PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สถานการณ์ข่าวต่างประเทศ16/11/60

-  รอยเตอร์ เนปิดอว์, เมื่อวันพุธ(๑๕พย.) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ “เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน” แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งในรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ ต่อความโหดเหี้ยมของเมียนมาร์ ที่กระทำต่อชาวโรฮีนจา เรียกร้องต่อหน้า “ออง ซาน ซูจี” ให้แยกสอบข้อเท็จจริงอย่างอิสระ ยันสหรัฐจะใช้วิธีลงโทษเป็นรายบุคคลต่อผู้ที่สั่งการให้ใช้ความรุนแรง
-  บีบีซี ประธานสหภาพอาฟริกา “อัลฟา คอนเด” เรียกร้องให้ซิมบับเว กลับไปใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญตามเดิม หลังทหารยึดอำนาจและกักบริเวณประธานาธิบดี “โรเบิร์ต มูกาเบ” (วัย ๙๓ ปี) แต่อ้างไม่ได้ทำรัฐประหาร เพียงมุ่งกำจัด “อาชญากร” รอบๆ ตัวผู้นำ
-  เกียวโด นิวส์ มะนิลา, สหรัฐกดดันเกาหลีเหนือต่อด้วยการ “โดดเดี่ยว” เกาหนีเหนือทางเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีสหรัฐ “โดนัลด์ ทรัมพ์” เรียกร้องผู้นำชาติสมาชิก “อาเซียน” ให้ทำทุกอย่างเพื่อกระชับการ “บอยคอต” เกาหลีเหนือทางการค้า  ทั้งนี้จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางการทูต
-  รอยเตอร์ มะนิลา, ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ “โรดริโก ดูเตอร์เต” ประจบนายกรัฐมนตรีจีน “หลี่ เค่อเฉียง” ว่าจีนมีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งในการเร่งรัดให้เหตุการณ์ร้ายที่เมือง ”มาราวี” ยุติลง
-  สเตรตส์ ไทมส์ รัฐยะโฮร์บาห์รูของมาเลเซียประสบกับภาวะขาดแคลนพนักงานขับรถยนต์โดยสาร เนื่องจากพากันข้ามพรมแดน (ที่อยู่ติดกัน) เข้าไปทำงานในสิงคโปร์เสียเป็นจำนวนมาก
-  อาเซียน เซ็กเรตาเรียต นิวส์ มะนิลา, เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายนผู้นำรัฐและตัวแทนรัฐบาลชาติสมาชิกอาเซียนร่วมลงนามใน”ข้อตกลงเอกฉันท์ว่าด้วยการปกป้องและการส่งเสริมสิทธิของแรงงานอพยพ” ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญของการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๓๑
-  เนชั่น กทม., วันนี้(๑๖พย.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติของไทยจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ว่าด้วยหนี้สาธารณะ เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลสามารถขยายการกู้ยืมเงินจากตลาดทุนต่างๆ เพิ่ม ขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนี้สาธารณะของไทย ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคมอยู่ที่ ๖.๒๒ ล้านล้านบาท หรือ ๔๑.๘๓ เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
-  เนชั่น บรรดาบรรษัทข้ามชาติจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลจากกรณีจีนประกาศทุ่มทุนเพื่อโครงการสร้างทางรถไฟ สำหรับตลาดใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน จำนวน ๔๑ พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ เป็นสาระตอนหนึ่งของบทความที่เขียนโดย “สุนิล หิระนันดานี”
-  พนมเปญ โพสต์ จำนวนผู้กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินขนาดย่อม(เอ็มเอฟไอ) ของกัมพูชาลดลง ๕ เปอร์เซ็นต์ในระหว่างไตรมาสที่ ๓ ของปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว สะท้อนความพยายามที่จะเข้มงวดเงื่อนไขคุณภาพของผู้กู้  โดยคิดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน ๑๘ เปอร์เซ็นต์
-  จาการ์ตา โพสต์ อินโดนีเซียสามารถส่งกาแฟไปขายให้เกาหลีใต้ในปีนี้เพิ่มขึ้นที่ ๕๓.๐๑เปอร์เซ็นต์ ณ เดือนสิงหาคม มูลค่าอยู่ที่ ๙.๔๒ ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว “อาร์ลินดา” อธิบดีกรมพัฒนาการส่งออกในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ของอินโดนีเซีย เปิดเผยในคำแถลง
http://chaoprayanews.com/blog/morningnews/2017/11/16/16112560/

"ลุงป้อม" หายตัว !!!

