PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

"บิ๊กหมู" อำลา ผบ.หน่วย ฝาก ทีมกองทัพบก ดูแล ประชาชน ประเทศชาติ กองทัพ



"บิ๊กหมู" อำลา ผบ.หน่วย ฝาก ทีมกองทัพบก ดูแล ประชาชน ประเทศชาติ กองทัพ อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข / เตือน แก๊งค์ ก๊วน กวนต่างๆ เลิกได้แล้ว. มีไม่กี่ตัว หรอก ที่ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว/ไม่ปิดประตู การเมือง หลังเกษียณ ชี้ อนาคตการเมือง ถามผมไม่ได้ ต้องถามคนอื่น ถามนายกฯ การเมือง ก็เป็นเรื่องของการเมือง และ เป็นเริ่องอนาคต เผย 38ปี พอแล้ว สำหรับชีวิตรับราชการ /ชี้ผมเกษียณคนเดียว ผบ.ทบ.ใหม่ เป็นคนเก่ง สานต่อได้ กองทัพเป็นระบบ
พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. กล่าฝง่า พอใจผลงาน1ปี เป็น ผบ.ทบ. ทำ3ตำแหน่ง เลขาธิการคสช.,ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ด้วย ผมทำทุกอย่างที่อยากทำ และทำตามที่รัฐบาล และหน่วยเหนือสั่งการ โดยได้รับความร่วมมือจากกำลังพลทุกคน เพราะเราเป็น ครอบครัวเดียวกัน เป็นทีมกองทัพบก ด้วยกัน เราทำทุกอย่างที่ทำให้บ้านเมืองนี้สงบสุข
"ผบ.ทบ.คนใหม่ ท่านเก่งอยู่แล้ว มีการเปลี่ยนผมคนเดียวเกษียณ แต่ ระบบยังอยู่ เราเดืนตามระบบ และไม่มีงานคั่งค้าง เดินตามระบบ"
"ผมอยากเห็นเมืองไทย สงบร่มเย็น ประชาชนอยู่ด้วยความรัก ความสามัคคีกัน แก๊งค์ ก๊วน กวนต่างๆ เลิกได้แล้ว. มีไม่กี่ตัว หรอก ที่ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนั้น ไม่ได้คำนึงถึงประเทศชาติ
คนต้องการทำมาหากิน ด้วยความสงบร่มเย็น ตอนนี้รัฐบาลก็เดินงานต่างๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย. กองทัพบกก็จะช่วบให้บรรลุผลตามที่รัฐบาลต้องการ ทำให้ประชาชนมีความสุข ไม่ว่ารัฐบาลไหน กองทัพบกก็สนับสนุน"
ส่วนการตั้งพรรคทหาร สนใจหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็ไปถามคนตั้ง
เมื่อถามว่า สนใจการเมิองหรือไม่
พลเอกธีรชัย กล่าวว่า 38ปี พอแล้ว สำหรับชีวิตราชการ
ส่วนอนาคตการเมืองนั้น คง ถามผมไม่ได้ ผมไม่ใช่คนตัดสินใจ เรื่องของคนอื่น ต้องถามคนอื่น ถามนายกฯ การเมือง ก็เป็นเรื่องของการเมือง และ เป็นเริ่องอนาคต
ทั้งนี้ ในการประชุม ผบ.หน่วยขึ้นตรงทบ. จนถึงระดับ ผู้บังคับกองพัน วันนี้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณ นั้น ก็ได้ฝากให้ ผบ.หน่วยดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลประชาชน ดูแลประเทศชาติ กองทัพบก

"บิ๊กหมู" อำลา ผบ.หน่วย ฝาก ทีมกองทัพบก ดูแล ประชาชน ประเทศชาติ กองทัพ อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข

"บิ๊กหมู" อำลา ผบ.หน่วย ฝาก ทีมกองทัพบก ดูแล ประชาชน ประเทศชาติ กองทัพ อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข / เตือน แก๊งค์ ก๊วน กวนต่างๆ เลิกได้แล้ว. มีไม่กี่ตัว หรอก ที่ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว/ไม่ปิดประตู การเมือง หลังเกษียณ ชี้ อนาคตการเมือง ถามผมไม่ได้ ต้องถามคนอื่น ถามนายกฯ การเมือง ก็เป็นเรื่องของการเมือง และ เป็นเริ่องอนาคต เผย 38ปี พอแล้ว สำหรับชีวิตรับราชการ /ชี้ผมเกษียณคนเดียว ผบ.ทบ.ใหม่ เป็นคนเก่ง สานต่อได้ กองทัพเป็นระบบ
พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. กล่าฝง่า พอใจผลงาน1ปี เป็น ผบ.ทบ. ทำ3ตำแหน่ง เลขาธิการคสช.,ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ด้วย ผมทำทุกอย่างที่อยากทำ และทำตามที่รัฐบาล และหน่วยเหนือสั่งการ โดยได้รับความร่วมมือจากกำลังพลทุกคน เพราะเราเป็น ครอบครัวเดียวกัน เป็นทีมกองทัพบก ด้วยกัน เราทำทุกอย่างที่ทำให้บ้านเมืองนี้สงบสุข
"ผบ.ทบ.คนใหม่ ท่านเก่งอยู่แล้ว มีการเปลี่ยนผมคนเดียวเกษียณ แต่ ระบบยังอยู่ เราเดืนตามระบบ และไม่มีงานคั่งค้าง เดินตามระบบ"
"ผมอยากเห็นเมืองไทย สงบร่มเย็น ประชาชนอยู่ด้วยความรัก ความสามัคคีกัน แก๊งค์ ก๊วน กวนต่างๆ เลิกได้แล้ว. มีไม่กี่ตัว หรอก ที่ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนั้น ไม่ได้คำนึงถึงประเทศชาติ
คนต้องการทำมาหากิน ด้วยความสงบร่มเย็น ตอนนี้รัฐบาลก็เดินงานต่างๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย. กองทัพบกก็จะช่วบให้บรรลุผลตามที่รัฐบาลต้องการ ทำให้ประชาชนมีความสุข ไม่ว่ารัฐบาลไหน กองทัพบกก็สนับสนุน"
ส่วนการตั้งพรรคทหาร สนใจหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็ไปถามคนตั้ง
เมื่อถามว่า สนใจการเมิองหรือไม่
พลเอกธีรชัย กล่าวว่า 38ปี พอแล้ว สำหรับชีวิตราชการ
ส่วนอนาคตการเมืองนั้น คง ถามผมไม่ได้ ผมไม่ใช่คนตัดสินใจ เรื่องของคนอื่น ต้องถามคนอื่น ถามนายกฯ การเมือง ก็เป็นเรื่องของการเมือง และ เป็นเริ่องอนาคต
ทั้งนี้ ในการประชุม ผบ.หน่วยขึ้นตรงทบ. จนถึงระดับ ผู้บังคับกองพัน วันนี้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณ นั้น ก็ได้ฝากให้ ผบ.หน่วยดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลประชาชน ดูแลประเทศชาติ กองทัพบก

แถลงข่าว ส่งท้าย เก้าอี้ ผบ.ทบ.

แถลงข่าว ส่งท้าย เก้าอี้ ผบ.ทบ.
วันนี้ บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย ประชุม ผบ.หน่วยขึ้นตรงทบ. จนถึงระดับ ผู้บังคับกองพัน เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณ และแถลงข่าว ด้วยตนเอง ที่คาดว่า จะเป็นการขึ้นโพเดี้ยม แถลงข่าว อย่างเป็นทางการ ครั้งสุดท้าย ในฐานะ ผบ.ทบ. เพราะปกติ นานก็จะให้สัมภาษณ์ สักครั้ง
วันนี้ บิ๊กหมู ฝากให้ ผบ.หน่วยดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลประชาชน ดูแลประเทศชาติ กองทัพบก ทำบ้านเมืองให้สงบสุข ย้ำความเป็นครอบครัวเดียวกัน และความเป็นทีม ทบ.
พร้อม เปิดช่อง การเข้ามาทำงานการเมือง ในอนาคต ด้วยการ ไม่ปฏิเสธ การที่จะเข้ามารับตำแหนทางการเมือง

สรุปผู้บาดเจ็บเสียชีวิตเหตุบึ้มหน้าโรงเรียนบ้านตาบา

อาสาสมัครกู้ชีพสันติ ปัตตานี ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 6 ภาพ
วันที่ 6 ก.ย.59 เวลา 08:25 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนลอบวางระเบิด จนท.ตร.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ขณะอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตาบา เบื้องต้น จนท.ตร.ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ทราบชื่อ 1.ร.ต.ต.ประพิศ บุญสร้าง อีก 2 นายยังไม่ทราบชื่อ และประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ทั้งหมดถูกนำตัวส่ง รพ.ตากใบ
ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน พ่อ ลูกกัน
1.นายมะเย็ง เวาะบะ (พ่อ) 2.ด.ญ.มิตรา เวาะบะ (ลูก)
ขอแสดงความเสียต่อการศูนย์เสียในครั้งนี้
รายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต (เบื้องต้น)
1. ร.ต.ต.ประพิศ บุญสร้าง (ได้รับบาดเจ็บ)
2. ด.ต.กิตติพงษ์ ศรีขำ (ได้รับบาดเจ็บ)
3. ส.ต.ต.วรรณุชิต แซ่ค้อ (ได้รับบาดเจ็บ)
4. ส.ต.ต.เตาฟิค อารง (ได้รับบาดเจ็บ)
5. นายมะเย็ง เว๊าะบ๊ะ เสียชีวิต
6. ด.ญ.มิตรา เว๊าะบ๊ะ เสียชีวิต
7. น.ส.นูรไอนี ยูโซ๊ะ อายุ 25 ปี
310 ม.7 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส
ได้รับบาดเจ็บ
8. นายตัลมีซี มะดาโอ๊ะ อายุ 23 ปี
ได้รับบาดเจ็บสาหัส
9. นายรัสดี มะแอ อายุ 42 ปี
676 ม.1 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จว.นราธิวาส
ได้รับบาดเจ็บ
10. นางกูสีหม๊ะ กูมะ อายุ 40 ปี
10 ม.6 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส
ได้รับบาดเจ็บ

สภานักเรียนรร.เอกชนสอนศาสนา 3 จว.ประณามบึ้มหน้ารร.บ้านตาบา

แถลงการณ์สภานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จังหวัดชายแดนภาคใต้
กรณีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตาบา จังหวัดนราธิวาส (พื้นที่สาธารณะ)

จากเหตุการณ์คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตาบา อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 เวลาประมาณ 08.30 น. ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เด็กนักเรียนที่กำลังเดินทางไปโรงเรียน และราษฎรในเขตพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตพื้นที่สาธารณะที่มีกลุ่มเด็กพลุกพล่าน
ในนามสภานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกเสียใจ และขอประณามการกระทำของผู้ไม่หวังดีในครั้งนี้ และขอต่อต้านการใช้ความรุนแรงอันเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ขาดเมตตาธรรม ไร้มนุษยธรรม ผิดต่อกฎหมายและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ทางสภานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากเรียกร้องให้กลุ่มและองค์กรร่วมกันรณรงค์ ต่อต้าน ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ด้วยอาวุธสงคราม และการกระทำที่ทารุณโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และป่าเถื่อน ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและร่างกายของประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้ว ยังเกิดความเศร้าสลดใจแก่ผู้ที่พบเห็น และต่อสังคมโดยรวม
ท้ายนี้ขอวิงวอนต่อผู้ที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ดังต่อไปนี้ 1. ขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีทางสู้ 2. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางป้องกันปกป้องดูแลผู้บริสุทธิ์ 3. ขอให้เจ้าหน้าที่นำผู้กระทำผิดมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้โดยเร็ว 4. ขอให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย ทุกฝ่ายควรเฝ้าระวังและห้ามละเมิดโดยเด็ดขาด 5. ขอให้ทุกฝ่ายเคารพพื้นที่ที่มีเด็กและเยาวชน ในทุกพื้นที่ไม่เพียงแค่พื้นที่สาธารณะเท่านั้น
สภานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอปฏิเสธความรุนแรงทุกรูปแบบยอมรับการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุขและขอแสดงความเสียใจและความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนี้และเชื่อมั่นว่าสันติภาพที่ยั่งยืนไม่อาจเกิดขึ้นได้หากผู้บริสุทธิ์ยังคงถูกคุกคามและสังคมอย่างไรซึ่งความมั่นคงปลอดภัย
สภานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 6 กันยายน 2559

“ประวิตร” เสียใจ เหตุบึ้มหน้าโรงเรียนบ้านตาบา

“ประวิตร” เสียใจ เหตุบึ้มหน้าโรงเรียนบ้านตาบา สั่งแม่ทัพภาค 4 บูรณาการร่วมทุกหน่วยงาน ป้องกันเหตุซ้ำ ยอมรับมีช่องว่างด้านงานข่าว พร้อมปรับปรุงแก้ไข
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดหน้าโรงเรียนบ้านตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ว่ารู้สึกเสียใจกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเราเองพยายามทำเรื่องนี้อยู่แล้ว ในเรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ทั้งนี้ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับทางแม่ทัพภาค 4 โดยสั่งการลงไปว่าให้บูรณาการกันให้ได้ ระหว่างตำรวจ ทหาร ข้าราชการมหาดไทย ที่ต้องช่วยเหลือดูแลในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก โดยเฉพาะงานด้านการข่าว ในพื้นที่จะต้องลงลึกให้ได้ ให้ประชาขนเข้ามามีส่วนร่วม และแม่ทัพภาค 4 คงได้ไปประชุมเพื่อบูรณาการให้ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการ
เมื่อถามว่า ยอมรับใช่หรือไม่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาด้านการข่าว พล.อ.ประวิตรกล่าวยอมรับว่า จะมีช่องว่างเกี่ยวกับงานด้านการข่าว ทั้งเรื่องเน็ตเวิร์ก และงานด้านการข่าว ซึ่งเราอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข ที่จะบูรณการให้เกิดความชัดเจนให้ได้
“อย่าไปพูดว่าเหตุการณ์รุนแรงใหญ่ๆ กลับมา และเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดทั่วทุกพื้นที่ เกิดเพียงบางพื้นที่ และไม่ได้บ่อย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ระวังให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์รุนแรงก็เกิดขึ้นบ้าง เพราะทำอย่างไรได้ เนื่องจากคนหนึ่งจ้องจะทำ แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงแต่เฝ้าระวัง และป้องกัน ทั้งนี้ เราต้องดูแลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ยืนยันอีกครั้งว่าเหตุการณ์รุนแรงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เพิ่งเกิดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเหตุระเบิดรถไฟแต่เราก็พยายามแก้ไขในส่วนของเส้นทางรถไฟ ทางการรถไฟยืนยันว่าในวันที่ 10 กันยายน จะเปิดการเดินรถไฟสายใต้แล้ว” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้งานด้านการข่าวกำลังปรับปรุงอยู่ ต้องบูรณาการและช่วยกัน เจ้าหน้าที่ทุกคนก็พยายามทำงานเพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุรุนแรง เมื่อถามว่า ถือว่าการข่าวมีการคลาดเคลื่อนหรือไม่ เพราะเกิดเหตุการณ์รุนแรง 2 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถป้องกันได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การข่าวไม่ได้คลาดเคลื่อนและเราก็รู้ก่อน อย่างกรณีของรถไฟก็รู้ แต่ขั้นตอนและกระบวนการมันช้า อย่างเหตุการณ์ที่หน้าโรงเรียนบ้านตาบานั้นก็รู้ก่อน ทางเจ้าหน้าที่แจ้งมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 กันยายน ซึ่งตนก็ได้เตือนไปตั้งแต่วานนี้แล้ว แต่อย่าไปพูดว่าเป็นความบกพร่องของหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ทุกคนพยายามทำงานอย่าไปซ้ำเติม เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ทุกคนก็เสียใจเต็มที่อยู่แล้ว สื่ออย่าไปซ้ำเติมอีก นอกจากจะไม่ทำแล้วชอบไปพูดกันอีก
เมื่อถามว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุรุนแรง เป็นพื้นที่เซฟตี้โซนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าพื้นที่ใดเป็นเซฟตี้โซน และก็ไม่ใช่พื้นที่สีแดง ประเทศไทยไม่มีพื้นที่สีแดง ทุกพื้นที่เข้าได้หมด ยืนยันว่าตอนนี้ประชาชนในพื้นที่ยังเข้าข้างฝ่ายรัฐเหมือนเดิม มีเพียงบางคน และบางส่วนเท่านั้น ซึ่งมีไม่มาก และกลุ่มเห็นต่างในพื้นที่ก็ยังคงเป็นกลุ่มเดิม ไม่มีกลุ่มใหม่

มาอีกแล้วครับ หลังจากรถไฟ มา รร.อนุบาลเลย...

มาอีกแล้วครับ หลังจากรถไฟ มา รร.อนุบาลเลย...
จริงๆ ผมไม่คิดว่าไอเดียเรื่องเซฟตี้โซนเป็นอะไรที่เวิร์คในกรณีนี้นะ (แต่ยังไม่มีอารมณ์จะพูดยาว) สั้นๆ คือ การมีเซฟตี้โซน เป็นนโยบายที่รัฐไทย "ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว" ในขณะที่นอกจากฝ่าย BRN จะไม่ได้ประโยชน์แล้ว "ช่องทางในการสื่อสาร" ยิ่งกลายเป็นไม่มีอีก (ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แต่คนเหล่านี้ รวมถึงผู้ก่อการร้ายทั่วโลกด้วย "ส่งสาร" ผ่านการใช้ความรุนแรง) และขนาดแบบเดิมที่เป็นอยู่ "สังคมไทย" ยังไม่เคยจะแยแสเลย ถ้ายิ่งเป็นเซฟตี้โซนที่ส่ง "สาร" อะไรทางการเมืองไม่ได้ ยิ่งไม่มีทางที่สังคมจะแยแสต่อข้อเรียกร้องอะไรของเค้า
อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนระเบิดในภาคใต้ตอนกลางและตอนบนช่วงวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมาว่า BRN มีแนวโน้มสูงจะยกระดับการปฏิบัติการ เพราะวิธีการเดิมทำมาสิบกว่าปี ไม่มีใครสนใจฟัง ไม่มีใครแยแส คิดแต่จะแก้ด้วยการส่งปืนไปยิงเพิ่มตายเพิ่ม และมาถึงวันนี้การยกระดับนั้นก็ดูจะตั้งเค้าแล้วไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อเหตุติดๆ กัน หลังจากมีการตกลงเรื่องเซฟตี้โซน ซึ่งบอกตามตรงว่า ทางฝ่ายเค้าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน
กรุณาเข้าใจแต่แรกด้วย ท่านเจ้าหน้าที่รัฐ ว่าการก่อการร้ายมันคือ "ยุทธศาสตร์" (ที่มีสารทางการเมืองเบื้องหลัง) ชนิดหนึ่ง ที่มีขึ้นเพื่อสู้หรือต่อต้านกับคู่ต่อสู้ที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่าถือครองอำนาจในการรบ หรือการต่อสู้ที่สูงกว่าชนิดเทียบไม่ได้ หรือง่ายๆ คือ เป็นยุทธศาสตร์สำหรับสู้กับอีกฝ่ายที่ตัวเองไม่มีทาง "รบตรงๆ ซึ่งๆ หน้า (Total War)" แล้วจะชนะได้ ฉะนั้นการต่อสู้ของกลุ่มก่อการร้าย จึงอาศัยความรุนแรงเป็นเครื่องมือส่งสาร และสร้างความหวาดกลัวให้มากที่สุด สร้างเครดิตต่อคำขู่ของตนให้สูงที่สุด สร้าง "ภาพ" ของความรุนแรงให้สูงที่สุด แม้ในความเป็นจริงภัยมันในเนื้อแท้มันจะไม่ได้สูงมาก แต่การทำให้ภาพของภัยนั้นใหญ่ล้นความจริง คือ กุศโลบายพื้นฐานอยู่แล้วในการวิธีการแบบการก่อการร้าย ฉะนั้นเซฟตี้โซนในทางปฏิบัติแล้ว เป็นข้อเสนอที่ไม่ได้สนใจ "เหตุผล ความต้องการของฝ่ายผู้ก่อเหตุแต่แรก"
ปัญหามันก็ไม่มีทางยุติหรอก...ตอนนี้ก็คงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
สิ่งหนึ่งที่พอจะพูดได้ก่อนก็คือ แม้ผมจะรังเกียจการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้มาก แต่การแก้ปัญหาจะไม่เกิด หาก mindset ยังอยู่กับการมองผู้ก่อเหตุว่า "นรกส่งมาเกิด" อะไรพวกนี้ มันทำให้การมองและความพยายามจะพูดคุย "ให้ได้ผลจริงๆ" มันไม่เกิดครับ
[อีดิตเพิ่ม: พอดีแลกเปลี่ยนกับมิตรสหายท่านหนึ่งมา]
As terrorism theorist, ผมไม่คิดว่าในทางภาพใหญ่ "ฝ่ายนั้นมีทางอื่นที่เป็นรูปธรรม" ในการสื่อสารหรือต่อสู้กับรัฐในฐานะอำนาจที่เหนือกว่า และเรียกร้องข้อเรียกร้องของตนได้อ่ะนะ
คือ การมี safety zone ไม่ได้ผิดโดยตัวมันเอง แต่มันต้องมาพร้อม "เงื่อนเวลา" ว่า ใช้ safety zone นานแค่ไหน เพื่อเตรียมการนู่นนั่นนี่อะไรก็ว่าไป เพืรอเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับผู้ก่อเหตุ (ตัวอย่างไม่ใช่ไม่เคยเกิด)
แต่อันนี้กำหนดกรอบว่า มี safety zone กันนะ ไม่บอกเงื่อนเวลาชัดๆ และไม่บอกว่าระหว่างนี้เราจะ "ทำอะไรให้เค้าบ้าง" (คือ เค้าจะได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน) มันไม่ได้เรื่องหรอกครับ
วิธีการคิดและใช้ข้อเสนอแบบนี้ อยู่บนฐานที่รัฐไทยได้กับได้เป็นหลัก แต่ทางเค้าไม่ได้อะไรเป็น "ชิ้นเป็นอัน" เลย

มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย จากเหตุระเบิดหน้าโรงเรียนที่นราธิวาส เยาวชนภาคใต้สลด เรียกร้องยุติความรุนแรง

มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย จากเหตุระเบิดหน้าโรงเรียนที่นราธิวาส เยาวชนภาคใต้สลด เรียกร้องยุติความรุนแรง
เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถจักรยานยนต์หน้าโรงเรียนบ้านตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย ล่าสุดสำนักข่าวไทยรายงานว่าหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บราว 10 คน ได้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ด้านสมาคมเด็กและเยาวชนภาคใต้สลด เรียกร้องยุติใช้ความรุนแรง
ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มีจำนวน 3 คนแล้ว โดยก่อนหน้านี้นายมะเย็ง เวาะบะ เสียชีวิตพร้อม ด.ญ.มินตรา ลูกสาววัย 5 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนอนุบาลโรงเรียนบ้านตาบา
สำนักข่าวไทยรายงานด้วยว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมตรวจค้นบ้านของผู้ต้องสงสัย โดยจากการตรวจสอบพบว่า รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ประกอบระเบิดเป็นยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ จดทะเบียนในจังหวัดนราธิวาส และเจ้าของรถถูกยิงเสียชีวิตเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
สมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ และสภานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกแถลงการณ์แสดงความสลดใจกับประณามการกระทำของผู้ไม่หวังดี และยืนกรานต่อต้านการใช้ความรุนแรงและอาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งผิดทั้งกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทั้งสององค์กรเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางปกป้องดูแลผู้บริสุทธิ์และนำตัวผู้ทำผิดมารับโทษ และทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ห้ามละเมิด สมาคมเด็กและเยาวชนฯ และสภานักเรียนฯ ยังเห็นว่าสันติภาพที่ยั่งยืนจะไม่อาจเกิดขึ้นได้หากผู้บริสุทธิ์ยังถูกคุกคามความปลอดภัย

ดูเตอร์เตออกแถลงการณ์ระบุ “เสียใจ” หลังเรียกผู้นำสหรัฐฯว่าลูกโสเภณี


ทางการฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์สองฉบับ แสดงความเสียใจที่ก่อนหน้านี้ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวข่มขู่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ เรื่องการวิจารณ์สงครามปราบปรามยาเสพติด และเรียกเขาว่าเป็น “ลูกโสเภณี” ซึ่งทำให้ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการพบปะกับผู้นำฟิลิปปินส์ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงเวียงจันทน์ของลาว
ในแถลงการณ์ดังกล่าวอธิบายถึงสาเหตุที่นายดูเตอร์เตใช้ถ้อยคำรุนแรงว่า เนื่องมาจากรายงานข่าวของสื่อต่าง ๆ พากันชี้ว่านายโอบามาจะตำหนิเขา ทำให้กล่าวถ้อยคำที่ไม่สมควรออกไป ซึ่งเขาเสียใจที่คำพูดของเขาทำให้เกิดข้อขัดแย้งขึ้น นายดูเตอร์เตยังขอแสดงความเคารพและส่งความเป็นมิตรมายังประธานาธิบดีโอบามา เพื่อความเป็นหุ้นส่วนที่เหนียวแน่นยาวนานระหว่างสหรัฐฯและฟิลิปปินส์ต่อไปด้วย
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า จะมีการจัดการพบปะระหว่างผู้นำสหรัฐฯและผู้นำฟิลิปปินส์ขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ หลังฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้นายโอบามาได้เปลี่ยนกำหนดการ เพื่อไปพบปะหารือกับประธานาธิบดีปัก กึน เฮ ผู้นำเกาหลีใต้แทนแล้ว โดยหลังจากเดินทางถึงกรุงเวียงจันทน์ นายโอบามาได้ประกาศมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ลาวมูลค่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเวลา 3 ปีนับจากนี้ เพื่อใช้ในการเก็บกู้กับระเบิดจำนวนมากที่หลงเหลือจากสมัยสงครามเวียดนาม
เมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) นายดูเตอร์เตแถลงข่มขู่นายโอบามาต่อหน้าสื่อมวลชนในฟิลิปปินส์ว่า หากนายโอบามากล้าตั้งคำถามและตำหนิตนเรื่องสงครามปราบปรามยาเสพติดในการประชุมอาเซียนที่ลาว ตนจะแช่งกลับกลางที่ประชุม และนายโอบามาจะได้ลงไปคลุกปลักโคลนเหมือนหมูแน่ ผู้นำฟิลิปปินส์ยังเรียกผู้นำสหรัฐฯ ว่า “ลูกโสเภณี” อีกด้วย
ทั้งนี้ การล่าสังหารผู้ค้ายาเสพติดจำนวนมากในสงครามปราบปรามยาเสพติดของนายดูเตอร์เต ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 2,400 ราย โดยนายดูเตอร์เตไม่รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวจากหลายฝ่าย รวมถึงศาสนจักรโรมันคาทอลิกและสหประชาชาติด้วย โดยยืนกรานว่าการล่าสังหารดังกล่าวจะดำเนินต่อไป จนกว่าผู้ค้ายาเสพติดคนสุดท้ายจะจบชีวิตลง