PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ยุธเนศวร์ เจริญเมืองฟ้องสื่อหาเป็น"บรรพต"


ผมยุเต็มที่ให้พี่ ธเนศวร์ เจริญเมือง ฟ้องคดีหมิ่นประมาท สำนักข่าวทีนิวส์เลยครับ ที่กล่าวหาว่า "พี่ธเนศวร์" คือ "บรรพต" น่ะ
http://www.tnews.co.th/html/content/127527/
ผมยืนยันได้ล้านเปอร์เซนต์เลยว่า "พี่ธเนศวร์" ไมใช่ "บรรพต" แน่นอน
(ผมไม่รู้จักตัว "บรรพต" แต่มีคนเคยบอกผมอยู่ว่า เขามีแบ๊คกราวน์ยังไง ที่สำคัญ ผมรู้จัก "พี่ธเนศวร์" ดี - ไม่มีทางเป็น "บรรพต" แน่นอน - อ่านข้างล่าง)
ทีนิวส์ (โคตร) งี่เง่าเลย ใช้วิธี เปิดเสียงจริงของ "พี่ธเนศวร์" มาเปรียบเทียบกับ "เสียง บรรพต"
แม่ม ไม่รู้หรือยังไงฟะว่า "เสียง บรรพต" น่ะ มันเสียง "ปลอม" - "ดัด" ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (โว้ย) - ใครฟังก็รู้ เคยมีคน (ในหมู่เสื้อแดงนี่แหละ) ถึงกับลองเอาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ "ดัด" เสียงคืนให้ปกติว่า เสียงจริงน่าจะเป็นยังไง
(ดูคลิปในรายงานข่าวตาม link มีการเปิดเสียงของ "ธเนศวร์" สลับกับเสียง "บรรพต" ด้วย เพื่อใส่ความว่า ใช่แน่ - มีช่วงนึง ถึงกับโทรถาม "พี่อ๋อย"Chaturon Chaisang ด้วย ผมสงสัยว่า "พี่อ๋อย" จะงง ไม่เคยฟัง "บรรพต" มั้ง จึงตอบแบบงงๆ)
ที่สำคัญนะ พวกรอยัลลิสต์นี่ โง่ฉิบ ไม่รู้จักดูที่ ‪#‎เนื้อหา‬ ที่ "บรรพต" พูดหรือ ทั้งเชียร์ทักษิณ เชียร์พระบรมฯชนิดงี่เง่าสุดๆ ด่าทุกคนที่แค่วิจารณ์ทักษิณ (แค่ "แตะ" ก็ไม่ได้แล้ว) ตั้งแต่ ผม, อ.หวาน, และใครต่อใครอีกหลายคนมากๆ .. เรียกว่า "ต่ำชั้น" กว่าระดับ "พี่ธเนศวร์" หลายขุมมากๆ ในแง่ความรู้ความสามารถ


สถานการณ์ข่าว3ก.พ.58

Jab03Feb15

ระเบิด

โฆษก ตร. ชี้ รู้ตัวมือบึ้ม หน้า BTS สยามแล้ว โยนฝ่ายสืบสวนดำเนินการต่อ ลั่น ยังไม่รู้จับตัวได้เมื่อไหร่ 

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สืบเนื่องจากกรณีการวางระเบิดที่หน้าบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ใกล้ห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อวันที่ 1/02/2558 ที่ผ่านมา ล่าสุด จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด (CCTV) พบแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวนั้น มีอยู่ 2 คน เป็นเพศชายทั้งคู่ รูปร่างสัดทัด และสามารถระบุหน้าตาได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ส่วนเรื่องของรายละเอียดในการติดตามจับกุม 2 มือระเบิดนั้น ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนดำเนินการต่อ ซึ่งตนจะไม่ขอพูดอะไรไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุเวลาได้อย่างชัดเจนว่าจะจับกุม 2 คนร้ายได้เมื่อใด
------------------
"วินธัย" ระบุ รอตำรวจสรุปประเด็นชัดเจนเหตุระเบิดพารากอน นายกฯ ให้ปรับการดูแล ปชช.สมบูรณ์มากขึ้น ยัน อัยการศึก ไม่กระทบ 

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายก่อเหตุระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งมือในการดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีการกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ มีเพียงสั่งให้ปรับการดูแลประชาชนในบางจุดที่สุ่มเสี่ยงให้สมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งกองทัพจะมีการประสานกับตำรวจและเอกชนเจ้าของพื้นที่ ในการดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากขึ้นต่อไป และฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ได้มีการเรียกประชุมเป็นกรณีพิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

พร้อมกันนี้ พ.อ.วินธัย ยังกล่าวด้วยว่า กรณีเหตุระเบิดไม่น่าจะเชื่อมโยงกับการพูดถึงเรื่องการบังคับใช้กฎอัยการศึกของผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เพราะการสอบสวนของตำรวจยังไม่ฟันธงชัดเจนถึงประเด็นในการก่อเหตุครั้งนี้ พร้อมกับย้ำหนักแน่นว่า การมีกฎอัยการศึกก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วไปแต่อย่างใด แต่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยเท่านั้น
----------------------
ผกก.สน.ปทุมวัน ชี้ 3 มาตรการเฝ้าระวัง หวั่นเกิดเหตุกาณ์ระเบิดห้างซ้ำ พร้อมยันทำหน้าที่สุดความสามารถ 

พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สำหรับในกรณีที่มีคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดที่หน้าสถานีรถไฟฟ้า BTS ใกล้ห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อวันที่ 1/02/2558 ที่ผ่านมา ล่าสุด ได้มีการกำหนด 3 มาตรการไว้เพื่อป้องกันและดูแล มิให้เกิดเหตุกาณ์ดังกล่าวซ้ำได้อีก ประกอบไปด้วย 1. เพิ่มความถี่ในการออกตรวจตราของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด

2.เพิ่มกำลัง รปภ. ในบริเวณห้างสรรพสินค้า และพื้นที่จุดเสี่ยง 3. เน้นขอความร่วมมือจากประชาชนที่เข้ามา ใช้จ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าและประชาชนที่มีบ้านเรือนใกล้เคียง ให้ช่วยสอดส่อง

ดูแล ว่ามีเหตุกาณ์ใดผิดปกติหรือไม่ ทั้งนี้ ยังมีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มีการจัดตั้งด่านมั่นคง ตรวจค้น และเพิ่มกล้องวงจรปิด CCTV ในพื้นที่จุดเสียง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะ

ดำเนินการทำหน้าที่ในการเฝ้าระวังให้อย่างเต็มสุดความสามารถ
---------------------------
ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น นำกำลังคุมเข้มห้างสรรพสินค้าและย่านชุมชน ตลอด 24 ชั่วโมง หวั่นมือป่วนสร้างสถานการณ์

พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจบริเวณย่านการค้าที่สำคัญและแหล่งชุมชนตลอดตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือก่อเหตุเช่นเดียวกันกับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ยังคงสนธิกำลังร่วมตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง วางกำลังในพื้นที่ที่สำคัญ โดยเฉพาะศูนย์การค้า สถานีขนส่ง รวมไปถึงแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ซึ่งถึงแม้ว่าข้อมูลทางการข่าวจะยังคงไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดในพื้นที่ก็ตาม แต่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจค้นรถต้องสงสัยและตรวจพื้นที่อย่างต่อเนื่องต่อไปในระยะนี้
---------------------------
พล.อ.อุดมเดช ระบุ รอผลสอบชัดเจน ระเบิดพารากอน ยังไม่ชัดปมการเมืองหรือไม่ ตอบไม่ได้โยงเหตุมีนบุรี

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดที่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามเมื่อคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวคนร้าย ซึ่งได้กำลังประสานข้อมูลข่าวสารกันระหว่างตำรวจและหน่วยข่าวกรองกองทัพบก แต่คงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก

ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดย่านมีนบุรีหรือไม่นั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน เนื่องจากต้องดูรายละเอียดในเรื่องของภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งยังไม่ทิ้งประเด็นอื่น ๆ ในการหามูลเหตุ และขอให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามคนร้ายก่อน ส่วนมูลเหตุด้านการเมืองอย่าเพิ่งมองว่าเป็นประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะจะทำให้รูปคดีเสีย ต้องดูให้รอบคอบก่อนเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
-----------------------------------
โฆษก ตร. ชี้เตรียมออกหมายจับมือวางระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าพารากอนวันนี้ 

พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปยังช่วงก่อนเกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสยามกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบภาพผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นชายสูงประมาณ 160-170 เซนติเมตร สวมหมวกและเสื้อสีขาว กางเกงขายาว สวมรองเท้าหุ้มส้น นำถุงพลาสติกที่คาดว่าจะบรรจุระเบิดไปป์บอมบ์ที่ใช้ในการก่อเหตุแยกไปวางกันคนละจุด ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ระเบิดทั้งสิ้น 2 จุด ที่มีระยะห่างกันไม่มากนัก โดยเหตุการณ์ทั้งหมด ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้ระยะเวลาหนึ่งก่อนเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนเตรียมนำหลักฐาน
ที่ได้เสนอต่อศาลเพื่อพิจารณาอนุมัติหมายจับบุคคลต้องสงสัยทั้ง 2 คนได้ภายในวันนี้
---------------------
รองโฆษก กต. เผย กรณีสหรัฐฯ อังกฤษ เตือนพลเมืองในไทยหลังเหตุระเบิด เป็นขั้นตอนปกติของสถานทูต เชื่อไม่กระทบความเชื่อมั่น

นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ได้มีข้อความแนะนำประชาชนของประเทศตนเองให้เพิ่มความระมัดระวังขณะอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสถานีสยาม หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า เป็นแนวทางปฏิบัติตามปกติของสถานทูต หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยให้กับพลเมืองในประเทศตนเอง

นายรัศมิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการดำเนินการยืนยันให้ความเชื่อมั่นกับต่างชาติ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งข้อมูลและมีคำสั่งไปยังสถานเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เพื่อที่จะมีข้อมูลสำหรับการชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยเราทำงานกันอย่างเชิงรุก หากมีการสอบถามเข้ามาก็จะสามารถอธิบายได้ทันที แต่ตอนนี้ยังไม่มีประเทศใดสอบถามข้อมูลเข้ามายังกระทรวงการต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อย ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เชื่อว่า จะไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังไทย รวมทั้งจะไม่สร้างความวิตกกังวลให้กับนักธุรกิจที่ลงทุนในไทยด้วย
---------------
พล.อ.ประวิตร ระบุรู้ตัวคนร้ายก่อเหตุระเบิดพารากอนแล้ว รอสอบเชื่อมโยงประเด็นใด ย้ำเร่งตามจับคนปลอมแถลงการณ์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการสืบสวนสอบสวนกรณีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณทางเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้าห้างสยามพารากอนว่า ขณะรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ส่วนการก่อเหตุจะเชื่อมโยงเป็นประเด็นหรือไม่นั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้น

ส่วนกรณีแถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 13 ที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเมื่อคืนที่ผ่านมา ยืนยันว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการเร่งนำผู้ปล่อยเอกสารดังกล่าวมาดำเนินการตามกฎหมาย
-----------------------
สปช.อภิปรายทั่วไป "การบังคับใช้กฎหมาย เป็นไปอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม "เสรี" ชี้ เหตุระเบิดพารากอนเป็นตัวอย่างการไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐ

การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ล่าสุด ยังอยู่ในระหว่างการเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกเรื่อง จะทำอย่างไรให้มีการบังคับใช้กฎหมาย เป็นไปอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม โดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิก สปช. กล่าวว่า เหตุระเบิดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยาม สะท้อนให้เห็นถึงการท้าทายอำนาจรัฐและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ดังนั้น จะต้องหาผู้กระทำผิดให้ได้ ขณะที่ผ่านมา
พบปัญหาด้านการบังคับใช้กฎหมายมาตลอด ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง สังคมขาดวินัย ข้าราชการไม่ได้เลื่อนชั้นตามความสามารถ ทำให้ขาดกำลังใจ กระบวนการยุติธรรมล่าช้า และไม่เป็นธรรม ตลอดจนเกิดทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวงกว้าง

ด้าน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปช. เสนอว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องปราศจากการแทรกแซง และไม่ถูกครอบงำ จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม เพราะเงินและอำนาจทำให้ไม่มีอิสระ
-----------------------
พล.อ.อุดมเดช เผย นายกฯ กำชับเร่งล่าตัวคนปลอมแถลงการณ์ ดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างเต็มที่ อย่าตื่นตระหนก 


พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ถึงกรณีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า เบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำชับให้ดูแลเหตุการณ์ความปลอดภัย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกำชับให้เร่งหาตัวผู้ปล่อยเอกสารแถลงการณ์ปลอมของสำนักพระราชวังมาลงโทษ ขณะเดียวกันไม่ต้องการให้มีการเชื่อมโยงเรื่องแถลงการณ์กับเหตุการณ์ระเบิดที่ทางเชื่อมรถไฟฟ้าสยามพารากอน

พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติโดยอย่าตื่นตระหนกเพราะเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังรักษาความปลอดภัย โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารสนธิกำลังและหากประชาชนพบสิ่งผิดปกติขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังอีกทางหนึ่ง
---------------------------
นายกฯ ปัดระเบิดพารากอน หวังคงอัยการศึก ขู่จับทุกฝ่าย บอกให้ย้อนดูเหตุการณ์ปี 53-56 เร่งมือล่าคนปลอมแถลงการณ์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงเหตุลอบวางระเบิดบริเวณหน้าห้างสยามพารากอน ว่า ทางฝ่ายความมั่นคง กำลังตรวจสอบอยู่ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้มีความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยพร้อมสั่ง คสช. ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการวางกำลังในพื้นที่จุดเสี่ยงต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งนี้ อยากให้ลองดูสถานการณ์ความรุนแรงในอดีตที่เคยเกิดขึ้นเช่น ในปี 2553 หรือปี 2556-2557 พร้อมระบุว่า คงไม่ลงทุนก่อเหตุดังกล่าวเพื่อหวังคงกฎอัยการศึก ซึ่งหากมีความเชื่อมโยงฝ่ายใดจะดำเนินการจับกุมตัวมาทั้งหมด และยืนยันว่าจะดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีการหาตัวผู้ที่ปลอมแปลงเอกสารของสำนักพระราชวัง และนำไปเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งคงต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม มองว่า เป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้และขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ
----------------------
////////////////
กมธ.ยกร่าง

"บวรศักดิ์" รับ ข้อเสนอ "พล.อ.เปรม" ตั้ง ศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง แก้ทุจริตคอร์รัปชัน สอดคล้องแนวทาง กม.ยกร่างฯ


นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ข้อเสนอของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ให้จัดตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อแก้ไข

ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน สอดคล้องกับแนวทางของกรรมาธิการยกร่างที่ได้จัดตั้งศาลวินัยการคลังและงบประมาณ ในศาลปกครอง เพื่อเพิ่มช่องทางในการดำเนินการกับนักการเมือง ข้าราชการและ

ผู้บริหารระดับสูง ที่ทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและงบประมาณของแผ่นดิน ซึ่งจะช่วยอุดช่องว่างการดำเนินคดีทุจริต ที่ปัจจุบันมีอยู่ 2 ช่องทาง คือ การถอดถอนและการดำเนินคดี

อาญา โดยศาลวินัยการคลังและงบประมาณที่ตั้งขึ้นใหม่นั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สามารถยื่นฟ้องตรงได้โดยตรง
------------------
"บวรศักดิ์" รับหนังสือคัดค้านควบรวม กสม. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ย้ำอยากให้คำนึงถึงส่วนรวมมากกว่ากลุ่มตนเอง

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ รับหนังสือจากผู้แทนสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนและเครือข่ายองค์กรเอกชน เพื่อคัดค้านการควบรวมคณะกรรมการ

สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าด้วยกันตามที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้มีมติให้รวมทั้งสององค์กรเข้าด้วยกัน โดยใช้ชื่อว่า "ผู้ตรวจการแผ่นดินพิทักษ์สิทธิของ

ประชาชน" ขณะที่ นายบวรศักดิ์ ย้ำว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยังเปิดรับฟังความคิดเห็น จนถึงวันที่ 23 ก.ค. 2558 ทั้งนี้ ต้องการให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนได้รับมากกว่า

ตัวบุคคล เพราะเชื่อว่าจะทำให้มองปัญหาได้ชัดเจน รวมถึงจะต้องไม่ขัดกับหลักการสากล พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า จะทบทวนข้อเสนอแนะทั้งหมดที่ได้รับมาอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะมีทั้ง

คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
------------------
นายกฯ ย้ำ ประชุม 5 ฝ่ายเดินตามโรดแมป ไม่ทำลายฝ่ายใด ไม่สร้างอำนาจต่อให้ตนเอง แก้ปัญหายางพาราได้ในสองสัปดาห์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ที่จะมีการประชุม 5 ฝ่าย ที่ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกว่าแม่น้ำ 5 สาย ในวันพรุ่งนั้น เป็นการหารือเรื่องการขับเคลื่อน

ซึ่งขณะนี้ขอย้ำว่าทุกอย่างยังคงเดินไปตามโรดแมป ส่วนเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ต้องคำนึงถึงในเรื่องการปฏิรูป โดยยืนยันไม่มีจุดมุ่งหมายสกัดกั้นฝ่ายใด และไม่ได้เป็นการสร้างอำนาจต่อ

ส่วนเรื่องการลงประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องรอพิจารณาก่อน ซึ่งกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดไว้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ในเรื่องการแก้ไขปัญหายางพาราได้เร่งรัดการใช้ยางพาราภายในประเทศ ให้มีความคืบหน้าภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อรองรับการกรีดยางครั้งต่อไป

//////////////
บช.ทรัพย์สิน

ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สิน "ยิ่งลักษณ์" หลังพ้นตำแหน่ง ส.ส. 1 ปี มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 11 ล้าน

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี เนื่องจากการยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 56 ที่ห้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาคาร 1 ชั้น 1 ป.ป.ช.

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 586,757,419.56บาท มีหนี้สิน 30,562,708 บาท เมื่อเทียบกับตอนเข้ารับตำแหน่งมีทรัพสินมากขึ้นกว่า 42 ล้าน เทียบกับตอนพ้นตำแหน่งมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อมูลในส่วนเฉพาะผู้ยื่นและบุตรเท่านั้น
-------------------
"อภิสิทธิ์" มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 7.26 แสนบาท หลังพ้นตำแหน่ง ส.ส. ขณะ "บุญทรง" เพิ่ม 13 ล้าน และ "ภูมิ" ลดลง 2 ล้าน

จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี พบว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 55,022,675.92 บาท ไม่มีหนี้สินเมื่อเทียบกับตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 726,469.15 บาท

ขณะที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถูก ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาในคดีจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 17,586,329.12 บาท มีหนี้สิน 242,582 บาท โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากตอนเข้ารับตำแหน่งกว่า 13 ล้านบาท แต่น้อยว่าตอนพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. กว่า 4 แสนบาท

ส่วน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,210,102.43 บาท โดยไม่มีหนี้สิน ขณะที่ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีทรัพย์สิน 39,377,047บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 39,377,047 บาท เมื่อเทียบกับตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. มีทรัพย์สินลดลง 2,126,817 บาท
--------------------
ป.ป.ช. เปิดกรุอดีต ส.ส.หลังพ้นตำแหน่ง 1 ปี "เฉลิม" มี 170 ลบ., "สุรพงษ์" 35 ลบ.


จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ที่คณะกรรมกา รป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี พบว่า ร.ต.อเฉลิม อยู่บำรุง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 170,529,156 บาท ไม่มีหนี้สิน

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกาต่างประเทศ ในฐานะอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 40,156,962.28 บาท มีหนี้สิน 4,706,182.54 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 35,450,779.74 บาท

ขณะที่ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในคดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐมีทรัพย์สิน 39,377,047 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 39,377,047 บาท เมื่อเทียบกับตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. มีทรัพย์สินลดลง 2,126,817 บาท
-------------------
แกนนำ นปช. พ้นตำแหน่ง ส.ส. 1 ปี อู้ฟู่ทุกราย "ณัฐวุฒิ" 17 ลบ., ก่อแก้ว 100 ลบ. เหวง 26 ลบ.

จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี พบว่า

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ในฐานะอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย รวมมีทรัพย์สิน 32,435,662.5 บาท มีหนี้สิน 15,027,970.6 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 17,407,691.9 บาท

นายแพทย์เหวง โตจิราการ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 26,842,092.25 บาท มีหนี้สิน 117,980.15 บาท

นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 106,977,884.74 บาท มีหนี้สิน 6,578,486.29 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 100,399,398.45 บาท

นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เขต จังหวัดเชียงใหม่ รวมมีทรัพย์สิน 123,949,835.78 บาท มีหนี้สิน 88,249.75 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 123,861,586.03 บาท
----------------
พบ 12 อดีต ส.ส. ไม่ได้ยื่นบัญชีททรัพย์สิน หลังพ้นตำแหน่ง 1 ปี  รวม "จารุพงศ์" อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย


จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี พบว่า

นายชวน หลีกภัย  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 6,121,583 บาท ไม่มีหนี้สิน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 345,556,371.21 บาท มีหนี้สิน 2,229,342.91 บาท

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 893,943,154 บาท มีหนี้สิน 858,756 บาท ลดลงจากกรณีพ้นจากตำแหน่ง 13 ล้านบาท

ทั้งนี้ พบว่ามีอดีต ส.ส. จำนวน 12 คน ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอย่างไรก็ตาม การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของ ส.ส. ทั้ง 479 คน เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.
- 17 ก.พ. 58 เวลา 08.30 - 16.30 น.

////////////////////
สปช.

สปช.เรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคายางพาราเท่าเทียม พัฒนาระบบให้เกิดความยั่งยืน

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุด เปิดการประชุมแล้ว ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ประธานเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ปรึกษาหารือ ซึ่งสมาชิกได้เรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคายางพาราอย่างเท่าเทียม เพราะชาวบ้านไม่ได้มีความประสงค์จะมาชุมนุม แต่อยากให้คนมีอำนาจรับผิดชอบกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น และถึงแม้รัฐบาลจะสามารถดันราคายางถึงกิโลกรัมละ 63 บาท ที่รับซื้อในสหกรณ์หรือตลาดกลาง แต่สถาน
ที่รับซื้อรายย่อยยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 47 บาทเท่านั้น ส่วนราคาปาล์มน้ำมันก็ตกต่ำ เป็นผลมาจากที่สั่งนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งปัจจุบันยางพารามีปลูกเกือบทุกพื้นที่ ดังนั้นรัฐบาลต้องส่งเสริมระบบเศรษฐกิจยางพาราเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยการนำยางพารามาแปรสภาพในรูปแบบต่าง ๆ และใช้ประโยชน์จากยางพาราให้มากที่สุด

รวบเครือข่าย"บรรพตคลิป"

ตำรวจ ปอท.ร่วมดีเอสไอ รวบ6ผู้ต้องหา เครือข่ายบรรพตที่มีแนวคิดล้มล้างสถาบันแล้ว ขอให้หยุดสนับสนุนทางการเงินมิฉะนั้นถือว่าทำผิดร่วม
http://www.matichon.co.th/online/2015/02/14228669111422867275l.jpg

นายดำรงค์ ชาญสิทธิโชค (นามสกุลเดิม ลิขิตชีวะ )(2ก.พ.58) เจ้าของเฟซบุ๊คชื่อ "ดำ สำเหร่" ผู้ดูแลระบบของเพจ บรรพต ไทยแลนด์ คลิป (banpodj thailand clips) พร้อมพวกรวม 6 คน ในเครือข่ายบรรพต กลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดล้มล้างและหมิ่นสถาบัน ถูกเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินการติดตามจับกุมได้

โดย พลตำรวจตรีศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการ ปอท.เปิดเผยว่าจากการสืบสวนทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวแบ่งการทำงานเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นผู้นำ เป็นผู้ผลิตแนวคิด คลิปเสียง และบทความ ระดับผู้ปฎิบัติงาน เป็นผู้เผยแพร่แนวคิดในโซเชี่ยลมีเดีย และระดับแนวร่วม มีหน้าที่ให้การสนับสนุนด้านการเงิน

ทั้งนี้กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 คน อยู่ในชั้นปฎิบัติงาน โดยในรายของ นางอัญชัญ ปรีเลิศ ข้าราชการกรมสรรพากร เขตบางพลัด และ นายธารา วานิชพงษ์พันธุ์ ถูกนำตัวไปดำเนินคดีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อขยายผลต่อไป

ส่วน หัวหน้าเครือข่ายซึ่งเป็นผู้บงการที่ใช้ชื่อว่า บรรพต จากการสืบสวนพบว่าหลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศ แต่ยังมีการผลิตสื่อหมิ่นสถาบัน นำมาให้เครือข่ายเผยแพร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวนทราบติดตามมาดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ผู้สนับสนุนทางการเงินหรืออุดหนุนสินค้าของเครือข่ายขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวเพราะถือว่ามีความผิดร่วมด้วย

มติครม.3ก.พ.58

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในเรื่องแต่งตั้ง ดังนี้
1. แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพแทนตำแหน่งที่ว่างลง
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป
2. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ดังนี้ 1. พลโท วิวรรธน์ สุชาติ ประธานกรรมการ แทนพลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ 2. พลอากาศเอก ยุทธนา สุกุมลจันทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ แทนพลอากาศโท บรรจง คลายนสูตร์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป
3. ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ครบกำหนด 4 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2557 ต่อไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 1 ) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558
4. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (เอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ) เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 3 ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ดังนี้
1. นายประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา
2. นายวุตติ วุตติสันต์ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาร์กาตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล
3. นายวิจักขณ์ ชิตรัตน์ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ สาธารณรัฐเซเนกัล
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
5. ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการแต่งตั้งนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเงินเดือน 340,000 บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปี และสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรี มีมติ
6. รัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ประจำประเทศไทย ว่า รัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์มีความประสงค์ขอแต่งตั้ง นายฮาซิม อัสสัยยิด บะดะวีย์ อัฏฏอฮิรีย์ (Mr. Hazem Elseyed Badawy Elthary) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอิสมาอีล อะห์มัด ค็อยรอต (Mr. Ismail Ahmed Khairat) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
7. รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีความประสงค์ขอแต่งตั้งนายชิโระ ซะโดะชิมะ (Mr. Shiro Sadoshima) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายชิเกะกะซุ ซะโตะ (Mr. Shigekazu Sato) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
8. รัฐบาลสาธารณรัฐเคนยาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ว่า รัฐบาลสาธารณรัฐเคนยามีความประสงค์ขอแต่งตั้ง นายพาทริก ซีมียู วาโมโต (Mr. Patrick Simiyu Wamoto) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเคนยาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางสาวจีน เจรี คาเมา (Miss Jean Njeri Kamau) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
9. การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา จำนวน 5 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ได้ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนี้ 1. นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา 2. นายคณิศ แสงสุพรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร 3. นายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย 4. นายสุทธิพันธ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ 5. นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป
10. การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวีชุดใหม่ จำนวน 9 คน ดังนี้ 1. นายประพันธ์ โลหะวิริยศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ 2. นายไพบูลย์ พลสุวรรณา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการขนส่งทางน้ำ 3. เรือตรี วิโรจน์ จงชาณสิทโธ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการท่าเรือ 4. นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการการเดินเรือไทย 5. นายวิรัตน์ ชนะสิทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการอู่เรือ 6. นายสมพร ไพสิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายพาณิชยนาวี 7. นายกี่เดช อนันต์ศิริประภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกันภัยทางทะเล 8. นายสมศักดิ์ วิเศษเรืองโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ 9 รองศาสตราจารย์เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป
11. การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.)
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการที่นายกรัฐมนตรีกำกับการบริหารราชการและส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการ จำนวน 41 ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
(สามารถดาวน์โหลดไฟล์ตารางได้ที่เอกสารแนบไฟล์)
(สำนักเลขาธิการ นรม.)


"บิ๊กตู่"ฉุนด่า "พวกสมองเสีย" กล่าวหา รัฐ-คสช.วางระเบิดเอง


นายกฯ ด่า "พวกสมองเสีย" กล่าวหา รัฐ-คสช.วางระเบิดเอง พร้อมออกตัวเอง ไม่เกี่ยว โยกย้าย ผบ.ทบ. หรือตำรวจ แต่ไม่ว่า ทหารเก่า-ตำรวจเก่า กำลังสอบหมด ใครเกี่ยวข้องจับหมด มือวาง-คนสั่ง ใครอยู่จับมา ใครไม่อยู่ ออกหมายจับ เตือนก่อน เผยไฟเขียวคสช.เข้มงวดใช้กม.คนทำผิด ทุจริต เปรย อย่าคิดว่ามีกฏอัยการศึกแล้วคนจะกลัว นี่แสดงว่า มันยังมีอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ หน.คสช.
ถามมือวางระเบิดหน้าพารากอน "เขาเป็นคนไทยหรือเปล่า ที่ทำแบบนี้"เร่งหาตัว และลงโทษ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ขอเตือนไว้ก่อนแล้วคนทำผิดทุจริตเข้มงวดเผยไฟเขียวคสช.เข้มงวดใช้กม.คนทำผิด ทุจริต แต่ให้ระวังการใช้กำลังทหาร อย่าคิดว่ามีกฏอัยการศึกแล้วคนจะกลัว นี่แสดงว่า มันยังมีอยู่ ต้องเข้ม พร้อม ไล่เลียงเหตุการณ์รุนแรง ระเบิด ที่เคยเกิด โยงเหตุการณ์การเมืองช่วงหลายปี จนปี57ลองคิดดูโยงใครโชคดีไม่มีบาดเจ็บสูญเสีย ขอให้เป็นบทเรียน
พร้อมวิเคราะห์เหตุระเบิด มันจะมาจากใครหล่ะ หนังสือพิมพ์ก็บอกเรื่องนั่นเรื่องนี้
" ผมไม่ทำเองเหรอ มีคนบอกว่า1.รัฐบาล คสช.ทำเอง เพื่อคงอัยการศุก พวกนี้สมองเสีย เขียนอย่างงี้ได้ยังไง ไม่มีใครลงทุนขนาดนั้น หรอก
2.การแย่งชิงจ่าฝูงในทบ. การโยกย้ายในทบ.จะมีเดือน ตค.โน่น ไม่มีปรับย้ายตอนนี้ หรือตำรวจนอกแถว จะทหารเก่า หรือ ตำรวจเก่า กำลังตรวจสอบหมด แล้วก็ต้องลงโทษอยู่แล้ว แต่สื่ออย่าไปให้ความสำคัญมากนัก ขอช่วยหามาตรการดูแล เหตุนี้ไม่เกิดประโยชน์ใครเลย ยิ่งทำให้ต่างชาติมอง ไทยยังมีเหตุการณ์แบบนึ้ เขายิ่งต้องเข้าใจเรา อย่าไปขยายความให้เขาเลย
"ใครเกี่ยวข้องจับหมด เลือกจับได้มั่ยหล่ะ
คนวางก็ต้องจับ อยู่ดีๆ มันจะมาบ้าวางเล่นรึไง ก็ต้องจับ ใครสั่งก็ไปสอบมา ถึงใครก็จับ ใครไม่อยู่ก็ออกหมายจับมา" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ยังมีการสร้างความรุนแรงเกิดขึ้น ผมถามว่า จะเกิดอะไรขึ่น ยืนยันได้มั้ยว่า ถ้าไม่ใช่กม.พิเศษ จะมีเรืองมั้ย นี่ขนาดใช้ ยังมีเรื่อง ไปหามา ไม่ได้โมโหเลยนะเนี่ย
"ผมเป็นห่วงคนไทย คนบริสุทธิ์ ที่ต้องเดือดร้อน วันนี้รัฐบาลกำลังสร้างความเข้มแข็ง เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว สังคม แต่ก็เกิดเหตุ แทนที่จะมาว่าผมดูแลไม่ดี ต่องไปตำหนิฝ่ายโน้น ผมทำแบบนี้ต้องมาช่วยผม สื่อต้องเขียนสอยเข้า แบบนี้สิ ใช่มั่ย การเสนอข่าวความรุนแรง บางครั้ง เป็นข้อเท็จจริง แต่ถ้าเสนอมากๆ กลายเป็นว่า ประเทศไทย เคยชินกับความรุนแรง"
นายกฯ ขอร้องสื่อเรื่องการเสนอข่าวเหคุระเบิด ว่า การใช้ความรุนแรงไม่ถูกตัอง เอาปืนมายิงกัน คนฟังทุกวันก็ชิน ยิงกันธรรมดา ยามยิงคน คนยิงยาม กำชับไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย นี่ไง ค่านิยม สื่อต้องช่วยกันสอน


