PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562

ปชป.จี้กกต.สอบผวจ.นครฯเกณฑ์คนรับลุงตู่

โชว์เอกสารราชการเตือน 7 อรหันต์ระวัง ‘ธนาธร’ โอนทรัพย์ให้ ‘กองทุน’ บริหาร!

พรรคการเมืองรุมสวดจัดเลือกตั้งล่วงหน้า สุดมั่ว “มาร์ค” จี้ กกต.ทำให้ประชาชนมั่นใจว่าโปร่งใส ห่วงการจัดเก็บรักษาบัตร บี้จับตา “ลุงตู่” ออนทัวร์ รองโฆษกปชป.เตือน 7 กกต.อย่าเสี่ยงเอาศักดิ์ศรีมาแลก ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว บี้สอบ ผวจ.นครศรีฯสั่งขนคน 2 หมื่นเชียร์ท่านผู้นำลงเมืองนครฯ ชี้แยกไม่ออกภารกิจ หรือแฝงหาเสียง “โอ๊ค” เย้ย กกต.ตำบลกระสุนตก ให้เลือกจะรับดอกไม้หรือก้อนอิฐ “ชัชชาติ” แนะรีบแก้หวั่นวันจริงโกลาหล “อ๋อย” ยิ้มคนใช้สิทธิเยอะขนาดนี้สนุกแน่ ปธ.กกต.เผยยอดใช้สิทธิ 86.98% รับข้อผิดพลาดจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก 24 มี.ค. ขนสื่อชมการคัดแยกบัตร “จรุงวิทย์” ฮึ่มใครใส่ร้ายฟ้องดะ รองเลขาฯ กกต.ไม่ลดละ โต้แหลกคนวิจารณ์ กกต.อุบลฯ เต้นสอบคลิปจ้างคนฟังปราศรัย พบพิรุธที่ จ.เลย ซุกหีบบัตรไว้ในห้อง นอภ. “ธนาธร” แยกเด็ดขาดธุรกิจกับการเมือง พปชร.ลุ้น “บิ๊กตู่” สไกป์-ขึ้นเวทีใหญ่เมืองกรุง

หลังเกิดปรากฏการณ์ประชาชนชาวไทยพากันออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. กันอย่างมืดฟ้ามัวดิน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังมีข้อผิดพลาดบกพร่องอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

ปธ.กกต.เผยยอดใช้สิทธิล่วงหน้า

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. แถลงผลการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่า ในจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ 2.6 ล้านคน มีผู้ออกมาใช้สิทธิคิดเป็นร้อยละ 86.98 มีหลายแห่งใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 90 จากรายงานพบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายรวม 3 กรณี 1.อาจมีการกระทำทุจริตใน 3 จังหวัด คือ จ.สมุทรสาคร ที่มีผู้แอบนำบัตรเลือกตั้งทั้งเล่มไปทำเครื่องหมายให้กับผู้สมัครพรรคหนึ่ง ที่ จ.อุทัยธานี มีการนำบัตรประจำตัวของบุคคลอื่นไปแสดงตนขอใช้สิทธิลงคะแนน มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ทั้งสองกรณีเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีแล้ว และที่ จ.กาฬสินธุ์ เขตเลือกตั้งที่ 2 มีการทำเอกสารปลอม โดยอ้างว่า ผอ.เลือกตั้งประจำเขตประกาศไม่รับสมัครผู้สมัครของพรรคหนึ่ง ทั้งที่ยังพบป้ายหาเสียงในพื้นที่อยู่ จึงแนะนำให้ผู้สมัครไปแจ้งความไว้

แจงรับแจกบัตรเลือกตั้งผิดเขต

นายอิทธิพรกล่าวว่า 2.เจ้าหน้าที่แจกบัตรเลือกตั้งผิดเขต พบมากในหลายจังหวัด ถ้าเป็นการพบหรือทักท้วงก่อนการลงคะแนน เจ้าหน้าที่จะแก้ไขโดยแจกบัตรเลือกตั้งที่ถูกต้องให้ผู้ใช้สิทธิ แต่หากมีการลงคะแนนไป และนำบัตรหย่อนในหีบบัตรเลือกตั้งไม่สามารถแก้ไขได้ ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการบันทึกเหตุการณ์ไว้ ส่วนกรณีผู้มีสิทธิลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า แต่ไม่พบข้อมูลที่หน่วยเลือกตั้ง เมื่อตรวจสอบหลักฐานแล้วพบว่ามีการลงทะเบียนจริง กรรมการประจำหน่วยจะเพิ่มชื่อให้ผู้มีสิทธิได้ใช้สิทธิ และ 3.แอปพลิเคชันสมาร์ท โหวต ไม่สามารถใช้งานได้ แต่ปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์จนสามารถ ใช้งานได้ตามปกติ ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะซักซ้อมเจ้าหน้าที่ไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในวันเลือกตั้งที่ 24 มี.ค.

พอใจภาพรวมเเม้มีฉุกละหุกบ้าง

ประธาน กกต.กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 17 มี.ค. หน่วยเลือกตั้ง ร.ร.บ้านบางกะปิ เป็นหน่วยที่มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิมากที่สุดกว่า 61,401 คน สามารถบริหารจัดการและอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สิทธิได้เรียบร้อย ถือว่าทำได้เป็นที่น่าพอใจ ส่วนกรณีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เลือกตั้งกลาง ได้แจ้งเตือนในทุกช่องทาง ทั้งทางสมาร์ทโหวต รถกระจาย เสียงในพื้นที่ รวมถึงคัตเอาต์หน้าสถานที่เลือกตั้งเดิม มีเพียงแห่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน คือหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าที่ จ.ชลบุรี เนื่องจากฝนตกหนัก

กกต.ยกทีมนำชมคัดแยกบัตร

ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส. ที่ลงคะแนนแล้ว สำนักงานไปรษณีย์ไทย หลักสี่ นายอิทธิพรพร้อม กกต.อีก 6 คน นำสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์การคัดแยกบัตรลงคะแนนล่วงหน้าเพื่อจัดส่งด้วยรถขนส่งไปรษณีย์ไปยัง 350 เขตเลือกตั้งปลายทาง มีนางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) และนายมานพ ศรวิบูลย์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน ปฏิบัติการนครหลวง ปณท. อธิบายขั้นตอนการคัดแยกบัตรด้วยเครื่องคัดแยกอัตโนมัติ (OCR) และยังถูกตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำซ้ำอีก 2 ครั้งจากเจ้าหน้าที่ สำหรับพื้นที่ชั้นในถูกกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม ผู้จะเข้ามาปฏิบัติงานต้องมีบัตรผ่าน และถูกตรวจสอบด้วยระบบยืนยันตัวตนอย่างรัดกุม

นักการเมืองร่วมสังเกตการณ์ได้

นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า เลขาธิการ กกต.จะมีหนังสือไปยังทุกพรรค การเมือง หากพรรคไหนจะส่งตัวแทนมาสังเกตการณ์การคัดแยก และการจัดส่งบัตร สามารถแจ้งชื่อผู้แทนและมาร่วมสังเกตการณ์ผ่านโทรทัศน์วงจรปิดได้พร้อมทั้งสามารถขับรถตามรถขนส่งบัตรไปตามเขตต่างๆได้ ส่วนครั้งนี้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือที่ต้นขั้วบัตรนั้น ตามกฎหมายจะให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเซ็นชื่อที่ต้นขั้วบัตร เว้นแต่พิการ คนเขียนหนังสือไม่เป็นจึงจะให้พิมพ์ลายนิ้วมือ แต่กรณีออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา กกต.ขณะนั้นใช้เรื่องการพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นกิมมิกหรือจุดขาย เพื่อเชิญคนมาออกเสียงประชามติ

ถ้าไม่สมยอมไม่มีใครบังคับได้

นายณัฏฐ์กล่าวถึงกระแสตำหนิ กกต.เรื่องเจ้าหน้าที่แจกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าผิดเขตให้กับผู้มาใช้สิทธิว่า การระบุว่ากรรมการประจำหน่วยบังคับ ว่ารับบัตรผิดก็ให้ลงคะแนนไปเถอะ เห็นว่าเจ้าของสิทธิต้องรักษาสิทธิของตนเอง ไม่มีใครมาบังคับได้นอกจากเราสมยอม ส่วนข้อท้วงติงว่าให้เอาเหตุการณ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค. มาเป็นบทเรียนสําหรับวันที่ 24 มี.ค.นั้น มันเป็นหนังคนละเรื่องกัน เพราะวันลงคะแนนจริงจะไม่มีบัตรของเขตอื่น คนที่ออกมาพูดบางครั้งก็สะท้อนว่ามีความรู้ในสิ่งที่พูดหรือไม่ คุณเป็นคนไทยต้องรู้จักรักษาสิทธิตัวเอง ถ้ารู้ว่าบัตรผิดต้องเอาบัตรที่ถูกของเรากลับมาให้ได้

สั่งดูโพสต์โซเชียลใส่ร้าย กกต.

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ กกต. ในโซเชียลมีเดียหากพบว่ามีการบิดเบือนใส่ร้ายหรือเจตนาเพื่อสร้างกระแส จะให้ฝ่ายกฎหมายของ กกต.ดำเนินคดี ส่วนกรณีมีคลิปซื้อเสียงที่ จ.อุบลราชธานี ทาง ผอ.จังหวัดแจ้งว่าสั่งรับไว้สืบสวนสอบสวนไว้ตั้งแต่เดือน ก.พ. สำหรับกรณีตรวจพบการกระทำอาจส่อทุจริตการเลือกตั้งใน จ.สมุทรสงคราม ได้สั่งให้พนักงานสืบสวนสอบสวนไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นเข้าใจว่ามาเป็นการใช้สิทธิครั้งแรกและหยิบเอาบัตรเลือกตั้งเข้าไปในคูหาทั้งเล่ม เมื่อนำไปกาเสร็จแล้วก็นำมาส่งให้เจ้าหน้าที่ แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ต้องรอฟังผลจากชุดสืบสวนสอบสวนเสียก่อน

กกต.อุบลฯสั่งสอบจ้างฟังปราศรัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ “ท้องฟ้าของเค้าา” โพสต์คลิปและภาพนิ่ง เป็นภาพกลุ่มบุคคลแจกเงินให้ผู้มาฟังการปราศรัยของพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี จึงได้สอบถามไปยัง พ.ต.ท.เรืองยศ มีแก้ว ผอ. กกต.อุบลราชธานี ระบุว่า หลังเห็นคลิปดังกล่าวแล้ว กกต.อุบลราชธานีไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนตามหาผู้โพสต์ทวิตเตอร์ สถานที่ พยานบุคคลที่ปรากฏตามภาพ รวบรวมพยานหลักฐานนำส่ง กกต.กลางเพื่อพิจารณา ใช้เวลาตรวจสอบตามกำหนด 30 วัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันเปิดรับสมัครจนถึงปัจจุบัน มีเรื่องร้องเรียนทุจริตแล้ว 2 เรื่อง ส่วนการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีผู้มาใช้สิทธิ 90 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าการจัดการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเช่นกัน

พิรุธซุกหีบบัตรไว้ในห้อง นอภ.

