PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พบอาวุธสงครามจำนวนมากซุกพงหญ้าคลองสามวา

ตะลึง! พบอาวุธสงครามซุกริมถนนอื้อ ย่านคลองสามวา
โผล่อีกวัตถุระเบิด เครื่องยิงลูกระเบิด มีมือดีนำมาทิ้งไว้ริมป่าหญ้าข้างทาง ถ.กาญจนา "เรืองศักดิ์" ชี้โยงกับการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา เตรียมขยายผลจับกุมคนร้ายต่อไป..
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 และ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด แถลงผลการตรวจยึดอาวุธสงคราม พร้อมของกลาง ลูกจรวด PG2 (หัวปลี) จำนวน 21 ลูก ลูกระเบิดแบบขว้าง RGD5 จำนวน 30 ลูก เรือนชนวน ลูกระเบิดแบบขว้าง RGD5 จำนวน 30 ชิ้น และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. 1,975 นัด โดยตรวจยึดได้ที่ ถ.จตุโชติ ซ.หนองระแหง 7 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา


จีนโดดอุ้มรัสเซีย

วันที่ 22 ธ.ค.57 เอาแล้ว..ตั่วเฮียจีน ประเทศรวยที่สุดในโลก โดดอุ้มพี่หมีขาวแล้ว
สถิติการส่งออกสินค้าระหว่างจีนกับรัสเซียตั้งแต่ต้นปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.54 ขณะที่สถิติการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า ราว 2.33 ล้านล้านบาท
รัฐบาลจีน พร้อมแล้วในการมอบความช่วยเหลือที่จำเป็น และเหมาะสมให้กับรัสเซีย เพื่อฝ่าฟันวิกฤติสกุลเงินรูเบิลที่ลดลง ผลจากการรุมโดยสหรัฐ และชาติพันธมิตร
โดยจีนย้ำด้วยว่าทั้งสองประเทศสนับสนุนกันและกันในหลายเรื่องมาตลอดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จีนเชื่อมั่นในศักยภาพของรัสเซียว่าจะสามารถนำพาประเทศผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้
รมว.กระทรวงพาณิชย์ของจีน แถลงเมื่อสุดสัปดาห์ ให้ภาคธุรกิจของจีน ใช้สกุลเงินหยวน ในการทำธุรกรรมร่วมกับภาคธุรกิจของรัสเซียให้มากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ
------------------------>
เอาล่ะ..คนรวยสู้กัน ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง แต่อย่าหวังว่าทางฝ่ายรัสเซีย กับจีนจะยอมเกมส์นี้ได้ง่ายๆ เพราะมันเป็นเกมส์ที่เดิมพันด้วยประเทศ และความมั่นคงของรัฐบาลแต่ละประเทศ เงินมีเท่าไร งัดออกฟาดกันแหลกราญแน่
อย่าหวังว่าจีนจะยอมให้รัสเซียแพ้ เพราะมันจะลุกลามเข้ามาที่จีน ค่าเงินหยวนจะกระทบด้วย ดังนั้นงานนี้เศรษฐีจีน ทุ่มหมดหน้าตัก แทงข้างพี่หมีขาวแน่ๆ เพราะเป็นศึกศักดิ์ศรีระหว่างตะวันออก และตะวันตก ใครแพ้จะกลายเป็นยาจกเข็ญใจไปอีกนาน
แต่การส่งออกของไทย ช่วง 10 เดือนแรกของปี 2557 ไทยส่งออกไปรัสเซียจึง ขยายตัวร้อยละ 4.2 มีมูลค่า 34,000 ล้านบาท แม้ผลจากค่าเงินรูเบิลอ่อนค่า แต่เพราะสินค้าไทย เป็นที่นิยมของชาวรัสเซีย
อีกทั้งและมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกจะทำให้รัสเซีย หันมาสั่งสินค้าไทยมากขึ้น ดังนั้นไทยจึงได้ประโยชน์เต็มๆ จะส่งผลให้สินค้าไทยในรัสเซีย เติบโตพุ่งกระฉูด สูงขึ้นหลายรายการ
เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ผักกระป๋องและแปรรูป ข้าว ฯลฯ วิกฤติครั้งนี้ ไทยอาจจะสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวรัสเซียที่ลดลง ราว 25% แต่ไทยจะได้ประโยชน์ทางด้านการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะหมวดอาหาร ไปรัสเซียที่สูงขึ้น
ทะเลาะกันเข้าไป ลดราคาน้ำมันลงมาอีก เอากันให้เจ๊งไปทั้ง 2 ฝ่าย แต่หิวเมื่อไร เอาไอโฟน 10 เครื่อง รถถัง 1 คัน รถไฟ 1 ขบวน มาแลกข้าวเหนียวไปกิน 1 กระติ๊บ
พี่หมีสู้ๆ มังกรสู้ๆ สู้เข้าไปอย่าได้ถอย น้องไทยเอาใจช่วยอยู่..พี่อินทรีมะกัน ขายประเทศทุ่มไปเล้ย อย่ายอม..แต่สองฝ่ายหิวเมื่อไร ก็แวะมานะ..ฮา (^_^)
@ เสธ น้ำเงิน1
http://www.facebook.com/thailandcoup


สถานการณ์ข่าว22/12/57

Jab22Dec14
ในหลวง ช้างศึก

คณบดี แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยพระอาการในหลวงดีขึ้นตามลำดับ ทอดพระเนตรการแข่งขันฟุตบอลไทย-มาเลเซียทั้งสองนัด

ศ.คลินิก น.พ.อุดม คชินทร คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงพระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ดีขึ้นเป็นลำดับ ตอนที่ไม่ได้เสด็จออกมหา

สมาคมในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พระองค์ท่านไม่ได้เป็นอะไรที่รุนแรง แต่เป็นช่วงหลังพักฟื้นจากการติดเชื้อที่ต้องการการฟื้นตัวเพื่อให้พละกำลังกลับมาเป็นลำดับแต่ก็ยังไม่ปกติ
ต้องใช้เวลาสักช่วงหนึ่ง การที่คนไทยมาถวายพระพรในหลวงที่ศิริราชถือเป็นการส่งกำลังใจแด่ในหลวงได้อย่างดียิ่ง ต้องขอบคุณทุกคนที่ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และห่วงใยในพระสุขภาพ

ของพระองค์ท่าน

นอกจากนี้ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ ยังกล่าวอีกว่า พระองค์ท่านได้ทอดพระเนตรการแข่งขันฟุตบอล ระหว่างไทย-มาเลซีย ที่ถ่ายทอดสดทั้ง 2 นัด และในนัดที่สอง ในระหว่างพักครึ่งเวลา

พระองค์ท่านได้รับสั่งให้รองราชเลขาธิการโทรไปให้กำลังใจนักฟุตบอลไทยจนนำมาสู่ชัยชนะด้วย

////
สปช./กมธ.ยกร่าง

คำนูณ บอก พรุ่งนี้ได้แนวทางเลือกคณะรัฐมนตรีเบื้องต้น พร้อมยืนยัน 26 ธ.ค. ได้โครงสร้างชัดเจนก่อร่างรายมาตรา

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า ในวันพรุ่งนี้ จะพิจารณาหาข้อสรุปการจัดรูปแบบองค์กรทางการเมือง โดยเฉพาะข้อเสนอให้ประชาชน

เลือกนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งเป็นเพียงข้อเสนอเบื้องต้น ทั้งนี้ มีสมาชิกเสนอให้ใช้ระบบรัฐสภาแบบเดิม แต่ปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัยขึ้น พร้อมย้ำว่า ภายในวันที่ 26 ธันวาคมนี้

จะได้แนวทางที่ชัดเจนในการยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา สำหรับวันนี้จะพิจารณาเพื่อตกลงแนวทางในการยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ในภาค 4 หมวด 1 การลดความเหลื่อมล้ำและการสร้าง

ความเป็นธรรม รวมถึงการเงิน การคลัง และงบประมาณ เกี่ยวกับการนิยามเงินแผ่นดินไว้ในบัญญัติรัฐธรรมนูญ
------------------
"วิษณุ" ชี้ มี 3 ช่องทาง ทำกระบวนการยุติธรรมไม่เดินหน้า แนะต้องการสร้างความรู้สึก-ความคิดที่ดี ต่อกระบวนการยุติธรรม

บรรยากาศการประชุมทางวิชาการระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรม ครั้งที่ 13 โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม...ปฏิรูปประเทศไทย”

ทั้งนี้ กล่าวว่า การสร้างกระบวนการยุติธรรมที่ดีต้องสร้างความรู้สึกและความคิดที่ดี แต่ในสังคมปัจจุบันมีช่องว่าง 3 ช่อง ที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่เดินหน้า คือ ประชาชนไม่เชื่อถือกระบวน

การยุติธรรม สิ่งที่จะมาเติมเต็มได้ต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชน  ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมแต่ไปไม่สุดทางเนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายแพง ใช้เวลามาก ซึ่งต้องใช้ยุทธศาสตร์การเข้า

ถึง และช่องว่างระหว่างหน่วยงานรัฐกับศาล ที่ทำงานร่วมกันไม่ได้ เพราะติดขัดเรื่องกฎหมายและอุดมการณ์

นอกจากนี้ นายวิษณุ ได้กล่าวถึงวาระแห่งชาติทั้ง 5 ด้าน โดยจะเป็นแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งประกอบด้วย ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ด้านการลดความเหลื่อมล้ำ

ด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และผู้มีอิทธิพล ด้านการพัฒนาพฤตินิสัยและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด ด้านการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด
-----------------
ที่ประชุม สปช. เริ่มพิจารณารายงานการศึกษาเรื่องหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ

การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุด เข้าสู่การพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อ

การยังชีพของผู้สูงอายุ: การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกาองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 ซึ่งคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส

เป็นผู้เสนอ

โดย นายอำพล จินดาวัฒนะ ประธาน กมธ. ระบุว่า เป็นรายงานที่สามารถดำเนินงานโครงการปฏิรูปเร็ว หรือ QUICK WIN ที่ไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญและรัฐบาลใหม่ พร้อมชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า

ขณะนี้ไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องมีหลักประกันคุณภาพชีวิต 3 ด้านหลัก คือ ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ และด้านสังคม แต่ผู้สูงอายุกลับไม่ได้รับการดูแลคุณภาพชีวิตที่ดี แม้จะมีเบี้ยยังชีพ

ผู้สูงอายุ แต่ไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต
---------------
รองฯ วิษณุ ย้ำ รัฐบาลไม่ยุ่ง ยกร่าง รธน. เป็นเรื่องของ 36 กมธ. ปัดตอบเรื่องประชามติ บอกแค่อาจทำให้ล่าช้า

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ขอให้ทางคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 36 คน ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ในส่วนของรัฐบาลจะปฏิบัติแบบ

เดียวกันกับองค์กรอื่น เช่น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพรรคการเมือง ที่มีหน้าที่เสนอแนะไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเสนอแนะ รอ
ให้ถึงเวลาก่อนทางรัฐบาลถึงจะเข้าไปให้ข้อเสนอแนะ

นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังได้เปรียบเทียบว่า กรรมธิการยังไม่ตำเครื่องแกง ก่อไฟ รัฐบาลจะไปพูดเรื่องแกงส้มเลยก็ไม่ได้ ต้องรอดูหน้าตาของแกงส้มก่อน ทั้งนี้ ยังระบุว่า รัฐบาลต้องพูดให้น้อยที่สุด

เพราะเป็นช่วงแสดงความคิดเห็นของฝ่ายต่าง ๆ ก็ต้องปล่อยให้ทำอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ ได้ปฏิเสธที่จะตอบถึงเรื่องการทำประชามติ แต่ได้กล่าวว่า การทำประชามติมีข้อเสีย คือทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความล่าช้า ใช้งบประมาณสูงเท่ากับการเลือกตั้ง และ

ต้องสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่องของกฎหมายเป็นรายมาตรา ส่วนข้อดี คือได้รับการรับรองจากประชาชน
----------------
"สมบัติ" โต้ "บวรศักดิ์" ชี้ให้ข้อมูลผิด ยันเลือก นายกฯ ทางตรง ไม่ใช่ระบบซูเปอร์ประธานาธิบดี

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านการเมือง ยืนยันว่า ข้อมูลที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุการเลือกนายกรัฐมนตรีและคณะ

มนตรีโดยตรงว่า มีความเสี่ยงจะเป็นระบบซูเปอร์ประธานาธิบดีนั้น เป็นการอ้างเป็นข้อมูลที่ผิด เพราะระบบประธานาธิบดี ตัวประธานาธิบดีเอง ไม่มีอำนาจเสนอกฎหมายงบประมาณ แต่นายก

รัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ยังมีอำนาจเสนอกฎหมายงบประมาณได้ อีกทั้ง ส.ส. ก็ยังมีอำนาจเสนอกฎหมายได้ทุกประเภท แต่หากจะเสนอกฎหมายงบประมาณ ต้องได้รับการรับรองจาก

นายกรัฐมนตรีก่อน จึงมีการแบ่งแยกอำนาจกันอย่างชัดเจนระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่การเป็นซูเปอร์ประธานาธิบดี ซึ่งข้อมูลที่ให้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ขณะ

เดียวกัน ยืนยันด้วยว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน ยังมีอำนาจในตรวจสอบ และยื่นเรื่องถอดถอนนายกรัฐมนตรีได้ ด้วยการส่งให้ศาลคดีการเมืองพิจารณาความผิด
-------
พล.อ.ไพบูลย์ ระบุ ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ก่อความเหลื่อมล้ำ ทุจริต เห็นด้วยตั้งศาลคดีคอร์รัปชั่น-ยาเสพย์ติด

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "เติมเต็มช่องว่าง...สร้างมิติใหม่ของกระบวนการยุติธรรม" ว่า เป็นกลไกอำนวยความเป็นธรรมเพื่อนำความสงบ

สุขมาสู่สังคม ด้วยการป้องกันและแก้ไขการเกิดอาชญากรรม อันเนื่องมาจากสาเหตุต่าง ๆ รวมทั้งข้อพิพาทขัดแย้งและปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ การใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ก่อให้เกิดความ
เหลื่อมล้ำและการทุจริตคอร์รัปชั่น

นอกจากนี้ พล.อ.ไพบูลย์ ระบุว่า เห็นด้วย กับการตั้งศาลเฉพาะในการพิจารณาคดีการทุจริตคอร์รัปชั่น และคดียาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมาการพิจารณาคดีดังกล่าวใช้เวลานานเกินไป จึงทำให้เกิดความล่า

ในการพิจารณา หากมีการตั้งศาลเฉพาะก็จะทำให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วขึ้น
-----------------
บวรศักดิ์ ย้ำเลือกนายกรัฐมนตรีเสี่ยงเข้าระบบซูเปอร์ประธานาธิบดี ยันแจงชัดเจนแล้ว

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวย้ำว่า การเลือกตั้งนายกรัฐฒนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง เสี่ยงเข้าระบบซูเปอร์ประธานาธิบดี ที่สามารถเสนอกฎหมาย

งบประมาณหรือกฎหมายการเงินได้ จะทำให้มีอำนาจเหนือประธานาธิบดีแบบปกติ

สำหรับรายละเอียดทั้งหมดได้ชี้แจงชัดเจนในที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ได้รับข้อเสนอการปฏิรูปด้านแรงงานเพื่อบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จากสภา

องค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย เพื่อให้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น โดย นายบวรศักดิ์ ระบุว่า ยินดีรับข้อเสนอไว้ แต่เพื่อเป็นการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ให้เร่งดำเนินการยื่น
เรื่องไปยังคณะกรรมาธิการปฏิรูปแรงงาน สภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
---------------------
คำนูณ แถลง ขยายเวลาอนุฯ ยกร่าง ถึง 11 ม.ค. ก่อนนำเข้า กมธ.ใหญ่ เตรียมเชิญสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเข้าฟัง

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุมว่า ได้ปรับการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการฯ โดยขยายระยะเวลาให้อนุกรรมาธิการยกร่างรัฐ

ธรรมนูญบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่มี นางกาญจนรัตน์ ลีวิโรจน์ ประธานอนุกรรมาธิการฯ จะดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นไปจึงถึงวันที่ 11 มกราคม 2558 ซึ่งภายหลังที่อนุกรรมาธิการ
ยกร่างเสร็จแล้วให้นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของกรรมาธิการชุดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2558 เป็นต้นไป โดยไม่ต้องส่งกลับไปยังคณะอนุกรรมาธิการด้านสารัตถะ ทั้ง 11 คณะพิจารณาอีก ซึ่ง

ในการพิจารณารายมาตราอาจเชิญอนุกรรมาธิการทั้ง 11 คณะมาให้ข้อมูลด้วย

นอกจากนี้ เตรียมเชิญสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเข้ารับฟังการพิจารณาของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2558 ยกเว้นบางภาค บางหมวด ที่มี

ประเด็นละเอียดอ่อน
-----------------
ชาญเชาวน์ ชี้ อาศัยประชาชนร่วมมือพัฒนาเยาวชนกระทำผิดคืนสังคม - เสรี ย้ำ แก้เหลื่อมล้ำกระบวนการยุติธรรมที่ต้นเหตุ

นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "การพัฒนาพฤตินิสัยสู่การป้องกันและแก้ไข ฟื้นฟูผู้กระทำผิด" ว่า จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนและ

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ กรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการพัฒนาคุณภาพเพื่อให้โอกาสต่อการ
กลับคืนสู่สังคม

นอกจากนี้ ในการเสวนาวิชาการหัวข้อ "การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างโอกาสและความเท่าเทียมในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม" โดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (

สปช.) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า การที่จะลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมนั้น ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่าปลายเหตุ และควรควบคุมการจำหน่ายอาวุธปืน

ทั้งนี้ ในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวผู้ต้องหา พร้อมมีการดำเนินการที่ล่าช้า จึงต้องการให้นำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย มาใช้ในการติดตามผู้ต้องหา

แทน ซึ่งมองว่าจะสามารถช่วยลดปัญหาอาชญากรรมและลดความเหลื่อมล้ำได้
------------
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมบัญญัติปฏิรูปลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมตั้งคณะทำงาน 5 คนร่วมพิจารณา

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการปฏิรูป และการสร้างความปรองดอง ในหมวดการปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้าง

ความเป็นธรรม โดยมีหลักการสำคัญที่จะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ด้านการเกษตร ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการศึกษา ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านค่านิยม ด้านสื่อสาร

มวลชน ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านแรงงาน ด้านสังคม ด้านสาธารณะสุข ด้านพลังงาน โดยที่ประชุมมีมตตั้งคณะทำงาน 5 คน ร่วมพิจารณา

ขณะเดียวกัน ได้มีการกำหนดนิยามของคำว่า "เงินแผ่นดิน" กำหนดให้ คำว่าเงินแผ่นดิน ประกอบด้วย เงินรายได้นำส่งคลังทั้งหมด เงินกู้โดยกระทรวงการคลัง เงินและทรัพยสินในความครอบ

ครองของรัฐ แต่ไม่รวมเงินฝาก เงินโอนที่รัฐไม่ได้เป็นเจ้าของโดยตรง
////
นายกฯ/ปรับครม.

พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมเดินทางเยือนจีน 22-23 ธ.ค. นี้ มีกำหนดเข้าพบ "หลี่ เค่อเฉียง" ลงนาม MOU 4 ฉบับ

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. วันนี้ ในเวลาประมาณ 09.30น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยคณะจะเดินทางไป

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ในโอกาสเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคม 2557

โดยกำหนดการเบื้องต้นวันนี้ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางถึงจีนในช่วงบ่าย จะเข้าหารือทวิภาคีกับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน พร้อมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง และบันทึก

ความเข้าใจ 4 ฉบับ จากนั้นทางการจีน จะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมคณะ
------------------
นายกฯ นำคณะเยือนจีนกระชับความสัมพันธ์ ลงนาม MOU 4 ฉบับ บอกหลังกลับมา จะเลี้ยงฉลองชัยให้นักเตะชุดแชมป์ ซูซูกิ คัพ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปเยือนสาธารณประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 22-23

ธันวาคม นี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์และทำความรู้จักกับผู้นำจีนให้มากขึ้นในการส่งเสริมความสัมพันธ์ในภาพรวม พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ของไทยในการเสริมสร้าง
ความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ส่วนรายละเอียดบันทึกความร่วมมือ 4 ฉบับ ที่จะมีการลงนามในวันนี้ประกอบด้วย 1 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัด

ตั้งธนาคารชำระดุลเงินหยวนในไทย ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารประชาชนจีน 2 ความตกลงทวิภาคีแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลหยวนและบาท 3 บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับ
ความร่วมมือทางวิชาการด้านทรัพยากรน้ำ และชลประทานระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยกับกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน 4 บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์

แห่งประเทศไทย และธนาคารแห่งประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางนายกรัฐมนตรีได้ระบุสั้น ๆ ว่าจะมีการเลี้ยงแสดงความยินดีกับนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยที่คว้าแชมป์การแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ภายหลังเดิน

ทางกลับจากการเยือนจีนแล้ว
----------------
พล.อ.ประวิตร โยนถามนายกฯ เรื่องปรับ ครม. หลังปีใหม่ ยันทุกคนตั้งใจทำงานเต็มที่ ย้ำทุกขั้นตอนเป็นไปตามโรดแมป

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงหลังปีใหม่นั้น ว่า ต้องไปถามนายกรัฐมนตรีคนเดียว เพราะ

นายกรัฐมนตรีมีการประเมินรัฐมนตรีอยู่ตลอดเวลา แต่ส่วนตัวยืนยันว่า ที่ผ่านมานั้นรัฐมนตรีทุกคนตั้งใจทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อส่วนรวม และยืนยันว่าทุกอย่างยังคงเป็นไปตามโรดแมปที่ได้วางไว้
โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงปี 59 แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมานั้นนายกรัฐมนตรีได้มีการมอบนโยบายอยู่ทุกสัปดาห์ ขอให้ประชาชนเห็นใจและ

ให้กำลังใจแก่นายกรัฐมนตรี เพราะนับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีทำงานหนักมาทุกวัน

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอบคุณทีมนักกีฬาฟุตบอลที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันซูซูกิ คัพ 2014 ซึ่งถือเป็นการเติมความสุขให้กับประชาชนในประเทศ
--------------
รบ.เตรียมเผยแพร่ค่านิยม 12 ประการผ่านแอพพลิเคชั่น ไลน์ เป็นของขวัญปีใหม่ให้ ปชช.

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม แถลงข่าวโครงการจัดทำ line sticker เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่การส่งเสริมค่านิยม 12 ประการ และเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ปี 2558

โดยกล่าวว่า การเผยแพร่ครั้งนี้ เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบค่านิยม 12 ประการให้กับคนไทย จึงได้นำค่านิยมที่

ดีที่คนไทยล้วนชื่นชมมาช้านาน รวมทั้งพระราชดำริสอนใจที่สำคัญ มารวบรวมและเรียบเรียงให้จำง่าย เพื่อนำไปปฏิบัติเป็นกิจวัตร สร้างมาตรฐานที่ดีในสังคมไทย ซึ่งการจัดทำได้รับความร่วมมือ

จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงวัฒนธรรม มีการออกแบบและจัดทำให้เป็นภาพเคลื่อนไหวที่สื่อความหมาย

ทั้งนี้ ของขวัญชุดนี้ยังรวมภาพอื่น ๆ ที่เป็นเรื่องการทักทาย การให้ของขวัญ เป็นต้น
//////
ปปช.

"วิชา" เผย อสส.นัดประชุมด่วน ปมฟ้องอาญาจำนำข้าว "ยิ่งลักษณ์" 25 ธ.ค. นี้  แนะจับตาแถลงเปิดคดี ต่อ สนช.

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานร่วม ป.ป.ช. และ อัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์

ในคดีอาญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหายว่า ทางอัยการสูงสุดได้นัดประชุมคณะทำงานร่วม ป.ป.ช. และ
อสส. ด่วน ในวันที่ 25 ธ.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเลย

นอกจากนี้ นายวิชา กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก กรณีซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เชื่อว่าทางอนุกรรมการไต่สวนจะสรุปคดีดังกล่าวได้

อย่างช้าสัปดาห์หน้า โดยจะนำตัวเลขความเสียที่อนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงรัฐของรัฐที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายก

รัฐมนตรี เป็นประธานมาสนับสนุนในสำนวนคดีนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม นายวิชา กล่าวว่า อยากให้ประชาชนสนใจในคดีนี้มากนัก แต่อยากให้จับตามองวันที่ 8-9 ม.ค. 58 วัน ที่ตนและตัวแทน ป.ป.ช. จะเข้าร่วมแถลงเปิดคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อสภาตินิ

บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มากกว่า
-------
"วิชา" ระบุคอร์รัปชั่นมีหลายระดับ แก้ไขยากสุดคือทุจริตเชิงนโยบาย ทุกฝ่ายต้องร่วมกันทำลายกระบวนการโกง

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง ปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศไทย : บทบาทของนักการเมืองและนักเศรษฐกิจ ว่า ใน

อนุสัญญาป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้กำหนดไว้ว่า การคอร์รัปชั่นมีหลายระดับ แต่ที่แก้ไขยากที่สุดคือการคอร์รัปชั่นโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาระบบการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ หรือ

การทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นการที่นักธุรกิจและนักการเมือง รวมถึงข้าราชการบางคนร่วมกันวางแผนถ่ายโอนงบประมาณของรัฐมาเป็นของตน ซึ่งสามารถจับผิดได้ยาก เพราะในปัจจุบันในการ

จัดสรรงบประมาณในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐได้เพิ่มในส่วนของการคอร์รัปชั่นไว้ด้วย

ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาทุกฝ่ายต้องผนึกกำลังกันคิดว่าจะจัดการกระบวนการทุจริตเช่นนี้อย่างไร เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่ความเสียหายทางกฎหมายที่คิดเป็นตัวเงินเท่านั้น แต่เป็น

ความเสียหายทางสังคมที่สร้างความอับอายแก่ประชาชน แต่คนไทยแสร้งเป็นมองไม่เห็น นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศด้วย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน

ของต่างประเทศด้วย
----------------
"มล.ปนัดดา" ไม่ตอบโต้ถูกวิจารณ์ผลตรวจข้าว ให้โอวาท ยุวโฆษก ร่วมนำพาประเทศชาติไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุข

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดโอกาสให้คณะเยาวชนในโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 8 เข้าพบพร้อมกล่าวให้โอวาทว่า ตนรู้สึกดีใจที่

นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้มาพบกับยุวโฆษก ซึ่งสิ่งสำคัญในการเป็นยุวโฆษกคือการนำพาประเทศชาติไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุข และเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนได้เห็นและรักใคร่สามัคคีกัน

เหมือนยุวโฆษกรุ่นที่ผ่านมา ซึ่งตนและยุวโฆษกทุกคนจะทำหน้าที่ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อฟื้นฟูประเทศโดยยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต

ทั้งนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลการตรวจสอบข้าว ว่า ตนจะไม่ตอบโต้เนื่องจากเป็นข้าราชการและไม่ได้รับใช้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงจะพยายามตั้งใจทำงาน

เพื่อรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ ส่วนผลการตรวจสอบข้าวที่ออกมาโดยมีการแบ่งเกรด เอ บี และซี ซึ่งแบ่งตามคุณภาพ ซึ่งหากพูดตามมาตราฐานเป็นการทำเพื่อช่วยทุเลาและเป็นรายได้ของประเทศ

ขณะเดียวกันมองว่าเป็นปัญหาการเมืองซึ่งตนไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้
------------------
วิชา เห็นด้วยนายกตั้งคณะทำงานปราบทุจริต ส่งดูงานจีน-เชื่อไม่ทับซ้อน ป.ป.ช.

นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ โดย

มีหัวหน้า คสช. เป็นประธานว่า เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่ตั้งใจเอาจริงเอาจัง ไม่เช่นนั้นคงไม่ส่งคณะทำงานไปดูงานเรื่องการปฏิรูปประเทศด้านการต่อต้านการทุจริตที่ประเทศจีน โดยตนได้ร่วมเดิน

ทางไปด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลจีนเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้จะไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับ ป.ป.ช. เพราะนายกฯ ทำในด้านบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งกลไกดังกล่าวหากเอาจริงเอาจังจะช่วยในการป้องกันและปราบปรามการ

ทุจริตได้ เหมือนที่ นายหวัง ฉี ซาน อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน และเลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง พรรคคอมมิวนิสต์จีน บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเสือหรือแมลงวันต้องตีให้หมด
-----------------
ประยงค์ ชี้ สังคมไม่เอื้อเเก้ทุจริต รักพวกพ้อง เกรงใจคน - รัฐต้องไม่อ่อนแอ ปิดช่องว่าง เฝ้าาระวัง ป้องกัน ป้องปราม

นายประยงค์ ปรียาจิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ระบุว่า การจะแก้ปัญหาทุจริตต้องแก้ที่ตัวเองก่อน สังคมไทยไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหาเพราะคน

ไทยมีนิสัยชอบเกรงใจ รักพวกพ้อง จึงต้องใช้เวทีปฏิรูปหาทางออก ทั้งนี้ กลไกการแก้ปัญหาในอดีตที่เป็นรูปแบบปกติ ไม่สามารถรับได้กับปัญหาในปัจจุบันจึงเกิดการสะสมเรื่องการทุจริต จน

ปัญหากระจายวงกว้าง องค์กรที่มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามไม่ทำหน้าที่อย่างครบถ้วน การดำเนินคดีเกิดความล่าช้า นำคนผิดมาลงโทษไม่ได้ ประชาชนจึงไม่มีความเกรงกลัว

นอกจากนี้ นายประยงค์ ยังระบุอีกว่า อยู่ที่ระบบราชการ หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่อ่อนแอ เปิดช่องว่างให้นักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์ นักธุรกิจไม่อยู่เบื้องหลังการเข้ามากอบโกยผลประโยชน์

ปัญหาการทุจริตในประเทศไทยจะลดลงมาก ทั้งหมดนี้ต้องใช้หลักใหญ่ 3 ข้อ คือ เฝ้าระวัง ป้องกัน ปราบปราม
---------------------
ชัยรัตน์ ชี้ มี ป.ป.ช.ทุกจังหวัดทุจริตไม่ลด นักการเมืองเรียกรับเงิน-เอกชนเเข็งขันช่วยแก้

นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงภาพรวมในระดับประเทศ ว่า แม้จะมี ป.ป.ช.ประจำอยู่ทุกจังหวัด ทำหน้าที่

ตรวจสอบการกระทำทุจริต แต่คดีความที่เกี่ยวกับการทุจริตยังไม่ลดลง เพราะอำนาจท้องถิ่นอยู่กับนักการเมือง เรียกรับเงิน ใช้เงินซื้อตำแหน่ง

ทั้งนี้ นายชัยรัตน์ ยังระบุว่า อันดับเรื่องการทุจริตของไทยดีขึ้น เพราะภาคเอกชนเอาจริงเอาจัง ร่วมมือกันอย่างแข็งขัน จึงทำให้ภาพรวมดีขึ้น ขณะที่ภาครัฐและหน่วยงานของรัฐยังแก้ปัญหาได้ไม่

เป็นรูปธรรม ซึ่งก็เข้าใจได้เนื่องจากเป็นโครงสร้างใหญ่ แต่ละหน่วยงานมีปัญหาซับซ้อน ป.ป.ช. จึงเห็นว่าควรเสนอกฎหมายให้มีการตามยึดทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งตอน
นี้อยู่ในชั้นของกรรมาธิการ เชื่อว่าจะเป็นอีกทางที่ปรามการทุจริตได้
--------------------
ป.ป.ช. ยื่น นายกฯ สั่งคุ้มครองสมเกียรติ กรณีกล่าวหารัชตะและสมเกียรติ ทุจริตสรรหา สวรส. - เบิกจ่ายงบฯ ไม่ชอบ

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ทาง ป.ป.ช. ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการให้คุ้ม

ครอง นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ในฐานะผู้กล่าวหาต่อ ป.ป.ช. ว่า นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ

นายแพทย์สมศักดิ์ ณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จากกรณีที่ได้รับทุนจาก สวรส. ซึ่งปัจจุบันได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการ

สวรส. ต่อมาได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งได้ขอคุ้มครองไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจถูกกลั่นแกล้งปลดให้ออกจาก

ตำแหน่งผู้อำนวยการบันวิจัยระบบสาธารณสุขโดยการบอกสัญญาจ้างผู้บริหาร

นอกจากนี้ นายแพทย์สมเกียรติ ยังเป็นผู้กล่าวหาและแจ้งเบาะแส ว่า นายแพทย์พงศ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข อดีตผู้อำนวยการสถาบันระบบสาธารณสุขกับพวก ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย

ก่อให้เกิดความเสียหายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพื้นฐานรายเดือนและโบนัส โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
-----------------------
คณะทำงานอัยการ พิจารณา ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ทุจริตจำนำข้าว เชื่อ ใกล้ได้ข้อยุติในคดีแล้ว ลุ้นผล  25 ธ.ค. นี้

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน 1 ในคณะทำงานฝ่าย อสส. กับ ป.ป.ช. ที่พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ ในสำนวนคดีอาญาของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

อดีตนายกรัฐมนตรี ในกรณีไม่ระงับยับยั้งในโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดความเสียหาย กล่าวว่า ในช่วงเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. จะมีการประชุมกันเป็นครั้งที่ 4 ระหว่างคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.

และอัยการสูงสุด ซึ่งการเป็นการประชุมในเรื่องของประเด็นที่ยังมีความขัดแย้งกันของคณะทำงาน ซึ่งตนเชื่อว่าการพิจารณาใกล้เสร็จสิ้นและใกล้ที่จะได้ข้อยุติในคดีแล้ว ส่วนจะได้ผลอย่างไรนั้น

ให้รอการพิจารณาของคณะทำงานร่วมในวันที่ 25 ธ.ค. ซึ่งการประชุมน่าจะใช้เวลาเพียงครึ่งวัน เวลา 12.00 น. น่าจะทราบผล

เมื่อถามว่าการประชุมในครั้งนี้ทางอัยการสูงสุดขอประสานไปยัง ป.ป.ช. เป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่ นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติเพราะประชุมครั้งที่ 3 ก็เป็นวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา ถามต่อว่า

ที่เรียกประชุมในครั้งนี้เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีการเร่งให้ดำเนินคดีใช่หรือไม่ เขากล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเป็นการพิจารณาประชุมร่วมของคณะทำงานตามปกติ โดยทาง

อัยการสูงสุดเองก็ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ความคืบหน้าล่าสุดก็ตามที่ตนได้แถลงไปเมื่อวันที่ 12
ธ.ค. ที่ผ่านมา
///
มั่นคง

พล.อ.ประวิตร ประชุมสภากลาโหม กำชับ ผบ.เหล่าทัพ ดูแลสถานการณ์-อำนวยความสะดวก ปชช. ช่วงปีใหม่ให้มีความปลอดภัย มีความสุข

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม โดยมีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้

บัญชาการทหารบก พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมประชุม

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวก่อนการประชุมว่า ในวันนี้จะเป็นการกำชับให้ทุกเหล่าทัพดูแลสถานการณ์ช่วงปีใหม่ และอำนวยความสะดวกประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความสุข ขณะเดียวกันขอให้

ประชาชนเข้าใจและให้กำลังใจทหารในการทำงาน ส่วนสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงปีใหม่นั้น ก็ต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อยอยู่แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ก็มีความเป็นห่วงสถานการณ์

และต้องทำหน้าที่โดยไม่มีวันหยุด พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนให้การสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
---------------------
พล.อ.ประวิตร กำชับทุกฝ่ายสนับสนุนกระบวนการพูดคุยสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้

พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภากลาโหม มีมติปรับเบี้ยเลี้ยงของนักเรียนทหาร ทหารกองประจำการ เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขัง หรือผู้ถูกควบคุมตัวและค่าอาหาร

เจ็บป่วย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 28 จากอัตราที่ใช้อยู่ปัจจุบัน เพื่อให้สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้บริโภคที่ไดิปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นเบี้ยเลี้ยงของทหารกองประจำการที่ไปปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบ

ปรามนอกที่ตั้ง หรือปฏิบัติราชการทหารให้ปรับเพิ่มในอัตราเดียวกันกับอาสาสมัครทหารพราน จากวันละ 94 บาท เป็นวันละ 200 บาท

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังได้เน้นย้ำให้ห้วหน้าขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญ เตรียมการและสนับสนุนกระบวน

การพูดคุยสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
------------------
ผบ.ทบ. เป็นห่วงกำลังพล เสียใจต่อการสูญเสีย จากอุบัติเหตุ ในการช่วยเหลือประชาชน ย้ำดูแลครอบครัวเต็มที่

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ว่า ผู้บัญชาการทหารบกเป็นห่วงกำลังพลในขณะเข้าปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ

โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชน โดยกำชับให้กำลังพลทุกคนเพิ่มความระมัดระวังดูแลตนเองให้มีความปลอดภัยให้มากขึ้น หลังจากที่ได้มีเหตุการณ์เรื่อง ฮ. ขอลงฉุกเฉิน เนื่องจากสภาพอากาศ

จนทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย และเรื่องการเสียชีวิตของ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น ทหารสังกัด ฉก.นราธิวาส 36 ในขณะปฏิบัติหน้าที่นำเรือเข้าช่วยเหลืออพยพราษฎรที่ประสบ

อุทกภัยริมฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก จนเกิดอุบัติเหตุเรือชนคอสะพานจนล่ม

ทั้งนี้ สำหรับกรณีการเสียชีวิตนั้น ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกเสียใจต่อการสูญเสียดังกล่าว พร้อมสั่งการหน่วยเกี่ยวข้องเข้าดูแลครอบครัว ดูแลสิทธิสวัสดิการและบำเหน็จความชอบต่าง ๆ ให้อย่าง

เต็มที่ ไม่แตกต่างจากผู้ที่ทุ่มเทเสียสละท่านอื่น ๆ
------------------------
ผบ.ตร เผย นายกฯ กำชับ ดูแลความปลอดภัยประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ เตรียมปรับแผนสนองนโยบาย มั่นใจไร้ความวุ่นวาย

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิต

และทรัพย์ของประชาชน ตลอดจนอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ที่จะถึงนี้เป็นพิเศษ เพื่อให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวอย่างมีความสุข สำนัก

งานตำรวจแห่งชาติ จึงได้ประชุมปรับแผนในการดูแลความปลอดภัยจากแผนรองรับเติมที่มีอยู่ เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลและให้ความสุขกับประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมระบุว่า ไม่ได้ให้

ความสำคัญกับจุดใดเป็นกรณีพิเศษ แต่จะดูแลและให้ความสำคัญกับทุกจุด ที่มีการจัดงานส่วนพื้นที่ใด มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมกิจกรรมจำนวนมากก็จะดูแลมากขึ้น และให้การดูแล

ประชาชนของทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนประเทศที่มีกลุ่มก่อการร้าย ISIS นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง ได้ให้ความสำคัญและติดตามข่าวสารด้านการข่าวมาตลอด แต่ประเทศไทยไม่ใช่

ประเทศคู่ขัดแย้งกับประเทศใด มั่นใจว่าไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ยืนยันพร้อมดูแลในทุกมิติ

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า เนื่องในวันปีใหม่ 2558 นี้ ขอให้คนไทยทุกคนมีความสุข ปรารถนาสิ่งใดก็ขอให้ได้ดั่งใจ
------------------
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ตรวจสอบการติดตั้งป้ายโฆษณาตามป้อมจราจรยึดพยานหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้ง

พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องการติดตั้งป้ายโฆษณาตามป้อมจราจร ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เบื้องต้นทาง

กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมยืนยันว่าการกระทำใดที่เป็นการกระทำผิดกฎหมายให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ยึดตามพยานหลักฐาน
ตามระเบียบกฎหมายไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสีใคร ซึ่งขณะนี้มีการรายงานเกี่ยวกับตำรวจกลุ่มที่เข้าข่ายความผิดเข้ามาแล้ว แต่ใครจะผิดมากน้อยแค่ไหนนั้น ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดต้อง

