PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แชร์ว่อนเน็ต !!! ป้าย "ที่สำรองจับฉลากเลือกตั้ง" โผล่ศูนย์ราชการ -กกต. วอนสื่อหยุดนำเสนอ

ที่สำนักงานคณะกกต. เขตศูนย์ราชการฯ ได้มีป้ายข้อความ "สถานที่สำรองในการจับสลากหมายเลข การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ" -กกต. โยงเป็นฝีมือผู้ไม่หวังดี พร้อมรีบแกะทิ้งทันที

วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศูนย์ราชการฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการพิมพ์ข้อความในกระดาษเอ 4 ข้อความว่า “สถานที่สำรองในการจับสลากหมายเลข การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ” จำนวน 2 แผ่น ติดไว้ที่ห้องกระจกบริเวณชั้น 1 ตรงทางเข้าออกทั้ง 2 ด้าน คือ ตรงกระจกบริเวณหน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์แลกบัตรเข้าออกสำนักงาน กกต. และอีกด้านตรงกระจกฝั่งห้องผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ กกต. บอกว่าไม่รู้เรื่องว่าใครนำมาติด พร้อมกับแกะกระดาษทั้ง 2 แผ่นออกไป โดยบอกว่าจะสอบถามให้ว่าใครนำมาติด พร้อมขอร้องสื่อมวลชนว่าอย่าเพิ่งนำเสนอข่าว เพราะอาจไม่ใช่ฝีมือเจ้าหน้าที่ กกต. แต่อาจเป็นผู้ที่ไม่หวังดีจากภายนอกนำมาติดก็เป็นได้ เหมือนกับที่มีผู้ไม่หวังดีโทรศัพท์ไปแจ้งพรรคการเมืองต่าง ๆ ให้มาจับสลากในวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาทั้งที่ กกต.ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามข้อเท็จจริงไปยังนายสมผุส กาญจโนมัย รองเลขาธิการ กกต.ด้านบริหารงานทั่วไป ปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องว่าใครนำไปติด เรื่องนี้ต้องถาม นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เนื่องจากตนไม่ได้เข้าประชุมด้วย เพราะวันนี้ กกต.มีการประชุมลับกันอยู่ อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ไปสอบถามจากเลขาธิการ กกต.แต่ไมได้รับสายคาดว่าติดประชุมอยู่

ภาพจากเพจ "เสมา ขุนศึกรักสถาบัน"

‪#‎ทีนิวส์‬


บิ๊กตู่ เดินสาย....พบ อดีตผบทบ. และ3ป. บูรพาพยัคฆ์ อีกครา


แม้จะเป็นประเพณี ที่ต้องอวยพรและขอพรปีใหม่ อดีต ผบทบ. แต่ก๋เป็นที่จับตามองว่า บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ ผบทบ. ไปด้วยตนเอง ไม่ไดัมอบหมายให้ 5 เสือ ทบ.คนใดไปแทน. โดยเมื่อ อังคาร24 ธค. พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไปอวยพรปีใหม่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ อดีต ผบทบ. ที่มูลนิธิรัฐบุรุษฯ เมื่อเช้า พุธ 25 ธค. วันคริสต์มาส. พล.อ.ประยุทธ์ ก็ ไป พบ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบทบ. ที่บ้านพัก ใน ร1รอ. โดยห้ามสื่อเข้าสัฃเกตุการณ์....ก่อนที่ เช้าวันพฤหัส26 ธค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะไปที่มูลนิธิ ป่ารอยต่อฯ ใน ร.1รอ. ไป พบ บิ๊กปัอม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กห.และ อดีต ผบทบ.โดยจะมี แม่ทัพนายกองในสายบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี จะตบเท้ามาอวยพร บิ๊กป้อม กันด้วย. ท่ามกลางกระแสข่าว ที่พาดพิง พล.อ.ประวิตร กับ นายสุเทพ พบกันอยู่เนืองๆ จนชื่อของ พล.อ.ประวิตร ถูกวางเป็นนายกฯคนกลาง แม้เจัาตัวจะปฏิเสธแล้วก็ตาม แต่ความเคลื่อนไหว ของ 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ "ป้อม -ป๊อก-ประยุทธ์" นี่ น่าจับตามอง ยิ่ง


สาธิต พาอดีตคนติดตามปฏิเสธไม่ใช่คนในคลิปปาปะทัดสน.ดินแดง

"คนบริสุทธิ์ไม่กลัวการใส่ร้าย"
วันนี้เวลา 13.00 น. นำนายอนุรักษ์ พูลทวีปที่ถูกระบอบทักษิณใช้เครื่องมือขี้ข้าตำรวจ อันํพาลคีย์บอร์ด และสื่อในสังกัดป้ายสีเพื่อให้เกลียดชังพรรคประชาธิปัตย์ และลดความชอบธรรมของกปปส. ใส่ร้ายว่าเป็นคนปาประทัดยักษ์ใส่สน.ดินแดง เอาข้อมูลพยานหลักฐานของจริงไปแสดงต่อตำรวจว่าไม่ใช่ผู้กระทำความผิดตามที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวพยายามใส่ร้าย ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันคงถูกสังคมเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนใช้ความรุนแรง อนุรักษ์จะตกเป็นจำเลยในคดีอาญา นี่คือความเลวร้ายของระบอบทักษิณ


ป้ายปริศนาโผล่กลางกรุง “เทือกตั้ง หรือ เลือกตั้ง “

(25 ธ.ค.) มีรายงานว่าได้ปรากฎป้ายปริศนาขนาดยักษ์ที่บริเวณทางด่วนพระราม 4 ขาออกตรงทางลงซอยบ่อนไก่ ถนนพระราม 4 ซึ่งมองเห็นอย่างชัดเจนและมีการแชร์กันอย่างมากมาย

เนื่องจากป้ายขนาดยักษ์ดังกล่าวได้มีการติดข้อความด้วยตัวหนังสือสีขาวและพื้นหลังสีดำ ด้วยคำว่า " เทือกตั้ง หรือ เลือกตั้ง " สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่สัญจรไปมาบนทางด่วน จนต้องชะลอรถและถ่ายรูปกันเกือบทุกคัน ซึ่งหลายคนเมื่อเห็นข้อความแล้วต่างแสดงความคิดเห็นว่า น่าจะเป็นก่อกวนหรือประชดประชันจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากว่าข้อความดังกล่าวได้พาดพิงถึงผู้ชุมุนม กปปส. อย่างชัดเจน ซึ่งมีข้อเรียกร้องว่าต้องการสภาประชาชน ไม่ต้องการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และแกนนำกลุ่มดังกล่าวคือนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ

อย่างไรก็ตาม ป้ายปริศนา" เทือกตั้ง หรือ เลือกตั้ง " ยังปรากฎอีกในหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีใครเป็นผู้ดำเนินการและอยู่เบื้องหลังการติดตั้งป้ายปริศนาขนาดยักษ์ที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้


หมอประจักษ์ ศรีรพีพัฒน์ ดูแลมวลมหาประชาชน

รศ.นพ.ประจักษ์ ศรีรพีพัฒน์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลอดเลือดสมองคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล หนึ่งในทีมแพทย์ที่ได้ถวายการดูแลในหลวงเมื่อทรงประทับที่ศิริราช ได้อาสาเข้าเป็นเสาหลักคนสำคัญของศิริราชที่มาก่อตั้งและดำเนินการระบบงานการแพทย์เพื่อดูแลมวลมหาประชาชน อาจารย์ประจักษ์เข้ามาช่วยตั้งแต่ยังไม่มีเต็นท์พยาบาลจนมีเต็นท์ขึ้นมา มีระบบอาสาจัดเวรหมุนเวียนจัดระบบ จนวันนี้เป็นเต็นท์ติดแอร์เกือบจะเป็นโรงพยาบาลกึ่งถาวรไปแล้ว นอกจากนี้ยังช่วยวางระบบโรงพยาบาลสนามด้วยรถ ambulance อาจารย์เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ติดดินมาก มีพลังมีความมุ่งมั่นที่สูงยิ่ง จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของอาจารย์ประจักษ์ที่แพทย์พยาบาลเภสัชหรือวิชาชีพสุขภาพอาสาที่มาช่วยกันที่ราชดำเนินจะสัมผัสได้คือ อาจารย์จะใส่เสื้อที่เขียนว่า "ประชาชนของพระราชา" เสมอ แพทย์ชนบทขอคารวะด้วยใจครับ และเรายินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานร่วมกับอาจารย์ประจักษ์จนกว่าจะไปถึงจุดหมายครับ


สาวทอม เป่านกหวีดใส่นายกฯ เข้าแจ้งความ โดนตำรวจคุกคาม

จากกรณีที่วานนี้ (24 ธ.ค.)น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปที่จุดชมวิวเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์โดยมีประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ และมีผู้หญิงบุคลิกคล้ายทอม เดินเข้ามาเป่านกหวีดใส่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และได้พูดคุยกัน

ล่าสุดวันนี้ (25 ธ.ค.) สาวทอมรายนี้ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เขาค้อ เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย เข้ามาสอบถามประวัติในเชิงลักษณะข่มขู่ จึงเกรงว่าจะมีอันตราย

อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางเข้าแจ้งความครั้งนี้มีนายเสถียร เม่นบางผึ้ง ประธาน กปปส.เพชรบูรณ์ เดินทางมาร่วมให้ปากคำด้วย


ธาริต แจ้นขอถอนประกัน9 แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ เข้าร่วมม็อบ สุเทพ ฝ่าฝืนเงื่อนไขประกันตัว

25 ธ.ค.56 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ตนมอบหมายให้พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เดินทางไปยื่นคำร้องขอถอนประกัน 9 แกนนำของพันธมิตร ซึ่งถูกฟ้องให้ตกเป็นจำเลยต่อศาลในความผิดฐานร่วมกันก่อความไม่สงบและความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองและบุกรุกสถานที่ราชการ ประกอบด้วย นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายรัชต์ยุตม์ หรือนายอมรเทพ ศิรโยธินภักดี หรืออมรรัตนานนท์ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายพิชิต ไชยมงคล พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ

เนื่องจากคดีนี้จำเลยทั้ง 9 ได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาลอาญา โดยศาลกำหนดเงื่อนไขไม่ให้กระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายใด ๆ กระทบต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใด ๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน แต่ปรากฏจำเลยทั้ง 9 ได้ร่วมกันเป็นแกนนำชุมนุมสร้างความไม่สงบ รวมทั้งการปลุกระดมให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมาย จึงถือเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามของศาลอาญา

นายธาริต ระบุด้วยว่า เมื่อคดีที่แกนนำต่าง ๆ อันมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำหลัก พร้อมแกนนำคนอื่น ๆ อีกรวม 38 คน ร่วมกันกระทำผิดอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้เป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอจึงรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อสั่งถอนประกันตัว

ที่มา คมชัดลึก
ธาริต แจ้นขอถอนประกัน9 แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ เข้าร่วมม็อบ สุเทพ ฝ่าฝืนเงื่อนไขประกันตัว
              
 25 ธ.ค.56 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ตนมอบหมายให้พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เดินทางไปยื่นคำร้องขอถอนประกัน 9 แกนนำของพันธมิตร ซึ่งถูกฟ้องให้ตกเป็นจำเลยต่อศาลในความผิดฐานร่วมกันก่อความไม่สงบและความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองและบุกรุกสถานที่ราชการ ประกอบด้วย นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายรัชต์ยุตม์ หรือนายอมรเทพ ศิรโยธินภักดี หรืออมรรัตนานนท์ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายพิชิต ไชยมงคล พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ 

เนื่องจากคดีนี้จำเลยทั้ง 9 ได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาลอาญา โดยศาลกำหนดเงื่อนไขไม่ให้กระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายใด ๆ กระทบต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใด ๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน แต่ปรากฏจำเลยทั้ง 9 ได้ร่วมกันเป็นแกนนำชุมนุมสร้างความไม่สงบ รวมทั้งการปลุกระดมให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมาย จึงถือเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามของศาลอาญา
              
นายธาริต ระบุด้วยว่า เมื่อคดีที่แกนนำต่าง ๆ อันมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำหลัก พร้อมแกนนำคนอื่น ๆ อีกรวม 38 คน ร่วมกันกระทำผิดอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้เป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอจึงรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อสั่งถอนประกันตัว

ที่มา คมชัดลึก

///คุณธาริต คุณพยายามเร่งรัดคดีต่างๆที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล คุณคอยรับผลชะตากรรมของคุณที่ทำไว้ ไม่นานคุณคงได้ลิ้มรสของผลที่ตามมา

"ยักษ์" ใต้ทางด่วน ณ บางกอก



ตนแรก อยู่ที่เสาต้นแรกของแยกสุทธิสาร
- ตนที่สอง อยู่ก่อนข้ามแยกตรงเซ็นทรัลลาดพร้าว เดิมอยู่ตรงฝั่งตรงข้ามการบินไทย
แต่ถูกร้องเรียนมาว่า ทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตบ่อย เขาเลยย้ายไปไว้ตรงที่ก่อนข้ามแยกเซ็นทรัลลาดพร้าวแทน
 - - - - - - - - -  - - - - - - - - -  - - - - - - - - -  - - - - - - - - -  - - - - - - - - -
เรื่องราวเกิดขึ้นเนื่องจากมีการสร้างโทลเวย์เมื่อหลายปีก่อน ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอะไร 
จนกระทั่งจะทำการยกเสาต้นนี้ขึ้น ซึ่งทำวิธีไหนยังไงก็ยกไม่ขึ้น
ประกอบกับ ดอนเมืองโทล์เวย์ตอนนั้นอยู่ในสภาวะขาดทุน ไม่ค่อยมีคนใช้บริการ
จึงมีคนแนะนำให้ทางโครงการปั้นรูปยักษ์ แบกถนนไว้แก้เคล็ด
โครงการจึงขอให้ "กรมศิลปากร" ช่วยปั้นยักษ์สองตนนี้มาโดยการแกะสลักทำท่าแบกเสา 
ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก......
พอแกะเป็นรูปยักษ์ เสาต้นนั้นจึงยกขึ้นอย่างง่ายดาย และสถานะการเงินของโครงการดีขึ้น
ผู้คนนิยมใช้เส้นทางขึ้นตามลำดับ (ครั้งนั้นทางสร้างไปและเปิดให้ใช้ไปเป็นส่วนๆ)
ผ่านไปแถวนั้น อย่าลืมสังเกตุดูครับ

ที่มา: http://www.vclassspecial.com

โฆษกกปปส. ชี้ ปฏิรูปฉบับยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบโจทก์ประชาชน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาบ้านเมือง

โฆษกกปปส. ชี้ ปฏิรูปฉบับยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบโจทก์ประชาชน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาบ้านเมือง เป็นเพียงเครื่องมือซักฟอกรัฐบาลชินวัตร

เมื่อเวลา 15.00 น. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. แถลงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีเสนอตั้งสภาปฏิรูปโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า การกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน เป็นเพียงการโหนกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง ทั้งนี้ กปปส.มีข้อสังเกตว่า แม้จะตั้งชื่อสวยหรูว่า“สภาปฏิรูป” แต่สภาดังกล่าวไม่มีอำนาจทางกฎหมาย ทำได้เพียงการเสนอแนะ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากสภาโจ๊ก เมื่อไม่มีอำนาจก็ต้องพึ่งใบบุญนักการเมือง บวกกับการที่นายกฯนำตระกูลตนเองไปอยู่ในอันดับส.ส.บัญชีรายชื่อต้นๆ ก็ชี้ให้เห็นว่าต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสภาปฏิรูป และอาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะการปฏิรูปต้องแก้ไขกฎหมายลงโทษนักการเมืองที่ทุจริต วันนี้จะไปพึ่งหวังกับนักการเมืองให้ออกกฎหมายลงโทษตัวเองคงไม่ได้

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตามข้อเสนอของนายกฯจะมีการปฏิรูปทั้งหมด 5 หัวข้อ หนึ่งในนั้นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางกปปส.เกรงว่าอาจมีนัยแอบแฝงเพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยแก้รัฐธรรมนูญเพื่อรวบอำนาจ หรือแก้เรื่องการสรรหาตุลาการและองค์กรอิสระ

นอกจากนี้เราเป็นห่วงว่าอาจบีบให้องค์กรต่างๆ เช่น สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม เป็นต้น เข้ามาสมยอมรวมปฏิรูป ทั้งหมดเพื่อที่จะซักฟอกขบวนการที่ไม่ยุติธรรมและไม่เชื่อมั่นของประชาชน

“ขอย้ำว่าสภาของนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน วันนี้ต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไม่ใช่ปฏิรูปควบคู่การเลือกตั้ง เราต้องการความชัดเจน ไม่ใช่ว่าตั้งองค์กรปาหี่ สภาโจรที่ไม่มีอำนาจจริง และประชาชนไม่ไว้ใจให้นักการเมืองที่โกงบ้านเมืองมาปฏิรูปในครั้งนี้ เราเชื่อว่าการจัดตั้งสภาปฏิรูปของรัฐบาลไม่ได้มีความตั้งใจปฏิรูปจริง และมวลมหาประชาชนต้องการองค์กรที่ปราศจากการครอบงำของนักการเมือง” นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ เรียกร้องให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบ โดยการเสียสละลาออกจากรักษาการณ์ เพื่อปูทางไปสู่การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง พร้อมกันนี้ยังเป็นห่วงนายกฯเสพติดอำนาจ เพราะได้ต่อพ.ร.บ.มั่นคงถึงไปจนถึงวันที่ 1 มี.ค. 2557 เพื่อต่อสู้กับประชาชน แสดงให้เห็นชัดว่ารัฐบาลไม่ฟังเสียประชาชน นอกจากนี้ทางกปปส.ขอเป็นตัวแทนตำรวจชั้นผู้น้อยเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2556 จนถึงขณะนี้ตำรวจที่ดูแลทำเนียบรัฐบาลยังไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง และมีตำรวจบางรายแสดงความไม่พอใจถึงการที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ชักหัวคิวโดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายอาหาร ซึ่งเห็นชัดว่าอาหารไม่คุ้มค่ากับเงิน 200 บาท


2 สาวชูนิ้วกลางใส่ป้ายสตช. เข้าขอขมาพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.4

2ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสม ต่อป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าขอขมาพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว 

เฟซบุ๊ก Policespokesmen  โพสต์ข้อความว่า จากกรณีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2556 ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองเคลื่อนขบวนผ่านบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมาปรากฎภาพถ่ายของกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสม ต่อบริเวณป้ายด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น 



วันนี้ 25 ธันวาคม 2556 เวลาประมาณ 14.30 น. บุคคลตามภาพทั้งสองได้เข้ามาขอขมา ต่อพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ปธ.ทีดีอาร์ไอหนุนองค์กรปฏิรูปแท้จริง ทุกฝ่ายร่วมเน้นปมขัดแย้ง เกาะติดรัฐทำตาม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 ธันวาคม 2556 14:13 น.  

ปธ.ทีดีอาร์ไอ ย้ำทางออกชาติคือปฏิรูปครั้งใหญ่ ชี้รัฐ-กปปส.ชิงความได้เปรียบทำก่อนหลังเลือกตั้ง ย้อน รบ.ปู-มาร์ค ไม่สนปฏิรูป ปฏิรูป กปปส.ขัด ปชต.เสียเอง ยันต้องปฏิรูปอย่างแท้จริง มีทุกฝ่ายไม่ถูกครอบงำ มีกลไกให้คู่ขัดแย้งยอมรับและรัฐนำไปปฏิบัติ หนุนตั้งองค์กรปฏิรูปเป็น คกก. มติปฏิรูปเสียงต้องไม่ห่างกัน ทำแต่เรื่องสำคัญปมขัดแย้ง เสนอรัฐเป็นระยะ พร้อมจับตารัฐทำตามหรือไม่ 
     
       วันนี้ (24 ธ.ค.) นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) โพตส์เฟซบุ๊กให้ข้อแนะนำ ข้อเสนอต่อกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย ระบุว่า การเมืองไทยมาถึงทางตันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจไม่เข้าร่วมในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557  ส่วน กปปส.ก็ประกาศขัดขวางการเลือกตั้ง  และแม้ว่ารัฐบาลได้ประกาศที่จะดำเนินการปฏิรูปประเทศหลังเลือกตั้งแล้วก็ตาม ดูเหมือนว่าคู่ขัดแย้งและประชาชนจำนวนมากก็ไม่ได้ให้ความเชื่อถือต่อกระบวนการปฏิรูปดังกล่าว   ดังนั้นแม้ว่าการเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นได้ในที่สุด ฝ่ายผู้ต่อต้านก็คงจะชุมนุมคัดค้านรัฐบาลต่อไป ทำให้รัฐบาลใหม่ยากที่จะบริหารประเทศได้   ในขณะที่หากไม่มีการเลือกตั้งตามข้อเสนอของ กปปส. กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลก็คงไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน
     
       ทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองไทยในปัจจุบันก็คือ การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ภายใต้วิถีทางประชาธิปไตย  แม้ว่ารัฐบาลและ กปปส.ต่างแสดงความเห็นที่ดูเหมือนจะตรงกันว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันว่าจะเลือกตั้งก่อนปฏิรูป หรือจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง   ในความเห็นของตน  ท่าทีของทั้งสองฝ่ายล้วนมีปัญหา เพราะต่างมุ่งช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่าที่จะร่วมมือกันให้เกิดการปฏิรูปขึ้นอย่างแท้จริง
     
       ท่าทีของรัฐบาลที่จะให้มีการปฏิรูปหลังเลือกตั้งถูกมองว่า เป็นเพียงการสร้างภาพเพื่อลดแรงกดดันทางการเมืองเฉพาะหน้า โดยไม่มีความมุ่งมั่นในการปฏิรูปอย่างแท้จริง เนื่องจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์เองก็เคยตั้งคณะกรรมการปฏิรูปมาก่อนแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แตกต่างจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่เคยตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมา 2 คณะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำข้อเสนอแนะใดๆ ของคณะกรรมการดังกล่าวไปปฏิบัติ ทั้งหมดนี้ชี้ให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลใดที่อยู่ในอำนาจอย่างมั่นคง ก็ไม่สมัครใจให้เกิดการปฏิรูปทั้งสิ้น   ส่วนท่าทีของ กปปส. นั้นถูกมองได้ว่า เสนอให้มีการปฏิรูปเพียงเพื่อเป็นข้ออ้างในการสร้างสูญญากาศทางการเมือง เพราะการปฏิรูปต่างๆ ที่เสนอขึ้นหลายเรื่องไม่สามารถทำได้สำเร็จในเร็ววัน และยังมีลักษณะปิดกั้นฝ่ายอื่นไม่ให้เข้าสู่กระบวนการด้วย  ซึ่งทำให้แนวทางการปฏิรูปเพื่อสร้าง “ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์” ของ กปปส. นั้นขัดกับหลักประชาธิปไตยไปเสียเอง
     
       “ผมมีความเห็นว่าประเทศไทยควรได้รับการปฏิรูปอย่างแท้จริง โดยเร่งด่วน ภายใต้กติกาที่เป็นประชาธิปไตย  ผมเห็นว่า การปฏิรูปจะเกิดขึ้นและสำเร็จได้จะต้องมีองค์ประกอบต่างๆ ดังต่อไปนี้

 หนึ่ง ต้องเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะคู่ขัดแย้งเข้าร่วม แต่ไม่ถูกครอบงำโดยคู่ขัดแย้ง   สอง ต้องมีกลไกรับประกันว่าคู่ขัดแย้งจะยอมรับการปฏิรูป  และสาม ต้องมีกลไกรับประกันว่า รัฐบาลจะนำข้อเสนอไปสู่การปฏิบัติ
     
       ผมขอเสนอแนวทางในการปฏิรูปที่เป็นรูปธรรมแนวทางหนึ่งซึ่งมีองค์ประกอบข้างต้น และน่าจะทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นได้ดังนี้
     
       ประการที่หนึ่ง กระบวนการปฏิรูปต้องเริ่มต้นก่อนการเลือกตั้ง เพราะเมื่อได้อำนาจแล้ว รัฐบาลย่อมไม่ต้องการให้เกิดการปฏิรูป  ในประเด็นนี้ ผมจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของ 7 องค์กรภาคเอกชน ที่ให้รัฐบาลจัดตั้งองค์กรปฏิรูปขึ้นโดยทันทีก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งอาจออกเป็นพระราชกำหนดมารองรับฐานะทางกฎหมายขององค์กรดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการปฏิรูปได้จริงหลังเลือกตั้ง
     
       ประการที่สอง  องค์กรปฏิรูปควรเป็น “คณะกรรมการปฏิรูป” ที่มีองค์คณะไม่ใหญ่เกินไปจนกลายเป็น “สภาปฏิรูป” เช่น ควรมีกรรมการไม่เกิน 30 คน โดยประกอบด้วย ผู้ที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอชื่อหนึ่งในสาม  และผู้ที่คู่ขัดแย้งคือพรรคประชาธิปัตย์และ กปปส. เสนอชื่ออีกหนึ่งในสาม   ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งในสามคือ ผู้ทรงคุณวุฒิและตัวแทนของคนอาชีพต่างๆ เช่น นักวิชาการ นักธุรกิจ ภาคประชาสังคม เกษตรกร หรือแรงงาน ซึ่งเป็น “คนกลาง” ที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและคู่ขัดแย้งต่างยอมรับได้  ทั้งนี้เพื่อให้คู่ขัดแย้งมีส่วนร่วม แต่ไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งครอบงำการปฏิรูป  นอกจากนี้ คณะกรรมการปฏิรูปควรสร้างกลไกเปิดรับความเห็นจากสาธารณะอย่างกว้างขวางด้วย
     
       ประการที่สาม มติของคณะกรรมการปฏิรูปในการเสนอมาตรการให้รัฐบาลดำเนินการ ต้องได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าเสียงข้างมากเล็กน้อยเช่น สามในห้า (18 จาก 30 เสียง)  เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ข้อเสนอนั้นได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายหรือคนกลางด้วย ไม่ได้เกิดจากการใช้พวกมากลากไป  ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่สัดส่วนเสียงข้างมากที่สูงเกินไป จนทำให้การปฏิรูปไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากถูกคัดค้านได้ง่ายเกินไปเช่นกัน
     
       ประการที่สี่  คณะกรรมการปฏิรูปควรมีภารกิจในการจัดทำข้อเสนอการปฏิรูปในขอบเขตที่ไม่กว้างขวางเกินไปเช่น ไม่ควรมีมากกว่า 4-5 เรื่องใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนและเป็นสาเหตุของความขัดแย้งในปัจจุบันเช่น กติกาการเข้าสู่อำนาจรัฐ การตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐ การต่อต้านคอร์รัปชัน ประชานิยมและวินัยทางการคลัง ตลอดจนระบบยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง เป็นต้น  ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องอื่นๆ เช่น การปฏิรูปการศึกษา การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือระบบยุติธรรมในความหมายกว้าง จะไม่มีความสำคัญ แต่เป็นเพราะเรื่องเหล่านั้นต้องดำเนินการต่อเนื่องในระยะยาว และควรดำเนินการโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในสภาวะปรกติ
     
       ประการที่ห้า  คณะกรรมการปฏิรูปควรเสนอมาตรการปฏิรูปแก่รัฐบาลเป็นระยะ โดยเริ่มจากมาตรการที่มีความเห็นพ้องต้องกันสูง มีรูปธรรมที่สามารถปฏิบัติได้ง่ายก่อน โดยเสนอแนะกรอบ
เวลาในการดำเนินการที่แน่นอนแก่รัฐบาลไปพร้อมด้วย เพื่อให้ประชาชนเห็นผลสำเร็จจากการปฏิรูปในเร็ววัน จากนั้นจึงเสนอมาตรการปฏิรูปที่มีความซับซ้อนมากขึ้นไปตามลำดับ
     
       ประการที่หก  นอกจากนำเสนอมาตรการปฏิรูปต่อรัฐบาลแล้ว คณะกรรมการปฏิรูปควรมีหน้าที่ติดตามการปฏิรูปของรัฐบาลว่า เป็นไปตามข้อเสนอในกรอบเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่  ในกรณีที่รัฐบาลไม่ดำเนินการปฏิรูปตามข้อเสนอ โดยแสดงถึงเจตนาหน่วงเหนี่ยวหรือบิดพริ้ว  คณะกรรมการปฏิรูปสามารถเสนอให้รัฐบาล “ทำโทษตนเอง” โดยการยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่  ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีแรงจูงใจที่จะปฏิรูป มิฉะนั้น อาจต้องเผชิญแรงกดดันจากประชาชนอีกครั้ง
     
       ข้อเสนอต่อกระบวนการปฏิรูปข้างต้นเป็นเพียงแนวทางหนึ่งที่ผมขอฝากให้สังคมช่วยกันพิจารณา เพราะผมไม่เห็นว่า เราจะมีทางออกจากความขัดแย้งในปัจจุบันได้อย่างไร หากทุกฝ่ายทั้ง
รัฐบาลและคู่ขัดแย้งไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปร่วมกันอย่างแท้จริง”

คำแถลงเรื่อง สภาปฏิรูปประเทศ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


พี่น้องประชาชนไทยที่เคารพ

ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ดิฉันต้องขอขอบคุณนักวิชาการ นักธุรกิจ และพี่น้องประชาชนผู้มีความหวังดีต่อประเทศจากหลายภาคส่วนที่ช่วยกันแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางออกจากวังวนแห่งความขัดแย้งให้กับประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน

และจากเวทีเสวนา สัมมนา หรือการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันประมวลได้ว่าส่วนใหญ่ก็คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะในการที่จะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ การสร้างความเข้มแข็งในทางการเมือง การพัฒนาการเมือง และการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ในหลายเวทีมีการเสนอให้จัดตั้งองค์กรที่จะมาดำเนินการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว ไม่เป็นการขัดหรือแย้ง และสามารถทำคู่ขนานไปกับกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไว้เป็นที่แน่ชัดแล้ว

ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ถึงเวลาที่เราต้องช่วยกันพัฒนากลไกที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้เกิดขึ้น ในโอกาสนี้ดิฉันจึงใคร่ขอเสนอรูปแบบองค์กรที่จะจัดตั้งขึ้นรูปแบบหนึ่ง โดยอาจเรียกว่าเป็น

“สภาปฏิรูปประเทศ”

พี่น้องประชาชนอาจสงสัยว่า ใครหรือจะมาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ?

ดิฉันขอยืนยันแต่ต้นเลยว่า สภาปฏิรูปประเทศจะไม่ใช่เวทีของรัฐบาล ซึ่งถ้าทุกฝ่ายเห็นร่วมกันรัฐเป็นเพียงผู้จัดตั้งโดยใช้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้รับทราบเพื่อให้เรื่องนี้สามารถเดินหน้าได้ทันที

ทั้งนี้ สภาปฏิรูปประเทศจะเป็นสภาของตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง โดยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ จะเริ่มจากการสรรหาตัวแทนประชาชนจากสาขาอาชีพต่างๆ จำนวน ๒,๐๐๐ คน แล้วจึงให้ตัวแทนอาชีพจำนวน ๒,๐๐๐ คนดังกล่าว เลือกผู้ที่จะเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจำนวน ๔๙๙ คน

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสมัคร การสรรหา การคัดเลือก และการแต่งตั้งตัวแทนวิชาชีพ ตลอดจนการเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศในขั้นตอนต่างๆ จะถูกกำหนดโดยคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบดังนี้

๑. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้แทนซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นกรรมการ
๒. หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่าซึ่งที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเลือกจำนวน ๒ คน เป็นกรรมการ
๓. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เป็นกรรมการ
๔. อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่ง
ประเทศไทยเลือกจำนวน ๑ คน เป็นกรรมการ
๕. ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการ
๖. ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการ
๗. ประธานสมาคมธนาคารไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการ
๘. ประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก ๒ คน ซึ่งกรรมการที่กล่าวถึงเบื้องต้นเป็นผู้เสนอชื่อ
คณะกรรมการชุดนี้จะมีกรรมการรวมทั้งสิ้น ๑๑ คน

สำหรับหน้าที่ของสภาปฏิรูปประเทศ ดิฉันขอเสนอดังนี้

-. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งอาจรวมถึงการจัดเตรียมร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

- ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารภาครัฐ

-. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการจัดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือการยกเลิกกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งต่าง ๆ เพื่อให้การเลือกตั้งในทุกระดับ การสรรหา และแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ การใช้อำนาจรัฐและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม

-. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงการราชการทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจำเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้มีประสิทธิภาพ

-. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงการกระจายอำนาจ การสร้างความรู้ความเข้าใจกฎหมาย การเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนและท้องถิ่น โครงสร้างการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินในทุกระดับ การปรับปรุงระบบและวิธีการงบประมาณ และการบริหารงานบุคคลภาครัฐ

ทั้งนี้ เมื่อสภาปฏิรูปประเทศได้ดำเนินการในข้อใดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทำรายงานเสนอนายกรัฐมนตรี และให้สภาปฏิรูปประเทศเปิดเผยรายงานดังกล่าวต่อสาธารณชน เพื่อที่จะได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการตามเจตนารมณ์ต่อไป โดยกรอบเวลาการดำเนินการขึ้นอยู่กับสภาปฏิรูปประเทศเป็นผู้กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

สำหรับผู้ที่เป็นห่วงถึงความต่อเนื่อง เมื่อมีการเลือกตั้งในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ และมีรัฐบาลหลังการเลือกตั้งแล้วนั้น จะมีการกำหนดไว้ด้วยว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดิน ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้การปฏิบัติงานตามคำสั่งนี้ดำเนินต่อไปอย่างสืบเนื่องตามเจตนารมณ์และแนวทางที่ทุกฝ่ายให้ความเห็นชอบแล้ว

ทั้งหมดที่ดิฉันกล่าวมานั้น เป็นรูปแบบที่เสนอเพื่อให้ได้มีการแลกเปลี่ยนถกเถียงหารือ จากทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลจะได้รวบรวมนำข้อคิดเห็นมาปรับปรุงแก้ไขและออกเป็นคำสั่งก่อนสิ้นปีนี้

ดิฉันขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงภาระกิจการปฏิรูปประเทศที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันทำให้การปฏิรูปประเทศครั้งนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน เพื่อสังคมที่สงบสันติ มีความปรองดอง รักและสามัคคี และเพื่ออนาคตของลูกหลานของเราทุกคน