PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

โจทย์แฝงต้องรื้อใหญ่

โจทย์แฝงต้องรื้อใหญ่

“ซุ่มโป่ง” ตามจังหวะล่าสุดที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. บินกลับจากปฏิบัติภารกิจที่ประเทศฟิลิปปินส์มาประจำการที่เมืองไทย โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติภารกิจแทนในคิวงานที่ขึ้นหมายล่วงหน้าไว้

ในสถานการณ์ที่โผ ครม.ปลิวว่อนหลอนรัฐมนตรีที่ลุ้นตัวโก่ง

ถึงตรงนี้ก็ยังเป็นแค่กระแสข่าวลือ ถือว่า “นายกฯลุงตู่” อุบไต๋เงียบมาก ขนาด “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยังยอมรับว่า นายกฯตัดสินใจทั้งหมด

ตัว “พี่ใหญ่” เอง ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่หรือไป

เรื่องของเรื่องต้องไม่ลืมว่า ด้วยฟอร์มของรัฐบาลทหาร คสช.ที่ยึดระเบียบเป๊ะๆ ไม่เหมือนอดีตรัฐบาลนักการเมืองที่โพยปรับ ครม.ว่อนออกมาก่อนกระบวนการสำคัญ ก่อปัญหาลักลั่นเชิงอำนาจ

รายการนี้ “บิ๊กตู่” โชว์ความเด็ดขาด ขอสิทธิจัดทำโผเอง ก็ยิ่งยากจะแคะได้

ในมุมที่เจาะข่าวทางลึกไปได้ข้อมูลแค่ว่า รัฐมนตรีที่ติดปมหุ้นไม่น่ามีปัญหา จนเป็นปัจจัยให้ต้องปรับเปลี่ยน ภายหลังแกนนำรัฐบาลหารือเกจิกฎหมายแล้วชี้ว่า สามารถอธิบายได้ หรือถึงจะโดนชี้ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็ยังมีขั้นตอนไปว่ากันในศาลรัฐธรรมนูญ

มันก็พอดีกับช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาล คสช.

ที่แน่ๆการจัดทีม ครม.เศรษฐกิจรอบนี้ ว่ากันว่า “นายกฯลุงตู่” ให้สิทธิกัปตันทีมอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นคนเลือกวางทีมงานเป็นหลัก

เพราะมันคือเดิมพันปั่นแต้มรัฐบาล วางหมากรองรับ “บิ๊กตู่” หลังเลือกตั้ง

ถึงจังหวะที่ต้องให้ “สมคิด” โชว์วิชาเศรษฐศาสตร์ การเมือง การตลาด อย่างเต็มที่เต็มฝีมือ

โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์สำคัญคือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องเดินไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อศักยภาพในการดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตร

จุดบอดที่รัฐบาลโดนด่าเรื่องราคายาง ราคาข้าว ไม่หยุดหย่อน

งานนี้นายสมคิดคงเปลี่ยนทั้งเบอร์หนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ที่นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ถูกมองทำงานแบบข้าราชการประจำ เช่นเดียวกับที่กระทรวงเกษตรฯก็ต้องหามือบริหารอาชีพมาเสริม เติมทีมงานสายตรงกัปตันทีมเศรษฐกิจ ให้เดินไปตามธงเดียวกัน

ขณะที่กระทรวงคมนาคมที่ต้องรับภาระงาน “เรือธง” ของรัฐบาล สารพัดเมกะโปรเจกต์รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ เชื่อมโยงกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี)

รอบนี้คงต้องเปลี่ยนคนมาแทนนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ที่ได้ชื่อแค่เรื่องของความโปร่งใส แต่ทำงานช้าตามหลังข้าราชการประจำ ไม่ทันต่อสถานการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิดไล่จี้ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าสารพัดเมกะโปรเจกต์ เพื่อให้เม็ดเงินจากโครงการยักษ์กระตุ้นเศรษฐกิจ

เท่าที่เช็ก สเปกของนายสมคิดอยากได้มืออย่างนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เพื่อนรักสมัยมัธยมที่คล่องเรื่องการเงินการธนาคาร มาจัดการเรื่องของเงินกู้ของกระทรวงคมนาคม เพื่อความรวดเร็วในการเดินงานเมกะโปรเจกต์โครงข่ายคมนาคมอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว

แต่ปัญหาอยู่ที่การหาตัวขุนคลังที่วางใจได้มาสลับกับนายอภิศักดิ์

โจทย์ยากของนายสมคิดอยู่ที่หามือบริหารมาร่วมรับความเสี่ยงในห้วงสั้นๆท้ายเทอมรัฐบาล ขณะที่สถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์เองต้องเจอโจทย์ยากๆในการลดแรงเสียดทาน โละ “ตัวถ่วง” ที่ส่อว่าจะลากกระเตงต่อไม่ไหวเป็นภาระหนักของ “นายกฯลุงตู่”

ลุ้นวัดใจ เพื่อนพ้องน้องพี่อาจต้องมีคนถูกทิ้งไว้ข้างหลังบ้าง

เดาทางตามเงื่อนไขสถานการณ์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อนรักร่วมรุ่นของ  พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องขยับออกจากจุด “ตำบลกระสุนตก” เลี่ยงไปอยู่ในกระทรวงเกรดต่ำกว่า

ถือเป็นการรักษาน้ำใจเพื่อน และไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตา

อีกจุดปัญหาที่ตัดสินใจยากก็คือรายของ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะคนเซ็นเสนอชื่อ

พล.อ.ประยุทธ์ ให้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจากตัวเอง

ความเกรงใจของน้องกับพี่น่ะ มีอยู่เต็มๆ

แต่ด้วยเกมทางการเมือง เรื่องของกระแส ถ้าไม่ขยับ “พี่รอง” ก็ยากจะตอบคำถาม

ตามรูปการณ์ “บิ๊กตู่” กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: