PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว3ก.พ.58

Jab03Feb15

ระเบิด

โฆษก ตร. ชี้ รู้ตัวมือบึ้ม หน้า BTS สยามแล้ว โยนฝ่ายสืบสวนดำเนินการต่อ ลั่น ยังไม่รู้จับตัวได้เมื่อไหร่ 

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สืบเนื่องจากกรณีการวางระเบิดที่หน้าบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ใกล้ห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อวันที่ 1/02/2558 ที่ผ่านมา ล่าสุด จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด (CCTV) พบแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวนั้น มีอยู่ 2 คน เป็นเพศชายทั้งคู่ รูปร่างสัดทัด และสามารถระบุหน้าตาได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ส่วนเรื่องของรายละเอียดในการติดตามจับกุม 2 มือระเบิดนั้น ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนดำเนินการต่อ ซึ่งตนจะไม่ขอพูดอะไรไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุเวลาได้อย่างชัดเจนว่าจะจับกุม 2 คนร้ายได้เมื่อใด
------------------
"วินธัย" ระบุ รอตำรวจสรุปประเด็นชัดเจนเหตุระเบิดพารากอน นายกฯ ให้ปรับการดูแล ปชช.สมบูรณ์มากขึ้น ยัน อัยการศึก ไม่กระทบ 

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายก่อเหตุระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งมือในการดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีการกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ มีเพียงสั่งให้ปรับการดูแลประชาชนในบางจุดที่สุ่มเสี่ยงให้สมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งกองทัพจะมีการประสานกับตำรวจและเอกชนเจ้าของพื้นที่ ในการดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากขึ้นต่อไป และฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ได้มีการเรียกประชุมเป็นกรณีพิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

พร้อมกันนี้ พ.อ.วินธัย ยังกล่าวด้วยว่า กรณีเหตุระเบิดไม่น่าจะเชื่อมโยงกับการพูดถึงเรื่องการบังคับใช้กฎอัยการศึกของผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เพราะการสอบสวนของตำรวจยังไม่ฟันธงชัดเจนถึงประเด็นในการก่อเหตุครั้งนี้ พร้อมกับย้ำหนักแน่นว่า การมีกฎอัยการศึกก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วไปแต่อย่างใด แต่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยเท่านั้น
----------------------
ผกก.สน.ปทุมวัน ชี้ 3 มาตรการเฝ้าระวัง หวั่นเกิดเหตุกาณ์ระเบิดห้างซ้ำ พร้อมยันทำหน้าที่สุดความสามารถ 

พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สำหรับในกรณีที่มีคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดที่หน้าสถานีรถไฟฟ้า BTS ใกล้ห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อวันที่ 1/02/2558 ที่ผ่านมา ล่าสุด ได้มีการกำหนด 3 มาตรการไว้เพื่อป้องกันและดูแล มิให้เกิดเหตุกาณ์ดังกล่าวซ้ำได้อีก ประกอบไปด้วย 1. เพิ่มความถี่ในการออกตรวจตราของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด

2.เพิ่มกำลัง รปภ. ในบริเวณห้างสรรพสินค้า และพื้นที่จุดเสี่ยง 3. เน้นขอความร่วมมือจากประชาชนที่เข้ามา ใช้จ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าและประชาชนที่มีบ้านเรือนใกล้เคียง ให้ช่วยสอดส่อง

ดูแล ว่ามีเหตุกาณ์ใดผิดปกติหรือไม่ ทั้งนี้ ยังมีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มีการจัดตั้งด่านมั่นคง ตรวจค้น และเพิ่มกล้องวงจรปิด CCTV ในพื้นที่จุดเสียง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะ

ดำเนินการทำหน้าที่ในการเฝ้าระวังให้อย่างเต็มสุดความสามารถ
---------------------------
ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น นำกำลังคุมเข้มห้างสรรพสินค้าและย่านชุมชน ตลอด 24 ชั่วโมง หวั่นมือป่วนสร้างสถานการณ์

พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจบริเวณย่านการค้าที่สำคัญและแหล่งชุมชนตลอดตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือก่อเหตุเช่นเดียวกันกับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ยังคงสนธิกำลังร่วมตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง วางกำลังในพื้นที่ที่สำคัญ โดยเฉพาะศูนย์การค้า สถานีขนส่ง รวมไปถึงแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ซึ่งถึงแม้ว่าข้อมูลทางการข่าวจะยังคงไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดในพื้นที่ก็ตาม แต่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจค้นรถต้องสงสัยและตรวจพื้นที่อย่างต่อเนื่องต่อไปในระยะนี้
---------------------------
พล.อ.อุดมเดช ระบุ รอผลสอบชัดเจน ระเบิดพารากอน ยังไม่ชัดปมการเมืองหรือไม่ ตอบไม่ได้โยงเหตุมีนบุรี

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดที่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามเมื่อคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวคนร้าย ซึ่งได้กำลังประสานข้อมูลข่าวสารกันระหว่างตำรวจและหน่วยข่าวกรองกองทัพบก แต่คงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก

ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดย่านมีนบุรีหรือไม่นั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน เนื่องจากต้องดูรายละเอียดในเรื่องของภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งยังไม่ทิ้งประเด็นอื่น ๆ ในการหามูลเหตุ และขอให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามคนร้ายก่อน ส่วนมูลเหตุด้านการเมืองอย่าเพิ่งมองว่าเป็นประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะจะทำให้รูปคดีเสีย ต้องดูให้รอบคอบก่อนเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
-----------------------------------
โฆษก ตร. ชี้เตรียมออกหมายจับมือวางระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าพารากอนวันนี้ 

พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปยังช่วงก่อนเกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสยามกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบภาพผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นชายสูงประมาณ 160-170 เซนติเมตร สวมหมวกและเสื้อสีขาว กางเกงขายาว สวมรองเท้าหุ้มส้น นำถุงพลาสติกที่คาดว่าจะบรรจุระเบิดไปป์บอมบ์ที่ใช้ในการก่อเหตุแยกไปวางกันคนละจุด ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ระเบิดทั้งสิ้น 2 จุด ที่มีระยะห่างกันไม่มากนัก โดยเหตุการณ์ทั้งหมด ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้ระยะเวลาหนึ่งก่อนเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนเตรียมนำหลักฐาน
ที่ได้เสนอต่อศาลเพื่อพิจารณาอนุมัติหมายจับบุคคลต้องสงสัยทั้ง 2 คนได้ภายในวันนี้
---------------------
รองโฆษก กต. เผย กรณีสหรัฐฯ อังกฤษ เตือนพลเมืองในไทยหลังเหตุระเบิด เป็นขั้นตอนปกติของสถานทูต เชื่อไม่กระทบความเชื่อมั่น

นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ได้มีข้อความแนะนำประชาชนของประเทศตนเองให้เพิ่มความระมัดระวังขณะอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสถานีสยาม หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า เป็นแนวทางปฏิบัติตามปกติของสถานทูต หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยให้กับพลเมืองในประเทศตนเอง

นายรัศมิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการดำเนินการยืนยันให้ความเชื่อมั่นกับต่างชาติ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งข้อมูลและมีคำสั่งไปยังสถานเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เพื่อที่จะมีข้อมูลสำหรับการชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยเราทำงานกันอย่างเชิงรุก หากมีการสอบถามเข้ามาก็จะสามารถอธิบายได้ทันที แต่ตอนนี้ยังไม่มีประเทศใดสอบถามข้อมูลเข้ามายังกระทรวงการต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อย ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เชื่อว่า จะไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังไทย รวมทั้งจะไม่สร้างความวิตกกังวลให้กับนักธุรกิจที่ลงทุนในไทยด้วย
---------------
พล.อ.ประวิตร ระบุรู้ตัวคนร้ายก่อเหตุระเบิดพารากอนแล้ว รอสอบเชื่อมโยงประเด็นใด ย้ำเร่งตามจับคนปลอมแถลงการณ์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการสืบสวนสอบสวนกรณีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณทางเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้าห้างสยามพารากอนว่า ขณะรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ส่วนการก่อเหตุจะเชื่อมโยงเป็นประเด็นหรือไม่นั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้น

