PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

ครึ่งแรกปีงบประมาณ 58 รัฐจัดเก็บรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.5%

ครึ่งแรกปีงบประมาณ 58 รัฐจัดเก็บรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.5%
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 – มีนาคม 2558) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 973,952 ล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการตามเอกสารงบประมาณ แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.5 โดยการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ สูงกว่าประมาณการ 14,870 11,091 และ 9,976 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.7 5.2 และ 17.4 ตามลำดับ
ขณะที่กรมสรรพากร และกรมศุลกากร จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 41,004 และ 2,513 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 และ 4.1
สำหรับภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีน้ำมัน ภาษียาสูบ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงกว่าเป้าหมาย 19,727 4,651 และ 3,559 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.9 14.9 และ 2.3 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 19,279 19,116 และ 11,760 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.1 11.0 และ 22.3 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2558 กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคในประเทศสูงกว่าเป้าหมาย และสูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการบริโภคในประเทศที่ยังคงเติบโตได้ดี ประกอบกับการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มของภาคเอกชนที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของระบบโทรคมนาคม นอกจากนี้ ทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินความจำเป็นได้นำส่งเงินเข้าเป็นรายได้แผ่นดินด้วย
นายกฤษฎาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2558 ใกล้เคียงกับเป้าหมาย โดยได้รับปัจจัยบวกจากภาษีน้ำมันที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ การนำส่งเงินสภาพคล่องส่วนเกินของทุนหมุนเวียนเป็นรายได้แผ่นดิน และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่สูงกว่าเป้าหมายเป็นสำคัญ สำหรับช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ กระทรวงการคลังคาดว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีก่อน

เจ้าคุณเสนาะ ชิงลาออกเจ้าอาวาส เซ่นสตง.ตรวจสอบใช้งบจัดงานศพไม่โปร่งใส


http://www.matichon.co.th/online/2015/04/14286665751428666628l.jpg

เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม(มส.) เปิดเผยภายหลังการประชุม มส. ซึ่งมี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมส.ได้รับทราบกรณี พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และเจ้าคณะภาค 12 ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ซึ่งก่อนหน้านี้พระพรหมสุธี ได้ถูกเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พักตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อเดือนมกราคม 2558 เนื่องจากกรณีถูกตรวจสอบเงินงบประมาณงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ทั้งนี้ มส.จึงได้อนุมัติแต่งตั้ง พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เป็น เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ รูปใหม่แทนพระพรหมสุธี
  
พระพรหมเมธี กล่าวต่อว่า ส่วนตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 นั้น พระพรหมสุธี ไม่ได้ทำหนังสือลาออกแต่อย่างใด ทั้งนี้ส่วนใหญ่ตำแหน่งเจ้าคณะปกครอง ต้องเป็นพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสขึ้นไป แต่เมื่อพระพรหมสุธีไม่มีตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว จะส่งผลให้ตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 ต้องถูกพิจารณาและอาจถูกปลดตามตำแหน่งเจ้าอาวาสไปด้วย นอกจากนี้ที่ประชุมมส.ได้รับทราบตามที่พระวิสุทธิวงศาจารย์(วิเชียร อโนมคุโณ) เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เสนอแต่งตั้ง พระปิฎกโกศล(นิกร มโนกโร) วิทยาฐานะป.ธ.9 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นรองเจ้าคณะภาค 7 แทนพระพรหมเสนาบดี(พิมพ์ ญาณวีโร) รองเจ้าคณะ 7 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะภาค 7 ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้มีหนังสือแจ้งมส.หรือสำนักงานพระพุทธศาสนา(พศ.)เกี่ยวกับผลการตรวจสอบเบื้องต้นว่าพระพรหมสุธี ส่อไปในทางไม่สุจริตหรือไม่ พระพรหมเมธี กล่าวว่า สตง.ไม่ได้ส่งเรื่องมายัง มส. แต่คาดว่าจะส่งเรื่องไปยัง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช หรือเจ้าคณะปกครอง เพื่อรายงานผลการตรวจสอบการใช้งบประมาณดังกล่าว ส่วนเหตุผลของการลาออกนั้น ไม่ได้มีการแจ้งต่อที่ประชุมมส.แต่อย่างใด ทั้งนี้ในระบบการปกครองคณะสงฆ์ หากลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ถือว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ดีกว่าการถูกไล่หรือปลดออก และถ้าไม่ผิด ในอนาคตหากมีการเสนอแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการปกครอง ก็สามารถที่จะกลับมาดำรงตำแหน่งได้ แต่หากถูกไล่ออก ก็จะไม่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งทางการปกครองได้อีก

อรรถวิชช์'ลั่นเตรียมฟ้องกลับ'สีหนาท'

อรรถวิชช์'ลั่นเตรียมฟ้องกลับ'สีหนาท'
http://www.dailynews.co.th/Conte…/politics/313670/_%E0%B8%AD
'อรรถวิชช์'ลั่นเตรียมฟ้องกลับ'สีหนาท'หลังประกาศยึดทรัพย์มารดา 300 ล้าน ระบุ ต้นเหตุเป็นเพราะออกมาต้านแก้อายุเลขาฯปปง.จาก 4 ปีเป็น 6 ปี ทั้งที่อสส.สั่งไม่ฟ้องมาแล้วเป็นปี

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน(ปปง.) ยึดทรัพย์นางภคินี สุวรรณภักดี อดีตผู้บริหารธนาคารมหานคร จำกัดมหาชน มารดา จำนวน 300 ล้านบาท ว่า พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. นิสัยเดิม ไล่บี้ฝ่ายตรงข้ามไม่เปลี่ยน เพราะสมัยรัฐบาลที่แล้วหลังจากที่ตนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็รื้อคดีแม่ตน ซึ่งตนติดใจคดีปปง.มากเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องธนาคารปล่อยกู้ แต่ลูกค้าไม่สามารถคืนเงินได้ เพราะธุรกิจเสียหายจากวิกฤตปี 40 ไม่ใช่ว่าแม่ตนโกง โดยการปล่อยกู้แล้วเอาเงินมาใช้เอง ซึ่งปปง.ก็รู้แต่จะดำเนินคดีให้ได้ และกรณีนี้อัยการสูงสุดก็สั่งไม่ฟ้องมาแล้วเป็นปี ส่วนข่าวที่บอกให้ตนชี้แจงทรัพย์สินภายใน 30 วันนั้น ตนยังไม่เห็นหนังสือแจ้งอะไรเลย
นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า อาจเป็นเพราะ ล่าสุดตนพูดเรื่องที่ เลขาฯปปง.เสนอแก้พ.ร.บ.ปปง.ให้ตัวเองยืดอายุการดำรงตำแหน่งเลขาฯ ปปง.เพิ่มอีก 2 ปี ทั้งที่ พ.ต.อ.สีหนาท เคยรักษาการเลขาฯปปง.มาตั้งแต่ปี 2551 และในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้งให้เป็นเลขาฯ ปปง.ในปี 2555 ซึ่งจะครบ 4 ปีในปี 2559 หากต่ออายุอีก 2 ปี ตามร่างพ.ร.บ.ปปง.ที่เพิ่งผ่านวาระ 1 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ไป จะทำให้สิ้นสมัยเลขาฯปปง.ในปี 2561 พ.ต.อ.สีหนาท เป็นเบอร์ 1 ในอำนาจพิเศษนี้มาเกือบ 10 ปี ทั้ง ๆ ที่เคยถูกไล่ออกจากราชการ ถ้าใช้อำนาจแบบนี้ตนคงต้องสู้กับพ.ต.อ.สีหนาทอีกนาน
“ผมพร้อมสู้คดี จน พ.ต.ท.สีหนาท เกษียณอายุราชการ ผมได้ปรึกษากับทนาย เพื่อเตรียมฟ้องกลับ เลขาฯปปง. และเจ้าหน้าที่บางส่วนแล้ว ส่วนจะข้อหาอะไรยังไม่ขอเปิดเผยในตอนนี้ สำหรับแม่ผม ขณะนี้ทราบเรื่องแล้ว และผมก็ไปกราบขอโทษแล้ว ว่าเป็นความผิดที่เกิดจากผมเอง ซึ่งคุณแม่ก็ได้แต่นิ่งและลูบหัว ” นายอรรถวิชช์ กล่าว.


กำลังใจจากป๋า

กำลังใจ จากป๋า.....
ป๋าเปรม เขื่อมั่น นายกฯ บิ๊กตู่ ทำชาติบ้านเมือง สงบ ได้ เป็นที่พึ่งประชาขน ให้กำลังใจ รักษาชาติ แม้จะยาก และเหนื่อย ก็ขอให้แข็งแรง มั่นคง แช่ง ใครคิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองก็ขอให้พระสยามเทวาธิราชจงดูแลไม่ให้เกิดปัญหา เขื่อคนไทยจะมีความสุข มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แบบที่ นายกฯพูดในรายการทุกศุกร์_นายกฯ มุดเข้าบ้านสี่เสาฯ คุยส่วนตัวก่อน เดินกับป๋า พร้อม ผบ.เหล่าทัพ มาสโมสร ทบ.รดน้ำสงกรานต์
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ให้พร คณะของ พลเอก ประยุทธ์ นายกฯ/หน.คสช. พร้อม พลเอก ประวิตร ครม. คสช. และ ผบ.เหล่าทัพ ที่มารดน้ำสงกรานต์ ขอบคุณทุกคนที่นึกถึงมาพบและอวยพรในวันสำคัญของชาติ การดำรงรักษาวัฒนธรรมคือการรักษาชาติอย่างหนึ่ง แต่นายกฯ และพวกเราทุกคนต้องทำอย่างอื่นด้วย เพื่อการรักษาชาติของเรา ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ยากมากและเหนื่อย ผมมั่นใจว่านายกฯ และพวกเราทุกคนจะช่วยกันและร่วมมือสามัคคีกันเพื่อทำให้บ้านเมืองมีความสงบ สุข มีความมั่นคง มั่งคั่งตามที่นายกฯ ได้พูดทุกๆ คืน
พร้อมอวยพร ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในประเทศและในโลกโปรดอำนวยพรให้ทุก คนมีความร่มเย็นเป็นสุข ให้นายกฯ สามารถที่จะนำประเทศของเราไปสู่ความสงบเรียบร้อยให้ได้
"ผมขอให้ทุกคนแข็งแรง มั่นคงและแน่วแน่ในการรักษาประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้ามีความสงบสุข ทุกคนหวังพึ่งนายกฯและพวกเรา ขอให้สิ่งที่ประชาชนหวังพึ่งให้ประสบผลสำเร็จ จากนายกฯและพวกเราทุกคนขอให้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโปรดคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ใครคิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองก็ขอให้พระสยามเทวาธิราชจงดูแลไม่ให้เกิดปัญหา ในชาติบ้านเมืองของเรา
ขอให้ครอบครัวของทุกคนมีแต่ความอบอุ่น มีความรักสามัคคีเพื่อจะได้เป็นครอบครัวที่มีความสุขเหมือนกับที่นายกฯ ต้องการที่จะทำให้ทุกคนมีความสุข" พล.อ.เปรม กล่าว
ทั้งนี้ ราว 15.00 น. พลเอก ประยุทธ์ ได้เข้าพบพล.อ.เปรมเป็นการส่วนตัว ราว 1 ชั่วโมงที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ก่อน
จากนั้น จึงเดินออกมา แล้วเดืนร่วมกันกับผบ.เหล่าทัพไปยัง สโมสรทบ. เทเวศร์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พลเอก เปรม เป็นผู้ที่พวกเราเคารพนับถือ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ในการตอบแทนบุญคุณแผ่น ดินด้วยการทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน มาอย่างต่อเนื่อง สมควรที่ทุกคนควรยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ


ป๋าเปรม เขื่อมั่น นายกฯ บิ๊กตู่ ทำชาติบ้านเมือง สงบ ได้ เป็นที่พึ่งประชาขน

บารมีป๋า....
ป๋าเปรม เขื่อมั่น นายกฯ บิ๊กตู่ ทำชาติบ้านเมือง สงบ ได้ เป็นที่พึ่งประชาขน ให้กำลังใจ รักษาชาติ แม้จะยาก และเหนื่อย ก็ขอให้แข็งแรง มั่นคง แช่ง ใครคิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองก็ขอให้พระสยามเทวาธิราชจงดูแลไม่ให้เกิดปัญหา เขื่อคนไทยจะมีความสุข มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แบบที่ นายกฯพูด/นายกฯ มุดเข้าบ้านสี่เสาฯ คุยส่วนตัวก่อน เดินกับป๋า พร้อม ผบ.เหล่าทัพ มาสโมสร ทบ.รดน้ำสงกรานต์
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ให้พร คณะของ พลเอก ประยุทธ์ นายกฯ/หน.คสช. พร้อม พลเอก ประวิตร ครม. คสช. และ ผบ.เหล่าทัพ ที่มารดน้ำสงกรานต์ ขอบคุณทุกคนที่นึกถึงมาพบและอวยพรในวันสำคัญของชาติ การดำรงรักษาวัฒนธรรมคือการรักษาชาติอย่างหนึ่ง แต่นายกฯ และพวกเราทุกคนต้องทำอย่างอื่นด้วย เพื่อการรักษาชาติของเรา ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ยากมากและเหนื่อย ผมมั่นใจว่านายกฯ และพวกเราทุกคนจะช่วยกันและร่วมมือสามัคคีกันเพื่อทำให้บ้านเมืองมีความสงบ สุข มีความมั่นคง มั่งคั่งตามที่นายกฯ ได้พูดทุกๆ คืน
พร้อมอวยพร ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในประเทศและในโลกโปรดอำนวยพรให้ทุก คนมีความร่มเย็นเป็นสุข ให้นายกฯ สามารถที่จะนำประเทศของเราไปสู่ความสงบเรียบร้อยให้ได้
"ผมขอให้ทุกคนแข็งแรง มั่นคงและแน่วแน่ในการรักษาประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้ามีความสงบสุข ทุกคนหวังพึ่งนายกฯและพวกเรา ขอให้สิ่งที่ประชาชนหวังพึ่งให้ประสบผลสำเร็จ จากนายกฯและพวกเราทุกคนขอให้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโปรดคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ใครคิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองก็ขอให้พระสยามเทวาธิราชจงดูแลไม่ให้เกิดปัญหา ในชาติบ้านเมืองของเรา
ขอให้ครอบครัวของทุกคนมีแต่ความอบอุ่น มีความรักสามัคคีเพื่อจะได้เป็นครอบครัวที่มีความสุขเหมือนกับที่นายกฯ ต้องการที่จะทำให้ทุกคนมีความสุข" พล.อ.เปรม กล่าว
ทั้งนี้ ราว 15.00 น. พลเอก ประยุทธ์ ได้เข้าพบพล.อ.เปรมเป็นการส่วนตัว ราว 1 ชั่วโมงที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ก่อน
จากนั้น จึงเดินออกมา แล้วเดืนร่วมกันกับผบ.เหล่าทัพไปยัง สโมสรทบ. เทเวศร์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พลเอก เปรม เป็นผู้ที่พวกเราเคารพนับถือ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ในการตอบแทนบุญคุณแผ่น ดินด้วยการทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน มาอย่างต่อเนื่อง สมควรที่ทุกคนควรยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ


นักสิทธิโวยลั่น! มาเลเซียแก้กม. “ห้ามปลุกระดม” เพิ่มโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี

นักสิทธิโวยลั่น! มาเลเซียแก้กม. “ห้ามปลุกระดม” เพิ่มโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
10 เมษายน 2558 15:48 น.
นักสิทธิโวยลั่น! มาเลเซียแก้กม. “ห้ามปลุกระดม” เพิ่มโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี
นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย
        เอเอฟพี – รัฐสภามาเลเซียผ่านร่างแก้ไขกฎหมายห้ามปลุกระดม (Sedition Act) โดยเพิ่มระวางโทษจำคุกสูงสุดเป็น 20 ปีเมื่อเช้าวันนี้ (10 เม.ย.) ท่ามกลางเสียงติเตียนจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และนักการเมืองฝ่ายค้านที่ยกให้วันนี้เป็น “วันแห่งความมืดมน” ของประชาธิปไตยและเสรีภาพด้านการแสดงออกในแดนเสือเหลือง
      
       เป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ได้ผ่านร่างกฎหมายซึ่งนักสิทธิมนุษยชนประณามว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมืองขั้นรุนแรง โดยเมื่อวันอังคาร(7) ก็เพิ่งประกาศใช้กฎหมายต่อต้านก่อการร้ายที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐกักขังบุคคลต้องสงสัยโดยไม่ต้องแจ้งข้อหา
      
       กฎหมายฉบับแก้ไขได้เพิ่มโทษจำคุกฐานปลุกระดมสูงสุดจาก 3 ปีเป็น 20 ปี และกำหนดโทษจำคุกขั้นต่ำ 3 ปีในบางกรณี นอกจากนี้ยังห้ามประชาชนใช้อินเทอร์เน็ตเผยแพร่สื่อที่ยั่วยุให้เกิดความแตกแยก ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่ารัฐจะใช้มาตรการเซ็นเซอร์เว็บไซต์
      
       ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2013 นายกฯ นาจิบ เคยให้สัญญาว่าจะยกเลิกกฎหมายห้ามปลุกระดมซึ่งใช้มาตั้งแต่ยุคอาณานิคม แต่หลังจากกลุ่มแนวร่วม บาริซาน เนชันแนล (บีเอ็น) ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นาจิบ ก็กลับใช้กฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม และได้ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่ารัฐบาลจะยังคงกฎหมายห้ามปลุกระดมเอาไว้ แถมจะแก้ไขให้เข้มงวดยิ่งขึ้นด้วย
      
       “เพื่อให้เราสามารถคงความเป็นรัฐที่มีเสถียรภาพ และประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ กฎหมายห้ามปลุกระดมจำเป็นต้องมีต่อไป” ผู้นำมาเลเซียเอ่ยในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติวานนี้ (9)
      
       ร่างแก้ไขกฎหมายผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเสือเหลืองเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แม้ฝ่ายค้านจะพยายามเตะสกัดเต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นผล
      
       อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยอมอ่อนข้อให้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยตัดเนื้อหาส่วนที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ปฏิเสธการขอประกันตัวผู้ต้องหา และไม่ห้ามการตำหนิติเตียนรัฐบาล และยังคงเอาผิดการเผยแพร่สื่อที่เสี้ยมให้เกิดความเกลียดชังระหว่างศาสนา
      
       เอ็น. สุเรนดรัน ส.ส.ฝ่ายค้านคนหนึ่ง กล่าวว่า “วันนี้เป็นวันแห่งความมืดมนสำหรับประชาธิปไตยในมาเลเซีย จะไม่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอีกต่อไปภายใต้กฎหมายกดขี่ฉบับนี้”
      
       ด้านองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนชี้ว่า คำว่า “ปลุกระดม” สามารถตีความได้กว้างขวาง จึงอาจถูกรัฐใช้เป็นเครื่องมือกดขี่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซียก็มีประวัติฉาวโฉ่ในเรื่องนี้อยู่แล้ว
      
       เซอิด ราอัด อัล-ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนยูเอ็น เรียกร้องเมื่อวานนี้(9) ให้มาเลเซียยกเลิกกฎหมายปลุกระดมเสีย
      
       “ช่างน่าผิดหวังที่รัฐบาลจะทำให้กฎหมายฉบับนี้เลวร้ายลงไปอีก” เซอิด กล่าว
      
       องค์กรฮิวแมนไรต์วอตช์ ตำหนิการแก้กฎหมายครั้งนี้ว่าเป็น “หายนะด้านสิทธิมนุษยชนในมาเลเซีย ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ทั้งในชีวิตประจำวัน และการสื่อสารผ่านระบบออนไลน์”
นักสิทธิโวยลั่น! มาเลเซียแก้กม. “ห้ามปลุกระดม” เพิ่มโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี
       
นักสิทธิโวยลั่น! มาเลเซียแก้กม. “ห้ามปลุกระดม” เพิ่มโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี
        

จีนรับอิหร่านเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งธนาคาร AIIB เป็นอันดับที่ 34

จีนรับอิหร่านเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งธนาคาร AIIB เป็นอันดับที่ 34
------------
มันเป็นไปแล้ว เด็กเส้นรายใหญ่ของจีน "อิหร่าน" แม้ว่าจะเลยกำหนดการรับสมัครสมาชิกของ AIIB มาตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.58 แล้ว แต่จีนก็แนะนำให้อิหร่านเข้าร่วมทุนในธนาคารเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเอเซีย Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) และอิหร่านก็ยื่นใบสมัครหลังปิดรับสมัครด้วย แต่จีนก็อ้าแขนรับแล้วยกให้เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกสัดส่วนผู้ก่อตั้งธนาคารด้วยกัน (Prospective Founding Members (PFM)) รายที่ 34 จากทั้งหมดตอนนี้มี 38 ประเทศ ส่วนจำนวนประเทศที่ยื่นใบสมัครทั้งหมดนั้นมี 57 ประเทศ มีหลายประเทศที่ยื่นใบสมัครก่อนอิหร่านซะอีก แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นสมาชิกระดับ PFM อย่างอิหร่านเลย ใครเป็นใครให้รู้ซะมั่ง ขนาดอิสราเอลยื่นก่อนอีก ยังไม่รับการพิจารณาเลยนะนี่ ฮ่าๆๆ... สหรัฐฯที่ส่ง IMF มาทาบทามขอแจมด้วยหนะหรือ? จีนบอกบั๊บบาย อย่าฝันไปเลยว่าจะได้ลงเรือสำเภาทองลำนี้ร่วมกับจีน
แถมให้อีกข่าวหนึ่ง... เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) จีนเริ่มขยับกรณีวิกฤตยูเครน ในการเดินทางไปที่รัสเซียระยะ 3 วันของจีน นาย Wang Yi รมว.ต่างประเทศของจีนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนตะวันออกและปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย อันที่จริงต้องบอกว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย โดยจีนได้แสดงความคิดเห็นที่ไม่เข้าข้างสหรัฐฯที่เน้นการใช้ความรุนแรงและสนับสนุนด้านอาวุธหนักให้ยูเครนแม้แต่น้อย แต่จีนเลือกที่จะใช้วิธีเดียวกันกับรัสเซีย กล่าวคือจีนเสนอว่าปัญหาวิกฤตยูเครนนั้นจำเป็นต้องแก้ไขด้วยวิธีทางการเมืองเท่านั้น เน้นย้ำว่าต้องใช้วิธีทางการทูตระดับสูง พร้อมกับกล่าวเพิ่มว่าการใช้กำลังทางทหารนั้นไม่ใช่ตัวเลือก ในการนี้นาย Wang Yi ได้ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งกับทีวี Rossiya 24 ของรัสเซียว่า "รัฐบาลยูเครนควรจะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภูมิภาคต่างๆ และประชาชนสัญชาติต่างๆในประเทศในวิถีทางที่เท่าเทียมกัน" เมื่อจีนเริ่มขยับในเกมนี้ท่าทีของอียูที่ต้องการจะบีบรัสเซียตามแผนของสหรัฐฯก็จะเปลี่ยนไปบ้างหละ
The Eyes
10/04/2558
----------


'บิ๊กตู่'นำเหล่าทัพอวยพร'ป๋าเปรม' ยกเป็นแบบอย่างที่ควรยึดถือ

'บิ๊กตู่'นำเหล่าทัพอวยพร'ป๋าเปรม' ยกเป็นแบบอย่างที่ควรยึดถือ
Cr:แนวหน้า
10 เม.ย.58 เมื่อเวลา 16.00 น.ที่สโมสรทหารบกเทเวศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้ารดน้ำและขอพรจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ท่านเป็นผู้ที่พวกเรานับถือโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แสดงถึงความแน่วแน่ในการตอบแทนคุณแผ่นดินด้วยการทำงานเพื่อชาติ ศาสนา กษัตริย์ ประชาชน อย่างต่อเนื่อง สมควรยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฎิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติสืบไป
ขณะที่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า เรียนนายกฯ และเพื่อนร่วมชีวิตทั้งหลาย ผมขอขอบคุณที่กรุณานึกถึงและมาพบกัน และอวยพรในวันสำคัญของชาติ การรักษาวัฒนธรรมก็คือการรักษาชาติ แต่นายกฯ และพวกเราทั้งหลายต้องทำมากกว่านั้นเพื่อรักษาชาติ เพราะเป็นงานที่ยากและเหนื่อย ผมมั่นใจว่า นายกฯ และพวกเราทั้งหลายจะช่วยกัน ร่วมมือกัน ด้วยความสามัคคี เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข มั่นคงและมั่นคั่ง เหมือนที่นายกฯ พูดทุกคืน
ในโอกาสนี้ขอให้สิ่งศักสิทธิ์ในประเทศและในโลกนี้ ได้อำนวยพรพวกท่านทั้งหลายให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ขอให้นายกฯ นำพาประเทษไปสู่ความสงบสุขให้ได้ ผมขออวยพรท่านทั้งหลายให้มีความแข็งแรง มั่นคง แน่วแน่รักษาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าและสงบสุขอย่างที่ทุกคนหวังจากนายกฯ พวกเราจะต้องทำในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังให้ประสพความสำเร็จขอพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คุ้มครองพยันต์อันตราย ใครคิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ขอให้พระสยามเทวธิราชดูแล ไม่ให้เกิดปัญหาในชาติบ้านเมือง ขอให้ครอบครัวของเรามีแต่ความสงบสุข มีความรัก ความสามัคคี เป็นครอบครัวที่มีความสุข เหมือนกับนายกฯ ต้องการให้ทุกคนมีความสุข ขอให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคนตลอดไป


สั่งอายัดทรัพย์ ภคินี สุวรรณภักดี แม่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ คดียักยอกทรัพย์

สั่งอายัดทรัพย์ ภคินี สุวรรณภักดี แม่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ คดียักยอกทรัพย์
Cr:kapook
ปปง. มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ นางภคินี สุวรรณภักดี มารดาของนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี จำนวน 300 ล้านบาท จากคดียักยอกทรัพย์ธนาคารมหานคร จนเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 พันตำรวจเอก สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้แถลงข่าวการยึดทรัพย์ นางภคินี สุวรรณภักดี อดีตผู้บริหารธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) คุณแม่ของนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จากกรณียักยอกทรัพย์ธนาคารมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538-2539 จนเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดวิกฤตการเงินเมื่อปี พ.ศ. 2540 โดยที่ ปปง. ได้ยึดทรัพย์จำนวน 22 รายการ ทั้งที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ทั้งในกรุงเทพมหานครและ จ.ฉะเชิงเทรา รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ นางภคินี มีเวลาทั้งหมด 30 วันในการเข้าชี้แจงที่มาของทรัพย์สินทั้ง 22 รายการ ก่อนที่ ปปง. จะสรุปสำนวนและบัญชีทรัพย์สินส่งอัยการ เพื่อพิจารณาคำร้องต่อศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
นอกจากนี้ พันตำรวจเอก สีหนาท ยังยืนยันว่า คดีนี้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองแต่ประการใด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี พ.ศ. 2555 ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สรุปบัญชีทรัพย์สินและที่เห็นสมควรแก่การอายัดแล้ว
นอกจากนี้ ปปง. ยังได้อายัดทรัพย์สินของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพิ่มอีก 6 รายการ เป็นมูลค่ากว่า 31 ล้านบาท และวันนี้จะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารสหกรณ์เพื่อเยียวยาให้กับผู้เสียหายต่อไป และ ปปง. เอง ยังได้มีการเสนอกฎหมายฟอกเงินในบางประเด็น เช่น การคุ้มครองผู้เสียหาย โดยให้ทรัพย์สินที่ยึดมานั้น คืนให้กับผู้เสียหาย มากกว่าจะสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน


เจาะสมบัติ 366 ล.“อรรถวิชช์” ก่อน “แม่”ถูก ปปง.อายัดทรัพย์สิน

เจาะสมบัติ 366 ล.“อรรถวิชช์” ก่อน “แม่”ถูก ปปง.อายัดทรัพย์สิน

เขียนวันที่
วันศุกร์ ที่ 10 เมษายน 2558 เวลา 15:51 น.
เขียนโดย
isranewsDecrease
IncreaseFont size
เจาะสมบัติ 366 ล้าน “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” อดีต ส.ส.ปชป. ก่อน “แม่” ถูก ปปง. อายัดที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างกว่า 300 ล้าน พบครอบครองที่ดินแถบ กทม.-เพชรบูรณ์-พัทลุง รวมเฉียดร้อยไร่ 108 ล้านบาท รถม้าโบราณจากอังกฤษ 2.7 แสนบาท “ภรรยา” มีเงินลงทุนกว่า 79 ล้านบาท
PIC auttawit 10 4 58 4
ชื่อของ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นที่สนใจของสาธารณชนอีกครั้ง !
ภายหลัง พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงถึงกรณี คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติยึดทรัพย์ “ภคินี สุวรรณภักดี” มารดาของ “อรรถวิชช์” ในฐานะอดีตรองกรรมการผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อ ธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์สินในช่วงเป็นผู้บริหารธนาคาร ทำให้ธนาคารเสียหายจนต้องปิดกิจการ
โดย ปปง. ได้ยึดที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง รวมเบ็ดเสร็จ 22 รายการ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และเรียกให้ “ภคินี” เข้ามาชี้แจงการได้มาซึ่งทรัพย์สินภายใน 30 วันนับจากนี้
ไม่ว่าข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวจะเป็นเช่นไร แต่ทรัพย์สินของ “อรรถวิชช์” ก็เพียงพอที่จะดูแล “แม่” ต่อไปได้อย่างไม่ต้องกังวลมากนัก ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายอรรถวิชช์ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2557 พบรายละเอียดดังนี้
นายอรรถวิชช์ แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 201,664,445 บาท 
ได้แก่ เงินสด 9 แสนบาท เงินฝาก 6 บัญชี 301,450 บาท เงินลงทุน 3 แห่ง 4.5 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม (บจก.รัตนภิมุข) 57,783,502 บาท ที่ดิน 113 แปลง (ส่วนใหญ่อยู่ จ.พัทลุง, จ.เพชรบูรณ์ และ กทม.) 108,863,199 บาท บ้าน 5 หลัง 10.7 ล้านบาท รถยนต์ 8 คัน (รถม้าโบราณจากสหราชอาณาจักร มูลค่ากว่า 2.7 แสนบาท) 16,843,394 บาท สิทธิและสัมปทาน 2 แห่ง 925,000 บาท และทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 2,747,900 บาท ไม่มีหนี้สิน
ส่วนนางพิณ สุวรณภักดี คู่สมรส แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 164,451,202 บาท 
ได้แก่ เงินสด 1 ล้านบาท เงินฝาก 9 บัญชี 349,075 บาท เงินลงทุน 26 แห่ง 79,574,167 บาท ที่ดิน 8 แปลง 13,877,718 บาท รถยนต์ 5 คัน 16.4 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 9 แห่ง 6,411,241 บาท และทรัพย์สินอื่นฯ 46,345,000 บาท มีหนี้สิน 1,707,502 บาท
ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทั้ง 2 ราย มีทรัพย์สิน 749,117 บาท เป็นสิทธิและสัมปทาน 4 แห่ง 231,617 บาท และทรัพย์สินอื่นฯ 517,500 บาท
รวมทั้งหมดมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 366,764,765 บาท มีหนี้สิน 1,707,502 บาท
สำหรับรายได้ นายอรรถวิชช์ มี 202,217 บาท เป็นเงินกองทุนเลี้ยงชีพ และค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ส่วนนางพิณ มี 3.5 ล้านบาท เป็นเงินเดือน รวมรายได้ทั้งสองคน 3,702,217 บาท และไม่ได้แจ้งรายจ่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับช่วงพ้นตำแหน่ง เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 นายอรรถวิชช์ แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 364,506,056 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 2,306,792 บาท มีรายได้ทั้งสิ้น 4,794,298 บาท ไม่มีรายจ่าย
เท่ากับว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2,258,709 บาท มีหนี้สินลดลง 599,290 บาท มีรายได้ลดลง 1,092,081 บาท ไม่มีรายจ่ายเช่นเดิม
ดังนั้นไม่ว่าท้ายสุด “ภคินี” จะถูกอายัดทรัพย์เพิ่มเติมอีกหรือไม่ ?
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทรัพย์สินของ “อรรถวิชช์” ก็มีมากเพียงพอที่จะเลี้ยงดู “แม่” ต่อได้ตราบนานเท่านาน !

ฝรั่งเศสปั่นป่วนหนัก ประชาชนนัดหยุดงานประท้วงหลายแสนทั่วปารีสและเมืองอื่นๆ ต้านมาตรการรัดเข็มขัด

ฝรั่งเศสปั่นป่วนหนัก ประชาชนนัดหยุดงานประท้วงหลายแสนทั่วปารีสและเมืองอื่นๆ ปิดหอไอเฟล ปิดโรงพยาบาล ปิดโรงเรียนต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล สหรัฐฯออกส่งทูตง้อรัสเซียขอเจรจาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
--------------
ถึงคราวฝรั่งเศสบ้างหละ พิษวิกฤตเศรษฐกิจของยุโรยังแผลงฤทธิ์ยอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.58) มีประชาชนในฝรั่งเศสออกมาร่วมตัวกันประท้วงนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลประมาณ 300,000 ทั่วเมืองใหญ่ในฝรั่งเศส การประท้วงในครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่ม CGT, FO, FSU และ Solidaires เฉพาะในปารีสนั้นมีผู้ประท้วงประมาณ 120,000 คนออกมาประท้วงตามท้องถนนและบริเวณหอไอเฟล พนักงานที่ดูแลหอไอเฟลได้ปิดประตูตลอดทั้งวันและปิดไฟปิดระบบส่งสัญญาณวิทยุส่งผลให้เครื่องบินหลายร้อยเที่ยวบินต้องหลีกเลี่ยงฝรั่งเศสเป็นจำนวนมาก แปลกจังประท้วงอยู่ที่ถนนทั่วไปไม่ได้ปิดสนามบินซะหน่อย แต่สายการบินต่างๆ กลับเลี่ยงเส้นทางบินผ่านฝรั่งเศสเป็นจำนวนมาก เขากลัวอะไรกัน เหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบางอย่างว่าอาจจะมีการก่อการร้ายสอยเครื่องบินให้ล่วงลงในฝรั่งเศสอย่างนั้นแหละ
การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลของฝรั่งเศสออกมาประกาศว่าจะคงมาตรการรัดเข็มขัดนี้ต่อไปอีก 3 ปี (จนถึงปี 2017) และต้องการจะตัดค่าใช้จ่ายภาครัฐลงถึง $53 billion (ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท) พร้อมทั้งปรับลด GDP ลงอีก 3% นโยบายดังกล่าวอันเนื่องมาจากวิกฤตด้านการเงินในอียูก่อให้เกิดการว่างงานขึ้นในฝรั่งเศสเป็นจำนวนมากไม่แพ้กรีซ การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ด้วย และทางกลุ่มผู้ประท้วงบอกว่าจะนัดรวมตัวกันครั้งใหญ่อีกในวันที่ 1 พฤษภาคมที่จะถึงนี้
ที่รัสเซียเจอพิษแซงชั่นจากสหรัฐฯและอียูมากกว่าฝรั่งเศสซะอีก แต่ไม่พบว่ามีการประท้วงและมีความวุ่นวายอย่างในอียูเลย ไม่มีการเผาบ้านเผาเมืองประท้วงอยู่ที่เกิดขึ้นในเยอรมัน ฝรั่งเศสและกรีซ แต่รัสเซียก็สามารถผ่านพ้นมาได้และเศรษฐกิจของรัสเซียกำค่อยๆจะกำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่รัสเซียโดนกลั่นแกล้งอย่างหนักจากสหรัฐฯกับอียูนั้น รัสเซียกลับได้พันธมิตรจากต่างแดนเพิ่มขึ้นมากมาย
ในขณะที่อียูยังเดินตามยุทธวิธีของสหรัฐฯคือทำเป็นเบ่งใส่ประเทศที่กำลังพัฒนา อ้างเรื่องเสรีภาพ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนเข้าเป็นเครื่องมือในการกีดกันสินค้าจากประเทศเหล่านั้นเช่นไทย เป็นการทำลายพันธมิตรของตัวเองไปในตัวในภาวะที่เศรษฐกิจของอียูกำลังย่ำแย่อย่างนี้ ถือเป็นการเดินเกมที่ไม่ฉลาดเอามากๆ แพ้หมากปูตินตลอด สหรัฐฯและอียูกะจะใช้มาตรการแซงชั่นบีบให้เศรษฐกิจของรัสเซียตกต่ำให้มากที่สุด โดยคาดว่าประชาชนในประเทศรัสเซียจำนวนมากจะทนอยู่ภายใต้เศรษฐกิจที่ตกต่ำข้าวของแพงอย่างนั้นไม่อีกต่อไป จะต้องลุกฮือขึ้นมาประท้วงก่อการจลาจลอย่างที่เห็นอยู่บ่อยๆจนเป็นเรื่องชินตาในอียูไปแล้วนั้น ผิดคาดครับ ปูตินรับมือได้
แม้ว่านักการเมืองฝ่ายค้านของรัสเซียจะรับลูกต่อจากสหรัฐฯมาพยายามบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของรัสเซียแต่ก็ไม่เป็นผล น่าสนใจไหมหละว่าปูตินทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ได้เป็นเผด็จการ ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ มีการเลือกตั้ง และเป็นประชาธิปไตยอย่างที่โลกตะวันตกทั้งหลายอยากให้เป็น แต่แผนนี้ไม่สามารถทำความสามัคคีของคนในชาติของรัสเซียได้ ซึ่งมีหลายสาธารณรัฐและหลายชาติพันธุมาก แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อย่างที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสในตอนนี้ นั่นเพราะรัฐบาลรัสเซียให้ความจริงใจกับประชาชนของเขา ให้ข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ว่าสาเหตุที่แท้จริงของวิกฤตค่าเงินรูเบิลและวิกฤตเศรษฐกิจของรัสเซียที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่ว่ารัฐบาลรัสเซียบริหารไม่เก่งหรือทำงานไม่เป็น ไม่ใช่จากปัจจัยภายใน แต่เป็นเพราะปัจจัยภายนอก เป็นเพราะสหรัฐฯและอียูพยายามจะทำลายรัสเซียให้ได้ ประชาชนชาวรัสเซียต้องไม่หลงกลและตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีที่จะมาทำลายชาติของรัสเซีย แล้วรัฐบาลก็หาทางช่วยเหลือประชาชนของเขา ลดผลกระทบให้กับชาวบ้านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนค่าเงินรูเบิลค่อยๆทรงตัวขึ้นเรื่อยๆ
เกมนี้สหรัฐฯแพ้แล้ว การใช้ไม้แข็งกับรัสเซียและการพยายามยั่วยุให้ปูตินตัดสินใจใช้กำลังทางกองทัพถล่มประเทศสมาชิกนาโต้ในอียูนั้นไม่ได้ผลซะแล้ว ล่าสุดเมื่อวานนี้รัฐบาลสหรัฐฯแอบส่งเอกอัครราชทูตของตัวเองเข้าพบประธานคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างเทศสภาดูม่าของรัสเซีย เพื่อถกปัญหาด้านความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการที่สหรัฐฯพยายามเข้ามาหารัสเซียแบบนี้น่าสงสัยยิ่งนักว่ามาในนามของมิตรหรือศัตรูกันแน่ เพราะว่าในขณะที่สหรัฐฯยื่นมือซ้ายมาจับมือกับรัสเซีย แต่มืออีกข้างหนึ่งก็ถืออาวุธชี้มาทางรัสเซียพร้อมกันไปด้วย เช่นสหรัฐฯเรียกร้องให้แซงชั่นรัสเซียต่อไป สหรัฐฯพยายามให้กลุ่มชาติพันธ์ทาทาร์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในไคร์เมียออกมาเรียกร้องต่อต้านรัสเซีย สหรัฐฯใช้กองทัพนาโต้รุกปิดล้อมรัสเซียจากฝั่งยุโรปตะวันออก และยังไม่หยุดเสี้ยมให้ยูเครนทะเลาะกับรัสเซียอีก โปโรเชนโก้ลูกกระเป๋งของสหรัฐฯก็พยายามจะดึงกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นเข้ามาเอี่ยวในยูเครนตะวันออกแทน OSCE ให้ได้ พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้บ่งบอกว่าอยากจะเป็นมิตรและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเลย
อ้อแถมให้อีกนิดหนึ่ง ที่อิตาลี่ก็เริ่มปั่นป่วนแล้วเช่นกัน กระแสแยกตัวออกจากอียูเริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆแล้ว ตอนนี้มีการล่ารายชื่อผู้สนับสนุนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปเกิดขึ้นในกลุ่มประชาชนชาวอิตาลีแล้ว กรีซมีเพื่อนแล้ว
The Eyes
10/04/2558
----------


‘บิ๊กตู่’ ขู่ ใช้ ม.44 จี้ จนท.เกียร์ว่าง ฟันรุกป่า-ทุจริต

‘บิ๊กตู่’ ขู่ ใช้ ม.44 จี้ จนท.เกียร์ว่าง ฟันรุกป่า-ทุจริต
‘นายก’ เข้มหลังสงกรานต์ ใช้ ม.44 ฟัน จนท.เกียร์ว่าง จี้กลุ่มผิดกฏหมาย รุกป่า-ทุจริต เชื่อได้ผลเร็วขึ้น
วันที่ 10 เม.ย.58 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า หลังเทศกาลสงกรานต์จะกวดขันเข้มกลุ่มที่ทำผิดกฏหมาย ทั้งรุกป่าและทุจริต ขณะที่ ม.44 มีไว้ให้เจ้าหน้าที่ทหารทำงานร่วมกับตำรวจและป่าไม้ได้
โดยร่วมกันทำงานตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ในกฏหมาย แก้ปัญหากำลังพลไม่เพียงพอ ดำเนินการล่าช้า และเจ้าหน้าที่เกียร์ว่าง หากใช้ ม.44 เชื่อการทำงานจะได้ผลเร็วขึ้น
ม.44, มาตรา 44, รุกที่ป่าสงวน, โบนันซ่า, สนามแข่งโบนันซ่า, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, สงกรานต์ซึ่งมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายที่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและประชาชนโดยส่วนรวม เป็นการใช้อำนาจ ม. 44 เพื่อแก้ปัญหาบางอย่างในทางบริหาร
เพราะหลายเดือนก่อน พบการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแต่ละฉบับ ลงไปปฏิบัติงานไม่ได้ผล เพราะกำลังน้อย หย่อนประสิทธิภาพ หรือยังไม่เข้าใจเจตนากฎหมายและรัฐบาล
จึงมีเสียงเรียกร้องให้แต่งตั้งคนนอกกระทรวงเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อมาเสริมกำลัง แต่ยังติดปัญหา เพราะกฎหมายมักเขียนให้การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ต้องแต่งตั้งคนในกระทรวงนั้นเท่านั้น แต่งตั้งคนนอกไม่ได้
จึงมีแนวคิดว่าจะแก้ไขกฎหมาย แต่หากไปแก้กฎหมายจะเป็นการถาวร เพราะจุดประสงค์ต้องการให้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวในระหว่างการจัดระเบียบสังคม ถึงเวลาหนึ่งจะออกเป็น พ.ร.บ.เพื่อยกเลิก
ทั้งนี้ การตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารลงไปประกบตรวจสอบร่วม เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายมีความระมัดระวัง เลิกเกียร์ว่าง เลิกทุจริต และจะไม่บกพร่องอย่างในอดีต ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเองหากทำผิดกฎหมาย ก็จะถูกประกบตรวจสอบโดยพลเรือนเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูล naewna
MThai News