"ลุงป้อม" หายตัว !!!
พอ"นายกฯบิ๊กตู่" กลับมา เมื่อคืน ปั๊ป... "บิ๊กป้อม" พลเอกประวิตร ที่รักษาการนายกฯ มาให้หลายวัน ก็หายตัว ปั๊ป!!!
เมื่อเช้า มีประชุม เตรียมการ ครม สัญจรใต้ แต่ "บิ๊กป้อม" พลเอกประวิตร ก็ให้ "บิ๊กโด่ง" พลเอกอุดมเดช มาประชุม แทน ที่ทำเนียบฯ
งานนี้ คนใกล้ชิด บอกแต่เพียง ว่า.....ไม่รู้ ไม่รู้.....555
แต่ไม่ใช่ เรื่องสุขภาพร่างกาย เพราะแข็งแรง ดีแล้ว....
ท่ามกลางกระแสข่าวลือ ว่า ไปต่างประเทศ
สงสัย "เชอร์ล็อค ป้อม" จะมี "ว.5" อีกแล้ว
เมื่อวาน หลังนำประชุม ครม. ลงมา ตอนขึ้นรถกลับ ยังบ่นนักข่าว อยู่เลยว่า "ถามเลอะเทอะๆ" เรื่อง เด้ง ผบ.ตร. มาเป็น รมต. เปิดทาง"ศรีวราห์" นั่ง ผบ.ตร.
วันนี้ ลุงป้อม หายตัวเงียบ !!! ท่ามกลางกระแสปรับ ครม. ที่ ใกล้จะเห็นหน้า"ประยุทธ์5" แล้ว

ไปดูแล ❤️❤️"หัวใจ"

ไปดูแล ❤️❤️"หัวใจ"
"บิ๊กป้อม"พลเอกประวิตร ไม่ได้หายไปไหน แต่เป็น "ว.5 ส่วนตัว" ...แค่ แว้บ ไปดูแลสุขภาพ ดูแลหัวใจ เท่านั้น
อาจเพราะผ่าตัด มาเกือบ 6 เดือน...แม้ดูแข็งแรงดี. แต่ก็ต้อง ตรวจเช็ค ตามวงรอบ.....และเช็คร่างกายเพิ่มนิดหน่อย...แต่ไม่เปิดเผยว่า ที่ไหน
แต่ ในวันอาทิตย์นี้ "บิ๊กป้อม" ต้องไปพัทยา เป็นประธานเปิดการประชุม ผบ.ทร.อาเซี่ยน ในมหกรรมทางเรือนานาชาติ และจะนอนค้าง เพื่อรออยู่งาน สวนสนามทางเรือ 20พย. รอรับ "นายกฯบิ๊กตู่"ด้วย
หายตัวไป ไม่เกี่ยวกับการปรับ ครม. ใดๆทั้งสิ้น....เพราะ ตอนนี้ รอแค่ โปรดเกล้าฯลงมา เท่านั้น

"บิ๊กป้อม"ล่องหน



ไม่รู้ จริงๆ!!
"บิ๊กโด่ง" พลเอก อุดมเดช ยัน ไม่รู้ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร อยู่ไหน เพราะปกติ เราจะไปหาท่าน เฉพาะเมื่อท่านเรียก หรือติดต่อมา ปัดตอบ ไปต่างประเทศ หรือไปดูแลสุขภาพ
ส่วนการปรับ ครม.นั้น ไม่มีใครรู้จริง และไม่รู้เลยว่า จะมีการเปลี่ยนแปลง ในกลาโหมหรือไม่
และ ไม่รู้จริงๆว่า ปรับครม.ครั้งนี้ ตนเองจะอยู่หรือไป เพราะไม่มีใครมาบอกอะไร เราก็ทำงานของเราไป ท่านนายกฯท่านพิจารณาของท่านเอง ตามความเหมาะสม
"ไม่มีใครรู้จริงหรอกครับ เป็นแค่การคาดเดา เพราะนายกฯคนเดียว ที่รู้"

