแต่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองเสียเอง ทั้งๆที่เราอยากแก้ไขปัญหานักการเมือง ประชาชนต้องกลายเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมส์ของอำนาจทุกครั้ง
จำได้ไหมว่า ครั้งหนึ่งเราเคยออกไป "กู้ชาติ" ในสงครามครั้งสุดท้ายของพันธมิตร แล้วผลเป็นอย่างไร? สถานการณ์นั้นไม่แตกต่างกับสถานการณ์ตอนนี้เสียเท่าไหร่ และระบอบทักษิณก็ไม่ได้หายไป
คุณสุเทพเคยเป็นอดีต ผอ.ศอฉ. ส่วนคุณเฉลิมเคยเป็นผู้สนับสนุนม็อบ ในช่วงที่คุณสุเทพปราบปรามการชุมนุมของเสื้อแดง มีเสียงเรียกร้องถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง และท้ายสุดเป็นการขอคืนพื้นที่ อันเป็นที่มาของเหตุการณ์สลายการชุมนุม จนมีผู้บาดเจ็บล้มตาย และเกิดเป็นวาทกรรม "เผาบ้านเผาเมือง"
แต่ตอนนี้แค่สถานการณ์กลับกัน คุณสุเทพกลายเป็นม็อบเสียเอง ส่วนคุณเฉลิมกลายมาเป็น ผอ.ศอฉ.
แบบนี้มัน "ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่" ชัดๆ เพราะทั้งสองคนเคยเป็นทั้งสองฝั่งมาแล้ว คงจะทันกัน แต่คนที่ไม่ทันเห็นทีจะมีแต่ประชาชนนี่แหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น