PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

"สุชาติ"นำทีมกลุ่มบ้านริมน้ำ-"อัศวเหม"ซบ พปชร.

"สุชาติ"นำทีมกลุ่มบ้านริมน้ำ-"อัศวเหม"ซบ พปชร.

  • วันที่ 23 พ.ย. 2561 เวลา 13:34 น.


"สุชาติ ตันเจริญ" พาลูกชาย-นักการเมืองท้องถิ่นฉะเชิงเทราสมัครสมาชิก "พปชร." ยอมรับ "วราเทพ"เตรียมซบ ชี้ หนุน "ประยุทธ์" เป็นนายกฯต่อ ขณะที่ "อัศวเหม"กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ก็มา
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคภูมิใจไทย และแกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ นำนายศักดิ์ชาย ตันเจริญ รองประธานสภาจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบุตรชาย และกลุ่มบ้านริมน้ำ รวมทั้งอดีตนักการเมืองท้องถิ่นกว่า 30 คนเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
          นายสุชาติ กล่าวภายสมัครสมาชิกว่า ต้องการยึดอำนาจคืนจากเผด็จการและกลับสู่ประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้ง เพราะหากวันนี้ยังไม่เริ่มจัดตั้งพรรคการเมือง การเลือกตั้งก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือกลุ่มของตนเองก็จะร่วมกันทำพรรคการเมืองเพื่อให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว และหลังจากนี้จะไม่มีการพูดว่าฝ่ายไหนคือเผด็จการและฝ่ายไหนคือประชาธิปไตย เพราะจะมีแต่ฝ่ายประชาธิปไตยเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ยืนยันว่า การเข้ามาร่วมพรรคพลังประชารัฐไม่มีการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ เพราะส่วนตัวไม่ได้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง และทราบว่านายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ก็จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐด้วย ซึ่งส่วนตัวได้พูดคุยกับนายวราเทพแล้ว แต่ไม่ได้เป็นผู้ติดต่อให้มาร่วมงานพรรคนี้   ส่วนโอกาสที่พรรคภูมิใจไทยจะรวมกับพรรคพลังประชารัฐในอนาคต นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว สามารถพูดคุยกันได้
ทั้งนี้ นายสุชาติ ยังกล่าวถึงบุคคลที่เหมาะสมจะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคว่า จะเป็นทหารหรือพลเรือนถือเป็นอำนาจการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค แต่หากเป็นทหาร หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะเมื่อเข้ามาสู่สนามเลือกตั้งแล้ว ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะเลือกหรือไม่

ส่วนการคาดหวังว่าที่นั่ง ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ นายสุชาติ เห็นว่า ทุกคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งก็อยากได้รับชัยชนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งวันนับคะแนนก็จะได้รู้ผล ทั้งนี้ยอมรับว่าได้ชักชวนนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ บุตรชายคนโตมาช่วยงานการเมืองหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าระหว่างพ่อบังคับกับ นายพานทอง แท้ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บังคับใครจะชนะ ส่วนนายศักดิ์ชาย บุตรชายคนเล็กที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคก็อาจจะลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ขอดูสถานการณ์อีกสักระยะก่อน

นายสุชาติ ยังระบุด้วยว่า พรรคพลังประชารัฐมีกระแสตอบรับที่ดีมาก เพราะสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา มีอดีตข้าราชการบ้าง แต่แทบไม่มีทหารเลย ที่สำคัญเหตุผลที่ตัวเองเข้าร่วม เพราะจังหวัดตนเองอยู่ในภาคตะวันออก จะต่อเนื่องกับการที่รัฐบาลมีนโยบายเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย ส่วนจะเป็นพรรคที่มีเสียงอันดับ 1 จนได้ตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น เห็นว่าทุกพรรคก็มีความมั่นใจ แต่สุดท้ายก็คงต้องรอดูกันต่อไป นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้านำมาโดย นายอัครวัฒน์ อัศวเหม อดีตนายก อบจ.จังหวัดสมุทรปราการ พี่ชายของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม รวมทั้งนายวรพร อัศวเหม ประธานสภาเทศบาล ตำบลบางปู นายต่อศักดิ์ อัศวเหม อดีตรองนายกเทศมนตรี นครสมุทรปราการ และนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก อดีต ส.ส สมุทรปราการ ก็มาเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐในวันนี้

นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า การลงมาสมัครพรรคนี้ เพราะได้รับเสียงเรียกร้องจากท้องถิ่นให้มาร่วมงานกับพรรค เชื่อว่าพรรคนี้จะทำให้สมุทรปราการมีความเข้มแข็งมากขึ้น  เมื่อถามว่าประชาชนจะสนับสนุนการสังกัดพรรคนี้หรือไม่ นายอัครวัฒน์ระบุว่า ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่คุยกับผู้นำท้องถิ่นประชาชน ต่างก็มั่นใจว่าพรรคนี้จะทำให้จังหวัดเข้มแข็ง และการมาสมัครเป็นสมาชิกไม่ได้มีเงื่อนไขต่อรองในคดีของนายชนม์สวัสดิ์ แต่เป็นความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง

ด้านนายกรุง ศรีวิไล กล่าวว่า อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเล่นการเมือง เพราะอายุมากแล้ว ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า ทีมงานท้องถิ่นของนายชนม์สวัสดิ์ ไม่เคยทิ้งประชาชน และมองว่า พรรคพลังประชารัฐมีความเป็นกลาง ไม่เอาเปรียบประชาชน

“บิ๊กอู๋”ลุยชลบุรี เช็คความพร้อมระบบการทำงานศูนย์บริหารแรงงานอีอีซี !!

“บิ๊กอู๋”ลุยชลบุรี เช็คความพร้อมระบบการทำงานศูนย์บริหารแรงงานอีอีซี !!
รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ จ.ชลบุรี ตรวจสอบความพร้อมของสถานที่ ขั้นตอนการดำเนินงาน เครื่องมืออุปกรณ์ และบุคลากรที่มาปฏิบัติงาน ก่อนเปิดบริการศูนย์บริหารแรงงานอีอีซีอย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 
ตรวจติดตามความพร้อมศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Centre) ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 ชลบุรี เลขที่ 145 ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการจัดเตรียมสถานที่ ขั้นตอนการดำเนินงาน เครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนบุคลากรที่มาปฏิบัติงาน รวมทั้งความพร้อมในการให้บริการตรวจลงตราและขอใบอนุญาตทำงาน
ตามความร่วมมือกับ BOI อีกด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวต่อว่า ศูนย์ฯ แห่งนี้เป็นศูนย์จัดหางานและพัฒนาแรงงานอย่างเป็นระบบ ให้บริการในลักษณะวันสต๊อปเซอร์วิส เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC มีการทำงาน 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1)รับลงทะเบียนสมัครงาน/รับแจ้งตำแหน่งงานว่าง สัมภาษณ์เพื่อทราบรายละเอียดลักษณะงานและคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัครงาน
2)แนะแนวและทดสอบความพร้อมทางอาชีพ
3)จับคู่ตำแหน่งงานที่เหมาะสม ส่งตัวผู้สมัครงานพบนายจ้าง
4)ฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงาน ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ประเมินเพื่อรับรองความรู้ความสามารถ ให้คำแนะนำสถานประกอบกิจการเรื่องสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน
5)คุ้มครองแรงงานและสิทธิประโยชน์ประกันสังคม
สำหรับสถานการณ์ด้านแรงงานจังหวัดชลบุรีมีผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 1,053,010 คน เป็นผู้มีงานทำ 1,045,522 คน ผู้ว่างงาน 7,488 คน มีสถานประกอบการ 18,003 แห่ง ในจำนวนนี้มีสถานประกอบการ 1,191 แห่ง มีความต้องการแรงงาน 15,633 อัตรา แบ่งเป็นภาคอุตสาหกรรม 9,471 อัตรา และภาคบริการ 6,152 อัตรา สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรามีผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 431,844 คน เป็นผู้มีงานทำ 429,515 คน
ผู้ว่างงาน 2,329 คน มีแรงงานนอกระบบ 185,609 คน มีแรงงานต่างด้าว 53,420 คน มีสถานประกอบการ 3,202 แห่ง ในจำนวนนี้มีสถานประกอบการที่ต้องการแรงงาน 488 แห่ง ลูกจ้าง 6,073 อัตรา และจังหวัดระยองมีผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 564,614 คน ผู้มีงานทำ 559,958 คน ผู้ว่างงาน 4,240 คน ผู้รอฤดูกาล 416 คน มีแรงงานต่างด้าว 112,091 ราย มีสถานประกอบการ 9,209 แห่ง
ขณะที่การสำรวจความต้องการแรงงานในพื้นที่อีอีซี พบว่า มีความต้องการแรงงานทั้งสิ้น 29,914 อัตรา จากสถานประกอบการที่มีความต้องการแรงงาน 2,178 แห่ง จากสถานประกอบการทั้งหมดในพื้นที่จำนวน 26,792 แห่ง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการแรงงานภาคอุตสาหกรรมดั้งเดิม/ภาคบริการมากที่สุด 19,096 อัตรา รองลงมาเป็นตำแหน่งงานใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 10,818 อัตรา เมื่อจำแนกตามประเภทงาน ได้แก่ งานการผลิตมากสุด รองลงมาเป็นงานบริการ และงานบำรุงรักษา ทั้งนี้ โดยภาพรวมสถานประกอบการในพื้นที่ยังมีความต้องการด้านการผลิตโดยใช้กำลังคนเป็นหลัก เมื่อพิจารณาความต้องการตามประเภทงานแต่ละจังหวัดนั้น พบว่า ชลบุรีต้องการแรงงานประเภทงานด้านบริการ ระยองขาดแคลนแรงงานด้านการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และฉะเชิงเทราต้องการแรงงานประเภทงานด้านโลจิสต์ติก เป็นต้น!!

