PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

คสช.เพิ่มมหามิตร ดึง รัสเซีย ถ่วงดุลย์ สหรัฐอเมริกา-จีน

คสช.เพิ่มมหามิตร ดึง รัสเซีย ถ่วงดุลย์ สหรัฐอเมริกา-จีน

"พลเอกประวิตร" พาขุนทหาร ตำรวจ มั่นคง และ "สมคิด" ทีมเศรษฐกิจ ชุดใหญ่ เยือนรัสเซีย ตกลงความร่วมมือทางทหาร -ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ รัสเซีย เตรียมเปิด สนง.ผช.ทูตทหารอากาศ ประจำรัสเซีย/ เผยรัสเซีย เสนอตัว ทำ รถไฟให้ไทย และจะซื้อสินค้าเกษตรไทย ตอบแทน พร้อมลงทุน /พร้อมรับนายกฯประยุทธ์ ประชุม Asean-Russia พค.นี้/ เชิญ พลเอกประวิตร ประชุม ความมั่นคง และดูงาน Army 16 อีก เมย.นี้ เผยสนใจ ตั้งโรงงานผลิตอาวุธฯกับไทย
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกห. เปิดเผย ถึงผลการเยือนรัสเซีย ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กห.พร้อมด้วย พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกห. พลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาฯสมช.
ผู้แทนเหล่าทัพและ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.
ร่วมกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนรม. พร้อมคณะ ประกอบด้วย รมว.พณ. รมว.อุตสาหกรรม รมว.วิทยาศาสตร์ และปลัด กต. ระหว่าง 23-25 ก.พ. 59 เพื่อกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงและขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนระหว่างกัน
โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและมีไมตรีจิต หลังเดินทางถึง ได้พบและมอบนโยบายให้กับ ออท.ไทย/รัสเซีย และข้าราชการทีมไทยแลนด์ ณ โรงแรมที่พัก
พลเอกประวิตร ขอให้ข้าราชการทุกคน ได้สร้างความเข้าใจกับชาวต่างประเทศถึงความจำเป็นของการเข้ามาบริหารราชการของรัฐบาลปัจจุบันและพัฒนาการของสถานการณ์ของประเทศไทย ที่กำลังขับเคลื่อนการปฏิรูป สู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยตาม Road Map
ขณะเดียวกัน ปัญหาเศรษฐกิจโลกและปัญหาฐานรากจากวิกฤตภายในประเทศ อันได้แก่ ปัญหา IUU ICAO และการค้ามนุษย์ ฯลฯ ที่เกิดจากการสั่งสมมาแต่อดีต ก็เป็นโอกาสอันดี ที่จะร่วมกันปฏิรูปและวางรากฐานของประเทศ
จึงขอให้ร่วมกันทำงานเพื่อขับเคลื่อน ผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจระหว่างไทย - รัสเซีย ใน 5 ด้าน อันประกอบด้วย ด้านการส่งออกนำเข้าสินค้าระหว่างกัน ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านพลังงาน ด้านความมั่นคงและการทหาร และด้านการท่องเที่ยวให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ ในวันที่ 24 ก.พ.59 : พล.อ.ประวิตร พร้อม นายสมคิด. และคณะ ได้เข้าเยี่ยมคำนับและหารือกับ นาย Dimitry Medvedev นายกรัฐมนตรี รัสเซีย
โดย นายกฯรัสเซีย กล่าวรำลึกถึง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ได้พบปะและพัฒนาสัมพันธ์กันมากขึ้นที่ผ่านมา และจะได้พบกันในการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการและการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน - รัสเซีย ที่จะมีขึ้น ใน พ.ค. 59 ที่ เมืองโซชิ
ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือถึงโอกาสความเกื้อกูลระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีพัฒนาการและความคืบหน้าของความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกันมากขึ้น ทั้งการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญกรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์และยาเสพติด
รวมทั้งความร่วมมือทางทหาร ด้านการทหาร ไทยมีความประสงค์ที่จะได้รับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และมีความต้องการยุทโธปกรณ์ทางทหาร ทั้งเพื่อการป้องกันประเทศ การบรรเทาสาธารณภัยและการพัฒนาประเทศโดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งนำ้เพื่อการเกษตร
โดยเสนอให้มีการซื้อขายระหว่างกัน โดยรัสเซียสนับสนุนรับซื้อพืชผลทางการเกษตรของไทย
สำหรับด้านเศรษฐกิจ ด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศที่เกื้อกูลกัน โดยรัสเซียมีศักยภาพด้านเทคโนโลยีและพลังงาน ขณะที่ไทยมีความสามารถด้านอุตสาหกรรมการเกษตร หากมีความร่วมมือกันมากขึ้นจะเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและพลังงานซึ่งกันและกัน
โดยรัสเซียสามารถเป็นฐานการผลิตด้านการเกษตรและส่งออกอาหารของภูมิภาค สำหรับไทย มีความต้องการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน จึงต้องการให้รัสเซียไปลงทุนด้านพลังงาน ด้านไอที ด้านการบิน การขนส่งและการรถไฟ ซึ่งรัสเซียสามารถขยายการขนส่งสินค้าผ่านไทยไปยังประเทศอาเซียน