ส่วนกรณีแถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 13 ที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเมื่อคืนที่ผ่านมา ยืนยันว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการเร่งนำผู้ปล่อยเอกสารดังกล่าวมาดำเนินการตามกฎหมาย
-----------------------
สปช.อภิปรายทั่วไป "การบังคับใช้กฎหมาย เป็นไปอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม "เสรี" ชี้ เหตุระเบิดพารากอนเป็นตัวอย่างการไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐ

การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ล่าสุด ยังอยู่ในระหว่างการเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกเรื่อง จะทำอย่างไรให้มีการบังคับใช้กฎหมาย เป็นไปอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม โดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิก สปช. กล่าวว่า เหตุระเบิดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยาม สะท้อนให้เห็นถึงการท้าทายอำนาจรัฐและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ดังนั้น จะต้องหาผู้กระทำผิดให้ได้ ขณะที่ผ่านมา
พบปัญหาด้านการบังคับใช้กฎหมายมาตลอด ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง สังคมขาดวินัย ข้าราชการไม่ได้เลื่อนชั้นตามความสามารถ ทำให้ขาดกำลังใจ กระบวนการยุติธรรมล่าช้า และไม่เป็นธรรม ตลอดจนเกิดทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวงกว้าง

ด้าน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปช. เสนอว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องปราศจากการแทรกแซง และไม่ถูกครอบงำ จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม เพราะเงินและอำนาจทำให้ไม่มีอิสระ
-----------------------
พล.อ.อุดมเดช เผย นายกฯ กำชับเร่งล่าตัวคนปลอมแถลงการณ์ ดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างเต็มที่ อย่าตื่นตระหนก 


พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ถึงกรณีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า เบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำชับให้ดูแลเหตุการณ์ความปลอดภัย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกำชับให้เร่งหาตัวผู้ปล่อยเอกสารแถลงการณ์ปลอมของสำนักพระราชวังมาลงโทษ ขณะเดียวกันไม่ต้องการให้มีการเชื่อมโยงเรื่องแถลงการณ์กับเหตุการณ์ระเบิดที่ทางเชื่อมรถไฟฟ้าสยามพารากอน

พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติโดยอย่าตื่นตระหนกเพราะเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังรักษาความปลอดภัย โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารสนธิกำลังและหากประชาชนพบสิ่งผิดปกติขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังอีกทางหนึ่ง
---------------------------
นายกฯ ปัดระเบิดพารากอน หวังคงอัยการศึก ขู่จับทุกฝ่าย บอกให้ย้อนดูเหตุการณ์ปี 53-56 เร่งมือล่าคนปลอมแถลงการณ์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงเหตุลอบวางระเบิดบริเวณหน้าห้างสยามพารากอน ว่า ทางฝ่ายความมั่นคง กำลังตรวจสอบอยู่ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้มีความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยพร้อมสั่ง คสช. ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการวางกำลังในพื้นที่จุดเสี่ยงต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งนี้ อยากให้ลองดูสถานการณ์ความรุนแรงในอดีตที่เคยเกิดขึ้นเช่น ในปี 2553 หรือปี 2556-2557 พร้อมระบุว่า คงไม่ลงทุนก่อเหตุดังกล่าวเพื่อหวังคงกฎอัยการศึก ซึ่งหากมีความเชื่อมโยงฝ่ายใดจะดำเนินการจับกุมตัวมาทั้งหมด และยืนยันว่าจะดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีการหาตัวผู้ที่ปลอมแปลงเอกสารของสำนักพระราชวัง และนำไปเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งคงต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม มองว่า เป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้และขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ
----------------------
////////////////
กมธ.ยกร่าง

"บวรศักดิ์" รับ ข้อเสนอ "พล.อ.เปรม" ตั้ง ศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง แก้ทุจริตคอร์รัปชัน สอดคล้องแนวทาง กม.ยกร่างฯ


นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ข้อเสนอของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ให้จัดตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อแก้ไข

ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน สอดคล้องกับแนวทางของกรรมาธิการยกร่างที่ได้จัดตั้งศาลวินัยการคลังและงบประมาณ ในศาลปกครอง เพื่อเพิ่มช่องทางในการดำเนินการกับนักการเมือง ข้าราชการและ