ที่ จ.เลย ชาวบ้านที่ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต 3 ต่างสงสัยการเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า หลังจากปิดหีบนำไปเก็บไว้ที่ห้องทำงานของ นอภ. 5 แห่ง คือที่ อ.ด่านซ้าย อ.ภูเรือ อ.นาแห้ว อ.ท่าลี่ และ อ.เชียงคาน ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งช้างชนช้างระหว่างนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคพลังประชารัฐ กับนายธนยศ ทิมสุวรรณ ลูกชายอดีตนายก อบจ.เลย พรรคภูมิใจไทย ที่เป็นเต็ง 1 ของเขต 3 จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวบนที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย พบมีการเก็บหีบไว้ที่ห้องทำงานของ นอภ.ด่านซ้าย เมื่อเดินขึ้นไปชั้น 2 พบประตูแรกเป็นประตูกระจกไม่มีการล็อก ส่วนจุดที่เก็บหีบบัตรเลือกตั้งอยู่ข้างโต๊ะทำงานของ นอภ. และยังพบว่ามีชาวบ้านมาติดต่อราชการจำนวนมาก สามารถเดินเข้าไปในจุดที่เก็บหีบบัตรได้โดยไม่มีใครเห็น

กกต.เขตไฟเขียวจัดเวรยามดูแล

ด้านนายจักรภัทร พรมคล้าย ปลัดอาวุโสอำเภอด่านซ้าย กล่าวว่า หีบบัตรเลือกตั้งของ อ.ด่านซ้าย เก็บไว้ที่ที่ว่าการอำเภอ ตามประกาศของ กกต.เขต 3 ตามระเบียบข้อที่ 180 กรณีนี้ที่ประชุม กกต.เขต 3 มีมติร่วมกันให้เก็บไว้ที่ที่ว่าการอำเภอเป็นคำสั่งที่ออกมาต้นเดือน มี.ค. ตามระเบียบที่กำหนดไว้ว่าให้แต่ละเขตไปใช้ดุลพินิจ เก็บไว้ตรงไหนอย่างไรแต่ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ของ กกต.ที่ต้องเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัย แล้วทำประกาศและแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ส่วนที่นำมาเก็บไว้ที่ที่ว่าการอำเภอถือว่ามีความผิดไหมไม่สามารถตอบได้ อำเภอด่านซ้ายได้ปฏิบัติตามกำหนดของ กกต.เขตทุกอย่าง ขณะที่นายสุจิน มีชัย ประธาน กกต.เขต 3 เปิดเผยว่า กกต.จังหวัดมอบอำนาจให้แต่ละเขตประชุมมีมติจะเก็บไว้ตรงไหน โดยเขต 3 มีมติให้เก็บหีบบัตรเลือกตั้งไว้ที่ 5 อำเภอของ เขต 3 โดยทางอนุกรรมการของอำเภอจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการดูแลโดยจัดเวรยาม


“บิ๊กตู่” ปลุกภาพหลอนวิกฤติปี 57

วันเดียวกันที่อาคารอิมแพค ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงาน “กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ” โดยนายกฯได้เดินทักทาย ยกมือชูกำปั้นและทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูทักทายตัวแทนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านกว่า 10,000 คน จากนั้นกล่าวปาฐกถาว่า ประเทศมีประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ก่อนปี 2557 ถือเป็นบทเรียน อย่าให้ประวัติศาสตร์ไม่ดีเกิดขึ้นอีก ทุกคนเกิดแผ่นดินไทยเกิดที่นี่ตายที่นี่ อย่าให้ความไม่เข้าใจ การยุยงปลุกปั่น ต้องไม่เกิดขึ้นอีก อย่าทำลายแผ่นดินเกิดของท่าน สิ่งสำคัญคือการบริหาร ต้องกระจายอำนาจ ต้องช่วยกันอย่าไปคิดว่าของใครของมัน ได้มากได้น้อย ทุกคนต้องเสียภาษีไม่ใช่อยากรวยแล้วไม่เสียภาษี เราต้องมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ แล้วภาษีจะกลับมาดูแลตัวเอง ไม่ใช่คิดแต่ว่ารัฐจะมาเอาแต่ภาษี

“พระพยอม” ห่วงโหมขึ้นค่าแรง

“ขอไว้วางใจผมจะทำต่อไปให้ดีที่สุด คิดถึงทุกคนทุกจังหวัด ร่วมมือกับผมได้หรือไม่ได้ เดินหน้ากันต่อไป ผมขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่ต่อไปเพื่อทุกคนให้ดีที่สุด ทุกคนให้สัญญาได้หรือไม่จะเดินไปด้วยกัน ช่วยกันไปสู่วันใหม่ด้วยความใจเพชร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนนายกฯ จะเดินทางมาถึงงาน ทางคณะผู้จัดงานได้นิมนต์พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว มาบรรยายธรรม ตอนหนึ่งพูดถึงเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ ที่มีหลายพรรคนำมาหาเสียง โดยเฉพาะการขึ้นค่าแรง 425 บาทต่อวัน อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ พร้อมยกความเห็นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ระบุว่าอาจเกิดภาวะเงินเฟ้อ ราคาสินค้าสูงขึ้น เช่น ก๋วยเตี๋ยวชามละ 100 บาท มาประกอบการบรรยายธรรม

“สมคิด” บ่นเหนื่อยพวกเท้าราน้ำ

ต่อมานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก รัฐมนตรี กล่าวบนเวทีว่า ผ่านมา 4-5 ปี เหนื่อยมากกับคนที่ไม่ฟัง ไม่ช่วยกันแล้วยังเอาเท้าราน้ำ ประเทศกำลังดีแต่บอกว่ากำลังจะเหมือนเวเนซุเอลา เราสู้จนประเทศมาถึงตรงนี้ได้ อย่าให้ถดถอยลง ประเทศจะรุ่งเรืองได้การเมืองต้องดีก่อน รัฐบาลนี้ พล.อ.ประยุทธ์พยายามผลักดันออกมาทำระยะยาว ทำคนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ นั่นคือหน้าที่รัฐบาล ไม่ใช่มัวแต่เอาใจกลุ่มก้อน แล้วสักแต่ว่าขอให้ได้รับเลือกตั้งแล้วทุกอย่างเหมือนเดิม อีก 4 ปีเจอกันใหม่มาแจกขนมใหม่ พูดจากคนที่ทำงานมา 4 ปี เราทำดีที่สุดแล้วบ้านเมืองถึงมาอยู่ตรงนี้ และมั่นใจประเทศได้ไปต่อ ถ้าไม่ได้คนโง่ๆ มาทำให้บ้านเมืองมีปัญหา นายกฯ สัญญาจะกลับมาทำงานให้เสร็จ ไม่ใช่ทำแบบครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้เรียกว่าสืบทอดอำนาจหรือเปล่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ปวารณาตัวทำงานต่อ วันที่ 24 มี.ค. จึงอยู่ที่ท่านจะให้โอกาสไหม เป็นสิทธิ์ของทุกคน

ปล่อยมุกเดิมเดี๋ยวโดนปูหนีบ

จากนั้นเวลา 11.45 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ติดตามการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก โดยจุดแรกไปยังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มีชาวบ้านมารอต้อนรับราว 20,000 คน มีบางคนนำปูดำทะเลใส่กระเช้าห่อกระดาษมามอบให้ ซึ่งนายกฯ ไม่รู้ว่าเป็นปูเอามือไปจับที่ห่อกระดาษ เมื่อชาวบ้านบอกเป็นปู นายกฯ รีบชักมือออก พร้อมกล่าวอย่างตกใจว่า “ปูเหรอ เดี๋ยวมันก็หนีบผมสิ” ต่อมาเดินทางมายังวัด พระมหาธาตุวรมหาวิหาร เข้ากราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ และเข้าสักการะพระบรมธาตุเจดีย์ และร่วมพิธีแห่ผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุ จากนั้นเป็นประธานส่งมอบบ้านและให้กำลังผู้ประสบภัยพายุโซนร้อนปาบึก 316 หลัง ที่ ต.โพธิ์สด็จ อ.เมือง ก่อนเดินทางต่อไปยังสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 โดยนายกฯ ได้ลองขับรถสองแถวไม้ นคร-เขาชะเมา ทะเบียน 10-0534


“วิษณุ” ชม “บิ๊กตู่” ทำสง่างามแล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การมีผู้ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้ากว่าร้อยละ 80 ขณะที่ผู้ใช้โซเชียลฯ จำนวนมากท้วงติงการทำหน้าที่ของ กกต.และเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งที่ผิดพลาดหลายอย่าง เมื่อผิดพลาดก็ต้องแก้ไขกันไป เพราะใหม่ด้วยกันทั้งนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาเราว่างเว้นการเลือกตั้งมานาน เจ้าหน้าที่อาจงงๆ ประชาชนก็ยังงงอยู่เหมือนกัน เมื่อถามถึงมีข้อท้วงติงการลงพื้นที่ของนายกฯช่วงใกล้เลือกตั้ง นายวิษณุตอบว่า ไม่มีอะไรมาก กกต.บอกด้วยซ้ำว่าขึ้นเวทีหาเสียงปราศรัยได้ นายกฯทำแบบนี้ถือว่าสง่างามดูสวยงามกว่า ไปก็มีเหตุมีภารกิจ เช่น ที่จะไปเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา จ.ตาก เป็นช่วงที่เมียนมามีความพร้อมและเป็นฝ่ายนัด จึงต้องไป และมาประชุม ครม.ในช่วงบ่าย การลงพื้นที่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้พรรคพลังประชารัฐ การเปิดคลิปก็ดีอย่างไม่ต้องไปพูดสด การพูดสดบางทีกลอนพาไปได้เหมือนกัน

“โอ๊ค” ซัดเขียนกติกาทำคนสับสน

ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ในโซเชียลฯตั้งข้อสังเกตถึงข้อขัดข้องเลือกตั้งล่วงหน้าเยอะมาก ส่วนใหญ่ลงที่ กกต. ยิ่งมีข่าวว่า กกต.บินไปดูงานต่างประเทศ พอการเลือกตั้งล่วงหน้าออกมาไม่เรียบร้อย ย่อมโดนตำหนิเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่เราไม่ค่อยได้พูดถึง และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ กกต.โดนตำหนิ คือการกำหนดกฎเกณฑ์การเลือกตั้งให้ทั้ง 350 เขตจับสลากเบอร์เลือกตั้งกันเอง ทั้งที่มีการทักท้วงไปแล้วให้แต่ละพรรคใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศ จะได้ไม่สับสนและใช้งบประมาณน้อย ทำให้คนสับสนและกาผิดพลาดกันเยอะ โดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย ที่มีคนตั้งชื่อพรรคและโลโก้พรรคแทบจะเหมือนกัน เช่น พรรคเพื่อนไทย พรรคเพื่อคนไทย รับรองว่าต้องมีกาผิดพลาดบ้าง และไม่ใช่แค่ประชาชนสับสน เจ้าหน้าที่รัฐขนาดอบรมกันมาดี ยังสับสนผิดๆถูกๆแทบทุกหน่วย หยิบบัตรผิดเขต หรือพิมพ์บัตรผิดมาแต่แรกก็ไม่ทราบ

ให้เลือกจะรับดอกไม้หรือก้อนอิฐ

นายพานทองแท้ระบุอีกว่า บัตร 350 เขตไม่ซ้ำกัน เบอร์พรรคก็ไม่เหมือนกัน แต่ให้เลือก ณ จุดเดียวกัน โดยมีคนมาเลือกนับหมื่นคนในวันเดียว ต้องชุลมุนเป็นธรรมดา เหลืออีก 7 วัน ขอให้กำลังใจ กกต. และขอให้เตรียมการให้ดี จะได้ดอกไม้หรือได้ก้อนอิฐซ้ำสอง อยู่ที่ความโปร่งใสในวันเลือกตั้งจริง ถ้าเตรียมการมาดี ที่สำคัญที่สุดคือความโปร่งใส จะทำให้เราได้ประชาธิปไตยที่ใสสะอาด เชื่อว่าวันที่ 24 มี.ค. คนไทยที่รักประชาธิปไตยล้วนฝากความหวัง และรอมอบดอกไม้ (ไม่ใช่ก้อนอิฐ) ให้กับ กกต.ทุกท่านที่จัดเลือกตั้งโปร่งใส ด้วยจิตใจเป็นธรรม


“ธนาธร” แยกธุรกิจกับการเมือง

ช่วงเช้าที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เปิดแถลงข่าวว่า นักธุรกิจเข้ามาทำงานการเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่ คนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าเป็นนักธุรกิจอาจเป็นข้อดีด้วยซ้ำในการช่วยพัฒนาประเทศ ในต่างประเทศมีการสร้างมาตรฐานให้สาธารณชนไว้วางใจนักการเมือง รูปแบบที่แพร่หลายที่สุด คือการโอนทรัพย์ของผู้ที่เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าไปในกองทุน เพื่อให้กองทุนเป็นผู้ดูแล หลายคนที่ยังเคลือบแคลงสงสัย และตั้งคำถามว่าตนเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อปกป้องหรือหาผลประโยชน์ของตัวเองหรือไม่ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาชนเข็ดหลาบ ที่นักการเมืองบริหารธุรกิจของตนเองอย่างโปร่งใส เมื่อมีอำนาจก็ไปออกสัญญาเอื้อประโยชน์ ตนจึงทำเพื่อลบข้อครหาเหล่านี้ ไม่ให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยนักธุรกิจที่มาทำงานการเมือง เมื่อถามว่าถอดบทเรียนจากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกยึดทรัพย์ใช่หรือไม่ นายธนาธรตอบว่า ไม่ได้มีแค่นายทักษิณ แต่อยากสร้างมาตรฐานใหม่ให้นักธุรกิจที่มาทำงานการเมือง ควรจัดการกับทรัพย์สินอย่างไร

“สมพร” เตรียมเทขายหุ้นมติชน

นายธนาธรกล่าวอีกว่า เมื่อเอาทรัพย์สินไปวางไว้แล้วทุกอย่างจะจบ ตนจะเจอทรัพย์สินอีกทีเมื่อเลิกทำงานการเมือง อีกอย่างที่ไปไกลกว่านั้นคือจะระบุในสัญญาว่าหลังออกจากตำแหน่งทางการเมือง 3 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์ในกองทุนกลับมาบริหารเอง นี่คือมาตรฐานที่ไกลสุดสำหรับนักธุรกิจที่มาทำงานการเมือง หนึ่งในสัญญาที่จะเขียนไว้กับกองทุนคือ ไม่ซื้อหุ้นไทย ถ้าจะลงทุนในหุ้น ให้ซื้อหุ้นต่างประเทศอย่างเดียว หลีกเลี่ยงไม่ให้เอื้อผลประโยชน์ ขณะเดียวกันนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา ที่ถือหุ้นมติชนอยู่ จะขายหุ้นมติชนในระยะเวลาอันใกล้นี้ ยืนยันว่าไม่เคยมีส่วนร่วมตัดสินใจกับแม่ตั้งแต่ต้น เมื่อนางสมพรซื้อจึงให้ตนไปเป็นกรรมการ แต่ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของกอง บก. มีแต่ช่วยแนะนำอย่างเต็มที่ ปีที่แล้วลาออกจากธุรกิจของไทยซัมมิท รวมถึงกรรมการบริษัทมติชนด้วย และไม่เคยส่งใครไปแทน เพื่อให้เกิดความสบายใจและไม่เกิดข้อครหา

แฟนคลับแห่รอรับแน่นบ้านโป่ง

ต่อมาที่ลานอเนกประสงค์ศาลาประชาคมริมน้ำ เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงโค้งสุดท้ายให้กับ น.ส.ภัคศุภางค์ เกียงวรางกูร ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี เขต 4 มีพ่อค้า แม่ค้า ประชาชน และกลุ่มนักเรียนนักศึกษา คนรุ่นใหม่มาร่วมต้อนรับจำนวนมาก บางส่วนเข้ามาขอถ่ายรูปเซลฟี่ พร้อมตะโกน “ฟ้ารักพ่อ” ตลอดเวลา นายธนาธรกล่าวว่า พื้นที่ จ.ราชบุรี พรรคมั่นใจว่าจะปักธงได้แน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มพลังคนรุ่นใหม่ที่รักในประชาธิปไตย จะแสดงพลังออกมาเลือกพรรคอนาคตใหม่ เพื่อขยายแนวคิดอุดมการณ์ให้กับพี่น้องประชาชนได้เข้าใจ จากนั้นนายธนาธรพร้อมคณะและผู้สมัคร ส.ส.ขึ้นรถตั้งขบวนแห่ไปรอบตลาดบ้านโป่ง

ชื่นชม “ธนาธร” แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง กล่าวให้ความเห็นกรณีการโอนหุ้นของนายธนาธรไปอยู่ใน blind trust ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แม้ยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และเป็นมาตรฐานที่น่าชื่นชม แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะนักการเมืองหลายคนก็ทำ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบ blind trust หรือ private fund ต่างระบุเจตจำนงในสัญญาบริการได้ทั้งหมด บลจ.บัวหลวงก็เคยบริหาร private fund ให้อดีตรัฐมนตรีบางคน ที่ปัจจุบันกำลังลงเลือกตั้งในยุคนี้ด้วย โดยสัญญาหรือเงื่อนไขในการบริหารจัดการ private fund ไม่ต่างจากของนายธนาธร และยังครอบคลุมไปถึงหุ้นบริษัทนอกตลาดด้วย โดยรัฐมนตรีและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องก็มิได้เข้ามาบงการหรือยุ่งเกี่ยวอะไร

“ชัชชาติ” นำทีมแอดเวนเจอร์ กทม.

ที่ 5 แยกลำกระโหลก รามอินทรา 109 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. หาเสียง พร้อมเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่เขตชานเมือง ที่มีประชาชนอยู่อาศัยหนาแน่นจนเกิดปัญหาการจราจร โดยนายจิรายุ พานายชัชชาติขึ้นรถกระเช้าดูมุมสูงบริเวณแยกดังกล่าว เป็นจุดที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัดอย่างหนัก ต่อมานายชัชชาติ พร้อมทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม. อาทิ นายอนุสรณ์ ปั้นทอง นายการุณ โหสกุล นายสุรชาติ เทียนทอง นายประพนธ์ เนตรรังษี นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ และ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธิ์ เดินทางโดยรถเมล์จากหน้ากรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ไปขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีหมอชิตไปยังสถานีสยาม เพื่อสำรวจปัญหาการจราจร โดยนายชัชชาติได้ถ่ายรูปร่วมกับผู้สมัคร ส.ส.พร้อมบอกว่านี่คือทีมแอดเวนเจอร์ กทม. มีประชาชนที่โดยสารร่วมมาบนรถเมล์กล่าวกับนายชัชชาติว่า “อยากให้เป็นนายกฯจังเลย อยากให้ได้” “อยากให้ได้ประชาธิปไตยคืนมา เบื่อแล้วเผด็จการ”

จี้ กกต.แก้จุดบอดหวั่นโกลาหล

นายชัชชาติกล่าวถึงปัญหาการจัดเลือกตั้งล่วงหน้า ว่า กกต.ต้องเร่งแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเรื่องบัตรเลือกตั้งถือเป็นเรื่องใหญ่ ยังมีประชาชนสงสัยกระบวนการจัดการ กกต.ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าระเบียบที่พึงปฏิบัติเป็นอย่างไร รวมถึงการนำส่งบัตรผ่านไปรษณีย์ กกต.ต้องฟังเสียงประชาชนและชี้แจงให้ชัดเจน เพราะสุดท้ายความมั่นใจคือเรื่องสำคัญ หากวันเลือกตั้งไม่พร้อมอาจนำไปสู่ความ โกลาหล และส่งผลต่อความมั่นใจด้านเศรษฐกิจ ฝาก กกต.ว่าครั้งนี้เป็นบทเรียน ครั้งหน้าของจริง อย่าให้มีปัญหาเกิดขึ้น และขอให้นำความมั่นใจกลับคืนมา เชื่อว่าตอนนี้ประชาชนมีคำถามต่อ กกต. ขอให้พิสูจน์ตัวเองว่าทำหน้าที่โปร่งใส เพราะจะมีผลกับความมั่นใจหลังการเลือกตั้ง

“สมชาย” ควง “เด็จพี่” ลุยแม่ฮ่องสอน

ที่ตลาดสายหยุด เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พร้อมนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนายวิเชียร บุญระชัยสวรรค์ ผู้สมัคร ส.ส. แม่ฮ่องสอน หาเสียง นายสมชายกล่าวว่า ชาวแม่ฮ่องสอนชื่นชมผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และรับรู้นโยบายในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะการยกระดับราคาพืชผลการเกษตร และการปรับโครงสร้างหนี้ เสียดายที่พรรคเพื่อไทยเผชิญวิกฤติการเมืองจนไม่ได้ผลักดันนโยบายขยายสนามบิน และถนนสี่เลน เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองสามหมอก รวมถึงการค้าชายแดน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคนที่ต้องเข้าถึงบริการของรัฐ และการพัฒนาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการของประชาชนในพื้นที่

“วรชัย” โวยปากน้ำมีซื้อเสียงอื้อ

ด้านนายวรชัย เหมะ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องมีนักการเมืองท้องถิ่นเดินสายล่ารายชื่อประชาชน บางเขตถึงขั้นเก็บบัตรประชาชนหวังใช้สวมรอยเลือกตั้ง เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า ถือเป็นบ่อเกิดการคอร์รัปชันที่คนกลุ่มนี้ต้องการเข้าไปถอนทุน ขอพี่น้องประชาชนอย่าเลือกนักการเมืองซื้อเสียงเข้าไปทำหน้าที่ในสภา และขอให้ กกต.ตรวจสอบอย่างจริงจัง ขนาดการปราศรัยของบางพรรค ยังมีการจ่ายเงินจ้างคนไปฟังโดยวางเงิน 350 บาทไว้ในข้าวกล่องที่แจกจ่าย ถ้า กกต.ไม่หูหนวกตาบอดคงเห็นเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ทราบเป็นการปล่อยปละละเลยให้เกิดการกระทำเช่นนี้หรือไม่ และการเลือกตั้งวันนี้อยากให้ประชาชนเลือกอนาคตตัวเอง ว่าอยากจะลำบากเหมือนทุกวันนี้ต่อไป หรืออยากจะลืมตาอ้าปากอยู่ดีกินดี แบบที่พรรคเพื่อไทยเคยทำไว้ให้ในอดีต

“มาร์ค” บี้ กกต.จับตา “ลุงตู่” ออนทัวร์

ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ ไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีรายงานว่า ผวจ.นครศรีธรรมราช ทำหนังสือให้จัดคนมาต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระหว่างลงพื้นที่ว่า แม้เชิงกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ลงพื้นที่ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ แต่เมื่อมีการใช้ทรัพยากรของรัฐ คำสั่งของรัฐชัดเจนให้มีการจัดคนมาต้อนรับ ต้องดูว่าเป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นลักษณะที่จะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียง ตามระเบียบ กกต. นิยามไว้ว่าการหาเสียงคือการกระทำใดๆ ที่จะนำไปสู่ผลกระทบในเชิงคะแนนเสียง ดังนั้นไม่ใช่แค่บอกว่าถ้าไม่ได้ปรากฏตัวบนเวทีปราศรัย หรือไม่ได้เดินแจกใบปลิว แล้วแปลว่าไม่ได้หาเสียง กกต.ต้องดูว่าหากไม่ใช่เรื่องบริหารราชการแผ่นดิน แต่มีลักษณะกระทำเพื่อประโยชน์ของคะแนนเสียง ต้องถือว่าผิด เพราะมีการใช้ทรัพยากรของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง


ห่วงการเก็บรักษาบัตรล่วงหน้า

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้ กกต.ทำความชัดเจน กรณีเกิดปัญหาจากการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ได้รับรายงานว่ามีปัญหาบัตรเลือกตั้งผิดเขต และขอให้ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ให้กระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชน รวมทั้งกระบวนการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนมั่นใจถึงความโปร่งใส เพราะประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนมาก เมื่อถามว่ามีผู้วิเคราะห์ว่าการประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้เกิดเดดล็อกทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ควรเจาะจงที่พรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะแต่ละพรรคต้องมีเสรีภาพกำหนดจุดยืนตัวเอง เราประกาศความชัดเจนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ขณะนี้ไม่มีใครทราบว่าผลเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ผลออกมาแล้วจะมีคำตอบของตัวเอง

แฉ ผวจ.นครศรีฯ สั่งขนคนเชียร์

ขณะที่นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวพร้อมนำเอกสารราชการลงวันที่ 13 มี.ค. ลงนามโดยนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการเกณฑ์คนไปต้อนรับนายกฯและคณะ ตั้งเป้าหมายระดมคนให้ได้ 20,000 คน จาก 13 อำเภอ มีรายละเอียดบัญชีมอบหมายภารกิจในแต่ละอำเภอว่าจะให้จัดคน เช่น อ.เมืองนครศรีธรรมราช 3,500 คน อ.ปากพนัง 1,500 คน อ.ทุ่งสง 1,200 คน เป็นต้น การสั่งระดมขนคนให้ไปเชียร์ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ขณะนี้เป็นแคนดิเดตนายกฯพลังประชารัฐ ทุกพื้นที่โดยอ้างว่าไปตรวจราชการ ถือว่าผิดวิสัยการไปตรวจราชการปกติ ซ้ำมีการจัดเวทีให้นายกฯ ปราศรัยกับประชาชน ไม่ต่างจากเวทีปราศรัยของพรรคการเมือง พฤติกรรมเช่นนี้ กกต.กลางต้องตรวจสอบ ว่ากระทำเข้าข่ายใช้เวลาราชการ ใช้ทรัพยากรของรัฐ และงบประมาณของรัฐ เพื่อการหาเสียงแอบแฝงหรือไม่ เนื่องจากมีการหาเสียงว่าให้เลือกพรรคพลังประชารัฐเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อ จึงแยกไม่ออกระหว่างภารกิจรัฐบาล กับนโยบายของพรรค

