PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

นายกฯกล่อมคนอีสานอย่าโทษแต่ รบ.

นายกฯกล่อมคนอีสานอย่าโทษแต่ รบ.
แนะ ปชช. พิจารณาก่อนหย่อนบัตรเลือก
“ประยุทธ์” นำคณะ ครม.ลงพื้นที่อำนาจเจริญ ติดตามศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์ เมืองธรรมเกษตร ระบุปัญหาที่เกิดขึ้น มาจากเลือกผู้นำผิด ชี้โทษรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่ได้ แนะประชาชนพิจารณาก่อนเลือกใครมาเป็นผู้นำ
เมื่อ 23 ก.ค. 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมคณะประกอบด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางถึงศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์ เมืองธรรมเกษตร ไร่ภูตะวัน ออร์แกนิคฟาร์มบ้านหนองเม็ก จังหวัดอำนาจเจริญ
หลังจากที่เดินทางมาถึงนายกรัฐมนตรีได้รับฟังความเป็นมาศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์ เมืองธรรมเกษตร ไร่ภูตะวัน ก่อนจะพบปะกับข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ พร้อมกล่าวว่า ตื่นเต้นเล็กน้อยไม่ได้มานาน พื้นที่ในภาคอีสานรัฐบาลได้มาหลายจังหวัดแล้ว ดีใจที่ได้เจอพี่น้องทุกคน หากไม่สบายก็ต้องมาเพราะคิดถึงกัน
ขณะเดียวกัน ระหว่างเดินทางมาตนเองได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรีว่า จะทำยังไงให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล จึงขออย่ามองว่า มาการเมือง อะไรก็เป็นการเมืองไปทั้งหมด แต่ที่มาวันนี้เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่วันนี้มุ่งหวังดูปัญหาที่มีอยู่เพื่อแก้ไขให้ได้ เพราะมีการทำงานมาหลายรัฐบาลแล้ว
รวมทั้ง กล่าวว่า วันข้างหน้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่จะเริ่มต้นให้ได้วันนี้ก่อน เพราะที่ผ่านมาเจอปัญหามาเยอะ หากมองว่ารัฐบาลมาแล้วของบประมาณปีนี้ก็อยู่แค่ปีนี้ ดังนั้น รัฐบาลนี้จะต้องเดินหน้าประเทศอย่างยั่งยืน จึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะต้องดีขึ้น จึงต้องวางแผนเพราะแก้วันนี้หรือพรุ่งนี้ไม่ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังอยากให้ประชาชนฟังรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่พูดในทุกวันศุกร์ จะได้ทราบว่า ตนเองมีเจตนาดีกับทุกคนอย่างไร และสิ่งสำคัญต้องสร้างหลักคิดว่าจะพัฒนาตนเองได้อย่างไร ขณะเดียวกัน คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันในรูปแบบประชารัฐไม่ใช่แค่รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ถึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการเมือง
“ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่าง เกิดขึ้นเพราะการเลือกผู้นำที่ผิด จะมาโทษรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่ได้ จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาก่อนจะเลือกใครมาเป็นผู้นำ เพราะคนนั้นจะต้องรับผิดชอบ เหมือนกับการเลือกผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต. เมื่อถนนพังก็ต้องรับผิดชอบปรับปรุงให้ เช่นเดียวกับตนเองที่ต้องรับผิดชอบทุกเรื่องในประเทศที่เกิดขึ้น”
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำช่วงท้ายว่า ยิ่งใกล้เลือกตั้งตนเองยิ่งต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้นเพื่อชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ และการเลือกตั้งครั้งต่อไปเมื่อมีรัฐบาลใหม่ จะต้องเป็นรัฐบาลที่ไปได้ทุกที่ ยิ่งมีคนเกลียดยิ่งต้องไป เพราะประชาชนไม่เข้าใจจึงต้องไปทำให้เข้าใจ จึงขออย่าแบ่งสีแบ่งฝ่าย ใครจะไม่ชอบตนเองก็ไม่เป็นไร แต่ทหารทุกคนรักชาวบ้าน
“ทุกที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่งรัฐบาลลงพื้นที่เพื่อต้องการรับทราบปัญหาและแก้ปัญหาให้กับทุกพื้นที่ ไม่ได้ลงพื้นที่มาหาเสียงและไม่ได้มาหว่านเงินให้กับประชาชน เพราะเงินที่นำมาใช้เป็นเงินของประชาชนและเป็นงบประมาณของแผ่นดินที่ได้ตั้งไว้ โดยจะนำมาพิจารณาโครงการต่างๆให้เหมาะสมกับงบประมาณ และขอทุกคนอย่าเป็นหนี้เพราะรัฐบาลกำลังเดินหน้าปราบปรามหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง”
PEACE NEWS

“บิ๊กตู่” ณ “ราชธานีเจริญศรีโสธร”

“บิ๊กตู่” ณ “ราชธานีเจริญศรีโสธร”
ทั้งผ้าขาวม้า ทั้งผ้าพันคอ...“นายกฯบิ๊กตู่” สวมเสื้อเหลือง จัดเต็ม ของชอบ ชาวบ้านให้ ....ลงพื้นที่ อำนาจเจริญ ก่อน ไป อุบลฯ ประชุม ครม.สัญจร
เตรียมอนุมัติงบฯหมื่นล้าน พัฒนากลุ่มจังหวัด “ราชธานีเจริญศรีโสธร” คือ จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร

ยิ่งเกลียด ยิ่งตัองไป !!