อดีตปธ.สหภาพบินไทยส่งสารปฎิรูปถึง"ประยุทธ"

นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก“แจ่มศรี สุกโชติรัตน์” เป็นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีใจความว่า “อนุสนธิจากโครงการใช้แผนปฏิรูปของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และ นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ส่งสารถึงพนักงานเพื่อขอให้พนักงานร่วมกันผลักดันให้แผนนี้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยอธิบายสาเหตุของการต้องปฏิรูป จุดอ่อนและจุดแข็งของบริษัทฯ แนวทางการดำเนินงาน 6 ด้าน ตลอดจนผู้รับผิดชอบหลักและทีมงาน ตอนท้ายของสารฉบับนี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฯ ได้ขอให้ทั้งฝ่ายพนักงานและฝ่ายบริหารเสียสละ เพื่อให้การบินไทย สายการบินแห่งชาติ กลับมีความมั่นคงทางการเงิน มีกำไรตามเป้าหมาย แข่งขันได้ เป็นที่พึงพอใจของลูกค้า อยู่ในระดับแนวหน้าของสายการบินระดับโลก
::: “ดิฉันในฐานะอดีตพนักงาน ซึ่งตลอดเวลานับสิบๆ ปีที่ผ่านมา ได้พยายามอย่างสุดกำลังตามหน้าที่ความรับผิดชอบในการทำให้สายการบินแห่งชาติ "สง่างาม" แต่ยังได้ผลเพียงบางส่วน ปัญหาทั้งปวงสะสมมานานเต็มที บางคราวแม้บริษัทฯ จะได้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่ดีและเก่ง แต่ก็ไม่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคสำคัญเพื่อจัดการปัญหาส่วนใหญ่ได้ ทำให้ในปัจจุบันบริษัทฯ ตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สายการบินแห่งชาติตกต่ำเช่นนี้ ประกอบด้วยสาเหตุหลักหลายประการ คือ ...
1. ฝ่ายการเมืองและผู้มีอำนาจใช้อำนาจในทางมิจฉาทิฐิเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน แทรกแซงการจัดซื้อ จัดจ้าง มาเป็นระยะเวลายาวนาน ...
2. ผู้บริหารระดับสูงเข้าสู่ตำแหน่งด้วยระบบอุปถัมภ์จากฝ่ายการเมืองหรือผู้มีอำนาจ ไม่เป็นมืออาชีพ ไร้ความสามารถ และใช้อำนาจในทางมิจฉาทิฐิเพื่อสนองความต้องการของฝ่ายการเมือง ...
3. พนักงานระดับปฏิบัติการจำนวนไม่น้อยไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วยความสามารถ แต่ด้วยระบบอุปถัมภ์จากฝ่ายการเมือง จากผู้มีอำนาจและผู้บริหารระดับสูง
4. พนักงานทุกฝ่ายไม่มีเส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพ (career path) ความกระตือรือร้นในการทำงานเพื่อสนองประโยชน์ขององค์กรถูกบั่นทอนด้วยอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ทำให้พนักงานที่ดีสิ้นหวัง หมดกำลังใจ จนถึงหมดความจงรักภักดีในที่สุด เพราะเมื่อฝ่ายบริหารเติบโตมาด้วยระบบอุปถัมภ์ จึงไม่ให้ความสำคัญแก่ระบบคุณธรรมและธรรมาภิบาล ...
5. เส้นทางความก้าวหน้าของพนักงานถูกระบบอุปถัมภ์ทำลายอย่างย่อยยับ คนในองค์กรจำนวนมากจึงไม่ตระหนักว่าต้องซื่อตรงต่อองค์กร และทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม และจริยธรรม ...
6. ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ความผันผวนของราคาน้ำมัน การเปิดน่านฟ้าเสรีในเอเชีย และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสายการบินต้นทุนต่ำ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาดการบิน ...
::: จึงจำเป็นต้องเรียนเสนอมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ดูแลการปฎิรูปทั้งประเทศ ...