PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เตือนกลุ่มการเมือง เคลื่อนไหวต้องอยู่ในกรอบกม. ย้ำคสช.ไม่เลือกข้าง

เตือนกลุ่มการเมือง เคลื่อนไหวต้องอยู่ในกรอบกม. ย้ำคสช.ไม่เลือกข้าง


“คสช.” ติดตาม กลุ่มสามมิตร ใช้พลังดูด ส.ส. เตือนอย่าล้ำเส้นกรอบกฎหมาย ย้ำใช้มาตรฐานเดียวกันทุกกลุ่ม ไม่เลือกข้าง โต้กระแสข่าว ใช้ทหารร่วมดูด ส.ส. ชี้อยู่นอกเหนือภารกิจ
เมื่อวันที่20 กรกฎาคม พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11(มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหว และปรากฎการณ์การใช้พลัง ดูดส.ส.ของพรรคการเมืองในช่วงนี้ ว่า การเคลื่อนไหวอะไรก็ตามที่ยังทำภายใต้กรอบกฎหมาย ทางคสช.เพียงแค่ติดตามดูความเคลื่อนไหวเท่านั้น ดังนั้นทุกคนต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมายและอำนาจหน้าที่ ต่างคนต่างไม่ละเมิด ก้าวล่วงกัน ส่วนผู้บังคับใช้กฎหมายก็บังคับใช้อย่างถูกต้องเป็นธรรม ก็จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น การบริหารราชการแผ่นดินก็สามารถเดินต่อไปได้ตามกรอบโรดแมป เพื่อนำไปสู่ความมุ่งหมายร่วมกันของพี่น้องคนไทย คือ มีการเลือกตั้งช่วงต้นปี2562 ซึ่งทุกอย่างยังคงเป็นไปตามนี้ และยังไม่มีอะไรที่จะทำให้ต้องทำให้นอกเหนือไปจากนี้ได้
พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของนักการเมืองที่ลงไปพบปะพูดคุยกับประชาชน และลงพื้นที่ต่างๆนั้น ขอย้ำว่าคสช.ติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองทุกกลุ่ม ซึ่งสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันคสช.ประเมินว่ายังไม่มีอะไรเป็นพิเศษที่ต้องน่าวิตกและห่วงใย จนนำไปสู่ความไม่เรียบร้อย ของบ้านเมือง
เมื่อถามว่า การที่กลุ่มสามมิตร ใช้พลัง ดูดส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตามภูมิภาค ไม่ถือว่าขัดคำสั่งคสช. หรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวทางการเมือง อะไรก็ตาม ถ้าไม่ขัดกฎหมาย คสช.จะติดตามเฝ้าดูเท่านั้น และจะไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ใครมีพฤติกรรมแบบไหน ถ้าไม่ขัดกฎหมายกิจกรรมดังกล่าวก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่ถ้ากิจกรรม หรือการดำเนินการทางการเมืองใดก็ตามที่เริ่มขัดกฎหมาย คสช.จะมีมาตรการแจ้ง ให้ทราบ จากนั้นก็ตักเตือน ห้ามปราม ระงับยับยั้ง ให้ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

เมื่อถามอีกว่า แต่มาตรฐานเหล่านี้มีเสียงสะท้อนว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาล คสช. จะไม่ถูกติดตาม เหมือนเช่น กลุ่มคัดค้านจะกลายเป็นความยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน หรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวว่า “ คสช.ไม่สามารถจะไปทำอะไรที่ผิดกรอบกฎหมาย ทำเกินอำนาจหน้าที่ได้ แล้วไปกลั่นแกล้งใคร จนสร้างความอยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับกลุ่ม ฝ่ายการเมืองใดๆได้ ซึ่งคสช.ก็ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมายด้วยเช่นกันกับทุกคน และทุกสายตาของประชาชนคนไทยทั่วประเทศก็ติดตามดูการทำงานของรัฐบาลคสช. ดังนั้นเราก็ต้องพึงระมัดระวังในแง่ผู้บังคับใช้กฎหมายก็ต้องเคารพกฎหมายด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการใช้ทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับพลังดูด ส.ส. คสช. ติดตามการเคลื่อนไหวนี้ หรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวว่า ทหาร เป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาล เราทำงานภายใต้อำนาจ หน้าที่ และภารกิจที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการมา เราไม่สามารถทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้ได้
“สังคม และพี่น้องประชาชน รวมทั้งโลกโชเชียลมิเดีย จะจับจ้อง ตรวจสอบ ติดตามดูความเคลื่อนไหวของทหารอยู่แล้ว ทหารทุกคนก็ต้องระมัดระวัง อย่าไปทำอะไรที่นอกลู่นอกทาง คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่ทหารจะทำแบบนั้น เพราะทหารทุกต้องประพฤติ ปฏิบัติตนตามกฎหมาย และระเบียบวินัย ขณะเดียวกันถ้าอะไรที่ทำผิดกฎหมาย และกรอบอำนาจหน้าที่ ภารกิจ เราก็มีมาตรการลงโทษอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ทั้งทางวินัย และทางอาญา”