รอให้มีการสอบสวนเสร็จสิ้นก่อน

ส่วนกรณีที่ตำรวจนครบาล กังวลว่าเรื่องดังกล่าวจะมีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า การแต่งตั้งโยกย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนในทุกกองบัญชาการเป็นเรื่องธรรมดา

ทุกหน่วยต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่แล้ว ส่วนที่ตำรวจนครบาลกังวล เรื่องป้ายโฆษณานั้น ต้องรอผลการสอบสวน หากมีความผิดก็ต้องปฏิบัติไปตามระเบียบข้อกฎหมาย พร้อมตรวจสอบย้อนหลัง

หากพบผู้บังคับบัญชานายใดมีเจตนาปล่อยปละละเลยก็ต้องมีความผิดด้วยเช่นกัน
---------------------
ผบ.ตร. ยินดีน้อมรับฉายา "ผบ.ขายฝัน" ว่า ยินดีรับฟังเสียงสะท้อนจากสื่อมวลชน เพราะถือเป็นเครื่องเตือนใจ

พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงฉายา "ผบ.ขายฝัน" ที่สื่อมวลชนสายอาชญากรรมมอบให้ ว่า ยินดีรับฟังเสียงสะท้อนจากสื่อมวลชน เพราะถือเป็นเครื่องเตือนใจ

ถึงสิ่งที่เคยได้พูด หรือรับปากจะทำให้ประชาชนและข้าราชการตำรวจ เพื่อให้วงการตำรวจดีขึ้น แต่ส่วนตัวเพิ่งมารับตำแหน่งได้เพียง 3 เดือน คงไม่สามารถทำหลาย ๆ อย่าง ได้สำเร็จในช่วงระยะ

เวลาอันสั้น เพราะบางเรื่องต้องใช้เวลา บางเรื่องติดขัดด้วยระเบียบข้อกฎหมาย และงบประมาณต่าง ๆ ทั้งนี้ ยอมรับว่า แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่หลายสิ่งตนเองได้เริ่มทำแล้ว ทั้งการแก้ปัญหาจราจร

และการปรับปรุงศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ส่วนการดูแลข้าราชการตำรวจจะเร่งระดมทุน จัดสร้างโรงพยาบาลตำรวจ สาขาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือดูแลและลดการสูญเสียข้าราชการตำรวจ

รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
--------------
ตร.รุดตรวจสอบพื้นที่ ถ.จตุโชติ ย่านคันนายาว หลังพบอาวุธสงครามเพียบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บกู้

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) และเจ้าหน้าที่อี

โอดี เข้าตรวจสอบเหตุพบอาวุธสงคราม ที่ ถ.จตุโชติ ตัดหนองระแหง ย่านคันนายาว

โดยเบื้องต้น ในที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่พบกล่องกระสุนจำนวน 3 กล่องประทับข้างกล่อง ขนาด 7.62 จำนวน 3 กล่อง (กล่องละ 750 นัด รวม 2,250 นัด) ลูกระเบิดแบบขว้างจำนวน 2 ลัง ประทับ

ข้างลังเลข 980 ลูกระเบิดอาร์พีจี ประมาณ 6 ลูก และ หลอดพีวีซีสีขาว ประมาณ 7 หลอด เจ้าหน้าที่ได้ใช้ยางล้อรถยนต์ครอบไว้และอยู่ระหว่างเก็บกู้
------------------------
รอง ผบ.ตร. แถลงการพบอาวุธสงครามที่คันนายาว คาดคนร้ายนำมาทิ้งเพราะกลัวความผิด

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ร่วมแถลงการตรวจพบอาวุธสงคราม หลังถูกพบทิ้งไว้บริเวณป่าหญ้าถนนเลียบทางด่วนกาญจนาภิเษก

ใกล้เคียงด้านจตุโชติ ในพื้นที่ สน.คันนายาว ได้แก่ ลูกจรวด PG2 (หัวปลี) 21 ลูก ลูกระเบิดแบบขว้าง RGD5 30 ลูก เรือนชนวนลูกระเบิดแบบขว้าง RGD5 จำนวน 30 ชิ้น  เครื่องกระสุนขนาด 7.62

มิลลิเมตร จำนวน 1,975 นัด

โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจาก นายพัฒศรี สอนจันดา พ่อค้าขายไก่ พลเมืองดีเข้าไปพบขณะทำธุระส่วนตัว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ ระบุ อาวุธสงครามที่พบครั้งนี้เชื่อเป็นชุดเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารตรวจยึดได้บริเวณถนนริมกาญจนาภิเษก บางปะอิน-บางนา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน เนื่องจากมี

ลักษณะกล่องและลักษณะของระเบิดตรงกัน คาดเป็นลอตเดียวกันกับที่ตำรวจเคยตรวจพบภายในการกวาดล้างการชุมนุม เพราะห่างจากจุดที่พบในวันนี้เพียง 2.8 กิโลเมตร
------------
 ผบ.ตร.แถลงข่าว สร้างรพ.ตร.ชายแดนใต้ ระดมทุนก่อสร้าง ในงาน ราตรีช่วยชีวิต วันที่ 27 ธค.นี้

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เป็นประธานแถลงข่าว เรื่องการสร้างโรงพยาบาลศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ จังหวัดยะลา และการจัดงาน"ราตรีช่วยชีวิต (Rescue Night) ใน

วันเสาร์ที่27 ธ.ค.2557 เวลา 18.00 - 21.00 น. ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เพื่อร่วมรับบริจาคจากผู้มีจิตใจอันเป็นกุศลร่วมสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัด

ชายแดนภาคใต้

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า โรงพยาบาลศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลค่าร่วม 300 ล้านบาท จะสร้างที่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ภายในงานราตรีช่วยชีวิต จะมีการแสดงละครเวที เป็น

เรื่องราวของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ภาคใต้ และความเป็นมาเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้

////
พงศ์พัฒน์

ผบ.ตร. ยันดำเนินคดีเครือข่าย "พงศ์พัฒน์" ไม่มีละเว้น พร้อมสืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องต่อ-ฝ่ายสืบสวนเร่งจับคนที่ยังหลบหนี

พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

เพิ่ม ในความผิดเกี่ยวข้องกับเรื่องบ่อนพนันออนไลน์ ว่า การสอบสวนดำเนินการสอบสวนในคดีนี้ยังไม่ยุติ หากฝ่ายสืบสวนสอบสวน มีพยานหลักฐานระบุได้ว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องถูก

ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย โดยไม่มีการละเว้น ทั้งนี้ นอกจากความผิดตามที่ได้ออกหมายจับแล้ว ความผิดอื่น ๆ ต้องรอผลการสอบสวน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ในส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีนั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการ แต่ละฝ่ายมีการจัดชุดและแบ่งงานกันทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด
-------------
ด่วน! มติคณะกรรมการสอบวินัย มีมติไล่ “พงศ์พัฒน์” กับพวกรวม 6 คน ออกจากราชการ ชี้ผิดวินัยร้ายแรง-ชงฝ่ายกฎหมายพิจารณา

พลตำรวจเอก ชนินทร์ ปรีชาหาญ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวน คดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.โกวิทย์ วงค์รุ่งโรจน์

อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีตผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ

การคุ้มครองผู้บริโภค ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อดีต ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป.และ ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. ผู้ต้องหา ตามความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวล

อาญา มาตรา 112, เป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบ เรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีมติเห็นชอบให้ไล่นายตำรวจทั้ง 6 ออกจากราชการ เนื่องจากผลการสอบ

สวนพบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดกระทำผิดวินัยร้ายแรง

ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวน เตรียมทำรายงานสรุปผลการสอบสวนทั้งหมดเสนอต่อ พล.ต.อ.เอก อังสนานนส์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายกฎหมาย เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป
----------------
พงส.สามเสน ยื่นขอฝากขัง สุดาทิพย์ ผลัดที่ 2 ต่อศาลแล้ว โดยใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์จากเรือนจำ

ร.ต.ท.ณัฐดนัย ลอยคลัง พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ได้ยื่นคำร้องฝากขัง ครั้งที่ 2 น.ส.สุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 48 ปี ภรรยา พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล อดีต ผกก.ตม.จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาคดีร่วม

กันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 83  โดยระบุในคำร้องสรุป

ว่า

ตามคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 ลงวันที่ 11 ธ.ค. 57 ซึ่งศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหานี้ได้เป็นเวลา 12 วัน จนถึงวันที่ 22 ธ.ค. นี้นั้น พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานมาโดยตลอด

แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 6 ปาก และอื่น ๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าว จึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้อีก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. นี้ - 3 ม.ค. 58

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้โดยใช้ระบบสื่อสารทางไกลผ่านจอภาพ หรือวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน ซึ่งเป็นสถาน

ที่ควบคุมตัว น.ส.สุดาทิพย์ ผู้ต้องหา
----------------------------
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผย ส่งสำนวนคดีเครือข่ายอดีต ผบช.ก. ให้กับอัยการแล้ว 3 สำนวน โดยทั้งหมดเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นมาตรา 112

พลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าการสรุปสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ พลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวน

กลาง ว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีมาตรา 112 อาทิ คดีครอบครองอาวุธปืนของ นายชากานต์ ภาคภูมิ ในพื้นที่ สน.คันนายาว ส่งให้พนักงานอัยการเพื่อ
พิจารณาสั่งฟ้องแล้ว ส่วนคดีมาตรา 112 อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงต้องใช้เวลาในการสืบสวน รวมถึงต้อง

ใช้ความรอบคอบ โดยพยายามเร่งมือในการดำเนินการสำนวนทั้งหมดอย่างรัดกุม

ขณะเดียวกัน พลตำรวจโทศรีวราห์ ยังเปิดเผยอีกว่า ได้รับการประสานงานจาก พลตำรวจตรีธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง

เศรษฐกิจ หรือ ปอศ. ว่าจะนำตัว พันตำรวจเอกวรพจน์ พืชผล อดีตผู้กำกับกอง 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ มามอบตัวที่กองบัญชาการ
ตำรวจนครบาลภายในวันนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาได้ ส่วน นายวิฑูรย์ ตระการพฤกษ์ ยังไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อมาแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามคาดว่านายวิฑูรย์จะเข้ามอบตัวต่อ

พนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน
-------------------------------
ผู้กำกับ ปอศ. เครือข่าย อดีต ผบช.ก. ที่ถูกออกหมายจับ คดี เรียกรับเงินกลุ่ม อาบูบาก้า ยังร่องหน

 พ.ต.อ.ภูธร ปริศนานันทกุล รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ .ปอศ. กล่าวถึงการติดตาม พ.ต.อ.วรพจน์ พืชผล ผกก.1 บก.ปอศ ที่ถูกออกหมาย

จับ ในคดีที่เชื่อมโยงกับการเรียกรับผลประโยชน์การพนันออนไลน์  กลุ่ม อาบูบาก้า  ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อ พ.ต.อ.วรพจน์ ได้แต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าตัวก็ยังไม่ได้
เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ด้วย ทั้งนี้ทาง บก.ปอศ. ได้ทำหนังสือรายงานตน ตามระเบียบข้าราชการตำรวจ ที่ต้องคดีอาญาไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นมอบให้กับเจ้าตัว แต่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน

อย่างไรก็ตาม  ในวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่ พ.ต.อ.วรพจน์ จะถูกออกหมายจับนั้น ได้เดินทางมาทำงานอย่างปกติ แต่หลังจากที่ถูกออกหมายจับก็ไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อได้ พ.ต.อ.วรพจน์ ได้อีก
//////////////
เศรษฐกิจ เปิดประมูลข้าว

พณ. พร้อมเปิดประมูลระบายข้าวครั้งที่ 4 เกือบ 4 แสนตันวันนี้ เชื่อขายได้ราคาดี

ในวันนี้ทางกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ครั้งที่ 4 ปี 2557 เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ โดยจะเปิดประมูลในปริมาณรวมทั้งสิ้น

398,346 ตัน จาก 84 คลังทั่วประเทศ แบ่งเป็นปลายข้าวเอวันเลิศปริมาณ 330,000 ตัน ข้าวเหนียว 52,000 ตัน ข้าวขาว 5% 12,039 ตัน และส่วนที่เหลือเป็นข้าวขาว 25% โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่น

ซองประมูลได้ ตั้งแต่เวลา 08.30-11.00 น. ที่ห้องอเนกประสงค์ชั้น 3 อาคารปฏิบัติการ 5 ชั้น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ก่อนจะประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติและเปิดซอง
ประมูลในวันเดียวกัน เวลา 13.30 น.
---------------
บล.ทิสโก้ พบ ปลัดฯ คมนาคม หารือการพัฒนาและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขณะ "อาคม" ถก ค่าโดยสารรถสาธารณะ

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่กระทรวงคมนาคมล่าสุด บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ได้เดินทางเข้าพบ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อหารือการพัฒนาและการลงทุนโครง

สร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟทางคู่ และการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 โดยมีผู้บริหารของกระทรวง
คมนาคมและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 4 กระทรวงคมนาคม

ขณะเดียวกันในวันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จะมีการประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการหลังราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลง เพื่อพิจารณาหาข้อมูลการปรับ

อัตราค่าโดยสารของแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับราคาพลังงานในปัจจุบัน โดยคาดว่า ในวันที่ 23 ธันวามค จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
--------
บล.เคทีบี แนะจับตารัฐบาลแถลงผลงานครบรอบ 3 เดือน 25 ธ.ค. รวมถึงตัวเลขส่งออก แถลง ธปท. ศุกร์นี้

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 ธันวาคม 57) ว่า ดัชนีฯ มีโอกาสไต่ระดับขึ้น ตามราคาน้ำมัน และแรงซื้อของกองทุน

ในประเทศ ขณะที่สัปดาห์นี้มีตัวแปรที่มีผลกับตลาดหุ้น คือ รัฐบาลจะแถลงผลงาน ครบรอบ 3 เดือน ในวันที่ 25 ธันวาคม 57 โดยหุ้นกลุ่มที่น่าจับตาจะเป็นกลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง หาก

มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม รวมถึงรายงานตัวเลขส่งออก ที่มีผลกับหุ้นอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะรายงานในวันเดียวกัน ขณะที่ ธปท. จะรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ ในวันศุกร์ที่ 26 ธันวาคมนี้

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุน เข้าสู่ 2 สัปดาห์สุดท้าย นักลงทุนสถาบันจะซื้อขายด้วยความระมัดระวัง เพราะปัจจัยของตลาดไทย ไม่เอื้อต่อการลุย แรงซื้อที่จะมีก็มาจากกองทุน LTF/ RMF และ

Trigger Fund แต่แรงขายก็จะมีสำหรับสถาบันที่ต้องการลดความเสี่ยงหรือขายทำกำไรเพื่อปิดบัญชี
 ---------------
กระทรวงพาณิชย์ เปิดประมูลข้าวครั้งที่ 4 มี เอกชน ร่วมประมูล 34 ราย ก่อนเปิดซองบ่ายนี้

บรรยากาศการเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 4 ปี 2557 ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา มีเอกชนทยอยเข้าร่วมยื่นซองเสนอราคาอย่างต่อเนื่อง โดยหลังปิดให้ยื่นซองในเวลา 11.00 น. มีผู้ลงทะเบียน

เข้าร่วมยื่นซองเสนอราคาทั้งหมดรวม 34 ราย

โดยข้าวที่นำจะเปิดประมูลในครั้งนี้ปริมาณ 400,000 ตัน จาก 84 คลังทั่วประเทศ โดยเป็นข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวปี 2554/2555-2556/2557 และในเวลา 13.30 น. จะเปิดซองประมูล ที่ห้อง

อเนกประสงค์ชั้น 3 อาคารปฏิบัติการ 5 ชั้น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ต่อไป
--------------------
"เจ๊เกียว" ใจอ่อนลดค่าโดยสาร แถลงร่วมขนส่งทางบกเย็นนี้ วอนกระทรวงคมนาคม แก้ปัญหารถผิดกฎหมาย

นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ทางสมาคมยินดีที่จะทำตามนโยบายของรัฐบาลและเห็นด้วยกับแนวทางของรัฐมนตรี

ว่าการกระทรวงคมนาคม หากจะมีการปรับลดราคาค่าโดยสารลงตามความเหมาะสม โดยพร้อมลดค่าราคาหากทางรัฐบาลขอให้ลด ซึ่งในวันนี้ตนและทางสมาคมจะเดินทางไปประชุมร่วมกับคณะ
กรรมการขนส่งทางบกกลางที่กรมการขนส่งทางบกในเวลา 16.00 น และจะแถลงข่าวภายหลังจากการประชุมแล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตาม นางสุจินดา กล่าวอีกว่า ได้ขอให้ทางกระทรวงคมนาคมช่วยแก้ไขปัญหาของรถผิดกฎหมายที่เข้ามาวิ่งทับเส้นทาง เนื่องจากได้ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารลดลง รวมถึงช่วยเหลือใน

เรื่องการลดค่าเที่ยววิ่ง ลดค่าประกันภัย และยกเว้นค่าปรับ กรณีมีการยุบรวมเที่ยววิ่ง
----------------------
ธ.ก.ส. โอนเงินให้ชาวนาแล้ว 3,069,000 ครอบครัว รวม 34,141 ล้านบาท มั่นใจได้ครบก่อนปีใหม่ พร้อมเร่งจ่ายสวนยาง

นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เกษตร หรือ ธ.ก.ส. เปิดเผยผ่าน รายการ ไอ.เอ็น.เอ็น. โฟกัสเศรษฐกิจ ว่า ขณะนี้ได้โอนเงินช่วยเหลือ 1 พันบาทต่อไร่ให้

เกษตรกรชาวนาแล้ว 3,069,000 ครอบครัว คิดเป็นพื้นที่ 34.1 ล้านไร่เศษ รวมเป็นเงิน 34,141 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ ธ.ก.ส. วางเป้าหมายไว้ จากรายชื่อทั้งหมดที่มาลงทะเบียน
3,400,000 ครอบครัว โดยจะเร่งจ่ายให้ครบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ แต่สำหรับชาวนาภาคใต้ในบางพื้นที่ อาจจะล่วงเลยไปประมาณเดือนมกราคม 2558

ส่วนการโอนเงินให้ชาวสวนยาง 1,000 บาทต่อไร่ ล่าสุด ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการโอนแล้ว 13,245 ครอบครัว คิดเป็นพื้นที่ 134,000 ไร่ รวมเป็นเงิน 134 ล้านบาท และก่อนปีใหม่ คาดว่าจะสามารถโอน

เงินให้ชาวสวนยางได้ 250,000 ครอบครัว
---------------
"มนูญ" มอง ราคาน้ำมันดิบยังเป็นขาลง คาด สัปดาห์นี้ขายปลีกในประเทศลด 50 สต./ลิตร

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยผ่าน รายการ ไอ.เอ็น.เอ็น. โฟกัสเศรษฐกิจ ถึงแนวโน้มราคาน้ำมัน ว่า ในระยะยาวยังคงเป็นขาลง เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบที่ล้นตลาดยังไม่ได้

ลดลง ขณะที่กลุ่มโอเปกก็ยังไม่ได้ลดกำลังผลิตลงแต่อย่างใด โดยสัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล พร้อมมองว่าภายในสัปดาห์นี้มีความเป็นไปได้ที่ ราคาน้ำมันขาย

ปลีกในประเทศจะลดลง  50 สตางค์ต่อลิตร และสำหรับโครงสร้างพลังงานขณะนี้ ถือว่าได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงแล้ว
---------------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยันรัฐใช้หนี้จำนำข้าวหมดใน 30 ปี เตรียมเสนอ ครม. ปรับหนี้พรุ่งนี้

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ทางกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอแผนการปรับปรุงบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปี 2558