ยิ่งเกลียด ยิ่งตัองไป !!
“นายกฯบิ๊กตู่” อ้อน ชาวอิสาน แม้ไม่สบาย ก็ต้องมา เพราะคิดถึง...อย่ามองว่ามาการเมือง อะไรก็เป็นการเมืองไปทั้งหมด แต่ ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ผมยิ่งต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ และการเลือกตั้งครั้งต่อไปเมื่อมีรัฐบาลใหม่ จะต้องเป็นรัฐบาลที่ไปได้ทุกที่ ยิ่งที่ไหน มีคนเกลียด ก็ยิ่งตัองไป ทำความเข้าใจ ขออย่าแบ่งสีแบ่งฝ่าย ใครจะไม่ชอบผม ก็ไม่เป็นไร แต่ทหารทุกคนรักชาวบ้าน
:บิ๊กตู่ อำนาจเจริญ 23กค.2561

“ประชารัฐ”ทีม

“ประชารัฐ”ทีม
สู่ ทีม “พลังประชารัฐ”
“นายกฯบิ๊กตู่” ควงคู่ “รองสมคิด” และ รมต.อุตตม และ รมต. สนธิรัตน์ ลงพื้นที่อำนาจเจริญ..... ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า เป็น คีย์แมน พรรค พลังประชารัฐ พรรคของ คสช. พรรค หนุน บิ๊กตู่ เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง

ยึดประชารัฐ

ยึดประชารัฐ
“รองประวิตร” สั่งเข้ม กอ.รมน.จังหวัด ทหาร-ตำรวจ อุบลราชธานี ทำงานเชิงรุกยึดระบบประชารัฐ. เร่งติดกล้องวงจรปิด ให้ครบ พร้อมรับมืออุบัติภัย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของ กอ.รมน.จังหวัด รวมทั้ง หน่วยทหารพัฒนาภาค 5 และมณฑลทหารบกที่ 22 อุบลราชธานี และ สถานีตำรวจ เมือวอุบลฯ และ วารินชำราบ
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร ได้เน้นย้ำให้ ส่วนราชการในพื้นที่ ให้บูรณาการระบบกล้องวงจรปิดร่วมกันโดย กอ.รมน.เป็นหน่วยงานหลัก
และขอให้ประสานทำงานร่วมกับกองกำลังป้องกันชายแดน ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะสินค้าการเกษตรที่ควบคุมและห้ามนำเข้า ซึ่งเป็นส่วนให้ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ
พร้อมทั้งขอให้ร่วมกับฝ่ายปกครอง ดูแลสนับสนุนการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” เสริมสร้างความเข้มแข็งของกระบวนการชุมชน
พร้อมทั้งขอให้เตรียมความพร้อม ตอบสนองให้การช่วยเหลือและป้องกันภัยพิบัติ โดยเฉพาะอุทกภัยจากมรสุมในพื้นที่ให้ทันต่อเหตุการณ์

ทั้งเซิ้ง ทั้งนวด.....

ทั้งเซิ้ง ทั้งนวด.....
นายกฯอ้อนชาวอำนาจฯ มาด้วยใจ ไม่ใช่หาเสียง ชี้ถ้าไม่ได้เป็น นายกฯ แล้ว คงไม่ได้มา ชี้ ชะตาฟ้าลิขิต หยอด..“ไปแต่ตัว หัวใจอยู่อำนาจเจริญ”
พล.อ.ประยุทธ์ เยี่ยมชมศูนย์แพทย์แผนไทยพนา ต.พระเหลา อ.พนา จ.อำนาจเจริญ
หลังผูกผ้าขาวม้า และผ้าขิดไหม ผ้าพื้นถิ่นของ อ.พนา ให้บิ๊กตุ่ แล้ว
นายกฯได้ร่วม รำเซิ้งออนซอนอีสาน กับ นักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ อบต.พนา ด้วย
และรับฟังบรรยายสรุปเรื่องโครงการเมืองสมุนไพรอำนาจเจริญ ชมการดำเนินการสร้างเครือข่ายของผู้เพาะปลูกสมุนไพรในชุมชน การผลิตผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรหมอพื้นบ้านและส่งเสริมการใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพของประชาชน และได้ทดลองนวดเท้า จากนั้น ไปปลูกต้นรวงผึ้ง
บิ๊กตู่ เผย ครั้งนี้มาด้วยใจ ไม่มีเจตนาหาเสียง ขออย่าเพิ่งเบื่อ และ ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร เพราะมาในฐานะนายกฯ ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯแล้ว ก็ไม่สามารถมาพบประชาชนเช่นนี้ได้
แต่ประชาชนทุกคนคือผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดี ที่สำคัญผมไม่เคยผูกขาดอำนาจ เพราะการเลือกตั้งเป็นอำนาจของประชาชน
ก่อนหยอดคำหวาน “ไปแต่ตัว หัวใจอยู่อำนาจเจริญ”

ลุ้นอีก 3 เดือน

ลุ้นอีก 3 เดือน



กรณีที่ประชุม กกต.มีมติว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคู่สมรสถือหุ้นบริษัทเอกชนเกิน 5 เปอร์เซ็นต์
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งรับคดีคุณสมบัติรัฐมนตรีของ “นายดอน” ตามที่ กกต.ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ได้ 2 ประตู
1,ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า “นายดอน” มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ “นายดอน” ก็ต้องขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี ต้องหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศกลางคัน
2,ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า “นายดอน” ไม่เข้าข่ายมีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ “นายดอน” ก็ยังเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศต่อไปได้อย่างสะดวกโยธิน
ศาลรัฐธรรมนูญจะออกประตูไหน? ต้องรอลุ้นเสียวต่อไปอีกประมาณ 3 เดือน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. มาตรา 187 ระบุห้ามรัฐมนตรีหรือคู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเป็นหุ้นส่วน หรือถือหุ้นบริษัทเอกชนเกิน 5 เปอร์เซ็นต์
หากประสงค์ถือหุ้นต่อไป ต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน!!
และต้องโอนหุ้นส่วนที่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ให้นิติบุคคลอื่นถือหุ้นแทน
ปัญหาคุณสมบัติรัฐมนตรีดอน จึงต้องพิสูจน์กันที่...“ข้อเท็จจริง”!!
นายดอน หรือคู่สมรส ถือหุ้นบริษัทเอกชนเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ จริงหรือไม่จริง??
ถ้าจริง... “นายดอน” ได้แจ้งข้อมูลให้ ป.ป.ช. หลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีภายใน 30 วันหรือไม่??
และได้โอนหุ้นที่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ให้นิติบุคคลอื่นถือแทนหรือยัง??
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าเอาให้ชัดๆ ถนัดๆเป๊ะๆ ต้องยึดเอาวันที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้บังคับ (วันที่ 6 เมษายน 2560)
บวกอีก 30 วัน ซึ่งเป็นเส้นตายให้รัฐมนตรีหรือคู่สมรสที่ถือหุ้นบริษัทเอกชนเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ต้องแจ้งข้อมูลต่อ ป.ป.ช.
ถ้า นายดอน ไม่ได้แจ้งข้อมูลการถือหุ้นบริษัทเอกชนต่อ ป.ป.ช. ภายในเส้นตายวันที่ 6 พฤษภาคม 2560
และไม่ได้โอนหุ้นส่วนที่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ให้นิติบุคคลอื่นแทน
นายดอน น่าจะเข้าง่ามมีคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 187 และเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีตามมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.??
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แลแฮ
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่ากรณีหุ้นของรัฐมนตรีดอน แตกต่างจากกรณีของหุ้นรัฐมนตรี 3 คน และ สนช.ลากตั้งอีก 90 คน ที่ กกต. กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเข้าข่ายมีคุณสมบัติต้องห้าม
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 ที่กำหนดห้ามถือหุ้นบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐไม่ว่าทางอ้อมหรือทางตรง
ล่าสุด ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายเนติบริกร ออกมาฟันธงว่า รัฐมนตรี หรือ สนช.ที่ถือหุ้นบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐมาก่อน และยังคงถือหุ้นดังกล่าวอยู่ต่อไป ไม่ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ จึงไม่ขาดคุณสมบัติ และไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งการเมือง
“แม่ลูกจันทร์” มองว่า ท่านรองนายกฯวิษณุ ตีความเข้าข้างพวกเดียวกันเองเอียงกระเท่เกินควร
เพราะถ้าไม่ขัดรัฐธรรมนูญอย่างที่ “ดร.วิษณุ” ยืนยัน
รัฐธรรมนูญมาตรา 184 (ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์) จะเขียนห้ามประเด็นนี้ไว้ให้เมื่อยตุ้มทำไม??
หรือเอาไว้ห้ามรัฐบาลอื่น ยกเว้นรัฐบาล คสช.??
"แม่ลูกจันทร์"

เปิดตัวประชารัฐรวมพลคนการเมือง : ข้ามวิกฤติพลิกฟื้นประเทศ

เปิดตัวประชารัฐรวมพลคนการเมือง : ข้ามวิกฤติพลิกฟื้นประเทศ



ตามคิว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดเจอตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆช่วงเดือนกันยายน เพื่อเตรียมคลายล็อกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
“พลังประชารัฐ” พรรคแจ้งเกิดใหม่ถูกจับตามากที่สุด เพราะเป็นคู่แข่ง 2 พรรคการเมืองใหญ่ตอนนี้ใกล้เปิดประตูต้อนรับนักการเมืองผู้ร่วมอุดมการณ์เข้าบ้านใหม่ โฉมหน้าจะเป็นอย่างไร นายชวน ชูจันทร์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า ที่ผ่านมาผู้ร่วมอุดมการณ์ก่อตั้งพรรคได้คุยกันแล้วเห็นว่า ขณะนี้ความคิดในสังคมยังติดหล่มภาพเก่าๆ เรื่องใหม่ๆจึงไม่ปรากฏขึ้นมาให้เห็น
อยากให้เกิดความคิดใหม่ๆเพื่อสร้างความหวังให้เกิดขึ้นในประเทศ จะได้เกิดระบบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยทางการเมืองอย่างแท้จริง
และจะต้องสร้างประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นให้ได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งขณะนี้ไทยอยู่ลำดับ 3 ของโลก เป็นตัวบ่งชี้ว่าประเทศไทยขึ้นอยู่กับคนเพียงไม่กี่กลุ่ม ทำให้ประชาธิปไตยและสังคมมีปัญหา ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้
มีมุมมองต่อแผนปฏิบัติการกู้ภัย 13 ทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนอย่างไร เพื่อนำมาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาวิกฤติการเมือง นายชวน บอกว่า การปฏิบัติการกู้ภัยครั้งนี้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างเดียวไม่พอ นักดำน้ำมืออาชีพที่เก่งที่สุดในโลกยังมีจริยธรรมและคุณธรรม ทำให้เกิดพลังอย่างมหาศาลเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ตรงกับหลักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณธรรม จริยธรรมและมืออาชีพ พลเมืองของประเทศไหนหรือชุมชนไหนที่มีคุณสมบัติครบเครื่องแบบนี้ จะประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศ
ขณะเดียวกันเราเผชิญกับเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต สิ่งที่ต้องคิดตามมาคือ การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในทุกเรื่องให้เกิดขึ้นในจิตสำนึกเราค่อนข้างขาด เหมือนขาดความรู้และเทคโนโลยี ถือเป็นจุดอ่อนของประเทศ
ฉะนั้น พรรคการเมืองไหนจะได้เป็นรัฐบาล ต้องมีกรอบการคิดกำหนดนโยบายในด้านการพึ่งตัวเองได้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การปลุกจิตสำนักสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ปลุกจิตสำนึกร่วมแก้ปัญหาใหญ่ของประเทศ เช่น ปัญหารถติด ควรมีจิตสำนึกร่วมนัดจอดรถไว้ที่บ้านสักวันและหันมาขึ้นรถสาธารณะ
การปรับกระบวนคิดทำให้คนรักครอบครัว รักชุมชนท้องถิ่น รักแผ่นดินเกิดที่ให้ชีวิต ให้สุขภาพที่ดี ถ้าพลเมืองไม่รักสิ่งเหล่านี้ก็ยากที่จะรักประเทศไทย สุดท้ายจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชน พัฒนาประเทศ
แต่ถ้าเรารักประเทศไทยก็จะคิดต่อไปว่า จะมีส่วนร่วมแก้ปัญหาชุมชน แก้ปัญหาของประเทศได้อย่างไร ตอนนี้อยู่ในจังหวะที่กำลังจะปฏิรูปประเทศ บางคนอาจจะงงๆว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร
โมเดลนี้ก็ปรับมาใช้กับประเทศไทยได้ โดยทุกฝ่ายที่มีความคิดหลากหลายต้องเชื่อใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน พึ่งพาแก้ปัญหาสารทุกข์สุกดิบไปพร้อมๆกัน ไม่ไปโทษใครดีใครเลว
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า พรรคการเมืองต่างๆควรถอดบทเรียนโมเดลกู้ภัย 13 ทีมหมูป่า เพื่อปรับใช้แก้ไขปัญหาของประเทศอย่างไร นายชวน บอกว่า บรรดาพรรคการเมืองจะบริหารประเทศให้รอดวิกฤติติดถ้ำได้อย่างไร หลังจากที่พวกเราพยายามหาทางออกมาหลายปี ก็ไม่สามารถค้นหาปากถ้ำเจอ
แต่โมเดลนี้เหมือนคนไทยค้นพบกุญแจตัวหนึ่ง สามารถไขเปิดประตูให้หลุดจากติดหล่มในถ้ำได้ โดยเฉพาะนักการเมือง ขอเสนอให้ช่วยกันคิดให้ตกผลึกว่า พวกเราเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วก็ไป ขอให้สร้างความคิดร่วม เริ่มต้นนับหนึ่งโดยไม่เป็นปฏิปักษ์กับใคร ประเทศชาติเป็นเรื่องของทุกคน
เมื่อลงเวทีการเมืองต้องไม่ใช้คำว่าเล่นการเมือง แต่ต้องทำงานการเมือง เราต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้จะเสียเวลาอีกนานในการกอบกู้ประเทศออกจากหล่มติดถ้ำ ถ้าเริ่มต้นแบบนี้ได้เรื่องต่างๆที่เป็นปัญหาก็จะถูกแก้ไข
ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐมีกรอบแนวคิดแบบนี้ เมื่อเริ่มทำงานการเมืองไปได้สักระยะหนึ่งก็มีคนจำนวนมากต้องการเข้าร่วมอุดมการณ์ วันนี้เรายังไม่ได้เป็นพรรคการเมืองเขายังแสดงตัวอยากจะเข้ามา
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า มีกระแสข่าวแรงขึ้นเรื่อยๆจะมีคนใน คสช.เข้ามาร่วมอุดมการณ์ด้วย นายชวน บอกว่า นักดำน้ำชาวต่างชาติยังมีจิตสำนึก ต้องการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยคนไทย 13 ทีมหมูป่า ถ้าพวกเขาไม่มีความรู้ ความสามารถคงไม่มา
เช่นเดียวกันคนใน คสช. ซึ่งเป็นคนไทย ถ้าพวกเขามีความรู้ความสามารถก็เข้ามาช่วย พัฒนาประเทศได้ เป็นเรื่องที่ดีเมื่อเข้ามาแล้วจะถูกตรวจสอบจากสังคม ใครบริหารประเทศดีเราก็ต้องสนับสนุน
ขออย่างเดียวอย่าเริ่มต้นโดยสร้างวาทกรรมทำให้สังคมเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะใครบริหารประเทศไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ถึงเวลาก็เปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ
หนึ่งใน คสช. คือ พล.อ.ประยุทธ์มีกระแสข่าวจะมาอยู่พรรคพลังประชารัฐด้วย นายชวน บอกว่า มีเพียงคนพูดว่าท่านนายกฯจะเข้ามาอยู่พรรคนี้และจะก้าวขึ้นเป็นนายกฯต่ออีกสมัย
ก็ต้องพิจารณาดูว่าถ้าท่านพร้อมจะทำงานต่อให้กับประเทศ และในระบบเลือกตั้งคนส่วนใหญ่เห็นด้วยก็ไม่มีปัญหา สามารถเข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม ประชาชนก็แสดงความคิดเห็นกันได้มากขึ้นถึงปัญหาต่างๆ จะนำข้อเสนอแนะไปกำหนดนโยบายที่ทำมาจากล่างขึ้นบนเพื่อแก้ปัญหาของรากหญ้าจริงๆ
ขอให้คิดในแง่บวกว่า จะกลัวผู้ที่มาจากการเลือกตั้งทำไม เพราะถูกสังคมตรวจสอบ สุดท้ายประเทศจะดีขึ้นกว่าเดิมเท่าตัวก็เป็นไปได้ ถ้าทำงานได้สักระยะหนึ่ง อาจอยู่ครบเทอม หรืออาจจะอยู่แค่ 1 ปี 2 ปี 3 ปี แล้วประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เปลี่ยน รัฐบาลก็คงไม่อยู่
ฉะนั้น ถ้าท่านเข้ามาจริงก็ไม่ใช่เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ อย่าไปเริ่มต้นบอกว่าฝ่ายนี้เป็นประชาธิปไตย ฝ่ายนี้เป็นเผด็จการ ถ้าคิดได้แค่นี้ประเทศก็ไม่พัฒนา ปัญหาของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไข ในโลกนี้ข้อเท็จจริงไม่มีฝ่ายแล้ว ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ 100 เปอร์เซ็นต์ในโลกนี้ไม่มีจริง ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ของแต่ละประเทศ
แต่ยังมีหลายฝ่ายบอกว่าพรรคนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ คสช. นายชวน บอกว่า เขาอยากทำงานให้เสร็จลุล่วง ต่างกับคำว่าสืบทอดอำนาจ โดยเฉพาะสถานการณ์ตอนนี้ยังปล่อยไม่ได้ เพราะประเทศมีปัญหาเยอะมาก
อย่ามองแค่รูปแบบการสืบทอดอำนาจประชาธิปไตยหรือสืบทอดอำนาจเผด็จการประชาธิปไตย อยากให้มองที่เนื้อหาการพัฒนาประเทศมากกว่า
ยังมีกลุ่มสามมิตร คนใน คสช.จะมาอยู่พรรคนี้ จะหล่อหลอมกลุ่ม “ผู้ก่อตั้งพรรค-กลุ่มสามมิตร-กลุ่มคสช.” เป็นหน่อเนื้อเดียวในนามพรรคพลังประชารัฐได้อย่างไร นายชวน บอกว่า ทั้งหมดจะถูกสังคมหล่อหลอมตามระบอบประชาธิปไตย ให้ทำงานเพื่อบ้านเมืองของเรา
ได้ข่าวว่าจะเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐเดือนสิงหาคมนี้ นายชวน บอกว่า น่าจะใกล้ถึงเวลาคลอดช่วงเดือนสิงหาคม วันที่เปิดตัวพรรคยังไม่ได้กำหนด สถานที่อาจจะใช้อิมแพคเมืองทองธานี
ที่ทำการพรรคก็กำลังดูอยู่หลายที่จะต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งทำเลที่เหมาะสม เดินทางสะดวก ภาพลักษณ์ที่ตั้งดีเพื่อให้เหมาะสมกับพรรคที่เข้ามาขับเคลื่อนประเทศ
ในการประชุมใหญ่พรรคมีกระแสข่าวจะมีรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลลาออกมาร่วมเปิดตัวพรรคด้วย นายชวน บอกว่า ขึ้นอยู่ที่ท่านจะตัดสินใจ พรรคเปิดกว้างต้อนรับทุกคนที่ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า หลังจากที่การเมืองแข่งขันกันแค่ 2 ขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคพลังประชารัฐกลายเป็นขั้วที่ 3 มีโอกาสตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ทำไมถึงมีโอกาสเช่นนั้นทั้งๆยังมีเพียงผู้ก่อตั้งพรรคเท่านั้น นายชวน บอกว่า ต้องเข้าใจคำว่า “ประชารัฐ” เป็นชื่อที่สังคมสนใจมาตลอด 3-4 ปี
เมื่อนำชื่อนี้มาตั้งเป็นพรรคการเมืองก็ทำให้สังคมส่องไฟฉายมาที่นี่ เยอะว่าจะทำงานแก้ปัญหาของประชาชนและประเทศชาติได้จริงหรือไม่
เราเชื่อมั่นในวันนี้มีความหวังว่าจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ โดยทุกฝ่าย พรรคการเมืองทุกพรรคจะต้องร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ กู้ภัยให้ประเทศไทยหลุดหล่มวิกฤติในถ้ำให้ได้
หลังการเลือกตั้งใหญ่อาจจะมีรัฐบาล ฝ่ายค้านก็ถึงเวลาต้องทำงานร่วมกัน
เหมือนโมเดลกู้ภัย 13 ทีมหมูป่า มีเป้าหมายกู้ภัย ไม่มีปฏิปักษ์
ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกให้ประเทศไทยพ้นวิกฤติ.
ทีมการเมือง

“ประยุทธ์” แน่น ลุยเลือกตั้ง

“ประยุทธ์” แน่น ลุยเลือกตั้ง



จับตาเส้นทางโผทหารชี้วัด “เสถียรภาพ”อำนาจพิเศษ
จบศึกฟุตบอลโลก ส่งหมูป่ากลับบ้าน
สถานการณ์คืนสู่ภาวะปกติ
ข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกเบียดพื้นที่สื่อไปพักใหญ่ เริ่มกลับมาสู่กระแสหลัก
เสียงทักเสียงโหวกเหวกโวยวายเรื่องดูดเริ่มกลับมาดังอื้ออึง ล้อไปกับโปรแกรมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.จะนำคณะเดินสายตรวจราชการ จ.อำนาจเจริญ พร้อมประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 23–24 กรกฎาคมนี้
เจ้าถิ่นทั้งยี่ห้อเพื่อไทยและประชาธิปัตย์แท็กทีมตีปี๊บดักคอดักทางกันจ้าละหวั่น
ขวางลำยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” เจาะฐานที่มั่นเมืองอุบลฯ
ต่างคนต่างเกทัพบลัฟแหลก จุดพลุประชุม ครม.สัญจรเดินสายดูด ปูดข้อมูลคนย้ายพรรคออกมาประจาน เป้าหมายทั้งตีกันสกัดทีมงานสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงเจาะยางเตะตัดขาคนในป้อมค่ายเดียวกันเอง ที่เป็นคู่แข่งแย่งชิงการนำในพื้นที่
ถึงขั้นที่ “นายใหญ่” ต้องส่งสัญญาณจากแดนไกล สั่งให้เปิดเกมดูดสู้กลับ
ในขณะที่อีกด้าน ก็เป็นปรากฏการณ์ที่ทีมงานกลุ่มสามมิตรได้รุกคืบ ดึงแนวร่วมเสื้อแดง นปช.ในภาคอีสานให้หันมาร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
กระตุกจุดเปลี่ยนสำคัญฐานสนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
ไม่ใช่แค่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสื้อแดงยังโดนดูดหาย
ตามจังหวะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็สั่งกระทรวงเศรษฐกิจติดเครื่อง เดินหน้าอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
คืนแวตคนจน พักหนี้ ธ.ก.ส. 3 ปี อัปราคาข้าว ฯลฯ
เสิร์ฟสารพัดโปรโมชันรองรับปัญหาปากท้องชาวนาชาวไร่ ช่วยอุ้มผู้มีรายได้น้อย
มัดใจฐานเสียงใหญ่ของประเทศไทย
ทั้งหมดทั้งปวงในบรรยากาศที่สัมผัสได้ถึงธรรมชาติการเมืองที่กำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง
ป้อมค่ายการเมืองขยับแต่งตัวเตรียมลงสนาม
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ล้อกันพอดี ป้อมค่ายทหารก็ได้เวลาจัดแถววางกำลังแม่ทัพนายกอง
รองรับการเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคม
กับกระแสข่าวล่ามาไว ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 นี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม
โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณาโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561
ตามโปรแกรมเบื้องต้นที่มีการขอให้แต่ละเหล่าทัพส่งรายชื่อรอบแรกตามวาระปกติ ก่อนที่จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลในช่วงโค้งสุดท้ายอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สื่อแทบทุกสื่อมีการเปิดโพยรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพมอบให้ พล.อ.ประวิตรตรงกันหมด
ครบทั้งในส่วนกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ
ไล่ตั้งแต่ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ขณะที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ
โดยเฉพาะในส่วนกองทัพบกที่เป็นจุดโฟกัส
ชื่อของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 กับ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก
ตามคาด ตามโผ แทบไม่ต้องลุ้นอะไร
โดยรูปการณ์ปีนี้โยกย้ายทหารส่อเค้าปิดกล่องเร็ว
ไม่มีแคนดิเดตมาเบียดให้ต้องประลองกำลังภายในกันเหมือนทุกปี
โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ทบ. ชื่อของ พล.อ.อภิรัชต์ อยู่ในสถานะเต็งจ๋ามาตลอด
มาถึงตรงนี้เท่ากับการยืนยันกระแสไม่พลิก โผโยกย้ายขุนทหารคลอดล่วงหน้า เปิดไพ่จ่าฝูงกองทัพบก ในจังหวะสถานการณ์การเมืองที่กำลังเข้าโหมดเลือกตั้ง
แม้ในทางตรงจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ในทางอ้อมมันโยงกันเต็มๆ
เกมอำนาจทางการเมืองกับหมากอำนาจกองทัพ
ภายใต้สภาวการณ์อำนาจพิเศษที่กำลังจะคืนกลับสู่เวทีประชาธิปไตย
ในเครื่องหมายคำถาม จะเป็น “จุดเปลี่ยน” หรือเสริม “ความต่อเนื่อง”
ตามท้องเรื่องที่คนส่วนใหญ่เชื่อกันแล้วว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. กำลังเดินยุทธศาสตร์ตีตั๋วต่ออำนาจในการเลือกตั้ง
เบื้องต้นเลยวิเคราะห์การเชื่อมต่อกับ คสช.
ภายใต้เงื่อนไขที่จ่าฝูงกองทัพบกคนใหม่ต้องควบเก้าอี้เลขาธิการ คสช.โดยตำแหน่ง รับผิดชอบสถานะเบอร์หนึ่งคุมกำลังฝ่ายความมั่นคง
คุ้มกันหลังให้รัฐบาล “นายกฯลุงตู่”
ซึ่งดูตามเนื้อผ้า ว่ากันตามปรากฏการณ์ที่เห็นตรงหน้า ตั้งแต่ยึดอำนาจใหม่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ส่ง “บิ๊กแดง” ไปทำงานสำคัญในหน่วยงานที่มีปัญหาการ บริหารและการทุจริตคอร์รัปชันภายใต้เครือข่ายอำนาจเก่า ทั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
นั่นสะท้อนถึงระดับความไว้วางใจ
รู้มือ รู้ทาง รู้ใจ กันเป็นอย่างดี
ในฐานะ “บิ๊กแดง” คือ “น้องรัก” ของ “บิ๊กตู่” ที่รู้กันในวงการ
นั่นก็เป็นอะไรที่วิเคราะห์ฟันธงกันได้ สถานการณ์ระหว่างผู้นำรัฐบาลกับ ผบ.ทบ.น่าจะแนบสนิท
ใกล้ชิดกว่าเดิมอีกหลายเท่า
ในจุดที่เสถียรภาพอำนาจไม่แกว่ง เอกภาพอำนาจแน่นปึ้ก
และนั่นก็จะโยงไปถึงสถานการณ์ในโหมดที่กำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ด้วยคุณสมบัติส่วนตัวของ “บิ๊กแดง” ที่ขึ้นชื่อว่ากว้างขวางในหมู่นักการเมือง
คอนเนกชัน “พลังภายใน” แผ่ไปทั่วทุกป้อมค่าย
น่าจะเอื้อต่อยุทธศาสตร์ตีตั๋วต่อของ พล.อ.ประยุทธ์เต็มๆ
ตามรูปเกม เมื่อโผทหารชัดเจนเร็ว ชื่อของ พล.อ.อภิรัชต์ ส่อแบเบอร์ตามคาด
นั่นก็น่าจะเป็นโอกาสให้นักการเมืองที่กำลังชั่งใจ กับออปชันที่มีการต่อสายให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำคุมสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านต่อหลังเลือกตั้ง
คิดง่ายในการตัดสินใจเลือกช่อง “เสียบปลั๊ก” ขั้วอำนาจ
แทบไม่ต้องออกแรงดูด แค่พูดจากันนิ่มๆก็สยิวแล้ว
แนวโน้มทีม พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งแน่น เดินหน้าลุยเลือกตั้ง
ตรงกันข้ามกับฝ่ายที่จะเลือกยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับ “นายกฯลุงตู่”
เมื่อย้อนดูบทบาท จุดยืนของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ยืนอยู่คนละฝั่ง แสดงตัวแสดงตนคนละขั้วกับมวลชนเสื้อแดงและเครือข่าย “ทักษิณ” มาตั้งแต่ต้น
อย่างร้อนแรง แจ่มแจ้งชัดเจน
ออกตัวแบบล้อฟรี ไม่มีกั๊ก ไม่มีไว้ไมตรี
เมื่อชื่อนี้มาคุมเกมความมั่นคง “บิ๊กแดง” ขึ้นแท่นจ่าฝูงกองทัพบกในโหมดเลือกตั้ง
โอกาสหวนแจ้งเกิดของขุมข่าย “ทักษิณ” วิบากหนักแน่.
“ทีมการเมือง”

ถูกไล่ใกล้จนกระดาน

ถูกไล่ใกล้จนกระดาน



รอเจาะขุมกำลังใหญ่อีสานพรรคเพื่อไทย
โปรแกรมลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานี ประชุม ครม.สัญจรวันที่ 23-24 ก.ค.นี้ ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.
วางคิวหว่านงบประมาณพัฒนาเศรษฐกิจและกระจายความเจริญโซนภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วยอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร
ตามซีนที่ “บิ๊กตู่” ต้องรีบยกการ์ดสูงป้องกันตัว บอกกันล่วงหน้า อย่ามองเป็นเรื่องการเมือง ขอให้มองเป็นเรื่องการติดตามความคืบหน้าการทำงาน
เบรกอาการแผ่นเสียงตกร่องของฝ่ายการเมืองที่คอยผสมโรง จ้องโยงเป็นประเด็นการเมือง
ในห้วงสถานการณ์ที่กำลังไหลเข้าสู่โหมดเลือกตั้งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะถูกถอดรหัสการลงพื้นที่ ครม.สัญจรเป็นการตุนแต้มหาเสียงในการเลือกตั้งสมัยหน้า

อย่างที่ลูกทีมนายใหญ่กำลังสร้างวาทกรรมพลังดูด หวดสกัดกลุ่มสามมิตรไม่ให้มาแชร์ส่วนแบ่งการตลาดในโซนยุทธศาสตร์สำคัญ
เพื่อไทยห้ามเลือดไม่อยู่ ยังคงเสียกำลังพลหลักในพื้นที่สำคัญให้พรรคพลังประชารัฐ
เรื่องของเรื่องส่วนหนึ่งต้องโทษตัวเองที่เปิดรูรั่วให้ถูกเจาะฐานที่มั่นใหญ่ได้
จากร่องรอยความขัดแย้งภายในทีมอดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ที่แตกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ระหว่างทีมของ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ กับ นายสุพล ฟองงาม รุ่นเก๋าด้วยกันทั้งคู่
ตามเงื่อนปมที่ 2 ขาใหญ่ในจังหวัด ตกลงกันไม่ได้เรื่องการแย่งพื้นที่ลงสมัคร ส.ส.ให้ลูกทีมของตัวเอง มันก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายจากไป
แง้มช่องให้น้องใหม่ “พลังประชารัฐ” ได้แชร์ที่นั่งสนามเมืองดอกบัว
แนวโน้มไม่สู้ดี หัวเมืองใหญ่ภาคอีสานเพื่อไทยถูกตีแตกต่อเนื่อง ต่อจาก จ.ชัยภูมิ และนครราชสีมา
สถานการณ์ทีมนายใหญ่ตกที่นั่งลำบาก ตัวท็อปที่มีฐานเสียงตัวเองระดับหลักหมื่นแต้มพากันแปรพักตร์
ต้องเสียขุนพลชั้นหัวกะทิ ระดับ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายวิรัช รัตนเศรษฐ
ไล่มาถึง นายสุพล ฟองงาม ให้คู่แข่ง และยังต้องลุ้นรุ่นใหญ่อีกหลายก๊วนที่อยู่ระหว่างชั่งใจ
ดูมุมไหนก็สร้างความระส่ำระสายให้พรรคเพื่อไทยแน่
เพราะชื่อชั้นของพวกนกแลหน้าใหม่ดูอย่างไรก็เทียบชั้นไม่ติดกับพวกรุ่นเก๋า โอกาสจะช่วงชิงคะแนนกลับคืนมาเป็นกอบเป็นกำคงลำบาก
เอาแค่ประคองคนเก่ารักษาเก้าอี้ผู้แทนให้ได้ ยังหืดจับในสถานการณ์ ณ ตอนนี้ ตามทิศทางที่กลุ่มสามมิตรไม่ได้หยุดแค่พรรคเพื่อไทย แต่ยังรุกคืบไปถึงกลุ่ม นปช.และ กปปส.
เก็บเล็กผสมน้อยทุกทาง เตรียมสร้างนั่งร้านให้ “บิ๊กตู่” ได้เบิ้ลเก้าอี้ผู้นำ
อย่างที่เห็นๆสถานภาพของกลุ่ม นปช.ในปัจจุบันไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ แข็งแกร่งเหมือนเดิม แต่แตกเป็นกลุ่มก๊วน ไม่ขึ้นตรงต่อแกนนำ นปช.
พวกรุ่นเล็กไม่กลัวรุ่นเดอะอีกต่อไป อย่างที่ นายเทพพนม นามลี นปช.สุรินทร์ ตั้งคำถามใส่ “เดอะเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หัวโจก นปช. สถาปนาเป็นแกนนำเอง โดยไม่เคยได้ฉันทามติจากคนเสื้อแดงให้เป็นผู้นำ นปช.
ชักเห็นร่องรอยแข็งข้อ ขุมกำลังเสื้อแดงที่นายใหญ่หวังใช้เป็นฐานกำลังหลักทวงคืนอำนาจ มีท่าทีตีตัวออกห่าง ไม่สวามิภักดิ์ “ทักษิณ ชินวัตร” เหมือนเก่า
กลุ่มสามมิตรเพิ่มกลยุทธ์ใหม่ หันมาเจาะผู้นำมวลชนโดยตรง นอกเหนือจากการไล่ดูดอดีตผู้แทน ดึงคนที่มีกุมเสียงชาวบ้านตัวจริงมาเป็นพวก ช่วยแยกมวลชนเลิกสนับสนุนนายใหญ่
แดงอีสานที่ว่ากันว่า แข็งแกร่ง ถูกตัดทอนกำลังลงเรื่อยๆ
เพื่อไทยเจอขุมข่ายผู้สนับสนุน “ลุงตู่” ปูพรมกดดันอย่างหนัก บีบกันทุกทางกะให้จนกระดาน
เจอลูกเขี้ยวของพวกเจนสังเวียน ระดับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ–นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ทั้งดูดคน ดึงมวลชน และเร่งเครื่องตีตลาดนโยบายดูแลเกษตรกร อาทิ อัปราคาข้าวเพิ่มเป็นตันละ 8,000 บาท และโคล้านตัว
ระดับคนเคยรู้ไส้รู้พุง ใช้ปรากฏการณ์พลังดูดเล่นงานย้อนศร หมองูเลยต้องตายเพราะงู
ดูหนทางแล้ว เพื่อไทยตกที่นั่งลำบากแน่.
ทีมข่าวการเมือง

มี ‘ตัวช่วย’ ได้ ‘ตัวเชื่อม’

มี ‘ตัวช่วย’ ได้ ‘ตัวเชื่อม’



เป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว ยามที่ผู้นำอำนาจพิเศษ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อยู่ในประเทศ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม จะเป็นเป้าโฟกัส
ทั้งในฐานะรองนายกฯเบอร์ 1 รักษาการผู้นำ คอยระแวดระวังหลังให้
และในฐานะ “พี่ใหญ่” อำนาจคู่ อุ้มชูน้องเลิฟมาตลอด
ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” ไปเยือนประเทศภูฏาน กระชับสัมพันธ์ความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ไม่อยู่แค่ 1 คืน 2 วัน “บิ๊กป้อม” ก็ต้องเล่นบทเดิม แต่หนนี้ไม่ถึงขั้นหนักหนา แค่คอยรับหน้านักข่าว เผชิญหน้ากับคำถามร้อน คุมเชิงการเมือง
หนนี้พี่ใหญ่ไล่เคลียร์เรียบ นอกจากปัญหาหนี้สินเครือข่ายครู โยนให้ กกต.ไปตรวจสอบแกนนำเคลื่อนไหวเชื่อมโยงเรื่องการเมืองหรือไม่
และยังทำหน้าที่แจงละเอียด ทั้งคิวผู้นำยกคณะไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลฯ เป็นวาระตรวจงานรัฐบาลตามปกติ ไม่มีแฝงเลศนัยการเมือง รวมทั้งไม่ห่วงการเคลื่อนไหวของ “อดีตผู้นำ” ในต่างแดน ให้ประชาชนตัดสิน
ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมือง การย้ายค่ายเปลี่ยนพรรคเป็นเรื่องธรรมชาติของอดีต ส.ส.ในช่วงนี้ ไม่มีเรื่องดูด ด้านกลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวนัดพบแกนนำ เครือข่ายชาวนา เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าว ในฐานะรองนายกฯบอกปัด เรื่องนี้เป็นปกติ
ยังไม่มีปัญหา ไม่ขัดคำสั่ง คสช.
ไฟเขียวแนวร่วม ปล่อยฟรีกองหนุนขยับ
ทั้งนี้ ในฐานะบิ๊ก คสช. ไม่สะดวกที่จะออกตัวเอิกเกริกงานการเมือง แต่ “บิ๊กป้อม” ก็ถูกจับจ้องไม่ต่างกับความเคลื่อนไหวของทีม รมต.เครือข่าย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ในพรรคพลังประชารัฐ
ถูกพาดพิง ทั้งที่ว่ามีพลังสีเขียวเมืองใหญ่ขยับงานดีลนักการเมือง มีคิวเปิดรั้วเปิดค่ายรอดูด ไปจนกระทั่งที่เห็นมีบิ๊กเนมขั้วนายใหญ่พลิกขั้ว ก็ว่ามีบิ๊กสีกากีในเครือบิ๊กบราเธอร์ ดีลจีบมา
มองเป็นอีกสายพลังดูด หนุนพลังประชารัฐ ตามแผนทะลุ 100 แต้ม
ถึงแม้จะบอกปัด แต่ในฐานะพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” ถ้ามีงานเบิ้มระดับนี้ย่อมถูกจับตา
ยังไงก็น่าจะมีส่วนร่วม ในฐานะกองเชียร์ตลอดกาลของ “บิ๊กตู่” ที่เริ่มชัดว่ามีสัญญาณแรงหนุนตามสถานการณ์บ้านเมือง ในภาวะความจำเป็นต้องต่อตั๋วเป็นผู้นำในระบบเพื่อเก็บงาน
คุมเกมต่อเนื่องในห้วงเปลี่ยนผ่านบ้านเมือง
ไม่ต่างกัน อีกรองนายกฯอย่าง “ดร.สมคิด” ก็จัดว่างานนี้ออกตัวเต็มแรงกว่าหนก่อนๆ ทั้งปั่นงานเศรษฐกิจประเทศ จนตัวเลขกราฟไต่ระดับทะลุเป้า ติดแต่เรื่องปัญหาปากท้องฐานรากต้องเร่งเครื่อง
รอมาตรการนโยบายอัดฉีดสัมฤทธิผล
แต่ “ตัวช่วยวีไอพี” อย่าง “ดร.สมคิด” ก็ขันอาสาหา “ตัวเชื่อม” แก้ปมปากท้องฐานราก
ล่าสุดชื่อของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำกลุ่มสามมิตร ก็น่าจะเป็นคำตอบในโมเดลที่ไม่ต่างจาก “สนธยา คุณปลื้ม” ที่ดึงมาเป็นกุนซือผู้นำ
อดีตรัฐมนตรี ส. เสือ เครือ “ส.สมคิดกรุ๊ป” เป็นข้อต่อข้อเชื่อมชั้นดี เคี่ยวพื้นที่ รู้ช่องดีลลงลึกสู่ฐานราก
และน่าจะเป็นจุดสำคัญอีกเรื่องที่ “ดร.สมคิด” ดึงมาร่วมแก้ปมเศรษฐกิจฐานราก ที่ยังมีเงื่อนไขข้อจำกัดหลังจากผุดสารพัดมาตรการ จัดโครงการอัดฉีด แต่ผลลัพธ์ในระดับปากท้องชาวบ้าน ยังไม่เข้าเป้า
อดีตรัฐมนตรีอย่าง “สุริยะ-สมศักดิ์” ผ่านงานบริหารมาหลายรอบ ลุยพื้นที่ฐานรากของประเทศโชกโชน แค่เปิดหัวเรื่องราคาข้าว แนะช่องแก้ปมปัญหาการเกษตร ชูโครงการต่างๆก็เห็นทิศทางที่ดี
กลุ่ม “สามมิตร” น่าจะเป็นกำลังหนุนสำคัญ เข้ามาช่วยเติมเต็มนโยบายในเรื่องการดูแลเกษตรกรฐานราก ทั้งในรอบนี้ และรอบต่อไปกับคิวร่วมวงตีตั๋วให้ผู้นำ
เป็นกลไกเชื่อมต่อ ประสานอำนาจลงสู่ฐานราก ทำให้คำว่า “ประชารัฐ” มี “พลัง” รอบด้าน สมชื่อค่าย.
ทีมข่าวการเมือง