PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เทคโนโลยีดาวเทียม, Mobile Mapping, UAV ของ GISTDA กับน้ำท่วม


gistda-thaiflood-report-websiteในช่วงที่ประเทศไทย ต้องเจอสภาพอากาศที่แปรปรวนและประสบภัยน้ำท่วมในหลายจังหวัด นอกจากจะติดตามข่าวสารผ่านทางวิทยุ โทรทัศน์ หรือผ่านทาง Social Network ทั้งบนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตแล้ว คุณยังสามารถติดตามสถานการณ์น้ำท่วม แบบเห็นภาพถ่ายผ่านดาวเทียม และภาพถ่ายมุมสูงจาก จาก UAV (unmanned aerial vehicle ) หรืออากาศยานไร้คนขับได้ด้วย ผ่านทางเว็บไซต์ของ GISTDA
aสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้จัดทำเว็บไซต์รายงานสถานการณ์น้ำท่วมผ่านทาง http://flood.gistda.or.th/  ซึ่งตอนนี้ต้องดูผ่าน firefox หรือ chrome เท่านั้น)   โดยเบื้องหลังการแสดงภาพถ่ายผ่านดาวเทียมบนเว็บไซต์ GISTDA นี้คือการใช้ดาวเทียมถ่ายภาพลงมาพื้นโลก สามารถชมภาพถ่ายดาวเทียมได้โดยคลิ๊กที่ แท็บด้านบน คำว่า แผนที่น้ำท่วมจากดาวเทียม (ใช้ chrome or firefox)
mobile-mapping
แต่ด้วยดาวเทียมมีข้อจำกัดบางประการเช่น การถ่ายภาพด้วยดาวเทียมระบบเรดาร์ในพื้นที่ชุมชนอาจจะทำให้ไม่เห็นน้ำท่วม เนื่องจากมีอาคาร และสิ่งปลูกสร้างที่มาก ซึ่งในความเป็นจริงพื้นที่เหล่านี้มีน้ำท่วมปรากฎอยู่ แต่จากภาพถ่ายดาวเทียมอาจไม่สามารถมองเห็นได้ ด้วยอุปสรรคของอาคาร สิ่งกีดขวาง หรือก้อนเมฆ  GISTDA จึงใช้เทคโนโลยีMobile Mapping   ซึ่งหลักการทำงานคล้ายคลึงกับ Google Street  View  ซึ่งภาพถ่ายนี้มาจากรถปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วของ GISTDA ที่วิ่งเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วม ถ่ายภาพด้วยกล้อง Panorama 6 ตัว ติดตั้งไว้บนรถ สามารถถ่ายได้ครบ 360 องศา จากนั้น จึงนำภาพมารวมกันเป็นภาพเดียว ซึ่งจะใช้พิกัดที่ได้จาก GPS มาประกอบ ก็จะทราบแน่ชัดว่าภาพนั้นๆอยู่ที่ตำแหน่งไหนบนพื้นโลก
mobile-mapping-aนอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อื่นๆที่ช่วยกำหนดระยะทางที่แน่นอนขณะถ่ายภาพ  (Distance Measuring Instruments) เนื่องจากเป็นการถ่ายภาพตามแนวถนนจึงจำเป็นต้องกำหนดระยะทางที่แน่นอนว่าต้องถ่ายภาพทุก ๆ กี่เมตร เพื่อให้ได้ภาพตามระยะทางที่ต้องการ ซี่งเครื่องมือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการ Shutter กล้องถ่ายภาพอีกทีหนึ่ง  และ Laser Measurement Scanner ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดระยะทางโดยการกวาดเป็นแนว ซึ่งจะทำให้สามารถวัดระยะทางจากตัวรถไปยังวัตถุต่าง ๆ รอบตัวรถ เพื่อนำมาใช้ในการสำรวจรังวัดวัตถุทุก ๆ สิ่งตามแนวที่รถวิ่งไปได้
สามารถชมภาพถ่ายจาก Mobile Mapping ได้ที่ http://tms.gistda.or.th/gistda360/  โดยต้องเปิดด้วย เว็บบราวเซอร์ firefox หรือ chrome เท่านั้น ถึงจะแสดงผลได้อย่างสมบูรณ์

uavในส่วนของเบื้องหลังภาพถ่ายจาก เทคโนโลยี UAV หรืออากาศยานไร้คนขับ เค้าใช้เครื่องบินที่ตั้งระบบบินแบบอัตโนมัติและติดตั้งกล้องเอาไว้ ใช้สำหรับถ่ายภาพมุมสูงในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้ด้วยรถ ช่วยลดเวลาในการสำรวจภาคสนามอีกด้วย โดยเมื่อรถ mobile mapping เข้าไปในพื้นที่ใด ก็จะไปพร้อมกันกับ UAV เพื่อไปบินถ่ายภาพมุมสูงด้วย อากาศยานไร้คนขับนี้ สามารถควบคุมกล้องได้จากภาคพื้นดิน และสั่งถ่ายภาพที่เป็นแบบภาพนิ่งหรือวีดีโอก็ได้  คุณสามารถดูภาพจาก UAV ที่ http://flood.gistda.or.th/uav/  โดยเลือกจังหวัดที่ต้องการชม
gistda-thaiflood-technology-allเทคโนโลยีที่ทาง GISTDA ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่ายผ่านดาวเทียม  , Mobile Mapping  และ อากาศยานไร้คนขับ ( UAV ) ไม่ได้เพียงมีไว้ใช้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเท่านั้น เทคโนโลยีเหล่านี้ ภาพถ่ายดาวเทียม สามารถใช้ในการติดตามไฟป่า ถ่ายความเปลี่ยนแปลงที่ชายฝั่งทะเล  ใช้ในด้านความมั่นคง  ดูการทรุดตัวของพื้นดิน  ใช้ใสการคาดการณ์ผลผลิตข้าว , ตรวจสอบพื้นที่ป่า และตรวจสอบคราบน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเล       ส่วน Mobile Mapping  ใช้ตรวจสอบเส้นทางก่อนเดินทางได้ และยังสามารถสำรวจวัตถุตามแนวเส้นทางเช่น ตำแหน่งต้นไม้ ตำแหน่งเสาไฟฟ้า
mahidol-university-3d-view
ภาพ 3D ของมหาวิทยาลัยมหิดล ตัวอย่างภาพที่เกิดจากการทำงานของ UAV โดยให้ UAV บินถ่ายตามเส้นทางที่กำหนดแล้วนำมาประมวลผล จนได้เป็นภาพ 3 มิติขึ้นมา
และอากาศยานไร้คนขับ UAV  ก็นำมาใช้บินถ่ายมุมสูง บินถ่ายภาพการมหกรรมต่างๆ บินสำรวจบริเวณที่รถหรือคนเดินไม่สามารถเดินทางเข้าถึงได้  และยังใช้บินตรวจสภาพเสาไฟฟ้าแรงสูง   หรือบินเพื่อจัดทำแผนที่ 3มิติแบบนี้ได้
ใครที่สนใจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมด้วยภาพถ่ายดาวเทียม และเทคโนโลยีจากทาง GISTDA  สามารถชมได้ที่ http://flood.gistda.or.th 

ลุ้น"ศาลรธน."ถกปมแก้รธน.ที่มาส.ว.-แก้ม.68 พรุ่งนี้

ศาลรธน. วันที่ 8 ต.ค.2556 รายงานข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประจำสัปดาห์ ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ เวลา 09.30 น. มีวาระการพิจารณาคำร้องของประธาน
รัฐสภาส่งความเห็นของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหากับคณะ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กับคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง ว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

นอกจากนี้ ที่ประชุมตุลาการศาลรับธรรมนูญ ยังมีวาระการพิจารณาคำร้องว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. เข้าข่ายเป็นการเป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา
68 หรือไม่ ทั้ง 4 คำร้อง ที่ตุลการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้รวมเป็น 1 สำนวน

ขณะเดียวกันที่ประชุม ยังจะพิจารณา คำร้องเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ทั้ง 6 คำร้องรวมเป็น 1 สำนวน ที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับไว้พิจารณาก่อนหน้านี้อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมตุลการศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (9 ต.ค. ) นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังคงไม่เข้าร่วมการประชุม เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการการนำขึ้นทูลเกล้าฯ จึงยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตุลาการได้

ศาล ปค.ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ระงับขึ้นราคา LPG ของ “มูลนิธิผู้บริโภค-พวก” เหตุ รบ.มีมาตรการบรรเทาผลกระทบแล้ว

ศาล ปค.ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ระงับขึ้นราคา LPG ของ “มูลนิธิผู้บริโภค-พวก” เหตุ รบ.มีมาตรการบรรเทาผลกระทบแล้ว-ไม่เสียหายร้ายแรงยากแก้ไขภายหลัง
adcourtlogo1
เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2556 นายไพโรจน์ มินเด็น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุด ในฐานะโฆษกศาลปกครอง เปิดเผยว่า ตามที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพวก รวม 5 ราย ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีกับพวก ต่อศาลปกครอง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1696/2556 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนมติ ครม. เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2556 ที่เห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน โดยให้ปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2556 เป็นต้นไป จนสะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 24.82 บาทต่อกิโลกรัม และเห็นชอบเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน ทั้งในส่วนของครัวเรือนรายได้น้อย และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร โดยให้คงราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนไว้ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม เรื่อยไปจนกว่าจะมีมติที่ชอบด้วยกฎหมายให้ปรับขึ้นราคา
โดยผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 มีคำขอท้ายฟ้องขอให้ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ โดยมีคำสั่งให้ระงับการบังคับใช้มติ ครม.ดังกล่าว และเห็นชอบเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิจารณาและพิพากษาคดีนี้ นั้น
นายไพโรจน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2556 ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง โดยองค์คณะพิเศษ ได้มีคำสั่งยกคำขอกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา เนื่องจากในชั้นไต่สวนมูลฟ้องยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ศาลเห็นได้ว่ามติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณะรัฐมนตรี) มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนดังกล่าวเป็นการทยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ ต่อกิโลกรัม จนสะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 24.82 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 13 เดือน และกระทรวงพลังงานก็ได้มีโครงการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน โดยครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร สามารถส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อลงทะเบียนการซื้อก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนในราคาเดิม
“ดังนั้น การปรับขึ้นราคาขายปลีกแม้จะมีผลกระทบต่อประชาชนอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงบางส่วน และเป็นผลกระทบที่ไม่ถึงขนาดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันของสภาวะทางเศรษฐกิจแก่ประชาชน กรณีจึงมิใช่ความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง” นายไพโรจน์กล่าว
นายไพโรจน์ ยังกล่าวว่า และการที่ศาลจะมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณะรัฐมนตรี) ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวอาจเป็นอุปสรรคแก่การบริหารของรัฐหรือแก่การบริการสาธารณะ เพราะจะเกิดความไม่เป็นธรรมแก่ผู้ใช้น้ำมันจากการที่รัฐต้องนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนผู้ใช้ก๊าซ LPG ให้ได้ใช้ในราคาที่ถูก ทำให้ราคาน้ำมันสูงกว่าที่ควรจะเป็น และอาจเกิดการลักลอบนำก๊าซ LPG ไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากราคาก๊าซ LPG ในประเทศมีราคาถูกเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการลักลอบนำก๊าซ LPG ไปใช้ผิดประเภทด้วย ตามที่ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (นายกรัฐมนตรี) และที่ 4 (รมว.พลังงาน) ได้ให้ถ้อยคำต่อศาล ในชั้นนี้จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้า
“อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวนี้ ศาลเพียงมีคำสั่งยกคำร้องขอกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าเท่านั้น ในส่วนของการพิจารณาว่ามติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ (คณะรัฐมนตรี) จะเป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ศาลคงจะต้องดำเนินการพิจารณาคดีตามกระบวนการที่กำหนดไว้ต่อไป” นายไพโรจน์กล่าว

ตำรวจมีฮาอีก ประกาศ เปิดรับวุฒิ ป.โท เงินเดือน 4,870 บาท

ตำรวจมีฮาอีก ประกาศ เปิดรับวุฒิ ป.โท เงินเดือน 4,870 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประกาศจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ้างคำสั่ง ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องรับสมัครบุคคลภายนอก เพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการตำรวจ โดยบุคลภายนอกต้อง มีวุฒิปริญญาโท หรือไม่น้อยกว่า ทางด้านภาษาอังกฤษ เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ชั้นยศสิบตำรวจตรี หรือ สิบตำรวจตรีหญิง รับอัตราเงินเดือน ป.๑ ขั้น ๑ (๔,๘๗๐บาท) ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ สำนักงานคณบดี คณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ

คำขวัญ ตร."หญ้ารก สีตก ซ๊กมก คอตก"ประเดิม เด้ง ผกก.แปดริ้ว ปล่อยโรงพักซกม๊ก

"ผกก.แปดริ้ว" คอตก! ถูกเด้งฟ้าผ่า เหตุปล่อยปละทำโรงพัก "สกปรก" รอยขีดเขียนเต็มผนัง
มติชน:วันที่ 08 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14:32:47 น.

เมื่อวันที่ 8ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามสั่งการผ่านวิทยุในราชการ ตร. ให้ พ.ต.อ.สนั่น บุญเผื่อน  ผู้
กำกับการสภ.เมือง ฉะเชิงเทรา ให้ปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยขาดจากต้นสังกัดเดิมตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

"ทั้งนี้ เหตุจาก เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์  รองผบ.ตร.ปป. เดินทางตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พบว่าการปฏิบัติในภาพรวมไม่เป็นไปตามนโยบาย
ตร.ในเรื่องการรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยที่เอื้อต่อการบริการประชาชนและการอำนวยความยุติธรรม โดยเฉพาะในห้องควบคุมผู้ต้องหามีการเขียนข้อความต่างๆ ที่ผนังห้อง
ควบคุมเป็นจำนวนมาก สกปรก ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งสภาพบริเวณโดยรอบของสถานีตำรวจหลายจุด แสดงถึงการปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ของผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะหัวหน้า
สถานีตำรวจ" คำสั่งผบ.ตร.ระบุ และให้ พล.ต.ต.เชิดชาย เสขะนันท์ รรท.ผบก.ฉะเชิงเทรา  พิจารณาข้อบกพร่องดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการมอบนโยบายแก่หัวหน้าหน่วยตำรวจทุกระดับที่ผ่านมาทุกเวที พล.ต.อ.อดุลย์ มีข้อสั่งการย้ำชัดถึงการดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานีตำรวจ หรือโรงพัก ที่ถือเป็นด่านหน้า จุดแตกหัก จุดสำคัญในการบริการประชาชน พร้อมทั้งคาดโทษ หัวหน้าสถานีที่ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลสถานที่ให้ดี โดย ผบ.ตร.มักพูดย้ำประโยคที่ว่า "หญ้ารก อาคารสีตก โรงพักซ๊กมก ผกก.คอตก อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องหิ้วกันบ้าง" จนเป็นที่พูดถึงอย่างมากใน ตร.ยุค

ระทึก17ต.ค.อะไรจะเกิด?สหรัฐผิดนัดชำระหนี้

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ทั่วโลกลุ้นระทึก อะไรจะเกิดขึ้นในวันที่ 17 ต.ค. หากพี่เบิ้ม สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ มรสุมลูกใหญ่จ่อถาโถม "ตลาดเงิน-หุ้น"

ทั่วโลกกำลังจับตาดูรัฐบาลสหรัฐจะแก้ปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐและการขยายเพดานหนี้ได้หรือไม่ แม้เชื่อว่าถึงที่สุดจะแก้ปัญหาได้ แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไป ยังเป็นเรื่องยากในการประเมิน

ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้น หากสหรัฐผิดชำระหนี้ในวันที่ 17 ต.ค.

ขณะนี้ ไม่มีใครประเมินได้อย่างแน่ชัดว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้เมื่อใด ถ้าหากสภาคองเกรสไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐ ในวันที่ 17 ต.ค.นี้

แต่จากข้อมูลในอดีตเมื่อไม่นานมานี้ อาจชี้ได้ว่าการผิดนัดชำระหนี้จะเกิดอะไรขึ้น

แม้แต่ กระทรวงการคลังสหรัฐก็ไม่ทราบว่าทางกระทรวงจะมีรายได้จากภาษีเข้ามาเท่าใดในแต่ละวันหลังวันที่ 17 ต.ค. โดยคาดว่าหนี้สินของกระทรวงจะพุ่งชนเพดานที่ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ในวันเดียวกันนอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐก็ไม่สามารถคาดการณ์รายจ่ายของรัฐบาลได้อย่างแน่นอนในแต่ละวันด้วย ซึ่งรวมถึงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีประชาชนจำนวนเท่าไรที่มายื่นขอสวัสดิการว่างงานเป็นครั้งแรกในแต่ละสัปดาห์

แต่บรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่าเงินสดของรัฐบาลสหรัฐจะหมดลงภายในเวลาที่รวดเร็วเพียงใด โดยพิจารณาจากการเคลื่อนไหวในบัญชีธนาคารรายวันของกระทรวงการคลังในช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยพิจารณาจากการเคลื่อนไหวในบัญชีกระทรวงการคลังสหรัฐในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2555 มีดังนี้

17 ต.ค. กระทรวงการคลังสหรัฐหมดหนทางในการควบคุมหนี้สินให้อยู่ใต้ระดับเพดาน และไม่สามารถกู้เงินใหม่ได้อีก โดยคาดว่าจะมีเงินสดเหลืออยู่ราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันที่ 17 ต.ค. เพื่อใช้ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งในบรรดาเงินที่ไหลเข้า-ออกจากกระทรวงในวันนั้นทางกระทรวงอาจมีรายได้จากภาษีราว 6.75 พันล้านดอลลาร์ และมีรายจ่ายสำหรับเช็คเงินบำนาญราว 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เงินสดในมือของกระทรวงลดลงสู่ระดับราว 2.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงท้ายวันที่ 17 ต.ค.

18 ต.ค.-29 ต.ค. ทุนสำรองเงินสดของกระทรวงการคลังลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงนี้ รัฐบาลสหรัฐมีรายได้ไหลเข้ามาในระดับเพียง 70% ของรายจ่าย และ รัฐบาลไม่สามารถออกพันธบัตรใหม่เพื่อชดเชยส่วนต่างนี้ได้อีก

สถานการณ์จะพลิกกลับชั่วคราวในวันอังคารที่ 22 ต.ค. เมื่อรัฐบาลสหรัฐมีรายได้สูงกว่ารายจ่ายราว 3.5 พันล้านดอลลาร์ในวันนั้น

แต่เป็นภาวะชั่วคราวเท่านั้น และรัฐบาลจะเผชิญปัญหาใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ 24 ต.ค. เพราะในวันนั้นกระทรวงการคลังต้องจ่ายเงิน 1.8 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้รับเหมาด้านอาวุธ, 2.2 พันล้านดอลลาร์ให้แก่แพทย์และโรงพยาบาลที่รักษาคนชราภายใต้โครงการเมดิแคร์และ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่โครงการสวัสดิการสังคม ในขณะที่ทางกระทรวงมีรายได้จากภาษีและรายได้อื่นๆรวมกันเพียง 9.6 พันล้านดอลลาร์

ปัจจัยหนึ่งที่คาดการณ์ได้ยากคือประเด็นที่ว่า นักลงทุนในตลาดพันธบัตรจะยังคงไว้วางใจในกระทรวงการคลังหรือไม่

ทั้งนี้ ถึงแม้รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถเพิ่มการก่อหนี้ได้ในช่วงนั้น แต่รัฐบาลก็สามารถต่ออายุพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยนักลงทุนมีโอกาสในการไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐราว 1 แสนล้านดอลลาร์ทุกๆสัปดาห์ แต่ที่ผ่านมา นักลงทุนมักเลือกที่จะนำเงินดังกล่าวกลับมาลงทุนใหม่

ถ้าหากความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในพันธบัตรใหม่ของสหรัฐ ฐานะการเงินของกระทรวงการคลังก็อาจทรุดลงภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน

30 ต.ค. รัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ โดยในช่วงท้ายวันนั้น รัฐบาลสหรัฐจะถือเงินในปริมาณที่ต่ำกว่ารายจ่ายที่จำเป็นราว 7 พันล้านดอลลาร์ คณะผู้บริหารของประธานาธิบดีบารัก โอบามาระบุว่า เจ้าหนี้ทุกรายจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้

กระทรวงการคลังระบุว่า ทางกระทรวงไม่มีความสามารถในการเลือกได้ว่าจะจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้รายใดก่อนรายอื่นๆ โดยครั้งสุดท้ายที่รัฐบาลประสบภาวะนี้เกิดขึ้นในปี 2553 ซึ่งในขณะนั้น รัฐบาล วางแผนที่จะรอให้กระทรวงการคลังมีเงินมากพอที่จะใช้ชำระค่าใช้จ่ายได้เต็ม 1 วัน ก่อนที่จะเริ่มออกเช็คใดๆ

วิธีการนี้หมายความว่า ทุกคนจะได้รับเช็คช้ากว่ากำหนด ซึ่งรวมถึงโรงเรียนในท้องถิ่นที่ต้องได้รับเงิน 680 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลกลาง ผู้รับสวัสดิการสังคมที่ต้องได้รับเงิน 553 ล้านดอลลาร์ และผู้รับสัมปทานด้านอาวุธที่ต้องได้รับเงิน 972 ล้านดอลลาร์

บริษัทบางแห่งที่มีรัฐบาลสหรัฐเป็นลูกค้ารายใหญ่จะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน

การชำระเงินจะประสบความล่าช้ามากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่การผิดนัดชำระหนี้ดำเนินต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน

31 ต.ค. สถานการณ์ย่ำแย่ลงในวันฮัลโลวีน ซึ่งเป็นวันที่กระทรวงการคลังต้องจ่ายดอกเบี้ย 6 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้ถือครองพันธบัตร

พันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐถือเป็นพื้นฐานของระบบการเงินโลก เพราะการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐถือเป็นการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยง ดังนั้นการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐจึงกลายเป็นพื้นฐาน

สำหรับหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงพอร์ทลงทุนของผู้เกษียณอายุ และเศรษฐกิจจีนที่เน้นการส่งออก

การผิดนัดชำระเงินจะเป็นการสั่นคลอนพื้นฐานดังกล่าว โดยรัฐบาลสหรัฐจ่ายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำมากในปัจจุบันนี้ เพราะรัฐบาลมีประวัติที่แข็งแกร่งในด้านการชำระหนี้ ดังนั้นถ้าหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐก็จะพุ่งสูงขึ้น ตลาดหุ้นก็อาจจะดิ่งลง และผู้บริโภคก็อาจจะปรับลดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังจะเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในวันนั้น โดยทางกระทรวงต้องตัดสินใจว่าจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในจีน หรือจะจ่ายเงินให้แก่กองทัพสหรัฐในอัฟกานิสถาน ขณะที่คณะผู้บริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามาระบุว่า กระทรวงการคลังไม่มีอำนาจในการจัดลำดับความสำคัญในการชำระเงิน แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าทางกระทรวงอาจจะพยายามทำเช่นนั้น