ทวงสัญญา

ทวงสัญญา



เมื่อทีมหมูป่า 13 ชีวิต ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านพร้อมกัน
ข่าวหมูป่าติดถ้ำหลวงเชียงราย อันโด่งดังไปทั่วโลกก็ปิดฉากจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งซะที
“แม่ลูกจันทร์” หวังว่าทีมหมูป่าติดถ้ำทั้ง 13 คน จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอย่างเดิม
ขอตั้งสมาธิมุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนเพื่อเป็นคนดีของสังคมให้สมกับที่คนไทยทั้งประเทศ และคนทั่วโลกเอาใจช่วยกันสุดลิ่มทิ่มประตู
อย่างไรก็ดี มหากาพย์หมูป่าติดถ้ำ ยังไม่จบ 100 เปอร์เซ็นต์
เพราะยังมีปัญหาสมาชิกหมูป่า 4 คน ที่รอความเมตตาจากรัฐบาลให้มีสถานะเป็นพลเมืองไทยอย่างสมบูรณ์
หมูป่า 4 คนที่เกิดและโตบนแผ่นดินไทย มีชื่อนามสกุลไทย เรียนหนังสือไทย
แต่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย
ได้แก่ ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม อายุ 13 ปี, ด.ช.อดุลย์ สามอ่อน อายุ 14 ปี, นายพรชัย คำหลวง อายุ 16 ปี และ นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือ “โค้ชเอก” อายุ 25 ปี
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า หมูป่าทั้ง 4 คน ประสบปัญหาแบบเดียวกันคือ ไม่มี “ใบสูติบัตร” เป็นหลักฐานยืนยันว่าเป็นคนไทยสัญชาติไทย
เนื่องจากบิดามารดาของหมูป่า 4 คน เป็นชนกลุ่มน้อย เป็นชาวเขาชาวดอยอยู่ห่างไกลความเจริญ
เมื่อตั้งครรภ์ก็ไม่ได้คลอดที่โรงพยาบาล
และไม่ได้ไปแจ้งการเกิดกับนายทะเบียนอำเภอ
เมื่อไม่มีสูติบัตรเป็นหลักฐานยืนยัน หมูป่าทั้ง 4 คน จึงกลายเป็นคนไร้สัญชาติ คนไร้รัฐ คนไร้ราก ไม่สามารถทำบัตรประชาชน ซึ่งเป็นสิทธิที่ควรได้รับในฐานะที่เกิดในเมืองไทย
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ความจริงไม่ต้องมีสูติบัตรมายืนยัน ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าหมูป่าทั้ง 4 คน เป็นคนดี เป็นเด็กเรียนดี มารยาทดี ความประพฤติดี ไม่เกกมะเหรกเกเรเกตุง
มีเหตุผลสมควรที่จะได้รับสัญชาติไทย เป็นคนไทยอย่างสมบูรณ์
ข้อสำคัญ มาตรา 23 ของ พ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับใหม่ กำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิขอรับสัญชาติไทยว่า เป็นผู้มีความประพฤติดี หรือทำคุณประโยชน์ให้สังคม และได้อาศัยอยู่ในประเทศติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 10 ปี
ฉะนั้น หมูป่าทั้ง 4 คน จึงมีคุณสมบัติเข้าเงื่อนไขที่จะได้รับสัญชาติไทยอย่างแน่นอน
“แม่ลูกจันทร์” ขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย ได้โปรดพิจารณาให้สัญชาติไทยกับสมาชิกหมูป่าทั้ง 4 คน
โดยเร็ว!!
อย่าให้ “หมูป่า 4 คน” ต้องผิดหวังช้ำใจเหมือน “ด.ช.หม่อง ทองดี” ซึ่งเป็นลูกชนกลุ่มน้อยที่เกิดในเมืองไทย เติบโตบนแผ่นดินไทยแต่ไม่ได้สัญชาติไทยเพราะไม่มีสูติบัตรมาเป็นหลักฐานรับรอง
ด.ช.หม่อง เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับระดับโลกที่ประเทศญี่ปุ่น และได้รับรางวัลชนะเลิศกลับมา
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยสัญญาว่าจะให้ “ด.ช.หม่อง ทองดี” ได้รับสัญชาติไทย จะได้รับแต่งตั้งเป็นยุวทูตของรัฐบาล จะให้ทุนการศึกษาจนถึงระดับด็อกเตอร์ เพื่อตอบแทนคุณงามความดีที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย
บัดนี้ผ่านไปแล้ว 9 ปี ด.ช.หม่อง ทองดี ซึ่งตอนนั้นอายุ 10 ปี กลายเป็น นายหม่อง ทองดี อายุ 19 ปี ก็ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย
ยังคงรอความหวังจะได้เป็นคนไทยด้วยความอดทน
คำมั่นสัญญาต่างๆนานา...ก็ไม่เกิดขึ้นจริง
“แม่ลูกจันทร์” เอาใจช่วยหมูป่า 4 คน ให้ได้รับสัญชาติไทยโดยเร็ว
อย่าให้ซ้ำรอย “ด.ช.หม่อง ทองดี” ที่เจอโรคเบี้ยวเต็มเปา.
“แม่ลูกจันทร์”

