PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อียูส่งจดหมายเตือนไทยเร่งแก้ปัญหาประมงอย่างเร่งด่วนและจริงจัง

อียูส่งจดหมายเตือนไทยเร่งแก้ปัญหาประมงอย่างเร่งด่วนและจริงจัง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายคาร์เมนู เวลลา กรรมาธิการประมงของสหภาพยุโรป หรืออียูและนางมาเรียน ทิสเซน กรรมาธิการกิจการสังคม ได้ส่งจดหมายถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรษ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเตือนให้ไทยเร่งแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคกิจการประมง มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับการที่อียูจะไม่นำเข้าสินค้าประมงจากไทย
ทั้งนี้ บีบีซีไทย ได้สอบถามไปยังสำนักงานโฆษกของทีมงานโฆษกของนายคาร์เมนู เวลลา กรรมาธิการประมงของอียู ได้รับคำยืนยันว่าได้ส่งจดหมายดังกล่าวจริงในวันนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานอีกว่านายเวลลา และนางทิสเซน ระบุในจดหมายว่า การเจรจาของอียูกับทางการไทยในเรื่องการแก้ปัญหาการละเมิดแรงงานในอุตสาหกรรมประมงในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการนำเสนอมาตรการที่เป็นรูปธรรมและชัดเจน เอพีระบุด้วยว่า แม้ไทยและอียูจะได้เจรจากันมาเป็นเวลาหลายเดือน แต่อียูยังไม่พอใจความคืบหน้าในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ไม่มีการรายงาน หรือไร้การควบคุม (ไอยูยู ) ของไทย โดยในจดหมายของอียูที่ส่งถึง
พล.อ.ประวิตร ยังระบุด้วยว่าหากไทยยังไม่มีความชัดเจนในการเจรจาเรื่องนี้ในเดือนหน้าและไม่ดำเนินกระบวนการที่เป็นรูปธรรมภายในสิ้นปี อียูก็อาจห้ามนำเข้าสินค้าประมงไทย
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.ประวิตร ได้ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ไทยที่ประชุมร่วมกับสหภาพยุโรปหรืออียูว่า อียูจะยังไม่ออกใบแดงแก่ไทยและจะขยายระยะเวลาประเมินมาตรการแก้ปัญหาไอยูยู ต่อไปให้อีก 6 เดือน โดย พล.ต.คงชีพ ชี้แจงว่า อียูยังมิได้แจ้งผลการประเมินเป็นให้ใบเหลืองหรือใบแดงแต่อย่างใด ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวมาจากการที่คณะผู้แทนไทย ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับผู้แทนอียู เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการแก้ปัญหาการประมงของไทย ในระหว่างวันที่ 17 - 19 พ.ค.
พล.ต. คงชีพ กล่าวว่าคณะผู้แทนอียูได้เห็นถึงความความตั้งใจและความพยายามของไทย ในการแก้ปัญหาตามคำแนะนำของอียูตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้มีความพึงพอใจในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ขอย้ำและสร้างความเข้าใจกับสื่อมวลชนว่า ประเทศไทยยังมิได้หลุดพ้นจากสถานะใบเหลืองของอียูแต่อย่างใด โดยยังคงต้องรอการประเมินจากคณะผู้แทนอียู ที่จะเดินทางมาประเมินและแจ้งผลให้ทราบภายในเดือน ก.ค. นี้ ‪#‎IUU‬

"พลเอกประวิตร” ยัน โยกย้ายตำรวจ จบแล้วนายกฯไม่ต้องลงมาดู ผมดูแลได้

"พลเอกประวิตร” ยัน โยกย้ายตำรวจ จบแล้ว นายกฯไม่ต้องลงมาดู ผมดูแลได้ ไม่กังวล ยัน คสช.ไม่แทรกแซง ให้ ผบ.ตร.จัดการเอง เราดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น ชี้ ปัญหาอยู่ที่ระบบฐานข้อมูลเก่าเก็บ ระบุ คนไม่พอใจที่มีปัญหาแต่คนไม่มีการเคลื่อนไหว
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)กล่าวถึงบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ที่ยังมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับรายชื่ออยู่ ว่า ไม่กังวล เพราะเรื่องนี้ถือว่าจบแล้ว
ส่วนที่มีตำรวจบางรายที่มีคดีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ได้รับการแต่งตั้งนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า เป็นเพราะยังไม่ถูกปลดออกจากราชการ ซึ่งตำแหน่งยังอยู่ที่เดิม แต่เปลี่ยนจากฝ่ายกองกำลังมาเป็นฝ่ายอำนวยการ
"เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร อาจมีคนไม่พอใจบ้างในการแต่งตั้งจึงเกิดปัญหา
ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่มีการออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน เรื่องการแต่งตั้งมีปัญหาเพราะระบบข้อมูลนี้ไม่เคยทำมา 30 ปีแล้ว ฐานข้อมูลจึงมีหลายแห่งที่เป็นข้อมูลที่เก็บไว้นานแล้ว ปัญหาอยู่ที่ระบบ
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นอำนาจของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. โดยทางรัฐบาล คสช.และผม ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย หากผบ.ตร.ไม่สามารถจัดการได้ต้องรายงานมาที่ผม เพื่อรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบต่อไป
พลเอกประวิตร กล่าวว่า มันมีปัญหาตรงคนมันเยอะ มีคนไม่ถูกใจ จะถูกใจทุกคนไม่ได้ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันนั้นพูดกันเอง เป็นแบบนี้ทุกที่ เพราะคนไม่ได้ตามที่ตัวเองต้องการ เราทำดีเต็มที่แล้ว การโยกย้ายทั้งหมดผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ ใครจะรู้ดีกว่า ผบ.ตร.
"ผมก็ดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แต่เชื่อว่าเรียบร้อย จบแล้ว"
ส่วนกรณีที่นายกฯบอกว่า ถ้ายังไม่เรียบร้อย นายกฯจะจัดการเองนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผมคุยกับนายกฯแล้ว ไม่มีปัญหา ผมดูแลได้ ตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

"รมว.กลาโหมญี่ปุ่น-ไทย"ออกคำแถลงร่วม ความร่วมมือความมั่นคงและการทหาร



"รมว.กลาโหมญี่ปุ่น-ไทย"ออกคำแถลงร่วม ความร่วมมือความมั่นคงและการทหาร /เห็นพ้อง มติประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน ที่ลาว ในการรักษาความสงบ สันติในทะเลจีนใต้/ ส่วนกับกองทัพไทย จะจัดให้มี Staff Talks ระหว่างกองทัพบก - กองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น/ เตรียมฝึกร่วม พหุภาคี ญี่ปุ่น-ลาว-รัสเซีย-ไทย ด้านบรรเทาสาธารณภัยและการแพทย์ทหาร กย.นี้ ที่ชลบุรี/ญี่ปุ่นจะส่งเรือพยาบาลขนาดใหญ่ เข้าร่วมฝึกด้วย/ทบ.ไทย เตรียมส่งทหาร เข้าสังเกตการณ์การฝึก Nankai Rescue ที่ญี่ปุ่น กค.59 โดย เสธ.ทอ.ญี่ปุ่น เตรียมเยือนไทย/. ร่วมมือพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์และ เทคโนโลยีป้องกันประเทศ
ที่กลาโหม. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้การต้อนรับ นาย Gen Nakatani รมว.กลาโหม ญี่ปุ่น. โดยมีการจัดแถวทหารกองเกียรติยศ สามเหล่าทัพ โดยใ้ห้ความสำคัญ ด้วยการที่ทั้ง รมช.กลาโหม ปลัดกลาโหม ผบ.ทบ. ผบ.ทร.และ ผบ.ทอ. ร่วมต้อนรับและหารือด้วย
จากนั้นได้มีการ ออก คำแถลงข่าวร่วม
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น
กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทย
นาย Gen NAKATANI รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการประชุมหารือระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ
เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ที่ กรุงเทพฯ โดยทั้งสองฝ่ายได้มี การแลกเปลี่ยนมุมมองในหลายๆ ด้าน รวมทั้งการเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคและความร่วมมือระดับทวิภาคี
1. ภาพรวม
ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อพัฒนาการความร่วมมือด้านการทหารและการแลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงและการทหาร บนพื้นฐานของการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันมาอย่างยาวนาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นชี้แจงเกี่ยวกับกฎพื้นฐานสำหรับกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ในการแสดงบทบาทเชิงรุกเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของประชาคมระหว่างประเทศ โดยกฎหมาย
เพื่อสันติภาพและความมั่นคง ได้มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙
2. ความมั่นคงในภูมิภาค
ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการรักษาระเบียบระหว่างประเทศ บนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค และผลประโยชน์ร่วมกับนานาประเทศ
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้ตระหนักถึงความสำคัญต่อเสรีภาพในการเดินเรือและเดินอากาศ กฎเสรีทางการค้า และการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทอย่างสันติโดยปราศจากการใช้กำลังและการบีบบังคับบริเวณทะเลจีนใต้ บนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต่อความสำคัญของความร่วมมือในกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียน กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ADMM - Plus) และความร่วมมืออื่นๆ ภายใต้กรอบการประชุมฯ ดังกล่าว รวมทั้งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านภายใต้กรอบการประชุม ADMM-Plus
3. ความร่วมมือด้านการทหารระดับทวิภาคี
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต่อการสนับสนุนการประชุมหารืออย่างใกล้ชิดและการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประชุมทวิภาคีด้านการเมืองและความมั่นคงประจำปี ระหว่างไทย - ญี่ปุ่น (PM/MM)
ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเข้าร่วมของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นในการฝึกCobra Gold และเห็นพ้องที่จะสนับสนุนความร่วมมือในด้านต่างๆ อันเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคี และการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการร่วมมืออย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดในการจัดการฝึกระดับพหุภาคีโดยญี่ปุ่นจะเป็นประธานร่วมในการจัดการฝึกภายใต้กรอบคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (EWG on HADR)
และไทยจะเป็นประธานร่วมในการจัดการฝึกภายใต้กรอบคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหาร (EWG on MM) ภายใต้กรอบ ADMM-Plus ใน กันยายน ปีนี้
มีรายงานว่า การฝึกนี้ เป็นการฝึกร่วมที่มี ไทย รัสเซีย ลาว ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วม ทั้งภัยพิบัติ และการแพทย์ทหาร. โดยมีทหารจากประเทศในอาเซี่ยน 10 ประเทศ และ คู่เจรจา 8 ประเทศ รวมกว่า 2,000. คน. ในกลางเดือน กย.นี้ที่ สัตหีบ ชลบุรี.
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ร่วม ยังระบุว่า รวมทั้งยินดีต่อผลลัพธ์ที่ได้จากการสัมมนาเกี่ยวกับกฎหมายการบินระหว่างประเทศ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๙ และการให้ความช่วยเหลือในการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านนิรภัยการบิน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะขยายการให้ความช่วยเหลือในการเสริมสร้างขีดความสามารถ อันจะนำไปสู่การรักษาระเบียบซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการจัดตั้งกลไกการหารือ (Staff Talks) ระหว่างกองทัพบก - กองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น รวมทั้งยืนยันที่จะประสานงานเพื่อให้มีการจัดการหารือระหว่างกันในโอกาสแรก
ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะส่งผู้แทนจากกองทัพบกเข้าร่วมสังเกตการณ์การฝึก Nankai Rescue ซึ่งเป็นการฝึกด้านการบรรเทาภัยพิบัติ โดยกำหนดจัดขึ้นในห้วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต่อการเดินทางเยือนไทยของเสนาธิการทหารอากาศของญี่ปุ่น ในห้วงปี ๒๕๕๙
ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะให้มีการหารือระดับคณะทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อสนับสนุนความร่วมมือด้านยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเท

ซูจีจะไปเยี่ยมแรงงานเมียนมาที่มหาชัย ระหว่างเยือนไทยปลายเดือนนี้

ซูจีจะไปเยี่ยมแรงงานเมียนมาที่มหาชัย ระหว่างเยือนไทยปลายเดือนนี้
เว็บไซต์สำนักข่าวอิระวดีรายงานว่า นางออง ซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศของเมียนมา จะเดินทางเยี่ยมชุมชนแรงงานชาวเมียนมาในไทย ซึ่งอาจเป็นที่ ต. มหาชัย จ. สมุทรสาคร ระหว่างการเยือนไทยในวันที่ 23-25 มิถุนายนนี้
ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาระบุว่า การเยือนดังกล่าวจะมีขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมา ซึ่งมีประเด็นเรื่องแรงงานข้ามชาติเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญต่อความร่วมมือของสองประเทศ โดยนางซูจีจะเดินทางไปรับฟังปัญหาของแรงงานชาวเมียนมาโดยตรง หลังจากที่เคยได้ไปเยือนย่านแรงงานประมงที่มหาชัยมาแล้วเมื่อปี 2555 และในครั้งนั้น เธอได้ให้คำมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาสิทธิแรงงานในต่างประเทศ เมื่อได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว
ด้านนายเส่ง เต ประธานเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) ระบุว่า แรงงานชาวเมียนมาในไทยซึ่งมีประมาณ 3 ล้านคนต่างเชื่อว่า นางซูจีจะช่วยจัดการแก้ไขปัญหาการกดขี่แรงงานชาวเมียนมาอย่างจริงจัง โดยอาจเจรจากับทางการไทยให้มีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองแรงงานข้ามชาติมากขึ้น รวมทั้งรับประกันสิทธิในการเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขและการศึกษาสำหรับลูกหลานของแรงงานเมียนมาในระยะยาว
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ - นางออง ซาน ซูจี ขณะเยือนค่ายผู้อพยพชาวเมียนมาที่แม่ลา เมื่อปี 2555)

ประยุทธ์เปรียบรัฐบาลเหมือน “พระมหาชนก” ว่ายน้ำพาคนทั้งชาติขึ้นฝั่ง

ประยุทธ์เปรียบรัฐบาลเหมือน “พระมหาชนก” ว่ายน้ำพาคนทั้งชาติขึ้นฝั่ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังจากที่นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะเข้าพบ เพื่อประชาสัมพันธ์ละครเรื่อง “พระมหาชนก”จากบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “ ภายใต้ความอดทนเราต้องมีความพยายาม พระมหาชนกว่ายน้ำด้วยความเพียร ไม่รู้กี่วันกี่คืน เหมือนกับรัฐบาล คสช. ซึ่งกำลังว่ายน้ำเพื่อให้คนทั้งชาติถึงฝั่ง และเพื่อนำพาให้คนอื่นปลอดภัยด้วย”
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ให้คำแนะนำแก่กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งจะเปิดแสดงละครเรื่อง “พระมหาชนก” ให้ประชาชนเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่โรงละครแห่งชาติ ในวันที่ 9 มิ.ย. เวลา 14.00 น. นี้ว่า ต้องรักษาศิลปะดั้งเดิมและแทรกความทันสมัยเข้าไปด้วย เพื่อสร้างความประทับใจ และเพื่อให้ละครเป็นแบบอย่างด้านความเพียร ความวิริยะ อุตสาหะ และเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนของประชาชน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เชิญชวนให้ประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของกระทรวงวัฒนธรรมที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี โดยพร้อมเพรียงกัน ในวันที่ 9 มิ.ย. นี้

วีระตั้งคำถามโครงการรถไฟความเร็วสูง

‘วีระ สมความคิด’ ถาม คนที่เคยตั้งคำถามนโยบาย ยิ่งลักษณ์ ตอนนี้หายไปไหนหมด?

วันที่: 7 มิ.ย. 59 เวลา: 10:40 น.

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้โพสต์ความเห็นลงเฟซบุ๊ก “Veera Somkwamkid” กรณีการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลจากนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯถึงความคุ้มค่าในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นเชียงใหม่ว่า

สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ – เชียงใหม่ ระยะทาง 745 ก.ม.ในราคาค่าก่อสร้าง 387,821 ล้านบาท หรือราคาค่าก่อสร้างก.ม.ละ 521 ล้านบาท ปรากฏว่ามีเสียงคัดค้านจากประชาชนไทยในหลายภาคส่วนของสังคมไทย โดยอ้างว่าราคาค่าก่อสร้างสูงเกินจริง และเกรงว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะมีการแอบหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีผลทำให้โครงการดังกล่าวต้องยุติลง

ต่อมาภายหลังการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญโดย พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาลนายกฯประยุทธ์ ก็รื้อฟื้นทำโครงการฯแบบเดียวกัน ในระยะทาง 672 ก.ม.(สั้นกว่าโครงการของยิ่งลักษณ์ถึง 73 ก.ม.) แต่กลับมีราคาค่าก่อสร้างสูงถึง 530,000 ล้านบาท (ราคาสูงกว่าของยิ่งลักษณ์ถึง 142,179 ล้านบาท) ราคาค่าก่อสร้างตก ก.ม.ละ 789 ล้านบาท สูงกว่าของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงก.ม.ละ 268 ล้านบาท

บรรดาพี่น้องคนไทยทั้งหลายที่เคยต่อต้านโครงการฯดังกล่าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขณะนี้พากันหายหน้าไปไหนหมด ไม่มีผู้ใดสงสัยในราคาที่สูงเกินจริงอย่างมหาศาลเลยหรือ ราคาค่าก่อสร้างที่แพงกว่ากันเกือบ 150,000 ล้านบาท มันจะไม่มีการทุจริตกันเชียวหรือ?

ถ้ามีการโกงกันจริง เงินจำนวนเกือบหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท จะไปเข้ากระเป๋าของใครบ้าง ไม่อยากรู้ว่ามีใครโกงกันบ้างเลยหรือ?