ขณะะเดียวกันไทยมีความประสงค์ที่จะทำความตกลงการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศยูโรเซีย เพื่อการขยายความร่วมมือการค้าการลงทุนและผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
นายกฯรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียพร้อมที่จะให้ความร่วมมือตอบสนองความต้องการของไทยในทุกเรื่อง โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคงและการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ทางทหาร
สำหรับด้านการเกษตร รัสเซียพร้อมให้การสนับสนุนช่วยเหลือลงทุนจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าการเกษตรและสนับสนุนสินค้าการเกษตรจากไทย
รวมทั้งด้านพลังงาน ซึ่งเดิมมีความร่วมมือกันอยู่แล้ว หากมีการสานต่อร่วมกันจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ ทั้งแหล่งพลังงานทางธรรมชาติและพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ
ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะเสริมสร้างและยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันในทุกมิติ ในโอกาสครบ 120 ปีความสัมพันธ์ ไทย- รัสเซียในปี 60 โดยจะจัดตั้งทั้งคณะทำงานและคณะกรรมาธิการร่วมกัน เพื่อผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆที่ได้ลงนามร่วมกันแล้ว ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งความร่วมมือทางทหาร ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการเกษตร ด้านศุลกากร ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดน การจัดตั้งศูนย์ศึกษาวัฒนธรรมรัสเซียในไทย
พร้อมทั้งร่วมกันจัดเตรียมและผลักดันบันทึกความตกลงระดับรัฐบาลระหว่างกัน ทั้งความร่วมมือด้านความมั่นคงและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเพื่อรับการมาเยือนของ นายกรัฐมนตรี
หลังจากนั้น พลเอกประวิตร. พร้อมคณะ ได้เข้าพบและหารือกับ นาย Dmitry Rogozin รองนายกฯรัสเซีย และนาย Denis Manturov รมว.อุตสาหกรรมและการค้ารัสเซีย เพื่อสานต่อเรื่องที่ได้หารือกับนายกฯรัสเซีย
โดยได้หารือถึงความร่วมมือด้านความมั่นคง ด้านการทหารและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างกัน ซึ่งฝ่ายรัสเซียพร้อมให้ความร่วมมือสนับสนุนเทคโนโลยีทางทหารกับไทย
ขอเชิญ พลออกประวิตร รมว.กห.ร่วมประชุมความมั่นคง กห.อาเซียน - รัสเซีย ในเม.ย.59 พร้อมเข้าร่วมชมนิทรรศการ Army 2016 และให้ความร่วมมือในการจัดตั้งโรงงานผลิตยุทโธปกรณ์ รวมทั้งอุตสาหกรรมพื้นฐานในไทย เพื่อตอบสนองความต้องการและการบริการด้านยุทโธปกรณ์ระดับภูมิภาค
ขณะเดียวกันด้วยศักยภาพด้านการรถไฟของรัสเซียก็มีความสนใจลงทุนด้านการรถไฟในไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของไทย
ในโอกาสเดียวกันนี้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ผบ.ตร.และคณะผู้แทนเหล่าทัพ ได้เข้าเยี่ยมชมระบบของโครงการจัดตั้งเมืองที่ควบคุมความปลอดภัยขั้นสูงสุด ของรัสเซีย เพื่อศึกษาในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในภาพรวม ด้วย
ส่วนวันที่ 25 ก.พ.59 พลเอกประวิตร พร้อมคณะ ได้เข้าพบและหารือกับพล.อ. Sergei Shoigu รมว.กห.รัสเซียที่กระทรวง กห.รัสเซีย โดยได้รับการต้อนรับจากกองทหารเกียรติยศอย่างสมเกียรติ
จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือ ในการยกระดับความสัมพันธ์และกระชับความร่วมมือทางทหารร่วมกันให้มากขึ้น ทั้งด้านการข่าว การฝึก ศึกษา ด้านยุทโธปกรณ์และการส่งกำลังบำรุง การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน
โดยไทยมีแผนจะเปิดอัตรา ผู้ช่วยทูตทหารอากาศ เพื่อการประสานงานร่วมกัน
ขณะที่กห.รัสเซียเห็นถึงศักยภาพและบทบาทของกห.ไทยในภูมิภาคอาเซียน โดยเสนอให้มีความร่วมมือทางทหารด้วยการจัดทำเป็นแผนระยะยาว
พร้อมทั้งเสนอให้ที่นั่งการศึกษาทางทหารและหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือทางทหารระหว่างกันให้มากขึ้น
ต่อจากนั้น พล้อกประวิตร.พร้อมคณะ ได้เข้าพบและหารือกับนายNikolai Patrushev เลขาฯสมช.รัสเซีย
โดบเขาได้กล่าวว่า รัสเซียเห็นถึงความสำคัญในการเดินทางมาเยือนรัสเซียของรองนรม.ทั้งสองท่าน ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกัน ทั้งเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย การก่ออาชญกรรมข้ามชาติ ซึ่งความสัมพันธ์ในลักษณะพิเศษและความไว้วางใจที่ต่อเนื่องยาวนานของทั้งสองประเทศ เป็นพื้นฐานสำคัญของความร่วมมือในอนาคต ที่จะยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันในอนาคต
จากนั้น คณะเดินทางเยือน เบลารุส ต่อ

จากเพจ :วาสนา นาน่วม

'ชวลิต'แนะรบ.ไม่ยุ่งเปลี่ยนผ่าน5ปีอย่าสนรธน.มาก


'ชวลิต'แนะรบ.ไม่ยุ่งเปลี่ยนผ่าน5ปีอย่าสนรธน.มาก
ข่าวการเมือง วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 10:50 น.
680974
"พล.อ.ชวลิต" เปิดบ้านพักให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แนะรัฐบาลไม่ยุ่งเปลี่ยนผ่าน 5 ปี อย่าสนรัฐธรรมนูญมาก หนุนจัดเลือกตั้งปี 59
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพักให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า ในเรื่องของร่างรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่จะตัดสินความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งความสุขของประชาชนคือ การมีอำนาจและใช้อำนาจอธิปไตย จึงควรปรับแก้ในเรื่องของอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และเสรีภาพของบุคคล ดังนั้น ไม่ควรให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญมากเกินไป ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาล คสช. เข้าใจหน้าที่ของตนเอง ที่เข้ามาสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และไม่ต้องไปเสียเวลาเรื่องของการพัฒนาเรื่องต่าง ๆ และอย่าไปยุ่งในเรื่องของระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปี หรือ เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ยังมองว่า ไม่ถูกต้องกับสถานการณ์ที่น่าจะเป็น อย่างไรก็ตาม ขอให้เขียนรัฐธรรมนูญโดยไม่ให้ถูกฉีกอีก ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศ เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ นั้น มองว่าคงเป็นเพราะความเป็นห่วงบ้านเมือง

ทั้งนี้ สำหรับการเปิดบ้านพักให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนของ พล.อ.ชวลิต วันนี้ มีการแจกจ่ายจดหมายเปิดผนึกให้แก่สื่อมวลชนด้วย โดยได้กล่าวถึงสถานการณ์ของประเทศ และขอร้องให้ คสช. หาทางแก้ไขปัญหาประเทศด้วยการเดินสายกลาง โดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมการแก้ไขปัญหาของชาติ และควรเสียสละส่งต่ออำนาจส่งต่อให้คณะกรรมการกลางที่มาจากฝ่ายต่าง ๆ ร่วมกันจัดให้มีการเลือกตั้ง ในปี 2559 เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เข้ามาแก้ไขปัญหาในทุกด้าน

โอ๊คFbโดย DSI ยุติธรรมสองมาตราฐาน


นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร โพสเฟสบุ๊ค(25 ก.พ.2559)กรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษเรียกสอบปากคำ คดี กรุงไทย
////

ข้อเท็จจริงที่ผมได้พบ จากการที่ถูก DSI เรียกสอบ กรณีเงินกู้แบงค์กรุงไทย คือระบบสองมาตรฐานยังคงมีอยู่ ในกระบวนการยุติธรรมไทย โดยไม่เปลี่ยนแปลงครับ 
หนังสือที่ DSI ส่งเรียกผมไปสอบถามทุกฉบับนั้น ส่งเรียกไปให้ข้อมูลในฐานะพยาน เช่นเดียวกับคนอีก 2-300 คน ที่มีกระแสการเงิน เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ถูก DSI เรียกไปด้วยเหตุผลเดียวกัน ทั้งหมดนี้ในฐานะ"พยาน"ทั้งสิ้น 

2-300 คน ที่ถูกเรียกไปนั้น ได้ยินว่ามีทั้ง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ แทบจะครบทุกเหล่า นายตำรวจ มูลนิธิฯ สถาบันการเงินและบุคคลทั่วไป ซึ่งในการส่งหนังสือ เรียกตัวบุคลเหล่านั้นไปสอบ ทาง DSI มีการกระทำอย่างเงียบเชียบ ด้วยความระมัดระวัง ไม่ต้องการให้พยานต้องเสียหาย หรือตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีคำพิพากษา หรือวินิจฉัยใดๆทั้งสิ้น
แต่สำหรับตัวผมนั้น ตรงกันข้ามเลยครับ ถ้าแห่กลองยาวมาได้ คงถือหนังสือพร้อมส่งเสียงโห่นำขบวนมาแล้ว ฝ่ายที่อคติกับตัวผมใช้ช่องทางผ่านสื่อ บางคนที่ซ่อนตัวอยู่บางสำนักใช้เป็นเกมทางการเมืองไม่คำนึงถึงความถูกผิดขอให้ใส่ร้ายไว้ก่อน ชี้นำตลอดยิ่งกว่าผู้กระทำความผิด ทั้งที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและยินดีให้ข้อมูลหลักฐานกับ DSI เพื่อพิสูจน์ความจริงและความบริสุทธิ์ได้ เอกสารยังไม่ทันถึงมือผมเลย สื่อมวลชนลงข่าวเรียบร้อย ก่อนที่ผมจะทราบเรื่องเสียอีก แถมตามด้วยแหล่งข่าวจาก DSI ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ออกมาให้สัมภาษณ์ในทางเป็นลบ ราวกับว่าผมตกเป็นผู้ต้องหาฯ ทุกครั้งที่ DSI ส่งหนังสือมา 

ชกกันใต้เข็มขัดแบบนี้ เล่นเอาฝ่ายกฎหมายและทนายของผมเกิดสงสัยขึ้นมา จึงได้ทำหนังสือให้ลงนามไปสอบถามว่า ตกลงที่เรียกไปนี่ให้ไปในฐานะอะไร เพราะคิดว่าถ้าจะให้เป็นพยานแล้ว มาแกล้งออกข่าวให้เสียหายกันแบบนี้มันไม่แฟร์ ก็ได้รับคำตอบอย่างที่เห็นกันนี้คือ เป็นการเรียกไปให้ถ้อยคำ ในฐานะพยาน ครับ 

ผมและน้องสาว เคยมีประสบการณ์แย่ๆมาแล้ว ในสมัย คตส.ครับ เรียกไปสอบเป็นพยาน แต่กลับนัดสื่อมารอทำข่าวเพียบ ลงมารับถึงตีนบันได ต่อหน้าสื่อโอ้หลานป้าอย่างนู้นอย่างนี้ แต่พอลับสายตาเข้าห้อง กลับแปลงร่างเป็นแม่มดทันที เคยเจอแบบนี้มาแล้ว จึงรู้ไส้รู้พุงกันดี 

ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ DSI ที่ดีๆนั้น ยังมีอยู่มาก ซึ่งต้องขอให้กำลังใจครับ DSI คือหน่วยงานต้นน้ำ ของกระบวนการยุติธรรม ถ้าเริ่มต้นกระบวนการให้ดี ทำงานแบบมืออาชีพไม่มีอคติ หรือเพียงแต่จะคิดเอาใจนาย ใครผิดใครถูกว่ากันไปตามกฎหมาย 2 มาตรฐานก็จะเกิดขึ้นได้ยาก บ้านเมืองก็จะกลับสู่ความสงบได้เร็ว 

ผมจะรอดูครับ พยานที่ชื่อพานทองแท้ กับพยานคนอื่นๆอีก 2-300 ปาก ที่เรียกสอบไปแล้ว DSI ในฐานะหน่วยงานของรัฐ จะให้ความเป็นธรรมเสมอภาค และกระทำในมาตรฐานเดียวกันหรือไม่..??

เดี๋ยวคงได้รู้กันครับ

“ประวิตร” บินรัสเซีย ช้อปรถถัง - เฮลิคอปเตอร์

21 กุมภาพันธ์ 2559 
เผย “ประวิตร” บินรัสเซีย ช้อปรถถัง - เฮลิคอปเตอร์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม (ภาพจากแฟ้ม)
        เผย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเยือนรัสเซีย เสนอขายสินค้าเกษตรของไทย และรัสเซียต้องการขายอาวุธให้กับไทย พบสนใจเฮลิคอปเตอร์ 10 ลำใช้แทนแบบ ชี-นุก ที่ตกรุ่น ซ่อมยาก อะไหล่แพง และรถถัง T-90A หลังตัวแทนบริษัทดอดเข้าพบและเสนอขาย
       
       วันนี้ (21 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ มีกำหนดการเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการค้า การลงทุน ระหว่างกันให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยการพบปะกับผู้นำรัสเซียกันครั้งนี้จะมีการพูดคุยในภาพกว้าง ๆ และเป็นการนำเสนอขายสินค้าเกษตรของไทย เช่น ข้าว ยางพารา เนื่องจากเรามีความพร้อมในเรื่องดังกล่าว ในขณะที่ฝ่ายรัสเซียมีความต้องการที่จะขายอาวุธให้กับไทย
       
       โดยฝ่ายไทยมีความสนใจซื้อเฮลิคอปเตอร์แบบ Mi-17V5 จากรัสเซีย จำนวน 10 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจการขนส่งลำเลียงเพื่อใช้ทดแทนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ ชี-นุก ที่มีปัญหาเรื่องซ่อมบำรุง และการจัดหาอะไหล่ทดแทนที่หาได้ยาก และมีราคาแพง
       
       นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังมีความสนใจจะซื้อรถถัง T-90A ของรัสเซีย ตามแผนกำลังรบของกองทัพบก โดยก่อนหน้านั้น พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อจัดซื้อมาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพบกไทย รวมถึงการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก และรถถัง T-90A ก็เป็นหนึ่งแผนที่กองทัพบกจะมีการจัดซื้อเพื่อมาทดแทน
       
       อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ตัวแทนบริษัทจากประเทศรัสเซีย ได้มีการเข้าพบ พล.อ.ประวิตร และมีการเสนอรถถังดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ตกลงใจว่าจะซื้อกี่คัน

โฆษก คสช.โต้ “สุรพงษ์” ฟ้อง “UN” กลัว รธน.ไม่เป็นปชต.



โฆษก คสช.โต้ “สุรพงษ์” ฟ้อง “UN” กลัว รธน.ไม่เป็นปชต.-การปิดกั้นรณรงค์ประชามติ เป็นการ มารับฟังข้อมูลข้างเดียว ผิดมารยาท ธรรมเนียมการทูต/ พร้อม โต้ "ณัฐวุฒิ"พูดผ่านสื่อ10 ปียังมีคนเชื่อมั่นศรัทธา "ทักษิณ" ระบุกาลเวลาเปลี่ยน สังคมเริ่มรู้เท่าทัน แล้ว ว่าสิ่งที่ได้ทำๆ กันไปในอดีตนั้นมีใครที่ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงบ้าง

จาก กรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการที่ได้การพบปะพูดคุยกับผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ และคณะ ได้รับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยนั้น
พันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวว่า
เชื่อว่าสังคมจะเกิดข้อสงสัยและมองว่าการพบปะครั้งนี้จะเป็นเป็นเหมือนการมารับฟังหรือให้ข้อมูลทางเดียว จากกลุ่มการเมืองที่มีลักษณะเห็นต่างกับภาครัฐในทุกเรื่องมาตลอด
อีกทั้งเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือได้รับผลกระทบในกติกาใหม่ในร่าง รธน. ฉะนั้นเชื่อว่าข้อมูลใดๆ ที่ทางผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ได้ไปนั้นจะมีความน่าเชื่อถือได้ ก็แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น
โดยปกติโดยมารยาทตามแบบธรรมเนียมทางการทูต สำหรับข้อมูลความคืบหน้าใดๆ ต่อการดำเนินการของภาครัฐ จะมีการนำเสนอผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานหลักอยู่ แล้ว
ยืนยันว่าจะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า ต่อกรณีดังกล่าวไม่แน่ใจอาจทำให้สังคมบางส่วนสับสน หรือเคลือบแคลงใจอะไรหรือไม่
สำหรับการที่พูดถึงการให้ข้อมูลไปว่า ทาง กรธ.จะแสร้งทำเป็นรับฟังข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นจากทุกๆ ฝ่ายแต่แท้ที่จริงแล้วจะแก้ไขตามที่คนบางกลุ่มที่เป็นพวกเดียวกันชี้แนะมาเท่านั้น พันเอกวินธัย กล่าวว่า ไม่ได้พยายามที่จะปรับแก้ไขตามคำเสนอแนะของพรรคการเมืองหรือประชาชน เป็นตัวอย่างหนึ่งของความไม่น่าเชื่อถือในข้อมูล เพราะปัจจุบัน กรธ.ยังแค่อยู่ในช่วงระหว่างดำเนินการปรับแก้ ยังไม่มีข้อสรุปสุดท้ายที่เป็นทางการใดๆ จะรู้ได้อย่างไรมีปรับหรือไม่ปรับอย่างไร จะเห็นได้ว่ากรณีที่มีการให้ข้อมูลว่า กรธ.แสร้งทำเป็นรับฟัง อาจเป็นการกล่าวหาหรือดูแคลนผู้อื่นโดยใช้เพียงจินตนาการ แบบมีอคติส่วนตัวเท่านั้น
"วินธัย" โต้ "ณัฐวุฒิ"พูดผ่านสื่อ10 ปียังมีคนเชื่อมั่นศรัทธา "ทักษิณ" ระบุกาลเวลาเปลี่ยน สังคมเริ่มรู้เท่าทัน แล้ว ว่าสิ่งที่ได้ทำๆ กันไปในอดีตนั้นมีใครที่ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงบ้าง
จากกรณี ที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่านายทักษิณถูกยึดอำนาจมา 10 ปียังมีคนเชื่อมั่นศรัทธา เป็นเรื่องปกติของบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันพยายามออกเสียงเชียร์ให้กันนั้น
พันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวว่า มีความเห็นจากหลายฝ่ายมองว่าในอดีตบุคคลทางการเมือง เมื่อดำเนินการใดๆไป โดยธรรมชาติ มักจะคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของกลุ่มกับพวกพ้อง หรือคนทั่วไปเพื่อหวังให้ได้มาซึ่งฐานเสียงสนับสนุนในทางการเมืองเป็นหลัก มากกว่าความเหมาะสมหรือประโยชน์ในมุมอื่นๆ อยู่แล้ว
แต่เชื่อว่าในปัจจุบันเมื่อกาลเวลาเปลี่ยน สังคมเริ่มรู้เท่าทันจึงเข้าใจมากขึ้น ว่าสิ่งที่ได้ทำๆ กันไปในอดีตนั้นมีใครที่ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงบ้าง ซึ่งบางครั้งอาจไม่ใช่ประเทศชาติ และประชาชนอย่างที่มีการนำมากล่าวอ้างกันก็ได้