PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

เซ็นแล้วจ้า! “อภิรดี” ลงนามคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายจีทูจีเก๊ 2 หมื่นล้านบาท ต่อนักการเมืองและข้าราชการ 6 ราย

เซ็นแล้วจ้า! “อภิรดี” ลงนามคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายจีทูจีเก๊ 2 หมื่นล้านบาท ต่อนักการเมืองและข้าราชการ 6 ราย
        “อภิรดี” ลงนามคำสั่งบังคับทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจีทูจีเก๊ 2 หมื่นล้านบาทแล้ว เผยรู้สึกธรรมดา เพราะเป็นการทำตามขั้นตอน เตรียมส่งหนังสือแจ้งนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 รายทันที
       
       นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ย. 2559 ตนได้เซ็นหนังสือคำสั่งบังคับทางปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับนักการเมืองและข้าราชการจำนวน 6 รายแล้ว โดยเป็นการลงนามแทนนายกรัฐมนตรี และในส่วนของ รมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามแทน
       
       “จะมีการส่งหนังสือไปยังนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 คนทันที โดยจะมีระยะเวลาในการตอบกลับภายใน 30 วัน หากครบ 30 วันแล้วยังไม่มีการตอบกลับจะมีการส่งหนังสือแจ้งเตือนไปอีกรอบใน 15 วัน หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดีต่อไป” นางอภิรดีกล่าว
       
       ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวบ่ายวันนี้ นางอภิรดีระบุว่า รู้สึกธรรมดากับการลงนามในครั้งนี้เพราะเป็นไปตามขั้นตอน และมีการศึกษาข้อกฎหมายที่มีอยู่ก่อนที่จะมีการลงนามแล้ว
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า นักการเมืองและข้าราชการ 6 คนที่จะถูกบังคับทางปกครองชดใช้ค่าเสียหายจากการขายข้าวจีทูจี มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์, นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์, พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์, นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ 

สำนักปลัด กห.แจง ชื่อ "ฝาย แม่ผ่องพรรณพัฒนา" ชาวบ้านช่วยกันตั้ง ต้อนรับ "ภริยาบิ๊กติ๊ก"



สำนักปลัด กห.แจง ชื่อ "ฝาย แม่ผ่องพรรณพัฒนา" ชาวบ้านช่วยกันตั้ง ต้อนรับ "ภริยาบิ๊กติ๊ก" ชี้ลงพื้นที่ไป พบปะ และช่วยเหลือประชาชนเสมอๆ/ ทีมงาน คาดเป็นผลพวงจากโยกย้ายทหาร มีคนอกหัก และความไม่ชอบ "แม่ผ่องพรรณ" ที่เป็นคนดุ เข้มงวด เจ้าระเบียบ
มีรายงานข่าวจากสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ชี้แจง กรณีการสร้างฝาย ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ กันเรื่องความไม่เหมาะสม นั้นว่า การสร้างฝายที่จุดนี้ เป็นไปตามแนวคิดของ นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกลาโหม ที่ได้หารือหน่วยในพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อ 23 สค. 59 ในวันที่ได้ไปปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ที่ จ. ลพบุรี เพราะได้รับทราบปัญหาจากชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ว่าต้องการฝาย จึงขอให้หน่วยในพื้นที่ไปสำรวจว่า ควรจะสร้างฝายในจุดใดให้ประชาชน รวมทั้ง จะนำโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ไปปลูกในพื้นที่ด้วย
จากนั้น ทางทหาร ก็ร่วมกับชาวบ้านในการสำรวจ และเลือก จุดที่จะสร้างฝาย แล้วทหารและชาวบ้าน ก็ช่วยกันสร้างฝาย โดยใช้ไม้ไผ่ และหิน ที่มีอยู่แล้วตามภูมิประเทศ ไม่ได้ใช้งบประมาณอะไรมากนัก แค่ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำมันรถ แต่ใช้แรงงาน ทหารกับชาวบ้าน ที่ร่วมกันทำด้วยใจ เพื่อให้มีแหล่งน้ำไว้ใช้
อีกทั้ง สมาคมภริยาข้าราชการสำนักปลัดกลาโหม ก็ถือเป็นหน่วยในสำนักปลัดกห. ที่ดูแลด้านสวัสดิการ ขวัญกำลังใจของครอบครัวทหาร จึงเป็นสิ่งที่หน่วยในพื้นที่ให้การสนับสนุน และก็จะมีการมอบเงินช่วยเหลือหน่วย ให้ทุกครั้งที่มาเยือน
ส่วนเรื่องชื่อฝาย "ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา" นั้น ทางหน่วยรายงานว่า เกิดจากการที่ ชาวบ้านช่วยกันคิดชื่อ ขึ้นมาเอง เพื่อเป็นการต้อนรับ เนื่องจากชาวบ้าน มีความคุ้นเคย เคารพนับถือ คุณอู๊ด ผ่องพรรณ อยู่แล้ว เพราะปกติ จะมาทำประโยชน์ให้ชาวบ้าน มาเยี่ยมเยียน มาแจกผ้าห่ม เพราะเห็นว่าอากาศหนาวเย็น และมีโครงการนำ ลูกหลานกำลังพล ที่เป็น เด็กพิเศษ ออทิสติค มาเที่ยวเชียงใหม่ อีกด้วย
ทั้งนี้ ในวันที่ไปปลูกป่า และทำพิธีเปิดฝาย นั้น เกิดฝนตกอย่างหนัก ทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่ก่อนวันงาน ทำให้พื้นดินลื่น ทั้งนี้ระยะทางเดินจาก จุดลงรถ มายังฝาย ประมาณ 1กม. แต่ นายกสมาคมฯ ก็ เต็มใจเดินมา สวมชุดกันฝน แต่เพราะทางลื่น และชัน จึงต้องมีคนคอยให้พะยูง เพื่อไม่ให้ลื่นล้มไป เท่านั้น
///
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีรูปภาพ นางผ่องพรรณ และฝาย ออกมา และภาพต่างๆตามมาอีก ทั้งภาพเก่า ภาพใหม่ นั้น มีการตั้งข้อสังเกตุ ในหมู่"คนใกล้ชิด" ว่า อาจมี"คนใน" ที่นำภาพเหล่านี้ไป ส่งต่อไป เผยแพร่ และบิดเบือน เพื่อหวังผล เพราะรู้ว่า นางผ่องพรรณ เป็นเป้าทางการเมือง เพราะเป็นภริยา พลเอกปรีชา ปลัดกลาโหม น้องชายนายกฯ เพราะเป็นจันทร์โอชา เป็นน้องสะใภ้นายกฯ อีกด้วย
จึงมีการสันนิษฐาน ใน2ประการคือ หนึ่ง เกิดจากพวกที่ผิดหวังจากการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ในโผล่าสุด ที่ไม่พอใจปลัดกลาโหม
ประการที่2 อาจเป็นเพราะ อาจมีคนใน ที่ไม่พอใจ หรือไม่ชอบ นางผ่องพรรณ เนื่องจาก เป็นคนดุ เข้มงวด เจ้าระเบียบ และอาจจะเคยดุใครไปแบบตรงๆ ก็อาจทำให้เกิดความไม่พอใจ แต่ถ้าใครที่รู้แนว ก็จะต้องทำงาน อย่างเต็มที่. ให้ดีที่สุด และตอบคำถาม ให้ได้ทุกคำถาม เมื่อนั้น คุณอู๊ด ก็จะไม่ดุ
อย่างไรก็ตาม นางผ่องพรรณ จะมีการชี้แจงเรื่องนี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

"บิ๊กเจี๊ยบ" นำถก ทีมเลขาฯคสช.สั่งทุกส่วนทำงานร่วม โดยใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ลุยปราบมาเฟีย



"บิ๊กเจี๊ยบ" นำถก ทีมเลขาฯคสช.สั่งทุกส่วนทำงานร่วม โดยใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ลุยปราบมาเฟีย ผู้มีอิทธิพล/เดินหน้าช่วยอุทกภัยภาคเหนือ อีสาน พร้อมประสานทุกส่วน เพิ่มมาตรฐานดูแลการสัญจรทางเรือช่วงน้ำหลาก
​​วันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ.และ รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่าที่ ผบ.ทบ.เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
พลเอกเฉลิมชัย กล่าวต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้ภาพรวมของการขับเคลื่อนประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และได้สะท้อนผ่านผลการสำรวจความคิดเห็นเป็นระยะๆ
ดังนั้นการปฏิบัติงานของ
กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ยังคงให้เกิดความต่อเนื่องในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ป้องปราบการกระทำผิดกฎหมาย ดูแลพื้นที่ให้มีความสงบเรียบร้อย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนต่อไป
โดยเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ตาม คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๓/๒๕๕๘ เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ และ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๓/๒๕๕๙ เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทําลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นั้น ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังคงยึดถือตามคำสั่งดังกล่าว ดูแลให้ประชาชนมีความปลอดภัย
พร้อมทั้งยังคงใช้กฎหมายปกติเป็นหลักในการแก้ไขปัญหาและคลี่คลายเหตุการณ์ต่างๆ โดยประสานการปฏิบัติงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองอย่างเหมาะสม
ส่วนในเรื่องการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำท่วมในระยะนี้รวมถึงในระยะต่อไปให้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ ๒ - ๓ ซึ่งเป็นหน่วยในพื้นที่ประสานงานกับทางจังหวัด ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฝ่ายพลเรือน ดำรงความต่อเนื่องในการดูแลผู้ได้รับผลกระทบให้เป็นรูปธรรม รวมทั้งเนื่องจากในระยะนี้น้ำในแม่น้ำลำคลองมีปริมาณเพิ่มขึ้น บางพื้นที่มีน้ำหลาก โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่ใช้ในการสัญจรทางน้ำ อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ อย่างเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น คือ เรือท่องเที่ยวล่มที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้สั่งการให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณามาตรการความปลอดภัยในการสัญจรทางเรือ
โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ การเข้มงวดในมาตรฐานของท่าเรือ และเรือโดยสาร ความพร้อมของผู้ประกอบการ อุปกรณ์กู้ชีพ ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถให้กับเจ้าหน้าที่ในการกู้ภัย เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ ประชาชนได้รับความสะดวก
ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้การสัญจรทางเรือ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. แล้วยังจะเป็นการสนับสนุนตามแนวทางของรัฐบาลที่เชิญชวนให้ประชาชนใช้การสัญจรทางเรือ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น และเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัด ดังตัวอย่างโครงการนำร่องของรัฐบาล คือการเดินเรือโดยสาร บริเวณคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งประสบผลสำเร็จอยู่ในขณะนี้

วันของทหารเสือราชินี......ไม่ใช่ บูรพาพยัคฆ์

วันของทหารเสือราชินี......ไม่ใช่ บูรพาพยัคฆ์
บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อดีต ผบ.ทบ. อดีตผบ.ร.21รอ. ทหารเสือฯหัวใจสีม่วง
สวมเครื่องแบบทหารบก ร่วมงานวันสถาปนา ย้อนหลัง 66ปี ร.21รอ. ที่ปกติจะตรงกับ 21สค. แต่ปีนี้ ทางหน่วยเลื่อนมา เพราะ พลเอกประยุทธ์ นายกฯ ติดภารกิจ จึงกำหนดในวันที่ 19กย. เพื้อที่จะเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ พระราชินี84พรรษา ด้วย แต่เมื่อใกล้เวลา นายกฯ ต้องเดินทางไป สหรัฐอเมริกา เร็วขึ้น จาก21-25กย. เป็น 18-25 กย. นายกฯจึงมอบ พลเอกอนุพงษ์ มาแทน.ส่วน พลเอกประวิตร. ติดภารกิจ ประชุมที่กระทรวงแรงงาน
แต่ พลเอกประยุทธ์ จะมาในวันที่12 ตค.เพื่อเปิดอาคารนี้
วันนี้ นายทหารเสือราชินีรุ่นเก่า-ปัจจุบัน...มากันแต่ไม่คึกคักมากนัก เพราะส่วนใหญ่ คนที่มาจะเป็นคนที่เป็นทหารเสือฯ เคยอยู่ ร.21รอ.มาก่อน
บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห.อดีตผบ.ร.21รอ. ก็มา...ส่วนบิ๊กหมู พลเอกธีรชัย ผบทบ. เป็น บูรพาพยัคฆ์ ไม่ใช่ทหารเสือราชินี จึงไม่มา แต่ มอบ พลเอกวลิต โรจนภักดี รองผบ.ทบ.มาแทน ส่วน บิ๊กแดง พลโท อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม้เป็น วงศ์เทวัญ ก็มา ในฐานะ ว่าที่ แม่ทัพภาค1

เสวนา มธ.วุ่น! ยุติจัดงาน หลังแทนคุณถูกโห่ ผู้เข้ารับฟังไม่พอใจ บก.ลายจุดรับเสียใจ

เมื่อวันที่ 18 กันยายน เวลา 13.30 น. ที่ห้องประกอบ หุตะสิงห์ อาคารเอนก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้มีการจัดงาน “ย่ำอยู่กับที่ 10 ปี สังคมไทย” เพื่อเป็นการรำลึกถึงการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยมีวิทยากรประกอบด้วย สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ, สมบัติ บุญงามอนงค์, แทนคุณ จิตต์อิสระ, อธึกกิต แสวงสุข, ปกรณ์ อารีกุล, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และวริษา สุขกำเนิด ทั้งนี้มีรายงานว่า ได้เกิดเหตุความวุ่นวายจนไม่สามารถดำเนินการเสวนาต่อไปได้ โดยในช่วงของการดีเบตระหว่างสมบัติ บุญงามอนงค์ และแทนคุณ จิตต์อิสระ ได้มีผู้เข้าร่วมบางส่วนไม่พอใจแทนคุณ มีการเเสดงออกโดยการโห่ร้องและลุกขึ้นเถียงเมื่อแทนคุณแสดงความคิดเห็น จนที่สุดผู้จัดงานตัดสินใจยุติการจัดเวทีเสวนา
โดยเริ่มต้นนายแทนคุณ กล่าวว่า ในช่วงเวลานั้นไม่ได้สนใจทางการเมือง มีการชุมนุมแต่ก็ไม่ได้เข้าร่วมเพราะอายุ 21 ปี กำลังเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จึงไม่ได้อินกับการเมือง และมองว่าไกลจากตัวเอง
“ส่วนตัวเพิ่งมาติดตามการเมืองในช่วง 5-6 ปีหลัง แต่พอเกิดเหตุการณ์มีคนที่เข้ามาอ้างว่ามีอำนาจบทบาทในการจัดตั้งกติกาใหม่ มันจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้”
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า การชุมนุมของคนเสื้อเหลืองมีหลายสิ่งที่เป็นจุดประสงค์ที่ดีคือ แต่หลังจากที่เรียนรู้ก็ได้เห็นว่า การชุมนุมไม่ควรที่จะนำสถาบันมาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในการชุมนุมของปีกฝ่ายเสื้อเหลือง นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควร เช่นเดียวกับการบอกว่าตนเองเป็นคนดีและชี้ว่าคนอื่นเป็นคนเลว
“อย่างน้อยที่สุดความพยายามที่จะตั้งใจที่จะมาคุยด้วย ท่ามกลางสังคมที่เจอหน้ากันก็เกลียดกัน ทำร้ายกัน กลายเป็นข้ออ้างในการกลับไปสู่การรัฐประหารอย่างไม่จบสิ้น ส่วนตัวจะไม่ใช้คำว่าปรองดองเพราะคิดว่ามันไม่มีจริง ทางเดียวที่จะทำให้คือการคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะทางประชาธิปไตย” นายแทนคุณกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการเสวนาได้มีการถกเถียงกันระหว่าง นายแทนคุณ กับ นายสมบัติ กรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การตรวจสอบการคอรรัปชั่นของทั้งสองฝ่าย จนประชาชนส่วนหนึ่งที่มาฟังไม่พอใจและลุกขึ้นโต้เถียงนายแทนคุณอย่างรุนแรง ขณะที่ผู้ร่วมเสวนาอีกส่วนหนึ่งก็โต้เถียงกันเองเพราะต้องการที่จะรับฟังงาน เสวนาต่อ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด จนทำให้ผู้จัดงานตัดสินใจยุติงานเสวนาดังกล่าว
ทั้งนี้ นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนตัวเสียดายโอกาสที่เราจะคุยกันในเรื่องที่ยากๆ ผมได้เรียนหนังสือกับแทนคุณก็ไม่ได้เห็นด้วยกันไปทั้งหมด แต่ก็ไม่เห็นต่างกับเขาในทุกๆ เรื่องเช่นกัน แต่สิ่งที่เรียนรู้เพิ่มขึ้นว่าทำไมคนถึงคิดไม่เหมือนกันผม และเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เราได้ฟังในสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ว่ามามโนเอาเองว่าทำไมเขาเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาเห็นต่างกันเรา
“สังคมไทยขาดโอกาสแบบนี้ เราต้องพาตัวเองเข้าไปฟังความเห็นที่แตกต่าง และเราเองต้องรับฟัง ผมหวังว่าโอกาสหน้าจะมีเวทีแบบนี้อีก และผมเองยินดีที่จะไปเสวนาที่พรรคประชาธิปัตย์ และมหาวิทยาลัยรังสิตเช่นเดียวกัน” นายสมบัติ กล่าว
จากนั้น นายรังสิมันต์ โรม หนึ่งในผู้จัดงานได้ขึ้นมากล่าวว่า งานนี้เป็นงานแลกเปลี่ยนเพื่อแสดงทัศนะ เราไม่ได้บอกว่านี้คือการปรองดอง แต่เป็นการเปิดโอกาสในการรับฟังความเห็นที่แตกต่าง เป็นความมุ่งหวังที่งานนี้อยากจะทำ มันเลยน่าเสียดายที่เราไม่สามารถที่จะพูดคุยกันได้จนจบงาน
“หลังจากนี้เราไม่รู้ว่าคนไทยจะคุยกับคนอีกฝ่ายหนึ่งได้หรือไม่ และใครจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์ทื่สุดจากความเป็นไปไม่ได้ตรงนี้ ผมยืนยันว่าผมจะทำ จัดงานเสวนาแบบนี้อีก และขอประกาศ ณ ที่นี้ว่าเราต้องรับฟังอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าเราไม่ฟังซึ่งกันและกัน คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือทหาร ถ้าเราบอกว่าทหารใจคับแคบ ประชาชนเองก็ต้องรับฟังทุกฝ่ายได้ และเมื่อไรวันนั้นมาถึงทหารจะไม่มีที่ยืนในสังคม ” นายรังสิมันต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากเสร็จสิ้นงานเสวนา ประชาชนส่วนหนึ่งพร้อมด้วยวิทยากรได้เข้าไปจับมือให้กำลังใจแก่ นายแทนคุณ ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลความเรียบร้อยและพา นายแทนคุณ ออกจากงานเสวนา