เตือน 7 กกต.อย่าเสี่ยงตัวอย่างมี

นายเชาว์กล่าวต่อว่า ขอเตือน กกต.ทั้ง 7 คน อย่าเอาเกียรติยศและศักดิ์ศรีมาเสี่ยง และขอให้ดูบทเรียน กกต.ยุคสามหนาห้าห่วง ที่ต้องติดคุกจากการทำหน้าที่ไม่ตรงไปตรงมา และฝากถึงนายกฯ ว่า หากไม่มีส่วนรู้เห็นต้องรีบระงับยับยั้ง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ถ้าปล่อยปละละเลยแสดงว่ารู้เห็นเป็นใจ เชื่อว่าการลงพื้นที่ต่อไปที่ จ.ตาก จ.ฉะเชิงเทรา จะมีการสั่งเกณฑ์คนไปต้อนรับไม่ต่างกัน ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์พึงระลึกว่า คนมาด้วยการจัดตั้งแม้มีจำนวนมากก็ไม่สะท้อนความจริง ท่านอาจหลงระเริงกับการปั้นแต่งจนมองไม่เห็นความจริง นอกจากนี้ยังพบปัญหาการเก็บบัตรประชาชนในหลายพื้นที่ ไม่เว้นแม้กระทั่ง กทม. มีข้าราชการทหาร ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่ กกต.แต่ละพื้นที่ ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ การทำการเมืองเช่นนี้ไม่แตกต่างอะไรกับพรรคไทยรักไทยในอดีต ที่ใช้กลไกราชการเป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจ ดูดอดีต ส.ส.ไม่เว้นแม้อดีตนักการเมืองที่มีปัญหาเรื่องทุจริตเข้าไป ทำให้การเมืองถอยหลังเข้าคลองกลับสู่ยุคทำทุกอย่างเพื่ออำนาจ

ซัด “เทือก” ยก “ตู่” เทียบชั้น “ป๋า”

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ว่า นายสุเทพพยายามยก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นชั้นเทียบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งไม่อาจเทียบกันได้ ไม่ว่าในบริบทหรือมิติใด เพราะ พล.อ.เปรมไม่แอบตั้งพรรคการเมือง และพรรคต่างๆยอมรับ พล.อ.เปรมให้เป็นผู้นำพาประเทศชาติในขณะนั้น พล.อ.เปรมไม่อุ้มคนชั่ว ไม่ปากว่าตาขยิบ ไม่เล่นพรรคเล่นพวก รัฐมนตรีมีข่าวทุจริตปลดทิ้งทันที ไม่มีลีลาปกป้อง พล.อ.เปรมและเครือญาติไร้เรื่องทุจริตใดๆให้เป็นที่สงสัยของสังคม พล.อ.เปรมสุภาพไม่ก้าวร้าว ให้เกียรติทุกคน ไม่เคยตวาดด่าว่าประชาชนหรือสื่อมวลชนแม้แต่คำเดียว พล.อ.เปรมมุ่งกระจายรายได้ให้คนชนบท ไม่ออกกฎหมายเอาใจ หรือยกที่ดินของรัฐให้เจ้าสัวนายทุน ท่านไม่เคยออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดินในประเทศได้นานถึง 99 ปี ท่านมีความอดทนอดกลั้นสูง ไม่ยกตนข่มท่าน หรือท้าทายประชาชน ท่านปกครองประชาชนเหมือนลูกหลาน และท่านมีความจงรักภักดีเป็นที่ประจักษ์ รวมถึงเป็นที่ศรัทธายอมรับของคนไทย และมิตรประเทศทั่วโลก


ตอกเผด็จการไม่มีวันสร้าง ปชต.

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวระหว่างลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ถึงกรณี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิก สนช. ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. คือเผด็จการผู้สร้างประชาธิปไตย ว่า ขอเห็นต่างกับวาทกรรมดังกล่าว คิดว่าการแสดงวาทกรรมในช่วงนี้ เพราะอยู่ในช่วงสรรหา ส.ว. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นผู้เซ็นอนุมัติ มีสุภาษิตไทยว่า “งาช้างไม่งอกจากปากสุนัข ฉันใด เผด็จการก็ไม่ใช่ผู้สร้างประชาธิปไตยฉันนั้น” ยืนยันว่าไม่เคยมีเผด็จการที่ใดบนโลกสร้างประชาธิปไตย ผู้สร้างประชาธิปไตยคือประชาชนผู้โดนกดขี่เท่านั้น วาทกรรมดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เผด็จการไม่สร้างประชาธิปไตยมีแต่จะสืบทอดอำนาจ ขอเรียกร้องประชาชนให้ออกมาสร้างประชาธิปไตยในวันที่ 24 มี.ค. ด้วยการเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยให้เกิน 376 เสียง

“อ๋อย” ยิ้มคนใช้สิทธิเยอะสนุกแน่

ที่บริเวณสนามหน้าเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ เปิดเวทีปราศรัยภายใต้หัวข้อ “ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย” โดยนายจาตุรนต์ปราศรัยว่า การที่ประชาชนแห่ออกมาลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนมาก วันที่ 24 มี.ค.สนุกแน่นอน คาดว่าจะมีคนลงคะแนนเกินกว่า 80% แน่นอน หรืออาจจะพุ่งสูงถึง 90% ซึ่งหมายถึงประชาชนคนไทยจะพร้อมใจกันบอกว่า คสช.ไปได้แล้วจะเอาฝ่ายประชาธิปไตยมาเป็นรัฐบาลกันแล้ว ช่วยกันลงคะแนนเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยให้ชนะพรรคฝ่ายเผด็จการ เนื่องจากทั่วประเทศเอือมระอากับการปกครองที่ทำให้เดือดร้อนเศรษฐกิจตกต่ำเสียหายจำนวนมาก

ให้เป็นบทเรียนวันกาบัตรจริง

นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า การลงคะแนนเสียงล่วงหน้าที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าประชาชนอยากเลือกตั้งมากแค่ไหน แต่ที่น่าผิดหวังคือการบริหารจัดการของ กกต. ที่เกิดปัญหาจำนวนมากมีแนวโน้มทำให้อาจเป็นบัตรเสียได้ อยากให้นำปัญหาที่เกิดขึ้นไปเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุง รับการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 24 มี.ค. เพราะเชื่อว่าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ หาก กกต.ไม่ดำเนินการใดๆอาจถูกสังคมมองว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดหรือไม่ กกต.เป็นองค์กรอิสระก็อยากให้อิสระจริงๆ สำคัญที่สุดคืออยากให้รักษาบัตรลงคะแนนล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรให้ดี เพราะประชาชนต่างจับตามอง อย่างที่ จ.อุบลราชธานี น่าจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนมาก กกต.น่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก

“อุตตม” หารือสภาเกษตรกรฯ

ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หารือกับตัวแทนเกษตรกร ได้แก่นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ถึงแนวทางการพัฒนาเกษตร ต่อนายอุตตมแถลงว่า สภาเกษตรกรฯมีข้อเสนอ 3 เรื่อง คือ ที่ทำกิน ส.ป.ก. 4.0 พรรคเห็นว่าถึงเวลา ที่ต้องทบทวนทำให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ทำอย่างไรเพื่อสร้างมูลค่าให้ผู้มีสิทธิ์ถือครองใช้ที่ดินได้ 2.โครงสร้างการบริหารสภาเกษตรกร ให้ทำงานมีประสิทธิภาพได้ผลจริง ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี และ 3.ขอให้แก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติด เปิดทางให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ข้อเสนอทั้งหมดนี้พรรคพลังประชารัฐจะรับไว้พิจารณา ส่วนกระแสโจมตีนโยบายเอาใจผู้ใช้แรงงานว่า พรรคพลังประชารัฐพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ ยืนยันว่าสามารถทำได้จริง ยืนยันเป็นไปตามกรอบงบประมาณ และคำนึงถึงการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ

โว “ลุงตู่” ตัวช่วยปั่นแต้ม พปชร.พุ่ง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของพรรคที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ช่วยหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย ยิ่งทำให้กระแสพรรคดีขึ้นไปอีก ส่วนคนที่บอกว่าทำให้กระแสพรรคตกนั้น เป็นการดูถูกดูแคลนประชาชน การให้ พล.อ.ประยุทธ์ช่วยหาเสียง เพราะต้องการให้คนที่ยังลังเลเกิดความแน่ใจมาเลือกพรรคเรา

“สุรพร” มั่นใจกวาดอีสานถล่ม

นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันที่ 18-23 มี.ค. เป็นช่วงสุดท้ายของการหาเสียง ถือว่าเข้าสู่ช่วงทางตรง 100 เมตรสุดท้าย พรรคมีโปรแกรมลงพื้นที่หาเสียงอย่างเข้มข้น เพื่อนำอุดมการณ์ก้าวข้ามความขัดแย้ง และนโยบายที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ไปบอกกล่าวให้พี่น้องเกษตรกรและประชาชน ได้รับทราบทั่วประเทศ มีกำหนดการปราศรัยใน 3 จังหวัดใหญ่ภาคอีสาน คือ วันที่ 18 มี.ค. ที่ จ.ร้อยเอ็ด วันที่ 19 มี.ค. ที่ จ.อุบลราชธานี และวันที่ 20 มี.ค. จ.สกลนคร ด้วยกระแสของพรรคที่ดีวันดีคืน รวมทั้งการตอบรับของประชาชนที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นแรงสนับสนุนให้พรรคได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในภาคอีสานและทั่วประเทศ

ลุ้นสไกป์-ขึ้นเวทีใหญ่เมืองกรุง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า หลังพรรคพลังประชารัฐได้เปิดคลิปวิดีโอ พล.อ.ประยุทธ์ บนเวทีปราศรัยใหญ่ในจังหวัดต่างๆเพื่อเรียกคะแนน ล่าสุดในเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายของพรรคที่ กทม. วันที่ 22 มี.ค. ที่สนามกีฬาเทพหัสดิน แกนนำพรรคได้หารือกันว่า เพื่อช่วงชิงคะแนนในโค้งสุดท้าย เวทีปราศรัย กทม.อาจจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยตัวเอง หรือใช้รูปแบบสไกป์มายังเวที เพื่อพูดคุยกับมวลชนผู้สนับสนุนพรรค แต่ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจและหารือกับนายกฯ

ชทพ.บอกให้แก้มือมั่วบัตร ลต.

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ภาพรวมถือว่าดีมาก ประชาชนมีแรงขับเพราะไม่ได้เลือกตั้งมานาน ด้วยจำนวนประชาชนมาใช้สิทธิจำนวนมาก ใครอย่าคิดว่าจะมากำหนดอะไรได้ ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน ส่วนปัญหาบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหานั้น ลูกชายของตนก็เจอ เจ้าหน้าที่หยิบบัตรอีกเขตให้ แต่เมื่อท้วงติงจึงเปลี่ยน แต่สิ่งที่ประชาชนเจอคือเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไรกาๆไปเถอะ ถือเป็นการชี้ให้ทำในเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย อยากให้นำวิกฤตินี้เป็นโอกาสแก้มือใหม่ในวันเลือกตั้งจริง

“สุวัจน์” ลุยตลาดโคราชทิ้งทวน

ที่ศาลหลักเมือง เทศบาลนครนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค ชาติพัฒนา และคณะลงพื้นที่หาเสียงโค้งสุดท้ายย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองนครราชสีมา นายสุวัจน์กล่าวว่า ดูจากการเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างล้นหลามพอสมควรที่ประชาชนลงทะเบียนขอใช้สิทธิกว่า 2 ล้านคน และใช้สิทธิล่วงหน้ากว่า 80% ถือเป็นสัดส่วนที่น่าพอใจมาก และเป็นดัชนีพอชี้ได้วันที่ 24 มี.ค.และหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร จากการพบปะประชาชนทั่วประเทศส่วนใหญ่พูด 2 เรื่องหวังว่าเศรษฐกิจจะดี และอยากให้การเมืองนิ่งหยุดทะเลาะกัน ให้บ้านเมืองเรียบร้อย พรรคชาติพัฒนาเลยทำนโยบายทั้งเรื่องเศรษฐกิจและความปรองดอง

ไทยรัฐจัดเวทีดีเบตทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไทยรัฐทีวีช่อง 32 จัดเวทีดีเบตไทยรัฐเลือกตั้ง 62 เวทีสุดท้าย หัวข้อ “ใครพร้อมเป็นนายกฯ ยกมือขึ้น” ที่ลานหน้าอาคารนิมิบุตร ในวันที่ 20 มี.ค. เวลา 18.00-20.00 น. โดยมี 7 แกนนำจากพรรคการเมือง เข้าร่วมดีเบต ประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย


“เรืองไกร” ส่งหลักฐานมัดเพิ่ม

ที่สำนักงาน กกต. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวภายหลังเข้ายื่นเอกสารคำร้องเพิ่มเติมให้ กกต.พิจารณาสถานะกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ขาดคุณสมบัติเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ว่า ได้นำคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ที่ กกต.ถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว และเป็นเพียงแค่วิทยากร โดย กกต.ร้องค้านว่าเข้าข่ายลักษณะเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ไม่ประกาศรับรองให้เป็นผู้สมัคร อีกทั้งศาลวินิจฉัยว่าเป็นลูกจ้างชั่วคราวมีชั่วโมงการทำงานถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ไม่ประกาศคืนสิทธิ รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาดูแลนโยบายของพรรคพลังประชารัฐถือเป็นการสารภาพว่าเข้ามาชี้นำ จึงขอให้ กกต.เรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน

แจ้งความเอาผิดเฟซบุ๊ก CSI LA

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คสช. รับมอบอำนาจจาก คสช. เข้าพบ ร.ต.อ.ศตวรรษ แวงแสน รอง สว. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. แจ้งความเอาผิดเฟซบุ๊ก “CSI LA” โพสต์ภาพ และข้อความโจมตีความไม่โปร่งใสการเลือกตั้งล่วงหน้า มีเนื้อหาท่อนหนึ่งเขียนว่า “ทหารค่ายเชียงคำ พะเยา บังคับให้เลือกเบอร์ 16 ของพรรคประชารัฐ บังคับมาก มีการนับยอดด้วย” พ.อ.บุรินทร์กล่าวว่า กองทัพไม่เคยมีนโยบายบังคับให้ทหารไปลงคะแนนเลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรคใด จึงแจ้งความเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 (2)

“ไอติม” โชว์วิชันรุ่นใหม่ ปชป.

วันเดียวกันเวลา 19.00 น. พรรคประชาธิปัตย์จัดปราศรัยใหญ่กรุงเทพโซนตะวันออกนอกศูนย์การค้า Crystal Design Center (CDC) นายพริษฐ์ วัชรศิลป์ หรือไอติม ผู้สมัคร ส.ส.กทม. กล่าวปราศรัย ว่า พรรคไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เพราะไม่มั่นใจว่าถ้าท่านเป็นแล้วจะยอมรับหลักมาตรฐานสากล ไม่วิ่งเข้าหา ส.ว. 250 คน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือไม่ หากพรรคพลังประชารัฐไม่ได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด เชื่อว่าถ้านายกฯไม่ใช่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสรีนิยมประชาธิปไตยจะไม่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ถ้าอยากเห็นประชาธิปไตยสุจริตต้องเลือกประชาธิปัตย์ ขอฝากคนรุ่นใหม่ว่าสิ่งที่ต้องการเห็นคืออะไร ระหว่างความสะใจกับความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง อยากได้อะไรระหว่างอารมณ์ชั่ววูบกับการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ต้องการสื่อถึงคนรุ่นใหม่ก่อนเข้าคูหาว่า อย่าใช้ 4 วินาทีในการปลดปล่อยอารมณ์โกรธแค้น หรือที่อึดอัดกับสังคมปัจจุบัน ถ้าให้โอกาสตนเป็น ส.ส.จะได้ 3 อย่างคือ 1.ได้ตัวแทนที่มีความมุ่งมั่นอยากทำงานการเมืองตั้งแต่เด็ก 2.ได้ทีมงานประชาธิปัตย์ดูแลพัฒนาพื้นที่ และ 3.ได้ชุดนโยบายของพรรค บริหารเศรษฐกิจพัฒนาประเทศไทยที่แท้จริง

“เทือก” ชูไม่มีใครเหนือ “ประยุทธ์”

ที่สวนเบญจสิริ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ใน กทม. ช่วงโค้งสุดท้าย ตามนัดหมายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรค รปช. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาแกนนำพรรคสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรค นายสุเทพยังคงปราศรัยโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า ที่ต้องขอโทษเป็นพิเศษคือนายชวน หลีกภัย เพราะไปเเตะของรักของหวงของท่าน ที่มาว่าตนด่าพรรคประชาธิปัตย์เหมือนด่าพ่อด่าเเม่ตัวเองนั้น ฟังแล้วเลือดหยดติ๋งๆ เจอใบมีดโกนเข้า ไม่ได้เป็นคนเนรคุณออกจากพรรคมาก็ลาท่านแล้ว เพราะสู้ตามเเนวทางของประชาธิปัตย์ก็ไม่ชนะทักษิณ ไม่เชื่อว่าประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้งได้เป็นที่หนึ่ง และไม่คิดว่าจะได้เป็นนายกฯเพราะต้องได้เสียงจากรัฐสภา 376 เสียง คนฉลาดอย่างนายอภิสิทธิ์ทำไมคิดไม่ออก ไม่ใช่สบประมาทแต่วันนี้ไม่ถึงร้อย คนที่จะเป็นนายกฯ วันนี้ ไม่มีใครเหนือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีอยู่ในกระเป๋า 250 เสียง แต่นายอภิสิทธิ์ยังเเต้มศูนย์ไม่มีสักแต้ม


ยังต้องปรับปรุง

ไม่เคยพบเคยเห็นการเลือกตั้ง ครั้งไหน ที่มีประชาชนตื่นตัวไปลง ทะเบียนใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ถึง 2.6 ล้านคน

เฉพาะ กทม.มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่า 9.2 แสนคน

จังหวัดชลบุรี 2.2 แสนคน สมุทรปราการ 1.6 แสนคน ปทุมธานี 1.3 แสนคน นนทบุรี 9.7 หมื่นคน เชียงใหม่ 8.5 หมื่นคน ระยอง 8.1 หมื่นคน ฯลฯ

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการที่ประชาชนหลายหมื่นคนต้องเดินทางไปใช้สิทธิ เลือกตั้งล่วงหน้าพร้อมกัน ในจุดเดียวกัน ในวันเดียวกัน

จึงต้องยืนต่อคิวยาวเฟื้อยนานนับชั่วโมง หรือหลายชั่วโมง

หลายแห่งถึงเวลาปิดการใช้สิทธิแล้ว ยังมีคนยืนรอต่อคิวอีกหลายร้อยคน

บางแห่งสถานที่คับแคบ ซ้ำอากาศร้อนตับแลบ ทำให้พี่น้องประชาชนเป็นลมหน้ามืดวิงเวียน หลายคนรอต่อคิวจนหิวข้าวเป็นลม ต้องปฐมพยาบาลกันชุลมุนวุ่นวาย

“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการจัดเลือกตั้งล่วงหน้าถือเป็นการทดสอบความพร้อมของ กกต.ก่อนวันเลือกตั้งจริง วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม

ได้เผยให้เห็นความบกพร่องของ กกต.ชุดใหม่หลายประการ

เพราะ กกต.มีข้อมูลจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าอยู่ในมือ

กกต.สามารถคำนวณได้ว่า ขั้นตอนการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน 1 คน จะต้องใช้เวลาประมาณกี่นาที??

เวลา 1 ชั่วโมง กกต.ควรจัดให้ประชาชนใช้สิทธิได้กี่คน??

กกต.สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ว่าควรเตรียมจัดสถานที่ขนาด ไหน?ควรใช้จำนวนเจ้าหน้าที่มากเท่าใด?ให้พอเพียง

และให้เหมาะสมกับจำนวนประชาชนผู้ลงทะเบียน

เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทะเบียนทุกคนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว

ไม่ต้องเสียเวลายืนตากแดดต่อคิวจนขาฉิ่งไข่ดันบวม

และไม่ทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดระเบิดเถิดเทิง

สรุปว่า ถ้าการจัดเลือกตั้งล่วงหน้ามีคะแนนเต็ม 10 คะแนน

“แม่ลูกจันทร์” ให้ กกต.ได้ไป 5.5 คะแนนเท่านั้นเอง

เอาละ...เมื่อการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าของ กกต.เสร็จสิ้นลง

ทีนี้จะเป็นภารกิจของบริษัทไปรษณีย์ไทยในการขนหีบเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 2 ล้านใบ ไปรวมไว้ที่ศูนย์คัดแยกของบริษัทไปรษณีย์ไทยใน กทม.

เพื่อเร่งคัดแยกบัตรเลือกตั้งก่อนจัดส่งไปยังเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขตทั่วประเทศไทย

ดังนั้น บัตรเลือกตั้งกว่า 2 ล้านใบจะผ่านจาก กกต.ไปอยู่ในการรักษาดูแลของบริษัทไปรษณีย์ไทยอีก 2 วัน หรือ 3 วัน

จากนั้นบัตรเลือกตั้งกว่า 2 ล้านใบ จะถูกส่งมอบให้สถานีตำรวจในพื้นที่เขตเลือกตั้งต่างๆเป็นผู้ดูแลรักษาบัตรเลือกตั้งอีก 2 วัน หรือ 3 วัน

ก่อนจะนำไปนับคะแนนพร้อมกันเย็นวันที่ 24 มีนาคม

“แม่ลูกจันทร์” หวังว่าบริษัทไปรษณีย์ไทยจะคัดแยกบัตรเลือกตั้งกว่า 2 ล้านฉบับด้วยความโปร่งใสบริสุทธิ์ยุติธรรม

หวังว่า...เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกโรงพักที่ต้องเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งไปอีก 2 วัน หรือ 3 วัน

จะปกป้องคุ้มครองบัตรเลือกตั้งให้ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์!!

จะไม่ยอมให้ “มือที่มองไม่เห็น” แอบขน “บัตรผี” ไปสลับแทน “บัตรจริง” ที่เก็บใส่กุญแจล็อกในห้องขังตลอด 24 ชั่วโมง

ปัดโธ่...ถ้าไม่ไว้ใจตำรวจจะไว้ใจใคร จริงมั้ยโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

ร่องรอย"แซะ"ยังมีอยู่"


อาการของคนอั้นเลือกตั้งมา 8 ปี

ปรากฏการณ์แบบที่ประชาชนแห่ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าเกินร้อยละ 80 แทบ ทุกพื้นที่ของประเทศไทย ยอมฝ่ารถติด ต่อคิวยาวเหยียด เลยเวลา 17.00 น.แล้วยังมีคนต่อแถวจองสิทธิยาวถึงทุ่มกว่า

นิมิตหมายการเลือกตั้งเปลี่ยนผ่านรอบนี้ ตัวเลขทำสถิติแน่

และนั่นยังเป็นสัญญาณของการคิดอัตราส่วนคะแนน ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ที่อาจจะแปรผันสูงขึ้นตามจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง

ถ้าวันที่ 24 มีนาคม คนยังออกมาใช้สิทธิมืดฟ้ามัวดินแบบนี้

พรรคเล็กที่หวัง “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” น่าจะเหนื่อย

โค้งสุดท้าย เข้าทางตรง โฟกัสอยู่ที่พรรค “ตัวเต็ง” ไล่อันดับ 1 อันดับ 2 อันดับ 3

แน่นอนตามเงื่อนไขสถานการณ์ “เต็ง 1” อย่างพรรคเพื่อไทย ยังประคองเรตติ้งไม่หล่นอันดับ แต่ล่าสุดต้องเผชิญกับดัก “ด่านสำคัญ” กระแสคดีทุจริตจำนำข้าว “จีทูจี” ลอต 2 ที่มีข้อมูลหลุดออกจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดโพยขบวนการโกงลอตใหญ่ที่จ่อโดนเช็กบิล ตามข้อมูลจากการส่งคนเข้าไปสอบนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ถึงในเรือนจำ

ย้ำตะปู ตอกฝาโลง “3 พี่น้อง” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงตัวจักรสำคัญอย่าง “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ้าแม่เมืองเหนือ

เส้นทางวิบากของพี่น้องตระกูลชิน เพื่อไทยชนะแต่ก็ไปต่อลำบาก

เอาเป็นว่า วัดจากมุมของนักวิชาการสายกลางอย่างนายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ประเมินสถานการณ์ ผลโพลในระยะหลังพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง หากเป็นไปตามผลโพลก็จะไม่มีปัญหาคงมีการจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำได้

แต่ตัวแปรสำคัญอยู่ที่คะแนนเสียง ว่าจะรวมกันแล้วเกิน 250 หรือไม่

โดยเฉพาะผลคะแนนระหว่างพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ ใครได้มากกว่าจะมีผลต่อการต่อรองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เสียงจากประชาชนน่าจะทำให้ทั้ง 2 พรรคมีท่าทีที่เปลี่ยนไปได้

สรุปการเมืองจะติดล็อกหรือไม่ ต้องลุ้น “พลังประชารัฐ” วัดกับ “ประชาธิปัตย์”

ถ้าประชาธิปัตย์ได้เสียงมากกว่า สมการรัฐบาลป่วนแน่

ซึ่งนั่นก็ล้อกับสถานการณ์ศึกสายเลือดประชาธิปัตย์ที่เล่นกันแรงแบบที่ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ออกอาการฉุนขาดอดีตเด็กปั้นอย่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ประกาศไม่หนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯสืบทอดอำนาจ

ถีบไปอยู่ฝั่ง “ทักษิณ” ด่าแรงๆอยากเป็นนายกฯจนลืมหัวกู

ต่อเนื่องกับช็อตย้อนคอหอยคนพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยยกมือโหวตให้ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปีครึ่ง ทำไมไม่พูดว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ

“ลุงกำนัน” อาละวาด เขย่าฐานประชาธิปัตย์หลายแมกนิจูด

สถานการณ์ถึงจุดที่ทนนิ่งอยู่ได้ พ่อบ้านใหญ่อย่างปรมาจารย์ “ชวน หลีกภัย” ต้องออกมาสะบัดใบมีดโกนใส่อดีตมือขวาอย่าง “ลุงกำนัน”

ด่าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือนด่าบุพการีตัวเอง

เจ้าอาวาสออกโรงเอง ในเครื่องหมายคำถามยี่ห้อ “ชวน หลีกภัย” ยังขลังแค่ไหน

ประชาธิปัตย์เตะตัดขากันเอง จังหวะดิ้นสู้เดิมพันพรรคต่ำร้อย

แต่ในสถานการณ์ที่แค่ “ลอยคอ” ตีกรรเชียงเข้าฝั่ง จังหวะทุกอย่างไหลเข้าทาง “ลุงตู่” ที่เพิ่งพูดชัด ชายชาติทหาร ถ้าเจ้านายไม่สั่งหยุด ก็ต้องเดินหน้าสู้ต่อเพื่อบรรลุเป้าหมาย

และล่าสุดนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดสเปกภาคเอกชนต้องการรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่มีความเชี่ยวชาญ ยอมรับเสียดายรัฐมนตรีเศรษฐกิจบางคนในรัฐบาลนี้ เพราะเห็นถึงความตั้งใจและความเก่งในการบริหารจัดการ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไป

แต่เชื่อว่า รัฐบาลใหม่จะสานต่อนโยบายเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์จากรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไว้ โดยเฉพาะโครงการลงทุนใน EEC ซึ่งถือเป็นโครงการลงทุนที่สำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

เดาทางก็รู้ ลุ้นรัฐบาล “ลุงตู่” เดินหน้าต่อ เพื่อความต่อเนื่องของการพัฒนาการเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของกัปตันทีมอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

สถานการณ์ทางตรง “นายกฯลุงตู่” นำโด่งเข้าเส้นชัย

แต่กระนั้นก็ดี ยังมีขบวนการดักวางตะปูเรือใบ

ทั้งในมุมของการขุดกรุยี่ห้อ “ชวน หลีกภัย” มวยรุ่นใหญ่ลายครามของประชาธิปัตย์ ในสถานะนายกฯ ขัดตาทัพ เพราะ “ลุงตู่” ถูกเบรกไม่ได้ไปต่อ ล้อกับอาการเฮี้ยวของ “อภิสิทธิ์” ที่ประกาศเท “ลุงตู่” โค้งสุดท้าย

อีกมุมก็มีชื่อของบิ๊ก “จ” บุคคลสถานะพิเศษ ตามสูตรท็อปบูต

สลับฉาก “บิ๊กตู่”

เรื่องของเรื่อง ข่าวลือก็คือข่าวลือ นายกรัฐมนตรีไม่ใช่จะหยิบใครมาเป็นก็ได้ เพียงแต่จากการเขี่ยเชื้อ กระพือควัน มันก็สะท้อนถึงความพยายามในการ “แซะ” พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีอยู่ประปราย

โดยเฉพาะคนในขุมข่ายฝ่ายคุมเกมอำนาจด้วยกันเอง.

ทีมข่าวการเมือง

ทิ้งทวนโค้งสุดท้าย 'บิ๊กตู่'เดินสายจ่อโผล่พปชร. ปชป.จี้สอบเกณฑ์คนต้อนรับ


เหตุการณ์ปี 2557  ง่ายๆ สัญญาว่าจะทำต่อไปให้ดีที่สุด ลั่นเวลา 5 ปีไม่นาน สะพัด! บิ๊กตู่มีแนวโน้มสูงโผล่เวทีทิ้งทวน พปชร. เพจเชียร์ลุงตู่พร้อมใจเผยแพร่คลิป “ปชป.” บี้ กกต.สอบนายกฯ ลงพื้นที่เกณฑ์คนต้อนรับ วิษณุแจงทันควันสง่างาม 
    ตลอดทั้งวันจันทร์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง โดยได้ไปเปิดงาน “กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ” ที่เมืองทองธานี โดยทันทีที่ถึงงานได้มีการเปิดเพลงใจเพชรและเพลงวันใหม่ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมงานประมาณ 10,000 คน โดยเดินไปรอบๆ ห้องพร้อมยกกำปั้นไปตามจังหวะเพลง ส่งสัญลักษณ์เราจะสู้ไปด้วยกัน ก่อนทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูด้วย
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ช่วงนี้เดินทางทุกวันเพราะไม่อยากให้สิ่งที่ทำมาล้มเหลว เราต้องเดินหน้าต่อไปเพราะไม่มีอะไรที่จะเริ่มจากปลายทาง สิ่งสำคัญคือคนไทยต้องรู้ปัญหาของประเทศว่าอยู่ตรงไหน  เพราะถ้าพูดลอยๆ คงไม่มีทางทำได้ นายกฯ เปรียบเสมือนหัวหน้าครอบครัว แต่ไม่ได้หมายถึงพ่อ เรามีสมาชิก 68 ล้านคน จึงต้องทำให้ทุกคนมีความสุข ลูกทุกคนต้องมีอาชีพ รายได้ ให้ทุกคนเดินไปพร้อมกัน ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ทุกช่วงสมัยต่างมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เช่นเดียวกับก่อนปี 2557 ขออย่าลืมสิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขออย่าทำประวัติศาสตร์ที่ไม่ดี ประวัติศาสตร์คือบทเรียน เราต้องแก้ไขทั้งปัญหาเก่าและใหม่ให้ได้ เราต้องทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย เรื่องเก่าๆ ที่ไม่ดีขออย่าทำให้เกิดขึ้นอีก

เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมแค่นี้ง่ายๆ อย่าเป็นคนขี้ลืม ไม่ใช่ทำวันนี้และจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกอย่างต้องแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น สิ่งที่รัฐบาลทำ อยู่ที่ว่าจะสานต่อกันอย่างไร เมื่อเราล้มแล้วต้องลุกให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวและว่า ขอสัญญาว่าจะทำต่อไปให้ทุกคนอย่างดีที่สุด ทุกคนสัญญาว่าจะเดินไปด้วยกันหรือไม่ ขอคำสัญญาจากทุกคนด้วย สัญญาว่าเราจะเดินไปด้วยกัน ขออย่ายืนอยู่บนความขัดแย้งและกับดักเดิมๆ
    นายกฯ ย้ำว่า วันนี้ต้องเดินทางยังไงก็คิดถึงทุกคนทุกจังหวัด นี่คือคนทั้ง 68 ล้านคนที่แตกต่าง แต่ต้องการให้มีส่วนร่วมให้ได้ ขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตราบใดที่ยังทำหน้าที่ผ่านกลไกที่มีอยู่  อย่าทำลายแผ่นดินเกิดของท่าน ทุกคนโชคดีที่เกิดในแผ่นดินไทย อย่าให้ความไม่เข้าใจ การยุยงปลุกปั่นจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก เข้าใจไหม ยังจำได้ไหม ถ้าจำได้ก็อย่าลืมแล้วกัน รักทุกคน ช่วยกันไปสู่วันใหม่ด้วยความใจเพชร 
    ต่อมาในเวลา 11.45 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะได้เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6  (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อไปตรวจราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเครื่องบิน C-130 และเมื่อเวลา 13.20 น. คณะ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ก่อนเดินทางด้วยรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 7 กฬ 1333 ไปยังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เพื่อตรวจเยี่ยม ทั้งนี้มีนายสายัณห์ ยุติธรรม ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จ.นครศรีธรรมราช เขต 7 นำมวลชนมาให้การต้อนรับด้วย 
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนว่า เราลำบากกันมานานแล้ว ซึ่งคิดว่าเรากำลังนำทุกคนไปสู่วันข้างหน้า ชีวิตที่ดีกว่า มีหลักประกันที่มั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้จากการที่เป็นนายกฯ บริหารราชการมา ทำให้รู้ว่าทุกอย่างไม่ง่าย หลายอย่างทำได้และหลายอย่างไม่สามารถทำได้ เพราะประเทศมีพี่น้องประชาชนหลายพวกหลายฝ่าย หลายวัยหลายอาชีพ หลายความคิด ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันการปฏิรูปประเทศ และหลายอย่างจะเกิดผลในอีกหลายปีข้างหน้า การปฏิรูปประเทศไม่ใช่สั่งปากเปล่า เพราะจะทำสำเร็จทุกอย่างต้องมีหลักการ ประเทศไทยเปรียบเสมือนร่างกาย คนที่พร้อมเติบโตแต่ยังไม่แข็งแรง  มือซ้ายและมือขวายังแข็งแรงไม่เท่ากัน มือขวาเปรียบเหมือนคนรวย ซ้ายเป็นเกษตรกร จึงต้องเอามือขวามาจับมือซ้ายเพื่อเดินไปข้างหน้าด้วยกัน
    “การที่เราจะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยในระยะเวลาอันใกล้ ยืนยันว่าไม่เคยขัดข้อง แต่สิ่งที่กังวลคือจะเดินหน้าไปอย่างไรหลังเลือกตั้งแล้ว สิ่งที่อยากจะขอจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนคือความสงบเรียบร้อย การอยู่อย่างปรองดองสมานฉันท์ และพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพราะไม่มีใครจะอยู่คนเดียวได้ ทั้งนี้หากใครมาบอกว่าจะให้ประชาชนรวยขึ้นด้วยการที่รัฐให้เพียงอย่างเดียว ไม่มีทางเป็นไปได้ มีแต่จะจนและทำให้ประเทศจนตามไปด้วย” นายกฯ กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวนำว่า วันหน้าถ้ามีโอกาสจะทำให้ ถ้าไม่มีโอกาสก็มีความสุข โดยการพักผ่อน ไม่ต้องเครียด และเสียงดังหรือต้องปวดหัวแบบนี้ ซึ่งไม่ได้ทวงบุญคุณใคร เพราะทำให้ประเทศที่ได้เหยียบแผ่นดินนี้มา 65 ปี ส่วนใครก็ตามที่พูดว่าจะล้มโน่นล้มนี่ ขอให้ดูกฎหมายทำได้หรือไม่ เช่นล้มสัมปทาน ลดราคาจากข้อตกลงในสัมปทาน ทำได้หรือไม่ ขออย่าไปฟังข้อมูลผิดๆ 
    “ขออย่าลืมอดีต ทุกคนมีหัวใจ 2 ห้อง แต่สำหรับนายกฯ หัวใจวันนี้ 68 ล้านห้อง ทุกคนจะเดินไปพร้อมกับผมหรือไม่ แม้จะเดินบ้างวิ่งบ้างหรือคลานบ้าง แต่ประเทศต้องเดินหน้าไป อย่าเพิ่งเกลียดชังฉันนักเลย ผมแต่งเพลงมาทั้งหมด 8 เพลง อย่าเอาเพลงแรกมาทวงสัญญามาบอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน  การทำงานให้ประเทศ 5 ปีถือว่าไม่นาน การเลือกตั้งจะใครก็แล้วแต่ท่านเลือกกันเอาเอง นี่คือประเทศไทย เราต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน ต้องรักสามัคคี” นายกฯ กล่าว
    ทั้งนี้ระหว่างพบประชาชน มีคุณลุงนำปูดำและปูทะเลห่อกระดาษใส่กระเช้ามามอบให้นายกฯ โดยนายกฯ ได้เอามือจับบนห่อกระดาษโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นปู คุณลุงจึงบอกว่าปูครับ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์รีบชักมือออกทันที พร้อมกล่าวอย่างตกใจว่า “ปูเหรอ เดี๋ยวมันก็หนีบผมสิ” สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคน
    พล.อ.ประยุทธ์ยังตอบข้อถามถึงเสียงตอบรับของคลิปต่างๆ ที่ไปเปิดบนเวทีปราศรัยของพรรค พปชร.ว่า ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่ได้ตามเรื่องนี้ แค่พูดให้ทุกคนเข้าใจ 
    จากนั้นเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ไปเป็นประธานส่งมอบบ้านและให้กำลังใจผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ทำงานมา 5 ปีต้องผ่าตาไปถึงสองข้าง แต่เห็นรอยยิ้มของประชาชนก็มีความสุข ยืนยันว่าเราต้องทำอย่างนี้ต่อไป ไม่ใช่ทำเฉพาะคนที่รักเราเท่านั้น ทำให้ทั้งหมด  ขออย่าไปเกลียดทหารเขานักเลย ถ้าไม่มีทหารใครจะดูแลบ้านเมือง
     ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ขับรถสองแถวที่ชาวพื้นถิ่นเรียกว่ารถไม้ สายนครฯ-ชะเมา   ระยะทาง 800 เมตร ไปพบประชาชนที่สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของ จ.นครศรีธรรมราช และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก พร้อมพบประชาชน 20,000 คน 
    โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า "วันนี้มาตรวจราชการในฐานะนายกรัฐมนตรี ฉะนั้นทีมรักษาความปลอดภัยก็มีได้ มาได้เหมือนกัน 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยหยุดงานสักวัน กลับบ้านก็ต้องเตรียมงานวันต่อไป นี่คือนายกฯ เมืองไทย ทำไมอยากเป็นกันนักหนาไม่เข้าใจจริงๆ ขอให้รักกันนานๆ สัญญาคือสัญญา  ผมสัญญาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตราบใดที่ยังทำหน้าที่อยู่"
    จากนั้นนายกฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ถึงข้อกังวลในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ว่า ข้อกังวลต่างๆ คิดว่าสื่อรู้ดีอยู่แล้ว สำหรับตนต้องการความสงบสุข ความเรียบร้อย ให้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดี ได้รัฐบาลที่ดี มีธรรมาภิบาล
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงเรื่องคลิปเช่นกันว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  บอกเองว่าขึ้นเวทีเองยังได้เลย ซึ่งการเป็นคลิปดีกว่าพูดสด เพราะบางทีการพูดสดกลอนพาไปได้ ส่วนเรื่องการลงพื้นที่นั้นก็ไม่มีอะไรมาก กกต.ตอบมาแล้วด้วยซ้ำว่าขึ้นเวทีหาเสียงปราศรัยได้ แต่นายกฯ ไม่ทำ นายกฯ ทำในนามรัฐบาล ในฐานะนายกฯ ซึ่งถือว่าสง่างาม ดูสวยงามมากกว่า เพราะว่าเป็นภาระหน้าที่และแต่ละงานที่นายกฯ เดินทางไปก็มีเหตุ มีภารกิจ เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องของงานที่มีอยู่ แล้วไม่ใช่อยู่ดีๆ จะโผล่ไป
และในเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.ร้อยเอ็ดของพรรค พปชร.ได้มีการเปิดคลิปปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ อีกรอบ โดยเนื้อหาสรุปว่า "ขอให้คำมั่นและเชื่อใจ จะไม่ทำให้ผิดหวัง จะสานต่อนโยบายดีๆ และนโยบายใหม่ๆ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ขอให้ทุกคนร่วมมือไปกับผม" 
    ขณะเดียวกันในโลกออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจพรรคพลังประชารัฐได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาว  47 วินาที ในชื่อ “สิ่งที่ ลุงตู่ อยากทำ เพื่อพี่น้องคนไทย” ส่วนเพจลุงตู่ตูนได้ปล่อยคลิปในหัวข้อ “ฟังเหตุผลที่เราต้องไปกับนายกฯ ลุงตู่" ความยาว 53 วินาทีด้วย ซึ่งมีคนแชร์ต่อจำนวนมาก
    มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในการจัดเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงโค้งสุดท้ายของพรรค พปชร.ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ที่สนามเทพหัสดิน กทม. มีโอกาสสูงที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปร่วมเวทีดังกล่าวด้วยตัวเอง โดยในขณะนี้ทีมงานนายกฯ กำลังพิจารณากันอย่างรอบคอบ และยังไม่มีความชัดเจนว่ากิจกรรมที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปมีส่วนร่วมนั้นจะขึ้นเวทีปราศรัย หรือจะแค่ร่วมฟังปราศรัยและให้กำลังใจผู้สมัครของพรรคเท่านั้น 
    ด้านนายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้นำเอกสารราชการลงวันที่ 13 มี.ค.62 ลงนามโดยนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เรื่องขอเชิญร่วมต้อนรับนายกฯ และคณะเดินทางมาตรวจราชการและเยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก โดยมีการตั้งเป้าหมายระดมคนให้ได้ 20,000 คนจาก 13 อำเภอ พร้อมระบุว่าก่อนหน้านี้ก็มีเอกสารที่ จ.แพร่ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งในช่วง 7 วันก็ทราบว่าจะมีการดำเนินการในแนวดังกล่าวอีก จึงอยากให้ กกต.ตรวจสอบเพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองด้วย การกระทำเช่นนี้เข้าข่ายใช้เวลาราชการ ทรัพยากรของรัฐ และงบประมาณของรัฐเพื่อการหาเสียงแอบแฝงหรือไม่
    นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมาร้องต่อ กกต.ว่า ได้ยื่นร้องกรณีดังกล่าวเช่นกัน ว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 78 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 หรือไม่
    พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวเรื่องนี้ว่า กกต.คงตรวจสอบและดูอยู่ หากทำอะไรที่เกินเลยก็ต้องรับผิดชอบ แต่เชื่อว่าที่ปรึกษาของนายกฯ คงให้คำแนะนำในสิ่งที่เหมาะควรแล้ว 
    ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ ได้เดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมคำร้องที่ให้ กกต.พิจารณาว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ขาดคุณสมบัติเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ. 

ปลุกสส.สกัดสว.ตั้งรัฐบาล มาร์คชี้ตกลงให้จบในสภ



    เวทีสัญญาประชาคมถกทางออกไม่ให้ซ้ำรอยพฤษภา 35 เพื่อไทยจ้องออก พ.ร.บ.ป้องกันรัฐประหาร หวั่นเสียงข้างน้อยซื้อ ส.ว. "มาร์ค" แนะตกลงกันให้จบภายใน ส.ส. 500 คน ใครรวบรวมเสียงได้เกินครึ่ง ส.ว. 250 ต้องสนับสนุน "ปริญญา" เสนอหากฝั่งไม่เอา "ประยุทธ์" ชนะถล่มทลายต้องกดดันไม่ให้ ส.ว.ยอมรับรัฐบาล 126 เสียง "อนุทิน" ปลุกศักดิ์ศรี ส.ส.เป็นเอกภาพเลือกนายกฯ ม้วนเดียวจบ  ขณะที่ พปชร.วอนคนไทยอย่าเลือก 2 ก๊ก "ตระกูลเพื่อ-ปชป." หวั่นนำสู่ความขัดแย้ง
    ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน วันที่ 18 มีนาคม คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเวทีสัญญาประชาคม หัวข้อ "ทำอย่างไรประชาธิปไตยไทยจะไม่ล้มเหลวอีก"  โดยเชิญผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี 5 พรรคการเมืองใหญ่มาร่วมเสวนา แต่ส่งตัวแทนมา 3 พรรค ซึ่งทั้ง 3 คนเห็นพ้องกันว่าการจะไม่ทำให้บ้านเมืองย้อนรอยสู่เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 นั้น จะต้องประกอบด้วย 2 ปัจจัย กับ 3 ข้อตกลงร่วม ได้แก่ 1.การเลือกตั้งต้องสุจริตตรงตามเจตนารมณ์ของผู้ใช้สิทธิ์ 2.เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นผู้กำหนดการจัดตั้งรัฐบาล 3.เห็นพ้องต้องกันสนับสนุนการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน 4.เห็นพ้องต้องกันในการปฏิรูปการศึกษาการพัฒนาบุคคล ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน และ 5.ใช้เวทีสภาในการแก้ปัญหาความขัดแย้งแทนการชุมนุมบนท้องถนน
    นายโภคิน พลกุล ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ตอบคำถามแรกว่าด้วยการผลักดันการเมืองให้เดินไปข้างหน้า และไม่ซ้ำรอยเหตุการณ์นองเลือดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 โดยบอกว่า เราจะแก้รัฐธรรมนูญมีมาตราที่ไปแทนที่ ที่บอกว่าการทำรัฐประหาร ล้มล้างประชาธิปไตย ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำไม่ได้ ห้ามศาลวินิจฉัยว่าการนิรโทษกรรมชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือหลักนิติธรรม และให้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นประเพณีปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญและยึดมั่นในระบอบยุติธรรม แม้เขาอาจจะฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเขียนเป็นประเพณีจะยังอยู่ต่อไป 

นอกจากนั้นยังมีมาตรการลงโทษศาล หากพบการวินิจฉัยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ศาลต้องรับโทษ ทั้งนี้พรรคเตรียมพระราชบัญญัติป้องกันรัฐประหาร ที่กำหนดให้ไม่มีอายุความและดำเนินคดีได้ตลอดไป พร้อมกับลงโทษให้หนัก" นายโภคินกล่าว
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้ความเห็นต่อคำถามของญาติวีรชน ต่อแนวทางป้องกันการเมืองที่จะไม่นำไปสู่สถานการณ์สร้างความสูญเสียของประชาชนเหมือนประวัติศาสตร์บางช่วงว่า ต้องระวังใน 2 เงื่อนไข คือ 1.การเลือกตั้งต้องเป็นที่ยอมรับ ตนยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้เหมือนไต่เส้น ที่ กกต.บอกว่าทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งตามกติกา แต่พรรคการเมืองกลับมองว่าการแข่งขันไม่เป็นธรรม แต่ไม่รุนแรงถึงขึ้นเกิดปฏิกิริยา ขอเรียกร้องอย่าคิดแค่ชัยชนะ แต่ต้องช่วยรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการเลือกตั้ง
    "กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งโดยตรง หากถูกมองว่าวินิจฉัยหรือตัดสินเรื่องต่างๆ ทำให้เงื่อนไขเลือกตั้งไม่เสรีหรือไม่เป็นธรรม หรือเกิดกรณีใช้อำนาจมาตรา 44 เข้ามาเกี่ยวข้อง สุ่มเสี่ยงจะเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงได้ ดังนั้นพรรคการเมือง, กกต.และ คสช.ต้องไม่ทำอะไรที่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการไม่ยอมรับการเลือกตั้ง" 
    นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า 2.เงื่อนไขของการตั้งรัฐบาล ตนเสนอให้พรรคการเมืองพิจารณากันให้จบ ภายในจำนวน 500 คนที่ผ่านการเลือกตั้งของประชาชน เมื่อใครรวบรวมเสียงได้เกินครึ่ง ส.ว.ทั้ง 250 คนต้องสนับสนุน
    ขณะที่นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวตอบคำถามเรื่องการสร้างกระบวนการเลือกตั้งให้เป็นที่ยอมรับว่า การเลือกตั้งอยู่ที่ความเชื่อถือและความเชื่อมั่น แต่ความผิดพลาดของกระบวนการจัดการเลือกตั้ง เช่นบัตรเลือกตั้งผิดเขต ทำให้การสร้างความน่าเชื่อถือของ กกต.ที่อาจจะกลายเป็นการฟ้องร้องให้ กกต.ต้องรับผิดชอบด้วยการติดคุกเหมือนอดีตที่เคยผ่านมาได้ 
     ต่อจากนั้น ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ม.ธรรมศาสตร์ ตั้งคำถามด้วยว่า ส.ส.จะทำอย่างไรให้ชนะเสียงของ ส.ว. 250 คนในรัฐสภา นายชำนาญตอบว่า ตนไม่ทราบว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง แต่โดยธรรมเนียมที่พรรคอันดับหนึ่งจะได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา เพื่อเข้าสู่กระบวนการเสนอชื่อนายกฯ ในรัฐสภา หากการเลือกตั้งเสียงออกมาทางฝั่งไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกฯ และหัวหน้า คสช.แบบถล่มทลาย ต้องสร้างแรงกดดันให้ ส.ว.ไม่ยอมรับการสนับสนุนรัฐบาลที่ได้เสียงเพียง 126 เสียง
    ขณะที่นายโภคินกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวแทนของระบบเผด็จการ แต่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หากไม่เอาเผด็จการต้องไม่เอาทั้งพรรคและ พล.อ.ประยุทธ์ หากยังเอาพรรคอาจมีคนอื่นที่มาแทน พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ ที่ผ่านมาการจัดตั้งรัฐบาลมีความแน่นอนว่าใครที่มาเป็นลำดับหนึ่งให้จัดตั้งรัฐบาล หากจัดตั้งไม่ได้ต้องให้ลำดับสอง เห็นด้วยกับนายอภิสิทธิ์ที่ระบุว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่ ส.ว.ไม่ควรยุ่งเกี่ยว ทั้งนี้ ส.ว.ไม่มีมติพรรคเข้าควบคุมเพราะออกเสียงได้อย่างอิสระ เมื่อคนเสียงข้างน้อยอยากเป็นรัฐบาลสามารถซื้อเสียง ส.ว.ได้ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่ต้องป้องกันตั้งแต่แรกคือ การยืนหยัดในศักดิ์ศรีและยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตย
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของ ส.ส.ในฐานะผู้แทนประชาชนต้องแสดงความเป็นเอกภาพ เลือกนายกฯ แบบม้วนเดียวจบ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้นายกฯ ท่านนั้นบริหารประเทศ จำนวนเสียงโหวตในกลุ่ม ส.ส.จะต้องได้ถึง 376 เสียง  แล้วฝ่ายไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ สำหรับ ภท.ถ้านายกฯ มาจากเสียง ส.ส. 376 ท่าน เราจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ได้ 
    นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการ ภท.กล่าวว่า การเลือกนายกฯ ต้องดูที่การเลือกประธานสภาที่จะมีแต่ ส.ส.โหวต ถามว่าพรรคการเมืองที่มีเสียง ส.ส.แค่ 126 คนจะเลือกประธานสภาได้หรือ ก็ต้องแพ้ 300 กว่าเสียง แค่นี้เราก็เห็นอยู่แล้วใครจะเป็นนายกฯ พรรคไหนเป็นแกนนำ ถ้าประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันมากๆ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ใครก็มาล้มล้างมติของประชาชนไม่ได้ ทุกคนก็ต้องยอมรับ 
     นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า บทบาทของ ส.ว. 250 เสียงที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่ามีความสำคัญ เชื่อว่าจะถูกลดบทบาทไป เพราะกรณีดังกล่าวเป็นเพียงการร่วมโหวตนายกฯ เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการได้รัฐบาลที่เป็นเสียงข้างมากบริหารประเทศ
    นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลหลังเลือกตั้งควรจะมีเสียงเกิน 300 เสียงเพื่อให้มีความสมดุลระหว่าง 2 ส่วน คือ เสถียรภาพในการบริหารประเทศ และการถ่วงดุลตรวจสอบจากฝ่ายค้านในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถ้าเสียงน้อยไปเสถียรภาพการบริหารย่อมลำบาก แต่หากเสียงมากเกินไปฝ่ายค้านที่เป็นฝ่ายถ่วงดุลตรวจสอบอาจทำงานไม่เต็มที่ 
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.กล่าวว่า จุดยืนของพรรคยังเหมือนเดิมคือ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. นำประเทศไทยสู่ประชาธิปไตย แก้รัฐธรรมนูญ 2560 ล้มล้างผลพวงรัฐประหาร ใครยอมรับข้อเสนอนี้พร้อมทำงานด้วย ยกเว้นพรรคเดียวคือ พปชร.ที่ตั้งมาเฉพาะกิจเพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจของ คสช.ด้วย 
    ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พรรค พปชร.เปิดเวทีปราศรัยใหญ่  โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคขึ้นปราศรัยว่า วันนี้ยังไม่เลือกตั้งประเทศไทยแบ่งเป็น 3  ก๊กแล้ว ก๊กแรกคือพรรคตระกูลเพื่อที่พี่น้องเคยไว้วางใจ ถ้าก๊กนี้กลับมาเป็นรัฐบาล เป็นห่วงว่าบ้านเมืองจะทะเลาะกันอีก ก๊กที่สองคือ ปชป.ที่บอกว่าไม่เอา พปชร. สองก๊กนี้ต่อสู้กันมาสิบกว่าปี ผลัดกันเป็นใหญ่แต่บ้านเมืองไม่สงบ 
    "วันนี้ถ้าผลเลือกตั้งออกมาแล้ว 2 พรรคนี้ยังเป็นใหญ่ ผมกลัวว่าบ้านเมืองจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ คนอีสาน คนร้อยเอ็ด ด้วยหัวใจอยากเห็นประเทศไทยมีทางออก ดังนั้น พปชร.อาสามาเป็นทางออก เพราะเราไม่ทะเลาะกับใคร ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เป็นคนกลาง เป็นคนพาประเทศไม่ให้ถอยกลับไปที่เดิม" นายสนธิรัตน์กล่าว.  

"ศรีสุวรรณ" ฉะยับพรรคแข่งแจกเงิน ขู่ลั่นฟ้องศาลสั่งเลือกตั้งเป็นโมฆะ!


"ศรีสุวรรณ" ฉะยับพรรคแข่งแจกเงิน ขู่ลั่นฟ้องศาลสั่งเลือกตั้งเป็นโมฆะ!
16 มี.ค.62 - นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์เรื่อง นโยบายแข่งกันแจกเงินของพรรคการเมืองส่อขัดรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า ด้วยขณะนี้ปรากฏเป็นการทั่วไปในการโฆษณาหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่ของนโยบายจะมีลักษณะการใช้เงิน การแจกเงิน อย่างมากมายเข้าข่ายเป็นนโยบายประชานิยม เช่น การขึ้นค่าแรง 400-425 บาท ปริญญาตรี 18,000-20,000 บาท เบี้ยเด็ก 1,200 บาท เบี้ยวัยรุ่น 2,000 บาท เบี้ยคนชรา 1,800 บาท ข้าวหอมตันละ 18,000 บาท ฯลฯ
ทั้งนี้ การกำหนดนโยบายและการโฆษณาหาเสียงดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง ม. 258 ก. (3) ประกอบ ม. 57 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ด้วย
กล่าวคือ นโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงิน การประกาศโฆษณานโยบายนั้น อย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้ (1) วงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดําเนินการ (2) ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดําเนินนโยบาย และ (3) ผลกระทบและความเสี่ยงในการดําเนินนโยบาย เพื่อที่จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ตัดสินใจที่จะลงคะแนนให้กับผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดได้
แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง สส. ออกมา พรรคการเมืองส่วนใหญ่ที่ลงชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ยังไม่ดำเนินการให้เป็นไปตาม ม. 57 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เลยและอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.62 ประกอบ พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศล้มเหลวเหมือนดั่งประเทศเวเนซูเอล่าในขณะนี้ได้
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จำต้องนำความไปร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันจันทร์ที่ 18 มี.ค.62 เวลา 13.00 น. เพื่อขอให้สั่งพรรคการเมืองต่างๆ ดําเนินการให้ครบถ้วนและถูกต้องภายในระยะเวลาที่ กกต.กําหนดก่อนการลงคะแนนเลือกตั้ง หากพรรคการเมืองใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของ กกต.ให้มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามมาตรา 121 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ต่อไป
“หาก กกต. ยังเพิกเฉยต่อการแจ้งและบังคับให้พรรคการเมืองต่างๆปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายข้างต้นแล้ว อาจทำให้การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้เป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งสมาคมฯอาจพิจารณานำไปสู่การฟ้องร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้การเลือกตั้งทั่วไปในครั้งนี้เป็น “โมฆะ” ต่อไป”แถลงการณ์ระบุ

‘จตุพร’กังขามาตรการคุม‘หีบเลือกตั้ง’ ผวาซ้ำรอยปี2500 เลือกตั้งโมฆะนำสู่‘รัฐประหารซ้อน’

“จตุพร”ลั่นไม่มีใครชนะเพราะอำนาจ แนะประชาชน“รับเงินหมา กาเพื่อชาติ” จี้ กกต.แจงการเก็บบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าอย่าให้กังขา หวั่นเป็นเหตุทำเลือกตั้งโมฆะ จนนำไปสู่รัฐประหารซ้อน ประกาศเชิญชวนฟังปราศรัยใหญ่ 19 มี.ค.กับภารกิจ​“ฝ่ายประชาธิปไตย ส่งพล.อ.ประยุทธ์ กลับบ้าน”
“จตุพร”ลั่นไม่มีใครชนะเพราะอำนาจ แนะประชาชน“รับเงินหมา กาเพื่อชาติ” จี้ กกต.แจงการเก็บบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าอย่าให้กังขา หวั่นเป็นเหตุทำเลือกตั้งโมฆะ จนนำไปสู่รัฐประหารซ้อน ประกาศเชิญชวนฟังปราศรัยใหญ่ 19 มี.ค.กับภารกิจ​“ฝ่ายประชาธิปไตย ส่งพล.อ.ประยุทธ์ กลับบ้าน”
18 มี.ค.62 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)  ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีเกิดปัญหามากมายในการเลือกตั้งล่วงหน้า ว่า ถือเป็นบทเรียนสำคัญ ซึ่งหากมีการหยิบยกขึ้นมาในวันข้างหน้าอาจทำให้การเลือกตั้งโมฆะได้เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 
“ผมหวั่นเกรงว่าถ้าประชาชนไม่ขานรับซีกสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ จากการที่ใช้อำนาจ เงินตรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสาน บทเรียนในอดีตมีมาแล้วว่าใช้เงินมากก็แพ้การเลือกตั้ง วันนี้ก็เช่นเดียวกัน รับเงินหมากาพรรคเพื่อชาติ ก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะทำได้ ยิ่งใช้อำนาจรัฐมากเท่าไรประชาชนคนไทยยิ่งไม่ชอบ แล้วประชาชนจะไปสำแดงกันในวันเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นหนทางแห่งหายนะของเผด็จการที่จะได้รับความพ่ายแพ้ บทเรียนที่เผด็จการไม่เคยจดจำ คือ การใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงิน นำพาไปสู่ความพินาศย่อยยับ” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ที่น่าสนใจ คือ การดูแลหีบบัตรเลือกตั้งที่ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า มีมาตรการในการดูแลอย่างไร กกต.ต้องแถลงให้ชัดเจน เพราะถ้าประชาชนจับได้ว่ามีการเปลี่ยนบัตรเลือกตั้ง เปลี่ยนหีบเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้อาจยังไม่มีหลักฐาน แต่บทเรียนในอดีตที่ผ่านมาความรู้สึกของประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากับวันเลือกตั้งจริง มันย้อนแย้งกันหลายกรณี ขออย่าให้ตามรอยอดีต
“ผมยังเชื่อว่า กกต. ทั้ง 7 คน ก็ต้องการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม และผมเชื่ออีกว่า เพราะ กกต.เกรงกลัวการใช้อำนาจมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีอำนาจที่จะปลด กกต.ได้ เพราะฉะนั้นถ้าการเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมจะกลายเป็นการเลือกตั้งสกปรก เหมือนปี 2500 แม้ว่าจะชนะ ก็อยู่ไม่ได้ ประชาชนก็จะลุกขึ้นมาจัดการ และความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็จะมีการรัฐประหารซ้อนขึ้นมาอีก ซึ่งเราไม่ต้องการเช่นนี้แล้ว” ประธาน นปช.กล่าว
ประธาน นปช. กล่าวด้วยว่า ขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยใหญ่ ในภารกิจ “ฝ่ายประชาธิปไตย ส่ง พล.อ.ประยุทธ์ กลับบ้าน” มาฟังกันว่าทำไม จึงต้องส่งท่านกลับบ้าน ในวันอังคารที่ 19 มี.ค.62 ที่วงเวียนใหญ่ กรุงเทพมหานคร เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น.