PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561

บิ๊กป้อมสั่งแก้จร.กรุง

แก้รถติด !!

“บิ๊กป้อม” สั่งตั้ง “คณะทำงานติดตามแก้ปัญหาวิกฤติจราจร” เร่งแก้ปัญหา จากการก่อสร้างรถไฟฟ้า  จี้ กทม. ตำรวจ และกรมการขนส่งทางบก ช่วยดูแล แก้ไขความเดือดร้อนประชาชน อย่าง จริงจัง

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า จากปัญหาวิกฤติการจราจรใน กทม. ที่สะสมต่อเนื่อง หลังจากวางแนวกั้นถนนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ถนนลาดพร้าว) มีผลให้การเดินรถในถนนลาดพร้าวขาออก เคลื่อนตัวได้ช้าสะสมต่อเนื่อง กระทบเชื่อมโยงถึง ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน ถนนพระราม9 ต่อเนื่องถึงถนนอื่นๆ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันทั่วที่ผ่านมา

 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และ รมว.กลาโหม  ได้สั่งตั้ง “คณะทำงานติดตามผล การบูรณาการขับเคลื่อนแก้ปัญหาการจราจร”

โดยมีคณะทำงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับ กทม.และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง   เพื่อเร่งสำรวจ ติดตามและแก้ปัญหาระดับพื้นที่เป็นการเร่งด่วน   

พร้อมทั้งดำเนินการ สำรวจความเชื่อมโยงและกำหนดแนวทางบริหารจัดการ การจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่อเนื่องกันไป 

พลเอกประวิตร กำชับเป็นนโยบาย ให้มีการอำนวยความสะดวก เส้นทางที่มีการเชื่อมโยงในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อการระบายรถ  และขอให้มีการปรับและควบคุมไฟจราจร ให้เหมาะสม เพื่อเฉลี่ยรถในเส้นทางต่างๆ ไม่ให้ติดค้างสะสมยาวนาน โดยต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ อำนวยความสะดวกและควบคุมตลอดเวลาโดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน  

พร้อมทั้ง มอบหมายให้ กทม.เตรียมความพร้อมระบบระบายน้ำและประสานกับผู้รับเหมาออกแบบและบริษัทที่ก่อสร้าง หารือทางออกร่วมกันอย่างต่อเนื่องให้การก่อสร้างกระทบกับการจราจรน้อยที่สุด  

โดยเฉพาะการปรับแนวกั้นถนนให้มีพื้นผิวการจราจรให้ได้มากที่สุด  และขอความร่วมมือปรับผิวจราจรระหว่างก่อสร้าง ที่ชำรุด ไม่ราบเรียบในทุกเส้นทางควบคู่กันไป เพื่อมิให้รถต้องชะลอตัวและเกิดอุบัติเหตุบ่อยดังที่เป็นอยู่ 

พร้อมกันนี้ ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกรมการขนส่งทางบก ให้ความสำคัญในการกวดขันวินัยจราจร และกำหนดมาตรการเข้มกับกลุ่มที่ละเลยกฎหมาย 

โดยเฉพาะ กลุ่มรถสาธารณะ ประเภทรถโดยสารร่วมและรถแท๊กซี่ ที่มีพฤติกรรมขับแซงปาดหน้า และจอดกีดขวางการจราจร ตามข้อมูลที่ประชาชนจำนวนมากแจ้ง 

ทั้งนี้ ให้คณะทำงานดังกล่าว มีการประเมินผลทุกสัปดาห์และปรับแผนการปฏิบัติให้สามารถบริหารจัดการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นรูปธรรมต่อเนื่องกันไป