นายคอลลินส์กล่าวว่า "การไม่ชำระดอกเบี้ยตามกำหนดเวลา อาจจะสร้างความเสียหายได้มากกว่าการไม่ชำระเงินในรายการอื่นๆ"

1 พ.ย. รัฐบาลสหรัฐจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เคยประสบมาก่อนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ในทางทฤษฎีนั้น รัฐบาลสหรัฐสามารถชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือครองพันธบัตรได้ตลอดไป เนื่องจากรายได้จากภาษีอยู่ในระดับที่มากพอที่จะครอบคลุมการชำระดอกเบี้ย และกระทรวงการคลังก็จ่ายเงินให้แก่ผู้ถือครองพันธบัตรโดยผ่านทางระบบที่แยกต่างหากจากการชำระเงินในรายการอื่นๆ

การทำเช่นนี้จะส่งผลให้เจ้าหนี้รายอื่นๆได้รับการชำระหนี้ล่าช้า โดยกองทัพสหรัฐอาจจะชำระค่าเช่าได้ล่าช้ากว่ากำหนด และคนชราที่ต้องพึ่งพาเงินสวัสดิการสังคมก็อาจจะไม่มีเงินซื้ออาหาร

ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากกระทรวงการคลังไม่ยอมชำระดอกเบี้ยในวันฮัลโลวีน และนักการเมืองสหรัฐยังไม่ส่งสัญญาณว่าจะคลี่คลายวิกฤตินี้ ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐก็จะได้รับความเสียหาย และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าของเครื่องมือทางการเงินเกือบทุกประเภท ซึ่งรวมถึงดอลลาร์สหรัฐ, สินเชื่อธนาคารในเอเชีย และต้นทุนในการทำประกันพืชผลในรัฐอิลลินอยส์

กระทรวงการคลังระบุว่า "การผิดนัดชำระหนี้จะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเป็นสิ่งที่อาจก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ โดยการผิดนัดชำระหนี้อาจจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก"

กู้2ล้านล้านตัดอำนาจสำนักงบ เลี่ยงตรวจสอบ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

อดีตข้าราชการกระทรวงการคลังผู้รักชาติ!ระบุพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ตัดอำนาจสำนักงบ เตือน "ไม่เป็นเงินแผ่นดิน" สตง.สอบไม่ได้

อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงการคลัง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในกรมสรรพสามิตและกรมบัญชีกลาง เขียนบทความเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท พ.ศ. .... หรือ "ร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้านฯ" ตอนที่ 2 หลังจากเคยสร้างกระแสฮือฮาจากบทความชิ้นแรกมาแล้ว

บทความชิ้นที่ 2 นี้ใช้ชื่อว่า "ถ้าเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทไม่เป็นเงินแผ่นดิน" โดยใช้นามปากกาเดิม คือ "ต.ม.ธ.ก. 2905" มีเนื้อหาระบุว่า เชื่อว่าทุกคนอยากให้ประเทศไทยมีรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ มีรถไฟความเร็วสูง การคมนาคมสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และปลอดภัยด้วยกันทั้งนั้น และก็เชื่อมต่อไปด้วยว่าการที่จะบรรลุความอยากต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลและต้องใช้เวลาหลายปี ฉะนั้นปัญหาเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องความอยาก แต่อยู่ที่วิธีการหาเงินมาใช้จ่าย ถ้าจะใช้จากเงินที่ทำมาหาได้ในปัจจุบันก็เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ หรือจะค่อยๆ เก็บออมจากรายได้ในปัจจุบันสะสมให้มากพอแล้วจึงดำเนินการ ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีกี่ชาติถึงจะบรรลุความอยาก

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องหนีไม่พ้นต้องใช้วิธีการนำเงินที่จะได้ในอนาคตมาใช้ก่อน ฉะนั้นการใช้วิธีกู้เงินจึงไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่เมื่อได้รับเงินกู้มาแล้วจะนำไปใช้จ่ายด้วยวิธีการอย่างไรในทางการคลังมากกว่า

รัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และให้นำเงินที่ได้รับจากการกู้เงินตามร่างกฎหมายดังกล่าวไปใช้นอกกฎหมายว่าด้วยงบประมาณ ในส่วนการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินนั้นไม่มีปัญหา เพราะกระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม อยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่วิธีการนำเงินที่ได้รับจากการกู้ไปใช้ เพราะบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 169 บัญญัติว่า

"การจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้ก็เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง..."

จึงเกิดปัญหาว่า 1.เงินที่ได้รับจากกฎหมายดังกล่าวเป็น "เงินแผ่นดิน" หรือไม่ และ 2.ถ้าเป็นหรือไม่เป็นแล้วจะนำเงินนั้นไปใช้จ่ายนอกกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย ซึ่งได้แก่กฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี กฎหมายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และกฎหมายโอนเงินงบประมาณ รวมทั้งมีมติให้จ่ายเงินไปก่อนได้หรือไม่

อดีตข้าราชการระดับสูงกระทรวงการคลัง ระบุในบทความอีกว่า ประเด็นที่ว่าเงินกู้ที่ได้รับมาจากกฎหมายดังกล่าวเป็นเงินแผ่นดินหรือไม่ ในที่สุดต้องไปยุติที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยหากคำตอบเป็นที่ยุติว่าเป็นเงินแผ่นดิน ก็จะมีปัญหาให้ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า แล้วจะนำเงินนั้นไปใช้จ่ายนอกกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายได้หรือไม่ ซึ่งแม้ส่วนตัวจะตอบให้เป็นข้อยุติไม่ได้เช่นกัน แต่ก็พอจะมองเห็นว่าถ้าเงินที่ได้รับจากการกู้เงินตามกฎหมายดังกล่าว "ไม่เป็นเงินแผ่นดิน" แล้วจะมีผลทางกฎหมายตามมาอย่างไร และถ้าเป็นเงินแผ่นดินหรือไม่เป็นแล้วนำไปใช้นอกเหนือจากกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายแล้วจะมีผลทางกฎหมายตามมาอย่างไร

ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณนั้น ต้องให้สอดคล้องกับแผนการทำงานของหน่วยงาน ทั้งด้านนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจัดลำดับก่อนหลังให้เหมาะสมสอดคล้องกับข้อจำกัดทางทรัพยากรในการทำงานประมาณแต่ละปี

ฉะนั้นในปี พ.ศ. 2502 จึงได้มีการจัดตั้งสำนักงบประมาณขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรีภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี เพื่อรับโอนงานการจัดทำงบประมาณที่เคยเป็นหน่วยงานในกระทรวงการคลังภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไปอยู่ที่สำนักงบประมาณ แล้วให้สำนักงบประมาณมีภารกิจเกี่ยวกับการเสนอแนะ และให้ความเห็นแก่รัฐบาล ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐในด้านการงบประมาณ การจัดทำงบประมาณที่สนองต่อนโยบายและเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาล และการบริหารจัดการงบประมาณ ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุภารกิจของรัฐเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ตอบสนองความต้องการของประชาชน รวมทั้งมีความคุ้มค่าสามารถตรวจและเปิดเผยต่อสาธารณะได้

ฉะนั้นการที่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันมีนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ และเลือกที่จะกู้เงินมาใช้จ่ายนอกงบประมาณ โดยให้ "สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ" ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินกู้ จึงมีผลเท่ากับกฎหมายกู้เงินตัดบทบาทหน้าที่ของ "สำนักงบประมาณ" ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นอกจากนั้น เมื่อดูบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในหมวด 11 ส่วนที่ 1 องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ 4 "คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน" มาตรา 252 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "การตรวจเงินแผ่นดินให้กระทำได้โดยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินที่เป็นอิสระและเป็นกลาง" ฉะนั้นถ้าเงินที่ได้รับจากกฎหมายกู้เงินฉบับดังกล่าว "ไม่เป็นเงินแผ่นดิน" ก็มีผลให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินไม่มีอำนาจตรวจสอบตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน

โดยสรุป 1.การไม่นำรายจ่ายในการดำเนินการตามกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านระบุไว้ในกฎหมายงบประมาณ และให้ "สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ" ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารและจัดการเงินกู้ จึงมีผลเท่ากับกฎหมายเงินกู้ฉบับนี้ได้ตัดบทบาทหน้าที่ของ "สำนักงบประมาณ" ในการจัดทำงบประมาณตลอดทั้งการบริหารและควบคุมตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินโดยตรง

2.ถ้าเงินที่ได้รับจากกฎหมายกู้เงินฉบับดังกล่าวได้ขอยุติว่า "ไม่เป็นเงินแผ่นดิน" ก็จะมีผลทำให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 252

ขสมก. ไล่ออกคนขับ-กระเป๋ารถเมล์ สาย 8 สั่งรถร่วม ห้ามรับทำงาน

ขสมก. สั่งลงโทษ 2 พนักงานประจำรถร่วม สาย 8 หลังมีคลิปไล่ผู้โดยสารถูกแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยจะมีการส่งจดหมายถึงผู้ประกอบการรถร่วมห้ามรับเข้าทำงานเด็ดขาด พร้อมส่งเรื่องให้กรมขนส่งทางบกบันทึกประวัติไว้ด้วย


            สืบเนื่องจากกรณีที่มีคลิปพนักงานประจำรถเอกชนร่วมบริการ สาย 8 ไล่ผู้โดยสารลงจากรถพร้อมส่งโทรศัพท์ท้าให้ร้องเรียนการบริการ เผยแพร่อยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก จนสื่อต่าง ๆ ได้หยิบยกขึ้นมานำเสนอข่าวนั้น ล่าสุด เมื่อวานนี้ (7 ตุลาคม 2556) นายอัฌษไธค์ รัตนลิดก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้เชิญตัวแทน บริษัท ทรัพย์ 888 จำกัด ผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ สาย 8 พร้อมพนักงานประจำรถคันที่เกิดเหตุมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว

            โดยทั้ง 2 คน รับสารภาพว่า กระทำพฤติกรรมดังกล่าวจริง กรมขนส่งทางบก จึงได้มีการลงโทษให้พนักงานทั้ง 2 คน โดยการพักใบอนุญาตขับขี่และพักงานพนักงานเก็บค่าโดยสาร พร้อมทั้งอบรมเรื่องมารยาทการให้บริการเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ส่วนเรื่องการไล่ออกนั้น เป็นของเรื่องบริษัท ทรัพย์ 888 จำกัด ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะกรมการขนส่งทางบก ไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว

            อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการได้สอบสวนและพิจารณาตัดสินตามคลิปภาพที่ปรากฏ และลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมายทุกขั้นตอน โดยให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งหวังว่าพนักงานทั้ง 2 คน จะสำนึกผิดและปรับปรุงพฤติกรรม

            นอกจากนี้ ในเวลาต่อมาทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้ทำหนังสือชี้แจงกรณีดังกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ได้สั่งการให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยเชิญบริษัทผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ สาย 8 เข้าหารือ พร้อมสั่งลงโทษบริษัทดังกล่าว รวมถึงพนักงานผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน โดยทันทีและเด็ดขาด โดยในหนังสือชี้แจงดังกล่าว ระบุข้อความดังนี้...


เรื่อง พนักงานรถเอกชนร่วมบริการ สาย 8  แสดงกิริยาไม่สุภาพกับผู้โดยสาร

เรียน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว
สิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือร้องเรียนของผู้โดยสาร                   

            ตามที่มีคลิปพนักงานประจำรถเอกชนร่วมบริการ สาย 8 ไล่ผู้โดยสารลงจากรถพร้อมส่งโทรศัพท์ ท้าให้ร้องเรียนการบริการ เผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์กผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2556 และเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 รายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ได้นำเสนอข่าว นั้น               

            องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้นำเสนอข่าวดังกล่าวและขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบดังนี้ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2556 เวลา 07.30 น. นายเอกณรงค์ ชัยชนะ พนักงานสายตรวจพิเศษปฏิบัติหน้าที่ ณ สถานี BTS จตุจักร (ขาออก) ได้รับการร้องเรียนจากผู้โดยสาร ชื่อ มสารรัศม์ฯ เรื่องการให้บริการของรถเอกชนร่วมบริการ สาย 8 ว่า พนักงานขับรถชื่อ นายสมบูรณ์ ขับรถคันหมายเลข 35-102 หมายเลขทะเบียน 10-9778  กทม. ไล่ให้ลงจากรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารพูดจาท้าทายแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ ซึ่งนายเอกณรงค์ ได้ทำบันทึกรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น แต่เนื่องจาก วันที่ 5 ตุลาคม 2556 เป็นวันเสาร์ ผู้บังคับบัญชาได้รายงานให้ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพทราบเรื่องในวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 จึงได้สั่งการให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยเชิญบริษัท ทรัพย์ 888 จำกัด ผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ สาย 8 พร้อมพนักงานประจำรถคันที่เกิดเหตุมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 09.00 น. ผลการสอบสวนปรากฏว่า พนักงานมีความผิดตามที่ถูกร้องเรียน จึงได้มีการลงโทษ ดังนี้

            1. พักการเดินรถคันที่เกิดเหตุเป็นเวลา 10 วัน

            2. ให้บริษัท ทรัพย์ 888 จำกัด ลงโทษพนักงานทั้ง 2 คน โดยไม่ให้ปฏิบัติงานบนรถโดยสารของบริษัททุกคัน

            3. องค์การจะมีหนังสือถึงผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนร่วมบริการทุกรายมิให้รับพนักงานทั้ง 2 คน เข้าเป็นพนักงานประจำรถอีกต่อไป

            4. องค์การจะส่งประวัติของพนักงานทั้ง 2 คน ให้กรมการขนส่งทางบกบันทึกไว้ในประวัติด้วย

            จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอขอบคุณสื่อมวลชนอีกครั้งที่สะท้อนให้ ขสมก. เห็นปัญหาข้อบกพร่องดังกล่าว ซึ่งจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขการบริการของ ขสมก. ให้ดีขึ้นต่อไป

ขอแสดงความนับถือ
(นายโอภาส เพชรมุณี)
ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

สิ่งที่ควรรู้กับการที่ FACEBOOK ปรับขนาดภาพ LINK POST ให้ใหญ่ขึ้น


Post Type

เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา Facebook ได้มีการปรับปรุงในหลายส่วน เช่นการปรับระบบโฆษณาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นและแสดงผลดีขึ้น และหนึ่งในสิ่งที่มีผลตามมาด้วยคือการแสดงผล Link Post ใน News Feed  และ Profile / Page Timeline ซึ่งนั่นน่าจะมีผลช่วยในเรื่องการทำให้คอนเทนต์จาก Source ข้างนอกอย่างเว็บไซต์ต่างๆ มีโอกาสที่จะดึงดูดและสร้างความสนใจได้มากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงขนาดภาพ

ถ้าเราเทียบกับการโพสต​์ Link ในแต่ก่อนนั้น ภาพที่แสดงใน News Feed จะเป็นภาพขนาดเล็ก ซึ่งไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนที่เลื่อนดู News Feed ได้เสียเท่าไร นั่นจึงทำให้หลายๆ คนใช้เทคนิคการโพสต์ภาพนิ่งแล้วแนบลิงค์ลงในคำบรรยายเสียมากกว่า เพราะอย่างน้อยแล้ว การมีภาพที่น่าดึงดูดก็จะช่วยให้คนหยุดสนใจคอนเทนต์ดังกล่าวได้
Screen Shot 2556-09-11 at 12.14.57 PMScreen Shot 2556-09-11 at 12.15.46 PM
จากผลดังกล่าว ทำให้การโพสต์ประเภท Link ที่แม้ว่าจะสร้างโอกาสในการคลิ้กเพื่อไปสู่เว็บไซต์ต่างๆ ได้ก็จริง แต่กลับสร้าง Engagement ได้น้อย แถมในหลายๆ การสำรวจยังพบว่าสร้าง Reach ได้น้อยกว่าการโพสต์ประเภทภาพหรือวีดีโอเสียอีก
และดูเหมือนว่า Facebook จะเล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงทำการปรับขนาดภาพของ Link เสียใหม่ให้ดูมีความใกล้เคียงกับขนาดภาพปรกติที่อยู่บน Timeline โดยในการแสดงผลแบบใหม่นั้น ขนาดของ Link ทั้งหมดจะมีขนาดใหญ่ขึ้นในลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัส (แบบเดียวกับขนาดภาพมาตราฐาน) แล้วแบ่งพื้นที่ในการแสดงผลภาพ Thumbnail ใหญ่ขึ้นควบคู่ไม่การส่วนแสดงผล Description ที่เพิ่มขึ้นด้วย
facebook_link_1facebook_link_2
การแสดงผลดังกล่าวยังครอบคลุมไ่ถึงการแสดงผลในหน้า Timeline ของ Page  อีกด้วย
facebook_link_3
Screen Shot 2556-09-11 at 12.22.49 PM
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการออกมายืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลต่อเรื่อง Algorithm ที่นำมาคำนวนเพื่อดึงโพสต์มาแสดงผลหน้า News Feed หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ มันย่อมมีประโยชน์กับเจ้าของเว็บไซต์หรือแบรนด์ที่อยากโพสต์คอนเทนต์แบบอื่นด้วย

ประเด็นควรรู้สำหรับนักการตลาด / เจ้าของเว็บไซต์

1. ขนาดภาพที่ใหญ่ขึ้น ย่อมหมายถึงการดึงดูดสายตาของคนที่ใช้ Facebook ได้ดีขึ้นด้วย ฉะนั้นแล้วนี่คือโอกาสใหม่ที่จะทำให้โพสต์แบบ Link ของคุณมีโอกาสดึงความสนใจมากขึ้น และโอกาสที่จะสร้างคลิกเข้าไปดูเนื้อหาที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
2. ขนาดภาพที่แสดงนั้นไม่ได้มีขนาดเดียว โดยมีรายละเอียดตามด้านล่าง
  • ภาพ Thumbnail ที่โชว์ใน Timeline ของ Page คือ 377×197 pixel
  • ภาพ Thumbnail บน News Feed ที่เกิดจากการแชร์ของ User เองจะอยู่ที่ 398×208 pixel
  • ภาพ Thumbnail บน News Feed ที่เกิดจากการคลิ้ก Like ที่ตัว Link ของ User อีกที จะอยู่ที่ 358×187 pixel
3. จากขนาดภาพดังกล่าว เข้าใจได้ว่า Facebook ทำการปรับภาพที่เป็น og_image ของลิงค์ (ภาพ Feature) ให้เป็นขนาดต่างๆ
4. เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้แนวทางการทำคอนเทนต์อาจจะไม่จำเป็นต้องจบที่ Facebook อย่างเดียว แต่สามารถใช้คอนเทนต์จากเว็บไซต์ / blog อื่นๆ มาช่วยได้อีก โดยต้องไม่ลืมให้ความสำคัญในการเลือกรูปภาพประกอบแบบเดียวกับที่เราเลือกภาพมาใช้ในวิธีการโพสต์แบบเดิมๆ

อัพเดท LINE กับการตลาดดิจิทัลในไทย [INFOGRAPHIC]


Post Type

เป็นที่รู้กันว่า LINE เป็นแอพพลิเคชั่นแชทอันดับหนึ่งของคนไทยในปัจจุบัน มีผู้ใช้งานทะลุ 18 ล้านคนไปเรียบร้อยและน่าจะไล่จี้ฐานผู้ใช้ Facebook ของไทยไปอย่างติดๆ แน่นอนว่าการที่มันเป็นช่องทางที่คนติดต่อสื่อสารกันบ่อยที่สุดช่องทางหนึ่ง จึงไม่แปลกที่จะมีบรรดาแบรนด์ต่างๆ พากันเข้าไปช่วงชิงพื้นที่เพื่อทำการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง
Edge-Asia ที่ประเทศไทยได้ทำการรวบรวมข้อมูลสถิติน่าสนใจต่างๆ ของ LINE ณ ปัจจุบัน แล้วทำเป็น Infographic เพื่อให้เห็นภาพสถานะปัจจุบันของการตลาดกับ LINE ซึ่งเราก็จะเห็นว่ามีข้อมูลน่าสนใจมากมาย ทั้งเรื่องลำดับเวลา และการปล่อยสติ๊กเกอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดสำคัญบนแพลตฟอร์มของ LINE ด้วย
  • ปัจุจุบันมี 20 แบรนด์ที่มีการเปิด Official Account บน LINE
  • ขณะเดียวกัน มี 8 แบรนด์ที่ไม่ได้เปิด Official Account แต่มีการทำ Sticker ให้ดาว์นโหลดฟรี
  • TrueMove H เป็นแบรนด์ที่มีคนแอดเข้า Official Account มากที่สุด โดยมีการปล่อย Sticker ให้ดาว์นโหลดสูงสุด คือ 4 ครั้งด้วยกัน
Infographic-(Line)

เบื้องลึกใน I-Bank ธงรบ ด่านอำไพ MD ลาออกเหตุถูกการเมืองแทรก

 เบื้องลึกใน I-Bank ธงรบ ด่านอำไพ MD ยกธงขาว ลาออกจากทุกตำแหน่ง และมีผลทันทีเมื่อวันที่ 1 ตุลา 2556ที่ผ่านมา สาเหตุ ความเห็นที่ไม่ตรงกันกับ "เสี่ยโต้ง" ทั้งๆที่ "ชวน" ให้เข้ามาสางปัญหา ที่อดีต MD สั่งเบรกสินเชื่อเก่าไว้จนกลายเป็น NPL ผลงสน 3 เดือนสามารถ แก้ไข NPL คืบหน้ากว่า 2.3 หมื่นล้านบาทขณะที่ตามแผนเดิมนั้น ต้องสางหนี้ 6,500 ล้านบาทต่อปี จากมูลหนี้ที่ประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าธุรกิจ และ SME เป็นหลัก 100 ราย

ผลงานแก้หนี้มีความคืบหน้า เสี่ยโต้ง ส่ง "ที่ปรึกษาพิเศษ" ที่ไม่ใช่มาในรูปของกรรมการ เข้ามาตรวจสอบการอนุมัติสินเชื่อ และได้รับสิทธิขาด ในการอนุมัติสินเชื่อโดยไม่ผ่านบอร์ดชะรีอะฮ์ ผิดหลักศาสนาอิสลาม ทำให้ไม่สามารถขยายฐาน ลูกค้ามุสลิมตามเป้าหมาย

ที่สำคัญ เสี่ยโต้งสั่ง ให้เพิ่มเงินเดือน "ที่ปรึกษาพิเศษ " เป็นอัตรา 2 แสนบาทจากเดิมที่ได้รับ 8 หมื่นบาท ทั้งๆที่ที่ปรึกษา ในตำแหน่ง "อธิบดี"รับเงินเดือนในอัตราเพียง 6 หมื่นบาทเท่านั้น

การแทรกแซงการทำงาน ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มขยายวงถึงขั้นให้ ยกเลิกมติการสรรหา รองกรรมการและผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ รวมทั้งการสั่งปลดพนักงาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการเคลื่อนไหว ประท้วงจนอดีต MD ต้องลาออกไป

ฟางเส้นสุดท้าย เสี่ยโต้ง เดือดและไม่เห็นด้วย กับข้อเสนอ "ธงรบ"ขอดึงเงินกันสำรอง จาก NPL ที่มีความคืบหน้าแก้ไขได้แล้ว โดยหวังจะประคองสถานะ ไอแบงก์ที่อยู่ระหว่าง รอเงินเพิ่มทุนจากงบประมาณ ปี 2557 อีก 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เงื่อนไขการเพิ่มทุน ไอแบงก์ทั้งจำนวน 7,000 ล้านบาท โดยมาจากผู้ถือหุ้นเดิม 927 ล้านบาท ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งได้ทยอยใส่เงิน เพิ่มทุนรอบแรกมาแล้ว 660 ล้านบาท ที่เหลืออีกกว่า 6,000 ล้านบาทนั้น รอการเพิ่มทุนรอบที่ 2 จากเงินงบประมาณปี 2557

จุดเดือด "ธงรบ"ได้เสนอแก้ไขกฎหมายบางฉบับ เพื่อให้เดินหน้าธุรกิจ ธนาคารอิสลามตามหลักชะรีอะฮ์ แม้ภายในธนาคาร จะมีบอร์ดศาสนา ในการกำกับการดำเนินธุรกิจ ตาม พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม 2545 แต่การกำกับมาตรฐาน โดย ธปท. และกระทรวงการคลัง ซึ่งยังไม่มีบอร์ด เป็นการเฉพาะ

ที่มา : FB Siriwanna Jill


ฐิตินาถ ณ พัทลุง:งาน-เงิน-ชีวิต

จากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ โดย  ฐิตินาถ ณ พัทลุง

การตีความผิดๆต่อเงิน ต่อความสัมพันธ์ของเรากับเงิน ความกลัวอย่างลึกซึ้งว่าเงินจะทำให้เราไม่ปลอดภัย มีผลฉุดรั้งคนจำนวนมากไว้ ทำให้ต้องทำงานหนักทั้งชีวิต แต่เป็นได้แค่หนูถีบจักร ที่วิ่ง
ไล่ล่าความสุขในอากาศ

การมีความสุข มีปัญญาเข้าใจโลกตามความเป็นจริงเป็นฐานของทุกอย่าง

เงินเป็นอุปกรณ์ ที่จะใช้ในการสร้างประโยชน์ เมื่อเราเป็นนายของเงินด้วยการมีความสามารถในการมีความสุขด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้เงินซื้อ หรือ ทำให้เกิดโทษก็ได้ หากเรายอมให้เงินครอบงำเพราะไม่สามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเอง ต้องพึ่งพาเงินเพียงอย่างเดียว

ฆราวาสธรรมของพระพุทธเจ้า สอนให้เรารู้จัก หาเงินอย่างมีปัญญา รู้จักใช้ตามฐานะ รูจักเก็บไว้ลงทุน และแบ่งปันทำบุญช่วยเหลือผู้อื่น

แต่คนจำนวนมาก พูดถึงการทำงานโดยสุจริตของผู้อื่น ด้วยประโยคว่า มันเป็นธุรกิจ ทั้งที่ตัวเองอยากได้เงิน แต่ไม่สามารถทำอย่างเขาได้ สังคมของเรามีคนที่เข้าใจผิดต่อเงิน และใช้ชีวิตแบบปากว่าตาขยิบ อยากได้เงิน ใช้เงินที่ตัวเองไม่มี จนเป็นหนี้บัตรเครดิตมากมาย แต่คอยตำหนิคนที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่ศึกษาว่าเขามีความเพียรใฝ่รู้อย่างไร

คนจำนวนมากกลัวความสำเร็จ พอจะไปถึงจุดที่กำลังจะดีก็ถอยหรือทำให้หายไปเสียทุกครั้ง เราจึงต้องกลับมาสำรวจที่จุดเริ่มต้นคือใจเราเอง มองชำแรกลงไปให้เห็น ความต้องการลับ ที่ซ่อนเอาไว้ในใจ และความกลัวคนตัดสิน กลัวไม่สำเร็จ กลัวไม่เป็นที่รัก กลัว การยืนในที่แจ้ง ความกลัวว่าความสำเร็จจะทำให้ความรักและสิ่งดีดีในชีวิตหายไป และอย่างที่เข็มทิศชีวิตพูดอยู่เสมอคือ อะไรที่เรากลัว เราจะยิ่งได้มัน

สำรวจตัวเอง ถ้าวันนี้ เรารู้สึกว่าเรายังขาดปัจจัย ขาดเงินขาดโอกาสขาดเวลาที่ทำให้เรารู้สึก มีความสุข มีชีวิตที่สมดุลย์ มีเวลาอยู่กับคนที่มีความหมาย มีเวลาฝึกฝนอบรมทางปัญญา เมื่อใดที่ต้องการ ไม่ได้ใช้ชีวิตตามศักยภาพที่แท้จริงของเรา แต่ใช้ชีวิตตามข้อจำกัดทั้งด้านการอนุญาตให้ตัวเองได้ทำสิ่งที่รักอย่างแท้จริง แสดงว่า มีความคิดบางอย่างในหัวของเรา ที่ยังไม่ยอมรับตัวเองให้ประสบความสำเร็จ ชัดเจนตรงไปตรงมาแบบนั้นเอง

ในห้องเรียน เข็มทิศ ชีวิต คนที่รังเกียจเงินกลับพบว่า ครอบครัวของตนเคยดูถูกพ่อที่น่ารักหัวใจงามที่สุด โรแมนติกและรักเรามากที่สุดเพียงเพราะเพราะเขาหาเงินไม่ได้

สิ่งที่น่าแปลกคือ คนที่บอกว่าเงิน หรือความสำเร็จไม่สำคัญ มันกลับ กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนและบาดใจในชีวิตทีเดียว

เรื่องหลายเรื่อง ถ้าเราให้ความสำคัญดูแลเขาให้ดีเหมาะสม เขาจะไม่กลายเป็นวิกฤตเร่งด่วนในชีวิตของเรา หนังสือเข็มทิศชีวิตมั่งคั่ง ที่ทำออกมาและโหลดให้ดูฟรีในยูทูบ เพื่อให้คนไทยมีชีวิตที่แข็งแรงชวนเราสำรวจแบรนด์ที่สำคัญที่สุด คือ แบรนด์ที่เป็นตัวคุณ คุณมีวิสัยทัศน์ให้กับตัวเองหรือเปล่า ว่าคุณอยากเป็นอะไร ถ้า สตาร์บัคส์เป็นบ้านที่สามระหว่างบ้านกับที่ทำงาน กูเกิ้ล เปิดโลกทั้งใบในคลิกเดียว แอ๊ปเปิ้ลเปลี่ยนแปลงโลก แล้วคุณ เป็นอะไร

ความสำเร็จไม่ได้มาจากความบังเอิญ แต่มาจากการวางแผนอย่างรัดกุม ของวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน สำรวจ Business Model ของตัวคุณ

จุดที่ความสนใจ ความชำนาญ และบุคลิกภาพ มาประสานกัน เป็นจุดเล็กๆที่คุณแข็งแรงและเฉียบคมที่สุด กล้าพอที่ค้นให้พบมัน

รูปแบบธุรกิจที่ไม่ประสบความสำเร็จคือการไม่ยอมรับคุณค่าในตัวเองให้พอ ทำให้ทุกอย่างที่วางแผน ขาด เกิน ไม่สำคัญว่าเราจะมีความรู้ทางธุรกิจ หาก Business Model ของตัวเอง ไม่ได้ถูกทำให้ชัด มันจะไม่สำเร็จตามที่ต้องการ

การลงทุนที่สำคัญที่สุดคือการทำความคิดให้ตรง จะทำอะไร เพื่ออะไร ทำอย่างไร ทำแล้ววางใจอย่างไร

ทำไมคนจำนวนมาก ก้าวเท้าผิดทุกครั้ง ไอเดียที่คนอื่นทำรวย ตัวเองทำเจ๊ง

ผ่าตัวเอง มาดู Swot จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส ปัญหา ที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ ที่เราไม่เคยกล้าแม้แต่จะมองเห็น

สำรวจ Key Personality เอกลักษณ์ ที่คุณเป็นจริงๆ ทั้งที่รู้และไม่รู้

ลอกภาพที่เราต้องการให้โลกเห็นออกไป Social Self

ลอกภาพที่เรากลัวว่าเราจะเป็นออกไป Negative Self

เราทำอะไรมาบ้าง กี่อย่างที่เราพลาดไป กี่อย่างที่เราได้ลงมือตัดสินใจทำ

ตอบคำถามว่า เรากำลังเดินไปไหน

สิ่งที่เรากำลังทำ เพื่อเงินหรือ เพื่อสิ่งที่รัก หรือ เป็น a calling เป็นสิ่งที่เราเกิดมาเพื่อจะทำเป็นความหมายของการดำรงอยู่ที่เราตื่นมาเพื่อจะทำมันทุกวัน

เขียนรูปแบบการส่งมอบประโยชน์จากตนสู่โลกใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า

อะไรสำคัญกับเราอย่างแท้จริง

กำหนดแรงบันดาลใจ ใหม่ ความเชื่อใหม่ เพื่อกลยุทธ์ใหม่ วิธีการใหม่

เตรียมพร้อม ที่จะสร้างตัวเองใหม่อย่างรู้สึกตัว

นักเดินทางที่ชำนาญจะไม่ออกเดินทางด้วยแผนที่ที่ผิด หยุดเป็นกัปตันของชีวิตที่ขาดความเข้าใจ

ความเสี่ยงของการลงทุนผิด หุ้นผิด วางใจคนผิด ลงทุนผิด เสียทั้งเงิน และศรัทธาในตัวเอง

ลงทุนอย่างถูกต้องแม่นยำด้วยความรู้ตัวอย่างแจ่มชัด กล้าที่จะนำเสนอสิ่งที่เราสามารถทำให้โลกนี้ดีขึ้น ข้อดีที่สุดของการส่งมอบ สิ่งที่ดีที่สุดให้กับมนุษย์ คือการให้ที่มากกว่ารับ สิ่งที่คุณขาย มีประโยชน์กับผู้ซื้อสูงกว่าสิ่งที่ผู้ซื้อมอบตอบแทนกลับมา ทำให้คุณกล้าบอกคนอย่างตรงไปตรงมา ว่ามันจำเป็นสำหรับชีวิตของเขา และผลลัพธ์ของมันเขาสามารถนำไปสร้างชีวิตตัวเองได้ยอดเยี่ยมมหัศจรรย์เท่าที่เขาตัดสินใจ และมุ่งมั่นที่จะทำสำเร็จ

ดูการทำ โบว์ชาร์ต แผนการทำธุรกิจ Business Model เชิงพุทธ ที่เข็มทิศชีวิตสรุปขึ้นมาได้ในยูทูบ www.youtube.com/compassnlp ชื่อคลิปเข็มทิศชีวิตมั่งคั่ง ของให้ทุกคน ทุกองค์กร มีความแม่นยำในสิ่งที่ทำ จะทำอะไรเพื่ออะไร ทำอย่างไร ได้รับผลอย่างไร มีความเสี่ยงทำคำนวณแล้วอย่างไร คนไทยแข็งแรง ประเทศไทยแข็งแรง เพราะวันนี้ ประเทศของเรา รอไม่ได้แล้ว ลุกขึ้นมาทำชีวิตให้สำเร็จมั่นคง เพื่อเรา เพื่อคนที่เรารัก และแผ่นดินเกิดของเรา

บทความโดยครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง เข็มทิศชีวิต

ลงในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เมื่อเมษายน2555
บทความเต็มอยูในหนังสือเข็มทิศชีวิต5มั่งคั่ง

ติดตามเรียนทางไกลฟรีได้ทางยูทูบ ช่อง youtube.com/compassNLP
และแบบฝึกหัดทางเฟซบุค
Facebook.com/ddnard

8 สัญญาณที่ทำให้รู้ว่า ชีวิตการทำงานกำลังมาถูกทาง

คนที่รู้ตัวเองมาตั้งแต่ต้นว่าตัวเอง ชอบทำงานอะไรนั้น นับว่าเป็นคนส่วนน้อยมากๆ ในโลกใบนี้แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่เลย... กำลังสงสัยอยู่หรือเปล่าว่าทางเดินที่กำลังเดินอยู่นี้ เราเดินมาถูกทางหรือเปล่า?

ช่วงอายุ 20-30 ปีของคนส่วนใหญ่ จะเป็นช่วง soul-searching (หรือช่วงค้นหาตัวเอง) ก็คือทำงานประจำอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่แต่ลึกๆ ในใจจะสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า เราเหมาะกับงานที่เรากำลังทำอยู่จริงๆ เหรอ? เรากำลังมาผิดทางอยู่หรือเปล่า? 

ส่วนบางคนก็ใช้วิธีหนีไปเรียนต่อเพื่อหลีกเลี่ยงชีวิตทำงานที่มีแต่งานที่ ตัวเองไม่ได้รู้สึกว่าชอบ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้แน่ใจด้วยว่าสายงานที่ไปเรียนต่อนั้น คือสายงานที่เราชอบจริงๆ แต่เรียนต่อเพื่อซื้อเวลาที่จะต้องตัดสินใจให้เลื่อนออกไปเรื่อยๆ เท่านั้น

ด้วย 8 สัญญาณต่อไปนี้ จะทำให้เราตอบคำถามที่อยู่ในใจได้ว่าเราควรจะหยุดเดินเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง ใหม่ หรือเดินต่อไปในเส้นทางนี้อย่างมั่นคง

1. ไม่รู้สึกว่ากำลังทำงานอยู่
2. สอดคล้องกับทัศนคติ
3. ยินดีที่จะพบเจอ (ไม่ว่าอุปสรรคหรือโอกาส)
4. ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง
5. ปรับห้องทำงานให้เหมาะกับการอยู่อาศัย
6. ความรับผิดชอบเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่
7. ผู้คนสังเกตเห็นพลังงานในตัวเรา
8. หลับสนิทและพร้อมเสมอสำหรับวันรุ่งขึ้น

สตีฟ จ็อบส์ กล่าวไว้ว่า “การทำงานของเราจะเติมเต็มพื้นที่ส่วนใหญ่ของชีวิต วิธีเดียวที่จะทำให้เราเจอกับความพึงพอใจอย่างแท้จริงคือการทำในสิ่งที่ตัว เราเชื่อว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ และวิธีเดียวที่จะทำให้ผลงานของเราออกมาดีเยี่ยมคือเราต้องรักในสิ่งที่เรา ทำ หากเรายังไม่พบในตอนนี้ ให้ค้นหามันต่อไป เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ เมื่อเราเจอในสิ่งที่ใช่ หัวใจจะบอกเราเอง!”

สุดท้ายแล้ว ถ้าเจอกับงานที่ใช่แล้ว ก็ขอให้ทำเต็มที่ให้สมกับโอกาสที่ได้รับมานะคะ ส่วนคนที่ยังไม่เจองานที่ใช่ก็ขอให้ตั้งใจมองหาต่อไป อย่าเพิ่งไปยอมแพ้กับเสียงของคนรอบข้างที่กดดันหรือคัดค้านไม่ให้เราตามหา งานที่ใช่ที่สุด แต่ถ้าคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ตามหาอย่างไรก็ไม่รู้จริงๆ ว่าอยากจะทำอะไรเป็นพิเศษ

เราอยากจะให้กำลังใจและยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องผิดเลยค่ะที่ค้นหาตัวเองไม่เจอ คนมากมายบนโลกนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรแต่ก็ผ่านช่วงเวลามาได้อย่าง มีความสุข ดังนั้นอยากให้ลองทำสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด มีความสุขกับมันมากที่สุด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกนะคะ

ขอบคุณบทความดีๆ จาก incquity
http://incquity.com/articles/8-signs-you-found-right-job