เลือกตั้ง ท้องถิ่น เกิด ขัดแย้ง ยุติ ขัดแย้ง

เลือกตั้ง ท้องถิ่น เกิด ขัดแย้ง ยุติ ขัดแย้ง


เมื่อ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า คสช.มีความเห็นควรปลดล็อกให้ท้องถิ่นก่อน

ทั่วทั้งหมดก็เข้าใจได้ว่า คสช.ตัดสินใจจัดเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนเลือกตั้งทั่วไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศว่า จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2561

ดังนั้น การจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นจึงต้องมีขึ้นระหว่างบัดนี้จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2561

รวมระยะเวลาประมาณ 1 ปี

หลังจากนายวิษณุเปิดเผย บรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทยอยให้ข้อมูล

กกต.ระบุว่า นายกและสมาชิกท้องถิ่นที่หมดวาระและรอการเลือกตั้งมี 7 ประเภท

องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานคร

นายกและสมาชิกท้องถิ่นที่รอการเลือกตั้งมี 8,410 อัตรา

ขณะที่ กรธ.ระบุว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นจะจัดขึ้นได้ สนช.ต้องแก้ไขกฎหมาย 5 ฉบับ

แก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 2560

นายวิษณุได้นัดหน่วยงานจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น อาทิ กรรมการการเลือกตั้ง กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ ประชุมวันที่ 16 พฤศจิกายน

ประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการปลดล็อกและการเลือกตั้งท้องถิ่นตามที่ประกาศไว้

หากแต่ก่อนการประชุม ได้บังเกิดคำถามและคำตอบอันขัดกันระหว่าง กกต. กับ กรธ.

คำถามที่ กกต. นำโดย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ปุจฉาว่า ใครเป็นผู้จัดการเลือกตั้งท้องถิ่น

ทั้งนี้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสงค์จะให้ กกต.เป็นผู้กำกับ ไม่ใช่เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง

คำตอบที่ กรธ. นำโดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ วิสัชนาว่า กกต.สามารถจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้

แต่คำถามและคำตอบยังคงไม่เป็นข้อยุติ เพราะ กกต.ขอส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

อำนาจการจัดการเลือกตั้งอยู่ที่ใคร

ความขัดแย้งเริ่มเกิดขึ้นแล้ว

ความขัดแย้งเช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น เพราะมนุษย์หรือหน่วยงานที่มีมากกว่าหนึ่งย่อมมีโอกาสเห็นต่าง

เมื่อเห็นต่างก็อนุมานได้ว่าขัดแย้ง

กรณี กกต. กับ กรธ.ถือเป็นตัวอย่างความเห็นต่างในเรื่องตัวบทกฎหมาย

หน่วยงานราชการที่ทำงานก็มีความเห็นต่างกันอยู่เนืองๆ

ความเห็นต่างในข้อกฎหมาย ถ้าหาข้อสรุปลงตัวไม่ได้ก็ต้องหาผู้ตัดสิน

กรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญคือผู้ตัดสิน

เมื่อยอมรับคำตัดสิน ข้อขัดแย้งก็ยุติ

กรณีการหาเสียงเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นเลือกตั้งระดับท้องถิ่น หรือเลือกตั้งทั่วไป

สิ่งที่ต้องเผชิญหน้าก็หนีไม่พ้นความเห็นต่าง

เป็นความเห็นต่างในนโยบายการบริหาร

เห็นต่าง เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้เลือก

ความเห็นต่างเช่นนี้อาจจะมองเป็นความขัดแย้ง

แต่เป็นความขัดแย้งที่สามารถหาข้อยุติได้ด้วยการยอมรับ

เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ทุกฝ่ายยอมรับ

ความขัดแย้งก็ยุติ

ความเห็นต่าง ความขัดแย้ง จึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น

ข้อสำคัญคือ เมื่อขัดแย้งแล้วจะบริหารความขัดแย้งเช่นไร

จะยุติความขัดแย้งแบบไหน

ด้วยวิธีบังคับ หรือจะยอมรับกติกา

โหมดการเมือง โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข

โหมดการเมือง โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข



แฟ้มภาพ
การประชุม ครม.เมื่ออังคารที่ผ่านมา รองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.แทนนายกฯที่ไปประชุมต่างประเทศ

หลังการประชุม โฆษกรัฐบาลแถลงว่า พล.อ.ประวิตรสั่งการว่า สถานการณ์เข้าสู่โหมดการเมือง มีการใส่ร้าย บิดเบือน การปล่อยข้อมูลข่าวสารเพื่อเป็นเท็จ หรือพยายามลดความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในรูปแบบต่างๆ บางเรื่องก็มีมูล บางเรื่องก็ไม่มีมูล

พล.อ.ประวิตรจึงสั่งการให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานเชิงรุก ตามที่นายกฯเคยสั่งการไว้

ถ้ามีข้อมูลคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ต้องอธิบายข้อมูลที่เป็นจริง ให้สังคมได้รู้ว่าแล้วจริงๆ คืออะไร

นักข่าวถามโฆษกว่า ที่พบว่าขณะนี้มีการออกมาเคลื่อนไหวบิดเบือน โจมตีรัฐบาล คสช.มากผิดปกติ ถือเป็นประเด็นที่สอดคล้องกับคำถามข้อที่ 6 ของนายกฯหรือไม่ โฆษกรัฐบาลตอบว่า มองว่าสอดคล้องกันแบบนั้นได้

หลังจากรองนายกฯสั่งการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือด่วนถึงหน่วยงานในสังกัด ให้ติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคล ที่เตรียมการปลุกระดมมวลชน เตรียมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล

โดยพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้มวลชน เครือข่าย และประชาชนทั่วไป เข้าใจผิดหลงเชื่อ ตามสถานที่ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน และช่องทางสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ ฯลฯ โดยมีความตั้งใจให้การเคลื่อนไหวขยายตัวเป็นวงกว้าง

เพื่อรอโอกาสยกระดับเป็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาล การเคลื่อนไหวมีทั้งใน และนอกประเทศ ฯลฯ

คำแถลงจากรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โผล่มาในบรรยากาศของบ้านเมืองที่ค่อนข้างสงบเงียบ

บรรยากาศแบบนี้ ถ้ามีการปลุกระดม ใส่ร้าย บิดเบือน ก็น่าจะเห็นกันได้ไม่ยาก

นักการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ผ่านหนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ มีไม่กี่คน

พรรคเพื่อไทยกลุ่มหนึ่ง ปชป. กลุ่มหนึ่ง นานๆ ชาติไทยพัฒนาโผล่มาแจม

นักกิจกรรมสังคม-การเมือง มีอยู่ 2-3 คน กลุ่มปัญญาชน นิสิตนักศึกษากับอาจารย์ อีกไม่กี่ชื่อ

เป็นใครบ้าง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รู้ดี เพราะมีการเชิญตัวไปพูดคุย ไปกินกาแฟ รวมถึงตามไปเยี่ยมถึงบ้าน บางคนเจอข้อหาไปแล้ว

น่าจะคุ้นเคยกันดี เผลอๆ อาจแจก-แลกซองกฐิน หรือการ์ดงานบวชกันแล้ว

หัวข้อที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ก็มี 2 เรื่องใหญ่ๆ คือการเมือง กับเศรษฐกิจ

ระยะนี้พูดกันมากเรื่องปลดล็อก กับปรับ ครม. ที่ดีกรีดุเดือดมีเรื่องราคายาง แต่ก็เชิญตัวไปคุยกันแล้ว

ส่วนการลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่รัฐ ควรมองเป็นเรื่องปกติของการวิพากษ์วิจารณ์ คงไม่มีผลถึงขั้นทำงานไม่ได้

ถ้าจะบอกว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้ จะนำไปสู่การล้มรัฐบาล อาจจะต้องขอส่องดูเหตุการณ์กันนานหน่อย
แต่คำว่า “โหมดการเมือง” ก็บอกในตัวเองว่า สถานการณ์จากนี้ไป จะชี้นำด้วย “การเมือง” มากขึ้น

ส่วนจะเป็น “การเมือง” ของใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
…………..
วรศักดิ์ ประยูรศุข

ถึงมือ’บิ๊กตู่’แล้ว! ปม.2รมต.ถือหุ้นเกิน ‘ป.ป.ช.’แจงไม่มีอำนาจสอบ ให้นายกฯพิจารณาเอง

ถึงมือ’บิ๊กตู่’แล้ว! ปม.2รมต.ถือหุ้นเกิน ‘ป.ป.ช.’แจงไม่มีอำนาจสอบ ให้นายกฯพิจารณาเอง



แฟ้มภาพ
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถือหุ้นบริษัทเอกชน และการลงทุนทำธุรกิจเกิน 5% อาจเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 ว่า ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้สรุปเรื่องดังกล่าวส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ แล้ว โดยกรณีนี้อาจผลต่อการพิจารณาของนายกฯในการปรับ ครม.ของรัฐมนตรีบางคนด้วย

ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ รักษาการเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนมาแล้วทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาตามข้อกฎหมายของ ป.ป.ช.โดยดูจากบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่มีอยู่จริงก่อนได้ข้อสรุปว่า เรื่องนี้ไม่เข้าข่ายอยู่ในอำนาจพิจารณาของ ป.ป.ช. จึงส่งเรื่องไปยังต้นสังกัดคือ นายกฯ เพื่อพิจารณาสอบสวนเองหรือจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะถือว่า รัฐมนตรีทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของนายกฯ รวมทั้งได้ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย

กองเชียร์ลุ้นหนัก!! "ครม.ประยุทธ์5" เปิดโผ "7บิ๊กเนม" ชิงเก้าอี้รมต.คนใหม่

กองเชียร์ลุ้นหนัก!! "ครม.ประยุทธ์5" เปิดโผ "7บิ๊กเนม" ชิงเก้าอี้รมต.คนใหม่
ภายหลังมีรายงานข่าวออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ทูลเกล้าฯรายชื่อคณะรัฐมนตรีใหม่จากการปรับคณะรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.60) ได้ปรากฏรายชื่อผู้ที่คาดว่าจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใน “ครม.ประยุทธ์ 5” จำนวนมาก หากลองมาสำรวจรายชื่อใน “โผ” เหล่านั้น
จุดที่น่าจะเป็นไฮไลท์ที่สุดในการปรับ ครม.ครั้งนี้ น่าจะเป็นที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีเสียงเรียกร้องให้นายกฯ ปรับ “เพื่อนเลิฟ” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการฯ ออก ขณะที่เมื่อวานนี้ได้มีกลุ่มชาวประมง จาก 22 จังหวัดชายทะเลนับร้อยคนเดินทางมาให้กำลังใจถึงหน้ากระทรวง
เกี่ยวกับตำแหน่งนี้ มีข่าวออกมา 2 กระแส กระแสหนึ่งบอกว่า “บิ๊กฉัตร” ยังเหนียวแน่น ได้นั่งอยู่ที่เดิม แต่อีกกระแสบอกว่า “บิ๊กตู่” ขอให้เพื่อนขยับไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แทน พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ที่ลาออกจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้ หรืออาจจะไปอยู่ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีข่าวว่า “ยุคล ลิ้มแหลมทอง” อดีต รมว.เกษตรฯ ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีความสนิทสนมกับฝั่งพรรคชาติไทยพัฒนา จะกลับเข้ามานั่งตำแหน่งนี้อีกครั้ง
สำหรับนายยุคล นั้น ถือว่าเป็นลูกหม้อกระทรวงเกษตรฯ เติบโตมาจนกระทั่งเป็นปลัดกระทรวง และได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ในโควต้าของพรรคชาติไทย โดยนายยุคล มีความสนิทสนมกับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย
การเข้ามาของนายยุคล นอกจากจะมีจุดเด่นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีกับข้าราชการในกระทรวง พูดกันรู้เรื่อง ต่างกับ “บิ๊กฉัตร” ที่เป็นสไตล์ “ทหาร” อาจจะสื่อสารกัน “คนละภาษา” กับข้าราชการในกระทรวงบ้าง ยังถูกมองว่าหมายถึง “สายสัมพันธ์” ระหว่าง “คสช.” กับ “พรรคชาติไทยพัฒนา” อีกด้วย
คนที่สองที่อาจจะเข้ามา คือ “ลักษณ์ วจนานวัช” อดีตผู้จัดการ ธ.ก.ส. ซึ่งตาม “โผ” ระบุว่าจะมาเป็น รมช.เกษตรฯ แทน “ชุติมา บุญยประภัศร” รมช.เกษตรฯ อดีตปลัดพาณิชย์ ที่จะกลับไปเป็น รมว.พาณิชย์ แทน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ที่อาจจะหลุดจากตำแหน่ง
คนที่สามที่มีชื่อจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ในการปรับ ครม.ครั้งนี้ด้วย คือ “ผบ.ตร.” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ซึ่งมีข่าวว่าถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้คนอื่นขึ้นมา มีข่าวว่า “บิ๊กแป๊ะ” พยายามต่อรองขอไปเป็น รมว.ยุติธรรม แต่มีความเป็นไปได้ว่าสุดท้ายน่าจะได้เข้าไปเป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ที่กระทรวงพลังงาน เป็นที่จุดที่น่าจะมีการปรับเปลี่ยน ชื่อที่ปรากฎออกมาว่าไปนั่งตำแหน่ง รมว.มี 3 คน คนแรกคือ "พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ" เพื่อนรักอีกคนของ “บิ๊กตู่” คนที่สอง คือ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และ คนที่สาม คือ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.ซึ่งปัจจุบันเป็นกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการหลายชุด ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
คนที่เจ็ด ที่ปรากฏชื่อออกมา คือ “วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งปัจจุบันเป็น สนช.อยู่ด้วย ตาม “โผ” ระบุว่าเขาจะมาอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี 2 สูตร คือ อาจจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการฯแทน “หมอธี” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ หรือ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ แล้วขยับ "พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์" รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ
สุดท้ายทั้ง 7 คนนี้ ใครจะได้เข้าวิน หรือใครจะได้เป็นแค่รัฐมนตรี ใน "โผ" เท่านั้น ต้องรอหลังมีการโปรดเกล้าฯรายชื่อ "ครม.ประยุทธ์ 5"

โจทย์แฝงต้องรื้อใหญ่

โจทย์แฝงต้องรื้อใหญ่

“ซุ่มโป่ง” ตามจังหวะล่าสุดที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. บินกลับจากปฏิบัติภารกิจที่ประเทศฟิลิปปินส์มาประจำการที่เมืองไทย โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติภารกิจแทนในคิวงานที่ขึ้นหมายล่วงหน้าไว้

ในสถานการณ์ที่โผ ครม.ปลิวว่อนหลอนรัฐมนตรีที่ลุ้นตัวโก่ง

ถึงตรงนี้ก็ยังเป็นแค่กระแสข่าวลือ ถือว่า “นายกฯลุงตู่” อุบไต๋เงียบมาก ขนาด “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยังยอมรับว่า นายกฯตัดสินใจทั้งหมด

ตัว “พี่ใหญ่” เอง ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่หรือไป

เรื่องของเรื่องต้องไม่ลืมว่า ด้วยฟอร์มของรัฐบาลทหาร คสช.ที่ยึดระเบียบเป๊ะๆ ไม่เหมือนอดีตรัฐบาลนักการเมืองที่โพยปรับ ครม.ว่อนออกมาก่อนกระบวนการสำคัญ ก่อปัญหาลักลั่นเชิงอำนาจ

รายการนี้ “บิ๊กตู่” โชว์ความเด็ดขาด ขอสิทธิจัดทำโผเอง ก็ยิ่งยากจะแคะได้

ในมุมที่เจาะข่าวทางลึกไปได้ข้อมูลแค่ว่า รัฐมนตรีที่ติดปมหุ้นไม่น่ามีปัญหา จนเป็นปัจจัยให้ต้องปรับเปลี่ยน ภายหลังแกนนำรัฐบาลหารือเกจิกฎหมายแล้วชี้ว่า สามารถอธิบายได้ หรือถึงจะโดนชี้ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็ยังมีขั้นตอนไปว่ากันในศาลรัฐธรรมนูญ

มันก็พอดีกับช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาล คสช.

ที่แน่ๆการจัดทีม ครม.เศรษฐกิจรอบนี้ ว่ากันว่า “นายกฯลุงตู่” ให้สิทธิกัปตันทีมอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นคนเลือกวางทีมงานเป็นหลัก

เพราะมันคือเดิมพันปั่นแต้มรัฐบาล วางหมากรองรับ “บิ๊กตู่” หลังเลือกตั้ง

ถึงจังหวะที่ต้องให้ “สมคิด” โชว์วิชาเศรษฐศาสตร์ การเมือง การตลาด อย่างเต็มที่เต็มฝีมือ

โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์สำคัญคือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องเดินไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อศักยภาพในการดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตร

จุดบอดที่รัฐบาลโดนด่าเรื่องราคายาง ราคาข้าว ไม่หยุดหย่อน

งานนี้นายสมคิดคงเปลี่ยนทั้งเบอร์หนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ที่นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ถูกมองทำงานแบบข้าราชการประจำ เช่นเดียวกับที่กระทรวงเกษตรฯก็ต้องหามือบริหารอาชีพมาเสริม เติมทีมงานสายตรงกัปตันทีมเศรษฐกิจ ให้เดินไปตามธงเดียวกัน

ขณะที่กระทรวงคมนาคมที่ต้องรับภาระงาน “เรือธง” ของรัฐบาล สารพัดเมกะโปรเจกต์รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ เชื่อมโยงกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี)

รอบนี้คงต้องเปลี่ยนคนมาแทนนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ที่ได้ชื่อแค่เรื่องของความโปร่งใส แต่ทำงานช้าตามหลังข้าราชการประจำ ไม่ทันต่อสถานการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิดไล่จี้ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าสารพัดเมกะโปรเจกต์ เพื่อให้เม็ดเงินจากโครงการยักษ์กระตุ้นเศรษฐกิจ

เท่าที่เช็ก สเปกของนายสมคิดอยากได้มืออย่างนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เพื่อนรักสมัยมัธยมที่คล่องเรื่องการเงินการธนาคาร มาจัดการเรื่องของเงินกู้ของกระทรวงคมนาคม เพื่อความรวดเร็วในการเดินงานเมกะโปรเจกต์โครงข่ายคมนาคมอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว

แต่ปัญหาอยู่ที่การหาตัวขุนคลังที่วางใจได้มาสลับกับนายอภิศักดิ์

โจทย์ยากของนายสมคิดอยู่ที่หามือบริหารมาร่วมรับความเสี่ยงในห้วงสั้นๆท้ายเทอมรัฐบาล ขณะที่สถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์เองต้องเจอโจทย์ยากๆในการลดแรงเสียดทาน โละ “ตัวถ่วง” ที่ส่อว่าจะลากกระเตงต่อไม่ไหวเป็นภาระหนักของ “นายกฯลุงตู่”

ลุ้นวัดใจ เพื่อนพ้องน้องพี่อาจต้องมีคนถูกทิ้งไว้ข้างหลังบ้าง

เดาทางตามเงื่อนไขสถานการณ์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อนรักร่วมรุ่นของ  พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องขยับออกจากจุด “ตำบลกระสุนตก” เลี่ยงไปอยู่ในกระทรวงเกรดต่ำกว่า

ถือเป็นการรักษาน้ำใจเพื่อน และไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตา

อีกจุดปัญหาที่ตัดสินใจยากก็คือรายของ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะคนเซ็นเสนอชื่อ

พล.อ.ประยุทธ์ ให้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจากตัวเอง

ความเกรงใจของน้องกับพี่น่ะ มีอยู่เต็มๆ

แต่ด้วยเกมทางการเมือง เรื่องของกระแส ถ้าไม่ขยับ “พี่รอง” ก็ยากจะตอบคำถาม

ตามรูปการณ์ “บิ๊กตู่” กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ.

ทีมข่าวการเมือง