ลุกลี้ลุกลน

ลุกลี้ลุกลน



สนช.ลากตั้งยุค คสช.ขยันสร้างเรื่องยุ่งไม่รู้จบ แม้แต่เรื่องจบไปแล้วก็ยังอุตส่าห์รื้อขึ้นมาใหม่ให้มันยุ่งมากขึ้นอีก
ล่าสุด พระเดชพระคุณ สนช.ลากตั้ง กำลังวิ่งพล่านเข้าชื่อเสนอแก้ไข “ก.ม.ลูกรัฐธรรมนูญ” ขอเพิ่ม “บทเฉพาะกาล” ให้มีผลย้อนหลัง เพื่อยกเลิก “ผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คน” ที่ กกต.ชุดเก่าเพิ่งมีคำสั่งแต่งตั้งไปหยกๆเมื่อไม่กี่วันนี่เอง
โดยอ้างเหตุผลกำปั้นทุบดิน ต้องการโละทิ้ง ผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดที่ กกต.ชุดเก่าดำเนินการไว้ เพื่อให้ กกต.ชุดใหม่ เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเอง
คำถามคือ ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดที่ กกต.ชุดเก่าคัดเลือกไว้ ไม่ดีอย่างไร?
ทำไมต้องโละทิ้งให้ กกต.ชุดใหม่แต่งตั้งเอง?!
การลุกลี้ลุกลนเสนอแก้ไข ก.ม.ลูกรัฐธรรมนูญตอนนี้ มีความจำเป็นอย่างไร?!
หรือต้องการสร้างเงื่อนไขเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งให้ช้ากว่ากำหนดเดิม?!
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ฉบับใหม่ได้ยกเลิกตำแหน่ง “กกต.ประจำจังหวัด” เปลี่ยนเป็น “ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด” จำนวนจังหวัดละไม่เกิน 8 คน
โดยผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบการเลือกตั้งให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ถ้าหากพบการทุจริตในเขตเลือกตั้งใดให้รายงาน กกต.ชุดใหญ่เพื่อสอบสวนเช็กบิล
ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้รับเงินเดือนประจำ มีแค่เบี้ยเลี้ยง ค่าใช้จ่าย ค่าที่พัก ค่าเดินทางในระหว่างเปิดรับสมัครเลือกตั้ง จนถึงประกาศผลเลือกตั้ง (เป็นเวลาไม่เกิน 3 เดือน)
เมื่อเสร็จการเลือกตั้งแล้วก็กลับไปเป็นราษฎรเต็มขั้นตามเดิม
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า เมื่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ประกาศใช้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ชุดเก่าได้ประกาศรับสมัครคัดเลือก “ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด” ทั่วประเทศตั้งแต่เดือนเมษายน
เพิ่งประกาศชื่อผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดรวมทั้งสิ้น 616 คน เมื่อไม่กี่วันนี่เอง
“ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด” จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้คือ...
ต้องมีอายุตั้งแต่ 45 ปี ถึง 70 ปี ต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านในจังหวัดนั้นโดยตรง
ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ต้องไม่เป็นข้าราชการหรือพนักงานของรัฐ ต้องไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่เคยเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. ไม่เคยเป็นสมาชิกองค์กรปกครองท้องถิ่น เทศบาล อบจ. อบต.
ต้องไม่มีสามีหรือภรรยา หรือบุตร หรือบิดามารดา เป็น ส.ส. หรือ ส.ว.
ผู้สมัครที่ตรวจพบว่าขาดคุณสมบัติ หรือถูกร้องเรียนว่าไม่เป็นกลางทางการเมืองจะถูก กกต. ตัดชื่อออกจากผู้สมัครทันที
“แม่ลูกจันทร์” มองว่า ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดที่ กกต.ชุดเก่าคัดเลือกไว้ได้ผ่านการคัดกรองอย่างเข้มข้นพอสมควร
จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องแก้ไข ก.ม.ลูกรัฐธรรมนูญ เพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อโละทิ้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั้ง 616 คน แล้วประเคนให้ กกต.ชุดใหม่แต่งตั้งเอง
ข้อสำคัญ เหลืออีก 7 เดือน จะมีการ เลือกตั้งใหญ่ตามโรดแม็ป คสช.
ถ้าจะแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ตอนนี้จะส่งผลให้การเตรียมการเลือกตั้งของ กกต.ไม่ทันกรอบเวลา
เพราะการแก้ไข ก.ม.ลูกรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แก้ปุ๊บใช้ปั๊บทันที
1,ต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาอีก 1 เดือน
2,ต้องเสนอเข้าที่ประชุม สนช.ลงมติเห็นชอบอีก 1 เดือน
3,ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้อีก 3 เดือน
รวมเบ็ดเสร็จจะต้องเสียเวลาไปฟรีๆอีกไม่ต่ำกว่า 5 เดือน
เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้ง จะรับสมัครผู้ตรวจการเลือกตั้งชุดใหม่ 616 คนได้อย่างไร??
ได้โปรดเถอะ...หยุดเลอะเทอะกันซะที.
"แม่ลูกจันทร์"

เปิดไพ่หงายแต้มแล้ว

เปิดไพ่หงายแต้มแล้ว



ลำพังการเมืองในประเทศก็ป่วนแล้ว เจอการเมืองข้างนอกแหย่อีก
ไม่แปลกที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.จะถึงขั้นนอตหลุดกับการโดนสื่อไทยไล่บี้ไล่ต้อน ยัดคำถามที่ “จาการ์ตาโพสต์” สื่อใหญ่ของอินโดนีเซีย
ขวางลำไม่ให้ผู้นำทหารของไทยนั่งประธานอาเซียนตามกำหนดที่วนมาถึงคิว
อ้างความสง่างามประชาธิปไตย แต่โดยนัยแฝงเหลี่ยม “เล่ห์อินโดฯ” จ้องเตะตัดขาผู้นำไทย
ในจังหวะที่ทีมรัฐบาล “ลุงตู่” กำลังเดินยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน จุดยุทธศาสตร์สำคัญของดุลอำนาจโลกทั้งในเชิงเศรษฐกิจและความมั่นคง
สื่ออินโดฯก็เลยโยนทุ่นระเบิดมาให้คนไทยตะลุมบอนกันเองตามฟอร์ม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ยืนยันชัดเจนว่า การเลือกประธานอาเซียนจะเกิดหลังการเลือกตั้งในประเทศไทย ถึงตอนนั้นใครจะเป็นผู้นำประเทศยังไม่รู้
ที่แน่ๆเป็นนายกฯมาจากการเลือกตั้ง ทั้งแขกทั้งไทยไม่ต้องกังวลไป
และก็เป็นอะไรที่มาตามนัด ตามการเปิดเผยของนายชวน ชูจันทร์ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชารัฐ เปิดคิวในวันที่ 14–15 สิงหาคมนี้ จะเข้ายื่นหนังสือขออนุญาต คสช. ผ่านสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อจัดประชุมพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค
นี่คือจังหวะสำคัญที่ทุกฝ่ายจับตารอความชัดเจนทางการเมือง
เรื่องของเรื่อง ส่วนใหญ่แทงหวยกันหมดแล้ว จับทางจากคิวที่ “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ว่าที่หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่ประกาศโชว์จุดยืนทันทีหลังได้รับโหวตในที่ประชุมพรรค
มั่นใจ รปช.จะได้เป็นรัฐบาลแน่
ขณะนี้ยังไม่ได้คิดล่วงหน้าว่าจะสนับสนุนบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ หากไม่ตัดสินใจอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองใด
โอกาสที่จะถูกเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกอาจเป็นไปได้ยาก
“หม่อมเต่า” โชว์เก๋า ตีกินล่วงหน้า “ลุงตู่” จะเป็นหนึ่งในบัญชีนายกฯพรรคพลังประชารัฐในจังหวะเปิดไพ่หงายยุทธศาสตร์กันเป็นแถว
แนวโน้มแบบที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โหมตำนาน “การเมืองสามก๊ก” เลือกตั้งรอบต่อไปเป็นการสู้กันระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และทหาร คสช.
ตามเงื่อนไขไฟต์บังคับที่เดาทางได้ ถ้า “อภิสิทธิ์” ร่วมวงแห่กระแสกดดันวัดใจให้ประชาชนเลือกระหว่างทหารกับนักการเมืองประชาธิปไตย เดี๋ยวแต้มไหลไปกองที่พรรคเพื่อไทย เข้าทางศัตรูคู่อาฆาตอย่าง “ทักษิณ” ทวงคืนอำนาจ
ประชาธิปัตย์ก็กระดากใจที่จะจับมือ “นายใหญ่”
ขณะเดียวกัน ก็ต้องดักสกัดเตะตัดขา “ลุงตู่” เพราะดูตามรูปการณ์จากโพลที่ยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” เบียดขึ้นมาอยู่อันดับสองรองจากพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์หล่นไปอยู่ที่สาม
ตามเกมที่ต้องกระโดดเกาะ “ลุงตู่” เป็นรัฐบาล ก็ไม่เหลือพลังต่อรอง
ฉะนั้น โอกาสเดียวที่เหลืออยู่ของ “อภิสิทธิ์” จึงต้องสร้างฉากการเมืองสามก๊ก ล็อกสถานะประชาธิปัตย์เป็นตัวแปรสำคัญไว้ก่อน
“อภิสิทธิ์” เจอโจทย์ซับซ้อน ต้องแก้สมการหลายชั้น
ไม่เหมือนฝั่งเพื่อไทยที่เล่นแต้มง่ายๆ “นายใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กับลูกหาบ ตีปี๊บ “วัดใจ” ประชาชน เลือกพรรคเพื่อไทยได้ประชาธิปไตย เลือก “นายกฯลุงตู่” ได้เผด็จการทหาร
แต่นั่นก็ต้องเจอแน่ๆกับมุกสวนจากฝ่ายหนุน “นายกฯลุงตู่”
เลือกทหารไม่โกง ทำบ้านเมืองสงบ การพัฒนาเศรษฐกิจต่อเนื่อง เทียบกับเลือกนักการเมืองที่โหน
ประชาธิปไตยคอร์รัปชัน กลับมาตีกันลากประเทศกลับสู่กลียุคไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ มุกมันทันกัน
ดูเหมือนวันนี้ คสช.ไม่ได้ให้ราคา “ทักษิณ” คุยคำโตจะชนะเลือกตั้งแบบหิมะถล่ม
ในอารมณ์แบบที่ “นายใหญ่” ต้องทิ้งไพ่ให้นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ลูกชาย “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นอมินีรุ่นสามสายตรงตระกูลชิน
บีบเป็นนัย ทำให้ “เจ๊แดง” ยอมเปิด “ยุ้งข้าว” ปล่อยหัวจ่ายท่อน้ำเลี้ยง
ในจังหวะ “นายใหญ่” กับ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บินโฉบมาปักหลักที่ฮ่องกง เปิดโอกาสให้ลูกพรรคเพื่อไทยได้บินไปซ่อมอวยพรวันเกิดครบรอบปีที่ 69
ต้องปล่อยของมัดจำ ก่อนเลือดไหลเอาไม่อยู่.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

หม่อมเต่าปัดเป็นเงาสุเทพ

หม่อมเต่าปัดเป็นเงาสุเทพ
เมินลูกสาวไม่หนุน หน.รปช.
"หม่อมเต่า" นำคณะยื่น กกต.จดตั้ง รปช. ปัดเป็นหุ่นชัก“สุเทพ” ลั่นชู “ประยุทธ์” นั่งนายกฯ อ้างกลบเกลื่อนต้องอยู่ในบัญชีพรรคการเมือง เมิน “หม่อมเต่านา”ลูกสาวประกาศไม่หนุน ชี้เลี้ยงลูกมีความคิดเป็นของตัวเอง
เมื่อ 8 ส.ค. 2561 ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ว่าที่หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมกรรมการบริหารพรรค ยื่นขอจัดตั้งพรรคการเมือง ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีทุนประเดิม 30 ล้าน 3 แสน 5 หมื่น และผู้ร่วมก่อตั้ง 607 คน
ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวว่า จากนี้เป็นขั้นตอนการหาสมาชิกเป็นการภายในจนกว่าจะมีการปลดล็อกทางการเมือง จะขับเคลื่อนกิจกรรมอื่นได้ ส่วนกรณีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งเคยมีกระแสข่าวมาตลอดว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคแต่กลับไม่มีตำแหน่งใดๆนั้น ไม่ได้มีปัญหา โดยนายเอนก บอกว่าจะคอยดูการทำงานของตน
ถามว่าจะชี้แจงอย่างไรเพราะแม้จะเป็นหัวหน้าพรรคแต่อาจถูกมองว่าเป็นได้แค่เงาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฯ ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวว่า ไม่มีใครไปเถียงกับนายสุเทพ เพราะเป็นคนหัวแข็ง ตนก็หัวแข็งเช่นกัน อาจจะนิสัยดีกว่า แต่ในทางเทคนิคตนเป็นผู้มีอำนาจเซ็นชื่อ นายสุเทพเซ็นอะไรก็ไม่เกิด
“สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่แล้ว ไม่ขัดข้อง แต่ต้องมาจากบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เนื่องจากการจะเป็นนายกฯ คนนอกเป็นเรื่องยาก การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเหมือนการเลือกนายกฯ ไปด้วย ถ้าท่านไม่ลงในรอบแรก แล้วมารอบสองจะตอบพรรคที่หนุนท่านและตอบประชาชนได้อย่างไร”
ส่วน ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือเต่านา บุตรสาวออกมาระบุว่า จะไม่สนับสนุนพรรค รปช. ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ บุตรของตนสองคนชอบการเมืองแตกต่างกัน โดย ม.ล.มิ่งมงคล ชอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่วน ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ยืนยันที่จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาหาเสียงในนามพรรคประชาธิปัตย์ทุกวัน จะให้อยู่ดีๆ ปีที่ห้าไปลงพรรคอื่นก็คงไม่รอด
“ไม่เคยถาม เพราะยอมรับการตัดสินใจของลูก จึงไม่คิดว่าเป็นปัญหาที่ ม.ล.มิ่งมงคล ประกาศไม่หนุนพรรคที่เป็นหัวหน้าพรรค แต่สังคมควรมองว่า เป็นเพราะเลี้ยงลูกดีมีความคิดเป็นของตัวเองมากกว่า”

“พิชาย”คนเคยเชียร์ คสช.กลับชิงชัง!!ซัดยุคนี้โกงมากกว่านักการเมืองบริหาร

“พิชาย”คนเคยเชียร์ คสช.กลับชิงชัง!!ซัดยุคนี้โกงมากกว่านักการเมืองบริหาร
ดร.พิชาย คนเคยเชียร์ทหารล้มอำนาจ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ออกอาการชิงชังรัฐบาล ยุค คสช.ขั้นหนัก โพสต์เฟซบุ๊ก อัดเป็นยุคผู้ปกครองผยอง นายทุนเริงร่า ประชารันทด จวกยุคนี้โกงมากกว่านักการเมืองบริหาร กลับอวดอ้างแต่คำพูดหรูๆ สวนความรู้สึกประชาชน ใครจะเชื่อถือ
รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อคืน 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยขึ้นข้อความเริ่มต้นว่า “ผู้ปกครองผยอง นายทุนเริงร่า ประชารันทด คือความจริงของยุคสมัยนี้”
ดร.พิชาย เป็นนักวิชาการคนสำคัญ มีบทบาทการขึ้นเวทีปราศรัยการเมืองต่อต้านอดีตรัฐบาล ดร.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมสนับสนุนฝ่ายทหารเข้ามารัฐประหาร ยึดอำนาจถึง 2 ครั้งในปี 2549 และ 2557
ในโพสต์ของ ดร.พิชาย ได้ระบุข้อความว่า นายทุนบางกลุ่มสยายปีกผูกขาดทางเศรษฐกิจออกไปอย่างกว้างขวาง ภายใต้การเอื้ออำนวยของผู้บริหารประเทศ
องค์การตัวแทนนายทุนการค้า อุตสาหกรรม และการเงิน เป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศแทบทุกนโยบาย
“ผู้บริหารประเทศบางกลุ่มกำลังวางแผนเอาทรัพย์สินรัฐวิสาหกิจ ให้นายทุนใช้ประโยชน์ การทุจริตถูกกล่าวขานว่ามีมากยิ่งกว่ายุคนักการเมืองบริหาร”
ดร.พิชาย ระบุว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษเอาใจนายทุนกันสุดๆ โดยไม่แยแสกับผังเมืองและผลกระทบสิ่งแวดล้อม แถมยังเปิดช่องให้เช่าที่ดินถึง 99 ปี รวมทั้งยกเว้นภาษีอีกหลายประเภท
เขตเศรษฐกิจพอเพียง ที่เอื้อต่อเกษตรกร ไม่ปรากฏให้เห็น แต่ดันมีข่าวว่าจะขึ้นภาษีเกษตรกรสวนออกมา ดูแล้วสิ่งที่ทำ จะส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมยิ่งเพิ่มขึ้น
“คำพูดหรูๆ ที่ออกมา อย่างเช่น ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือ อ้างตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ แล้วบอกว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงนั้น ใครเขาจะเชื่อ เมื่อประสบการณ์จริงที่ชาวบ้านเจอในชีวิตประจำวัน ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่รัฐบาลพูด” ข้อความตอนท้าย ระบุไว้
PEACE NEWS