ครั้งที่ 1 ให้ที่ประชุมพิจารณาภายใต้วงเงินกรอบกว่า 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการออกพันธบัตรออมทรัพย์ของทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. 5 หมื่นล้านบาท
เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้จำนำข้าวของทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. และจะมีการออกพันธบัตรออมทรัพย์ให้กับประชาชน 5 หมื่นล้านบาท และที่เหลืออีก 1 แสน

ล้านบาทจะเป็นการบริหารหนี้สาธารณะตามปกติ ซึ่งยืนยันว่าไม่ส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กล่าวยอมรับว่าในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลในส่วนของโครงการรับจำนำข้าวนั้นอาจจะต้องใช้ระยะเวลากว่า 30 ปี ในการสะสางหนี้ทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเกี่ยวกับการออกกฎหมายเกี่ยวกับการออมชราภาพว่าควรใช้เครื่องมืองของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) หรือจะใช้ในส่วนของแนวทางมาตรา

40 ของประกันสังคม ซึ่งจะมีข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้
-------------------
ปลัดฯ คลัง ยันแผนปรับปรุงหนี้ไม่ส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับเพิ่มขึ้น รับงบประมาณปี 59 ยังจำเป็นต้องขาดดุลต่อ

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยืนยันว่าแผนปรับปรุงบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2558 ครั้งที่ 1 ที่จะให้ ครม. พิจารณาจะไม่ส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตามต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 4/2557 โตต่ำกว่าคาดและทำให้จีดีพีทั้งปีโตต่ำกว่า ร้อยละ 1.4 จะมีผลทำให้หนี้สาธารณะปรับเพิ่มบ้างเล็กน้อย

ส่วนการจัดทำงบประมาณปี 59 ยืนยันว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องทำงบประมาณขาดดุลต่ออีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะต่อเนื่องกี่ปีนั้นคงไม่สามารถระบุได้ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลใน

การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของภาษีมรดก ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้งบประมาณกลับมาสมดุลได้
---------------------
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เผย รถแท็กซี่พร้อมให้บริการราคาใหม่ 1,000 คัน พลาดเป้า 5,000 คัน คาดปรับจูนมิเตอร์รถทั้งระบบเสร็จ ม.ค.58

นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงการปรับจูนและตรวจสอบมาตรค่าโดยสารมิเตอร์อัตราใหม่ในระยะที่ 1 ที่บริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารคลังสินค้า 3 ว่า

ขณะนี้รถแท็กซี่ที่ผ่านการตรวจสภาพรถมีประมาณ 60,000 คัน จากจำนวนรถที่ให้บริการในระบบประมาณ 85,000 คัน

โดยในวันนี้คาดว่าจะมีรถแท็กซี่ที่สามารถปรับจูนมิเตอร์และใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ได้ประมาณ 1,000 คัน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 5,000 คัน ทั้งนี้ เชื่อว่าการปรับจูนมิเตอร์รถแท็กซี่ทั้งระบบจะแล้ว

เสร็จในเดือนมกราคม 2558 ส่วนสาเหตุที่ปรับจูนมิเตอร์ได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ให้บริการไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม มีบริษัทที่ให้บริการปรับจูนมิเตอร์ผ่านการตรวจสอบจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบังจำนวน 4 บริษัท และมีรุ่นมิเตอร์ทั้งหมด 8 รุ่น ซึ่งยังเหลืออีก 5 บริษัทและมี

รุ่นมิเตอร์ทั้งหมด 10 รุ่น ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบมาตรฐานมิเตอร์ โดยหลังจากนี้จะเรียกผู้ประกอบการมาหารืออีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจตรงกันเรื่องการปรับมาตรมิเตอร์ให้เป็นเลข 4 หลัก
จากเดิมที่มีอยู่ 3 หลัก
---------------------
กระทรววงพาณิชย์ขายข้าวได้ 2.47 แสนตันให้เอกชน 21 ราย ต่อราคาเพิ่มอีก 1.5 แสนตัน ชี้ ได้ราคาดี

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการเปิดซองประมูลข้าวเบื้องต้น จากปริมาณที่เปิดประมูล ประมาณ 400,000 ตัน พบว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์

เสนอราคาชนะการประมูลในเบื้องต้น จำนวน 21 ราย จาก 34 ราย ใน 52 คลัง จาก 67 คลัง คิดเป็นปริมาณข้าวกว่า 247,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 62 ของปริมานที่เปิดประมูลทั้ง
หมด โดยเชื่อว่า ส่วนที่เหลือ 150,000 ตัน ที่ยังอยู่ในระหว่างต่อรองราคา คาดว่าจะสามารถขายได้เกือบทั้งหมด

และสำหรับการเปิดประมูลในครั้งต่อไป จะมีขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2558
-----------------------
 กระทรวงพาณิชย์ คาดปีหน้าขายข้าวได้10.5ล้านตัน พร้อมปรับเงื่อนไขการประมูลยกคลังให้น่าเชื่อถือ

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวโดยรวมในปีนี้น่าจะทำได้ประมาณ 10.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 จากปีที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 5,000

ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากปีนี้สามารถระบายข้าวได้จำนวนมาก ประกอบกับตลาดมีความต้องการข้าวจากไทย ส่วนปีหน้าคาดว่าการส่งออกข้าวของไทย จะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 10.5 ล้านตัน มูลค่า

5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปีหน้าคาดว่าปริมาณข้าวจะลดลงจากภาวะภัยแล้ง ซึ่งผลผลิตทั่วโลกลดลงด้วย ซึ่งไทยน่าจะระบายข้าวในสต็อกได้อย่างต่อเนื่อง โดยพร้อมที่จะขายให้กับต่างประเทศที่

มีความสนใจ

ส่วนการเปิดประมูลทั่วไป อยู่ระหว่างการปรับเงื่อนไขในการเปิดประมูลยกคลัง ซึ่งยืนยันว่า ข้าวที่นำมาประมูลยกคลังต้องเป็นข้าวคุณภาพดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประมูล

นักวิชาการมะกันจวกสหรัฐฯกรณีระบอบทักษิณ

นักวิชาการชื่อดังมะกัน “ตบหน้า” รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุปล่อยให้ “ระบอบทักษิณ” คงอยู่ คือ ความตายของประชาธิปไตยไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์2 มิถุนายน 2557 20:29 น.
นักวิชาการชื่อดังมะกัน “ตบหน้า” รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุปล่อยให้ “ระบอบทักษิณ” คงอยู่  คือ ความตายของประชาธิปไตยไทย
       ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ศาสตราจารย์ชาวอเมริกัน ดับเบิลยู สกอตต์ ธอมป์สัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขียนบทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิสไทมส์ ตบหน้ารัฐบาลสหรัฐฯที่ประณามการรัฐประหารยึดอำนาจในประเทศไทย และเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งในทันที โดยอ้างว่าเป็นหนทางไปสู่ประชาธิปไตย ทั้งนี้ศาสตราจารย์ผู้นี้ ระบุว่า การให้ระบอบทักษิณปกครองประเทศต่อไป ก็คือ การรับประกันให้ประชาธิปไตยในไทยต้องตายดับสูญไปภายในอนาคตอันใกล้นั่นเอง ขณะที่การสนับสนุนการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของฝ่ายทหาร อาจจะเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถฟื้นฟูประชาธิปไตยให้กลับคืนมาได้
นักวิชาการชื่อดังมะกัน “ตบหน้า” รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุปล่อยให้ “ระบอบทักษิณ” คงอยู่  คือ ความตายของประชาธิปไตยไทย
ดับเบิลยู สกอตต์ ธอมป์สัน ศาสตราจารย์กิตติคุณทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ แห่งวิทยาลัยนิติศาสตร์และการทูตเฟลตเชอร์ มหาวิทยาลัยทัฟต์ส
       ในบทความเรื่อง “Thai coup holds promise of democracy” (รัฐประหารในไทยให้ความหวังแก่ประชาธิปไตย) ดับเบิลยู สกอตต์ ธอมป์สัน (W Scott Thompson) ศาสตราจารย์กิตติคุณทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ แห่งวิทยาลัยนิติศาสตร์และการทูตเฟลตเชอร์ (Fletcher School of Law and Diplomacy) มหาวิทยาลัยทัฟต์ส (Tufts University) กล่าวสรุปถึงการรัฐประหารครั้งล่าสุดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และฝ่ายทหาร ได้บังคับขับไสผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีให้ออกจากอำนาจ โดยผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีผู้นั้นได้เข้าทำหน้าที่นี้หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุติการดำรงตำแหน่ง เนื่องจากมีความผิดในข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ในระหว่างที่เธอปกครองประเทศอยู่ ก็คอยรับคำสั่งต่างๆ จากพี่ชายของเธอ -- จอมเผด็จการและอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งหลบหนีไปลี้ภัยอยู่ในต่างแดน
      
       บทความซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิสไทมส์ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. และได้รับการตีพิมพ์ซ้ำต่อๆ มา เป็นต้นว่าในเว็บไซต์กัลฟ์นิวส์ (gulfnews.com) ในวันอาทิตย์ (1 มิ.ย.) ชิ้นนี้ ชี้ว่าประเทศไทยได้ตกอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในการประท้วงทางการเมืองยาวนานแรมเดือนระหว่าง “เสื้อเหลือง” -- ซึ่งเป็นคนไทยในเขตชุมชนเมืองผู้สนับสนุนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกลุ่มผลประโยชน์ชนชั้นนำผู้ต้องการให้รัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่ออกจากตำแหน่งไป กับ “เสื้อแดง” -- ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้ยากจนกว่าที่พำนักอยู่ในเขตต่างจังหวัด โดยผู้คนเหล่านี้สนับสนุนทักษิณและหาทางให้เขากลับคืนสู่อำนาจ
      
       “ดังนั้น เมื่อมีนายพลผู้มาดมั่นทะเยอทะยานและมีความสามารถผู้หนึ่ง พยายามที่จะทำให้ประเทศชาติมีเสถียรภาพ -- โดยที่ในขณะนี้เขาก็ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่งด้วย – มันจึงมีความเป็นไปได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ว่า เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการรัฐประหารทั้งหลายนั้นใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด” ศาสตราจารย์ชาวอเมริกันวัย 72 ปีผู้นี้ระบุ
      
