PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เขียน ธีระวิทย์:วิเคราะห์ แดเนียล

ศาสตราจารย์ ดร. เขียน ธีระวิทย์ วิเคราะห์ลึกนายแดเนียล ผช. รมต. ต่างประเทศสหรัฐฯ
Daniel Russel ทูตถนัดตัดไมตรี
สหรัฐอเมริกา อดีตมหามิตรของไทยได้ส่งนายแดเนียล รัสเซล (Daniel Russel) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้านเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกมาเยือนประเทศไทย เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม ศกนี้ เขามาทำอะไร-พูดอะไรที่สะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของสหรัฐฯ และสะเทือนจิตใจของคนไทยจำนวนมาก เขาประสบความสำเร็จในการสร้างข่าวอื้อฉาวในสื่อมวลชนและสื่อสังคม ผมได้ใช้เวลา 2 วันติดตามความเคลื่อนไหวของเขาที่ไปพบกับใคร พูดอะไร สื่อต่างๆ รายงานอะไรและปฏิกิริยาของคนไทยเป็นอย่างไร เมื่อประมวลข่าวสารข้อมูลทั้งหมดแล้วเกิดความกังวลว่า ต่อไปนี้เราจะอยู่ร่วมโลกกับมหามิตรอเมริกาอย่างไร ผมมีข้อสังเกตและความเข้าใจเกี่ยวกับบุคลิกภาพแห่งชาติและนโยบายของสหรัฐฯบางอย่างที่เหมือนและต่างกับคนอื่นๆ แต่ไม่แน่ใจว่ามุมมองของผมจะถูกต้องหรือไม่ จึงขอนำมาเสนออย่างย่อๆ เพื่อคนที่สนใจเรื่องนี้จะได้ช่วยกันคิด
1.ไทยกับสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ต่างกัน ฝ่ายไทยมีผลประโยชน์เฉพาะหน้าคือ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และการบูรณะฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนการรัฐประหาร (22 พฤษภาคม 2557) ในระยะยาว ไทยต้องการเป็นมิตรกับทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาอำนาจสหรัฐฯ และจีน เลือกเท่าเทียมกันได้ก็จะดี แต่ถ้าถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบีบคั้นมาก ก็ต้องให้อนาคตเป็นตัวตัดสิน
ส่วนฝ่ายสหรัฐฯนั้น ในเอเชีย สหรัฐฯ กลัวอิทธิพลของจีนจะขยายบดบังฐานะของตน จึงสนับสนุน-ชักชวนให้ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินเดียเป็นปฏิปักษ์ต่อจีน สร้างความตึงเครียดขึ้นในเอเชีย เพื่อขายอาวุธและใช้อำนาจปกป้องประเทศที่กลัวการรุกรานของจีน เขาอยากได้ไทยเป็นหุ้นส่วนในนโยบายครองความเป็นเจ้าโลกของเขาด้วย นาย Daniel Russel มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายเช่นนั้นของสหรัฐฯ ด้วย
2.สหรัฐฯ ถือไพ่ทักษิณ เป็นประเพณีทางปฏิบัติของสหรัฐฯ เมื่อผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย เช่น Daniel Russel จะเดินทางมาไทย เขาจะกำหนดแผนงานและกลยุทธ์ในการทำงาน โดยอาศัยข้อมูลจากหน่วยสืบความลับของตน จากอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย จากกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มการเมืองต่างๆ รวมทั้งที่ปรึกษาของทักษิณด้วย สื่อมวลชนในสหรัฐฯ นั้น ไม่ค่อยกล้าเสนอข่าวด้านบวกของรัฐบาลทหารของไทย ฉะนั้น Daniel Russel คงสรุปเอาว่าถ้ามีการเลือกตั้งเมื่อไร ฝ่ายทักษิณก็จะกลับมามีอำนาจอีก ถ้าพวกเขามาช่วยฝายทักษิณอีกแรงหนึ่ง เมื่อพวกทักษิณได้เป็นรัฐบาล สหรัฐฯก็จะได้ ผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงมากขึ้น ถ้าจะดึงไทยไปต้านจีนดังที่ทำสำเร็จมาแล้วในหลายประเทศก็คงไม่ยาก และถ้าจะล้มเหลว ก็ยังหลอกชาวโลกได้ว่า สหรัฐฯ ได้สละผลประโยชน์เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย
3.ชูประเด็นประชาธิปไตย วิธีปฏิบัติทางการทูตเชิงประชาสัมพันธ์นั้น Daniel Russel ต้องการสร้างภาพให้ชาวโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอเมริกันเห็นว่า เขากลั่นกรองมาจากการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มการเมืองทุกฝาย ฉะนั้นจึงมีการพบกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร และผู้นำภาคเอกชนกลุ่มหนึ่ง เสร็จแล้วก็วิพากษ์วิจารณ์การเมืองของไทยโดยผ่านเวทีชุมชนวิชาการ สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ (ISIS) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโทรทัศน์ สิ่งที่เขามาพูดในไทยนั้นได้รับการถ่ายทอดทั่วโลกโดยผ่านทีวีดาวเทียมที่เป็นปากกระบอกเสียงของสหรัฐฯ สรุปสาระที่สำคัญคือ เขาบอกให้รัฐบาลไทยจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ให้ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ให้เปิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุม ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมือง ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นข้อเรียกร้องของคนพันธุ์ทักษิณ หรือรัฐบาลที่สูญเสียอำนาจทั้งสิ้น
4.ประชาธิปไตยหน้าไหว้หลังหลอก สหรัฐฯ พยายามสร้างภาพให้ชาวโลกเห็นว่าตนเป็นแชมเปี้ยนของประชาธิปไตยเสรี ต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านเผด็จการ แต่ในทางปฏิบัติ สหรัฐฯ ชอบรัฐประหารที่ตนสนับสนุน ต่อต้านรัฐประหารและรัฐบาลเผด็จการเฉพาะที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อตนเท่านั้น สหรัฐฯ มีประวัติส่งเสริมฝ่ายทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วนับไม่ถ้วน ล่าสุดคืออียิปต์ ซึ่งสหรัฐฯ สนับสนุนฝ่ายทหารให้ยึดอำนาจจากรัฐบาล Mohamed Morsi ที่ได้อำนาจจากการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับประเทศยูเครน ซึ่งสหรัฐฯ ร่วมมือกับกลุ่มประเทศ NATO สนับสนุนพวกต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่นิยมรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งไม่เคยมีการเลือกตั้งเลย ไม่เคยมีสภาผู้แทนราษฎรเลย สหรัฐฯ ก็ไม่รังเกียจ อย่างนี้ไม่เรียกว่า hypocrite (หน้าไหว้หลังหรอก) แล้วจะเรียกว่าอะไร
5.คดีถอดถอนอดีตนายกรัฐนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร Daniel Russel กล่าวหารัฐบาลไทยว่า คดีถอดถอนยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้นมีเหตุจูงใจทางการเมือง เขาคงไม่โง่ถึงขนาดที่ไม่รู้หรอกว่า การถอดถอน (Impeachment) ยิ่งลักษณ์นั้นเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก กลไกของรัฐ (ป.ป.ช. และสนช.) ต้องทำตามอำนาจหน้าที่ ถ้าไม่ทำมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ยิ่งลักษณ์ถูกกล่าวหามีความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่จนทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นทุกระดับของโครงการรับจำนำข้าว และทำให้ประเทศเสียหายคิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท เป็นความผิดที่ร้ายแรงกว่าคดี Watergate ที่ประธานาธิบดีนิกสันถูกดำเนินคดีถอดถอนเสียอีก สหรัฐฯ ก็มีตัวอย่างการถอดถอนผู้นำสูงสุดมาแล้ว ไม่มีใครกล่าวหาวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ในประเทศไทย ยิ่งลักษณ์กล่าวหาผู้ดำเนินคดีถอดถอนตนว่าไม่ยุติธรรม มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง พรรคพวกพูดตาม Daniel Russel ก็มาพูดตาม กลไกโฆษณาชวนเชื่อของระบอบทักษิณนั้นมีประสิทธิภาพจริงๆ จริงอยู่ ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังอยู่ในอำนาจ เธอและพรรคพวกอาจจะใช้อำนาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรมจนกลไกการบังคับใช้กฎหมายทำงานไม่ได้ นั่นแหละจึงเรียกได้ว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง และจริงอยู่ ถ้าเรื่องเข้าวุฒิสภา ยิ่งลักษณ์อาจจะรอดจากการถอดถอน เพราะอิทธิพลของทักษิณและพรรคการเมืองที่อยู่ใต้อำนาจของคนคนเดียวสั่งการได้ นั่นแหละจึงเรียกได้ว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่ในกรณีนี้ ใครยืนยันได้ว่า หัวหน้า คสช. หรือผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติลงคะแนนอย่างไร
6.การทูตตัดไมตรี Daniel Russel มาประเทศไทยในฐานะเป็นตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน คนไทยคาดหวังว่าเขาจะมาในฐานะทูตสันถวไมตรี แต่เขาเลือกที่จะเป็นทูตตัดไมตรี ถ้าเขาเลือกที่จะทำงานเชิงสร้างสรรค์ ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หรือแม้แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เพียงฝ่ายเดียว เขาก็ควรจะค้นหาความจริงให้ได้ว่าเหตุใดทหารไทยจึงกล้าทำรัฐประหารทั้งๆ ที่มีผลร้ายต่อตัวมากกว่าผลดี เหตุใดคนจำนวนมากที่ไม่ชอบรัฐประหารจึงสนับสนุนการทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลระบอบทักษิณมาแล้วถึงสองครั้ง ระบอบทักษิณสร้างเงื่อนไขเลวร้ายขนาดไหนจนทำให้เกิดการรัฐประหารขึ้น นอกจากนั้น ทหารปกครองประเทศนานครบ 8 เดือนแล้ว ทำไมประชาชนส่วนใหญ่ยังสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย
ฝ่ายไทยควรอธิบายให้เขาทราบว่าเหตุไดทหารจึงเลือกทำรัฐประหาร ทำไมประชาชนส่วนใหญ่จึงสนับสนุนและให้ความร่วมมือ รัฐบาลทหารยึดหลักกฎหมาย บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด อาศัยกฎอัยการศึกช่วย สิ่งที่ควรเน้นคือ คนไทยรู้ปัญหาของตนเอง รู้อาการป่วยของเราว่า โรคขนาดนี้ต้องการยาแรงขนาดไหน คนต่างชาติไม่รู้ปัญหาดีเท่ากับคนไทย ชี้ให้เขาเห็นว่าการที่สหรัฐฯ
เข้าไปแทรกแซงใน ยูเครน อียิปต์ อิรัก อัฟกานิสถานและลิเบียนั้นผลเป็นอย่างไร
7.เสียงประท้วงจากรัฐบาลไทย ภายหลัง Daniel Russel จากกรุงเทพฯ ไปเพียงวันเดียว นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เชิญ Patrick Murphy อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยเข้าพบเพื่อประท้วงว่า Daniel Russel ทำการแทรกแซงกิจการภายในของไทย เป็นการตอบสนองเสียงสะท้อนอึงมี่ของคนไทยที่แสดงออกผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคม และเป็นการเตือนให้สหรัฐฯ ตระหนักว่าคนไทยรักศักดิ์ศรีของความเป็นเอกราช คนไทยมีภูมิปัญญาพอในการแก้ไขปัญหาของตนเอง และการที่ เขามาพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันก่อน โดยเตือน (หรือขู่) รัฐบาลไทยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะไม่กลับคืนเข้าสู่ระดับปกติ จนกว่าไทยจะกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตยนั้นก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นไม่นิยมพูดอะไรที่อาจจะกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ก็ยังเผยความรู้สึกออกมาว่ารู้สึกผิดหวังที่สหรัฐฯ ไม่เข้าใจเหตุผลของทหาร ที่ต้องลุกขึ้นมาแทรกแซงการเมือง แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นพันธมิตรกันเป็นเวลายาวนานแล้วก็ตาม
8.“อเมริกันอันตราย” ในช่วง 2 วันหลังจากการเยือนไทยของ Daniel Russel นั้น สื่อมวลชนและสื่อสังคมแพร่เสียงวิจารณ์และด่าทอ “Ugly American” กันอย่างแพร่หลาย บางแหล่งก็ใช้คำหยาบหรือสำนวนโวหารทำให้เป็นเรื่องขบขัน ส่วนมากโจมตีสหรัฐฯ ดุเดือดด้วยอารมณ์เร่าร้อน แต่ที่ชอบด้วยเหตุผลก็มี เช่นบอกว่าคนอเมริกันโง่ๆ ไม่รู้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นประชาธิปไตยหรือไม่, รู้ไหมว่ายิ่งลักษณ์ทำประชาธิปไตยไทยเหลวแหลกขนาดไหน, อเมริกันตัวแสบมายุ่งเรื่องภายในของไทย, แดเนียล รัสเซล บอกไม่เข้าข้างใคร แต่เป็นปากกระบอกเสียงให้ทักษิณ, ตัวแสบคิดร้าย อยากเห็นคนไทยฆ่ากันเองเหมือนก่อนรัฐประหารหรือไร เป็นต้น
ถ้ากลไกสืบความลับของสหรัฐฯ จะแปลคำก่นด่าว่า “อเมริกันอันตราย” ในสื่อออนไลน์ให้คนอเมริกันอ่าน พวกเขาคงไม่มีอารมณ์ขันเหมือนคนไทยเป็นแน่
9.การบ้านของคนไทย การใช้สื่อต่างๆ ระบายอารมณ์ด่าทออเมริกันนั้นทำได้ตามมาตรฐานของอเมริกา แต่ไม่ควรล่วงเกินสิทธิส่วนบุคคลของพวกเขาหรือรังเกียจพวกเขา เพราะชาวอเมริกันส่วนมากน่ารักกว่ารัฐบาลของพวกเขามาก
น่ายินดีที่ผู้นำรัฐบาลไทยสงบสติอารมณ์ได้ดี ไม่ออกมาทะเลาะกับ Daniel Russel กระทรวงการต่างประเทศได้ทำหน้าที่อย่างสุภาพในการเตือนผู้นำสหรัฐฯ ผ่าน อุปทูต Patrick Murphy ไปแล้วตามควรแก่กรณี ในขณะเดียวกัน ก็ต้องขอบคุณ Daniel Russel เหมือนกันว่า เขาได้เตือนกระทรวงการต่างประเทศของไทยทางอ้อมว่าจะต้องทำการบ้านให้มากขึ้น ที่จะให้ชาวโลกทราบเหตุผลต้นตอที่ทำให้ไทยมีรัฐบาลทหารอยู่ในปัจจุบัน เป็นงานยากที่จะบอกว่าบ้านเราถูกโจรผู้ร้ายปล้นทำลายยับเยิน โดยไม่ชี้ตัวผู้ร้ายและพฤติกรรมของผู้ร้ายให้เขาเห็น (เพราะขัดกับนโยบายสร้างความปรองดองแห่งชาติ) แต่จะต้องหาช่องทางให้คนต่างชาติเห็นว่า เราจำเป็นต้องปิดประตู (เสรีภาพ) เพื่อซ่อมแซมบ้านเมืองชั่วคราว กฎอัยการศึกของไทยช่วยให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานสากลเท่านั้นฯลฯ
เมื่ออธิบายทำนองนี้แล้วพวกเขายังไม่เข้าใจ หรือทำเป็นไม่เข้าใจ เพราะมีเหตุผลอื่นซ่อนเร้นก็ช่วยไม่ได้ อาจจะเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เป็นอิสระมากขึ้นในความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ยังมีมหาอำนาจอื่นที่เข้าใจเรา ให้เกียรติ์เรา และไม่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของเรา
10.อย่าตกหลุมพราง ไม่ว่าผู้นำสหรัฐฯ จะมีเจตนาดีหรือร้ายต่อไทย เราจะต้องตอบโต้อย่างมีสติ ปล่อยให้ภาคเอกชนระบายอารมณ์กันไป แต่ภาครัฐไม่ควรขยายประเด็นความขัดแย้ง เพราะจะป็นผลร้ายต่อนโยบายการปรองดองแห่งชาติ และถ้าเราตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ไป “ถือไพ่จีน” ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศแล้ว ถึงเวลามีการเลือกตั้ง ระบอบทักษิณก็อาจจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีก ถึงตอนนั้น สหรัฐฯ ต้องการอะไร ทักษิณหรือทายาททางการเมืองของทักษิณก็จะใช้อำนาจตัดสินคนเดียว ผ่านพรรคการเมืองของเขา เอาสมบัติของชาติยกให้ หรือขายให้ถูกๆ ดังที่เคยทำกันมาแล้ว เราไม่รู้ว่านี้เป็นกลยุทธ์ทางการทูตของ Daniel Russel หรือเปล่า
เขียน ธีระวิทย์
หมายเหตุ: ดูบทความวิชาการได้ฟรีที่ www.thaiworld.org
5


ลงเรือแป๊ะต้องฟังแป๊ะ


ลงเรือแป๊ะ.....
ฟัง หัวหน้าคสช.ชื่นชมแม่น้ำ 5 สาย ชี้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เลี้ยวไหนก็ไปด้วยกัน ไม่มีสวนกระแสน้ำ มั่นใจ เม.ย.ได้ร่างรัฐธรรมนูญ เลือกตั้งตามกรอบเวลา อารมณ์ดี แค่แกล้งหงุดหงิด
ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมแม่น้ำ 5 สาย โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า ขอเรียนก่อนเดี๋ยวจะไปพาดหัวข่าวกันเสียหายไม่ได้ วันนี้ผมมาในฐานะเป็นหัวหน้า คสช. นี่คือหน้าที่หลัก อาชีพหลักขอผมมาติดตามความก้าวหน้าโรดแมปของ คสช. ซึ่งจะพูดถึงการขับเคลื่อนของรัฐบาลในปัจจุบัน เรื่องความก้าวหน้าของ สนช. ในการออกกฎหมายที่สำคัญเร่งด่วน และเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญว่าไปถึงไหนอย่างไร ซึ่งได้มีข้อสังเกต ข้อพิจารณากัน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นชอบ อย่างนั้นไม่ใช่
"เราเป็นเหมือนกับลงเรือลำเดียวกันแล้ว คือต้องคัดท้ายและไปกันให้ราบรื่น โดยที่ไม่สวนกระแสน้ำ ไม่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ทำให้การไปสู่จุดมุ่งหมายมันช้าจนเกินไป วันนี้ไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไรเลย
ผมขอชื่นชมทั้ง 5 คณะ คสช. ก็มีข้อเสนอแนะ ข้อสังเกตมามากมาย ในส่วนของรัฐบาลก็มีข้อเสนอข้อสังเกตมา และในส่วนของ สนช. สปช. รวมถึงคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็มีความก้าวหน้า วันนี้เป็นเพียงโจทย์ทุกเรื่อง และต่อไปจะต้องนำไปตกผลึกว่าจะแค่ไหนอย่างไร โดยเอาข้อสังเกตของแต่ละส่วนแต่ละฝ่ายไป
"วันนี้ไม่มีข้อบกพร่องใดๆเลย ผมเป็นหัวหน้า คสช. มีความสบายใจที่มีความก้าวหน้าอย่างนี้ เพียงแต่เรามาจัดลำดับความเร่งด่วนว่า อะไรที่จะทำให้เร็ว และอะไรที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมกับรัฐบาล วันนี้มันต้องไปด้วยกัน ไม่มีขัดแย้งกันอยู่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเปิดเผยข้อเสนอและข้อสังเกตของ คสช. และรัฐบาล ได้หรือไม่ว่าเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า ได้ สิ่งสำคัญผมได้ย้ำหลักการเดิมของ คสช.ว่าเราจะไม่ไปสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม และทำอย่างไรจะทำให้เกิดบรรยากาศเอื้อต่อการปฏิรูปได้ ฉะนั้นอะไรที่ยังไม่ได้ข้อยุติควรต้องหารือเพิ่มเติม
สื่อคงต้องช่วยเรา ประชาชนก็อย่าเพิ่งไปเดือดร้อน รวมทั้งนักการเมือง อดีตนักการเมืองอย่าเพิ่งไปเดือดร้อน ว่ากฎหมายนี้จะออกมาอย่างโน้นอย่างนี้ อย่าเพิ่งไปวิเคราะห์วิจารณ์เพราะยังไม่จบขั้นตอนกระบวนการ ยังเป็นแนวความคิด ฉะนั้นสิ่งที่ต้องชื่นชมพวกเราคือ การที่ไม่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ปิดกั้นแนวความคิดของกลุ่มต่างๆในการปฏิรูป เพียงแต่หาหนทางเจอกันได้อย่างไร สมมุติว่า 10 เรื่องตรงกัน 8 เรื่อง อีก 2 เรื่องไม่ตรงกันก็หยุดตรงนี้ไว้ก่อน เอา 8 เรื่องมาทำให้ได้ก่อน
เมื่อถามว่ามีข้อห่วงใยอะไรจากแม่น้ำ 5 สายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ข้อห่วงใยของตนเป็นห่วงว่าเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ฉะนั้นประเด็นที่เป็นห่วงคืออะไรที่จะจบสิ้นภายใน 1 ปี และต้องทำให้เสร็จ อะไรเป็นเรื่องการปฏิรูป และจะปฏิรูปต่อกันไปอย่างไร ทำอย่างไรสิ่งที่วางแผนไว้ระยะสั้นระยะยาวจะต่อเนื่อง จะมีกลไกอะไรหรือไม่ ซึ่งตนคงชี้นำไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญและการบังคับใช้ข้อกฎหมาย ซึ่งพวกเราไม่ค่อยถนัดเรื่องของข้อกฎหมาย
วันนี้เราเดินหน้าประเทศด้วยการเอาปัญหาต่างๆที่มีอยู่วันนี้ในอดีตที่ผ่านมา มาแก้ไข ว่าทำอย่างไรให้เกิดความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน ทั้งมิติด้านความมั่นคง ด้านสังคมวิทยา ด้านเศรษฐกิจที่เรากำลังส่งเสริมให้เข้มแข็ง เพื่อไปสู่การแข่งขันให้ได้ในวันข้างหน้า ทั้งหมดไม่สามารถจะทำให้ดีขึ้นในเวลาสั้นๆได้ คือ 1 ปียากที่สุด เช่นการสร้างความเข้มแข็งภาคเศรษฐกิจ ต้องดูตั้งแต่ต้นทางการผลิต ความทันสมัย เทคโนโลยี การสร้างตลาด การใช้ในประเทศ และเรื่องสินค้าเกษตรเราก็ไม่อยากใช้เงินมากมายไปอุดหนุน ซึ่งตนได้อธิบายใจสนช. สปช.เข้าใจว่าวันนี้รัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้างใน 9 ยุทธศาสตร์ และมีการติดตามผลงานอย่างไร เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
นายกฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ได้มีโอกาสพบกับนักธุรกิจญี่ปุ่น เขาบอกว่าที่มาคุยกับเราได้ เพราะเชื่อมั่นรัฐบาล ที่วันนี้มีเสถียรภาพ สร้างบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย ผมก็กังวลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้เขากังวลหรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่กังวล และเห็นว่าเรามีความตั้งใจในการเดินหน้าประเทศ แต่เขาเป็นห่วงว่าวันข้างหน้าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ตนได้เล่าให้ฟังว่า วันหน้าเราก็ต้องสร้างให้ต่างชาติมั่นใจในการมาลงทุน ไม่เช่นนั้นเขาไม่มาลงทุนจะทำอย่างไร เศรษฐกิจเราก็เดินหน้าไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่ตนทำความเข้าใจกับสนช. สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ
" ผมทราบทุกท่านหวังดีหมด เท่าที่ฟังข้อสรุปมาทุกคนมีความหวังดี เอาปัญหาทั้งหมดมาว่ากัน และอยากเห็นประเทศเดินหน้าไปอย่างไรในทุกมิติทุกประเด็น ที่เป็นปัญหา วันนี้เราก็ต้องมาจัดระเบียบกันว่าจะเดินเร็วเดินช้าตรงไหน อะไรก่อนอะไรหลัง อะไรควรจะไปอยู่ที่สนช.ทำกฎหมายออกมาให้ทัน ซึ่งเวลานี้เป็นห่วงเรื่องกฎหมายดิจิตอลที่ต้องได้รับการยอมรับด้วยกัน รวมทั้งกฎหมายไซเบอร์ที่ต้องดูเรื่องความมั่นคงด้วย"นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การประชุมร่วมกันครั้งนี้ผมพูดข้อห่วงใยในนามของรัฐบาล ว่าเราจะเดินอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ให้ถูกมองว่าไม่เป็นธรรม หรือกีดกันใคร ทุกอย่างเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ถ้าเป็นกระบวนการยุติธรรมกฎหมายคงมีผลย้อนหลังไม่ได้ ฉะนั้นต้องเอากฎหมายหลักมาว่ากัน หรือจะเป็นกฎหมายแพ่งกฎหมายอาญาก็ว่ากันไป ใครผิดใครถูกก็ว่ากันมา อะไรที่เกิดก่อน 22 พ.ค.57 กฎหมายก็ว่าไป อะไรที่หลัง 22 พ.ค.มาแล้วเราก็จะเดินหน้าประเทศ และไปสู่การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีธรรมาภิบาล นักการเมืองมีคุณภาพ ประชาชนมีความพึงพอใจ ขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยความสงบสุขต่อไป ดูแลชีวิตทรัพย์สินประชาชนให้ได้ทุกหมู่เหล่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลมีความเป็นห่วงประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทำอย่างไรจะลดความเหลื่อล้ำให้เขา แต่ยอมรับว่าอธิบายยาก เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาแก้ปัญหาแบบให้รับเงินอะไรต่างๆไปเลย วันนี้เราทำอย่างไม่ได้ อันนี้ก็ต้องอธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจ จะช่วยเหลือกัน อย่างไรประเทศชาติคับขัน เวลานี้เศรษฐกิจแย่อยู่ ในการประชุมเศรษฐกิจก็ได้สั่งการไปเยอะ ไล่ดูเรื่องงบประมาณ รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งต้องดูว่าเขาอยากจะมาทำหรือไม่ เพราะเวลานี้ขาดแคลนแรงงาน เพราะการก่อสร้างต้องใช้แรงงาน การลงทุนภาครัฐเอกชนวันนี้ร้องขอเพราะขาดแคลนแรงงานหลายหมื่นคนจะทำกันอย่างไร ซึ่งก็ต้องไปดูเรื่องกฎหมายแรงงานต่างด้าว จะจัดหาแรงงานมาเพิ่มอย่างไร วันก่อนไปโคราช ไปเปิดตลาดเขาดีใจข้าวขายได้ราคาดีขึ้น ขายได้มากกว่าปกติ 800 บาท สิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างนี้เราต้องคิดให้เขา ตนสั่งไปเยอะว่าจะดูแลทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างไร ทั้งภาคเกษตร ลูกจ้างเอกชน วันนี้ตนพูดออกสื่อไปแล้ว คนที่รับฟังส่วนใหญ่เป็นคนที่มีเวลา แต่ถ้าเป็นลูกจ้างพนักงานที่ทำงานเป็นกะ ไม่ได้ฟังก็ไม่เข้าใจ ซึ่งตรงนี้ต้องช่วยตนจะทำอย่างไร และคิดว่าเขาคงไปอ่านหนังสือพิมพ์ ฉะนั้นหนังสือพิมพ์ต้องลงว่าเรากำลังทำอะไรให้เขาอยู่ อะไรที่จะสร้างความเข้มแข็งให้เขาทุกภาคส่วน
เมื่อถามว่า เรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญคณะกรรมาธิการยกร่างฯจะส่งร่างได้ภายในเดือน เม.ย.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้ๆ ก็เป็นไปตามกำหนด เผลอๆอาจจะเร็วด้วย เพราะเขาพยายามจะทำให้เร็วเพื่อที่จะมีเวลาซักค้านกัน ปรับปรุงแก้ไขกันอีก เพราะต้องไปเสนอให้สปช. ครม. คสช. ดูอีก ก็พยายามให้เป็นไปตามที่วางไว้
เมื่อถามว่าสรุปว่าวันนี้จะสามารถเดินและจบได้ตามโรดแมปที่วางไว้ได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จบไม่จบ ถามผมอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องไปถามคนมีส่วนร่วมข้างนอกด้วย ว่าวันนี้ทางฝ่ายการเมืองผู้เห็นต่างว่าอย่างไร ที่เขาทำวันนี้เข้าใจหรือเปล่า ว่าประเทศชาติเราเจออะไรกันอยู่ ที่ผ่านต้องยอมรับว่าทุกคนก็มีส่วนในการทำให้เกิดความขัดแย้ง มันจะด้วยถูกหรือผิด อะไรตนไม่รู้ ซึ่งต้องพิสูจน์กันด้วยกระบวนการยุติธรรม และต้องยอมรับในกระบวนการยุติธรรม อย่างน้อยต้องรับบ้าง ถ้าไม่รับเลยแล้วมันจะไปต่ออย่างไร ไปหาความชอบธรรมกันอีก ซึ่งตนก็ทำให้เกิดความชอบธรรมไม่ได้ไปไล่ล่าทั้งที่หลายฝ่ายบอกว่าตนต้องทำให้เต็มที่ แต่ถ้าทำเต็มที่แล้วมันจะสำเร็จหรือไม่ มันจะเกิดความขัดแย้งหรือไม่ก็ไม่ได้ ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเขาดำเนินการไป เป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่า กำหนดการเลือกตั้งจะเป็นต้นปี 59 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำหนดการเลือกตั้งก็ต้องเป็นอย่างนั้น เป็นไปตามกำหนดการ แต่ก็มีเรื่องของกฎหมายลูกซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน รวมถึงการเตรียมการเลือกตั้ง ก็มีกลไกอยู่ ใครจะเป็นหัวหน้าก็แล้วแต่ว่ามา ซึ่งการเลือกตั้งก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ มีส่วนราชการทำอยู่แล้ว เพียงแต่มีใครจะเป็นหัวเท่านั้น
เมื่อถามว่า โดยสรุปการประชุมติดตามความคืบหน้าของแม่น้ำ 5 สายตามโรดแมปเป็นไปด้วยความแฮปปี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ดี ก็ดูหน้าสิยิ้มอยู่ วันนี้อารมณ์ไม่มีอะไร ที่ต้องพูดกันเยอะเพราะเรื่องเยอะ แม่น้ำ 5 สายปิง วัง ยม น่าน ก็ต้องลงมาที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยาคือสายเลือดคนไทยทั้งประเทศ
วันนี้เราต้องมีรัฐธรรมนูญ รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยในอนาคต ตนอยากให้มันทำได้ หากถามว่าจะทำได้หรือไม่ ถ้าจะให้ผมบังคับให้ทำให้ได้ มันไม่ใช่ มันต้องด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย คนไทยในประเทศช่วยไปบอกด้วยว่าพอได้แล้วอย่ามาสู้กันด้วยความรุนแรง สู้กันด้วยระเบิด ลูกหลานอันตรายและเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากทำงาน มันก็เป็นบ่อเกิดการทุจริตผิดกฎหมาย การก้าวก่าย ใช้กำลังในทางไม่ชอบ
เมื่อถามว่าแม่น้ำ 5 สายเป็นห่วงเรื่องอารมณ์ของนายกฯหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ห่วงผมเรื่องอะไร ผมเป็นคนอารมณ์ดีจะตาย จริงๆผมเป็นคนอารมณ์ดี ผมเป็นคนตลก ไม่เห็นหรือเวลาผมตลก พวกคุณก็ตลกผมตลอด เวลาผมเสียงดังบางทีผมก็แกล้งก็ได้ ส่วนใหญ่ผมจะแกล้งนะเวลาหงุดหงิด ไม่ได้หงุดหงิดจริง แต่อย่าแย่บ่อยแล้วกัน ขอบคุณทุกคนนะ ต้องการให้ทุกคนยิ้ม"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาวางระเบิดบริเวณห้างสยาม พารากอน ว่า เท่าที่ได้รับรายงานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายจับตัวผู้ต้องหาไปแล้วและคิดว่าจะได้ตัวอย่างแน่นอน ส่วนจะไปพัวพันและเกี่ยวโยงกับใครนั้น ตนได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นพวกไหน เพราะเรามีพยานหลักฐานมากพอสมควร "ขอให้ใจเย็นๆ มันต้องได้ตัวสิ แม้วันนี้จะยังไม่ได้ ข้างหน้าก็ต้องให้ได้ตัวไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวอย่างอีกต่อไป"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาที่กระทำผิดกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งจับกุมได้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องมีการโพสต์ข้อความซึ่งต้องดูรายละเอียดกัน ทั้งนี้อยากเรียนว่าทั้งหมดคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้เกิดความชอบธรรมด้วยหลักฐาน เราจะกล่าวอ้างลอยๆ ไม่ได้ จะต้องมีการติดตามทุกคดีไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ จับได้หรือไม่ได้ก็ต้องรู้ว่าอยู่ตรงไหน ถ้าอยู่ในต่างประเทศจะทำอย่างไร เขาจะมีการส่งตัวให้หรือเปล่า เพราะเราไม่สามารถไปจับกุมตัวยังต่างประเทศได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการรายงานหรือไม่ว่าต้นตอของการปล่อยข่าวนั้นมาจากต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการสอบต่อ วันนี้ต้องเอาตัวผู้ต้องหามาก่อน จากนั้นก็จะต้องสอบต่อว่าที่โพสต์ข้อความมานั้น โพสต์เพราะอะไร เป็นอย่างไร เรื่องนี้เคยชี้แจงแล้วว่าเราจับกุมมาหลายราย ก็จะอ้างว่าไม่รู้เรื่อง โพสต์ต่อมาจากคนนั้น คนนี้ไม่มีใครยอมรับสักคน ซึ่งเรื่องแบบนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ทรงเมตตาคนเหล่านี้ แต่คนเหล่านี้กลับไม่เข้าใจ
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างกับผู้ร้ายปากแข็งที่ไม่ยอมรับผิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะทำอย่างไร ก็ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ โดยการสอบด้วยหลักฐานและพยานต่างๆ ถ้าผิดก็ต้องดำเนินคดีจำคุกกี่ปีก็ว่ากันไปตามขั้นตอน ในวันข้างหน้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะทรวงพระราชทานอภัยโทษ ก็เป็นแบบนี้ คนถึงไม่ค่อยกลัวกัน ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงมีเมตตา
เมื่อถามว่ากรณีนี้จะสามารถใช้กฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์จัดการได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยกัน แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 ฉบับของกระทรวงโทคโนโลยีสารสนเทศ จำเป็นต้องออกให้ทันเวลา ให้ทันการเปิดใช้ 4 จีในประเทศ รวมไปถึงการประมูลคลื่นความถี่และโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร ซึ่งมีทั้งของรัฐบาลและเอกชนเข้ามาลงทุน กรณีนี้ต้องดูแลทั้งระบบทั้งการบริหารจัดการ หน้าที่ของ กสทช.งบประมาณจากการประมูลคลื่นความถี่ และรัฐบาลจะได้ประโยชน์อย่างไร และจะนำนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนึ้หากมองในแง่ของเสรีภาพอย่างเดียวคงไม่ได้ ดังนั้นการที่รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งหากไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งต้องดูเรื่องของจุดประสงค์ด้วยว่ารัฐต้องการเข้าถึงข้อมูลด้วยเหตุผลอะไร และหากเข้าไปดูข้อมูลเพราะมีการทุจริตผิดกฎหมายจะทำได้หรือไม่ นอกจากนี้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติจะทำอย่างไร
“ถ้าบอกว่าอะไรก็อิสรเสรีทั้งหมด แต่ปัญหาต่างๆทำให้เกิดความรุดแรง ซึ่งเราต้องช่วยกันดูในหลายมอย่าง ต้องช่วยผมคิดว่าจะทำอย่างไร ตอบให้ผมด้วย ร่างกฎหมายให้ผมหน่อยสิ ว่าสื่อเสรีภาพจะทำอย่างไรถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ มีการปลุกปั่น ปลุกระดมมวลชนหาทางออกให้ผมหน่อย ถ้าบอกว่าตีกันเหมือนเดิม รับได้ก็รับ ถ้าไม่มีอะไรผิดถูกใครจะอยากไปดู”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งว่า รัฐบาลได้แจ้งให้แต่ละฝ่ายทราบถึงการขับเคลื่อน 9 ยุทธศาสตร์การทำงานว่าเป็นอย่างไร และได้แสดงความห่วงใยว่าผู้มีรายได้น้อยทำอย่างไรจะลดความเหลื่อมล้ำ เพราะการอธิบายเป็นไปได้ยากเนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาแก้ปัญหาโดยให้เขารับเงินไปเลย แต่วันนี้เราทำอย่างนั้นไม่ได้ จึงต้องไปสร้างความเข้าใจว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในช่วงที่ประเทศชาติกำลังคับขัน ตอนนี้เศรษฐกิจยังแย่อยู่ วันนี้ในที่ประชุมร่วมได้พูดคุยเรื่องเศรษฐกิจหลายอย่าง ต้องมองว่าเราควรดูเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคว่าเป็นอย่างไร โดยนำตัวเลขทั้งหมดมาวิเคราะห์ ที่เป็นปัญหาคือการติดลบทั้งการท่องเที่ยว การค้าขาย เพราะรัฐบาลช่วงที่ผ่านมามีปัญหาจากการเมือง แต่ไตรมาสสุดท้ายปี 57 เมื่อเราเข้ามาก็สามารถเดินหน้าได้ เพรานำเงินออกมาใช้จ่ายได้ ทำให้ตัวบวกแต่อย่างไรก็โตไม่เกิน 1 % สิ่งที่เราทำคือการมาไล่ดูข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)หรือข้อมูลการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ว่าสินค้าประเภทใดส่งออกตกลง เช่น ข้าว-ยางที่มีมูลค่าส่งออกสูงมาตลอด แต่วันนี้ราคาก็ดีขึ้น สุดท้ายเราก็มาดูประชาชนเดือดร้อนอย่างไร จัดอาชีพให้ สร้างตลาดชุมชน ตลาดธงฟ้าทุกอำเภอ ส่วนปัญหาค่าครองชีพได้สั่งการให้กะทรวงพาณิชย์ไปดูต้นทุนซึ่งไม่ได้สูงขึ้นมากมายเพียง แต่เมื่อขายได้น้อยผู้ประกอบการจึงขายแพงขึ้น คนประกอบอาหารกินเองในบ้านไม่ค่อยออกนอกบ้านจึงทำให้เกิดการขึ้นราคาอาหาร สั่งให้ไปเดินดูอยู่ และใครมีข้อมูลให้บอกมาร้านเจ๊นั้นนี้ขายแพงจะไปดูให้ ไข่-หมูเป็นอย่างไรแต่จะให้ไปควบคุมมากก็ไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่กันไม่ได้ ทำอย่างไรให้ขายได้เท่าเดิม และถ้าสถานการณ์ไม่ปกติ คนไม่เที่ยวไม่กินจะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปเล่นงานตำหนิคนที่เป็นต้นเหตุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงไฮซีซั่น ตัวเลขเป็นบวกในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เราต้องทำให้เกิดความปลอดภัย สร้างกลไกแรงจูงใจให้แก่ต่างชาติเพราะเขามาเที่ยวโดยไม่สนใจกฎหมายพิเศษ และเร่งขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจชายแดนให้เร็วขึ้น


สถานการณ์ข่าว4ก.พ.58

ระเบิดพารากอน

รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กำชับ จนท.ดูแลความปลอดภัย ปชช.เต็มที่ เร่งแจงต่างประเทศ สอบสวนเหตุระเบิดคืบหน้ามาก 

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า หลังเกิดเหตุระเบิดที่สยามพารากอน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้กำชับเจ้า
หน้าที่ในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างเข้มงวดมากขึ้น มีการปรับมาตรการ รวมถึงทบทวนการทำงาน เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ ตลอดจนได้ตั้งด่าน และการตรวจค้นมากขึ้น เพื่อป้องกันเหตุ ส่วนการสอบสวนติดตามคนร้ายก็มีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่ได้สรุปประเด็นมูลเหตุจงใจที่ชัดเจน ต้องรอหลักฐานทุกด้านให้รอบคอบก่อน เพราะถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

พร้อมกันนี้ ยังขอความร่วมมือประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการทำงาน รวมถึงขออย่าตื่นตระหนก ตลอดจนจะต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ที่มีการประกาศเตือนพลเมืองของตนเอง ว่า ฝ่ายความมั่นคง จะสามารถดูแลความเรียบร้อยได้อย่างแน่นอน
-----------------
พล.อ.อุดมเดช เป็นประธานวันสถาปนาหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ครบรอบ 67 ปี มอบแหนบทองคำให้แก่ผู้บังคับกองผสม

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี วันสถาปนาหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ครบรอบปีที่ 67 โดยได้วางพานพุ่มสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จากนั้นได้เดินทางไปยังอาคารสวนเจ้าเชตุ เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและร่วมพิธีสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของหน่วย โดยมีคณะผู้บังคับบัญชาจากกองทัพบก อดีตผู้บังคับบัญชาของ นรด. และผู้แทนหน่วยต่าง ๆ ทั้งหน่วยทหารและพลเรือน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

นอกจากนี้ พล.อ.อุดมเดช ได้มอบแหนบทองคำให้แก่ผู้บังคับกองผสม และโล่เชิดชูเกียรติให้กับผู้บังคับกรมสวนสนามทั้ง 4 กรม ซึ่งเป็นผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารที่ได้ร่วมพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนาม นักศึกษาวิชาทหาร ประจำปี 2557 และมอบเงินสงเคราะห์แก่บุตรที่มีความต้องการพิเศษของกำลังพลในสังกัด นรด. เพื่อบำรุงขวัญกำลังใจ
--------------------
โฆษก ตร. ชี้ขอศาลอาญา รัชดา ออกหมายจับ 2 มือบึ้มหน้า BTS สยามแล้วเช้าวันนี้ ลั่นยังไม่มีเบาะแสเพิ่มเติม-คดีคืบ 70%

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มี 2 คนร้ายลอบวางระบิดไปป์บอมบ์ ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟฟ้า BTS สยาม นั้นล่าสุด ในเช้าวันนี้ ได้ให้ทางพนักงานสอบสวนไปทำการขอศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อนุมัติออกหมายจับ 2 ผู้กระทำผิดในคดีดังกล่าวแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเบาะแสใด ๆ เพิ่มเติม เกี่ยวกับ 2 คนร้าย โดยความคืบหน้าในคดีเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 70%
-------------------
รอง ผบ.ตร. ลั่น ออกหมายจับ 2 ชายบึ้มพารากอนแล้ว คาดทำเกิน 2 พุ่งปมการเมือง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศาลได้อนุมัติออกหมายจับชายต้องสงสัย 2 คนลักลอบวางระเบิดบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามหน้าห้างสรรพสินค้าพารากอนเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมาแล้ว โดยออกหมายจับตามภาพวงจรปิดที่จับภาพได้ เป็นชายไทยอายุประมาณ 30 ปี หน้าตาดี ซึ่งตำรวจรู้ตัวแล้วและอยู่ระหว่างติดตามตัว พร้อมระบุ จากการสืบสวนค่อยข้างมั่นใจว่าทั้งสองคนเป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากกล้องวงจรปิด จับภาพได้ค่อยข้างชัดโดยเฉพาะตั้งแต่ที่ชาย 2 คนเดินทางมาที่เกิดเหตุโดยรถแท็กซี่ และจากการดูลักษณะการก่อเหตุแล้ว เชื่อว่าคนที่ทำระเบิดค่อยข้างมีความเชี่ยวชาญ ส่วนผู้ที่นำมาวางค่อยข้างใจเย็น ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนยังเชื่อว่าผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งมีมากกว่า 2 คนอย่างแน่นอน และหากพยานหลักฐานสาวถึงใครก็จะเร่งดำเนินการออกหมายจับเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับเป้าหมายในการก่อเหตุครั้งนี้ยังพุ่งเป้าไปที่การเมือง เนื่องจากที่ผ่านมาการลอบวางระเบิดส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นการสร้างสถานการณ์ทางการ
เมือง ส่วนกรณีที่คนร้ายเลือกวางระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นห้างใหญ่ในกลางเมืองนั้น เชื่อว่าหวังผลหลายอย่างรวมทั้งต้องการท้าทายเจ้าหน้าที่ด้วย
------------------------
ดีเอสไอ เผยรู้ตัว บรรพต เครือข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงแล้ว ชี้ตัวอยู่ในไทย เร่งสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการ - ขอเวลา 

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงเครือข่าย บรรพต ว่ากรณีบุคคลที่ใช้ชื่อว่า บรรพต นั้น เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นเพียงผู้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงเท่านั้น ซึ่งทาง นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ก็ได้ให้ดำเนินการเร่งสืบสวนเน้นไปยังบุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่เป็นตัวบงการ อาทิ ทีมงานด้านเทคนิค กลุ่มคนที่เขียนบทความ และกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนทางด้านการเงิน

ขณะเดียวกัน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าบุคคลที่ใช้ชื่อว่า บรรพต เป็นใคร ซึ่งขณะนี้ยังอาศัยอยู่ภายในประเทศไทย แต่มีความพยายามที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นั้นทาง
เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอาจจะกระทบสำนวนคดี

อย่างไรก็ตาม จะต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน และขอให้มั่นใจ ว่า ดีเอสไอ และทางสำนักคดีความมั่นคง มีความพยายามที่จะเร่งรัดคดีและนำผู้กระทำผิด
มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
-------------
โฆษก ตร. เผย ศาลอนุมัติหมายจับ 2 มือบึ้มที่หน้าพารากอนแล้ว เชื่อคนร้ายวางแผนอย่างดี - ทำเป็นขบวนการ เร่งไล่ล่า

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีคนร้ายลักลอบวางระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับชายต้องสงสัย 2 คน ตามภาพกล้องวงจรปิด ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, กระทำการให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุอันควร

โดยภาพของผู้ต้องสงสัยรายแรกเป็นชายไทยสวมหมวกแก๊ปและเสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีดำ คาดว่าเป็นคนนำระเบิดไปวางไว้จุดแรกบริเวณหน้าห้างพารากอน ส่วนอีกคนเป็นชายรูปร่างสูงสวมหมวกแก๊ปสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ คาดว่านำระเบิดไปวางไว้บริเวณศูนย์บริการประชาชนของกรุงเทพมหานคร โดยจากภาพกล้องวงจรปิดพบว่า ชายทั้งสองมานั่งอยู่บริเวณใกล้กับจุดเกิดเหตุก่อนระเบิดขึ้นไม่นานมากหนัก โดยระยะเวลาห่างของการระเบิดทั้งสองครั้งห่างกันประมาณ 30 นาที หลังเกิดระเบิดยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคนร้ายหนีไปในทางไหน และยังไม่ทราบชื่อหรือที่อยู่ชัดเจน

ส่วนการจุดชนวนระเบิดในครั้งนี้ พบเศษชิ้นส่วนของนาฬิกาดิจิตอลตกอยู่ แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่าใช้เป็นตัวจุดชนวนหรือแค่ต้องการตบตาเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เฝ้าจับตากลุ่มที่เคยก่อเหตุโดยใช้ระเบิดชนิดไปป์บอมจำนวน 2-3 กลุ่ม แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุล่าสุดมีส่วนเชื่อมโยงหรือไม่ และทำงานให้บุคคลใด แต่เชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้มีการวางแผนและทำงานอย่างเป็นขบวนการ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมตัวโดยเร็วที่สุด
-----------------------
โฆษก ตร. ชี้ ต้นตอเผยแพร่แถลงการณ์อยู่ต่างจังหวัด ยังไม่ชัดกลุ่มไหน - เร่งเจรจาทางการทูตกับนิวซีแลนด์ จับตัว "ตั้ง อาชีวะ" 

พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบติดตามจับกุมผู้เผยแพร่แถลงการณ์ปลอมจากสำนักพระราชวัง ฉบับที่ 13 ว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้ามากแล้ว โดยสามารถรู้ต้นตอการส่งต่อหรือเผยแพร่ครั้งแรกแล้ว โดยเป็นการเผยแพร่ผ่านทางโชเชียลมีเดีย ทั้งทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก เมื่อกลางดึกของคืน วันที่ 2 ก.พ. ในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ยังไม่ทราบว่าผู้เผยแพร่เป็นกลุ่มใด หรือบุคคล และจุดประสงค์เพื่ออะไร ส่วนการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้น ก็ยังไม่พบว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเครือข่ายบรรพตแต่อย่างใด

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวถึงการติดตามจับกุมตัว นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ที่ยังหลบหนีอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ว่า ได้มีการประสานและหารือในเบื้องต้นกับทางสถานทูตของนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยแล้ว เพื่อขอเจรจาใช้ช่องทางทางการทูต เนื่องจากไทยกับนิวซีแลนด์ไม่มีสนธิสัญญาขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
---------------------
โฆษก ตร. เผย ศาลอนุมัติหมายจับมือบึ้มพารากอนแล้ว - เร่งตรวจสอบมือแพร่แถลงการณ์ปลอม 

พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีวางระเบิดบนทางเชื่อม BTS สยาม ว่า ขณะนี้ได้ออกหมายจับคนร้ายชาย 2 คนแล้ว ซึ่งแน่ใจว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยทั้ง 2 คนนี้ถือถุงสีส้มเข้าไปทางด้านหลังของจุดที่เกิดระเบิด คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดไปป์บอม คนที่ใส่เสื้อสีขาวคนแรกเป็นคนวางหน้าห้างพารากอนและคนที่ใส่หมวกสีดำเป็นคนวางที่บริเวณจุดบริการประชาชน

ทั้งสองคนนี้ได้ออกจากที่เกิดเหตุประมาณ 30 นาที ก็เกิดระเบิด ไม่ทราบว่าการจุดชนวนระเบิดนั้นเป็นแบบใด พบเพียงเศษนาฬิกาดิจิตอลเท่านั้นที่ตกอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุแต่ไม่ได้ชี้แน่ชัด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มใดแต่คาดว่าน่าจะมีการทำงานกันเป็นทีม และมีกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ทำระเบิดนี้อยู่ 2-3 กลุ่มด้วยกันที่ต้องตรวจสอบดูอีกที

ส่วนข้อหาคือร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิด พกอาวุธไปในที่สาธารณะ และการออกหมายจับเป็นเพียงการประกาศโดยใช้ภาพเท่านั้น

ส่วนเรื่องของแถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมที่ปล่อยออกมาในวันที่ 2 ก.พ. 58 ช่วงเวลา 21.00 น. นั้น ขณะนี้ทราบผู้ที่ปล่อยแถลงการณ์ปลอมเบื้องต้นแล้ว และกำลังขยายผลเพิ่มเติม ส่วนเป็นใครนั้นยังไม่ขอเปิดเผย จะทราบว่าใครเป็นผู้ปล่อยออกมาในเร็ว ๆ นี้
-------------------
ดีเอสไอ เผย คดีระเบิดพารากอนทำงานร่วมกับ สตช. ไม่ยันเอี่ยวคดีมีนบุรี สมานเมตตาแมนชั่น ระบุยังไม่มีการรื้อคดีเก่า 

นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยถึงกรณีเหตุระเบิดบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่า กรณีดังกล่าว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักที่เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการสืบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ว่ากรณีดังกล่าวจะมีความเชื่อมโยงกับคดีพิเศษคดีเก่า ๆ ของดีเอสไอหรือไม่ ส่วนข้อสงสัยที่ว่าเหตุดังกล่าวจะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในย่านมีนบุรีและคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ รวมถึงยังไม่ได้มีการรื้อคดีแต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้เป็นเพียงการทำงานร่วมกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อสืบสวนรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานในคดีเท่านั้น แต่หากการสืบสวนพบว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับคดีพิเศษคดีใด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและดีเอสไอก็ต้องประสานงานกันอีกครั้ง

แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ในการทำงานและติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอีกสักระยะหนึ่งด้วย
------------------
รวบนักดนตรีทำแถลงการณ์ปลอมเผยแพร่ ฟัน 2 ข้อหา หมิ่นสถาบันและ พ.ร.บ.คอมฯ - โฆษก ตร. เตรียมแถลงรายละเอียด

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ที่ทำแถลงการณ์ปลอมสำนักพระราชวัง ฉบับที่ 13 และมีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมาได้แล้ว โดยเป็นหนุ่มจังหวัดเพชรบูรณ์ มีอาชีพเป็นนักดนตรี และตอนนี้เจ้าหน้าที่คุมตัวสอบสวนอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เบื้องต้น เตรียมดำเนินคดี 2 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดความ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยจะมีการแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง
--------------------
ผบช.น. เผย คืบหน้าคดีระเบิดทางเดินสยามพารากอน หลังศาลอนุมัติหมายจับ เร่งติดตามจับกุมตัวแล้ว

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุมความคืบหน้า คดีลอบวางระเบิดบริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัยตามกล้องวงจรปิดแล้ว 2 ราย ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรถแท็กซี่ ที่คาดว่าผู้ต้องสงสัยใช้เป็นพาหนะในการหลบหนี ซึ่งก็พอทราบข้อมูลแล้วบางส่วนแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ด้านการตรวจสอบผู้ต้องหาที่เคยก่อเหตุมาก่อนหน้านี้ ก็เร่งตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ยังไม่พบว่ามีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ด้านรูปร่าง ลักษณะท่าทางผู้ต้องสงสัยที่พบในกล้องวงจรปิด มีส่วนคล้ายกับผู้ต้องหาที่เคยก่อเหตุมาก่อนหน้านี้อยู่บ้าง แต่จะใช้หรือไม่อย่างไรนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะลักษณะของการก่อเหตุในลักษณะนี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ตั้งแต่มีการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งต้องทำการตรวจสอบต่อไป

ในส่วนการเพิ่มมาตรการในการดูแลพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดเหตุระเบิดนั้น ทางกองทัพได้มีการเรียกประชุมหารือด่วน เพื่อหาวิธีการดูแลป้องกัน โดยให้มีการเพิ่มมาตรการดูแลให้มากยิ่งขึ้น มีสายตรวจคอยตระเวณตรวจตามจุดเสี่ยงต่างๆ ในพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างสม่ำเสมอ

โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยังกล่าวอีกว่า มั่นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน เพื่อคืนความสุขและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทุกคน
-------------------------
ผบ.ตร. เผย หนุ่มเพชรบูรณ์ ปลอมแถลงการณ์ เป็นแนวร่วม นปช. แค่เผยแพร่ต้นตอทำในประเทศ 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ภายหลังสอบปากคำ นายกฤษณ์ บุดดีจีน อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 ถ.สามัคคีชัย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่แถลงการณ์ปลอมสำนักพระราชวัง ฉบับที่ 13 ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ซึ่งทำงานและช่วยหัวหน้าแกนนำ นปช.จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งยังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ อยู่ในพื้นที่ เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโพสต์ข้อเอกสารดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เป็นคนทำแถลงการณ์ขึ้นมาโดยรับมาจากแนวร่วม นปช.อีกคน และเจตนาโพสต์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นข้อมูลใหม่ จึงต้องการเผยแพร่ไปยังสมาชิกในเฟซบุ๊กที่มีอยู่กว่า 4 พันคน ให้รับทราบ ส่วนข้อเท็จจริงผู้ต้องหาจะเกี่ยวข้องอย่างไรนั้น กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยลิงค์กับทวิตเตอร์ในชื่อ NessOishii เมื่อเวลาประมาณ 21.33 น. ซึ่ง
จากหลักฐานที่ตรวจสอบพบว่า นายกฤษณ์ เป็นผู้เผยแพร่ต่อเอกสารดังกล่าวในระดับต้นๆ ส่วนผู้ผลิตหรือปลอมแปลงเอกสารขึ้นมานั้น ยังไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด แต่จากการตรวจสอบ URL พบ

ว่ายังอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ตามกฎอัยการศึก เป็นเวลา 7 วัน ส่วนข้อหาเบื้องต้น เตรียมดำเนินคดีข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นำเข้าข้อมูลหรือเอกสารเท็จ
///////////
แม่น้ำห้าสาย

"คำนูณ" เผย "บวรศักดิ์" นำ รอง ปธ. กมธ.ยกร่าง, โฆษกฯ และ เลขาฯ เข้าร่วมประชุมแม่น้ำ 5 สาย รายงานความคืบหน้า

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า การประชุมร่วมแม่น้ำ 5 สาย ในวันนี้ ในส่วนของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะมีตัวแทนเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เลขานุการ และโฆษกฯ ซึ่งจะรายงานความคืบหน้าของการยกร่างรัฐธรรมนูญที่แล้วเสร็จกว่าร้อยละ 50 ให้กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี สปช. สนช. รับทราบ

ทั้งนี้ นายคำนูณ ระบุว่า ยังไม่มีข้อติดขัดในการทำงานและการยกร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่ ข้อเสนอให้ตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวงของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น ทางคณะกรรมาธิการฯ ยังไม่ได้หารือกันในเรื่องดังกล่าว แต่คิดว่ารูปแบบของศาลนี้ สอดคล้องกับแนวทางของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ในการจัดตั้งศาลวินัยการคลังและงบประมาณในศาลปกครอง ซึ่งประธานกรรมาธิการยกร่างได้อธิบายในเรื่องดังกล่าวไปแล้วว่า การจัดตั้งศาลวินัยการคลังและงบประมาณ ในศาลปกครอง เพื่อเพิ่มช่องทางในการดำเนินการกับนักการเมือง ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงที่ทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและงบประมาณของแผ่นดิน ซึ่งจะช่วยอุดช่องว่างการดำเนินคดีทุจริตที่ปัจจุบันมีอยู่ 2 ช่องทาง คือการถอดถอนและการดำเนินคดีอาญา โดยศาลวินัยการคลังและงบประมาณที่ตั้งขึ้นใหม่นั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สามารถยื่นฟ้องตรงได้โดยตรง
------------------
"วิษณุ" แจงรายละเอียด กม.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พร้อมวิธีดำเนินการ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นประธานการแถลงข่าว เรื่อง พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นเหมือนกฎหมายกลางที่จะกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต การจัดให้มีช่องทางในการรับคำขอ ณ จุดเดียว และให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขออนุญาตกับประชาชน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระให้แก่ประชาชนในการขอรับบริการจากภาครัฐ โดยมี นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.) รักษาราชการแทน เลขาธิการ ก.พ.ร.และผู้บริหาร ก.พ.ร. เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
-------------------------
"วิษณุ" ชี้ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ มุ่งเน้นบริการ ปชช. แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงหลักการของพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ว่า หลักการของกฎหมายฉบับนี้

คือ

1. ได้มีการบังคับให้ทุกส่วนราชการ ทำคู่มือประชาชนในการติดต่อราชการและเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ
2. กรณีที่เจ้าหน้าที่ต้องการขอเอกสารเพิ่มเติมจากประชานชนสามารถขอได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น
3. การขอพิจารณาอนุญาตต้องอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
4. ส่งเสริมทุกกระทรวงจัดตั้งศูนย์ one stop service center หรือ ศูนย์บริการร่วมและศูนย์รับคำขออนุญาตเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

ทั้งนี้ หน่วยงานราชการจะต้องทำคู่มือหรือชี้แจงไว้ในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในการขอเอกสาร โดยจะนำร่องในกรมที่มีประชาชนใช้บริการมากที่สุด 10 กรม จาก 150 กรมก่อน ซึ่งในการดำเนินการ

หากมีเอกสารนอกเหนือจากคู่มือหน่วยงานราชการมีสิทธิเรียกร้องขอได้เพียงครั้งเดียว มิเช่นนั้นจะถือว่ามีความผิด และเอกสารดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาของ ก.พ.ร. และให้ ครม.ตรวจสอบด้วย โดยจะต้องตัดเอกสารที่ไม่จำเป็นออก

อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ ยังกล่าวอีกว่า เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะสามารถปฏิรูประบบราชการได้ในระดับหนึ่ง และสามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ ขณะเดียวกันประชาชนจะได้รับความสะดวกในการติดต่อและเจ้าหน้าที่ราชการจะมีความจริงใจในการบริการมากขึ้น
----------------------
"วิษณุ" ระบุ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาต เป็น 1 ในกระบวนการปฏิรูประบบราชการ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย แถลงข่าวเรื่อง พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ว่า กฎหมาย พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ถือเป็นกฎหมายหนึ่งในการปฏิรูประบบราชการ และมีความพยายามที่จะเสนอเพื่อจัดทำกฎหมายนี้ในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ติดขัดด้านความร่วมมือกับภาครัฐ

ทั้งนี้ รัฐบาลจึงได้เสนอกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายแรก ๆ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน

อย่างไรก็ตาม ประชาชนจะต้องมีการติดต่อกับราชการจำนวนมาก โดยสามารถแบ่งเรื่องในการติดต่อได้ 2 ประเภท คือ การขออนุญาตในการประกอบอาชีพ และการติดต่อเพื่อขอดำเนินการบางอย่าง อาทิ การขอสร้างบ้าน เป็นต้น
---------------------
"อลงกรณ์" มั่นใจพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย ชัดเจนในช่วงสิ้นเดือน ก.ค.นี้ ย้ำ ปฏิรูปเร็ว คือภารกิจที่สำคัญ

นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ วิป สปช. กล่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมวิป สปช. ว่า ที่ประชุมจะพิจารณาระเบียบวาระการประชุม โดยเฉพาะรายงานชุดที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติวิสาหกิจเพื่อสังคม รวมทั้งจะมีการหารือก่อนที่จะเข้าร่วมประชุมแม่น้ำทั้ง 5 สาย ในช่วงบ่ายวันนี้ โดย สปช. จะรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งจะมีความชัดเจนในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ รวมทั้งรายงานเรื่องวิสัยทัศน์ประเทศไทย ระบบการประสานงานและการสื่อสารระหว่าง สปช. กับแม่น้ำทั้ง 4 สาย ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานฝ่ายรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล ได้หารือกันเบื้องต้นในเรื่องของการทำงานร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรีกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

อย่างไรก็ตาม ส่วนในเรื่องของโครงสร้างการปฏิรูปเร็วนั้น เป็นภารกิจสำคัญที่ สปช. ต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
------------------------
ตำรวจ-ทหาร ดูแลความปลอดภัยเข้มงวด ประชุมแม่น้ำ 5 สาย ติดตามความคืบหน้าตามแผนโรดแมป 

บรรยากาศก่อนการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ที่ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้จัดการ

ประชุมขึ้นที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี เวลา 13.30 น. โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าแผนโร

ดแมปรายละเอียดการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ให้เกิดปัญหาในการนำส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยจะเสนอร่างแรกในเดือนเมษายนนี้ และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2558 แต่ยัง

ไม่ได้ข้อสรุปการทำประชามติ เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ว่าจะต้องทำประชามติ ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด มีทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ คอยดูแลบริเวณโดยรอบ
------------------------------
สปช. ตั้ง คกก.ประสานงานร่วมรัฐบาล-สนช.-กมธ.ยกร่างฯ นัดประชุมครั้งแรก 11 ก.พ. นี้ 

นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ วิป สปช. เปิดเผยผลการประชุมว่า นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ได้ชี้แจงเรื่องการประสานงานกับ

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยตั้งคณะกรรมการประสานงาน
เพื่อทำงานร่วมกัน และจะเริ่มประชุมร่วมกันในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนการประชุมร่วมกันกับแม่น้ำทั้ง 5 สายวันนี้ นายเทียนฉาย ในฐานะประธาน สปช. จะชี้แจงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับการดำเนินงานของ สปช.ในภาพรวมว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง และขณะนี้มีเรื่องใดบ้างที่ยังอยู่ระหว่งดำเนินการ
----------------------------
ประชุมแม่น้ำ 5 สาย เริ่มแล้ว นายกฯ เป็นประธาน ตัวแทนแต่ละฝ่ายเข้าร่วมพร้อมเพรียง รปภ.เข้ม งดสื่อ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาเป็นประธานการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ครั้งที่ 2 ซึ่งขณะนี้ มีตัวแทนของแต่ละฝ่ายทยอยเดินทางเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพียง อาทิ พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างฯขณะที่การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจดูแลรอบพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าติดตามการประชุม ให้เพียงเก็บภาพก่อนเริ่มต้นประชุมเท่านั้น
------------------------------
"อลงกรณ์" เผย สปช. เตรียมนำรายงานศึกษา วิสาหกิจเพื่อสังคม ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เข้าพิจารณาสัปดาห์หน้า

นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ วิป สปช. ระบุถึงแผนแม่บทที่จะเสนอต่อแม่น้ำทั้ง 5 สาย ที่จะครอบคลุมกระบวนการปฏิรูปประเทศ และการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง สปช. ได้จัดทำแผนแม่บทการปฏิรูปประเทศ 3 ระยะ ประกอบด้วย การดำเนินการตามกรอบโครงสร้างการปฏิรูป ซึ่งต้องแล้วเสร็จใน 1 เดือนแบบแม่บทการปฏิรูปโครงสร้างและระบบ ซึ่งต้องแล้วเสร็จใน 3 เดือน  และแผนแม่บทการปฏิรูปด้านกฎหมาย ซึ่งต้องแล้วเสร็จใน 6 เดือน โดยแผนแม่บททั้ง 3 ระยะ จะต้องเสร็จก่อนวันลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

โดยในวันที่ 9 ก.พ. นี้ จะมีการบรรจุวาระสำคัญเรื่องการรายงานของคณะกรรมการศึกษาและจัดทำรายงานเรื่อง วิสาหกิจเพื่อสังคม พร้อมทั้งร่างกฎหมายเรื่องการรายงานการศึกษาวิจัย เรื่องวิสาหกิจ
เพื่อสังคมและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการนำกลไกการบริหารจัดการของภาคเอกชนที่มีประสิทธิภาพมาใช้จัดการองค์กร โดยมีวัตถุประสงเพื่อมุ่งนำผลกำไรไปช่วยเหลือสังคม ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการปฏิรูปที่เป็นประโยชน์ในการออกนโยบาย และการริเริ่มเชิงยุทธศาตร์
-----------------------------
นายกฯ เปิดการประชุม แม่น้ำ 5 สาย ระบุ เป็นโอกาสดี ในการได้พบปะหารือกัน เพื่อติดตามความคืบหน้าตามโรดแม็ป

บรรยากาศการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ครั้งที่ 2 ที่สโมสรทหารบกวิภาวดี ซึ่งประกอบด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะ

กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุดอยู่ในระหว่างการประชุม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมว่า ถือเป็นโอกาสดีในการพูดคุยร่วมกันระหว่างแม่น้ำทั้ง 5 สาย

โดยในวันนี้จะติดตามความคืบหน้าในการทำงานตามโรดแมปของ คสช.และรัฐบาล เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย นำไปสู่การสร้างประชาธิปไตยที่ถูกต้องยึดหลักสากล อีกทั้งได้รับการยอมรับ

จากทุกฝ่าย โดยการประชุมในครั้งนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์และหาข้อตกลงร่วมกัน และให้ทุกฝ่ายรายงานความคืบหน้าของแต่ละกลุ่ม รวมทั้งเสนอปัญหาที่พบให้

ที่ประชุมรับทราบ
------------------------
"พล.อ.ประวิตร" เชื่องานเสร็จตามโรดแมป มท.1 ห่วงร่าง รธน.ใหม่ บางเรื่องทำยาก

ภายหลังจากการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญแล้ว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า การประชุมวันนี้ ถือเป็นการทำความเข้าใจการทำงานร่วมกันของแม่น้ำทั้ง 5 สาย และเชื่อว่างาน
จะเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ ขณะเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในส่วนของคณะรัฐมนตรี ได้นำเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญเข้ามาหารือในที่

ประชุม ซึ่งมีความกังวลกับบางข้อเสนอที่เป็นไปได้ยาก สำหรับข้อเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ที่เสนอมายังคณะรัฐมนตรี และรัฐบาลนั้น ไม่ใช่มติ แต่ สปช. มีหน้าที่เสนอมาอยู่แล้ว
---------------------
"คำนูณ" เผย นายกฯ เน้นยกร่าง ม.ค. - มี.ค. ให้ฟังความเห็นประชาชน ยังไม่มีการพูดถึงประชามติ

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ว่า เป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่ง

ชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 โดยในวันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม เนื่องจากเป็น 3 เดือนแรก ที่มีการว่างเว้นการพิจารณา เพราะ

ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย

นอกจากนี้ ประธาน สนช. ได้เสนอให้กรรมาธิการยกร่างฯ ส่งร่างรัฐธรรมนูญ ให้ สนช.พิจารณา ภายหลังจากที่พิจาณาแล้วเสร็จในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งประธานกรรมาธิการยกร่างฯ ก็รับข้อเสนอ

ดังกล่าวไปหารือในที่ประชุมต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมครั้งนี้ ไม่มีการพูดคุยถึงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แต่อย่างใด

///////////
ถอดถอน269ส.ส.

"ปานเทพ" คาดสรุปคดีถอดถอนอดีต ส.ส. 269 รายเข้าที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. ได้ ภายในกลางเดือนนี้ พร้อมเสียบบัตรแทนกัน  

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะทำงานในคดีถอดถอนอดีต ส.ส. 269 ราย จากกรณีแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ

ประเด็นที่มาของ ส.ว. โดยมิชอบ ได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มความผิด ซึ่งคาดว่าคณะทำงานจะสามารถสรุปคดีเข้าที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.
พิจารณาได้ภายในกลางเดือนนี้ หลังจากนั้นจึงจะส่งเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติดำเนินการต่อไปทั้ง 3 กลุ่มความผิด

ส่วนกรณีการดำเนินคดีอาญากับ ส.ส. ที่เสียบบัตรแทนกันนั้น ก็คาดว่าจะสรุปเข้าที่ประชุม ป.ป.ช. ในช่วงเดียวกัน เพื่อให้ ป.ป.ช. พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป โดยในกรณีดังกล่าวจะมี ส.ส. ที่

ถูกดำเนินการทั้งในส่วนของการถอดถอนและดำเนินคดีอาญาด้วย
-------------------
หัวหน้าคณะทำงานอัยการเผยอยู่ในช่วงร่างคำฟ้องคดีโกงรับจำนำข้าวใกล้แล้วเสร็จก่อนส่งฟ้องต่อศาลฎีกานักการเมือง

นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานการร่างคำฟ้องดำเนินคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ฐาน

ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)

มาตรา 123/1 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า คณะนี้คณะทำงานยังอยู่ในขั้นตอนการร่างคำฟ้องอยู่ แต่ยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่นอนได้ว่าแล้วเสร็จเมื่อไหร่ขึ้น

อยู่กับคณะทำงาน แต่คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานก็จะแล้วเสร็จ หากเมื่อทางคณะทำงานร่างคำฟ้องเสร็จแล้ว ก็จะส่งให้ อสส. ตรวจคำฟ้องก่อน ประสานให้ ป.ป.ช. นำตัวมาฟ้องต่อศาลฎีกาฯ นักการ

เมืองต่อไป
//////////////
ต่างประเทศ/มั่นคง

ผู้ช่วย ผบ.ทบ. สนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หวังเพิ่มยุทโธปกรณ์ทันสมัย

พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการวิจัยและพัฒนาระหว่างกองทัพบก กับสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา

ซึ่งการลงนามเพื่อประสานความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศและการดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

ขณะเดียวกันเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศโดยการทดแทนและลดการพึ่งพาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากต่างประเทศ เนื่องจากได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีทางการ

ทหารที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยและยุทโธปกรณ์ให้มีความทันสมัย และสามารถเผชิญกับภัยคุกคามและยุทธศาสตร์การป้องกัน

ประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
//////////////////

รมต.สำนักนายก ประสานทุกหน่วยงาน ส่งเอกสารผลงานให้กรมประชาสัมพันธ์ เผยเเพร่สู่สาธารณะ

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือไปยังทุกกระทรวงและหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำเอกสาร

สรุปผลการดำเนินงานตามภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และการให้บริการประชาชน ตลอดจนผลงานตามแนวนโยบายรัฐบาลที่สมควรเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบโดยขอให้

ทุกกระทรวงและหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดส่งให้กรมประชาสัมพันธ์ทุกต้นสัปดาห์ สำหรับในส่วนภูมิภาคให้จังหวัดจัดส่งให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจารณาดำเนินการ

เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแก่สาธารณชนได้ทราบ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และเพื่อการรายงานข้อมูลข่าวสารของทางราชการอย่างเป็นระบบและมีเอกภาพ

ระเบิดที่สยามพาราก้อนอาจเกิดจากกลุ่มไหนได้บ้าง?

ที่มา : บอร์ด Dangdd.com

มีคนวิเคราะห์ว่า ระเบิดที่สยามพาราก้อนนั้น อาจเกิดขึ้นได้จากมากมายหลายกลุ่ม

1. ทหารและรัฐบาลทำเอง เพื่อเป็นข้ออ้างในการไม่ยอมยกเลิกกฎอัยการศึก ประยุทธออกมาพูดเองแล้วนะครับ ว่าใครคิดแบบนี้มีสมองน้อย ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลไม่ได้ทำแน่นอน แต่อีกแง่หนึ่งมันกลับแสดงว่า มีคนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลแน่

2. กลุ่มต่อต้านรัฐบาลฝ่ายอื่นที่ร่วมมือกันมา แต่ไม่ได้ผลประโยชน์พอเพียงในการรัฐประหารทำ เพื่อให้รู้ว่าพวกตนไม่พอใจ เช่น รัฐบาลไม่ให้พวกตนเองเข้ามาร่วมบริหารประเทศหลังการรัฐประหารเลย ต้องออกมาแสดงแสนยานุภาพ ให้รู้ว่าไม่แฮปปี้นะ และควรรู้ว่าพวกเขายังมีพลังสร้างสถานการณ์วุ่นวายอยู่

3. กลุ่มเสื้อแดงใต้ดินทำ อันนี้ก็เป็นไปได้อีก เพราะการที่รัฐบาลควบคุมคนเสื้อแดงไม่ให้หืออย่างเข้มงวดนั้น ไม่ได้หมายความว่าทำได้ทุกคน เพราะเสื้อแดงมีเยอะ ทหารก็ได้เฉพาะควบคุมระดับหัว ๆ จะจัดการคนเป็นล้านคนให้ครบถ้วนนั้นไม่ง่าย ที่เอามาปรับทัศนคติหรือวิธีอื่นนั้นเพื่อทำเป็นตัวอย่างและป้องปราม จะทำทั้งหมดคงลำบาก เพราะการจัดการคนหนึ่งคนต้องมีคนอย่างต่ำก็ห้าคน

4. กลุ่มการเมืองที่มีพลังด้านนี้ แต่ไม่ใชพวกเดียวกับรัฐบาลและไม่ใช่กลุ่มที่ร่วมมือกันมาก่อนจนเกิดการรัฐประหารทำ เป้าหมายอาจจะต้องการแสดงว่ากฎอัยการศึกนั้นไม่ได้ทำให้ทุกอย่างสงบจริง อย่างที่บรรดาสมุนเผด็จการทั้งหลายทั้งพวกเนติบริกร โฆษกรัฐบาล สมุนอำมาตย์ สนช. ฯลฯ พยายามออกมาแถกันเป็นแถว ๆ ว่าทำให้บ้านเมืองสงบ เพื่อเถียงกับรัฐบาลสหรัฐที่ส่งคนมาเรียกร้องให้เลิก ทั้งที่วิญญูชนเขาอ่านออกว่าที่ต้องมีกฎอัยการศึกไว้เพราะไม่มั่นใจสถานการณ์ดำรงอำนาจรัฐบาลทหารเท่านั้น

5. มีคนทำเพื่อย้ำกับรัฐบาลเผด็จการและกลุ่มสายอำมาตย์ที่เริ่มกังวลกับท่าทีของอเมริกากันหนักในวันนี้ว่า ไม่ได้พูดเล่น ๆ เรื่องที่คนใกล้ชิดโอบาม่าเข้ามาอัดเองเที่ยวนี้ กลุ่มนี้พอทำเสร็จวันนั้นก็คงออกนอกประเทศไปแล้ว และอย่าไปคิดว่าคนทำงานด้านนี้จะมีแต่ฝรั่ง สัญชาติอื่นก็มีที่ฝรั่งฝึกไว้พร้อมทำงานแบบนี้

สรุปก็คือ "โจทก์เยอะ" และ "ปวดเฮด" อย่างหนัก จนฝ่ายความมั่นคงถึงกับประชุมเครียดกันเรื่องนี้วุ่นไปหมดว่ามันจะเกิดอีกหรือไม่ ที่ไหน เมื่อไหร่?

รัฐสภารัสเซียมีมติทวงค่าปฏิมากรรมสงครามโลกครั้งที่สองจากเยอรมัน

รัฐสภารัสเซียมีมติทวงค่าปฏิมากรรมสงครามโลกครั้งที่สองจากเยอรมัน
-----------
เอาละสินึกไม่ถึงว่าปูตินจะงัดไม้นี้ออกมาตอบโต้ยุโรปอ่ะ เล่นทวงหนี้กันดื้อๆเลย สำนักข่าวต่างประเทศทั่งฝั่งยูเครนและรัสเซียลงข่าวเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.58) ว่า สภาล่าง (State Duma) ของรัสเซียกำลังคำนวณเงินที่จะใช้เรียกร้องค่าปฏิกรรมสงคราม (reparations) สมัยสงครามโลกครั้งที่2 (World War II) จากรัฐบาลประเทศเยอรมันนี (ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Izvestia ของรัสเซีย) เยอรมันนีได้จ่ายเงินเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลล่าให้กับประเทศอิสราเอลในปี 1952 ภายใต้ข้อตกลงชดเชยอาชญากรรมสงครามนาซี แต่กลับไม่ได้จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้กับสหภาพโซเวียตเลยแม้แต่น้อย ก็เล่นบีบกันมากนักนี่ งานนี้พี่หมีปูตินก็งัดไม้เด็ดออกมาทวงซะเลย เพราะว่าสมัยก่อนโซเวียตก็ช่วยยกกองทัพไปปราบนาซีของฮิตเลอร์เป็นจำนวนมากเช่นกันเสียทั้งกำลังพลและอาวุธไปไม่น้อย ยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะที่แล้วมาปล่อยให้เยอรมันฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ก่อนจึงยังไม่ทวงหนี้ แต่พอฟื้นได้แล้วจะมาแว้งกัดซะนี่ งานนี้ต้องมีทบต้นทบดอกกันบ้างแล้ว ตอนนี้ทางสภาของรัสเซียยังคำนวณตัวเลขไม่เสร็จเลยนะ ฝ่ายเยอรมันก็ยังเงียบๆ อยู่ ก่อนหน้านี้หละแหม ต้องคว่ำบาตรรัสเซียต่อ แต่เมื่อวานนี้เห็นนายกฯของเยอรมันแถลงข่าวว่าจะไม่สนับสนุนด้านอาวุธให้กับยูเครนเพื่อนำไปต่อสู้กับรัสเซีย อ้อ… มันเป็นเพราะเหตุนี้นี่เองรึ เจ้นี่ก็ใช่ย่อยนะนี่เจอบททวงหนี้เข้าไปรีบถอยเชียว


ปิง วัง ยม น่าน รวมเป็น เจ้าพระยา


ปิง วัง ยม น่าน รวมเป็น เจ้าพระยา
บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ แถลงหลังคุยแม่น้ำ5สาย ครม.-คสช.-สนช.-สปช.-กมธ. ยกร่างรธน. เพื่อหารือการเดินหน้าตาม โรดแมพ นานกว่า 3 ชม. เผยมาในฐานะหน.คสช.ยันทั้ง5สายลงเรือลำเดียวกันแล้ว จะเลี้ยวซ้าย-ขวาก็ต้องไปด้วยกัน
เปรียบ แม่น้ำ5สาย ปิง วัง ยม น่าน รวมเป็นเจ้าพระยา สายเลือดใหญ่ของคนไทย วอนเลิกสู้กันได้แล้ว เพื่ออนาคตลูกหลาน เตือนสื่อเสนอข่าวพาดหัวดีๆนะ ไม่มีขัดแย้ง ยัน ยกร่าง รธน.เสร็จ เม.ย.นี้ คาดทุกอย่างเป็นไปตาม โรดแมพ เลือกตั้งต้นปีหน้าตามกำหนด ยันไม่ไล่ล่าใคร ยึดตามกระบวนยุติธรรม เผย วันนี้ อารมณ์ดี ฟังทุกสาย ทำหน้าที่ของตนเอง ผมแกล้ง อารมณ์เสีย ไม่ใช่อารมณ์เสียจริงๆหรอก ผมคนตลก นะ