'สุชาติ' นำกลุ่มบ้านริมน้ำ 'อัศวเหม' พาทีมสมุทรปราการซบพลังประชารัฐ

23 พ.ย.61 - ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีการบรรดาสมาชิกกลุ่มการเมืองต่างๆทยอยเดินทางมาสมัครสมาชิก โดยกลุ่มที่น่าสนใจ กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า  นำโดยนายอัครวัฒน์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ลูกพี่ลูกน้องนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าสมุทรปราการ นำสมาชิกในกลุ่มกว่า 10 คนสมัคร อาทิ นายวรพร อัศวเหม ประธานสภาเทศบาล ตำบลบางปู นายต่อศักดิ์ อัศวเหม อดีตรองนายกเทศมนตรี นครสมุทรปราการ และนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก หรือกรุง ศรีวิไว เป็นต้น โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้การต้อนรับ 
ต่อมาเวลา 10.40 น. นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ พร้อมนายศักดิ์ชาย ตันเจริญ รองประธานสภาจ.ฉะเชิงเทรา บุตรชาย นำอดีตส.ส.ฉะเชิงเทรา และสมาชิกในกลุ่มจ.ร้อยเอ็ด สกลนคร มหาสารคาม ยโสธร มุกดาหารนครพนม สมัครสมาชิกพรรคพปชร.
นายสุชาติ บอกว่ากลุ่มของตนมีสมาชิกประมาณ 30 - 40 คน และทุกคนที่จะลงเลือกตั้งนั้นคาดหวังว่าจะชนะ ทั้งนี้ประชาชนตอบรับกระแสของพรรคพปชร.ถือว่าดี 

“วิษณุ”ชี้รัฐแจกเงินไม่ใช่ประชานิยมแต่เป็นวิเศษนิยม

“วิษณุ”ชี้รัฐแจกเงินไม่ใช่ประชานิยมแต่เป็นวิเศษนิยม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองหัวหน้า คสช.กล่าวถึงเสียงวิจารณ์มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่อนุมัติงบประมาณในโครงการบัตรสวัสดิการของรัฐเพิ่มเติม หลายหมื่นล้านบาท เป็นเหมือนการหาเสียงล่วงหน้าให้แก่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ว่า คิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบเสียเปรียบ หรือผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้เสนอโครงการดังกล่าวให้ ครม.พิจารณา ไม่ได้เอื้ออะไรให้ใคร เป็นโครงการที่มีการคิดกันมานานแล้ว ตนได้ บอก ครม.ไปนานแล้วว่า หากมีโครงการใดที่จะให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ก็ขอให้กระทรวงรีบนำมาเสนอ ก่อนที่จะมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง
“ผมคิดว่าไม่ได้ไปเอื้อให้กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีรัฐมนตรี 4 คนอยู่ในพรรคพปชร. แต่สมมุติว่าถ้าเอื้อ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ 4 รัฐมนตรี เพราะทั้ง 4 คนนั้นไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าหาเสียงล่วงหน้านั้น คนเป็นรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย เวลาทำอะไรก็จะถูกมองทั้งนั้น ไม่เป็นไร เมื่อถูกวิจารณ์ก็ให้ชี้แจงกันไป และที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวก็ไม่เป็นอะไรถือว่า ดีแล้ว”
เมื่อถามว่า ในอนาคตหากมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง รัฐบาลควรจะระมัดระวังการอนุมัติงบประมาณที่ส่อไปในทางที่จะถูกมองเป็นการหาเสียงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แม้ว่าจะมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้วก็ยังทำได้ตามปกติ เพราะอย่างที่บอก ว่ารัฐบาลนี้จะไม่มีสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ ยังทำงานได้เต็มร้อยทุกอย่าง ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลได้วิจารณ์นโยบายประชานิยมมาโดยตลอด แต่กลับออกนโยบายประชานิยมมาเช่นกัน เรื่องนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้บอกแล้วว่าโครงการนี้ไม่ใช่ประชานิยม แต่ตนไม่รู้ว่าเป็นอะไร อาจจะเป็นวิเศษนิยมกระมัง(หัวเราะ)
เมื่อถามย้ำว่า ถึงแม้ในทางกฎหมายจะทำได้ แต่โดยมารยาทแล้วควรทำหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันไปตามมารยาท เพราะรัฐบาลนี้จะอยู่ไปจนกระทั่งมีรัฐบาลใหม่เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ ถ้าคิดว่าจะต้องมีมารยาทเป๊ะทั้งหมดแล้วในระหว่างที่รอรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงาน ในช่วงที่รอนั้นจะให้ทำอย่างไร หากเกิดเหตุขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์น้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด เรือล่ม ฯลฯ

เลือดยังไหลทะลักไม่หยุด เพื่อไทย...

เลือดยังไหลทะลักไม่หยุด เพื่อไทย...
ผู้ใหญ่ที่เคารพมีอินไซด์การเมืองมาทักใน IB บอกสถานการณ์การเมืองในพรรคพลังประชารัฐช่วงนี้น่าจับตามองอย่างย่ิง หลังเปิดตัวสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บอกถึงสถานการณ์ของเพื่อไทยที่ยังเลือดไหลไม่หยุด หมู่มวลอดีตสมาชิกตบเท้าออกจากพรรคเดินเข้าร่วมงานการเมืองกับพปชร. ต่อเนื่อง บอกให้ถึงแรงกดดันจากทุกทิศทาง ขนาดผู้กองมนัส ขาใหญ่ที่เคยเป็นกองเชียร์เพื่อไทย ยังต้องมาร่วมงานการเมืองกับพปชร. ดันลุงตู่ให้ถึงเป้าหมาย
“วันนี้พวกที่คาดว่าไปพลังประชารัฐ มีสุชาติ ตันเจริญ กรุง ศรีวิไล หลานเสนาะก็ไปวันนี้ ส่วนลูกบุญทรง ไปพรุ่งนี้พร้อม วราเทพ (รัตนกร) (กำแพงเพชร) มันมาขนาดนี้แล้วคุณญิงหน่อย ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย จะอยู่ยังไง สงสัยต้องอยู่กับเฉลิม อย่างนี้ไอ้แม้วตายแน่ ตายแน่”
ยุทธศาสตร์แตกแบ๊งค์พันของทักษิณ ตีฝ่าวงล้อมรูปแบบเลือกตั้งใหม่ จัดสรรปันส่วนผสม ตั้งพรรคอะไหล่ ทษช. ทักษิณ ชินวัตร อีกพรรค หวังให้ได้สส.รวมกัน 250 คน โดยรวมคะแนนเสียงสองพรรคกับทษช. ทั้งเขตและสส.บัญชีรายชื่อ แต่ใช้ฐานเสียงเดิมของเพื่อไทย
ปี 54 เพื่อไทยได้คะแนนเสียงรวม 15.7 ล้าน ปี 61 คาดหวัง สส. 250 คน ต้องได้คะแนนเสียงรวมไม่น้อยกว่า 19 ล้านเสียง (สส.หนึ่งคนต่อ 75,000 คะแนน) ต้องได้คะแนนเพิ่มจากปี 54 กว่า 3.3 ล้านคะแนน ขณะที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพิ่มจากปี 54 มา 4.9 ล้านคน
แตกทัพกันขนาดนี้ นักการเมืองที่เดินออกจากเพื่อไทยล้วนเบอร์ใหญ่ ตั้งแต่อดีตรมต.ไปถึงสส.หลายสมัย ทักษิณ นักโทษหนีคคี ยังกล้าเพ้อ ...จะเอาที่ไหนมา 250

จ่อตรวจสอบหาเสียงแจกเงิน

บิ๊กตู่” แจกเงินเข้าบัตรคนจน หาเสียงล่วงหน้าหรือไม่?

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 พ.ย. โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงข้อสังเกตกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณหลายหมื่นล้านในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม ถือเป็นการหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ เนื่องจากรัฐมนตรีในรัฐบาลอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า

หากพบว่าเป็นการอนุมัติงบประมาณที่เข้าข่ายการหาเสียงล่วงหน้า สำนักงาน กกต.จะเป็นผู้ตรวจสอบ รวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน หากเห็นว่ามีมูลความผิดก็จะส่งมาให้คณะกรรมการ กกต.พิจารณาเพื่อตั้งกรรมการไต่สวนต่อไป ซึ่งโดยกระบวนการแล้ว สำนักงาน กกต.จะเข้าไปตรวจสอบโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องเรียน

และกรณีนี้เชื่อว่าต้องตรวจสอบเพราะเป็นหน้าที่ กกต.อยู่แล้ว โดยไม่ต้องรอให้มีการร้องขอ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดที่ดำเนินการแล้วเข้าข่ายผิดกฎหมาย กกต.จะเข้าไปติดตามตรวจสอบอยู่เสมอ แม้สุดท้ายแล้วผลตรวจสอบจะไม่ถือว่าผิดกฎหมายก็ตาม อย่างไรก็ตามผู้ใดพบว่ามีมูลความผิดก็สามารถส่งข้อมูลมาที่ กกต.ได้

นายอิทธิพร กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย (พท.) นั้น ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบจากสำนักงาน กกต.ตามปกติ ยังไม่ถึงขั้นตอนที่คณะกรรมการ กกต.จะมาพิจารณา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้ขอข้อมูลที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์จากผู้ที่เกี่ยวข้อง

ไม่ได้หาเสียง

จวก-แจกแหลก สมคิดโต้ ยันไม่ใช่หาเสียง

ป้อมฉะบิ๊กยอร์ช เข้าพรรค"ทษช." พปชร.เล็งกวาด สส.กทม.15ที่นั่ง "มาร์ค"แค่เตือน ถาวรอี๋อ๋อเทือก 

รัฐบาลโต้ทุ่มงบอุ้มคนจน ไม่เกี่ยวหาเสียงเลือกตั้งอ้างเป็นมาตรการที่คิดไว้นานแล้วเป็นปี พรรค การเมืองรุมถล่มหาเสียงล่วงหน้า ไม่ต่างจากประชานิยม "บิ๊กป้อม" ตอกแรง "บิ๊กยอร์ช" หลังเข้าพรรคไทยรักษาชาติ พปชร.ชูธง เจาะฐานเพื่อไทยในกทม. ฝันกวาด 15 ที่นั่ง "ตรีนุช-ฐานิสร์" จ่อเสริมทัพ ตระกูลสะสมทรัพย์-ทีมเฮียม้อ ซบชาติไทยฯแล้ว "เทวัญ" นั่งหัวหน้าชาติพัฒนา ชูแนวทางสายกลาง "มาร์ค" แค่เตือน "ถาวร" หลังเปิดบ้านรับ "เทพเทือก" สนช.โหวตวันนี้"เลิศวิโรจน์- ฐิติเชฎฐ์" นั่งกกต.