ผู้บริหารระดับสูง ที่ทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและงบประมาณของแผ่นดิน ซึ่งจะช่วยอุดช่องว่างการดำเนินคดีทุจริต ที่ปัจจุบันมีอยู่ 2 ช่องทาง คือ การถอดถอนและการดำเนินคดี

อาญา โดยศาลวินัยการคลังและงบประมาณที่ตั้งขึ้นใหม่นั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สามารถยื่นฟ้องตรงได้โดยตรง
------------------
"บวรศักดิ์" รับหนังสือคัดค้านควบรวม กสม. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ย้ำอยากให้คำนึงถึงส่วนรวมมากกว่ากลุ่มตนเอง

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ รับหนังสือจากผู้แทนสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนและเครือข่ายองค์กรเอกชน เพื่อคัดค้านการควบรวมคณะกรรมการ

สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าด้วยกันตามที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้มีมติให้รวมทั้งสององค์กรเข้าด้วยกัน โดยใช้ชื่อว่า "ผู้ตรวจการแผ่นดินพิทักษ์สิทธิของ

ประชาชน" ขณะที่ นายบวรศักดิ์ ย้ำว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยังเปิดรับฟังความคิดเห็น จนถึงวันที่ 23 ก.ค. 2558 ทั้งนี้ ต้องการให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนได้รับมากกว่า

ตัวบุคคล เพราะเชื่อว่าจะทำให้มองปัญหาได้ชัดเจน รวมถึงจะต้องไม่ขัดกับหลักการสากล พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า จะทบทวนข้อเสนอแนะทั้งหมดที่ได้รับมาอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะมีทั้ง

คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
------------------
นายกฯ ย้ำ ประชุม 5 ฝ่ายเดินตามโรดแมป ไม่ทำลายฝ่ายใด ไม่สร้างอำนาจต่อให้ตนเอง แก้ปัญหายางพาราได้ในสองสัปดาห์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ที่จะมีการประชุม 5 ฝ่าย ที่ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกว่าแม่น้ำ 5 สาย ในวันพรุ่งนั้น เป็นการหารือเรื่องการขับเคลื่อน

ซึ่งขณะนี้ขอย้ำว่าทุกอย่างยังคงเดินไปตามโรดแมป ส่วนเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ต้องคำนึงถึงในเรื่องการปฏิรูป โดยยืนยันไม่มีจุดมุ่งหมายสกัดกั้นฝ่ายใด และไม่ได้เป็นการสร้างอำนาจต่อ

ส่วนเรื่องการลงประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องรอพิจารณาก่อน ซึ่งกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดไว้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ในเรื่องการแก้ไขปัญหายางพาราได้เร่งรัดการใช้ยางพาราภายในประเทศ ให้มีความคืบหน้าภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อรองรับการกรีดยางครั้งต่อไป

//////////////
บช.ทรัพย์สิน

ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สิน "ยิ่งลักษณ์" หลังพ้นตำแหน่ง ส.ส. 1 ปี มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 11 ล้าน

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี เนื่องจากการยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 56 ที่ห้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาคาร 1 ชั้น 1 ป.ป.ช.

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 586,757,419.56บาท มีหนี้สิน 30,562,708 บาท เมื่อเทียบกับตอนเข้ารับตำแหน่งมีทรัพสินมากขึ้นกว่า 42 ล้าน เทียบกับตอนพ้นตำแหน่งมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อมูลในส่วนเฉพาะผู้ยื่นและบุตรเท่านั้น
-------------------
"อภิสิทธิ์" มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 7.26 แสนบาท หลังพ้นตำแหน่ง ส.ส. ขณะ "บุญทรง" เพิ่ม 13 ล้าน และ "ภูมิ" ลดลง 2 ล้าน

จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี พบว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 55,022,675.92 บาท ไม่มีหนี้สินเมื่อเทียบกับตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 726,469.15 บาท

ขณะที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถูก ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาในคดีจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 17,586,329.12 บาท มีหนี้สิน 242,582 บาท โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากตอนเข้ารับตำแหน่งกว่า 13 ล้านบาท แต่น้อยว่าตอนพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. กว่า 4 แสนบาท

ส่วน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,210,102.43 บาท โดยไม่มีหนี้สิน ขณะที่ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีทรัพย์สิน 39,377,047บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 39,377,047 บาท เมื่อเทียบกับตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. มีทรัพย์สินลดลง 2,126,817 บาท
--------------------
ป.ป.ช. เปิดกรุอดีต ส.ส.หลังพ้นตำแหน่ง 1 ปี "เฉลิม" มี 170 ลบ., "สุรพงษ์" 35 ลบ.


จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ที่คณะกรรมกา รป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี พบว่า ร.ต.อเฉลิม อยู่บำรุง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 170,529,156 บาท ไม่มีหนี้สิน

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกาต่างประเทศ ในฐานะอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 40,156,962.28 บาท มีหนี้สิน 4,706,182.54 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 35,450,779.74 บาท

ขณะที่ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในคดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐมีทรัพย์สิน 39,377,047 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 39,377,047 บาท เมื่อเทียบกับตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. มีทรัพย์สินลดลง 2,126,817 บาท
-------------------
แกนนำ นปช. พ้นตำแหน่ง ส.ส. 1 ปี อู้ฟู่ทุกราย "ณัฐวุฒิ" 17 ลบ., ก่อแก้ว 100 ลบ. เหวง 26 ลบ.

จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี พบว่า

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ในฐานะอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย รวมมีทรัพย์สิน 32,435,662.5 บาท มีหนี้สิน 15,027,970.6 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 17,407,691.9 บาท

นายแพทย์เหวง โตจิราการ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 26,842,092.25 บาท มีหนี้สิน 117,980.15 บาท

นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 106,977,884.74 บาท มีหนี้สิน 6,578,486.29 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 100,399,398.45 บาท

นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เขต จังหวัดเชียงใหม่ รวมมีทรัพย์สิน 123,949,835.78 บาท มีหนี้สิน 88,249.75 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 123,861,586.03 บาท
----------------
พบ 12 อดีต ส.ส. ไม่ได้ยื่นบัญชีททรัพย์สิน หลังพ้นตำแหน่ง 1 ปี  รวม "จารุพงศ์" อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย


จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 479 คน ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี พบว่า

นายชวน หลีกภัย  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 6,121,583 บาท ไม่มีหนี้สิน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 345,556,371.21 บาท มีหนี้สิน 2,229,342.91 บาท

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 893,943,154 บาท มีหนี้สิน 858,756 บาท ลดลงจากกรณีพ้นจากตำแหน่ง 13 ล้านบาท

ทั้งนี้ พบว่ามีอดีต ส.ส. จำนวน 12 คน ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอย่างไรก็ตาม การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของ ส.ส. ทั้ง 479 คน เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.
- 17 ก.พ. 58 เวลา 08.30 - 16.30 น.

////////////////////
สปช.

สปช.เรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคายางพาราเท่าเทียม พัฒนาระบบให้เกิดความยั่งยืน

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุด เปิดการประชุมแล้ว ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ประธานเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ปรึกษาหารือ ซึ่งสมาชิกได้เรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคายางพาราอย่างเท่าเทียม เพราะชาวบ้านไม่ได้มีความประสงค์จะมาชุมนุม แต่อยากให้คนมีอำนาจรับผิดชอบกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น และถึงแม้รัฐบาลจะสามารถดันราคายางถึงกิโลกรัมละ 63 บาท ที่รับซื้อในสหกรณ์หรือตลาดกลาง แต่สถาน
ที่รับซื้อรายย่อยยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 47 บาทเท่านั้น ส่วนราคาปาล์มน้ำมันก็ตกต่ำ เป็นผลมาจากที่สั่งนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งปัจจุบันยางพารามีปลูกเกือบทุกพื้นที่ ดังนั้นรัฐบาลต้องส่งเสริมระบบเศรษฐกิจยางพาราเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยการนำยางพารามาแปรสภาพในรูปแบบต่าง ๆ และใช้ประโยชน์จากยางพาราให้มากที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น: