PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ลงเรือแป๊ะต้องฟังแป๊ะ


ลงเรือแป๊ะ.....
ฟัง หัวหน้าคสช.ชื่นชมแม่น้ำ 5 สาย ชี้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เลี้ยวไหนก็ไปด้วยกัน ไม่มีสวนกระแสน้ำ มั่นใจ เม.ย.ได้ร่างรัฐธรรมนูญ เลือกตั้งตามกรอบเวลา อารมณ์ดี แค่แกล้งหงุดหงิด
ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมแม่น้ำ 5 สาย โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า ขอเรียนก่อนเดี๋ยวจะไปพาดหัวข่าวกันเสียหายไม่ได้ วันนี้ผมมาในฐานะเป็นหัวหน้า คสช. นี่คือหน้าที่หลัก อาชีพหลักขอผมมาติดตามความก้าวหน้าโรดแมปของ คสช. ซึ่งจะพูดถึงการขับเคลื่อนของรัฐบาลในปัจจุบัน เรื่องความก้าวหน้าของ สนช. ในการออกกฎหมายที่สำคัญเร่งด่วน และเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญว่าไปถึงไหนอย่างไร ซึ่งได้มีข้อสังเกต ข้อพิจารณากัน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นชอบ อย่างนั้นไม่ใช่
"เราเป็นเหมือนกับลงเรือลำเดียวกันแล้ว คือต้องคัดท้ายและไปกันให้ราบรื่น โดยที่ไม่สวนกระแสน้ำ ไม่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ทำให้การไปสู่จุดมุ่งหมายมันช้าจนเกินไป วันนี้ไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไรเลย
ผมขอชื่นชมทั้ง 5 คณะ คสช. ก็มีข้อเสนอแนะ ข้อสังเกตมามากมาย ในส่วนของรัฐบาลก็มีข้อเสนอข้อสังเกตมา และในส่วนของ สนช. สปช. รวมถึงคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็มีความก้าวหน้า วันนี้เป็นเพียงโจทย์ทุกเรื่อง และต่อไปจะต้องนำไปตกผลึกว่าจะแค่ไหนอย่างไร โดยเอาข้อสังเกตของแต่ละส่วนแต่ละฝ่ายไป
"วันนี้ไม่มีข้อบกพร่องใดๆเลย ผมเป็นหัวหน้า คสช. มีความสบายใจที่มีความก้าวหน้าอย่างนี้ เพียงแต่เรามาจัดลำดับความเร่งด่วนว่า อะไรที่จะทำให้เร็ว และอะไรที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมกับรัฐบาล วันนี้มันต้องไปด้วยกัน ไม่มีขัดแย้งกันอยู่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเปิดเผยข้อเสนอและข้อสังเกตของ คสช. และรัฐบาล ได้หรือไม่ว่าเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า ได้ สิ่งสำคัญผมได้ย้ำหลักการเดิมของ คสช.ว่าเราจะไม่ไปสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม และทำอย่างไรจะทำให้เกิดบรรยากาศเอื้อต่อการปฏิรูปได้ ฉะนั้นอะไรที่ยังไม่ได้ข้อยุติควรต้องหารือเพิ่มเติม
สื่อคงต้องช่วยเรา ประชาชนก็อย่าเพิ่งไปเดือดร้อน รวมทั้งนักการเมือง อดีตนักการเมืองอย่าเพิ่งไปเดือดร้อน ว่ากฎหมายนี้จะออกมาอย่างโน้นอย่างนี้ อย่าเพิ่งไปวิเคราะห์วิจารณ์เพราะยังไม่จบขั้นตอนกระบวนการ ยังเป็นแนวความคิด ฉะนั้นสิ่งที่ต้องชื่นชมพวกเราคือ การที่ไม่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ปิดกั้นแนวความคิดของกลุ่มต่างๆในการปฏิรูป เพียงแต่หาหนทางเจอกันได้อย่างไร สมมุติว่า 10 เรื่องตรงกัน 8 เรื่อง อีก 2 เรื่องไม่ตรงกันก็หยุดตรงนี้ไว้ก่อน เอา 8 เรื่องมาทำให้ได้ก่อน
เมื่อถามว่ามีข้อห่วงใยอะไรจากแม่น้ำ 5 สายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ข้อห่วงใยของตนเป็นห่วงว่าเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ฉะนั้นประเด็นที่เป็นห่วงคืออะไรที่จะจบสิ้นภายใน 1 ปี และต้องทำให้เสร็จ อะไรเป็นเรื่องการปฏิรูป และจะปฏิรูปต่อกันไปอย่างไร ทำอย่างไรสิ่งที่วางแผนไว้ระยะสั้นระยะยาวจะต่อเนื่อง จะมีกลไกอะไรหรือไม่ ซึ่งตนคงชี้นำไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญและการบังคับใช้ข้อกฎหมาย ซึ่งพวกเราไม่ค่อยถนัดเรื่องของข้อกฎหมาย
วันนี้เราเดินหน้าประเทศด้วยการเอาปัญหาต่างๆที่มีอยู่วันนี้ในอดีตที่ผ่านมา มาแก้ไข ว่าทำอย่างไรให้เกิดความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน ทั้งมิติด้านความมั่นคง ด้านสังคมวิทยา ด้านเศรษฐกิจที่เรากำลังส่งเสริมให้เข้มแข็ง เพื่อไปสู่การแข่งขันให้ได้ในวันข้างหน้า ทั้งหมดไม่สามารถจะทำให้ดีขึ้นในเวลาสั้นๆได้ คือ 1 ปียากที่สุด เช่นการสร้างความเข้มแข็งภาคเศรษฐกิจ ต้องดูตั้งแต่ต้นทางการผลิต ความทันสมัย เทคโนโลยี การสร้างตลาด การใช้ในประเทศ และเรื่องสินค้าเกษตรเราก็ไม่อยากใช้เงินมากมายไปอุดหนุน ซึ่งตนได้อธิบายใจสนช. สปช.เข้าใจว่าวันนี้รัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้างใน 9 ยุทธศาสตร์ และมีการติดตามผลงานอย่างไร เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
นายกฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ได้มีโอกาสพบกับนักธุรกิจญี่ปุ่น เขาบอกว่าที่มาคุยกับเราได้ เพราะเชื่อมั่นรัฐบาล ที่วันนี้มีเสถียรภาพ สร้างบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย ผมก็กังวลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้เขากังวลหรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่กังวล และเห็นว่าเรามีความตั้งใจในการเดินหน้าประเทศ แต่เขาเป็นห่วงว่าวันข้างหน้าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ตนได้เล่าให้ฟังว่า วันหน้าเราก็ต้องสร้างให้ต่างชาติมั่นใจในการมาลงทุน ไม่เช่นนั้นเขาไม่มาลงทุนจะทำอย่างไร เศรษฐกิจเราก็เดินหน้าไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่ตนทำความเข้าใจกับสนช. สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ
" ผมทราบทุกท่านหวังดีหมด เท่าที่ฟังข้อสรุปมาทุกคนมีความหวังดี เอาปัญหาทั้งหมดมาว่ากัน และอยากเห็นประเทศเดินหน้าไปอย่างไรในทุกมิติทุกประเด็น ที่เป็นปัญหา วันนี้เราก็ต้องมาจัดระเบียบกันว่าจะเดินเร็วเดินช้าตรงไหน อะไรก่อนอะไรหลัง อะไรควรจะไปอยู่ที่สนช.ทำกฎหมายออกมาให้ทัน ซึ่งเวลานี้เป็นห่วงเรื่องกฎหมายดิจิตอลที่ต้องได้รับการยอมรับด้วยกัน รวมทั้งกฎหมายไซเบอร์ที่ต้องดูเรื่องความมั่นคงด้วย"นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การประชุมร่วมกันครั้งนี้ผมพูดข้อห่วงใยในนามของรัฐบาล ว่าเราจะเดินอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ให้ถูกมองว่าไม่เป็นธรรม หรือกีดกันใคร ทุกอย่างเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ถ้าเป็นกระบวนการยุติธรรมกฎหมายคงมีผลย้อนหลังไม่ได้ ฉะนั้นต้องเอากฎหมายหลักมาว่ากัน หรือจะเป็นกฎหมายแพ่งกฎหมายอาญาก็ว่ากันไป ใครผิดใครถูกก็ว่ากันมา อะไรที่เกิดก่อน 22 พ.ค.57 กฎหมายก็ว่าไป อะไรที่หลัง 22 พ.ค.มาแล้วเราก็จะเดินหน้าประเทศ และไปสู่การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีธรรมาภิบาล นักการเมืองมีคุณภาพ ประชาชนมีความพึงพอใจ ขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยความสงบสุขต่อไป ดูแลชีวิตทรัพย์สินประชาชนให้ได้ทุกหมู่เหล่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลมีความเป็นห่วงประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทำอย่างไรจะลดความเหลื่อล้ำให้เขา แต่ยอมรับว่าอธิบายยาก เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาแก้ปัญหาแบบให้รับเงินอะไรต่างๆไปเลย วันนี้เราทำอย่างไม่ได้ อันนี้ก็ต้องอธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจ จะช่วยเหลือกัน อย่างไรประเทศชาติคับขัน เวลานี้เศรษฐกิจแย่อยู่ ในการประชุมเศรษฐกิจก็ได้สั่งการไปเยอะ ไล่ดูเรื่องงบประมาณ รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งต้องดูว่าเขาอยากจะมาทำหรือไม่ เพราะเวลานี้ขาดแคลนแรงงาน เพราะการก่อสร้างต้องใช้แรงงาน การลงทุนภาครัฐเอกชนวันนี้ร้องขอเพราะขาดแคลนแรงงานหลายหมื่นคนจะทำกันอย่างไร ซึ่งก็ต้องไปดูเรื่องกฎหมายแรงงานต่างด้าว จะจัดหาแรงงานมาเพิ่มอย่างไร วันก่อนไปโคราช ไปเปิดตลาดเขาดีใจข้าวขายได้ราคาดีขึ้น ขายได้มากกว่าปกติ 800 บาท สิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างนี้เราต้องคิดให้เขา ตนสั่งไปเยอะว่าจะดูแลทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างไร ทั้งภาคเกษตร ลูกจ้างเอกชน วันนี้ตนพูดออกสื่อไปแล้ว คนที่รับฟังส่วนใหญ่เป็นคนที่มีเวลา แต่ถ้าเป็นลูกจ้างพนักงานที่ทำงานเป็นกะ ไม่ได้ฟังก็ไม่เข้าใจ ซึ่งตรงนี้ต้องช่วยตนจะทำอย่างไร และคิดว่าเขาคงไปอ่านหนังสือพิมพ์ ฉะนั้นหนังสือพิมพ์ต้องลงว่าเรากำลังทำอะไรให้เขาอยู่ อะไรที่จะสร้างความเข้มแข็งให้เขาทุกภาคส่วน
เมื่อถามว่า เรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญคณะกรรมาธิการยกร่างฯจะส่งร่างได้ภายในเดือน เม.ย.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้ๆ ก็เป็นไปตามกำหนด เผลอๆอาจจะเร็วด้วย เพราะเขาพยายามจะทำให้เร็วเพื่อที่จะมีเวลาซักค้านกัน ปรับปรุงแก้ไขกันอีก เพราะต้องไปเสนอให้สปช. ครม. คสช. ดูอีก ก็พยายามให้เป็นไปตามที่วางไว้
เมื่อถามว่าสรุปว่าวันนี้จะสามารถเดินและจบได้ตามโรดแมปที่วางไว้ได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จบไม่จบ ถามผมอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องไปถามคนมีส่วนร่วมข้างนอกด้วย ว่าวันนี้ทางฝ่ายการเมืองผู้เห็นต่างว่าอย่างไร ที่เขาทำวันนี้เข้าใจหรือเปล่า ว่าประเทศชาติเราเจออะไรกันอยู่ ที่ผ่านต้องยอมรับว่าทุกคนก็มีส่วนในการทำให้เกิดความขัดแย้ง มันจะด้วยถูกหรือผิด อะไรตนไม่รู้ ซึ่งต้องพิสูจน์กันด้วยกระบวนการยุติธรรม และต้องยอมรับในกระบวนการยุติธรรม อย่างน้อยต้องรับบ้าง ถ้าไม่รับเลยแล้วมันจะไปต่ออย่างไร ไปหาความชอบธรรมกันอีก ซึ่งตนก็ทำให้เกิดความชอบธรรมไม่ได้ไปไล่ล่าทั้งที่หลายฝ่ายบอกว่าตนต้องทำให้เต็มที่ แต่ถ้าทำเต็มที่แล้วมันจะสำเร็จหรือไม่ มันจะเกิดความขัดแย้งหรือไม่ก็ไม่ได้ ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเขาดำเนินการไป เป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่า กำหนดการเลือกตั้งจะเป็นต้นปี 59 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำหนดการเลือกตั้งก็ต้องเป็นอย่างนั้น เป็นไปตามกำหนดการ แต่ก็มีเรื่องของกฎหมายลูกซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน รวมถึงการเตรียมการเลือกตั้ง ก็มีกลไกอยู่ ใครจะเป็นหัวหน้าก็แล้วแต่ว่ามา ซึ่งการเลือกตั้งก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ มีส่วนราชการทำอยู่แล้ว เพียงแต่มีใครจะเป็นหัวเท่านั้น
เมื่อถามว่า โดยสรุปการประชุมติดตามความคืบหน้าของแม่น้ำ 5 สายตามโรดแมปเป็นไปด้วยความแฮปปี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ดี ก็ดูหน้าสิยิ้มอยู่ วันนี้อารมณ์ไม่มีอะไร ที่ต้องพูดกันเยอะเพราะเรื่องเยอะ แม่น้ำ 5 สายปิง วัง ยม น่าน ก็ต้องลงมาที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยาคือสายเลือดคนไทยทั้งประเทศ
วันนี้เราต้องมีรัฐธรรมนูญ รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยในอนาคต ตนอยากให้มันทำได้ หากถามว่าจะทำได้หรือไม่ ถ้าจะให้ผมบังคับให้ทำให้ได้ มันไม่ใช่ มันต้องด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย คนไทยในประเทศช่วยไปบอกด้วยว่าพอได้แล้วอย่ามาสู้กันด้วยความรุนแรง สู้กันด้วยระเบิด ลูกหลานอันตรายและเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากทำงาน มันก็เป็นบ่อเกิดการทุจริตผิดกฎหมาย การก้าวก่าย ใช้กำลังในทางไม่ชอบ
