PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รู้จักรึยังผบ.ตร.คนที่11จักรทิพย์ ชัยจินดา

11.40น.มติกตช.เอกฉันท์ตั้งจักรทิพย์ชัยจินดานั่งผบ.ตร.คนใหม่รอทูลเกล้าฯ-sms inn

////

รู้จัก สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา/แป๊ะ8กก./น.1อีซี่พาส/ จักรทิพย์ชัยจินดา ผบ.ตร.คนที่11คนตัวเล็กเมียรวยอีกแล้ว ทรัพย์สินเป็นพันล้าน
///

นักเลงเรียกเฮีย มาเฟียเรียกพี่ “พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา” แบเบอร์ ผบ.ตร. คนที่11


12ตุลาคม2557ผู้จัดการ

เขาได้รับการสนับสนุนจากพี่ๆทั้งสายทหาร สายตำรวจอีกทั้งปีกการเมืองสายบุรีรัมย์อันเป็นต้นตำรับกลุ่ม “สีน้ำเงิน”ก้าวขึ้นมาเป็น รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง และบริหาร 1 ทำท่าจะสืบต่อเป็น ผบ.ตร.อันดับที่ 11 ในปีหน้า...โดยใครก็ขวางไม่อยู่ เพราะเขาเป็นน้องรัก “พี่ป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ”ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนี้
       
       ยามนี้ถ้าตัดพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.ออกไปพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงและบริหาร 1 เป็นตำรวจที่ถูกสังคมไทยจับจ้องมากที่สุด
       
       ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ซึ่งมีทรัพย์สินมากกมายกว่า 900 ล้านบาท หรือการลงไปคุมคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
       
       เขา-พล.ต.ท.จักรทิพย์ มาจากไหน เส้นทางเติบโตในราชการตำรวจต้องฟันฝ่าอะไรมาบ้างรวมทั้งคำถมที่ว่าเขาร่ำรวยมาจากอะไร วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับนายตำรวจผู้นี้ในอีกแง่มุมหนึ่งซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบ
       
       พล.ต.ท.จักรทิพย์ มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี บิดาคือนายประณีต ชัยจินดา นักธุรกิจคนดังแห่งอ่างศิลา ชลบุรีมีกิจการค้าอาหารทะเลและนายหน้าค้าที่ดินระดับ วีไอพี.แห่งภาคตะวันออก จักรทิพย์มีภรรยาชื่อ ดร.บุษบา ชัยจินดา ทายาทเจ้าของมหาวิทยาลัยศรีปทุม ฐานะความเป็นอยู่จึงเข้าขั้นมีอันจะกิน ส่วนที่มีทรัพย์สินเฉียดพันล้านบาทนั้น ใครคิดว่าปกติหรือไม่ปกติก็แล้วแต่ใครจะคิด
       
       เส้นทางการศึกษาเมื่อจบจากวชิราวุธวิทยาลัย เข้าสอบเตรียมทหารแต่ไม่ติดจึงเอนทรานซ์เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกับนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ปรากฏว่าติดทั้งจุฬาฯและสามพรานแต่เลือกเป็นตำรวจโดยจบนักเรียนนายร้อยรุ่น36 มีเพื่อนประจำรุ่นคนดังก็คือ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ พล.ต.ต.ณรัชต์ เศวตนันท์ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น พล.ต.ต.อิทธิพล ภิริยะภิญโญ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า และพล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช เป็นต้น
       
       ในระหว่างรับราชการยังหาทางก้าวหน้าเรียนต่อปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ จากสหรัฐอเมริกา ศึกษาเพิ่มเติมหลักสูตรการสอบสวนเหตุระเบิดและหลักสูตร เอฟบีไอ.เส้นทางรับราชการส่วนใหญ่อยู่ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ถือเป็นลูกหม้อคนหนึ่งและด้วยอุปนิสัยที่สุขุมรุ่มลึก พูดน้อย กับอ่อนน้อมถ่อมตน มีจิตใจนักเลงแถมยังกล้าได้กล้าเสียจนเป็นที่เข้าตาถูกใจนายตำรวจรุ่นพี่ๆและในระดับผู้บังคับบัญชาเขาจึงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
       
       จนมาถึงยุค “ได้เสีย”นั่นคือสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความวุ่นวายตั้งแต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการเลือกตั้งเมื่อปีพ.ศ.2549 และได้เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งในขณะนั้นพล.ต.ท.จักรทิพย์ ก็ได้รับความไว้วางใจเลื่อนชั้นจากตำแหน่งรอง ผบก.จ.สมุทรสงคราม เป็นเป็น ผบก.สตม.ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ดังปรากฏหลักฐานในการสัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งโดยเปรียบตัวเองว่าเป็นนักกีฬามีรัฐบาลเป็นโค้ช เมื่อโค้ชสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนั้นและเมื่อหมดเวลาเขาสั่งให้ออกจากสนามก็ต้องออก
       
       “ผมเคยทำงานกับท่านทักษิณ มาก่อนรวมทั้งท่านนายกฯอภิสิทธิ์ ด้วยมาถึงสมัยคุณยิ่งลักษณ์ ก็ยังทำหน้าที่แต่ไม่รู้จะอยู่ได้แค่ไหน”พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวในตอนหนึ่ง
       
       เมื่อย้อนกลับไปยังเหตุการณ์การเมืองช่วงปี 2551 อันเป็นยุครัฐบาล “นอมินี”เป็นช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีซึ้งในขณะนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ รับตำแหน่งเป็นผบก.สปพ.(191)มีพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ เป็นผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้วเป็นผบช.น. รัฐบาลถูกต่อต้านจากพันธมิตรและประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างกว้างขวางจนเกิดเหตุการณ์ถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตากระหน่ำยิงใส่ประชาชนอย่างไม่ยั้งเป็นผลให้ “น้องโบว์”น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ถูกกระสุนแก๊สน้ำตาเข้าที่อกเสียชีวิตและยังมีผู้ร่วมอุดมการณ์ล้มตายอีกนับสิบ
       
       ในช่วงนั้นพล.ต.ท.จักรทิพย์ ขยับขึ้นมาเป็นรองผบช.น.โดยมีพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล(ยศในขณะนั้น)เข้ามาทำหน้าที่แทนซึ่งหากพอจำกันได้มีภาพพล.ต.ท.จักรทิพย์ กำลังเข้าช่วยเหลือเหยื่อที่โดนระเบิดขาขาดด้วยการถอดเสื้อช่วยมัดห้ามเลือดให้ ต่อมาผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมได้ตั้งฉายาให้เป็น “สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา”
       
       นั่นคือจุดเริ่มต้นต่อการก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของนายตำรวจผู้นี้อย่างแท้จริง ลองติดตามต่อไปว่าแท้จริงตัวตนของนายตำรวจผู้นี้เขาซ่อนอะไรอยู่ เป็นนักกีฬาทำตามคำสั่งโค้ชอย่างนั้น หรืออ่านเกมใช้ความพริ้วพลิกเข้าหาขั้วอำนาจเพื่อชิงความก้าวหน้า ในห้วงการเปลี่ยนผ่านอำนาจ จากรัฐบาลนายสมชาย มาเป็นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ เข้ามารักษาการณ์แทนพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ซึ่งโดนแรงกดดันจากการออกคำสั่งสลายม็อบ พร้อมๆกับการขยับขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าของพล.ต.ท.จักรทิพย์ โดยได้รับการเสนอชื่อจากพล.ต.อ.ประทีป ให้เป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และปี 2553 ขึ้นมาเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล”สืบต่อจากพล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ 
       
       นับเป็นจังหวะชีวิตที่สู่ความรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง ทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียงและกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์ไปด้วยก็คือบรรดาเพื่อนฝูงนักเรียนนายร้อยตำรวจร่วมรุ่น 36 และยังรวมไปถึงสายพ่อค้านักธุรกิจอันมีทั้ง “สีขาว สีเทา” ซึ่งถือว่าเป็นธรรมดาของตำรวจที่สั่งสมบารมีมานานว่ากันว่าบรรดาเจ้าพ่อเจ้าแม่หรือกลุ่มแก๊งมาเฟียต่างๆล้วนสยบอย่างราบคาบ
       
       จนเข้าสู่ยุค “คืนอำนาจ”ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เมื่อยุบสภาฯเข้าสู่โหมตการเลือกตั้งจนได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะรองนายกฯดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาแฉอภิมหาบ่อนแห่งหนึ่งในนามบ่อนพระราม 9 พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ในฐานะผู้รับผิดชอบและมีภาพชัดว่าอยู่เคียงข้างพรรคประชาธิปัตย์ จึงถูกบีบและย้ายไปเป็น ผบช.ภ.9 มีพล.ต.ท.วินัย ทองสอง หลานเขยพ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมารับตำแหน่ง น.1 แทน
       
       ในระหว่างการบริหารงานของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”สังคมตำรวจมองว่าพล.ต.ท.จักรทิพย์ คงไปไม่ถึงดวงดวงเพราะมองไม่เห็นทางเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะกลับมาสู่อำนาจได้อีก ในระหว่างนั้นมีข่าวเช่นกันว่าพล.ต.ท.จักรทิพย์ มิได้อยู่งอมืองอเท้ายอมรับชะตากรรมอยู่เฉยๆ
       
       กระแสหนึ่งระบุว่าเขาได้เดินทางไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูไบโดยผ่านไปทางตำรวจยศพ.ต.อ. เจ้าของฉายา “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”เจ้าของสโลแกน “ได้ครับพี่...ดีครับผม...เหมาะสมครับท่าน” ซึ่งเป็นบุตรชายของคนใก้ลชิดพล.ต.อ.เสมอ ดามาพงษ์ พ่อตาอดีตนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งสองโดยเที่ยวแรกพ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิเสธให้พบแต่เที่ยวสุดท้ายสามารถเข้าไปเคลียร์ปัญหาคาใจกันได้
       
       เวลาต่อมาในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2555 ก็ได้เลื่อนมาเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.ท่ามกลางความงุนงงของบุคคลในแวดวงสีกากี เพราะสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นพล.ต.ท.จักรทิพย์ ไม่น่าจะรอดจากการถูกดองเค็มไปได้
       
       เมื่อการเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่เครือข่าย “ทักษิณ”เต็มรูปแบบอีกครั้งอีกครั้ง ข่าวคราวของพล.ต.ท.จักรทิพย์ ค่อยๆหายไปแต่หายไปเพียง “ชื่อ”ส่วน “ชั้น”ยังไม่ลดเพดานบินแม้แต่น้อย ยังคง“จ่อคิว”พร้อมเข้าช่วงชิงตำแหน่งสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ทุกขณะ ขอ เพียงแค่ได้รับการสนับสนุนอีกครั้งให้เป็นระดับ รองผบ.ตร.การก้าวสู่ดวงดาวในตำแหน่ง ผบ.ตร.โดยไม่ยากเย็นพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา โผล่มาอีกครั้งเมื่อตอนปลายรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”เช่นการมอบหมายจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผอ.ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.)ให้เป็นหัวหน้าชุดเจรจาขอคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทยจาก กปปส.
       
       หลังวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะทหารยึดอำนาจ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รักษาการณ์ ผบช.น.แทนพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงได้ออกคำสั่งให้พล.ต.ท.จักรทิพย์ จัดชุดเฉพาะกิจตามล่าพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีต สส.พรรคเพื่อไทย เป็นการประเดิม
       
       การแต่งตั้งโยกยายนายตำรวจประจำปีที่ผ่านมาเขาได้รับการสนับสนุนจากพี่ๆทั้งสายทหาร สายตำรวจอีกทั้งปีกการเมืองสายบุรีรัมย์อันเป็นต้นตำรับกลุ่ม “สีน้ำเงิน”ก้าวขึ้นมาเป็น รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง และบริหาร 1
       
       ทำท่าจะสืบต่อเป็น ผบ.ตร.อันดับที่ 11 ในปีหน้า...โดยใครก็ขวางไม่อยู่ เพราะเขาเป็นน้องรัก “พี่ป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ”ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนี้
////
จับตาดาวรุ่งยุทธจักรสีกากี อนาคตผงาด ‘ผบ.ตร.’ 

| เดลินิวส์
16กันยายน2557
หมวด: ออนไลน์ คำสำคัญ: สกู๊ปพิเศษ แต่งตั้งโยกย้าย 

ในที่สุด ก.ตร.ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ได้แต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับ “รอง ผบ.ตร.-ผบช.” ทั่วประเทศทั้งหมด 57 ตำแหน่ง 

ท่ามกลางการลุ้นระทึกของยุทธจักรสีกากี เมื่อตรวจแถวรายชื่อ ให้จับตาไปที่ระดับ รอง ผบ.ตร.งวดนี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน (นรต.35) จเรตำรวจแห่งชาติ สไลด์ออกมานั่งรอง ผบ.ตร.เกษียณอายุราชการ ปี 2562 พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา (นรต.36) ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่จะเกษียณปี 2563 พุ่งพรวดขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ตร.ตัวหลัก ส่วน พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ (กอส.รุ่น 3) ได้นั่งตำแหน่งรองผบ.ตร.ตามที่ศาลปกครองสั่งเยียวยาไปก่อนหน้านี้ จะเกษียณปี 2560  ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ขยับขึ้นเป็น ที่ปรึกษา สบ 10 ติดยศ “พล.ต.อ.” ในอนาคตได้ลุ้นเข้าไลน์ตัวหลักรอง ผบ.ตร.อาทิ พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร (นรต.32) และ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล (นรต.34)  ระดับ ผบช.ที่ก้าวขึ้นมานั่งผู้ช่วย ผบ.ตร.และมีสิทธิ์จะก้าวขึ้นไปชิงดำ ผบ.ตร.ในอนาคต น่าจะเป็น พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ดาวรุ่งนรต.37 ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.แซงเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 ที่โดนไปนั่งจเรตำรวจ (สบ 8)  สำหรับตำแหน่งระดับ ผบช.งวดนี้ต้องยอมรับว่า “เด็กขั้วอำนาจเก่า” โดนย้ายเข้ากรุแทบทุกคน พร้อมกับส่ง “เด็กในคาถา” เป็นที่ไว้วางใจ ของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อนของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นรต.31 ว่าที่ ผบ.ตร.เข้าไปนั่งบัญชาการแม่ทัพภาค ซึ่งมีหลายตำแหน่งที่โผมาพลิกในวินาทีสุดท้าย 

ในการประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ โฟกัสไปยัง ผบช.คนใหม่ ที่อนาคตอาจได้ลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร.ที่ยุทธจักรสีกากีหลายคนใฝ่ฝัน  เริ่มตั้งแต่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล (นรต.35) ว่าที่แม่ทัพนครบาลคนใหม่ พล.ต.ต. มนู เมฆหมอก (นรต.38) อดีตนายเวร พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.งวดนี้ขยับเป็น ผบช.สพฐ.ตำรวจ พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ (นรต.38) รองผบช.ภ.5 ก้าวขึ้นมาเป็น ผบช.สกพ.(สำนักงานกำลังพล)  

วันที่ 1 ต.ค.นี้ พล.ต.อ.สมยศ จะก้าวขึ้นนั่ง ผบ.ตร.คนที่ 10 อย่างเต็มตัว จากนั้นต้องแบ่งงานให้ระดับ รองผบ.ตร.เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ที่ได้ให้ “สัญญาประชาคม” ไว้ตอนที่ได้รับการคัดเลือก เป็น ผบ.ตร.ที่ประกาศว่า “ทำให้ประชาชนรักตำรวจ” ดังนั้นยุทธศาสตร์ดังกล่าว ต้องเร่งขับเคลื่อนทันที พร้อมกับงานความมั่นคง งานฝ่ายปราบปราม ทาง พล.ต.อ.สมยศ จะเลือกใช้รองผบ.ตร.คนใด ยุทธจักรสีกากีทุกคนกำลังจับตา  

อย่าลืมว่า พล.ต.อ.สมยศ นั่ง ผบ.ตร.แค่ปีเดียว หลังจากปี 2558 จะเกษียณอายุราชการ ดังนั้นรอง ผบ.ตร.คนใดที่ยังไม่เกษียณอายุภายในปี 2558 ได้ลุ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.ในอนาคตทันที เพราะ พล.ต.อ.สมยศ คือคนที่จะเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนต่อไป  

เมื่อตรวจดูชื่อรอง ผบ.ตร.ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ต่อจาก พล.ต.อ.สมยศ น่าจะถึงคิว พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ (นบ.รบ.7) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เพื่อนร่วมรุ่น นรต.31 ของ พล.ต.อ.สมยศ 

แต่ให้จับตา พล.ต.ท.จักรทิพย์ ที่จะเกษียณปี 2563 โผนี้ผงาดขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ตร.ชนิดอะไรก็ขวางไม่อยู่ อีกคนก็ไม่ธรรมดา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ที่จะเกษียณปี 2562 ส่วน พล.ต.อ.วุฒิ ที่จะเกษียณปี 2560 ก็ยังได้ลุ้นเช่นกัน  

ส่วนดาวรุ่งที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นคลื่นลูกใหม่ของยุทธจักรสีกากีในอนาคต ให้จับตา พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก และ พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เพราะยังเหลืออายุราชการอีกหลายปี ที่สำคัญได้ลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. แต่จะถึงฝั่งฝันหรือไม่ อยู่ที่ปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวชี้วัด วงการยุทธจักรสีกากีไม่มีอะไรแน่นอน. ทีมข่าวหน้า1-รายงาน“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/article/266778
////

พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา (ชื่อเล่น: แป๊ะ) รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2502 จบการศึกษาจากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย, โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 (นรต.36) ปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาเพิ่มเติมหลักสูตรการสอบสวน (ATF-ILEA) และ หลักสูตร FBIรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

รับราชการโดยเริ่มต้นจากตำแหน่ง นายเวรผู้บังคับการประจำกรมตำรวจ สำนักงานกำลังพล และ สารวัตรแผนกสายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กองกำกับการสายตรวจ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2537-พ.ศ. 2538 ได้ย้ายเข้าสู่กองปราบปรามในตำแหน่งรองผู้กำกับ ในปี พ.ศ. 2539 ได้เป็นนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ (พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา) จากนั้นได้ทำงานในตำแหน่งงานด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะงานด้านปราบปราม เช่น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม, รองผู้บังคับการกองตำรวจน้ำ, รองผู้บังคับการกองปราบปราม, ผู้บังคับการกองตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานแห่งชาติ (ผบก.ตม.ทอช.) เป็นต้น

โดย พล.ต.ท.จักรทิพย์ได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจมือปราบอีกคนหนึ่ง มีผลงานสำคัญ ๆ เช่น เป็นผู้เจรจาให้ปล่อยตัวประกันซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำสมุทรสาคร กับกลุ่มนักโทษแหกคุกชาวพม่า ในปลายปี พ.ศ. 2543 ร่วมกับ พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผู้ช่วย ผบช.ภาค 7-ตำแหน่งและยศในขณะนั้น) เป็นต้น

ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งในอีก 6 วันต่อมา คือ ในวันที่ 7 ตุลาคม นั้นก็ได้เกิดเหตุการการสลายการชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาขึ้น โดยเป็นการสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการชุมนุม 193 วัน โดยตำรวจ ซึ่งในเหตุการครั้งนี้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ได้แสดงความมีมนุษยธรรมโดยการถอดเสื้อของตนเองเข้าพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นฝ่ายพันธมิตรฯด้วย จนได้รับฉายาว่า "สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา"[1]

จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2552 ได้ย้ายเป็นรักษาการ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่ประสานงานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย) ก่อนจะได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 สืบต่อจาก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์

นอกเหนือจากการรับราชการตำรวจแล้ว พล.ต.ท.จักรทิพย์ ยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) อีกด้วย

ข้อมูลส่วนตัว พล.ต.ท.จักรทิพย์ เป็นคนที่ส่วนสูงเพียง 165 เซนติเมตร หนักประมาณ 65 กิโลกรัม ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลรูปร่างเล็ก แต่ทว่าเมื่อแต่งเครื่องแบบแล้วจะพกพาอาวุธปืนขนาดต่าง ๆ พร้อมแม็กกาซีนบรรจุกระสุนและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กุญแจมือหรือไฟฉาย ติดตัวไว้เสมอ ซึ่งรวมกันทั้งหมดมีน้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม จนได้รับฉายาจากบุคคลใกล้ชิดว่า "แป๊ะ 8 กิโล"[2] และได้รับฉายาจากสื่อมวลชนเมื่อปลายปี พ.ศ. 2553 ว่า "น.1 อีซี่พาส" เนื่องจากติดยศ พลตำรวจโท (พล.ต.ท.) อย่างรวดเร็วและเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทั้ง ๆ ที่เพื่อนร่วมรุ่นบางคนยังเป็นแค่สารวัตรเท่านั้น จึงคาดหมายว่าในอนาคต อาจจะได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะมีอายุราชการนานถึง 10 ปี[3]

ต่อมาในรัฐบาลที่มี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ได้ถูกโยกย้ายไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค (ผบช.ภาค 9) โดยมี พล.ต.ท.วินัย ทองสอง เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน[4]

หลังจากรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ในวันที่ 24 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แทนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ศูนย์ราชการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ[5]

ในปี พ.ศ. 2557 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ[6]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

    ///

    ยลโฉมบ้าน 150 ล.“จักรทิพย์-เมีย”สะสมภาพวาด-ปืน 70 ล.-รวย 968 ล.


    วันอังคาร ที่ 07 ตุลาคม 2557 เวลา 20:00 






    ยลโฉมบ้าน 150 ล้าน “จักรทิพย์ ชัยจินดา” รอง ผบ.ตร. สนช.ปี 57 พกปืน 45 กระบอก 4.4 ล้าน สะสมภาพวาดสีอาจารย์ดังอื้อ 66 ล้าน มีบัญชีเงินฝาก “แบงก์ ออฟ อเมริกา” 4 หมื่นดอลลาร์ – ขายพระเครื่อง 4 ล้าน ที่ปรึกษาบริษัท 4.8 แสน - รวยเบ็ดเสร็จ 968 ล้าน

    นอกเหนือจากงบราชการลับ 7.2 แสนบาทของ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ช่วงรับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี 2557 โดยระบุว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดงบลับดังกล่าวได้แล้วนั้น

    (อ่านประกอบ : “จักรทิพย์”โชว์เงินราชการลับ 7.2 แสนในบัญชี ป.ป.ช.-ปัดแจงรายละเอียด)

    พล.ต.ท.จักรทิพย์ ยังครอบครองปืนอีก 45 กระบอก มูลค่ารวมกว่า 4.4 ล้านบาท และพักอาศัยในบ้านของคู่สมรส มูลค่า 150 ล้านบาทอีกด้วย

    สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สนช. เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 แจ้งว่า ดร.บุษบา ชัยจินดา คู่สมรส ครอบครองบ้านเลขที่ 99 หมู่ 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนโฉนดที่ดิน 3 แปลง ได้มาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2543 มูลค่า 150 ล้านบาท


    นอกจากนี้ยังแจ้งครอบครองปืนจำนวน 45 กระบอก มูลค่า 4,406,000 บาท แบ่งเป็น

    1.ยี่ห้อ วันซูสท์ เดี่ยวลูกกรด ขนาด .22 ได้มาวันที่ 15 ต.ค. 2530 50,000 บาท 2.ยี่ห้อ โคลท์ ออโตเมติก ขนาด .45 ได้มาวันที่ 15 ต.ค. 2530 80,000 บาท 3.ยี่ห้อ โคลท์ ออโตเมติก ขนาด .45 ได้มาวันที่ 24 เม.ย. 2532 80,000 บาท 4.ยี่ห้อ สมิธแอนด์เวสสัน รีวอลเวอร์ ขนาด .357 ได้มาวันที่ 6 ก.ย. 2536 40,000 บาท 5.ยี่ห้อ เรมิงตัน เดี่ยวลูกกรด ขนาด .22 ได้มาวันที่ 9 ก.พ. 2537 50,000 บาท 6.ยี่ห้อ มาลิน เดี่ยวไรเฟิล ขนาด .357 ได้มาวันที่ 27 ส.ค. 2538 50,000 บาท 7.ยี่ห้อ มาลิน เดี่ยวไรเฟิล ขนาด .44 ได้มาวันที่ 17 ส.ค. 2538 50,000 บาท 8.ยี่ห้อ เบรานิงค์ ออโตเมติก ขนาด 6.35 ได้มาวันที่ 17 ส.ค. 2538 1.5 แสนบาท 9.ยี่ห้อ ซีแซด ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ได้มาวันที่ 10 ต.ค. 2538 70,000 บาท 10.ยี่ห้อ เบลนาลี เดี่ยวลูกซอง 8 นัด ขนาด 12 ได้มาวันที่ 27 ก.ย. 2538 90,000 บาท

    11.ยี่ห้อ อันชูสท์ เดี่ยวลูกกรด ขนาด .22 ได้มาวันที่ 5 ก.ค. 2538 40,000 บาท 12.ยี่ห้อ เรมิงตัน เดี่ยวลูกซอง 8 นัด ขนาด 12 ได้มาวันที่ 20 พ.ค. 2538 60,000 บาท 13.ยี่ห้อ สมิท รีวอลเวอร์ ขนาด .357 ได้มาวันที่ 13 มิ.ย. 2539 40,000 บาท 14.ยี่ห้อ เอชเค ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ได้มาวันที่ 22 ต.ค. 2543 85,000 บาท 15.ยี่ห้อ โคลท์ ออโตเมติก ขนาด .45 ได้มาวันที่ 16 ก.ค. 2542 70,000 บาท 16.ยี่ห้อ โคลท์ ออโตเมติก ขนาด .45 ได้มาวันที่ 5 ม.ค. 2543 70,000 บาท 17.ยี่ห้อ พาราฯ ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ได้มาวันที่ 2 สิงหาคม 2543 70,000 บาท 18.ยี่ห้อ สมิธแอนด์เวสสัน รีวอลเวอร์ .357 ได้มาวันที่ 22 พ.ค. 2545 50,000 บาท 19.ยี่ห้อ รูเกอร์ รีวอลเวอร์ ขนาด .357 ได้มาวันที่ 5 สิงหาคม 2545 50,000 บาท 20.ยี่ห้อ คาร์ ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ได้มาวันที่ 8 ต.ค. 2545 50,000 บาท

    21.ยี่ห้อ เอส ที ไอ ออโตเมติก ขนาด 9 มม. 16 พ.ค. 2546 2 แสนบาท 22.ยี่ห้อ เอส ที ไอ ออโตเมติก ขนาด .40 ได้มาวันที่ 16 พ.ค. 2546 2 แสนบาท 23.ยี่ห้อ กล็อค ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ได้มาวันที่ 11 ม.ค. 2548 70,000 บาท 24.ยี่ห้อ โคลท์ ปืนสั้น กึ่งอัติโนมัติ .45 มม. ได้มาวันที่ 10 พ.ย. 2552 70,000 บาท 25.ยี่ห้อ ทึกก้า เดี่ยวไรเฟิล ขนาด .223 ได้มาวันที่ 11 ธ.ค. 2552 2.5 แสนบาท 26.ยี่ห้อ เรมิงตัน เดี่ยวไรเฟิล ขนาด .223 ได้มาวันที่ 30 มิ.ย. 2553 90,000 บาท 27.ยี่ห้อ เอส ที ไอ ปืนสั้งกึ่งอัติโนมัติ .45 ได้มาวันที่ 23 เม.ย.2553 1.3 แสนบาท 28.ยี่ห้อ เรมิงตัน เดี่ยวไรเฟิล ขนาด .223 ได้มาวันที่ 28 ก.ค. 2553 90,000 บาท 29.ยี่ห้อ โคลท์ ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ .45 ได้มาวันที่ 2 พ.ย. 2553 90,000 บาท 30.ยี่ห้อ กล็อค ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ ขนาด .45 ได้มาวันที่ 17 มี.ค. 2554 1.5 แสนบาท

    31.ยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ ปืนยาวลูกกรด .22 ได้มาวันที่ 28 มี.ค. 2554 30,000 บาท 32.ยี่ห้อ อินฟีนิตี้ ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ ขนาด .45 ได้มาวันที่ 25 ก.พ. 2554 2.4 แสนบาท 33.ยี่ห้อ อินฟินีตี้ ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ .45 ได้มาวันที่ 25 ก.พ. 2.4 แสนบาท 34.ยี่ห้อ สมิทแอนด์เวสสัน รีวอลเวอร์ .357 ได้มาวันที่ 26 พ.ค. 2554 1 แสนบาท 35.ยี่ห้อ กล็อค ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ได้มาวันที่ 23 พ.ค. 2554 1.6 แสนบาท 36.ยี่ห้อ วอลควอทเซ่น เดี่ยวไรเฟิล .17 ได้มาวันที่ 29 เม.ย. 2554 98,000 บาท 37.ยี่ห้อ เรมิงตัน เดี่ยวไรเฟิล .308 ได้มาวันที่ 10 มี.ค. 2552 60,000 บาท 38.ยี่ห้อ เฮนรี่ ปืนยาวลูกกรด .22 ได้มาวันที่ 21 พ.ย. 2555 38,000 บาท 39.ยี่ห้อ มิตเชล์ ปืนยาวลูกกรด .22 ได้มาวันที่ 26 มิ.ย. 2551 58,000 บาท 40. ยี่ห้อ เอสทีไอ ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ .45 ได้มาวันที่ 9 ต.ค. 2555 2.2 แสนบาท

    41.ยี่ห้อ เอสทีไอ ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ 9 มม. ได้มาวันที่ 9 ต.ค. 2555 89,000 บาท 42.ยี่ห้อ กล็อค ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ 9 มม. ได้มาวันที่ 9 ส.ค. 2548 48,000 บาท 43.ยี่ห้อ กล็อค ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ 9 มม. ได้มาวันที่ 18 มิ.ย. 2557 90,000 บาท 44.ยี่ห้อง กล็อค ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ 9 มม. ได้มาวันที่ 18 พ.ค. 2557 90,000 บาท 45.ยี่ห้อ อินฟินีตี้ ปืนสั้นกึ่งอัติโนมัติ .45 มม. ได้มาวันที่ 26 มี.ค. 2557 2.1 แสนบาท

    นอกจากบรรดาปืน 45 กระบอกแล้ว พล.ต.ท.จักรทิพย์ ยังสะสมภาพเขียนสีของอาจารย์ด้านศิลปะเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 66,490,000 บาท และมีพระบูชาและรูปหล่อหลายองค์ มูลค่ารวม 6.5 แสนบาท

    ทั้งนี้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ แจ้งว่า มีรายได้ทั้งหมด 15,396,307 บาท 

    แบ่งเป็นของ พล.ต.ท.จักรทิพย์ 6,520,120 บาท (เงินเดือน 810,720 บาท, เงินตำแหน่ง 509,400 บาท, เงินราชการลับ 7.2 แสนบาท, รายได้จากการจำหน่ายพระเครื่อง 4 ล้านบาท, เงินค่าที่ปรึกษา ม.ศรีปทุม + บริษัทเอกชนอื่น ๆ 4.8 แสนบาท) 

    ของ ดร.บุษบา ชัยจินดา คู่สมรส (รองอธิการบดี ฝ่ายบริหาร ม.ศรีปทุม) 8,876,187 บาท (เงินเดือน 1,737,663 บาท, เงินตำแหน่ง 144,000 บาท, เงินคืนประกันชีวิต (คู่สมรส) 2 ล้านบาท, ค่าเช่าที่ดิน 2,112,000 บาท, เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 134,524 บาท, ดอกเบี้ยหุ้นกู้,สถาบันการเงิน,หุ้นสามัญ 3 ล้านบาท)

    มีรายจ่ายทั้งหมด 10,290,780 บาท 

    แบ่งเป็นของ พล.ต.ท.จักรทิพย์ 1,760,000 บาท (ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 1,320,000 บาท, ค่าอุปการะบิดามารดา 6 แสนบาท, ค่าต่อทะเบียน,ประกันภัยรถยนต์/จักรยานยนต์ 1.4 แสนบาท) ของ ดร.บุษบา 8,530,780 บาท (ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 2,640,000 บาท, ค่าเล่าเรียนบุตร 8.5 แสนบาท, เงินผ่อนต่าง ๆ 1,534,219 บาท, ค่าต่อทะเบียนฯ 506,561 บาท, ค่าเบี้ยประกันชีวิต 3 ล้านบาท)

    มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 968,370,064 บาท

    แบ่งเป็นของ พล.ต.ท.จักรทิพย์ 87,467,441 บาท (เงินสด 1 ล้านบาท, เงินฝาก 6 บัญชี 3,719,441 บาท (บัญชีแบงก์ออฟอเมริกา 2 บัญชี รวม 4 หมื่นดอลลาร์), เงินลงทุน 2 แห่ง (บมจ.การบินไทย 2 พันบาท, บจ.อุบลชาติ 5 แสนบาท) 502,000 บาท, ที่ดิน 2 แปลง (จ.ระยอง 10 ล้าน ได้มา 4 ส.ค. 57) 14 ล้านบาท, ยานพาหนะ 5 คัน 7,350,000 บาท, ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 70,896,000 บาท

    ของ ดร.บุษบา 870,902,622 บาท (เงินสด 6 ล้านบาท, เงินฝาก 24 บัญชี 89,826,585 บาท, เงินลงทุน 38 แห่ง 175,172,975 บาท, ที่ดิน 84 แปลง 365,218,805 บาท, โรงเรือนฯ 17 หลัง 197,894,257 บาท (บ้านเขตสายไหม จ.กรุงเทพ 150 ล้านบาท), ยานพาหนะ 9 คัน 31.2 ล้านบาท, ทรัพย์สินอื่นฯ 5.5 ล้านบาท (นาฬิกา 3 เรือน))

    มีหนี้สินทั้งสิ้น 6,302,541 บาท เป็นเงินกู้จากธนาคารของ ดร.บุษบา ทั้งหมด

    มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 962,067,522 บาท

    อ่านประกอบ : ป.ป.ช.เล็งสอบ“จักรทิพย์”แจ้งรายได้งบลับ-โชว์สมบัติ“ครม.บิ๊กตู่” 31 ต.ค.

    จับตาคู่ชิง ผบ.ตร.คนใหม่ พรุ่งนี้รู้ชัดใครอยู่ในใจนายกฯ

    กทม. 13 ส.ค. – การประชุม ก.ต.ช.พรุ่งนี้ (14 ส.ค.) จับตา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทั้งสองนายมีโอกาสมากสุดที่จะได้รับคัดเลือกเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในใจนายกรัฐมนตรี ติดตามจากรายงานของทีมข่าวอาชญากรรม
    13-8-2558 19-44-35
    พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อาวุโส อันดับ 1 วันนี้ยังปฏิบัติหน้าที่ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายประชุมคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา รองเอกถูกจับตามีโอกาสถูกเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ แต่มีกระแสข่าวว่าถูกเสนอชื่อไปเป็นปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อาวุโสอันดับ 5 ช่วง 2-33 วันนี้ ชื่อรองจักรทิพย์ ถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่าพร้อมทำหน้าที่ เนื่องจากมีความรู้ความสามารถ แต่ยอมรับเรื่องอาวุโสน้อยอาจเป็นอุปสรรค
    นอกจากนี้ยังมีรอง ผบ.ตร.อีก 3 คน คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ปีนี้ด้วย
    การประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) พรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วาระสำคัญคือคัดเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ จับตา พล.ต.อ.จักรทิพย์ หรือบิ๊กแป๊ะ ตำรวจสายบู๊ ที่มีแรงสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชาและฝ่ายการเมือง มีผลงานสำคัญ เช่น คดีคาร์บอมบ์เกาะสมุย ฆ่านักท่องเที่ยวเกาะเต่า และฆ่าพระหมอที่อุดรธานี รองจักรทิพย์ได้รับการขนานนามเป็น “มือประสาน 10 ทิศ” ติดตรงมีอาวุโสน้อยสุด  และเหลืออายุราชการมากถึง 5 ปี
    13-8-2558 19-47-26
    รองเอก เคยเป็นคู่แคนดิเดต กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่พลาด จนมีข่าวลืออาจสลับกันเป็น  ผบ.ตร.คนละปี วันนี้ ถูกจับตาเพราะอาวุโสอันดับ 1 ตอกย้ำด้วยเป็นรุ่นน้องโรงเรียนวัดนวลนรดิศ โรงเรียนเดียวกับนายกรัฐมนตรี แต่จุดสะดุดคือ ไม่ได้เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ
    นาทีนี้เทียบชั้นเชิง รองเอก กับรองจักรทิพย์ ถือว่าสูสี อยู่ที่ใครจะอยู่ในใจนายกรัฐมนตรี คว้าตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 11. – สำนักข่าวไทย