มี ‘ตัวช่วย’ ได้ ‘ตัวเชื่อม’

มี ‘ตัวช่วย’ ได้ ‘ตัวเชื่อม’



เป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว ยามที่ผู้นำอำนาจพิเศษ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อยู่ในประเทศ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม จะเป็นเป้าโฟกัส
ทั้งในฐานะรองนายกฯเบอร์ 1 รักษาการผู้นำ คอยระแวดระวังหลังให้
และในฐานะ “พี่ใหญ่” อำนาจคู่ อุ้มชูน้องเลิฟมาตลอด
ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” ไปเยือนประเทศภูฏาน กระชับสัมพันธ์ความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ไม่อยู่แค่ 1 คืน 2 วัน “บิ๊กป้อม” ก็ต้องเล่นบทเดิม แต่หนนี้ไม่ถึงขั้นหนักหนา แค่คอยรับหน้านักข่าว เผชิญหน้ากับคำถามร้อน คุมเชิงการเมือง
หนนี้พี่ใหญ่ไล่เคลียร์เรียบ นอกจากปัญหาหนี้สินเครือข่ายครู โยนให้ กกต.ไปตรวจสอบแกนนำเคลื่อนไหวเชื่อมโยงเรื่องการเมืองหรือไม่
และยังทำหน้าที่แจงละเอียด ทั้งคิวผู้นำยกคณะไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลฯ เป็นวาระตรวจงานรัฐบาลตามปกติ ไม่มีแฝงเลศนัยการเมือง รวมทั้งไม่ห่วงการเคลื่อนไหวของ “อดีตผู้นำ” ในต่างแดน ให้ประชาชนตัดสิน
ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมือง การย้ายค่ายเปลี่ยนพรรคเป็นเรื่องธรรมชาติของอดีต ส.ส.ในช่วงนี้ ไม่มีเรื่องดูด ด้านกลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวนัดพบแกนนำ เครือข่ายชาวนา เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าว ในฐานะรองนายกฯบอกปัด เรื่องนี้เป็นปกติ
ยังไม่มีปัญหา ไม่ขัดคำสั่ง คสช.
ไฟเขียวแนวร่วม ปล่อยฟรีกองหนุนขยับ
ทั้งนี้ ในฐานะบิ๊ก คสช. ไม่สะดวกที่จะออกตัวเอิกเกริกงานการเมือง แต่ “บิ๊กป้อม” ก็ถูกจับจ้องไม่ต่างกับความเคลื่อนไหวของทีม รมต.เครือข่าย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ในพรรคพลังประชารัฐ
ถูกพาดพิง ทั้งที่ว่ามีพลังสีเขียวเมืองใหญ่ขยับงานดีลนักการเมือง มีคิวเปิดรั้วเปิดค่ายรอดูด ไปจนกระทั่งที่เห็นมีบิ๊กเนมขั้วนายใหญ่พลิกขั้ว ก็ว่ามีบิ๊กสีกากีในเครือบิ๊กบราเธอร์ ดีลจีบมา
มองเป็นอีกสายพลังดูด หนุนพลังประชารัฐ ตามแผนทะลุ 100 แต้ม
ถึงแม้จะบอกปัด แต่ในฐานะพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” ถ้ามีงานเบิ้มระดับนี้ย่อมถูกจับตา
ยังไงก็น่าจะมีส่วนร่วม ในฐานะกองเชียร์ตลอดกาลของ “บิ๊กตู่” ที่เริ่มชัดว่ามีสัญญาณแรงหนุนตามสถานการณ์บ้านเมือง ในภาวะความจำเป็นต้องต่อตั๋วเป็นผู้นำในระบบเพื่อเก็บงาน
คุมเกมต่อเนื่องในห้วงเปลี่ยนผ่านบ้านเมือง
ไม่ต่างกัน อีกรองนายกฯอย่าง “ดร.สมคิด” ก็จัดว่างานนี้ออกตัวเต็มแรงกว่าหนก่อนๆ ทั้งปั่นงานเศรษฐกิจประเทศ จนตัวเลขกราฟไต่ระดับทะลุเป้า ติดแต่เรื่องปัญหาปากท้องฐานรากต้องเร่งเครื่อง
รอมาตรการนโยบายอัดฉีดสัมฤทธิผล
แต่ “ตัวช่วยวีไอพี” อย่าง “ดร.สมคิด” ก็ขันอาสาหา “ตัวเชื่อม” แก้ปมปากท้องฐานราก
ล่าสุดชื่อของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำกลุ่มสามมิตร ก็น่าจะเป็นคำตอบในโมเดลที่ไม่ต่างจาก “สนธยา คุณปลื้ม” ที่ดึงมาเป็นกุนซือผู้นำ
อดีตรัฐมนตรี ส. เสือ เครือ “ส.สมคิดกรุ๊ป” เป็นข้อต่อข้อเชื่อมชั้นดี เคี่ยวพื้นที่ รู้ช่องดีลลงลึกสู่ฐานราก
และน่าจะเป็นจุดสำคัญอีกเรื่องที่ “ดร.สมคิด” ดึงมาร่วมแก้ปมเศรษฐกิจฐานราก ที่ยังมีเงื่อนไขข้อจำกัดหลังจากผุดสารพัดมาตรการ จัดโครงการอัดฉีด แต่ผลลัพธ์ในระดับปากท้องชาวบ้าน ยังไม่เข้าเป้า
อดีตรัฐมนตรีอย่าง “สุริยะ-สมศักดิ์” ผ่านงานบริหารมาหลายรอบ ลุยพื้นที่ฐานรากของประเทศโชกโชน แค่เปิดหัวเรื่องราคาข้าว แนะช่องแก้ปมปัญหาการเกษตร ชูโครงการต่างๆก็เห็นทิศทางที่ดี
กลุ่ม “สามมิตร” น่าจะเป็นกำลังหนุนสำคัญ เข้ามาช่วยเติมเต็มนโยบายในเรื่องการดูแลเกษตรกรฐานราก ทั้งในรอบนี้ และรอบต่อไปกับคิวร่วมวงตีตั๋วให้ผู้นำ
เป็นกลไกเชื่อมต่อ ประสานอำนาจลงสู่ฐานราก ทำให้คำว่า “ประชารัฐ” มี “พลัง” รอบด้าน สมชื่อค่าย.
ทีมข่าวการเมือง

แค่ยกแรกหงายไพ่หมด

แค่ยกแรกหงายไพ่หมด



ไปเชียงรายก็กลัวโดนนินทาโหนกระแสทีมหมูป่า พอเปลี่ยนมาที่อุบลราชธานีก็เจอตีปี๊บเกมดูด
ถ้าหวั่นไหวตามขี้ปากนักการเมือง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. และ ครม.คงต้องนั่งแช่แป้งอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ต้องสัญจรไปตรวจงานที่ไหน
เพราะยังไงก็โดนหาเรื่องด่า ไม่ว่าจะไปเหนือ ล่องใต้ แวบอีสาน
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเดินเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง
ในสถานการณ์แบบที่สังเกตได้ วาทกรรมเกมดูดที่อุบลฯก็มาจากนักการเมืองขาใหญ่เจ้าของพื้นที่
วนอยู่กับการพูดรายวันของนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.ทีมงานพรรคเพื่อไทย ใต้ปีกของนายเกรียง กัลป์ตินันท์ กับนายอิสสระ สมชัย ขาใหญ่ กปปส.ที่ยังปักหลักกับยี่ห้อประชาธิปัตย์
ดักเตะตัดขา สกัดยี่ห้อพลังประชารัฐเข้ามาแบ่งส่วนตลาด
ได้โอกาสปั่นกระแส สร้างราคากันตามฟอร์ม
ขณะที่เบอร์ใหญ่ๆอย่างนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ หรือนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีคนดังระดับมือดีลสำคัญ ที่ถูกอ้างชื่อถูกลากเข้าไปเชื่อมโยงเบื้องหลังการขับเคลื่อนของพรรคพลังประชารัฐในจังหวัดอุบลฯ ปรากฏอยู่ในข่าวตามสื่อ
กลับไม่มีการแสดงตัวแสดงตน รับมุกเกมแห่กระแสแต่อย่างใด
นั่นหมายถึงระดับ “ของจริง” จะไม่ขยับให้จับทางได้ง่ายๆ
ตรงกันข้าม ตามจังหวะโดนล่อให้หงายไพ่กันหมดแล้ว
ทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทย ลูกข่าย “ทักษิณ” ที่นายเกรียง กัลป์ตินันท์ สายตรงในคาถา “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่กดปุ่มนายสมคิด เชื้อคง ออกมาไล่ส่งนายสุพล ฟองงาม อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กับทีมงาน จะย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ
ได้จังหวะตัดขาคู่แข่ง ที่ชิงกันเป็นเบอร์หนึ่งของ “นายใหญ่” ในอุบลฯมาตลอด
ค่ายเพื่อไทยแตกเพราะ “สนิมเนื้อใน”
แน่นอนไม่ใช่แค่ที่อุบลฯ อาการแบบนี้น่าจะแฝงอยู่อีกหลายจังหวัดหลายพื้นที่
สถานการณ์ที่เปิดช่องให้โดนเจาะโดยธรรมชาติ
ในอาการแบบที่ “นายใหญ่” นั่งไม่ติด ต้องสั่งการข้ามประเทศ แก้เกมให้ทีมของนายเกรียงไปไล่ดูดอดีต ส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา มากลบกระแส เติมเต็มช่องโหว่อุบลฯที่หายไป
ต้องไล่ดูดคืนเหมือนกัน ไม่ใช่ส่ง “นกแลหน้าใหม่” ที่ไหนลงก็ได้อย่างที่คุย
ขณะที่ประชาธิปัตย์จับอาการจากนายอิสสระที่กระโดดออกมาร่วมวงเตะตัดขา “นายกฯลุงตู่” ครม.สัญจรเมืองดอกบัว สะท้อนอาการหวาดกลัวที่ซ่อนไม่มิด
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่อ่านทางได้ ลำพังประชาธิปัตย์เบียดกระแสสู้กับพรรคเพื่อไทยก็เหนื่อยหืดจับอยู่แล้ว แนวโน้มถ้าโดนยี่ห้อพลังประชารัฐบุกมายึดเมืองอุบลฯเป็นทัพหลวงในการเจาะภาคอีสาน
เพิ่มตัวตัดแต้ม สถานการณ์คน ปชป.ยิ่งส่อเหงื่อตก
นี่แค่ยกแรก มุก ครม.สัญจรของทีมงาน “ลุงตู่” ยังทำให้เห็นเจ้าถิ่นทั้งเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ พากันออกอาการผวาน้องใหม่ยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” ซะขนาดนี้
กระแสพลังดูด แรงในระดับ “เครื่องสูบน้ำซิ่ง” ถ้ำหลวงฯ
และนั่นก็ยังไม่ได้นับเหลี่ยมกลกระตุ้นเทศกาลเลือกตั้ง ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ สั่ง “ติดเครื่อง” เดินหน้าอัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก
“ปล่อยของ” คืนแวตคนจน พักหนี้เกษตรกร สารพัดมาตรการยี่ห้อ “ประชารัฐ” กระตุ้นปัญหาปากท้อง
ซื้อใจประชาชนคนมีรายได้น้อย ฐานเสียงใหญ่ของประเทศ

ภายใต้ระบบรัฐสวัสดิการแทนที่ประชานิยม แพ็กเกจหาเสียงที่คิดนโยบายอย่างเป็นระบบ
ตามข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หนึ่งในแกนนำกลุ่มสามมิตร ได้เชิญแกนนำเครือข่ายชาวนา ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ ระดมความเห็น เพื่อนำข้อมูลไปเสนอต่อรัฐบาลในการออกมาตรการช่วยเหลือราคาข้าว
เบื้องต้นตัวเลขออกมาเกวียนละ 8,000 อยู่ได้ จากปัจจุบันที่ได้กันเกวียนละ 6,000 กว่าบาท
สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลประกาศชาวนาจะได้เงินไม่ต่ำกว่าจำนำข้าว
ตามรูปการณ์ “พลังประชารัฐ” ก็หวังวางเกมยาวๆ
ไม่เล่นแบบสุกเอาเผากินอีกต่างหาก.
ทีมข่าวการเมือง

‘เป็นชุด’ อุดยังไงให้ทัน

‘เป็นชุด’ อุดยังไงให้ทัน



วิ่งอุดเลือดไหลออกกันไม่ทันเลย
ในอารมณ์แบบที่ลูกข่ายสายตรง “นายใหญ่” หน่วยสอดส่องของพรรคเพื่อไทย กำลังตีฆ้องร้องป่าวยุทธการดูด ส.ส.เข้าค่ายพลังประชารัฐ
แฉดักคอดักทาง ประจานดักหน้าดักหลังกันทุกวัน
แต่หันมาอีกทีก็ต้องสะดุ้ง กับมุกความเคลื่อนไหวเครือข่ายสามมิตรพยายามดึงแกนนำเสื้อแดง นชป.ในภาคอีสานเป็นแนวร่วมกับค่าย “พลังประชารัฐ” ในการสนับสนุน “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ตีตั๋วต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ไม่ใช่แค่อดีต ส.ส.เกรดเอที่โดนดูด แม้แต่แกนนำเสื้อแดงยังหาย
ถามว่า เกมนี้มีเอฟเฟกต์แค่ไหน คำตอบมันก็อยู่ที่อาการของ “เดอะเต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำตัวจี๊ดกลุ่มเสื้อแดง นปช.ที่ต้องออกจากที่ซุ่ม “มุมหลบคุก” โวยวายใส่เกมดูดเสื้อแดง
นั่นแสดงว่า มันตรงเป้ายุทธศาสตร์ตัดกำลัง “นายใหญ่” เข้าจุดโฟกัส
แม้โดยลีลากลบเกลื่อน นายณัฐวุฒิจะถากถางกลุ่มสามมิตร เยาะเย้ยเกมย่อยสลาย นปช.ดูดไม่คล่องคอ แต่โดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่ทีม “นายใหญ่” ก็ปฏิเสธความจริงไม่ออก
กับดีกรีความร้อนแรงของกลุ่มเสื้อแดง นปช.ที่เบาลงจนรู้สึกได้
ภายหลังแกนนำส่วนหนึ่งเข้าไปอยู่ในเรือนจำ บางคนก็เพิ่งพ้นโทษออกมารอลุ้นคดีที่ยังค้างอยู่ ขณะที่บางส่วนก็มีคดีอยู่ระหว่างลุ้นศาลตัดสิน จ่อเข้าไปในเรือนจำ
เกมมวลชนลากถลำลึก จนคนเสื้อแดงต้องติดคุกจริง
ต้องเผชิญวิบากกรรมชีวิตจริง
และรู้ตัวแล้วว่า ถึงเวลาไม่มีใครกลับมาช่วยได้จริง
แม้แต่ตัวนายณัฐวุฒิเองก็ยิ่งชัดเจนกว่าใคร กับสถานะที่ต้องเป็น “ตัวชน” แทน “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานเสื้อแดง นปช.ที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ
ตามรูปเกมจำเป็นต้องประคองกระแส รักษาเรตติ้งเสื้อแดงไม่ให้ตก
เพราะมันคืออำนาจต่อรองที่เหลืออยู่ของ “นายใหญ่”
แต่ก็เป็นอะไรที่สังเกตได้ “เดอะเต้น” ก็เล่นแบบผลุบๆโผล่ๆ เพราะแหยงคดีที่ติดชนักปักหลังอยู่
ไม่นับอาการของพวกที่สู้แล้วรวย อยากเลิกไปใช้ชีวิตปกติสุข
นั่นก็ทำให้แรงจูงใจของคนเสื้อแดงในการลุยหักดิบไปกับ “นายใหญ่” นับวันจะเหือดหายไป
ตามจังหวะมันก็เข้าเหลี่ยม ยุทธศาสตร์สลายตัวเงื่อนไขขัดแย้ง
ฝ่ายคุมเกมอำนาจต้องเคลียร์โจทย์สำคัญ นอกจากตัดฐานกำลังอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในจังหวะต่อเนื่องก็ต้องสลายแนวร่วมเสื้อแดง นปช.ในภาคอีสานที่ยังปักหลักเป็นฐานกำลังสนับสนุน “ทักษิณ ชินวัตร”
ตัดกองหนุน “นายใหญ่” ทั้งเกมมวลชนและพรรคการเมือง
เรื่องของเรื่อง ยุทธการแบบนี้ คสช.ก็ดำเนินการมาตลอดตั้งแต่ต้น แบบที่มีคนของ “นายใหญ่” ออกมาแฉประจานการส่งทหารบุกไปประกบมวลชนเสื้อแดงถึงในหมู่บ้านตามภาคอีสาน
นั่นแสดงว่า ทหารทำไม่เนียน โดนจับไต๋ได้
เสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยปักหลักต้านเต็มที่
แต่มาตรงนี้ ถึงจุดที่ต้องใช้บริการนักการเมืองเข้าไปสลายเงื่อนไขมวลชน
เบื้องต้นถือว่า ทำได้เนียนกว่าท็อปบูต
จากสถานการณ์ที่กลุ่มสามมิตรเปิดชื่อเปิดบัญชีแกนนำเสื้อแดงในภาคอีสาน ดึงมาเป็นแนวร่วมค่ายพลังประชารัฐ สนับสนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรี
ถึงขั้นที่ “เดอะเต้น” ต้องออกจากที่ซุ่มมาโวยวาย สกัดดักคอดักทาง
แต่ในสถานการณ์ที่อีกทางก็เป็นยุทธการปั่นแต้ม ปูทางเข้าโหมดเลือกตั้ง
ตามจังหวะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ สั่ง “ติดเครื่อง” อัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก “ปล่อยของ” มาตรการบรรเทาปัญหาปากท้อง ทั้งคืนภาษีคนมีรายได้น้อย พักหนี้เกษตรกร 3 ปี ดันราคาข้าวไม่ต่ำกว่าโครงการจำนำ แถมบวกออปชันพิเศษ ฯลฯ
ปล่อยโปรโมชันกันแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์
ทีมงาน “นายกฯลุงตู่” จัดรัฐสวัสดิการให้ประชาชนคนไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน
อัดยา “ประชารัฐ” มาแก้อาการเสพติดยี่ห้อ “ประชานิยม”
ทั้งดูด ทั้งดึง ทั้งปล่อยของ เพื่อไทยจะอุดยังไงให้ทัน.
ทีมข่าวการเมือง

#ญาติเหยื่อเรือเซวอลร่ำไห้อิจฉา'13 #ชีวิตทีมหมูป่า' #ประชดรบ.#เกาหลีใต้อยากเกิดเป็นคนไทย'


รอยเตอร์ - ญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือเฟอร์รีเซวอลอัปปางในเกาหลีใต้ บอกรู้สึกอิจฉานักเตะและโค้ชทีมเยาวชนหมูป่าอคาเดมี 13 ชีวิต ที่ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างเต็มกำลังจากทุกฝ่าย หลังไม่พอใจคำตัดสินของศาลแห่งหนึ่ง ซึ่งพิพากษาในวันพฤหัสบดี(19ก.ค.) ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าเหตุเรือล่มเมื่อปี 2014 คร่าชีวิต 3.4 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาล แต่แค่สั่งให้จ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัวเท่านั้น
ปฏิบัติการช่วยเหลือแบบลวกๆและกรณีมีเด็กๆเสียชีวิตจำนวนมากภายในประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของเอเชีย ก่อความช็อคและความรู้สึกขุ่นแค้นแก่ประชาชนชาวเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก และเป้าโจมตีก็คือรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย
ทีมสืบสวนเผยว่าเรือเฟอร์รีลำดังกล่าวมีโครงสร้างที่ไม่มั่นคง บรรทุกเกินพิกัดและแล่นเร็วเกินไปตอนหักเลี้ยว ทำให้มันเกิดอัปปางนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2014 ก่อความโศกเศร้าแผ่ลามไปทั่วประเทศนานหลายเดือน
ในวันพฤหัสบดี(19ก.ค.) ศาลแขวงกลางของกรุงโซล มีคำสั่งให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยแก่เหยื่อแต่ละรายครอบครัวละ 200 ล้านวอน (5.89 ล้านบาท) และเงินชดเชยเพิ่มเติมตั้งแต่ 5 ล้านวอน(150,000บาท) ไปจนถึง 80 ล้านวอน(2.3 ล้านบาท) แก่สมาชิกครอบครัวเหยื่อแต่ละคน
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลและเจ้าของเรือเฟอร์รีจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินหรือไม่
กลุ่มสมาชิก 354 คนของครอบครัวเหยื่อเด็กนักเรียน 118 คน ยื่นฟ้องในปี 2015 เอาผิดกับรัฐบาลและเจ้าของเรือเฟอร์รี บริษัทชองแฮจิน มารีน(Chonghaejin Marine) หลังปฏิเสธข้อตกลงชดเชย ซึ่งจะปิดทางการเลือกสำหรับดำเนินการทางกฎหมาย
เอกสารของศาลระบุว่า เรือเซวอลของชองแฮจิน มารีน บรรทุกเกินพิกัดและลูกเรือได้ทิ้งเรือเฟอร์รีที่กำลังจม แต่บอกกับพวกผู้โดยสารให้อยู่แต่ในห้องโดยสาร ในขณะเดียวกันหน่วยยามชายฝั่งก็ล้มเหลวในการควบคุมสมดุลเรือและช่วยเหลือพวกผู้โดยสาร
มากกว่า 2 ใน 3 ของผู้โดยสารทั้งหมด 476 คนบนเรือเซวอลเป็นเด็กนักเรียนที่กำลังเดินทางไปทัศนศึกษา และจำนวนมากต้องเสียชีวิตเพราะติดอยู่ภายในเรือตามคำสั่งของลูกเรือ
จอน มยุง-ซุน ประธานสมาคมครอบครัวเหยื่อ ระบุว่าคำพิพากษาในวันพฤหัสบดี(19ก.ค.) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของครอบครัวในการเดินหน้าต่อสู้เพื่อความจริง "เราไม่พอใจ ศาลไม่ยอมรับคำโต้แย้งของเราที่ว่าทำเนียประธานาธิบดีในฐานะหอควบคุมภัยพิบัติแห่งชาติได้ละเมิดกฎหมาย เราจะหยิบยกเรื่องนี้มาโต้แย้งอีกครั้งในการอุทธรณ์"
ยู คยุง-กึน สมาชิกของครอบครัวหนึ่ง พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ออกมา ในความคับแค้นใจที่ได้รับการปฏิบัติแบบตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับนักเตะเยาวชนทีมหมูป่าและโค้ช ที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่งในไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังติดอยู่ภายในมานานหลายวัน
"เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกอิจฉาคนไทย และผมคงจะต้องอิจฉาพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ" ยูกล่าวบริเวณด้านนอกศาลหลังได้รับฟังคำพิพากษา "ผมอยากเป็นคนไทย ผมรู้สึกยินดีมากที่ทุกคนยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัย"
อดีตประธานาธิบดีพัค ซึ่งกำลังรับใช้โทษจำคุก 24 ปีในความผิดฐานคอรัปชัน ปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่าเธอล้มเหลวในการตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างทันทีทันใดและอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนมีนาคมปีก่อน การสืบสวนของอัยการพบว่าเธอยังคงอยู่ในห้องนอนตอนที่เรืออัปปาง และมัวแต่พูดคุยอยู่กับ ชอย ซุน-ซิล เพื่อสาวคนสนิท ซึ่งตอนนี้ก็ชดใช้กรรมในคุกฐานสมคบคิดกับ พัค รับเงินสินบนหลายล้านดอลลาร์จากลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้
ในส่วนของกัปตันเรือถูกพบว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมในปี 2015 และถูำกจำคุกตลอดชีวิต ส่วนลูกเรือคนอื่นๆหลายสิบคนถูกจำคุกระยะสั้นลดหลั่นกันไป
ญาติเหยื่อเรือเซวอลร่ำไห้อิจฉา'13ชีวิตทีมหมูป่า' ประชดรบ.เกาหลีใต้'อยากเกิดเป็นคนไทย'
@@@

ตรวจแถวพรรคการเมือง ใครเป็นพรรค 'กองหนุนลุงตู่'

ตรวจแถวพรรคการเมือง ใครเป็นพรรค 'กองหนุนลุงตู่'
.
ท่ามกลางการเดินสายลงพื้นที่ที่ถูกครหาว่า 'หาเสียง' ของรัฐบาลคสช. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และกระแส 'ดูด' ส.ส. ของกลุ่มการเมืองในอดีตที่ออกตัวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายก ยังมีพรรคการเมืองอีกอย่างน้อย 9 พรรค ที่แสดงจุดยืนเดียวกัน โดย 3 ใน 9 พรรคที่เปิดตัวออกมานั้น ล้วนเป็นที่คุ้นหน้าคุณตาของสังคม ได้แก่
.
1) #พรรคพลังประชารัฐ หรือ #พรรคสามมิตร ที่มีแกนนำคนสำคัญได้แก่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ คนที่สองคือ สมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีในยุครัฐบาลทักษิณและแกนนำกลุ่มวังน้ำยม กลุ่ม ส.ส. ที่เคยสังกัดพรรคไทยรักไทย ส่วนคนที่สามที่ยังคาดกันว่าเป็นแกนนำคนที่สามแต่ยังไม่เปิดเผยตัวคือ และอีก ส. ที่ยังไม่เปิดเผยตัว แต่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคนี้คือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรัฐมนตรีในยุครัฐบาลทักษิณ แต่ปัจจุบันเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
.
โดยพรรคดังกล่าวก็ได้เดินหน้าดูด(ดึงตัว) นักการเมืองจากกลุ่มต่างๆ มาร่วมพรรค ซึ่งผู้สังกัดพรรคส่วนใหญ่ก็เป็นอดีตนักการเมืองเก่า เช่น อนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส. พรรคไทยรักไทย และ สุชาติ ตันเจริญ อดีตรัฐมนตรีและอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นต้น
.
2) #พรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ถูกขนานนามว่าเป็นพรรคกลุ่มกปปส. เนื่องจากผู้ที่ประกาศตัวเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมาจากกลุ่ม กปปส. ไม่ว่าจะเป็น สุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต รศ.จักษ์ พันธ์ชูเพชร นักวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร และประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปท.) เป็นต้น
.
สำหรับแกนนำของพรรคหลักๆ คือ สองประสานระหว่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลอภิสิทธิ์ และเลขาธิการ กปปส. อีกคนคือ ศาสตราจารย์พิเศษ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานกรรมการคณะปฏิรูปประเทศด้านการเมืองในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
.
3) #พรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งประกอบด้วยนายทหารอย่าง พล.อ.ลือพงศ์ โชติวิทยากาญจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทย และ พล.อ.จิระศักดิ์ บุตรเนียร อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งทั้งคู่เป็นมีความใกล้ชิดและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน ซึ่งควบตำแหน่งเลขาฯ คสช. เป็นสนช. และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
.
โดย หัวหน้าพรรคคือ ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกวุฒิสภา และเป็นอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ, อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2558 และเป็นอดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏิรูปแห่งชาติ
ดูรายชื่อพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ออกตัวเป็น 'กองหนุนลุงตู่' ได้ที่ https://ilaw.or.th/node/4874