PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บิ๊กป้อมลุยใต้

"บิ๊กป้อม" ถก คปต. และ13คณะผู้แทนพิเศษ เน้น การรักษาความปลอดภัย เชื่อมโยง ระบบCCTV เผย ศอบต.ได้งบฯปีนี้ 24 ล้าน ทำเมืองต้นแบบ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เดินทางไปลงใพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และประชุมติดตามการขับเคลื่อนงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ที่ห้องประชุม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
โดยมี พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม/หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ได้ร่วมคณะ และร่วม ประชุมพร้อมผู้แทนพิเศษของรัฐบาลทั้ง 13คน ด้วย
ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบความปลอดภัยในพื้นที่ และและการติดตามความก้าวหน้าโครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
พลเอกอุดมเดช รับทราบมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และมี ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมให้หน่วยเกี่ยวข้องเร่งรัดการบูรณาการระบบกล้อง CCTV พร้อมทั้งเชื่อมโยงเครือข่าย CCTV จากอำเภอมายังจังหวัด และ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการเฝ้าระวัง แจ้ง เตือน และติดตามการก่อเหตุ
นอกจากนั้นยังเห็นว่าภาครัฐและประชาชนต้องสร้างความร่วมมือในการดูแล รักษาความปลอดภัยต่อไป แต่จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบประวัติ และพฤติกรรม พร้อมกับการ ประเมินผลการทำงานของบุคคลที่จะเข้ามาทำงานในส่วนต่างๆ
ในส่วนความก้าวหน้าของโครงการเมืองต้นแบบ ฯ ซึ่งมี ศอ.บต.เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ขณะนี้ ได้รับอนุมัติงบประมาณสนับสนุนปี 2560 ประมาณ 24 ล้านบาท และจะทำแผนการดำเนินงานขอรับ จัดสรรงบประมาณปี 2561 รองรับเป้าหมายส่วนที่เหลือจากปี 2560 ต่อไป
โดยโครงการนี้มุ่งการพัฒนาที่ ให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานที่สามารถเชื่อมต่อได้ทุกภาคส่วน และร่วมกันพัฒนาตามแนวทาง “ห่วง โซ่คุณค่า” (Value of Chain) เพื่อให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม
พลเอก อุดมเดช หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ได้เน้นย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นงานด้านความมั่นคง หรือด้านการพัฒนา สิ่งสำคัญอย่างมากในการทำงาน คือ การมี ส่วนร่วมของประชาชน เพราะสิ่งนี้จะสะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ซึ่งรัฐจำเป็นต้อง ตอบสนองและให้การสนับสนุนต่อไป

มาเยือนไทย มา!!!



มาเยือนไทย มา!!!
"ทำเนียบฯ" เผย Trump โทรคุย นายกฯ เชิญไป สหรัฐฯ และ บิ๊กตู่ ก็เชิญ Trump มาเยือนไืทย ด้วย/ ยินดี บริหารประเทศ มา100วัน ยืนยันความสำคัญของความเป็นพันธมิตรอันยาวนาน
พลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วานนี้ (30 เมษายน 2560) เวลา 21.30 น. นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ได้โทรศัพท์ถึงพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โดย พลเอกประยุทธ์ กล่าวยินดีแก่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ที่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ คนที่ 45 และความสำเร็จในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันที่ผ่านมา
พร้อมขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ที่แสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
นายกรัฐมนตรียังชื่นชมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทย-สหรัฐ ฯ ที่มีมายาวนานและเป็นไปด้วยดีตลอดระยะ184 ปี และยืนยันว่าไทยพร้อมส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือไทยและสหรัฐ ฯ ให้เพิ่มมากขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ การค้าและความมั่นคง และพร้อมสนับสนุนบทบาทอันสร้างสรรค์ของสหรัฐ ฯ ในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ที่แสดงความมั่นใจต่อรัฐบาลไทยและประเทศไทย พร้อมทั้งส่งความปรารถนาดีมายังประชาชนชาวไทยทุกคน
และขอบคุณและตอบรับคำเชิญเยือนสหรัฐ ฯ อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐ ฯและได้เชิญประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ เยือนไทยในโอกาสที่สะดวก
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความปรารถนาดีไปยังชาวอเมริกันทุกคนด้วยเช่นเดียวกัน

เจาะกระแส “เรือดำน้ำ” จับกระแสรัฐบาล : ยุทธศาสตร์ความมั่นคง

โดย ทีมข่าวการเมือง

"ดุลอำนาจโลก”
ในยุคศตวรรษที่ 21 การเมือง 2 ขั้วระดับโลก ระหว่าง “จีน-รัสเซียกับสหรัฐฯ” มี “อียู” ยืนอยู่เคียงข้าง
กำลังขับเคี่ยวอย่างถึงพริกถึงขิง สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งโลก
ขณะที่ภูมิภาคอาเซียนที่เปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียน กำลังตกอยู่ในสภาวะถูกแย่งชิงจากน้ำมือ 2 ขั้วการเมืองระดับโลก เพราะภูมิภาคนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร จำนวนประชากร กำลังการผลิต กำลังการบริโภค และภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม
“รัฐไทย&rrdquo; จะวางตัวอย่างไรในสมรภูมิการปรับ “ดุลอำนาจโลก”
ยิ่งตามรายงานของหน่วยงานความมั่นคง บอกเอาไว้ชัดเจนว่า ในท่ามกลางความขัดแย้งด้านอาณาเขตแบบ “รัฐต่อรัฐ” ทั้งด้านอาณาเขตทางบก การอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลและภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อผลประโยชน์และการแย่งชิงทรัพยากร ทำให้มีแนวโน้มการเพิ่มกำลังอำนาจของกองทัพของประเทศอื่น
เช่น การพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ การประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันทางอากาศในทะเลจีนตะวันออก เหนือทะเลจีนตะวันออกของประเทศจีน ครอบคลุมพื้นที่พิพาท ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น กรณีหมู่เกาะเซนกากุและพื้นที่สถานีวิจัยของเกาหลีใต้ ความขัดแย้งกรณีอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ของหลายประเทศ
เป็นปัญหาสำคัญต่อประเทศไทย หากเกิดการใช้กำลังทางทหารเพื่อการแย่งชิงกรรมสิทธิ์ในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบทั้งในด้านภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจและการเมือง อาจส่งผลกระทบและนำไปสู่ความขัดแย้ง
ฉะนั้น การสร้างอำนาจต่อรองทางการทหารและความมั่นคง
ที่เป็นเงื่อนไขต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การซื้อเรือดำน้ำ Yuan Class S26T จากประเทศจีน ตอบโจทย์ของความมั่นคงดังกล่าวหรือไม่ ถ้าไปพลิกเปิดแฟ้มเอกสารลับ “มุมแดง” ที่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) บ่งบอกให้เห็นว่า ต้องทำเป็นความลับ เพราะเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์และยุทธวิธีความมั่นคงของชาติ
ตามสเปกของเรือดำน้ำ อ้างว่าเป็นเรือดำน้ำยุคใหม่และทันสมัย ด้วยระบบ AIP (Air Independent Propulsion) ปฏิบัติการใต้น้ำนาน 21 วันโดยไม่ต้องโผล่ขึ้นมารับออกซิเจนธรรมชาติเหนือน่านน้ำ ติดตั้งจรวดต่อต้านเรือผิวน้ำและบนดินแบบ YJ-8X
คำถามทางลบจากสังคมดังกระหึ่มถึงกองทัพไทย-รัฐบาล-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ซื้อในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศไม่ดีเหมาะสมหรือไม่ โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำโปร่งใสหรือไม่ ประเทศไทยจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำหรือไม่
แต่ “รัฐไทย” กล้าซื้อในช่วงนี้เพื่อ “ถ่วงดุลอำนาจโลก” หรือไม่
ตามข้อมูลวิกิพีเดีย บอกเอาไว้ชัดเจนว่า “กองทัพเรือไทย” ต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติ การทางทหารในทะเล ลำน้ำและพื้นที่บริเวณชายฝั่งของประเทศไทย ทั้งในอ่าวไทยและทะเล อันดามัน ตามตะเข็บชายแดนระหว่างประเทศในทะเล ความยาวกว่า 1,680 ไมล์ทะเล และตามแนวชายฝั่ง ความยาวกว่า 1,500 ไมล์ทะเล
ตามแผนความมั่นคงแห่งชาติทางท้องทะเลของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ชี้ ให้เห็นถึงจุดแข็งที่ประเทศไทยตั้งอยู่บริเวณเส้นทางคมนาคมบนท้องทะเลที่สำคัญของโลก เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก
มีเรือประจำการ อาทิ เรือลาดตระเวนประจัญบาน เรือประจัญบาน เรือลาดปืนยามฝั่ง เรือฟริเกต เรือยกพลขึ้นบก เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง เรือบรรทุกอากาศยาน
บรรดาอาวุธ อาทิ เอ็กโซเซต์จรวดต่อต้านเรือรบ ตอร์ปิโดสติงเรย์ปราบเรือดำน้ำ จรวดต่อต้านอากาศยาน
เหล่าฝูงอากาศยาน อาทิ อากาศยานปราบเรือดำน้ำ ลาดตระเวน ลำเลียงทางยุทธวิธี ค้นหาและช่วยเหลือ ต่อต้านเรือรบ อากาศยานไร้คนขับ
เขี้ยวเล็บของกองทัพเรือซื้อมาจากสหรัฐฯ จีน เยอรมนี อังกฤษ อิตาลี ส่วนใหญ่จะซื้อมาจากประเทศสหรัฐฯ และในยุคที่จักรวรรดิญี่ปุ่นเรืองอำนาจ กองทัพเรือไทยเคยซื้อเรือลาด ตระเวน และเรือดำน้ำจากประเทศญี่ปุ่นด้วย ก่อนปลดประจำ– การ เนื่องจากขาด– แคลนอะไหล่หลัง จากญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลก พร้อมถูก ห้ามผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์
ยุคนั้นไทยเป็นชาติที่ 2 ของเอเชียที่มีเรือดำน้ำ ชาติแรกคือญี่ปุ่น
กองทัพเรือซื้อยุทโธปกรณ์จากหลายประเทศ มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ที่ต้องการถ่วงดุลอำนาจโลก
อีกเหตุผลที่ไทยจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ ทาง พล.ร.อ.สุริยะ พรสุริยะ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ในฐานะอดีตผู้บัญชาการกองเรือดำน้ำคนแรกของสยามประเทศ บอกผ่านทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์เมื่อ 7 ก.ค.2559 ว่า เรือดำน้ำเป็นอาวุธที่รุนแรงและสำคัญ ใช้ในการป้องปราม
โดยเฉพาะอ่าวไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเล มีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 24 ล้านล้านบาทต่อปี
อ่าวไทยมีลักษณะล่อแหลมต่อการถูกปิดอ่าวที่กว้างเพียง 200 ไมล์ทะเล
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พันธมิตรเคยเอาเรือดำน้ำมาปิดปากอ่าว
ทำให้เราเข้าออกไม่ได้ เรือขนน้ำมันของเราถูกเรือดำน้ำยิงจม
ถ้าอ่าวไทยถูกปิด จะด้วยการถูกเรือมาปิดหรือประกาศปิดอ่าวห้ามการเดินเรือ โดยบอกว่าเป็นเขตปฏิบัติการทางทหาร เพียงเขามีเรือดำน้ำ เศรษฐกิจของเราถึงกับเป็นอัมพาตเลย เราจำเป็นต้องพัฒนาขีดความสามารถขึ้นมาเพื่อถ่วงดุล ป้องกันการปิดอ่าวได้ เพื่อปกป้อง ผลประโยชน์ของชาติที่จะล้มเหลวไม่ได้
ยิ่งตอนนี้ทุกประเทศในอาเซียนมีเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ อย่างที่นายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) บอกว่า “เรา ไม่ได้ไปรบกับใคร แต่เรามีไว้ให้คนเกรงใจ” มีประโยชน์ทั้งยามสงครามและยามสงบ
ฉะนั้น การใช้งานในเชิงยุทธศาสตร์จำเป็นต้องมี 3 ลำ เป็น อย่างน้อย
พอ ครม.ผ่านโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ทางกองทัพเรือโดย พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. ก็มอบหมายให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมคณะ เป็นผู้ชี้แจงโครงการนี้อย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 1 พ.ค.2560 เวลา 15.00 น. ที่โรงเก็บอากาศยาน เรือหลวงจักรีนฤเบศร ท่าเทียบเรือท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
แต่ถึงอย่างไร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ก็ยังถูกตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปของโครงการนี้ จึงให้สัมภาษณ์ว่า โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท ใช้เวลาศึกษา 9 ปี เป็นไปตามยุทธศาสตร์และแผนพัฒนากองทัพเรือ
ทั้งหมดขอยืนยัน ว่ากองทัพเรือดำเนินการตามขั้นตอน จัดซื้อโปร่งใส
เรือดำน้ำที่ซื้อจากจีนเหมาะสมกับราคา เทคโนโลยีก็มีการพัฒนาขึ้นมาก รับประกันระยะเวลาการใช้งานและอุปกรณ์ ถ้าไปซื้อที่อื่นไม่ได้แบบนี้ เพราะ 1 ลำมีราคาสูงกว่าของจีนถึง 3 เท่าตัว
ถ้าซื้อเรือดำน้ำของประเทศอื่นจะได้แค่ 1 ลำ
แต่ของจีนได้ถึง 3 ลำและใช้งานได้นาน
ราคาถูกเมื่อเทียบกับเรือดำน้ำอีก 9 ประเทศ และยังมีออปชั่นติดอาวุธยุทโธปกรณ์ ขีปนาวุธยิงจากใต้น้ำต่อสู้อากาศยาน ใช้เวลา 11 ปี ถึงส่งมอบเรือครบ 3 ลำ
เรือดำน้ำมีประโยชน์อย่างไร ครม.ถึงอนุมัติโครงการนี้ พล.อ.ประวิตร บอกว่า โครงการนี้มีความจำเป็นแน่นอน ได้ย้ำพูดหลายครั้ง ว่าในประเทศอาเซียนมีเรือดำน้ำกันหมด โดยเฉพาะประเทศเวียดนามมีถึง 12 ลำ
ประเทศที่อยู่ใกล้ทะเลทั้งหมดมีการเตรียมจัดหาซื้อเรือดำน้ำ
เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลระยะ 200 ไมล์ทะเล
ฉะนั้น ประเทศไทยจำเป็นจะต้องมีเรือดำน้ำ ตามแผนยุทธศาสตร์รักษาทรัพยากรทางทะเล
สิ่งที่ทำไปไม่ได้ทำเพื่อใคร ทำเพื่อประชาชนทุกคน
เพื่อความเข้มแข็งและศักยภาพของประเทศไทย.
ทีมการเมือง

ผล​สอบ! ผู้​ว่าฯ​แม่ฮ่องสอน ไม่​มี​เอี่ยว คดี​ซื้อ​กาม​เด็ก

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์

ภาพ : พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5
18 พยานยืนยัน คดีซื้อกามเด็ก โผล่ให้การอีก 7
คณะกรรมการสอบสวนมหาดไทยรายงานผลสอบพยาน 18 ปาก คดีพ่อเมืองแม่ฮ่องสอนซื้อกามเด็กไม่พบการกระทำความผิด ส่วนอดีต ผวจ.แม่ฮ่องสอนคนเก่าไม่มีหลักฐานซัดทอด ขณะที่ตำรวจเร่งสางคดีค้ามนุษย์มีผู้เข้าไปเกี่ยวข้อง 15 คน ประกอบด้วยตำรวจ ครู ข้าราชการ แม่เล้า และพ่อค้าซื้อบริการเด็ก
ตำรวจเร่งสางคดีค้ามนุษย์หลังนางพิม (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียลว่าลูกสาวและหลานสาวถูก ด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ ผบ.หมู่ ป.สภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน น.ส.ปิยวรรณ หรือเมย์ สุขมา อายุ 26 ปี และ น.ส.ปิยทัสน์ หรือฟ้า ภาพเทียนสุวรรณ อายุ 28 ปี บังคับให้ค้ากาม โดยล่อลวง ด้วยยาเสพติด ถ่ายรูปแบล็กเมล์ นอกจากนี้ยังมีข้าราชการระดับสูงและนายตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อบริการเด็ก ต่อมาตำรวจจับกุมทั้ง 3 คน แจ้งข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ด.ต.ยุทธชัย และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนแนวทางการสอบสวนพาดพิงไปถึงนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน เข้าไปมีส่วนพัวพันซื้อกามเด็ก ทาง รมว.มหาดไทยมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน

ขณะที่นายสืบศักดิ์ยืนยันในความบริสุทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่านายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผวจ.อุตรดิตถ์ และอดีต ผวจ.แม่ฮ่องสอน เพิ่งย้ายมาเมื่อต.ค.59 อาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้ากาม ภายหลังนายพิพัฒน์โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันความบริสุทธิ์ ขณะที่พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับตำรวจ 6 นาย สังกัด ภ.จ.แม่ฮ่องสอน และ สภ.กองก๋อย พัวพันซื้อบริการเด็กแล้ว

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 เม.ย. พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบช.ภ.5 เดินทางไปติดตามความคืบหน้าสำนวนการสอบสวนคดีค้ากามในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน โดยเรียกนายตำรวจเข้าประชุมลับ ที่ห้องประชุมภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อตรวจสอบสำนวนคดีค้ามนุษย์ มีรายงานว่าผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดใช้บริการเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รวม 15 คน แยกเป็นผู้ใช้บริการ 3 คน ประกอบด้วย นายตำรวจยศ พ.ต.ท. ตำแหน่ง รอง ผกก. ร.ต.ท. สังกัด ภ.จ.แม่ฮ่องสอน และ ด.ต.สังกัด สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรุมโทรมหญิงขายบริการ 4 นาย ประกอบด้วย ส.ต.ต. สังกัด สภ.กองก๋อย ที่เป็นพลขับให้อดีตรอง ผบช.ภ.5 ผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นตำรวจใส่เหล็ก ดัดฟันให้พรรคพวกรุมโทรมผู้เสียหายซัดทอด จ.ส.ต. และส.ต.อ.โรงพักเดียวกัน ส่วนอีก 1 นาย อยู่ระหว่างการสอบสวน

ส่วนข้าราชการพลเรือนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจัดหาหรือติดต่อหญิงสาวไปบริการผู้บังคับบัญชา 1 คน ขยายผลสาวไปถึงข้าราชการระดับสูงอีก 2 คน ข้าราชการครู 1 คน อยู่ในสังกัดโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดแม่ฮ่องสอน แม่เล้า 3 คน นอกจากนี้ ยังมีพ่อค้าในตลาดเมืองแม่ฮ่องสอนอีก 1 คน เป็นผู้ใช้บริการเด็กสาว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องสอบสวนภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย และครู 1 คน ที่ถูกกล่าวหาใช้บริการเด็กเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบช.ภ.5 และพนักงานสอบสวนภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวน

ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พร้อมคณะมีกำหนดตรวจเยี่ยม พบปะและให้โอวาทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สะเรียง มี พ.ต.อ.วินัย เกตุพันธุ์ ผกก.สภ.แม่สะเรียง พร้อมข้าราชการตำรวจรอต้อนรับที่จุด ตรวจหน้าถ้ำ และที่ สภ.แม่สะเรียง เมื่อรถของ ผบช.ภ.5 ผ่านจุดตรวจหน้าถ้ำชะลอความเร็ว พล.ต.ท.พูลทรัพย์บอกกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่รอรับว่า มีประชุมด่วนต้องรีบกลับขอยกเลิกการตรวจเยี่ยมกะทันหัน

ด้านนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทยและปลัดอำเภอแม่สะเรียงจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ทำหนังสือส่งผ่านไปรษณีย์ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก-รัฐมนตรี เพื่อขอให้ทางรัฐบาลใช้มาตรา 44 สั่งย้ายนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผวจ.แม่ฮ่องสอนออกจากนอกพื้นที่ หลังจากปรากฏพยานหลักฐานการสอบสวนของตำรวจ บก.ปคม.ที่เข้ามาสอบสวนขบวนการค้ามนุษย์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่า ผวจ.แม่ฮ่องสอนเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องการซื้อบริการเด็กด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะเข้าไปสอบสวนและทำความกระจ่างให้เกิดขึ้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า ความคืบหน้าการสอบสวน ผวจ.แม่ฮ่องสอน หลังถูกซัดทอดพาดพิงเกี่ยวกับการซื้อบริการเยาวชนที่ จ.แม่ฮ่องสอน ว่า นายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รายงานความคืบหน้าการสอบสวน คดีดังกล่าวมายัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย รับทราบถึงความคืบหน้าแล้ว คณะกรรมการ สอบสวนพยานในพื้นที่ 18 คน และจะต้องสอบเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเด็กในคดีที่กรุงเทพฯ เพิ่มอีก 2-3 ปาก ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ที่มีหน้าที่ดูแลเด็ก อีกทั้งสอบถามเด็กโดยตรงว่า ผวจ.แม่ฮ่องสอนไปใช้บริการจริงหรือไม่ แต่ทั้งนี้จากการสอบปากคำพยานในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ไม่พบว่า ผวจ.แม่ฮ่องสอนไปซื้อบริการเยาวชน ขณะที่อดีต ผวจ.แม่ฮ่องสอนคนเก่าก็ยังไม่มีหลักฐานซัดทอดไปถึง ต้องรอสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

สปท.สายทหาร ระบุกลางห้องประชุมรัฐสภา "สื่อไม่รักชาติ ต้องยิงเป้า"




สปท.สายทหาร ระบุกลางห้องประชุมรัฐสภา "สื่อไม่รักชาติ ต้องยิงเป้า"
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร สปท. อภิปรายว่า สื่อเป็นคนไทยหรือไม่ ถ้าเป็นต้องยอมรับกฏหมาย อย่าเป็นไปอภิสิทธิชนเพียงกลุ่มเดียว ทุกคนต้องอยู่ในกฏระเบียบอยู่ในกติกาลองไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นมีกฏหมายเกี่ยวกับสื่อหมด เช่น สิงค์โปร์ สื่อต้องเป็นไปตามกติกา 100 เปอร์เซ็นต์ในจีนก็มี คนที่ไม่เคยได้รับผลกระทบต่อสื่อจะไม่รู้ ตนสมัยเป็นแม่ทัพภาค 2 ก็รบกับสื่อ,kตลอด อย่าง กรณีของผู้ว่าแม่ฮ่องสอนสื่อก็ลงไปเรื่อยทั้งๆไม่ต้องลงก็ได้ ในอังกฤษมีเหตุระเบิดแต่ก็ไม่เห็นมีการนำภาพคนเจ็บไปลง เพราะเขาคงรู้ว่า ลงไปก็ไม่ก่อให้เกิดอะไร แต่ของไทยลงเอามัน ทั้งสื่อออนไลน์ สิ่งพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ ล้วนมีปัญหาหมด
"ขนาดวันก่อน ผมอ่านสื่อออนไลน์มา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ด่าทหารประจำ ไม่รู้อยากเล่นการเมืองหรือไม่ อยู่ดีๆมาบอกว่า ถ้าเอาก้อนหินปาไปในค่ายทหารโดนแต่หัวพล.อ .แล้วยังถามว่ารถถังซื้อมาทำไม เคยไปรบหรือไม่ เขาเป็นรุ่นพี่ ผมเป็นเตรียมทหารรุ่น 12 พี่เขารุ่น 7 พูดแบบนี้ผมไม่เคารพกันแล้ว แล้วสื่อที่เผยแพร่ก็น่าเอายิงเป้าให้หมด" พล.อ.ธวัชชัย
/////////

ตร.เผย’บอส อยู่วิทยา’ เพิ่งเผ่นออกจากไทย 25 เม.ย. ไม่รู้ปลายทาง เร่งเช็กข้อมูลพาสปอร์ต!


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศในฐานะหัวหน้าตำรวจสากล ประจำประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าถึงการติดตามตัวนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต ว่าจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ต้องหาได้เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา แต่ไม่ทราบประเทศปลายทางที่เดินทางไป โดยเป็นหลักฐานที่ได้รับรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งขณะนี้กองการต่างประเทศ ได้ส่งหนังสือถึงตำรวจสากลในประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 28 เมษายน เพื่อยืนยันว่านายวรยุทธอยู่ในประเทศอังกฤษหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานกลับมา เพื่อเป็นข้อมูลให้สำนักงานอัยการสูงสุดทำหนังสือขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ขณะเดียวกันภายในสัปดาห์นี้ตำรวจสากลอังกฤษจะประชุมหารือกับกองการต่างประเทศเพื่อยืนยันว่าผู้ต้องหารายนี้อยู่ในอังกฤษหรือไม่ แต่หากพบว่าผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้อยู่ในอังกฤษตำรวจสากลจะออกหมายสีน้ำเงิน เพื่อให้ 190 ประเทศสมาชิกในการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามตัวมาดำเนินคดี
พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวว่า พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อได้ดำเนินการส่งหนังสือไปถึงกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเพิกถอนหนังสือเดินทางไทยของผู้ต้องหารายนี้แล้ว ขณะเดียวกันต้องตรวจสอบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีหนังสือเดินทางกี่เล่มและของสัญชาติใดบ้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาข้อมูลที่ชัดเจน
ผบก.ตท.กล่าวอีกว่า แม้ตั้งแต่มารับราชการกองการต่างประเทศกว่า 15 ปี ไม่เคยมีการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนในคดีขับรถชนคนเสียชีวิตมาก่อน แต่เชื่อว่าจะสามารถได้ตัวผู้ต้องหารายนี้กลับมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน

จุดยืน...สนธิญาณ...พรบ.สื่อฯ



จุดยืน...สนธิญาณ...พรบ.สื่อฯ
๑.เห็นด้วย"จดทะเบียนสื่อ"เพราะ ต้องรู้ว่าใครมีอาชีพทำสื่อสารมวลชนและใครทำธุรกิจสื่อสารมวลชน ทุกวันนี้มี"สื่อปลอม"ทั้งในแง่ตัว"บุคคล"และในแง่"องค์กร" อย่างมากมาย เพราะมีทั้งตั้งขึ้นมาเพื่อ สนับสนุน"พรรคการเมือง" หรือ"องค์กรมวลชน"ที่สนับสนุนพรรคการเมืองโดยไม่เคยแยกถูกผิด!!!มีแต่พรรคการเมืองที่ตัวเองสนับสนุนหรือองค์กรที่ตัวเองสับสนุนเท่านั้นที่"ทำอะไรก็ถูก"ท่ีคนอื่นทำ"ผิดหมด"!!!! แล้วก็ทำการปลุกเร้ามอมเมาผู้คนด้วยข้อมูลข้างเดียวจนประเทศชาติเกิดความแตกแยกและเกิดปัญหาขึ้น!!!
หรือตั้งขึ้นมาเพื่อหาเงินอย่างเดียว!!!!
๒.ต้องมี"สภาวิชาชีพสื่อ"ที่มาจาก"การเลือกตั้ง"อย่างกว้างขวางจาก"สื่อที่ทำการจดทะเบียน"ทั้งตัว"บุคคล"และ"องค์กร" โดย"สภาวิชาชีพ"จะต้อง"ไม่มีภาครัฐ"เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเด็ดขาด!!!! เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าจะขอ"ตัวแทนสื่อ"เข้าไปอยู่ใน"คณะกรรมการ"ต่างๆของภาครัฐ"โดยตำแหน่ง"ด้วยเช่น "กตร."หรือคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เพื่อปกป้องประชาชน ก็ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกันคือให้เกิดความโปร่งใสและเกิดการประสานงานที่ดีจะได้หรือไม่? ถ้าภาครัฐเห็นด้วยที่จะให้สื่อเข้าไปก็ไม่แปลกอะไรที่ภาครัฐจะเข้ามาใน"สภาวิชาชีพสื่อ"ได้
ส่วนข้อเท็จจริงทาง"ด้านสื่อ"ที่ควรยอมรับคือ"ตัวแทนองค์กรสื่อ"หรือ"สภาวิชาชีพต่างๆในปัจจุบันนั้น ไม่ว่าจะเป็น"หนังสือพิมพ์" "วิทยุ"หรือ "โทรทัศน์"..."ไม่ได้เป็นตัวแทนของสื่อจริงๆ"...เป็นเพียงองค์กรของ"คนกลุ่มเดียว"ที่เคลื่อนไหวกันอยู่ในวงแคบๆ แทบจะนับตัวคนได้ แล้วใช้ฐานะดังกล่าวนั้นอวดเบ่ง วางก้าม คุยโต กับภาครัฐหน่วยงานราชการหรือกับบุคคลภายนอก!!!!
แต่กับพวกตัวเอง"ไม่มีน้ำยา"ที่จะทำอะไรได้ ขนาดมี"สื่อทุจริต"ขี้โกง ศาลลงโทษพิพากษาแล้ว ยังได้แต่ชะเง้อคอมองทั้งตัวบุคคลที่ศาลพิพากษาและองค์กรที่ตัวบุคคลนั้นทำงานอยู่ก็"ไม่สามารถ"ไป "บังคับลงโทษ" อะไรได้ ต้องอาศัยมาตรการทางสังคมโน้น"คนทำผิด"และองค์กรดังกล่าวถึงยอมถอยไปบ้าง!!!
ไม่ต้องนับกรณีอื่นๆอีกมากมายที่"องค์กรสื่อ"ในปัจจุบัน"ไม่มีน้ำยา"จะไปดำเนินการอะไรได้เพราะไม่มีบทลงโทษนั่นเอง
ดังนั้น"การจดทะเบียน"จึงจำเป็นเพื่อจะทำให้ได้"มีสิทธิ์"ใน"การเลือกตั้ง"สภาวิชาชีพสื่อ!!!! ไม่ใช่ไปต่อต้าน"ไม่จดทะเบียน"แล้วก็มั่วๆกันอยู่ในแวดวงไม่กี่คน!!!
เมื่อ"การเลือกตั้ง"เป็นไปอย่างกว้างขวาง มีการวางกฎระเบียบอย่างรัดกุม ให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่าง"บริสุทธิ์ยุติธรรม"(ถ้าเลือกตั้งกันเองยังทำให้ยุติธรรมไม่ได้จะมาอวดอ้างถึงความวิเศษวิโสของอาชีพตนเองว่ามีจริยธรรมมีความรับผิดชอบเหนือกว่าอาชีพอื่นได้อย่างไร) ดังนั้น"บทลงโทษ"จึงต้องมี เพื่อให้"ยักษ์มีกระบอง"
๓.สื่อใน"นิวมีเดีย"วันนี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและพลิกแพลงเป็นรูปแบบต่างๆ อย่างเหลือคณานับ จะต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้งเพื่อจะต้องทำให้อยู่ในกรอบของ"กฎหมาย"และ"จริยธรรม" รวมทั้งจะต้องมีมาตรการ"ส่งเสริม"กระบวนการแห่งความรู้ให้กับ"ประชาชน"เพื่อจะทำให้เกิด"สื่อภาคประชาชน"อย่างกว้างขวาง เพื่อทำหน้าที่รายงานข่าวข้อเท็จจริงอันเกี่ยวข้องกับพื้นที่ ที่ตัวเองอยู่หรือวิชาชีพที่ตัวเองเกี่ยวข้องเพราะมีความเข้าใจเบื้องหน้าเบื้องหลังและความเป็นมา ของข่าวสาร นั้นๆอย่างลึกซึ้ง อย่างที่"สื่อโดยอาชีพ"ไม่สามารถทำได้!!!!!
ดังนั้น พรบ.สื่อ ฯ ฉบับนี้จึงควรถอนออกมาเสียก่อนเพราะ"ผู้ที่ทำหน้าท่ีร่าง"ไม่เคยมีความเข้าใจเรื่องสื่อเลย ท่ีร่างขึ้นมาก็เพื่อ"เอาใจผู้ที่มีอำนาจรัฐ"อยู่ในขณะนี้เท่านั้น!!!!
แต่ถอน!!!!ออกมาแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าให้เลิกหายไป ยังจะต้องผลักดันให้เกิด ร่าง พรบ.ฉบับใหม่ให้ได้ โดนมีกรอบเบื้องต้น ดังได้เสนอไปแล้ว
เสนอให้ปฏิรูปคนอื่นเยอะแล้วสื่อก็ถึงเวลาปฏิรูปตัวเองเสียบ้าง!!!
"สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม"
๓๐ เมษายน ๒๕๖๐

Thaitanic

Supalak Ganjanakhundee
2 ชม.
Thaitanic
ว่ากันว่าทหารไทยเล่นสัญลักษณ์เก่ง เห็นที่จะจริง กองทัพเรือเรียกแถลงข่าวชี้แจงปมปัญหาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำบนห้องเก็บเครื่องบินบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร(HTMS Chakri Naruebet: CVH-911) น่าจะบอกเป็นนัยว่า อนาคตของเรือดำน้ำ S26T น่าจะเป็นแบบนี้
หลังจากวิกฤตพฤษภาคม 1992 (2535) แล้ว กองทัพเรือได้จ้างบริษัทสเปนแห่งหนึ่ง (ปัจจุบันคือบริษัทNavantia) ต่อเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งในราคาตอนนั้น 336 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ นั่นเป็นปฐมบทของเรื่องสำหรับการสั่งซื้ออะไรแบบไม่ดูตาม้าตาเรือโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเรือเข้าประจำการในปี 1997 (คือ 2540) ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจพอดี ราคาตอนสั่ง 25 บาทต่อดอลล่าร์แต่ราคาตอนจ่ายปาเข้าไป 40 บาท ต่อดอลล่าร์ ผลของมันก็คือทำให้ต้นทุนในการปฏิบัติการและการบำรุงรักษาเรือแพงอย่างมากด้วย
เรือหลวงจักรีนฤเบศรเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ (แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเรือบรรทุกเครื่องบินแล้วก็จัดเป็นเรือขนส่งอากาศยานขนาดเล็ก) ถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเรือแบบนี้ไว้ใช้งาน
แต่ความเท่ห์ประมาณนั้นไม่มีความหมายอะไร ภารกิจหลักของเรือจักรีนฤเบศร์คือปกป้องผลประโยชน์ทะเลไทย แต่ที่มีโอกาสจะได้ทำบ้างคือ เข้าร่วมในภารกิจกู้ภัยพิบัติ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรจริงจังพอจะรับบทพระเอกได้หรอก เพราะเรือมีขนาดใหญ่โตเกินไป ไม่คล่องตัว เช่นกรณีภัยสึนามิภูเก็ตปี 2004 นั้นกว่าเรือจะไปถึงก็ใช้เวลานาน
ประการสำคัญคือ การปฏิบัติการแต่ละครั้งนั้นแพงมาก ติดเครื่องทีก็ใช้งบประมาณเป็นแสนบาท ดังนั้นเรือหลวงจักรีนฤเบศรในปัจจุบันรับภารกิจหลักทางด้านการท่องเที่ยว คือเปิดให้ประชาชนเข้าเที่ยวชมได้ แพคเกจท่องเที่ยวสัตหีบนั้นก็มีการเยี่ยมชมเรือหลวงลำนี้รวมอยู่ด้วย (เลือกแพกเกจได้ตามเวปไซต์ทั่วไป ถ้าเราใช้ google หาด้วยชื่อภาษาไทยจะได้ข้อมูลเรื่องการท่องเที่ยวมากกว่าทางการทหาร)
ไม่มีอะไรเป็นความลับเรือหลวงจักรีนฤเบศรมีลานบินแบบ ski-jump สามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินที่ขึ้นลงแนวดิ่งได้ 14 ลำ แต่เครื่องฮ็อคเกอร์-ซิดเดลี่ย์ แฮริเออร์ เอวี-8เอส (ที่นั่งเดี่ยว) และ ทีเอวี-8เอส (สองที่นั่ง) มือสองจากกองทัพเรือสเปนเข้าประจำการพร้อมเรือจำนวน 9 ลำนั้นปลดระวางไปเรียบร้อยแล้วเพราะขาดอะไหล่และงบประมาณในการดูแลรักษา
เรื่องของเรือหลวงจักรีนฤเบศร์นั้นเม้าท์กันในวงการยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางทะเลว่าเป็น Thaitanic คือเป็นบทเรียนให้กองทัพทั่วโลกในเรื่องของสิ่งที่ไม่ควรทำในการจัดหายุทโธปกรณ์