       ดับเบิลยู สกอตต์ ธอมป์สัน ซึ่งเคยทำงานอยู่ในคณะรัฐบาลอเมริกัน ทั้งของประธานาธิบดี เจอรัลด์ ฟอร์ด และของประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน โดยที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯด้วย ชี้ว่า ความปั่นป่วนสับสนทางการเมืองในประเทศไทยนั้นมีรากเหง้าที่ลึกซึ้ง
      
       ในบทความนี้ เขาชี้ว่า ประเทศไทยต้องประสบโชคร้าย เฉกเช่นเดียวกับเยอรมันในยุคทศวรรษ 1930 และอิตาลีในยุคทศวรรษ 1920 ทำให้ได้นักหลอกล่อฉวยโอกาสทางการเมืองซึ่งเที่ยวให้สัญญาต่างๆ มากมาย เข้าครองอำนาจปกครองประเทศ
นักวิชาการชื่อดังมะกัน “ตบหน้า” รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุปล่อยให้ “ระบอบทักษิณ” คงอยู่  คือ ความตายของประชาธิปไตยไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทัพบก และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
       “ทักษิณนั้นทำเงินได้เป็นพันๆ หมื่นๆ ล้านในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ และได้เริ่มซื้อเหล่านักหนังสือพิมพ์ตลอดจนนักการเมืองทางภาคเหนือมาเป็นพวก เขาชนะการเลือกตั้งในปี 2001 อย่างถล่มทลาย และก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของเขา เขาดำเนินการปิดกั้นส่วนต่างๆ ของสื่อมวลชนซึ่งเขายังไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนั้น มีรายงานว่ามีผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยๆ 3,000 คน ถูกฆ่าตายในสงครามปราบปรามยาเสพติดของเขา อีกทั้งแสดงให้เห็นอย่างเต็มตาว่าเขาจะยังครองอำนาจต่อไปอีกยาวนาน” บทความชิ้นนี้กล่าว
      
       “ทฤษฎีเรื่องประชาธิปไตยนั้นไม่เคยเลยที่จะหมายความอย่างง่ายๆ เพียงแค่ว่า การปกครองโดยคนส่วนใหญ่ แน่นอนทีเดียวว่าทักษิณก็ใช้กลไกด้านการตรวจสอบและการคานอำนาจด้วย แต่เป็นชนิดที่แตกต่างออกไป โดยที่เขานำมาใช้เพื่อกระชับฐานอำนาจของเขาให้เข้มแข็ง ทั้งในกิจการตำรวจ และก็ในกองทัพด้วย ถึงแม้มีหลักฐานว่าเขาประสบความสำเร็จน้อยกว่า …”
      
       ศาสตราจารย์อเมริกันผู้นี้ กล่าวว่า “เป็นเรื่องยากลำบากเสมอที่จะอ้างเหตุผลความชอบธรรมให้แก่การทำรัฐประหาร แม้กระทั่งในกรณีที่เป็นการเข้าแทนที่ระบอบปกครองที่ย่ำแย่เต็มที”
      
       อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า “ถ้าหากจะให้เหตุผลความชอบธรรมแก่การต่อต้านการรัฐประหารคราวนี้ ก็จำเป็นจะต้องไปให้ความสนับสนุนต่อทักษิณ บุรุษผู้ซึ่งจะไม่ยอมอดทนต่อการคัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งจากสถาบัน และเป็นผู้ซึ่งจะปกครองด้วยกำปั้นเหล็กตราบเท่าที่เขา - หรือผู้ที่เขาคัดเลือกให้มาสืบทอดต่อจากเขา ยังมีชีวิตอยู่”
      
       “โดยส่วนตัวแล้ว ผมมีความประหลาดใจว่า นายพลผู้นี้ (พล.อ.ประยุทธ์ ) ได้รอคอยมาเป็นเวลายาวนานถึงขนาดนี้ เขาเดินหมากของเขาด้วยความระมัดระวังมาก ด้วยการประกาศใช้กฎอัยการศึกอย่างเป็นกลางๆ ในวันหนึ่ง แล้วจึงเข้ายึดอำนาจในอีกวันหนึ่ง กองทัพไทยไม่ได้ผลิตนายพลที่มีความสามารถอันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางขนาดนี้เลยในรอบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา”
      
       ดับเบิลยู สกอตต์ ธอมป์สัน กล่าวในตอนสรุปบทความของเขาว่า “การเลือกให้ระบอบทักษิณปกครองประเทศต่อไป ก็คือการรับประกันให้ประชาธิปไตยในไทยตายดับสูญไปภายในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การสนับสนุนการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของฝ่ายทหาร อาจจะ (แค่อาจจะ) เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถฟื้นฟูประชาธิปไตยให้กลับคืนมาได้ ความจริงทางประวัติศาสตร์ทั่วๆ ไปนั้นมีอยู่ว่า ระบอบปกครองต่างๆ ที่นำมาซึ่งระเบียบเรียบร้อย อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย ขณะที่แทบไม่ปรากฏเลยว่าระบอบปกครองในทางตรงกันข้ามจะสามารถทำอะไรเช่นนี้ได้ ทั้งนี้ระบอบปกครองที่ปล่อยให้ทำอะไรตามใจนั้น มีความโน้มเอียงที่จะนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรง ซึ่งกลายเป็นการสร้างความย่อยยับให้แก่การปกครองอันเรืองปัญญา”
นักวิชาการชื่อดังมะกัน “ตบหน้า” รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุปล่อยให้ “ระบอบทักษิณ” คงอยู่  คือ ความตายของประชาธิปไตยไทย

กุหลาบแก้วปันผล1.8หมื่นล้าน

ฮือฮา!"กุหลาบแก้ว"ตัวละครเอกคดีซื้อหุ้นชินคอร์ป โชว์เงินปันผลล่าสุด1.8หมื่นล.

เขียนวันที่ 
วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม 2557 เวลา 20:00 น.
เขียนโดย
isranews

ppeeeegggggdddd

บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ตัวละครเอกในคดีประวัติศาสตร์การซื้อขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  ของคนในตระกูลชินวัตร ให้แก่กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท ถูกระบุว่าอาจเป็นการทำธุรกรรมอำพราง นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจล่าสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.2556 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่ามีรายได้จากเงินปันผลเป็นจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท 

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในการนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจล่าสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.56 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.57 ระบุว่ามีรายได้จากเงินปันผล เป็นจำนวน  18,828,225,456 บาท มีดอกเบี้ยรับ 90,878,403 บาท  รวมรายได้ 18,919,103,859 บาท  

ส่วนรายจ่าย  แจ้งว่าค่าใช้จ่ายในการบริหาร 1,907,418 บาท  

กำไรก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 18,917,196,441 บาท  

ภาษีเงินได้นิติบุคคล 17,794,071 บาท 

ทำให้มีกำไรสุทธิ 18,899,402,370 บาท  

ในส่วนข้อมูลทรัพย์สิน บริษัทฯ แจ้งว่า มีสินทรัพย์หมุนเวียน เป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 11,931,879,631 บาท  สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 11,504,393 บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 11,943,384,024 บาท  

ส่วนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน มีเงินลงทุนระยะยาวในกิจการที่เกี่ยวข้อง 3,617,600,000 บาท  

รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 3,617,600,000 บาท

รวมสินทรัพย์ 15,560,984,024 บาท 

มีหนี้สินรวม 14,937,183 บาท 

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2549 ทุนปัจจุบัน 4,000 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่  582 หมู่ที่ 6 ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ แจ้งประกอบธุรกิจเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจในบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน (ลงทุน) 

ปรากฎชื่อ นาย สุรินทร์ อุปพัทธกุล (ดาโต๊ะสุรินทร์) และนาง สุธีรา อุปพัทธางกูร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 มีนาคม 2557 มีจำนวน 3 ราย โดยนาย สุรินทร์ อุปพัทธกุล  ถือหุ้นใหญ่สุด 277,096,397 หุ้นๆ ละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่า  2,770,963,970 

บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถืออยู่ 119,615,603 หุ้น มูลค่า  1,196,156,030 บาท  

และนาย ศุภเดช พูนพิพัฒน์ ถืออยู่ 3,288,000 หุ้น มูลค่า 32,880,000 บาท 

ทั้งนี้ ในการเข้าซื้อหุ้นชินคอร์ป ของ กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.49 มีการตรวจสอบพบหลักฐานว่า บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีบริษัท ซีดาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพนโฮลดิ้งส์ เข้าซื้อหุ้นเมื่อ 23 ม.ค.49 โดยมีผู้ถือหุ้นเกี่ยวโยงกันหลายทอด

โดยเฉพาะบริษัทซีดาร์โฮลดิ้งส์ มีบริษัทกุหลาบแก้ว ธนาคารไทยพาณิชย์ และ บริษัท ไซเพรสโฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นร่วมกันอยู่ 

จากการตรวจสอบพบหลักฐาน เส้นทางการเงินที่ใช้เป็นเงินทุนของบริษัทกุหลาบแก้วไม่ได้มาจากคนไทย แต่มาจากบริษัทลูกของเทมาเส็ก ซึ่งตามกฎหมายถือได้ว่าเป็นการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อช่วยให้บริษัทซีดาร์โฮลดิ้งส์และบริษัทชินคอร์ปเป็นนิติบุคคลไทย

โดยการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ถูกระบุว่า อาจเป็นการทำธุรกรรมอำพราง โดยเฉพาะการใช้บริษัท “นอมินี” ที่เป็นคนไทย ในนาม “บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด” เป็นการกระที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.กำกับกิจการโทรคมนาคม ซึ่งไม่อนุญาตให้ต่างด้าวถือหุ้นเกิน 49%

ก่อนที่เรื่องจะเงียบหายไป ขณะที่บริษัท กุหลาบแก้ว ก็ยังดำเนินธุรกิจตามปกติ และแจ้งมีรายได้จากเงินปันผลเป็นจำนวนกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ตามที่มีการตรวจสอบพบข้อมูลล่าสุด  

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อใหม่ชินคอร์ป) ล่าสุด ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2557 พบว่า ไม่มีชื่อบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ ที่บริษัทกุหลาบแก้ว ถือหุ้นอยู่ เข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด