PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สหรัฐฯเตือนไทยต้องคืนสู่ปชต.เพื่อความสัมพันธ์อันรุ่งเรืองระหว่างสองชาติ


สหรัฐฯเตือนไทยต้องคืนสู่ปชต.เพื่อความสัมพันธ์อันรุ่งเรืองระหว่างสองชาติ

โดย: MGR Online

เอพี - ทูตระดับสูงสหรัฐฯด้านกิจการเอเชียตะวันออก บอกกับเหล่าผู้นำของไทยระหว่างหารือกันในวันพุธ(16ธ.ค.) ว่าไทยจำเป็นต้องคืนสู่ประชาธิปไตยเพื่อคืนความสัมพันธ์อันรุ่งเรืองระหว่างสองชาติที่เป็นพันธมิตรกันมาช้านาน
นายแดเนียล รัสเซลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกันฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออก พบปะกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆของไทยเมื่อวันพุธ(16ธ.ค.) ท่ามกลางความกังวลของสหรัฐฯต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนภายใต้รัฐบาลทหารที่กัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ
ในรายงานของเอพีระบุว่ากองทัพไทยเข้ายึดอำนาจด้วยการก่อรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2014 และจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงอออก ขณะที่การเลือกตั้งรอบใหม่คาดหมายว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนปี 2017
"ผมมีโอกาสแบ่งปันความกังวลของเราในบางประะเด็นอย่างเฉพาะเจาะจงกับท่านนายกรัฐมนตรี" รัสเซลล์แถลงกับผู้สื่อข่าว "เขารับฟัง ผมเชื่อและจะรายงานกลับไปยังวอชิงตันว่าคำพูดของผมได้รับการรับฟังด้วยความเคารพ และแน่นอนว่าผมเองก็รับฟังด้วยความตั้งใจต่อคำอธิบายสถานการณ์ทางการเมืองของท่านนายกรัฐมนตรีและโรดแมปคืนไทยสู่ประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ของเขา"
สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างคำกล่าวของนายนายอภิชาติ ชินวรรโณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่แถลงข่าวร่วมกับนายรัสเซล ระบุว่าสองฝ่ายยังได้มีการหารือในประเด็นอื่นๆแยกกัน ซึ่งจะเปิดทางให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันในด้านต่างๆ ในนั้นรวมถึงด้านสาธารณสุข บรรเทาภัยหายนะและต่อสู้กับปัญหาค้ามนุษย์ พร้อมระบุว่าทั้งสองชาติพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาและปราศจากอคติยาวนานเกือบ 6 ชั่วโมง ในบรรยากาศที่เป็นมิตรและอบอุ่น 
ทั้งสองฝ่ายกล่าวว่าตามหลังการพบปะกันครั้งนี้ พวกเขาจะเดินหน้าในความพยายามกระชับความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 182 ปี แต่รัสเซลล์ย้ำว่าไทยต้องคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์ระหว่างสองฝ่าย
"ผมใส่ใจความสัมพันธ์ระหว่างเรากับไทยอย่างมาก ผมใส่ใจอย่างยิ่งต่อประเทศไทย และต้องการเดินหน้าทำงานร่วมกันและขยายความร่วมมือระหว่างเราในช่วงหลายขวบปีข้างหน้า" รัสเซลล์กล่าว "อย่างที่ผมเคยแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้ว เราต้องการเห็นไทยประสบความสำเร็จ ในนั้นรวมถึงความสำเร็จในการคืนสู่ประชาธิปไตย ซึ่งจะช่วยให้เราตระหนักถึงศักยภาพแห่งความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมนี้มากขึ้น" เขากล่าว
ระหว่างเดินทางเยือนไทยคราวก่อนเมื่อเดือนมกราคม 2015 นายรัสเซลล์ ประณามการการจำกัดประชาธิปไตยของคณะรัฐประหารและเข้าพบกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่นาน ก่อนหน้าที่กองทัพจะขับไล่รัฐบาลของเธอ
พฤติกรรมของนายรัสเซลล์ในตอนนั้น กระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าผู้สนับสนุนคณะรัฐประหาร และสื่อมวลชนไทยบางส่วนตราหน้านักการทูตอาวุโสรายนี้ว่า ""ugly American." ส่วนรัฐบาลไทยก็ประท้วง โดยบอกว่าเขาสร้างบาดแผลทางใจแก่คนไทย
การเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ของนายรัสเซลล์ มีขึ้นขณะที่นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย กำลังตกอยู่แก่นกลางของเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน ตามหลังออกมาตำหนิการปราบปรามผู้เห็นต่างของคณะรัฐประหาร
เอพีระบุว่าตำรวจได้รับแจ้งความจากเหล่าผู้จงรักภักดีต่อสถาบัน ที่กล่าวหานายเดวีส์ หมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์ ระหว่างที่เขากล่าวบรรยายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับบทลงโทษที่ยาวนานภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

เคอร์รีโดนปูตินตบหน้าตั้งแต่ยังไม่ถึงรัสเซีย

เคอร์รีโดนปูตินตบหน้าตั้งแต่ยังไม่ถึงรัสเซีย
นายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้วางแผนเยือนรัสเซียตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาโดยหวังว่าจะได้คุยปัญหาที่สำคัญในความสัมพันธ์สหรัฐฯ-รัสเซียซึ่งก็คือปัญหายูเครนและปัญหาซีเรีย แต่ทว่าก็ได้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันเล็กน้อยที่สามารถสะท้อนความสัมพันธ์อันซับซ้อนของทั้งสองได้อย่างดี ปัญหาที่ว่านี้ก็คือปูตินจะยอมพบกับเคอร์รีหรือไม่?
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมาโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ประกาศถึงแผนการเยือนรัสเซียของจอห์น เคอร์รี แต่ทว่าจากนั้นไม่นานโฆษกเครมลินก็ได้แจ้งอย่างไม่ไว้หน้าว่าเรื่องที่ปูตินจะยอมเข้าพบกับเคอร์รีหรือไม่นั้นยังคงไม่แน่นอนเพราะต้องดูก่อนว่าการพูดคุยของเคอร์รีกับเซอร์เก ลาฟรอฟนั้นเป็นอย่างไร
สำนักข่าวฝรั่งเศสได้รายงานโดยอ้างอิงถึงคำพูดของดมิตรี เพสคอฟ เลขานุการด้านสื่อของประธานาธิบดีปูตินว่า "การเยือนรัสเซียของเคอร์รีนั้นเป็นไปตามคำเชิญของเซอร์เก ลาฟรอฟรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ดังนั้นคนที่จะพูดคุยกับเขาก็คือ เซอร์เก ลาฟรอฟ”
จนกระทั่งถึงวันที่ 14 ซึ่งเป็นวันก่อนหน้าที่เคอร์รีจะเยือนรัสเซียเพียงวันเดียว เพสคอฟถึงได้ออกมายืนยันว่าปูตินจะพูดคุยกับเคอร์รีและผู้รับผิดชอบของทั้งสองฝ่ายจะเป็นคนรายงานผลการพูดคุยดังกล่าว
สื่อต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่กระอักกระอ่วนของรัสเซียและสหรัฐฯรวมถึงความสลับซับซ้อนในความสัมพันธ์ของสองฝ่าย
ส่วนเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นต่างกันมากที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องปัญหาซีเรียรวมถึงปัญหาการโจมตีไอเอส เพราะการปฏิบัติการโจมตีไอเอสของทั้งสองฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างทำไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แถมยังมีการตำหนิกันอยู่บ่อยครั้ง
โดยสหรัฐฯกล่าวว่ารัสเซียเอาการโจมตีไอเอสมาอ้างเพื่อโจมตีกลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ส่วนรัสเซียก็บอกว่าชาติพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯเอาการโจมตีไอเอสมาบังหน้าการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด นอกจากนี้สหรัฐฯยังเห็นว่าอัสซาดควรลงจากเวทีแต่รัสเซียมองว่ารัฐบาลอัสซาดเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับรัฐอิสลาม
อย่างไรก็ดีสหรัฐฯออกตัวว่าอยากให้การเยือนรัสเซียของเคอร์รีในครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศพัฒนาไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น
มีหลายคนให้ความเห็นว่าถึงแม้ทั้งสองฝ่ายจะมีความขัดแย้งกันในหลายๆเรื่องแต่ตอนนี้ก็เริ่มมีสัญญาณความเป็นไปได้ถึงการลดความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายออกมาบ้างเล็กน้อย ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับไอเอสและกระบวนการทางการเมืองในซีเรีย
โดยเคอร์รีได้พูดเมื่อไม่นานมานี้ว่าที่เขาไปเยือนมอสโกนั้นก็เป็นเพราะว่าการยับยั้งปัญหาความขัดแย้งในซีเรียของรัสเซียนั้น “กำลังมีผลในเชิงสร้างสรรค์”
มีผู้วิเคราะห์ว่า สหรัฐฯกับรัสเซียจะยอมประณีประนอมหรือทำข้อตกลงในเรื่องวิกฤตซีเรียได้หรือไม่ รวมถึงจะผลักดันให้เกิดการประชุมในนครนิวยอร์คในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ได้หรือไม่นั้นคือภารกิจหลักในการเยือนของเคอร์รีในครั้งนี้

“เจ๊เกียว” กรี๊ด รถทัวร์ทยอยเจ๊ง ลดค่าตั๋วช่วยไม่ได้ ไอเดีย “บัสโลว์คอสต์” แป้ก คนไม่ขึ้น แห่ซบสายการบินโลว์คอสต์” นั่งรถตู้


“เจ๊เกียว” กรี๊ด รถทัวร์ทยอยเจ๊ง ลดค่าตั๋วช่วยไม่ได้ ไอเดีย “บัสโลว์คอสต์” แป้ก คนไม่ขึ้น แห่ซบสายการบินโลว์คอสต์” นั่งรถตู้ ย้ำชัดปรับลดไปแล้วบางสาย 20% ก่อนดีเซลลด ถามให้ทำอย่างไร เอาที่ไหนไปจ่ายค่าอะไหล่ เคยวิ่ง 4 เที่ยว เหลือ 1 เที่ยวต่อวัน คาดปีหน้ากิจการรถโดยสาร ตายกันระนาว ขณะที่เรือคลองแสนแสบ ประเดิมลดค่าตั๋วแล้ว 1 บาท...
จากราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะสัปดาห์นี้ ลดลงถึง 2 ครั้ง รวมราคาลดลง 1.10 บาทต่อลิตร ล่าสุดอยู่ที่ 20.64 บาทต่อลิตร ซึ่งผู้บริโภคต่างคาดหวังผู้ประกอบการขนส่งประเภทต่างๆ จะปรับราคาค่าโดยสารลง โดยเฉพาะราคาค่าโดยสารรถร่วม บขส. มีการพุ่งเป้าไปยัง นางสุจินดา เชิดชัย หรือ "เจ๊เกียว" ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่ง และเจ้าของกิจการอู่ต่อรถทัวร์และบริษัทเดินรถ เชิดชัย ที่ใหญ่ที่สุด
ล่าสุดทีมไทยรัฐออนไลน์ พยายามโทรสอบถามไปยังเจ๊เกียว ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา หลังราคาน้ำมันดีเซลลดลงต่อเนื่อง ปรากฏไม่สามารถติดต่อได้ มีทั้งให้คนใกล้ชิดรับโทรศัพท์ บอกเจ๊เกียว ติดธุระ และไม่มีการรับสาย กระทั่งวันนี้ (17 ธ.ค.) ประสบความสำเร็จ เจ๊เกียว เปิดใจว่า ได้ประสานไปยังผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ให้ลดราคาค่าโดยสาร 20% ก่อนน้ำมันดีเซลลดราคาลง เพื่อปรับกลยุทธ์ไปเป็น "บัสโลว์คอสต์" ดึงดูดผู้โดยสาร แข่งขันกับสายการบินโลว์คอสต์ โดยในส่วนของเชิดชัย ได้ปรับลดราคาค่าโดยสารไปแล้วบางเส้นทาง แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ไม่มีผู้โดยสารเพิ่ม
“ลดค่าตั๋วลงไปแล้ว ก่อนดีเซลลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีคนขึ้น แล้วจะให้ลดราคาตั๋วอีกหรืออย่างไร จากรถเคยวิ่ง 4 เที่ยว เหลือ 1 เที่ยวต่อวัน จะเอาที่ไหนเป็นค่าบริหาร ค่าซ่อมรถ ค่ายาง ค่าอะไหล่ และอีกหลายอย่าง เพราะคนแห่ไปใช้บริการสายการบินโลว์คอสต์หมด แต่ตอนนี้โชคดีที่เครื่องบินโลว์คอสต์ ได้มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ ไม่ให้ดัมพ์ราคากันมาก ก็หวังว่าผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางจะดีขึ้น แต่กลับเป็นว่า เขาไปนั่งรถตู้ นั่งรถส่วนตัวไปกัน จนตอนนี้เจ๊งกันหมดแล้ว”
เจ๊เกียว ระบุว่า ปัจจุบันผู้โดยสารรถโดยสารประจำทาง หายไป 70 กว่า% มองว่าปีหน้าผู้ประกอบการจะประสบปัญหาหนักมากกว่าปีนี้ หลายรายอยู่ไม่ได้ต้องปิดกิจการ ขายรถให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ไป โดยช่วยเหลือรับซื้อแต่ซื้อในราคาที่ถูก ดังนั้นการที่ค่าโดยสารลดราคาหรือไม่ลดราคา ไม่แตกต่างกัน เพราะวันนี้แทบไม่มีผู้โดยสาร
พร้อมทิ้งท้ายว่า "จะให้เจ๊เกียวทำยังไง ใครๆ ก็พุ่งเป้ามาที่เจ๊ อาจเป็นเพราะเป็นคนเก่าแก่ในวงการรถบขส.มั้ง พอน้ำมันลดก็มาถามเจ๊เกียวทุกครั้ง จะลดราคาค่ารถหรือเปล่า ตอนนี้ก็ยังดูแลพนักงานทุกคนเหมือนลูกหลาน ไม่ทิ้งกัน แม้สถานการณ์รถโดยสารประจำทางไม่ดี กิจการแย่ลง ส่วนเจ้าอื่นที่มีรถไม่กี่คัน เค้าเจ๊งกันหมดแล้วตอนนี้ คิดว่าปีหน้าตายมากกว่านี้แน่ จึงอยากขอความเห็นใจบ้าง ไม่ใช่น้ำมันลด ก็จะให้ลดค่าตั๋วกันตลอด”
ขณะที่ นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือเดินประจำทาง เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมมีมติให้มีการปรับลดอัตราค่าโดยสารเรือโดยสารที่ให้บริการทั้งในคลองแสนแสบ และในแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลได้มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 20.64 บาทต่อลิตร ซึ่งตามเงื่อนไขที่กรมเจ้าท่าและผู้ประกอบการตกลงร่วมกันนั้น กำหนดว่า หากราคาน้ำมันลดลงถึงระดับ 20 บาทต่อลิตร จะต้องมีการปรับลดอัตราค่าโดยสารลง โดยจะมีการติดตามราคาน้ำมันให้ทรงตัวประมาณ 7 วัน ก่อนที่กรมเจ้าท่าจะมีการประกาศเพื่อบังคับใช้จากวันที่มีมติ 10 วัน
       
มีรายงานว่า บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จํากัด ผู้ให้บริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบ ได้มีการปรับลดค่าโดยสารลงระยะละ 1 บาท ซึ่งมีอัตราใหม่เริ่มต้น 7-17 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. นี้ ส่วนของ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ผู้ให้บริการเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา และเรือโดยสารข้ามฟาก จะมีการปรับลดอัตราค่าโดยสารเรือเจ้าพระยาลงระยะละ 1 บาท ส่วนของเรือโดยสารข้ามฟากจะมีการปรับลด 0.50 บาท ทันทีที่มีประกาศจากกรมเจ้าท่า.

สปท.ใช้ยาเเรง ชงคุณสมบัตินักการเมืองเข้ม คุกกลุ่มทุนแจกเงินพรรค10ปี-ปรับ50ล้าน




http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14503198931450319916l.jpg

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า การที่กมธ.การเมืองฯได้เตรียมทำความเห็นและข้อเสนอแนะประเด็นการปฏิรูปด้านการเมือง เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ในสัปดาห์หน้านั้น

มีประเด็นสำคัญที่จะทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลง คือ ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกระดับ จะต้องมีการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ให้มีความเข้มข้นกว่าที่เคยกำหนดเพื่อช่วยคัดกรองบุคคลในเบื้องต้นก่อนที่จะให้ประชาชนเลือกตั้ง
เช่น คนที่มีประวัติถูกไล่ออก หรือปลดออกจากราชการและทุจริตต้องไม่มีสิทธิ์ลงสมัคร รวมทั้งคนที่เคยถูกศาลพิพากษาลงโทษเพราะทุจริตการเลือกตั้ง หรือคนที่มีประวัติไม่น่าไว้วางใจในความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต้องแสดงและแจ้งความจำนงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ก่อนประกาศเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ปีเพื่อให้ประชาชนพิจารณาตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติเสียก่อน 

"นอกจากนี้ ต้องเปิดเผยการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนและคู่สมรสโดยละเอียด นี่เป็นมาตรการที่เข้มข้นในส่วนหนึ่งและยังมีส่วนอื่นๆ อีกด้วย แต่ที่สำคัญหากในขณะที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง มีการกระทำผิดขึ้นมา จะต้องกำหนดบทลงโทษผู้รับสมัครเลือกตั้งที่กระทำการทุจริตให้รุนแรงและเด็ดขาด เช่น การตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต กำหนดบทลงโทษทางอาญาที่รุนแรง ให้มีโทษจำคุก 1-10 ปีโดยไม่มีการรอลงอาญาและให้มีอายุความ 20 ปี กำหนดให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองร่วมกันป้องกัน ไม่ให้เกิดการกระทำผิดต่อกฎหมายการเลือกตั้งและให้ร่วมรับผิดชอบในการกระทำทุจริตเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค

หากเป็นการกระทำผิดของหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคให้ลงโทษตัดสิทธิ์ทางการเมืองกับผู้กระทำผิดตลอดชีวิต และห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมือง หากอยู่เบื้องหลังการเมืองให้มีโทษจำคุก 10 ปี และห้ามรอลงอาญา หากต้องมีการเลือกตั้งใหม่ด้วยเหตุมีทุจริตเลือกตั้งให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองนั้นรับผิดชอบชดใช้ค่าเลือกตั้งใหม่จะต้องมีการฟ้องร้องและบังคับให้ได้ผลจริงโดยเร็ว"นายวันชัย กล่าว

นายวันชัย กล่าวอีกว่า กำหนดบทลงโทษนายทุนหรือกลุ่มทุนที่แจกเงินให้ทุกพรรคการเมืองให้มีโทษจำคุก 10 ปี โดยไม่มีการรอลงอาญาและมีโทษปรับไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท และให้ผู้ที่นำหลักฐานมาเปิดเผยได้รับเงินค่าปรับดังกล่าว 
กำหนดบทลงโทษทางอาญาที่รุนแรงกับนักการเมืองที่รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนจากพรรคการเมือง กลุ่มทุน หัวหน้ากลุ่มเพื่อนำไปใช้หาเสียงหรือซื้อเสียง มีบทลงโทษทางอาญาที่รุนแรงกับคนที่เป็นหัวคะแนนที่รับเงินหรือผลประโยชน์ไปซื้อเสียง รวมทั้งผู้รับเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้สมัครหรือบุคคลใดเป็นค่าตอบแทนก็ต้องได้รับโทษทางอาญาหนักเช่นกัน

และให้มีบทลงโทษทางอาญาอย่างรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือกระทำการให้คุณให้โทษผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นอย่างไรก็ตาม ยังมีการเสนอแนวทางเกี่ยวกับระบบพรรคการเมืองการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมการกำกับควบคุมและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองโดยเป็นแนวทางที่จะเป็นการแก้ปัญหาทางการเมืองในระยะที่จะมีการเลือกตั้งครั้งหน้าและในระยะยาวบางเรื่องเป็นมาตรการที่จะต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ บางเรื่องจะต้องไปเขียนไว้ในกฎหมายลูก บางเรื่องเป็นเรื่องของการรณรงค์ปรับเปลี่ยนกระบวนการ วิธีการ ตลอดจนการสร้างจิตสำนึกใหม่ๆให้เกิดขึ้นซึ่งจะต้องทำควบคู่กันไป

ทหาร พล.ม.2 รอ.คุมเข้ม ปีใหม่ เข้มเขตราชเทวี-ปทุมวัน พื้นที่ท่องเที่ยว จัด Count down

(16/12/58)

ทหาร พล.ม.2 รอ.คุมเข้ม ปีใหม่ เข้มเขตราชเทวี-ปทุมวัน พื้นที่ท่องเที่ยว จัด Count down วอนประชาชน ช่วยเป็นหูตา โดยเฉพาะ เจ้าของสถานที่ สังเกตุชาวต่างชาตืด้วย อย่าปกปิด/ บิ๊กแก้ว ขอให้มั่นใจมาตรการดูแล เที่ยวปีใหม่ให้มีความสุข
บิ๊กแก้ว พลตรี เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ม.2รอ.) ได้ประชุม ส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการวางมาตรการ ดูแลรักษาความสงบ ในพื้นที่โซนเศรษฐกิจใจกลางเมืองช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งการจัดระเบียบรถตู้ รถโดยสารสาธารณะ ต่างๆ โดยมี นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร ผอ.สำนักการขนส่งผู้โดยสาร
กรมการขนส่งทางบก ร่วมด้วย
พลตรีเฉลิมพล กล่าวว่า พื้นที่รับชอบของ พล.ม.2รอ.มีอยู่ 12 จุด โดยพื้นหลักคือ เขตราชเทวี กับเขตปทุมวัน ซึ่งตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเน้นการดูแลในสองลักษณะ คือ 1.ดูแลความปลอดภัย 2.อำนวยความสะดวกให้ประชาชน
สำหรับการดูแลความปลอดภัย นั้น ทางทหารจะพิจารณาจุดที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก ในจุดนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตราอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่รปภ.ของอาคารสถานที่นั้นๆ และปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พร้อมทั้งมีการติดตั้งกล้อง CCTV ติดป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนเป็นหูเป็นตาถ้าพบสิ่งผิดปกติก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ดังนั้น มาตรการต่างๆ เหล่านี้สามารถช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ได้
ส่วนการดำเนินการช่วงปีใหม่ นั้น เราได้กำหนดความเร่งด่วนตามความหน่าแน่นของพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะ
"เรามั่นใจในมาตรการที่วางไว้ และสามารถดูแลควบคุมสถานการณ์ได้ "พลตรี เฉลิมพล กล่าว
ขณะเดียวกันพื้นที่เขตราชเทวี กับเขตปทุมวันนั้น ถือเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง เราจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อรักษาความปลอดภัย
เมื่อถามถึง ในพื้นที่ต่างชาติอาศัย เช่น เขตสาธร จะมีมาตรการอย่างไร พล.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า เราจะพิจารณาจากที่พักของชาวต่าชาติ ซึ่งเราลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งทาง ตม.จะมีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยง เช่น จากข่าวว่าประเทศใดมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ แล้วมีชาวต่างชาตินั้นอยู่ หรืออาจเป็นพื้นที่เสี่ยงในการก่อเหตุ
ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่เราก็จะมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ทำนองเดียวกันทางทหาร ได้ประสานงานกับ ตม.อีกด้วย โดยมีการประสานงานข้อมูลกันตลอด เพราะจะมีข้อมูลชัดเจน เช่น เข้าเมืองวันใด พักกี่วัน
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าชาวต่างชาติเข้ามาแล้วไม่กลับ ทาง ตม.ก็มีข้อมูล
พลตรี เฉลิมพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราไม่ทราบข้อมูลก็เพราะทางสถานประกอบการไม่ยอมให้ข้อมูลชาวต่างชาติที่เข้ามาพักพิง แต่ช่วงหลังก็ได้รับความร่วมมือมาก แถมผู้ประกอบการยังโทรมาบอกข้อมูลว่ามีชาวต่างชาติมาพักอาศัย เพราะฉะนั้นเราจะสามารถคัดกรองสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้
อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องพัฒนามาตรการต่างๆไปตามสถานการณ์ เนื่องจากภัยคุกคามที่ไม่ปรากฎ แต่ปัจจุบันมีความชัดเจน และคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
เมื่อถามว่า มาตรการต่างๆ ที่วางไว้ ประชาชนจะมั่นใจว่าจะฉลองปีใหม่ได้อย่างมีความสุข ผบ.พล.ม.2รอ.กล่าวว่า ตนมั่นใจ ในสภาพที่เป็นอยู่โดยการดำเนินการของสถานประกอบการ การเดินทางต่างๆ รวมไปถึงการจัดงานต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ตามปกติ เพราะแต่ละสถานที่ทางผู้จัดงานก็จะหารือกับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เช่น จัดงานเคาท์ดาวน์ฉลองปีใหม่ในพื้นที่ใด ทางเจ้าของสถานที่จะรู้ว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เพราะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของตนเอง และก็ยังประสานงานร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อีกด้วย
สำหรับพื้นที่สาธารณะ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปดูแลดังนั้น และขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อีกแรงหนึ่ง ถ้าเห็นสิ่งใดผิดปกติต้องแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พร้อมปฏิบัติงานเสมอ" พล.ต.เฉลิมพล กล่าว

เตรียมแถลงผลสอบเสร็จ ราชภักดิ์ สัปดาห์หน้า

เตรียมแถลงผลสอบเสร็จ ราชภักดิ์ สัปดาห์หน้า บิ๊กช้าง อุบ แนวโน้มผลสอบ พบใครผิดหรือไม่ รอนำเรียน บิ๊กป้อม ก่อน เผย จบไม่จบ แล้วแต่สื่อ
บิ๊กช้าง พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม ในฐานะ ปธ.กรรมการสอบข้อเท็จจริง "อุทยานราชภักดิ์"เผย สรุปผลสอบสัปดาห์หน้า นำเสนอ รมว.กห.แล้วจะแถลงข่าว ยังไม่สามารถบอกแนวโน้มได้ว่า มีใครผิดหรือไม่ หรือระดับใด ส่วนผลออกมา จะจบหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ บอก แล้วแต่สื่อ
ทั้งนี้ พลเอกชัยชาญ ร่วมคณะ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เยือนลาว 17-18ธค. ประชุมคณะกรรมการชายแดนGBC พร้อม ปลัดกห. ผบ.สส. เลขาฯสมช. เสธ.ทหาร ด้วย แต่ พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ไม่ได้ร่วมคณะ

บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร พี่ใหญ่ คสช. ปฏิเสธข่าว คสช.ตั้งพรรคการเมือง



พรรค คสช. !!!
บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร พี่ใหญ่ คสช. ปฏิเสธข่าว คสช.ตั้งพรรคการเมือง โอย ไม่มีหรอก ไม่ใครในคสช. หรอก ทั้งผม และพลเอกประยุทธ์ นายกฯ ไม่เคยคิด ไม่เอา ไม่ไหวแล้ว พอแล้ว นี่ทำให้ประเทศชาติ ก็เหนิ่อยแย่แล้ว เราไม่ต้องการอำนาจ
ส่วนใครอยากตั้งพรรคเชิญเลย ตามอุดมการณ์อะไร ใครจะตั้งเชิญ แต่ไม่มีผม เอาเลยใครจะตั้งให้ประชาชนเลือก
"ไม่เคยมีในสมอง เรื่องตั้งพรรคคสช.ด่าพวกมโน คิดไปเองทั้งนั้น ด่าพวกมโน คิดไปเองทั้งนั้น แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว"
ยืนยันว่า ไม่มีคนใกล้ชิด ไปตั้ง และไม่มีใครเคยมา เสนอแนวคิดตั้งพรรค เพราะรู้ว่า เราไม่เอา ยันว่าไม่มี แม้แต่การสนับสนุนแบบเงียบๆ เพราะนี่ขนาดทำเปิดเผยก็ยังถูกซัดโน่นนี่ตลอดเลย
บอกนักการเมืองไม่ต้องมาหวาดเกรง ไม่อยากมีอำนาจ แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้ว แค่นี้เหนิ่อยแล้ว การเมืองคงไม่หวาดเกรง เขาอยากจะเล่นกันแล้ว แต่ขอทำพื้นฐานให้มันดีก่อน ทำปชต.ให้เป็น ปชต.ที่ชัดเจน ก่อน ทำรัฐธรรมนูญให้ดี แล้วเดินตามโรดแมพ เลือกตั้ง ยึดตามรธน. เพราะต้องมีกติกา
ส่วนการให้พรรคการเมืองประชุมพรรคนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า คงไม่ได้หรอก เพราะเดี๋ยวก็ไปประชุมที่นั่นที่นี่ ใครจะไปดูแลไหว แต่ก็แล้วแต่ หัวหน้า คสช.

"พลเอกประวิตร" เผย หากผลสอบ"ราชภักดิ์" ของกห.ไม่เคลียร์ ก็ให้ สตง.-ปปช. สอบต่อ


"พลเอกประวิตร" เผย หากผลสอบ"ราชภักดิ์" ของกห.ไม่เคลียร์ ก็ให้ สตง.-ปปช. สอบต่อ ยันไม่หนักใจ สั่งให้แถลงผลสอบฯ /ด้าน บิ๊กช้าง "พลเอกชัยชาญ" ร่วมคณะบิ๊กปัอม เยือนลาว เผย เตรียมแถลงผลสอบเสร็จ "ราชภักดิ์"สัปดาห์หน้า บิ๊กช้าง อุบ แนวโน้ม พบใครผิดหรือไม่ รอนำเรียน บิ๊กป้อม ก่อน เผย จบไม่จบ แล้วแต่สื่อ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ/รมว.กห. กล่าวว่า ยังไม่ได้รับทราบผลสอบ อุทยานราชภักดิ์ ยังไม่เสร็จ ต้องให้เวลาเขา
แต่หากสรุปผลแล้ว ผมจะให้ พลเอกชัยชาญ ปธ.สอบ"ราชภักดิ์"แถลงผล เมื่อเสร็จ ตอนนี้ให้เวลา กก.หน่อย
เมิ้อถามว่า หากผลสรุปไม่เคลียร์ ตอบคำถามประชาชนไม่ได้นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ให้สตง.ปปช.สอบต่อ เลย ไม่มีอะไรน่าติดขัด ก็สอบกันไป นายกฯ ท่านให้นโยบายไว้แล้ว จึงไม่ต้องหนักใจ
พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม ในฐานะ ปธ.กรรมการสอบข้อเท็จจริง "อุทยานราชภักดิ์"เผยว่า จะ สรุปผลสอบสัปดาห์หน้า นำเสนอ รมว.กห.แล้วจะแถลงข่าว ยังไม่สามารถบอกแนวโน้มได้ว่า มีใครผิดหรือไม่ หรือระดับใด ส่วนผลออกมา จะจบหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ บอก แล้วแต่สื่อ
ทั้งนี้ พลเอกชัยชาญ ร่วมคณะ พลเอกประวิตรรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เยือนลาว 17-18ธค. ประชุมคณะกรรมการชายแดนGBC พร้อม ปลัดกห. ผบ.สส. เลขาฯสมช.เสธ.ทหาร ด้วย แต่ พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ไม่ได้ร่วมคณะ

นายกฯรับฮุนเซน

นายกฯ ถกต้อนรับ “ฮุน เซน” พร้อมคุยครอบคลุมทุกมิติ ลงนามเอกสาร 4 ฉบับ

“ประยุทธ์” ประชุมเตรียมต้อนรับ “ฮุน เซน” เยือนไทย “วีรชน” แจงหารือส่งเสริมความร่วมมือสองชาติทุกมิติ นายกฯ มอบนโยบายไทยเป็นพันธมิตรทุกประเทศ แสวงหาความเป็นหุ้นส่วน ร่วมมือทำอาเซียนมั่นคง ถกทวิภาคีและพหุภาคี ครอบคลุมทั้งด้านมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม พร้อมร่วมลงนามเอกสาร 4 ฉบับ
       
       วันนี้ (16 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเตรียมการต้อนรับ สมเด็จ อัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) ในวันที่ 18 ธันวาคม 2558 และเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชาอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 2 (2nd Thailand-Cambodia Joint Cabinet Retreat) ในวันที่ 19 ธันวาคม 2558 โดยมีผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลเข้าร่วมประชุม อาทิ นายสมคิด จตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น โดยการเยือนไทยในครั้งนี้ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองการครบรอบ 65 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชาด้วย
       
       พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้
       รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการหารือทวิภาคีและการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 2 นี้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดียิ่งระหว่างไทยและกัมพูชาในทุกระดับ ทั้งในระดับผู้นำ รัฐบาลและประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะมีส่วนอย่างสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาในทุกมิติ ยิ่งไปกว่านั้นเป็นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยการเยือนอย่างเป็นทางการในครั้งหลังสุดเมื่อปี 2548 (Working Visit) นายกรัฐมนตรีทั้งสองยังจะได้เร่งรัดประเด็นความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย
       
       นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายและแนวทางดำเนินนโยบายต่างประเทศว่า ไทยเป็นพันมิตรกับทุกประเทศ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ แสวงหาความเป็นหุ้นส่วน (partnership) พร้อมที่จะขับเคลื่อนการเติบโตและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและภูมิภาคไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ ไทยและกัมพูชาต่างจะต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยกันทำให้ประชาคมอาเซียนเป็นภูมิภาคที่มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน
       
       สำหรับการหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคีและพหุภาคี ครอบคลุมทั้งด้านมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านความมั่นคง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม วัฒนธรรมและการศึกษาร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย ร่วมหารือในประเด็นความร่วมมือ เช่น การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและการเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านพลังงาน การบริหารจัดการภัยพิบัติ การส่งเสริมการค้าและการลงทุนความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร การเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางคมนาคมและการขนส่งผ่านแดน รวมทั้งการหารือความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียนและความท้าทายในระดับภูมิภาค เป็นต้น
       
       โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายจะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสาร 4 ฉบับ ได้แก่ (1) แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 2 เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้นในด้านสำคัญต่างๆ (2) บันทึกความเข้าใจเพื่อการพัฒนาจุดผ่านแดนแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน จ.สระแก้ว และสตึงบท จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา (3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน และความร่วมมือด้านการจ้างงาน และ (4) ข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงาน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้การจ้างงานมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ขจัดปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์
       
       โดยมีกำหนดการโดยย่อดังนี้ วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2558 ช่วงเช้า เวลา 09.00 น. สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เดินทางถึงไทย ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนรัฐบาล รอให้การต้อนรับ เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้น เวลา 10.30 น.การหารือข้อราชการกลุ่มเล็กระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ ห้องสีงาช้าง และการหารือทวิภาคีแบบเต็มคณะ ณ ห้องสีเขียว เสร็จสิ้นการหารือนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไปยังโรงแรมที่พัก เวลา 15.00 น.นายกรัฐมนตรีกัมพูชาพบปะกับคณะนักธุรกิจไทย-กัมพูชา ณ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี ช่วงเย็นเวลา 19.00 น.นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมทั้งเพื่อเป็นการฉลองการครบรอบ 65 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชา ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก
       
       วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2558 ช่วงเช้า เวลา 09.00 น.การประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชาอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 2 ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน เมื่อเสร็จสิ้นการหารือนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจและแถลงการณ์ร่วม ณ โถงกลางตึกสันติไมตรี หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและคณะ ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ก่อนที่สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 เพื่อเดินทางกลับกัมพูชา

สหรัฐถอนกำลังจากตุรกี

โอ๊ะโอ ตุรกีถูกตัดหางปล่อยวัดซะแล้ว... สหรัฐฯเตรียมถอนเครื่องบินรบ 12 ลำออกจากตุรกี! อกอีแป้นจะร้าว บั๊บบายนะ Erdogan
---------

ไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายนะนี่ลองอ่านดูนะครับ วันที่ 16 ธ.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "อะไรอยู่เบื้องหลังกรุงวอชิงตันถอนเครื่องบินรบจำนวน 12 ลำออกจากฐานทัพตุรกี?" (What’s Behind Washington Pulling 12 Fighter Jets From Turkish Base?) ส่วนรอยเตอร์สพาดหัวข่าวว่า "กองทัพสหรัฐฯกล่าวว่าจะถอนเครื่องบินรบ 12 ลำออกจากฐานทัพในตุรกี" (US military says pulls 12 fighter jets from base in Turkey)

ในสัญญาณครั้งล่าสุดของการโดดเดี่ยวตุรกีที่เพิ่มขึ้น สหรัฐฯได้ประกาศแผนการที่จะนำเครื่องบินรบจำนวน 12 ลำออกไปจากฐานทัพอากาศ Incirlik ของตุรกี

สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียอ้างข่าวจาก Reuters ของแคนาดาว่า โฆษกกองบัญชาการยุโรปจากกองทัพสหรัฐฯได้ยืนยันว่าสหรัฐฯจะถอนเครื่องบินรบ F-15 Eagles และเครื่องบินรบ F-15E Strike Eagle จำนวน 12 ลำออกไปจากตุรกี โฆษกกล่าวว่า อากาศยานได้ปฏิบัติภารกิจชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะได้มีการย้ายเข้าไปประจำการในฐานทัพอากาศ Incirlik เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ตาม

ตามรายงานข่าวที่มีการเปิดเผยออกมาบอกว่า เครื่องบินรบจะกลับไปที่ฐานทัพอากาศ Lakenheath ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักรในอังกฤษซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 16 ธันวาคมนี้

เมื่อต้นปีนี้ ทั้งสหรัฐฯและเยอรมันนีได้ถอนกองพันขีปนาวุธจากภาคพื้น-สู่-อากาศ (surface-to-air missile batteries) ซึ่งได้ประจำการอยู่ตามแนวชายแดนของตุรกี-ซีเรียออกไปแล้ว (Patriot Missiles) [เหลือแต่สเปนเท่านั้นที่ล่าสุดบอกว่าจะคงระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot Missiles ของตนเองไว้ในตุรกีต่อไป Sputnik รายงาน - ผู้แปล]

การถอนกำลังอย่างกระทันหันสร้างความประหลาดใจขึ้นมาว่า ก่อนหน้านี้เพนตากอนได้กระตุ้นให้เหล่าพันธมิตรยุโรปใช้ฐานทัพอากาศ Incirlik เป็นฐานปฏิบัติการสำหรับแคมเปญจ์ต่อต้านขบวนการก่อการร้าย

"พวกเรากำลังอยู่ในช่วงการสนทนากันกับเหล่าพันธมิตรยุโรปของพวกเราเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของพวกเขาที่จะย้ายสถานที่ประจำการและร่วมมือกับพวกเราบนภาคพื้นดินในฐานทัพอากาศ Incirlik" พล.อ. John Allen ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในวุฒิสภาของสหรัฐฯเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

คำประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตุรกีกำลังเผชิญหน้ากับการประนามจากนานาชาติต่อกรณียิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียตกเหนือน่านฟ้าของซีเรียเมื่อเดือนที่ผ่านมา (24 พฤศจิกายน 2558) เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทหารของรัสเซียเสียชีวิตสองนาย [คนหนึ่งเป็นนักบินเสียชีวิตจากการถูกยิงกลางอากาศในขณะที่กำลังโดดร่มลงมา ส่วนอีกคนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากเข้าไปกู้ภัยให้ความช่วยเหลือนักบินที่โดดร่มลงมาจาก Su-24 โดยฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นพวก FSA - ผู้แปล]

"ผมรู้สึกเป็นกังวลใจอย่างกระทันหันว่านาโตอาจจะเห็นด้วยความบ้าระห่ำที่แสดงออกโดยตุรกี" Larry Johnson อดีตเจ้าหน้าที่ CIA และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik "โชคดีที่มีรายงานออกมาจากที่ประชุมของนาโต้ซึ่งระบุว่ามีรัฐมนตรีของนาโต้หลายคนได้ถามตุรกีว่า: ในนามของพระเจ้า คุณกำลังคิดอะไรของคุณอยู่กันแน่? (What in God’s name were you thinking?)"

[ไม่อ่ะ ผมไม่เชื่อทั้งสหรัฐฯ นาโต้ และตุรกีนั่นและ พวกคุณกำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่? ก่อนหน้านี้นาโต้ออกมาประกาศทันทีว่าอยู่ข้างตุรกี และไม่ประนามตุรกีแม้แต่น้อย พอรัสเซียบอกว่าจอกล่องดำแล้ว และจะให้นานาชาติร่วมกันพิสูจน์ด้วย งานนี้สหรัฐฯเหมือนกับนกรู้ซะงั้น และที่สำคัญเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่จอห์น แคร์รี่ และคณะเดินทางมาเยือนกรุงมอสโคว์เพียงแค่วันเดียวเอง - ผู้แปล]

รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า ตุรกีกำลังตกที่นั่งลำบาก (Turkey is also under fire…) เนื่องจากการตัดสินใจของตนเองที่ส่งกองทัพหลายร้อยนายและรถถังเข้าไปในพื้นที่ทางภาคเหนือของอิรัค การเคลื่อนไหวที่รัฐบาลอิรัคมองว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของอิรัค

รอยเตอร์สรายงานว่า สหรัฐฯยังมีเครื่องบินโจมตี A-10 จำนวน 12 ลำและโดรนอีกจำนวนหนึ่งประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ Incirlik ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯประจำยุโรปกล่าวในแถลงการณ์ว่า "คาดว่าจะมีอากาศยานของพันธมิตรที่จะปฏิบัติการจากฐานทัพอากาศ Incirlik เพิ่มมากขึ้น และจะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้"

[ยังไงหละนี่? สหรัฐฯยุให้อียู ซึ่งประกอบด้วย ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมันเข้าร่วมในปฏิบัติการชิงซีเรีย ฝรั่งเศสไม่เดือดร้อนเรื่องฐานทัพอากาศเพราะว่ามีเรือบรรทุกเครื่องบินของตัวเองมาเองเลย ส่วนอังกฤษก็มีฐานทัพอากาศอยู่บนเกาะ Cyprus ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียอยู่แล้ว บินแป๊บเดียวเข้าน่านฟ้าของตุรีกเพื่อหลบเรด้า S-400 ของรัสเซียก็ไปโผลทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียได้ 

ส่วนเยอรมันอ้างว่าจะมาคุ้มกันให้กับเรือบรรทุกเครื่องบินของฝรั่งเศส และส่งเครื่องบินสอดแนมถ่ายภาพทางอากาศมาช่วย ก็ไปประจำการอยู่ในฐานทัพอากาศ Incirlik ของตุรกี สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรตะวันตกกลับถอนเครื่องบินรบของตนเองออกซะงั้น ประหยัดค่าใช้จ่ายดี แล้วอย่างนี้อียูจะกล้างัดกับรัสเซียในซีเรียได้รึ? ที่ซวยหนักก็คือเครื่องบินรับของตุรกีไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้รัศมีของ S-400 ของรัสเซียในน่านฟ้าซีเรียเลยนะสิ - ผู้แปล]

เพจ: ปอกเปลือก ทรราช 
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
--------------
http://sputniknews.com/military/20151216/1031862104/us-jets-leave-turkey.html
http://sputniknews.com/middleeast/20151216/1031802657/spain-turkey-sam-batteries.html
http://www.reuters.com/article/us-mideast-crisis-usa-turkey-idUSKBN0TZ2CU20151216