บิ๊กตู่"ลุยตรวจงานกทม.

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ เรื่องการเมือง โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า "วันนี้มาหารือเกี่ยวกับเรื่องโครงการหลวง ไม่มีการเมืองนะจ๊ะ" 

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดลงพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อตรวจเยี่ยมการพัฒนาและยกระดับระบบบริการขนส่งสาธารณะ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทางโดยเฉพาะการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง "ล้อ ราง เรือ" โดยเวลา 07.45 น. เดินทางถึงโรงเรียนวัดศรีบุญเรือง เขตบางกะปิ ร่วมกิจกรรม มอบหมวกกันน็อกให้แก่ตัวแทนนักเรียน จากนั้นลงเรือจากท่าเรือวัดศรีบุญเรืองไปยังท่าเรือศูนย์การค้าเดอะพาซิโอ เขตสะพานสูง เพื่อติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาคลองแสนแสบ ในเรื่องการควบคุมเสียง ส่วนต่อขยายทางน้ำและมลพิษทางน้ำ 

จากนั้นเวลา 10.20 น. ตรวจเยี่ยมโครงการไทยนิยม ยั่งยืน และชมนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ สินค้าเกษตรของดี เขตคลองสามวา ที่ชุมชนมัสยิดกมาลุลอิสลาม และจุดสุดท้ายตรวจเยี่ยมตลาดมีนบุรี 



"บิ๊กป้อม"ฉุน"บิ๊กยอร์ช"ด่าคสช.

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงพล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ อดีตรองผบ.ทสส. สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.)ว่า เป็นความคิดของเขา แต่แปลกดี อยู่กับเรามาตลอดแล้วไปด่าคสช. ไม่คิดถึงข้าวแดงแกงร้อน ผู้สื่อข่าวถามว่าในคสช. มีความคิดหลากหลายใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี มีคนเดียวนี่แหละ ที่เป็นผู้ใหญ่ ขนาดเกษียณแล้ว มีวุฒิภาวะมาก อยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของตนมาตลอด แต่มาว่าคสช. ทั้งที่ คสช.ก็ทำทุกอย่าง เหตุใดตอนที่อยู่ถึงไม่พูด ไปโดนอะไรมาหรือไม่ มันวิ่งเต้น มาตลอด ถือว่าไม่เหมาะสมที่ทำแบบนี้

ต่อข้อถามว่าในฐานะรุ่นพี่ผิดหวังหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ผิดหวังมาก เพราะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตนมา ส่วนที่มองว่าจะนำเรื่องของ คสช.ไปแฉอีกนั้น ตนไม่กลัว จะไปแฉอะไร เพราะไม่มีอะไรให้แฉ คสช.มีแต่ข้อมูลที่ดีทั้งนั้น จะมาแฉเรื่องอะไรเพราะไม่เคยทำอะไรผิด



จวกจิ้งจกเปลี่ยนสี-"แม้ว"โต้แทน

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐธรรมนูญเปิดกว้างให้ทหารเข้ามาเล่นการเมือง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นสิทธิและขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อยากไปอยู่พรรคไหนก็ไป เเต่ไม่ควรนำเรื่องภายใน ต่างๆ ไปพูดในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่ดีและไม่ควรทำ ตอนอยู่ก็สนับสนุนอย่างดี ทำตัวเป็นอีกคนหนึ่ง ต่อข้อถามว่าทำตัวเหมือนจิ้งจก เปลี่ยนสีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ เป็น จิ้งจก ไม่ควรนำเรื่องของ คสช.ไปพูด ตอนที่ตัวเองยังอยู่ก็ไปวิ่งเต้น แต่ไม่ทราบว่าจะมีอดีต ทหารไปเข้า ทษช.อีกหรือไม่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมี ทหารไม่เล่นการเมือง ส่วนผมก็ไม่เล่น ส่วนจะอยู่เบื้องหลังช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต่อไปหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ

เมื่อถามว่าในรัฐบาลหน้าจะไม่รับตำแหน่ง รัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา เราอยู่เฉยๆ ตอนขึ้นเป็นรมว.กลาโหม ก็มาเชิญเราไปร่วมงาน ตนก็ทำงานอย่างเดียว ไม่มีอะไร ส่วนในวันลอยกระทง ตนคงไม่ได้ไปลอยกระทงที่ไหน ไม่ได้ลอยมาตั้งนานแล้ว เพราะแก่แล้ว

ด้านพล.อ.ยศนันท์กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบโต้ ในประเด็นดังกล่าว เพราะเชื่อว่าประชาชน จะเข้าใจ

ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร ได้ทวีตข้อความ ตอบโต้ว่า "ทหารที่อาสาเข้ามาทำงานการเมือง แบบตรงไปตรงมา น่าชื่นชมกว่าทหารที่เข้ามา โดยการยึดอำนาจไหมครับป้อม"



กกต.เปิดรับข้อเสนอแบ่งเขต

วันเดียวกัน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ลงนามในประกาศกกต. เรื่องการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต โดยระบุถึงมติที่ประชุม กกต.กำหนดแนวทางพิจารณาเพื่อดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้สำนักงาน กกต.เปิดรับฟังข้อร้องเรียนและการแสดงความคิดเห็นของพรรคการเมืองและประชาชน เกี่ยวกับรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งของสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดและกทม. เพื่อประกอบการพิจารณาแบ่งเขตของกกต. 

ข้อร้องเรียนหรือการแสดงความคิดเห็น ต้องทำเป็นหนังสือระบุชื่อพรรคการเมือง กรณี เป็นประชาชนต้องระบุชื่อ ชื่อสกุล ที่อยู่ และสำเนาบัตรประชาชน พร้อมเหตุผลประกอบ กรณีประสงค์เสนอรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ให้ผู้ร้องเรียนจัดทำรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามมาตรา 27 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยให้ยื่นได้ที่สำนักงานกกต.ประจำจังหวัดนั้นๆ ภายในวันที่ 25 พ.ย.เวลา 16.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื้อหาดังกล่าวทำให้ประชาชนและพรรคการเมือง สงสัยว่าการเสนอแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ใช่กกต. และนอกเหนือจาก 3 แบบเดิมที่ผ่านการรับฟัง ความคิดเห็นมาแล้ว จะสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่พรรคหรือไม่ อีกทั้งระยะเวลาการร้องเรียนเสนอความคิดเห็น หากมีการเสนอแบ่งเขตแบบที่ 4 ขึ้น มีกำหนดเวลาให้ถึงวันที่ 25 พ.ย.นั้น จะทำได้ทันหรือไม่ 



คนรุ่นใหม่แห่ซบพปชร.

เมื่อเวลา 07.45 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพปชร. พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) นำกลุ่มคนรุ่นใหม่กว่า 30 คน สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค และนายชวน ชูจันทร์ กก.บห. ให้การต้อนรับ ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ อาทิ นายไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้บริหารธุรกิจด้านอาหารกระป๋องสำเร็จรูป นายจักรวี วิสุทธิผล ทายาทธุรกิจประกันภัย เป็นต้น 

นายพุทธิพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า คนรุ่นใหม่ที่มาสมัครมาจากหลายอาชีพกว่า 30 คนจากทั้งหมดกว่า 80 คน เป็นคนที่มีประสบการณ์ทำงาน เป็นผู้บริหาร มีความตั้งใจและอุดมการณ์ ชัดเจนที่จะทำงานการเมืองและบางส่วนสนใจ ลงสมัครส.ส. ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้พูดคุยเรื่องนโยบายมานานก่อนตัดสินใจ มีการระดมสมองและมีแนวคิดหลายเรื่องที่จะเสนอให้พรรคนำไปทำเป็นนโยบาย ซึ่งตรงกับแนวคิดของพปชร. ตนย้ำกับคนรุ่นใหม่เสมอว่าต้องอดทน ตั้งใจจริง ไม่เช่นนั้นอุดมการณ์และความคิดจะไม่สามารถไปสู่เป้าหมายได้ เพราะ ต้องผ่านขวากหนามอีกเยอะ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดทางให้พรรคการเมืองที่ต้องการ เสนอชื่อเป็นนายกฯเข้ามาพูดคุย พปชร.พร้อมคุยหรือยัง นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า พปชร.เป็นพรรคใหม่ต้องคอยเวลาผู้บริหารและสมาชิกพรรคได้เริ่มทำงานและพูดคุยกันก่อนว่าแนวการเมืองจะเป็นแบบใดและใครเหมาะสมนำพาประเทศไปในอนาคต ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรค สมาชิกและเป็นมติพรรค



เล็งตีฐานเพื่อไทยในกทม.

ด้านนายณัฏฐพลกล่าวว่า การเลือกตั้ง ที่จะมาถึงนี้เบื้องต้นพปชร.จะส่งผู้สมัคร ครบทุกเขต ตั้งเป้าในพื้นที่รอบนอกของ กทม.โดยเฉพาะเขตลาดกระบัง หนองจอก คลองสามวา คลองเตย ราษฎร์บูรณะ หลักสี่ ห้วยขวาง และวังทองหลาง ส่วนพื้นที่ชั้นในอาจพิจารณาส่งคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองคอยช่วยสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ 

"ผมตั้งเป้าตัวเลขส.ส.แต่ไม่ท้าทายผู้สมัครเดิมที่เป็นเจ้าถิ่น ถ้าได้ 5-6 ที่นั่งก็พอใจ แต่ถ้าได้ 15 ที่นั่งจะดีกว่า ยอมรับว่ากังวลในพื้นที่ชั้นใน เพราะประชาธิปัตย์มีฐานเสียงที่แข็งมาก ชนะในสัดส่วนที่สูงด้วยคะแนน 2-3 หมื่นคะแนน ดังนั้นพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะต่อสู้ของพปชร.คือพื้นที่กทม.ชั้นนอก เราได้คนที่เคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาร่วมงาน รวมถึงคนที่เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งทำงานเกาะติดกับพื้นที่มาโดยตลอด" นายณัฐพลกล่าวว่า 

นายณัฐพลกล่าวว่า เบื้องต้นตน นาย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรคแสดงเจตนารมณ์จะลงสมัครส.ส.ในเขตเดิมที่เคยได้รับเลือก แต่ต้องพิจารณาตัวผู้สมัครของคู่แข่งว่าจะเป็นใคร และต้องรอให้พรรคพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง หากไม่ได้ ลงสมัครจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ผู้สมัคร ในนามพรรคต่อไป ส่วนนายสกลธี ภัททิยกุล จะไม่ได้ลงสมัครส.ส.เขตในนามพรรค เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.



หลานเหนาะ-สุชาติ-พ่อนักร้องก็มา 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่าย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นำ นายวนิชย์ ปักกิ่งเมือง นายกสมาคมชาวสวนมะพร้าวแห่งประเทศไทย นายสมชาย กี่แก้ว อดีตกำนันคลองวาฬ และนายสุชน อินทเสม อดีตส.ว. สมัครเป็นสมาชิก และเสนอตัวเป็นผู้สมัครส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้ง 3 เขต นอกจากนั้นยังมีนายศุภสิธ เตชะ ตานนท์ อดีตส.ส.ขอนแก่น บิดาของ รุจ เดอะสตาร์ และนายศุภณัจ เตชะตานนท์ อดีตส.จ. เขตอ.พล จ.ขอนแก่น ลูกชาย มาสมัครด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 22 พ.ย. นายจรัสฤทธิ์ และนายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ อดีตส.ส.ลำปาง ลูกชายนายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีตส.ส.ลำปาง พรรคไทยรักไทยจะมาสมัครเป็นสมาชิกพปชร. ส่วนวันที่ 23 พ.ย. นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ จะนำอดีตส.ส.และสมาชิกในกลุ่มทั้งจ.ยโสธร มุกดาหาร นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เข้าสมัครสมาชิกพปชร.ด้วย 

นางตรีนุช เทียนทอง อดีตส.ส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย(พท.) หลานสาวนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษา พท. เปิดเผยว่า ยอมรับว่าตนกับนายฐานิสร์ เทียนทอง อดีตรมช.อุตสาหกรรม จะมาสมัครเป็นสมาชิก พปชร.ภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากตนแสดงเจตจำนงลงสมัครส.ส.สระแก้วในนามพรรค จึงต้องสมัครสมาชิกภายในวันที่ 26 พ.ย.



สะสมทรัพย์-ทีมเฮียม้อซุกชทพ.

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ทีมนครปฐม ของตระกูลสะสมทรัพย์ นำโดยนายพาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ ลูกชายนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมช.มหาดไทย และทีมสมุทรสาคร ของตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ ประกอบด้วย นายปัญญา ชวนบุญ อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)สมุทรสาคร และนายอภิชาต โพธิ์ถนอม รองประธานสภาอบจ.สมุทรสาคร และทีมงานสมาชิก อบจ.สมุทร สาคร มาสมัครสมาชิกชทพ. โดยมีนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค ต้อนรับ

นายพาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ กล่าวว่า ทั้งครอบครัวสะสมทรัพย์ตัดสินใจเข้าร่วมชทพ. รอบนี้จะส่งผู้สมัครนครปฐมให้ครบทั้ง 4 เขต มั่นใจจะเอาคืนมาได้ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาการทำงานได้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า เราได้ดูแลชาวนครปฐมมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลาที่ทำทีมฟุตบอลนครปฐม ยูไนเต็ดมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตนได้พัฒนา จ.นครปฐมได้ก้าวกระโดดขนาดไหน สำหรับทีมฟุตบอลตนยังไม่ได้ทิ้ง ได้ให้น้องชายดูแลต่อ

ด้านนายปัญญา ชวนบุญ กล่าวว่า ตนเป็นทีมงานของนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ หรือ เฮียม้อ นายกอบจ.สมุทรสาคร เห็นว่าชทพ.ก้าวข้ามความขัดแย้ง มีความเหมาะสมกับจังหวัดเรา และเรามาด้วยความเต็มใจทั้งทีม ไม่ได้มาแบบกั๊กไปกั๊กมา มาแบบเต็มร้อย และมั่นใจเกินร้อยว่าจะยกจังหวัดทั้ง 3 เขต พร้อมสนับสนุนหัวหน้าชทพ. เป็นนายกฯ



"เทวัญ"นั่งหัวหน้าชพน.-ชูสายกลาง

ที่โรงแรมอมารี วอร์เตอร์เกท พรรคชาติพัฒนา(ชพน.) จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2561 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และคณะกรรมการสรรหา ผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยมีนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีสมาชิกพรรคกว่า 300 คนเข้าร่วมประชุม ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

จากนั้นนพ.วรรณรัตน์ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเลือก นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และมีมติเลือกกก.บห.ผ่านการลงคะแนนในคูหา โดยมีผู้ที่ได้รับเลือก ในตำแหน่งสำคัญ อาทิ รองหัวหน้าพรรค 9 คน เช่น นายประเสริฐ บุญชัยสุข พล.อ. ฐิติวัจน์ กำลังเอก นายสาคร พรหมภักดี ส่วนเลขาธิการพรรคคือ นายดล เหตระกูล นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา เป็นผอ.พรรค และน.ส.เยาวภา บุรพลชัย เป็นโฆษกพรรค

นายเทวัญกล่าวว่า ตนและกก.บห. พร้อมทุ่มเททำงาน ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต คุณธรรม เสียสละ และยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ใช้สโลแกนหาเสียงว่า "ชาติพัฒนา No problem" เพื่อให้เห็นว่า พรรคไม่มีปัญหาหรือเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร และเพื่อให้การเมืองผ่อนคลาย การทำงานการเมือง ยึดหลักของพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคคนแรก ให้ความ สำคัญกับเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เดินหน้าสร้างปรองดอง เดินทางสายกลาง ประนีประนอม เข้าได้กับทุกฝ่าย ไม่ขัดแย้งกับใคร 



เล็งเชิญ"สุวัจน์"เป็นที่ปรึกษา

นายเทวัญกล่าวว่า ในวันที่ 23 พ.ย. เวลา 10.00 น. ตนนัดกก.บห.ชุดใหม่ประชุม มีวาระสำคัญ คือขอความเห็นว่าจะให้นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เป็นที่ปรึกษาพรรค หากมีมติเห็นชอบร่วมกัน ตนพร้อมคณะจะไปเชิญนายสุวัจน์ ถึงที่บ้านพัก ทันที ตนยังใหม่ในทางการเมือง ต้องมีคณะที่ปรึกษาเข้ามาช่วย โดยนายสุวัจน์ ถือเป็น ผู้มีประสบการณ์ในหลายด้าน ส่วนจะเป็นตำแหน่งใดในคณะที่ปรึกษา ต้องรอการหารืออีกครั้ง

ส่วนการส่งผู้สมัครในจ.นครราชสีมา จะส่งครบทั้ง 14 เขต ส่วนพื้นที่อื่นพรรคจะส่งให้มากที่สุด ยอมรับว่ากังวลที่หลายพรรคพุ่งเป้าแข่งขันเพื่อแย่งส.ส.ในพื้นที่ แต่เชื่อว่าชพน.มีผลงานและเป็นที่ยอมรับของประชาชน เบื้องต้นตนไม่สามารถประเมินได้ว่าจะได้ส.ส. กี่ที่นั่ง แต่ขอเป็นพรรคขนาดกลาง และเชื่อว่าบางพื้นที่เคยมีอดีตส.ส. เช่น นครราชสีมา นครสวรรค์ ก็ยังมีความหวังว่าจะได้ ส.ส. ส่วนชพน.จะสนับสนุนใครเป็นนายกฯนั้น ขอหารือในกก.บห.ก่อน รวมถึงหลังเลือกตั้งจะตัดสินใจว่าจะร่วมกับฝ่ายใด โดยชพน. พิจารณาบนผลประโยชน์ที่เกิดกับประเทศเป็นหลัก ส่วนจะเลื่อนวันเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 2562 หรือไม่นั้น พรรคไม่มีปัญหา หากทุกพรรคเห็นอย่างไร พร้อมยอมรับ แต่ต้องเป็นไป ภายใต้ที่รัฐธรรมนูญกำหนด 



"ถาวร"เคลียร์หัวหน้า"มาร์ค"

เมื่อเวลา 07.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา และนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เพื่อชี้แจงกรณีนายถาวร เปิดบ้านพักที่จ.สงขลา ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ปราศรัยและรับสมัครสมาชิกรปช. เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้สมาชิกพรรค ร้องเรียนผ่านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้ นำไปสู่การสอบ ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยมีนายพิฏฐ์ร่วมหารือด้วย

ภายหลังการหารือเกือบ 1 ชั่วโมง ทั้งนายถาวรและนพ.วรงค์ มีสีหน้าเคร่งเครียด โดยไม่ให้สัมภาษณ์ ก่อนจะเดินเข้าร้านกาแฟบริเวณที่ทำการพรรค ซึ่งมีอดีตส.ส.กลุ่มเพื่อนหมอวรงค์ทั้งนายสมบัติ ยะสินธุ์ อดีตส.ส. แม่ฮ่องสอน นายศุภชัย ศรีหล้า อดีตส.ส. อุบลราชธานี นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว อดีตส.ส. สงขลา และนายวิชัย ล้ำสุทธิ อดีตส.ส.ระยอง มาร่วมพูดคุย โดยนายศุภชัยกล่าวว่า ไม่ได้มาเพื่อให้กำลังใจนายถาวร แต่มายืนยันว่าพร้อมทำงานสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคต่อไป ส่วนนพ.วรงค์ กล่าวว่า เข้าใจกันหมดแล้ว ไม่มีปัญหา และยืนยัน จะทำงานการเมืองในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ต่อไป เพราะคือพรรคของเรา



จบลงด้วยดี-ขู่ห้ามทำอีก

นายอภิสิทธิ์กล่าวหลังหารือว่า วันนี้ตนได้พบกับนายถาวร และได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายวิทยา แก้วภราดรัย อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช ที่ร่วมเดินหาสมาชิกรปช.กับนายสุเทพ แล้ว ซึ่งตนได้อธิบายชี้แจงแนวทางว่าพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจนอย่างไร ไม่มีแนวคิดไปฮั้วกับพรรคใด ดังนั้น การกระทำใดที่ทำให้สับสน ไขว้เขว ก็ไม่ควรทำ ซึ่งทั้งสองท่านก็ยอมรับจุดยืนของพรรค แต่การ กระทำที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้ระมัดระวังเท่าที่ควร ทั้งนี้ นายถาวรไม่ได้กล่าวขอโทษตน เพราะไม่ได้ทำให้ตนเสียหาย แต่ทำให้พรรคเสียหาย จึงถือเป็นเรื่องของส่วนรวม

อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้ทุกคนควรระมัด ระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก กก.บห.จึงมีมติว่า หากมีสมาชิกพรรคไปทำกิจกรรมใดๆ ร่วมพรรคอื่น ก่อให้เกิดผล กระทบกับการแข่งขันทางการเมืองต่อพรรคประชาธิปัตย์จะลงโทษตามข้อบังคับพรรคคือ ไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง และถ้ากรณีร้ายแรง ก็ให้สิ้นสมาชิกภาพ ดังนั้น ถือว่ากรณีนายถาวรและนายวิทยาได้จบลงแล้ว ต่อไปสมาชิก จะต้องปฏิบัติตามมติ กก.บห.อย่างเคร่งครัด โดยทั้งสอง ยังคงมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะได้คุยกันและเรื่องนี้ยุติแล้ว แต่หากมีการทำอีกครั้งก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง



ยอมรับห่วงระเบิดเวลาในปชป.

ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นหลายคนมองว่ารปช. เป็นสาขาของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีสาขา และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลกระทบของการหยั่งเสียงหัวหน้าพรรค เนื่องจากก่อนจะประกาศผลหยั่งเสียง ผู้สมัครทั้ง 3 ฝ่าย รับทราบอยู่แล้วว่าปัญหาข้อสงสัยเรื่องคัดคะแนนออก 3 หมื่นกว่าคะแนน เนื่องจากตรวจพบว่าเลขบัตรประชาชนเลขเดียว แต่ลงคะแนนหยั่งเสียงหลายครั้ง รวมทั้งการใช้แอพพลิเคชั่นหยั่งเสียงที่ต้องถ่ายรูปหน้าลงคะแนน กลับมีแต่ภาพห้องครัว มะนาว สุนัข แมว และอื่นๆ ทางกกต.พรรคจึงต้องคัดออกเพราะไม่ตรงกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้

เมื่อถามว่าเกรงว่าจะมีระเบิดเวลาที่ยังอยู่ในพรรคอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีก็แก้ไขได้ ตนไม่กล้าพูดว่าจะไม่มีเรื่องนี้ แม้ตนจะตัดสินใจเรื่องนี้เป็นอย่างอื่น ก็ใช่ว่าเรื่องระเบิดเวลามันจะไม่มีอยู่ แต่จากที่ตนได้ พูดคุยกับนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส. พิษณุโลก และกลุ่มที่สนับสนุน 4-5 คน ต่างยืนยันจะว่าอยู่กับพรรค และสนับสนุนการทำงานของพรรค มั่นใจว่าพาพรรคจะขับเคลื่อน ไปได้



"เทือก"คุยภาคใต้เสียงตอบรับดี

ที่จ.พังงา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมแกนนำพรรค เดินคารวะแผ่นดิน พบปะประชาชนเพื่อเชิญชวนสมัครสมาชิกพรรค ที่บริเวณตลาดเทศบาลเมืองพังงา ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย แต่มีประชาชนให้การต้อนรับจำนวนมาก 

นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกจังหวัด ในภาคใต้ เสียงตอบรับดีมาก เกินกว่าที่คาดคิดไว้ และสังเกตเห็นว่าพี่น้องชาวภาคใต้ที่ไปร่วมต่อสู้ตั้งแต่เป็นกลุ่มพันธมิตร มาจนถึง กปปส. มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่า มุ่งมั่นให้มีการปฏิรูปประเทศ แก้ไขกฎเกณฑ์กติกา ความบกพร่อง เพื่อพัฒนาประเทศสู่อนาคต แต่มีเสียงบ่นเรื่องเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่พรรค การเมืองและนักการเมืองควรจะรับฟัง

เมื่อถามถึงอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บางคนไปให้การต้อนรับและถูกตั้งกรรมการสอบ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคงให้ความเห็นไม่ได้ เพราะอยู่คนละพรรค ซึ่งนายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา ปชป. ให้ตนใช้สถานที่บ้านพัก เป็นที่ตั้งค่ายพักแรม ให้ยืมสถานที่รับสมัครสมาชิก รปช. ก็เป็นความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ตนไปจังหวัดไหนถ้ามีเพื่อน ก็จะเอื้อเฟื้อแม้เขาจะอยู่ต่างพรรคก็ตาม ตนไปจ.นครศรีธรรมราช นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช มาให้ความเอื้อเฟื้อก็เป็นธรรมดา



พท.ปูด-กลยุทธ์หาเสียงพปชร.

นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระบุจะสู้กับระบอบทักษิณจนกว่าชีวิต จะหาไม่ว่า อยากถามนายสุเทพว่าที่ผ่านมา ได้ทำอะไรให้กับคนไทย หรือประเทศไทยบ้าง นายสุเทพทำอยู่อย่างเดียวคือการวิ่งไป ซุกปีกทหาร อยากถามว่าระบอบทักษิณมีจริงไหม มันมีแต่นโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการแก้หนี้ประเทศ บัตร 30 บาท นายสุเทพไม่ต้องยอมตาย ไม่ต้องถึงขนาดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แค่ออกมาสู้กันแฟร์ๆ ทางการเมืองก่อนดีกว่า วันนี้คนไทยอยู่อย่างไรจึงจะมีความสุข นาย สุเทพสนใจหรือไม่ ที่ผ่านมาประเทศเสียหายไปเท่าไรแล้วทำไมไม่พูดถึง

"วันนี้ทราบข่าวว่ามีการส่งกำลังทหาร ลงไปทุกพื้นที่ บอกว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ชนะ ทหารอยู่ไม่ได้ ถามว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่ ทั้งยังบอกว่าจะเอาทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาชนปฏิรูป และพรรครวมพลังประชาชาติไทย มาร่วมรัฐบาลนั้นจริงหรือไม่ ขอให้สงสารทหาร สงสารราชการ และประชาชนบ้าง อย่าใช้อำนาจจนลุขอบเขตเลย" นายสุชาติกล่าว



ภท.ชี้เหตุถอนตัวแข่งกีฬาสี

นายจิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล สมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงการร่วมกีฬากระชับมิตรระหว่างพรรคการเมือง ระบุว่า ภท.เชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ และตน ในฐานะคนรุ่นใหม่ก็เชื่อมั่นว่าคนรุ่นใหม่ทุกคน มีความปรารถนาดีและต้องการให้ประเทศ เดินหน้า เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้ดีขึ้น ซึ่งความมุ่งหวังนี้อาจไม่ได้มีเส้นทางเดินเพียงเส้นเดียว หากมีหลายแนวทางไปสู่จุดหมายดังกล่าว พรรคจึงส่งตนเป็นตัวแทน เพื่อได้แลกเปลี่ยนแนวคิด ความเห็นทั้งด้านการเมืองและแนวทางการรับใช้ประชาชน และ น่ายินดีที่โครงการนี้ได้รับการตอบรับอย่างดี และจากการพบพูดคุยกับกลุ่มคนรุ่นใหม่จากหลายพรรค ทำให้ตนได้รับประสบการณ์ต่างๆ จากเพื่อนๆ ในพรรคอื่น และจะนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนาตนเอง พรรค และบ้านเมืองต่อไป

เนื่องจากการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ถูกนำไปใช้เป็นประเด็นการเมือง ซึ่งผิดวัตถุประสงค์หลักจากที่พรรคและตนตั้งใจไว้ ภท.จึงขอประกาศไม่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และ ขอเป็นกำลังใจให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่สร้างสามัคคี สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ภท.ขอย้ำจุดยืนสนับสนุนการยุติการแบ่งสี แบ่งข้าง หยุดสร้างประเด็นการเมือง เพื่อมุ่งมั่น พัฒนาและยืนหยัดแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ตลอดไป



พปชร.ซัดใจแคบ-หยุมหยิม

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกพรรค พลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ ใจคับแคบเกินไป ไม่น่าจะเป็นอนาคตใหม่ เพราะแค่มาแข่งกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ยังทำไม่ได้เลย เห็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พูดบ่อยๆ ว่าจะนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ หยุมหยิมเกินไป แล้ว จะมาบริหารประเทศได้อย่างไร ถ้าคิดแบบนี้กีฬาโอลิมปิกหากจัดที่จีนคงต้องถอนตัวกันทุกประเทศ อย่าเป็นคนรุ่นใหม่แต่ปาก ต้องเป็น คนรุ่นใหม่ด้วยจิตวิญญาณ มีวิสัยทัศน์ ทำเพื่อชาติบ้านเมืองอย่าทำเพื่อตัวเอง

พปชร.ไม่ได้เป็นพรรคเผด็จการ เป็นพรรคของพี่น้องคนไทยทุกคนที่จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้ง หากพรรคอนาคตใหม่ถูกเชิญไปร่วมเสวนาในเวทีต่างๆ ก็คงไม่ต้องไปร่วมหรอก หรือตอนลง พื้นที่หาเสียง หลายๆ พื้นที่คงไม่ต้องไป เพราะเขาย่อมเปิดใจรับพปชร.เป็นพรรค การเมืองของคนทั้งประเทศ หรือถ้าพรรคอนาคตใหม่เป็นรัฐบาล ถามว่าพี่น้องบางจังหวัด ที่เลือกพปชร.จะไม่ดูแลใช่หรือไม่ การจัดแข่งกีฬาเป็นเรื่องที่ดี ทำให้บรรยาศการเลือกตั้ง ดีขึ้น เกิดมิตรภาพที่ดี จริงๆ แล้วตนไม่อยากพูดอะไรเจ็บคอ แต่ทนไม่ไหวที่เห็นบางพรรคทำเหมือนเด็กเล่นขายของ



รัฐบาลโต้แจกเงินหาเสียง

จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติอนุมัติงบประมาณ 86,994 ล้านบาท เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 14.5 ล้านราย อาทิ ให้เงินเป็นของขวัญปีใหม่คนละ 500 บาท ช่วยจ่ายค่านํ้า ค่าไฟ คนชราได้เงินเพิ่มค่าเดินทางไปหาหมอ 1,000 บาท ค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อเดือน เป็นต้น จนนำมาสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากนั้น 

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องการให้คนที่มีรายได้น้อยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำมานาน คิดมานาน แล้วให้เขา สำรวจมานานแล้ว แต่ไม่ใช่เตรียมรับการเลือกตั้ง เราต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จก่อนรัฐบาล ชุดนี้จะไป และจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยทั้งคนแก่และคนที่มีรายได้น้อย 

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการวิจารณ์มาตรการช่วยเหลือคนจนเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าของรัฐบาลว่า ไม่ใช่แน่นอน เพราะเรื่องนี้ให้การบ้านกระทรวงการคลังมาเป็นปีแล้ว และเพิ่งทำเสร็จ ยืนยันว่ามาตรการที่ออกมาเพื่อดูแลกลุ่มคนที่ต้องการดูแล ไม่ใช่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง คงไม่คิดจะทำมาตรการนี้เพื่อหาเสียง เคยเห็นรมว.คลังแจกเงินไหม ไม่เคยแน่เพราะรมว.คลังขี้เหนียวมาก เวลาจะทำมาตรการอะไรก็คิดมาก ใช้เวลานานกว่าจะสรุปออกมา 

"มาตรการที่ออกมาล่าสุด ไม่ได้มีแค่ส่วนเดียว แต่มีทั้งการช่วยเหลือชาวสวนยาง คนชรา ข้าราชการบำนาญ โดยไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งมาคิด ผมพูดเรื่องนี้มาเป็นปี คลังเหมือนคนไทยชอบส่งการบ้านตอนจะปิดเทอม แต่ทำออกมาถือเป็นสิ่งที่ดี มีแนวทางช่วยคนชราที่มีรายได้น้อย คนวัย 65 ปี เริ่มแก่ถ้าจะไปรักษาโรคในเมืองลำบาก ต้องช่วยเขา อันนี้เป็นเรื่องควรช่วยเหลือ ยืนยันว่ามาตรการนี้ไม่กระทบงบประมาณ เพราะมีเงินอยู่แล้วจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม" นายสมคิดกล่าว 

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกนโยบายที่ทำขึ้นไม่ได้คิดวันนี้แล้วทำวันนี้ หรือคิดเมื่อวานแล้วทำวันนี้ ต้องดำเนินการมาร่วมปีกว่าจะถึงวันนี้ ขอให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย ถือว่าเหมาะสมในช่วงเวลาที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อนและต้องยอมรับว่าใกล้สิ้นปีขึ้นปีใหม่ต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นทุกครอบครัว รัฐบาลจึงพยายามแบ่งเบาภาระตรงนี้ ส่วนที่คิดว่าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เสี่ยงถูกมองว่าได้ประโยชน์นั้น การทำโครงการอย่าไปมองว่าพรรคไหนได้ประโยชน์ 

ขณะเดียวกัน บรรดานักการเมืองทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ ต่างระบุว่าเป็นการใช้งบประมาณหาเสียงล่วงหน้า ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคอนาคตใหม่มองว่าไม่ต่างจากประชานิยม 



สนช.นัดไฟเขียวเพิ่ม2กกต.

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 22 พ.ย. มีการบรรจุวาระการพิจารณา ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตามที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมฯ พิจารณาเสร็จแล้วอีก 2 ราย คือ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายฐิติเชฎฐ์ นุชนาฎ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ 

อย่างไรก็ตาม นายเลิศวิโรจน์ ถูกตั้งข้อสังเกตถึงการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อเดือนก.พ.2557 แต่ทางสมาชิกสนช.ต่างมองว่า ในปีดังกล่าวเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง มีการปิดล้อมสถานที่ราชการ จึงเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองกำลังมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งในปี 2562 ตามกรอบเวลา 150 วันนับจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 11 ธ.ค. แน่นอนแล้ว ถือว่าคลื่นลมสงบ สมาชิกสนช.มีแนวโน้มเห็นชอบว่าที่กกต.ที่เหลือทั้ง 2 คน (หน้า 1,10-11)





ฟังชัดๆ‘มีอำนาจเต็ม’!‘วิษณุ’ลั่นออกนโยบายอะไรก็ได้ ไม่ต้องยึดมารยาทเป๊ะ

“วิษณุ” ยันครม.เทงบประชารัฐ ไม่ได้เอื้อการเมือง บอก กกต.ตรวจสอบเป็นเรื่องดี รัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจง ระบุ ไม่จำเป็นยึดมารยาทเป๊ะ 


22 พ.ย.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ระบุการอนุมัติงบประมาณบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเกษตรกรของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจเอื้อให้กับพรรคพลังประชารัฐที่มี 4 รัฐมนตรีเป็นแกนนำพรรคว่า ไม่น่าเป็นการเอื้อประโยชน์ เพราะกระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอเรื่องนี้ ไม่ได้เอื้ออะไรให้แก่ใครเพราะโครงการดังกล่าวคิดกันมานานแล้ว

ทั้งนี้ตนเคยบอกครม.ว่า หากจะมีอะไรเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนให้รีบนำเสนอก่อนมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดให้มีการเลือกตั้ง เขาจึงนำเสนอเข้ามา มันไม่ได้ไปเอื้อให้พรรคใดพรรคหนึ่ง สมมุติหากจะเอื้อเขาคงทำกันมานานแล้ว อีกทั้งถ้าจะเอื้อกับพรรคดังกล่าวก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐมนตรีทั้ง 4 คน เพราะไม่ได้ลงรับสมัคร ส.ส.

“เมื่อคนที่อยู่ในรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองก็มักถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ได้ทั้งนั้น เป็นมาทุกสมัยก็ให้เขาวิจารณ์ไป ส่วนเรามีหน้าที่ชี้แจง ส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตรวจสอบเรื่องนี้ก็ดีแล้ว อย่างไรก็ตามต่อให้มีพ.ร.ฎ.กำหนดให้เลือกตั้งมาแล้ว การจะออกนโยบายอะไรรัฐบาลยังสามารถดำเนินการได้อยู่ เพราะถือว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม”นายวิษณุ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้รัฐธรรมนูญให้อำนาจรัฐบาลไว้ แต่ด้วยมารยาทสมควรทำหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เราก็ต้องพิจารณากันตามมารยาท อย่าลืมว่ารัฐบาลนี้จะอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่มาทำหน้าที่ หากคิดว่า รัฐบาลจะทำอะไรได้หรือไม่ได้โดยยึดมารยาทเป๊ะทั้งหมด ก็ต้องคิดต่อไปว่าถ้าเลือกตั้งเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ เกิดเหตุขึ้นมา เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดิน จะให้รัฐบาลชุดปัจจุบันทำอย่างไร ปัญหาเกิดขึ้นได้ ในรัฐธรรมนูญจึงผ่อนคลายไว้

เสพติดประชานิยม ความล่มจมจะตามมา

คนที่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ย่อมไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ คนที่อาศัยขาของคนอื่นยืน ก็ย่อมไม่สามารถยืนด้วยขาของตนเองได้ ฉันใดก็ฉันนั้น คนที่มีชีวิตอยู่ด้วยการรอรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นตลอดเวลา ก็ย่อมตกเป็นทาสของผู้ให้วันยังค่ำ


การที่รัฐบาลใดๆ ก็ตามมอมเมาประชาชนด้วยนโยบายประชานิยมสารพัดชนิด แล้วอ้างว่านโยบายนี้คือการช่วยเหลือประชาชนให้สามารถลืมตาอ้าปากและดำรงชีวิตต่อไปได้ คนที่รู้ทันแผนชั่วร้ายของรัฐบาลเช่นนี้ ต่างลงความเห็นตรงกันว่า นั่นคือคำแก้ตัวที่ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่เคยมีประเทศใดที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ด้วยนโยบายประชานิยม

ประเทศไทยเคยมีรัฐบาลที่ใช้นโยบายประชานิยมมอมเมาประชาชนมาแล้ว และประเทศไทยก็เคยมีพรรคการเมืองไร้ปัญญาบางพรรคที่ประกาศว่านโยบายประชานิยมทำให้ประชาชนเป็นสุข ส่วนประชาชนบางกลุ่มก็หลงใหลได้ปลื้มไปกับนโยบายเบาปัญญาเช่นนี้ เพราะคิดว่านโยบายนี้คือการช่วยเหลือประชาชน แต่สำหรับประชาชนผู้มีความคิด จะรู้สึกขยะแขยงและรังเกียจนโยบายมอมเมาเช่นนี้ เพราะผู้มีสติปัญญาต่างรู้ดีว่านโยบายนี้คือการใช้เงินของประเทศเพื่อซื้อคะแนนนิยมทางการเมืองจากประชาชน และผู้มีปัญญาต่างเข้าใจตรงกันว่าการที่รัฐบาลเบาปัญญาใช้นโยบายเช่นนี้ ก็มีเป้าหมายเพียงเพื่อให้ได้ชัยชนะทางการเมืองเท่านั้น

การช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยนโยบายที่ดีและเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงของรัฐบาลผู้มองการณ์ไกล มิใช่การหว่านหรือแจกเงินให้กับประชาชน เพราะการกระทำที่เบาปัญญาเช่นนี้ไม่สามารถช่วยให้ประชาชนยืนบนลำแข้งของตัวเองได้ตลอดไป

รัฐบาลที่มีความหวังดีโดยแท้จริงกับประชาชนจะต้องกำหนดนโยบายที่นำไปสู่การสร้างงานและสร้างอาชีพที่ยั่งยืนมั่นคงให้กับประชาชน แล้วสอนให้ประชาชนตระหนักในคุณค่าและความสามารถของตนเอง ส่วนรัฐบาลมักง่ายจะกระทำในสิ่งตรงกันข้าม เพราะรัฐบาลมักง่ายหวังเพียงชัยชนะทางการเมือง และหวังให้ตนเองมีอำนาจการเมืองเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงปัญหาสาหัสของสังคมที่จะติดตามมาในอนาคต

การที่รัฐบาลหว่านเงินให้กับประชาชนก็ไม่ต่างไปจากการที่รัฐบาลยื่นยาเสพติดให้ประชาชน แน่นอนว่าประชาชนบางกลุ่มย่อมยินดีที่ตนเองได้รับเงินฟรีๆ จากรัฐบาล แต่สำหรับประชาชนที่มีความคิดและมีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมแล้ว เขาจะต้องถามกลับโดยทันทีว่าเงินที่รัฐบาลนำมาหว่านนั้นมาจากไหน แน่นอนว่าเงินที่ถูกหว่านนั้นย่อมไม่ได้มาจากกระเป๋าหรือจากกำปั่นเงินส่วนตัวของรัฐบาล แต่เงินนั้นมาจากเงินของแผ่นดิน ซึ่งก็คือเงินภาษีอากรของประชาชนทั้งประเทศ

ประชาชนผู้มีปัญญาย่อมรู้ดีว่ารัฐบาลที่มีความหวังดีและจริงใจต่อประชาชนโดยแท้จะต้องใช้เงินภาษีอากรของแผ่นดินเพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างยั่งยืนและสูงสุดต่อประเทศชาติ มิใช่ผลาญเงินของแผ่นดินด้วยการนำเงินไปซื้อคะแนนนิยมจากประชาชน

หากเราทุกคนไม่ต้องการให้ประเทศชาติของเราล่มสลาย ประชาชนผู้มีจิตสำนึกและหวังดีต่อแผ่นดินจะต้องคัดค้านรัฐบาลที่ใช้นโยบายประชานิยม และต้องตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐบาลจึงไม่นำเงินตราของแผ่นดินไปใช้กับนโยบายที่สร้างความเจริญเติบโตอย่างถาวรให้ประเทศชาติ เหตุใดจึงนำเงินตราที่มีเพียงจำกัดของแผ่นดินไปใช้ซื้อคะแนนนิยมทางการเมือง

4พรรคใหญ่ทุบโต๊ะกกต. เลือกตั้ง24กพ. อิทธิพรโยนแม่น้ำ5สายเคาะ

4พรรคใหญ่ทุบโต๊ะกกต.

เลือกตัง24กพ.

อิทธิพรโยนแม่น้ำ5สายเคาะ

สนช.รับอีก2ครบ7เสือกกต.

‘บุญจง-ทวี’โผล่ซบ‘พปชร.’

กกต.จัดประชุมชี้แจงติวเข้มแจงพรรคการเมืองรอบ 4 ยันจัดเลือกตั้งเป็นกลาง “อิทธิพร” ปธ.กกต.อ้ำอึ้งปมเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ โยน “แม่น้ำ 5 สาย” ชี้ขาด ย้ำคำสั่ง คสช.ไม่ใช่นิรโทษฯ กกต. ด้าน 4 พรรคการเมืองใหญ่“พท.-พปชร.-ทษช.-ปชป.” หนุนเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ยึดโรดแมป ชี้รอทุกพรรคพร้อมคงไม่ได้ ไม่พร้อมไม่ต้องลง ส่วนพรรคเล็กจี้กกต.เลื่อนเลือกตั้งไป 5 พฤษภาคม อ้างเพื่อให้ทุกพรรคพร้อม ‘พลังประชารัฐ’คึกคัก’บุญจง-ทวี’เข้าซบแล้ว สนช.ลงมติเลือก’เลิศวิโรจน์-ฐิติเชฎฐ์’เป็น กกต.ส่งผลให้ครบ 7เสือ กกต.

เมื่อวันที่ 22พฤศจิกายน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการประชุมชี้แจง”แนวทาการดำเนินกิจการแก่พรรคการเมือง”ครั้งที่4/2561 ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ มีตัวแทนพรรคการเมือง72พรรค และผู้ยื่นจดแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง 14 กลุ่มรวม 306 คน เข้าร่วมรับฟัง การชี้แจงหลักเกณฑ์สรรหาผู้สมัครและส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง

โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กล่าวเปิดการประชุมช่วงหนึ่งว่าตนและกรรมการ กกต.อีก 4 ท่าน ขอให้ความมั่นใจอีกครั้งว่ากกต.จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง สุจริต เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย พร้อมให้คำแนะนำปรึกษากับทุกพรรค เพื่อให้การดำเนินกิจกการของพรรคการเมือง ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นสถาบันการเมืองที่มีคุณภาพ ปัจจุบันมีพรรคการเมือง 89 พรรค ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าประชาชนตื่นตัวทางการเมือง และจะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง จึงขอให้แต่ละพรรคการเมืองดำเนินการตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ในการจัดตั้งพรรค

โยนแม่น้ำ5สายชี้ขาดเลื่อนลต.ให้

นายอิทธิพร กล่าวถึงกรณีพรรคการเมือง ยื่นหนังสือขอให้การเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแม็พวันที่24 ก.พ.2562 และพรรคการเมืองอีกกลุ่ม ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปนั้น กกต.จะเอาข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาในภาพรวม ซึ่งพรรคการเมืองขนาดเล็กก็มีข้อเรียกร้องให้มีความยืดหยุ่นเกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้ง รวมถึงผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ ที่จะต้องพิจารณาด้วย แต่เบื้องต้น มองว่า ยังไม่มีเหตุปัจจัยที่จะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปจากโรดแม็พ

ส่วนการตัดสินใจว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปหรือไม่นั้นว่าคงจะมีความชัดเจน หลังจากการประชุมร่วมกันระหว่างแม่น้ำ 5สาย กับตัวแทนพรรคการเมืองตามข้อ8 ของคำสั่ง คสช.ที่ 53/2561และคาดว่าวันประชุม จะชัดเจน หลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลใช้บังคับ และหากมีข้อสรุปให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป กกต.เองก็ไม่จำเป็นแสดงความรับผิดชอบเพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดเช่นนั้นแต่การเลื่อนก็ต้องมีเหตุผลและก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจ

ปัดคสช.-รัฐครอบงำ-นิรโทษฯกกต.

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าการเปิดทางให้ คสช.และรัฐบาลรับเรื่องร้องเรียนแบ่งเขตได้ อาจเป็นการเปิดทาง ให้ฝ่ายที่มีอำนาจแทรกแซงการแบ่งเขตเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง นายอิทธิพร กล่าวว่าตนไม่คิดเช่นนั้น แต่เป็นการเพิ่มช่องทางในการรับเรื่องร้องมากกว่า โดยการแบ่งเขต ตามเงื่อนไขในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่16/2561ก็กำหนดไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมายซึ่งไม่ถือว่าทำให้ คสช.หรือรัฐมาครอบงำ และคำสั่ง ไม่ได้มีผลนิรโทษกรรมให้กับ กกต.ที่ถูกมองว่าแบ่งเขตไม่เสร็จ

“เพราะจริงๆกกต.ทำทันตามกรอบเวลาที่คำสั่ง คสช.13/61 กำหนดให้แบ่งเขตเลือกตั้งแล้วเสร็จก่อน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้ อีกทั้ง แม้ว่าจะแบ่งเขตไม่ทันตามที่กำหนดในระเบียบเนื่องจากระเบียบกกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตให้ขยายเวลาได้อยู่แล้ว จึงไม่มีเรื่องที่ คสช.ต้องนิรโทษกรรมให้ กกต. แต่ยอมรับว่าอาจมีการหารือเรื่องของการคุ้มครอง กกต.ในเรื่อง การปฏิบัติอื่นๆ”ประธาน กกต.ย้ำ

และว่าส่วนเรื่องการวิจารณ์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ จนทำให้การแบ่งเขตเลือกตั้งล่าช้าออกไปนั้นก็เป็นความเห็นแต่ละปัจเจกบุคคล ไม่ได้น้อยใจและน้อมรับต่อกระแสวิจารณ์

4พรรคใหญ่หนุนเลือกตั้ง24กพ.

ในซีกของพรรคการเมืองใหญ่ทั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)และพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ต่างให้ความเห็นถึงที่มีพรรคการเมืองเล็กเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปซึ่งส่วนใหญ่ล้วนสนับสนุนให้จัดการเลือกตั้ง ในวันที่ 24 ก.พ.2562 ตามโรดแมพที่วางไว้

โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เห็นว่าที่พรรคการเมืองเล็กเสนอให้กกต.เลื่อนการเลือกตั้งว่า การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของกกต.ซึ่งพรรคเพื่อไทย อยากให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24ก.พ.2562ไม่อยากให้เลื่อนการเลือกตั้ง เพราะจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในประเทศ และที่ผ่านมาได้มีการเลื่อนเลือกตั้งมาหลายครั้งและประชาชนได้แต่รอที่จะให้เกิดการเลือกตั้งเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

เตือนกกต.กำลังจะทำผิดกม.

ส่วนคำสั่ง คสช.ที่16/2561เรื่องการขยายเวลาให้ กกต.ทบทวนการแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งที่การกระทำดังกล่าว ถือว่าผิดกฎหมาย แต่คำสั่ง คสช.ฉบับนี้กลับรองรับให้สามารถทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และให้ถือเป็นที่สุดจึงมองว่าคำสั่งฉบับนี้ เป็นการชี้ช่องให้ กกต.ทำผิดกฎหมายได้ จึงอยากถามว่ากกต. ในฐานะองค์กรอิสระจะดำเนินการอย่างไรต่อไป อยากฝากถึงกกต.และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยว่า การแบ่งเขตต้องชอบด้วยกฎหมายอย่างแท้จริงเพราะไม่ชอบ ก็ถือเป็นที่สุดตามกฎหมาย

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวว่า การแบ่งเขตการเลือกตั้งถือเป็นจุด เริ่มต้นที่จะทำให้การเลือกตั้งนั้นบริสุทธิ์ยุติธรรม การออกคำสั่งที่ 16/2561 ถือเป็นการแทรกแซงการแบ่งเขตเลือกตั้งของกกต.อยากให้กกต.ทำหน้าที่อย่างแท้จริง ไม่ฟังคำสั่งใคร ยึดประชาชนเป็นสำคัญ

ทษช.ย้ำรอทุกพรรคพร้อมไม่ได้

นายพิชิต ชื่นบาน คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังสนับสนุน ให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.และเห็นว่าหากกกต.มีความตั้งใจที่จะแสดงให้ประชาชนเห็นว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของใคร ก็ควรที่จะดำเนินการแบ่งเขตให้เสร็จสิ้น ก่อนวันสุดท้าย ตามกำหนดเวลา ส่วนที่มีหลายพรรคแสดงความไม่พร้อมนั้น ตนเห็นว่าหากการเลือกตั้งทุกครั้ง ต้องรอให้ทุกพรรคพร้อมเป็นไปไม่ได้ เพราะตามสถิติในอดีตก่อนเลือกตั้งจะมีหลายพรรคการเมืองที่ยังจดทะเบียนไม่แล้วเสร็จ ยังไม่พร้อม ก็ไม่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งซึ่งตนยืนยัน เคารพสิทธิ เสรีภาพของทุกพรรค แต่ถ้าจะอ้างว่า บางพรรคการเมือง ไม่พร้อม คงไม่ได้ ขอให้นึกถึงประชาชนว่า อยากเลือกตั้ง ขณะนี้ก็ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรให้เลื่อนเลือกตั้งออกไปอีก

ปชป.หนุนเลือกตั้งตามโรดแมป

ขณะที่น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องการเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ว่ารัฐบาล คสช.และกกต.ได้ย้ำมาโดยตลอดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24ก.พ.2562ดังนั้นจึงไม่ควรมีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนพรรคการเมืองก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกติกา ให้ถูกต้องตามกรอบกฎหมาย ส่วนข้ออ้างความไม่พร้อมของพรรคการเมืองใหม่นั้น ตนมองว่าหากตั้งมานานแล้วน่าจะเตรียมความพร้อมได้ทัน อีกทั้ง กำหนดการแข่งขัน ประกาศต่างๆก็ออกมานานแล้ว แม้จะรู้สึกเห็นใจ แต่ถ้าหากต้องรอก็อาจจะทำให้เกิดการรออย่างไม่ที่สิ้นสุด

ส่วนถึงคำสั่ง คสช.ที่16/2561 เกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น นายทะเบียนพรรค ปชป.ระบุว่าพรรคยังคงติดใจ เพราะเกี่ยวกับความเชื่อมั่นโดยเฉพาะหากทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปจะกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงการแบ่งเขตเลือกตั้งไปจากเดิม ตามกฎหมายกำหนดให้ดูจากพื้นที่ จำนวนประชากรกรณีใดผิดปกติ เหลื่อมล้ำ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ซึ่งพรรคจะได้ทำหนังสือส่งเพื่อยื่นให้ กกต.ทบทวนต่อไป

ด้านนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ยืนยันว่าถ้ามีการลงเลือกตั้ง ในวันที่ 24ก.พ.ตามโรดแม็พที่วางไว้ เป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์เดิม พรรคพลังประชารัฐไม่มีปัญหาและขอยืนยันความพร้อม ส่วนบางพรรคที่ไม่พร้อม ก็ถือเป็นเรื่องของแต่ละพรรค

กลุ่มพรรคเล็กยื่นกกต.เลื่อนเลือกตั้ง

วันเดียวกัน กลุ่มสหพรรคการเมืองไทย พร้อมกลุ่มการเมืองกว่า 10 พรรคนำโดยนายสาธุ อนุโมทามิ ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังไทยดี ยื่นหนังสือต่อ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ผ่านนายสมเกียรติ คงดี ผอ.สำนักกิจการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเป็นวันที่ 5 พ.ค.25622562 ซึ่งมีพรรคร่วมลงชื่อเสนอเลื่อนเลือกตั้ง อาทิพรรคพลังไทยดี พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคร่วมพัฒนาชาติไทย พรรคคนรุ่นใหม่ พรรคไทยใหม่ เป็นต้น

โดยนายสาธุกล่าวว่ากลุ่มสหพรรคการเมืองมองว่าการเลือกตังวันที่ 24 ก.พ.2562มีกรอบเวลาที่กระชั้นชิดจนทำให้พรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่เสียโอกาสที่จะลงไปนำเสนอนโยบายให้ประชาชนได้รับทราบและอาจกลายเป็นกับดักทางกฎหมายที่นำไปสู่ปัญหาทางการเมืองในอนาคต จึงเห็นว่าควรเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป เป็นวันที่ 5พ.ค.2562แทน อยู่ในกรอบเวลา150วันตามกฎหมายกำหนด เลื่อนออกไปเพียง 2 เดือน9วัน เพื่อให้พรรคการเมืองทุกพรรคพร้อม สำหรับการเลือกตั้งและจะเป็นการเลือกตั้งที่สมบูรณ์ แต่หากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเกินกว่าวันที่ 5 พ.ค.2562 เราก็ไม่เห็นด้วย เพราะจะเลยกรอบเวลาตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มสหพรรคการเมือง ไม่มีใบสั่งจากใคร ตอนนี้มีพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองร่วมลงชื่อเสนอขอให้เลื่อนเลือกตั้งรวม13กลุ่ม

‘บุญจง-ทวี’เข้าซบ’พลังประชารัฐ

ส่วนบรรยากาศความเคลื่อนไหวพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ยังอดีตนักการเมืองและประชาชนเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายมนู เขียวคราม สจ.ภูเก็ต อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายอมร อินทรเจริญ นักธุรกิจ จ.ภูเก็ต โดยระบุว่าต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตทั้งด้านเอกชน ผู้ประกอบการต่างๆและคุณภาพชีวิตประชาชนให้มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเมื่อท้องถิ่นและสนามการเมืองใหญ่อยู่ตรงข้ามกันการดำเนินการต่างๆอาจจะมีข้อติดขัดบ้าง

ช่วงบ่าย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตรมช.มหาดไทย พรรคภูมิใจไทย นายทวี ไกรคุปต์ อดีต รมช.คมนาคม เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อย และมีรายงานว่า นายฐานิสร์ เทียนทอง อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย หลานของนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยและนางตรีนุช เทียนทอง อดีต สส.สระแก้ว ได้เข้ามาสมัครสมาชิกช่วงเย็นวันที่21พ.ย.ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว

‘บ้านริมน้ำ-พ่อมดดำ’มา23พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 23 พ.ย.นี้นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำมีกำหนดนำอดีตส.ส.และสมาชิกในสังกัดจาก จ.ยโสธร มุกดาหาร นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคามเข้ามาสมัครสมาชิกพรรค พปชร.รวมทั้งนางรัตนา จงสุทธานามณี อดีต ส.ส.เชียงรายหลายสมัย พรรคชาติพัฒนา และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายที่จะมาสมัครสมาชิก

ขณะที่ นายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์และนายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ อดีต ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย บุตรชายนายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีตส.ส.ลำปาง พรรคไทยรักไทย ที่ประสานงานทางพรรคว่า จะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกใน วันที่ 23 พ.ย.นี้ และมีรายงานว่าเวลา10.00น.นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก หรือ”กรุง ศรีวิไล” อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคภูมิใจไทย พร้อมทีมผู้บริหาร อบจ.สมุทรปราการจะเดินทางเข้าสมัครสมาชิกพรรคด้วยเช่นกัน

‘เลิศวิโรจน์-ฐิติเชฏฐ์’เป็นกกต.

ที่รัฐสภา ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ได้พิจารณาเรื่องให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่ยังค้างอยู่จำนวน2คน หลังคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรม โดยเสนอชื่อ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฎ ที่ปรึกษาสภาทนายความ

หลังประชุมลับ 2 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้บุคคลทั้งสองเป็นกกต.ด้วยคะแนน 149 ต่อ28 และ 149 ต่อ 27 คะแนน ไม่ลงคะแนน 8 คน ถือว่าทั้ง 2 คนได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิก สนช.ที่มีอยู่ในขณะนี้คือ240คน เท่ากับต้องได้เสียงเกิน 120 คะแนน จากนี้ ประธาน สนช.ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภาจะนำรายชื่อบุคคลทั้งสองขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป