PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เปิดหีบบัตรเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯแล้ว


ชาวอเมริกันเริ่มออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง หลังจากที่คูหาเลือกตั้งในหลายมลรัฐเริ่มเปิดให้ประชาชนไปลงคะแนนเสียง

ชาวอเมริกันเริ่มเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 45 เป็นศึกชิงเก้าอี้ผู้นำระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน

โดยคูหาเลือกตั้งในแต่ละมลรัฐ จะมีเวลาที่แตกต่างกันในการเริ่มเปิดคูหา เริ่มตั้งแต่ 06.00 /07.00 /และ 08.00 น. ตามเวลาของแต่ละมลรัฐ ส่วนเวลาปิดหีบเลือกตั้ง จะเริ่มตั้งแต่ 18.00 น. แต่มลรัฐส่วนใหญ่จะปิดหีบเวลา 20.00 น. ขณะที่ในมลรัฐอแลสกา จะปิดหีบตอนเที่ยงคืน

โดยมีการเปิดหีบเลือกตั้งเมื่อเวลา 06.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ หรือ 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทยโดยประมาณ ในมลรัฐเวอร์จิเนีย, อินเดียนา, นิวแฮมป์เชียร์, นิวยอร์ก, นอร์ธแคโรไลนา, โอไฮโอ และ คอนเน็กติกัต ซึ่งก็มีชาวอเมริกันทยอยออกมาลงคะแนนเสียงอย่างต่อเนื่อง ส่วนในรัฐเพนซิลเวเนีย, มิสซูรี, มิชิแกน, จอร์เจีย, อิลลินอย, และฟลอริดา กำลังจะเปิดคูหาในเวลา 19.00 น.ตามเวลาประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การประกาศผลเลือกตั้ง ขึ้นอยู่กับว่าการนับคะแนนในแต่ละมลรัฐ หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คาดว่าจะสามารถประกาศผลได้ก่อนเที่ยงคืน ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ หรือก่อนเวลา 12.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (9 พ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย

08-11-16-1

หมู่บ้านแห่งแรกในสหรัฐฯ เปิดคูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งผลการนับคะแนน ฮิลลารี คลินตัน คว้าชัยในหน่วยเลือกตั้งนี้

สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในวันนี้ (8 พ.ย. 59) ได้มีการเปิดคูหาให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งคูหาแรกแล้ว ที่หมู่บ้านดิกซ์วิลล์ นอตช์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ทางตอนเหนือของประเทศ นับเป็นการเปิดฉากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 58

โดยหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวมีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงรวม 8 คน ซึ่งผลการนับคะแนนปรากฏว่า นางฮิลลารี คลินตันได้ 4 คะแนน, นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้ 2 คะแนน, นายแกรี จอห์นสัน จากพรรคไลเบอร์เทเรียนได้ 1 คะแนน และมีผู้ลงคะแนนให้นายมิตต์ รอมนีย์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งก่อน 1 คะแนน

ทั้งนี้จากผลการนับคะแนนดังกล่าว ส่งผลทำให้ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ชนะผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต 6 ต่อ 2 คะแนน อย่างไรก็ตามในอดีตผลคะแนนจากหมู่บ้านดังกล่าว สามารถทำนายผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหลังสุดได้อย่างแม่นยำ 3 ใน 4 ครั้ง คือปี 2543 และ 2547 ที่ จอร์จ ดับเบิลยู บุช จากพรรครีพับลิกันเป็นผู้ชนะครองตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ
///////////////
(BBC)
ชาวอเมริกันทยอยลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี

สหรัฐฯ เริ่มทยอยเปิดคูหาเลือกตั้งในแต่ละรัฐทั่วประเทศตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันที่ 8 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลาประมาณ 18.00 น.ในไทย เพื่อเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ประชาชนในรัฐทางฝั่งตะวันออกของประเทศมีโอกาสได้ใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งก่อนรัฐทางฝั่งตะวันตก ขณะที่เวลาปิดหีบเลือกตั้งจะอยู่ที่ประมาณ 18.00 น.ในสหรัฐฯ หรือช่วงเช้าวันที่ 9 พ.ย.ตามเวลาไทย
ก่อนหน้านี้ นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ต่างออกหาเสียงเลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้ายที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐมิชิแกน โดยนางคลินตันเรียกร้องให้ประชาชนอเมริกันมีความหวัง ใจกว้าง และให้โอกาสที่ครอบคลุมถึงทุกคน ขณะที่นายทรัมป์เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของตนใช้โอกาสสำคัญครั้งนี้ในการขจัดระบบที่ฉ้อฉล
มีรายงานว่าประชาชนอเมริกันราว 46 ล้านคนได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว และคาดว่าประชากรเชื้อสายฮิสปานิกจะเป็นกลุ่มผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุด โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าประชากรกลุ่มนี้จะเลือกนางคลินตันมากกว่านายทรัมป์

เกร็ดความรู้เรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ "Electoral Vote" คืออะไร? สำคัญอย่างไร?

เกร็ดความรู้เรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรื่อง ความสำคัญของคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง หรือ Electoral Voter

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้กระบวนการที่เรียกว่า Electoral College หรือ คณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งผู้ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีต้องได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Voter) ของรัฐต่างๆ รวมกันอย่างน้อย 270 เสียง จากจำนวนทั้งสิ้น 538 เสียง
แต่ละมลรัฐจะมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไม่เท่ากัน เพราะขึ้นกับจำนวนประชากรของรัฐนั้น
วิธีคิดง่ายๆ คือคณะผู้เลือกตั้งจะเท่ากับจำนวนสมาชิกวุฒิสภา (ซึ่งมีได้รัฐละสองคนเท่ากัน) บวกกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของรัฐนั้นๆ ในสภา Congress ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน
ตัวอย่างเช่น รัฐ California มีคณะผู้เลือกตั้งรวม 55 คน ในขณะที่รัฐ Montana, North Dakota, South Dakota และ Wyoming มีคณะผู้เลือกตั้งเพียงแค่รัฐละ 3 คน เป็นต้น(หมายเหตุ: กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แม้จะไม่มีสถานะเป็นรัฐ แต่กฎหมายก็กำหนดให้มีคณะผู้เลือกตั้งได้ 3 คนเช่นกัน)
Electoral College
Electoral College

รัฐส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ใช้กฎที่เรียกว่า Winner Takes All ซึ่งหมายถึงผู้สมัครเป็นประธานาธิบดีคนใดที่ได้คะแนนเสียง (popular vote) จากประชาชนของรัฐนั้นมากกว่าในการเลือกตั้ง (ไม่ว่าจะมากกว่าเพียง 50 หรือ 50,000 คะแนนก็ตาม) จะได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) ของรัฐนั้นไปครองทั้งหมด
โดยมีเพียงสองรัฐเท่านั้นคือ Maine กับ Nebraska ที่ไม่ใช้หลักการนี้ แต่จะจัดสรรคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งให้ตามคะแนนเสียงที่ผู้สมัครเป็นประธานาธิบดีได้รับจากพลเมืองของรัฐของตน (popular vote)
สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2016 นี้ การสำรวจความนิยมแสดงว่า เหลือเพียงประมาณ 11 รัฐหรือที่เรียกว่า Swing States เท่านั้น ที่ผู้สมัครทั้งสองฝ่ายกำลังมุ่งให้ความสนใจในขณะนี้
โดยคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) ในรัฐเหล่านี้มีอยู่รวมกันประมาณ 146 เสียง ซึ่งรัฐ Swing States ที่สำคัญๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้แก่ Florida (29 เสียง) North Carolina (15 เสียง) Ohio (18 เสียง) และ Pensylvania (20 เสียง) เป็นต้น​

ว่าด้วยกรณีปชต.ฮ่องกง

ถึงเวลาเชือดไก่ให้ลิงดู จุดจบโปร-ประชาธิปไตยฮ่องกง: พวกเรามาจากการเลือกตั้ง จะไม่มีที่ให้ฝ่าฝืนกฎหมายรัฐธรรมนูญฮ่องกงเลยเชียวหรือ? เครื่องประหารหัวสุนัขอยู่ไหน?
-----------
วันที่ 7 พ.ย.59 สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานผลการตีความมาตราที่ 104 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ (กฏหมายพื้นฐาน/Basic Law) ของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง หลังมีว่าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้งสองคนประกาศว่า "ฮ่องกงเป็นเอกราชจากจีน" ในพิธีเข้าสาบานตนก่อนรับตำแหน่งที่สภานิติบัญญัติของฮ่องกง (LegCo) และได้มีการปลุกระดมม็อบโปร-ประชาธิปไตยมาสนับสนุนว่าที่ส.ส.ทั้งสองคน
ดังนั้นคณะกรรมาธิการกำกับดูแลแห่งสภาประชาชนแห่งชาติของจีน (National People's Congress (NPC) Standing Committee) จึงมองว่าพฤติกรรมของบุคคลนาย Leung Chung-hang และน.ส. Yau Wai-ching เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของจีน ดังนั้นทางการจีนและ NPC จึงจัดให้มีการตีความในมาตราที่ 104 ของรัฐธรรมนูญฮ่อง
ม.104 ในรัฐธรรมนูญฮ่องกงระบุเอาไว้ว่า: เมื่อจะเข้าประจำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายบริหารระดับสูง (Chief Executive) เจ้าหน้าที่ที่เป็นบุคคลสำคัญ (principal officials หมายถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยหัวหน้าผู้บริหารระดับสูง) สมาชิกสภาบริหาร (members of the executive council) และสมาชิกสภานิติบัญญัติ (legislative council) ผู้พิพากษา (judges of courts) ทุกระดับ และสมาชิกอื่นๆของตุลาการในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง (Hong Kong Special Administrative Region) ตามกฎหมายแล้ว จะต้องกล่าวคำสาบาน (swear) ว่าจะรักษากฎหมายพื้นฐาน (Basic Law / รัฐธรรมนูญ) ของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเขตปกครองพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน - ซินหัวรายงาน
นี่กฎหมายพื้นฐานหรือกฎหมายรัฐธรรมนูญของฮ่องกงเขียนเอาไว้แบบนี้ แต่ในวันที่เข้าทำพิธีสาบานตนในสภานิติบัญญัติของฮ่องกง นาย Leung Chung-hang และน.ส. Yau Wai-ching กลับคลุมผ้าสีน้ำเงินมีข้อความเขียนเป็นภาษาอังกฤษ "HONG KONG IS NOT CHINA" มันเป็นการกระทำที่ถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่? จีนมองว่านั่นคือการ​ "ละเมิด/ฝ่าฝืน" กฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างโจ่งแจ้ง จะเก็บไว้ทำมะเขืออะไรหละ! นาย Leung Chung-hang แถไปว่าเขาไม่ได้พูดคำว่า "ไชน่า (China)" เขาออกเสียงว่า "Chee-na" ดูพวกโปร-ประชาธิปไตยหัวหมอ สื่อฯจีนก็เลยบอกว่า คำว่า "China" สมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่พวกญี่ปุ่นรุกรานจีนและยึดฮ่องกงนั้น พวกทหารญี่ปุ่นออกเสียงว่า "ชี-นา" (Chee-na) Global Times รายงาน
แล้วประเทศ Chee-na มันอยู่มุมไหนของโลกนี้หรือครับคุณ Leung Chung-hang? ไม่มี! งั้นคุณจะเรียกร้องให้ฮ่องกงเป็นอิสระหรือเอกราชจาก Chee-na ซึ่งไม่มีอยู่ในโลกนี้ทำไม? ประสาท!
วันที่ 7 พ.ย.59 บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ Global Times ของรัฐบาลจีนจั่วหัวว่า "การตีความของ NPC เป่าพวกหัวรุนแรงฮ่องกงกระเด็นไปเลย" (NPC interpretation a blow to HK extremists)
Global Times รายงานว่าคณะกรรมาธิการกำกับดูแลแห่งสภาประชาชนแห่งชาติของจีนได้เผยแพร่การตีความมาตราที่ 104 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเมื่อวันจันทร์นี้ เนื่องจากสมาชิกสภานิติบัญญัติที่ได้รับเลือกตั้งมาใหม่ซึ่งสนับสนุน "การประกาศเอกราชของฮ่องกง" (Hong Kong independence) และทำให้ประเทศได้รับความเสื่อมเสีย และทั้งสองคนนั้นก็จะสูญเสียความชอบธรรมที่จะเป็นส.ส. จึงไม่มีคำถามว่าาย Leung Chung-hang และน.ส. Yau Wai-ching จะถูกขับออกจากสภาเล็กโกหรือไม่ [และแล้วเครื่องประหารหัวสุนัขรับใช้อังกฤษก็ทำงาน - ผู้แปล]
ในอนาคต เจ้าหน้าที่ที่มาจากภาคประชาชนในฮ่องกงจะต้องเข้าพิธีสาบานตนอย่างเคร่งครัดตามที่กฎหมายระบุไว้ ใครก็ตามที่ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีการเข้าสาบานตน จะขาดคุณสมบัติ และพวกเขาก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้สาบานเท็จหรือการฝ่าฝืนการสาบานตนก็ตาม
การตีความของ NPC มีผลบังคับใช้ในทางกฎหมายเฉกเช่นเดียวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ และควรจะดำเนินการโดยไม่มีการอนุโลมใดๆ ภาคประชาชนฮ่องกงและสังคมจีนทั้งหมดจะรับรองการตีความนี้ และสนับสนุนรัฐบาลกลางเพื่อทำการปราบปรามให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐประชาชนจีน และตามกฎหมายพื้นฐาน (ของฮ่องกง) ในการยั่วยุที่ดื้อด้านโดยกองกำลังของพวกโปร-เอกราช
พวกหัวรุนแรงเพียงแค่หยิบมือเดียวปลุกระดมให้เกิดการประท้วงในช่วงกลางวันของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงกล่าวว่ามีผู้เข้าร่วมประท้วงประมาณ 8,000 คน ส่วนพวกกองกำลังฝ่ายค้านบอกว่ายอดผู้ประท้วงมีถึง 13,000 คน (ข้อมูลจากวิกิพีเดียบอกว่าปัจจุบันนี้ฮ่องกองมีประชากรประมาณ 7.3 ล้านคน เป็นชาวจีน 95% มีคนไทย (เชื้อสายจีน?) ประมาณ 14,000 กว่าคน สูงกว่าม็อบเห็บอังกฤษนี่ซะอีก)
หลังจากที่นาย Leung และน.ส. Yau กล่าวคำหยาบคายในพิธีเข้าสาบานตนที่สภา LegCo เมื่อเดือนที่แล้ว ก็มีประชาชนประมาณ 1 ล้านคนลงชื่อทางออนไลน์เรียกร้องให้มีการตัดสิทธิ์ส.ส.ทั้งสองคนในทันที
[ถ้าทั้งสองคนเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยจริงๆ ก็ควรจะปฏิบัติตามเสียงข้างมากสิ 1 ล้านกับ 13,000 มันต่างกันเยอะอยู่นะ - ผู้แปล]
พฤติกรรมที่งุ่มง่ามซุ่มซ่ามของพวกเขาในพิธีเข้าสาบานตนได้ไปถึงก้นบึ้งของกฎหมายพื้นฐานและรัฐธรรมนูญ หากว่าการกระทำของพวกโปร-อินดิเพนเดนซ์ได้รับการตอบสนอง ฮ่องกงก็จะถูกนำไปสู่ dead end (ทางตัน) โดยที่ความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองก็จะพังพินาศไปด้วย
[วัยรุ่นพวกนี้ยังไม่เคยรับรู้ความยากลำบากของชาวจีนทั้งในแผ่นดินใหญ่และที่ฮ่องกงสมัยที่ฮ่องกงตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ คนจีนในสมัยนั้นกลายเป็นประชาชนชั้นสองของเกาะฮ่องกง อังกฤษส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปปกครองฮ่องกงทุกหน่วยงาน แม้จะมีการเลือกตั้งแต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของข้าหลวงใหญ่ที่อังกฤษส่งไปประจำการที่ฮ่องกง
อังกฤษบังคับให้จีนอนุญาตให้อังกฤษเช่าเกาะฮ่องกงได้เป็นเวลา 99 ปี เพิ่งจะได้รับเอกราชในปี 1997 แต่อังกฤษก็ยังอยากจะขอเช่าเกาะฮ่องกงต่อไปอีก แต่จีนไม่ยอม อังกฤษจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นจะต้องให้ฮ่องกงปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเป็นเวลา 50 ปีหลังจากที่อังกฤษคืนฮ่องกงให้กับจีนแล้ว ภายใต้หลักการที่ว่า "หนึ่งประเทศ สองระบอบ" จีนก็รับปากและก็รักษาสัญญามาโดยตลอด หลังจากจีนเขี่ยอังกฤษออกไปได้แล้ว จีนก็ส่งคณะผู้แทนเข้าไปดูแลงานต่างๆในฮ่องกงคล้ายกับที่อังกฤษเคยทำมาแล้วในอดีต
แต่พวกเยาวชนรุ่นใหม่หัวใจขี้ข้าอังกฤษและสหรัฐกลับบอกว่า ต้องการประกาศเอกราช ยังไงหละนี่? ก็การที่หลุดพ้นจากอังกฤษนั้นไม่ใช่ "เอกราช" หรือไง? เปล่า คนพวกนี้ไม่คิดอย่างนั้น การได้กลับคืนเป็นส่วนหนึ่งของจีนไม่ใช่เอกราช การได้กลับไปรับใช้อังกฤษและกลายเป็นขี้ข้าของอังกฤษอีกรอบต่างหากคือ "เอกราช" ที่พวกเขาต้องการ
ในความเป็นจริง สมมุติว่าจีนปล่อยให้พวกโปร-ประชาธิปไตยสมหวัง คิดหรือว่าฮ่องกงจะไม่ถูกประเทศอื่นรุกรานหรือเข้าไปตั้งฐานทัพของตนเองในฮ่องกง ดูอย่างไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้สิ ทหารอเมริกันเข้าไปตั้งฐานทัพมากมาย แถมประเทศเจ้าบ้านยังต้องจ่ายค่าดูแลให้กับกองทัพอเมริกันอีกต่างหาก ถ้าอังกฤษและสหรัฐได้ฮ่องกงไป โดยบอกว่าเราขอมอบประชาธิปไตยให้กับคุณ แต่เราจะคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง และคุณต้องให้เราเข้าไปตั้งฐานทัพในฮ่องกงนะ
นั่นก็เท่ากับว่าสหรัฐและอังกฤษ รวมทั้งนาโต้ก็จะขนขีปนาวุธและเรือรบไปจ่อก้นจีนนะสิ มีหรือที่จีนจะยอม ขนาดกรณีทะเลจีนใต้ที่สหรัฐพยายามเสี้ยมให้หลายประเทศงัดกับจีน สุดท้ายเป็นไง? ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับจีนซักราย ยกเว้นสหรัฐ แล้วฮ่องกงมีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะไม่ถูก ญี่ปุ่น อังกฤษ หรือสหรัฐเข้ายึดอีกรอบ หากหลุดจากมือจีน?
ตอนนี้จีนแค่เตือนเบาๆให้พวกขาใหญ่ในฮ่องกงได้รับรู้ว่า ถ้ายังดึงดันจะเล่นเกมนี้ต่อไป ระวังเศรษฐกิจฮ่องกงจะพังเอาง่ายๆ ไม่จำเป็นที่จีนจะต้องใช้กำลังทางทหารเลย แค่เล่นกับตลาดหุ้นและการค้าต่างๆ เกาะฮ่องกงก็สั่นสะเทือนแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือความวุ่นวาย จากนั้นก็จะเห็นประชาธิปไตยในฮ่องกงเบ่งบานแบบในอิรัค ลิเบีย และซีเรีย เอาไหมแบบนั้นหนะ - ผู้แปล]