เมื่อถามว่าแม่น้ำ 5 สายเป็นห่วงเรื่องอารมณ์ของนายกฯหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ห่วงผมเรื่องอะไร ผมเป็นคนอารมณ์ดีจะตาย จริงๆผมเป็นคนอารมณ์ดี ผมเป็นคนตลก ไม่เห็นหรือเวลาผมตลก พวกคุณก็ตลกผมตลอด เวลาผมเสียงดังบางทีผมก็แกล้งก็ได้ ส่วนใหญ่ผมจะแกล้งนะเวลาหงุดหงิด ไม่ได้หงุดหงิดจริง แต่อย่าแย่บ่อยแล้วกัน ขอบคุณทุกคนนะ ต้องการให้ทุกคนยิ้ม"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาวางระเบิดบริเวณห้างสยาม พารากอน ว่า เท่าที่ได้รับรายงานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายจับตัวผู้ต้องหาไปแล้วและคิดว่าจะได้ตัวอย่างแน่นอน ส่วนจะไปพัวพันและเกี่ยวโยงกับใครนั้น ตนได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นพวกไหน เพราะเรามีพยานหลักฐานมากพอสมควร "ขอให้ใจเย็นๆ มันต้องได้ตัวสิ แม้วันนี้จะยังไม่ได้ ข้างหน้าก็ต้องให้ได้ตัวไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวอย่างอีกต่อไป"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาที่กระทำผิดกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งจับกุมได้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องมีการโพสต์ข้อความซึ่งต้องดูรายละเอียดกัน ทั้งนี้อยากเรียนว่าทั้งหมดคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้เกิดความชอบธรรมด้วยหลักฐาน เราจะกล่าวอ้างลอยๆ ไม่ได้ จะต้องมีการติดตามทุกคดีไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ จับได้หรือไม่ได้ก็ต้องรู้ว่าอยู่ตรงไหน ถ้าอยู่ในต่างประเทศจะทำอย่างไร เขาจะมีการส่งตัวให้หรือเปล่า เพราะเราไม่สามารถไปจับกุมตัวยังต่างประเทศได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการรายงานหรือไม่ว่าต้นตอของการปล่อยข่าวนั้นมาจากต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการสอบต่อ วันนี้ต้องเอาตัวผู้ต้องหามาก่อน จากนั้นก็จะต้องสอบต่อว่าที่โพสต์ข้อความมานั้น โพสต์เพราะอะไร เป็นอย่างไร เรื่องนี้เคยชี้แจงแล้วว่าเราจับกุมมาหลายราย ก็จะอ้างว่าไม่รู้เรื่อง โพสต์ต่อมาจากคนนั้น คนนี้ไม่มีใครยอมรับสักคน ซึ่งเรื่องแบบนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ทรงเมตตาคนเหล่านี้ แต่คนเหล่านี้กลับไม่เข้าใจ
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างกับผู้ร้ายปากแข็งที่ไม่ยอมรับผิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะทำอย่างไร ก็ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ โดยการสอบด้วยหลักฐานและพยานต่างๆ ถ้าผิดก็ต้องดำเนินคดีจำคุกกี่ปีก็ว่ากันไปตามขั้นตอน ในวันข้างหน้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะทรวงพระราชทานอภัยโทษ ก็เป็นแบบนี้ คนถึงไม่ค่อยกลัวกัน ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงมีเมตตา
เมื่อถามว่ากรณีนี้จะสามารถใช้กฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์จัดการได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยกัน แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 ฉบับของกระทรวงโทคโนโลยีสารสนเทศ จำเป็นต้องออกให้ทันเวลา ให้ทันการเปิดใช้ 4 จีในประเทศ รวมไปถึงการประมูลคลื่นความถี่และโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร ซึ่งมีทั้งของรัฐบาลและเอกชนเข้ามาลงทุน กรณีนี้ต้องดูแลทั้งระบบทั้งการบริหารจัดการ หน้าที่ของ กสทช.งบประมาณจากการประมูลคลื่นความถี่ และรัฐบาลจะได้ประโยชน์อย่างไร และจะนำนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนึ้หากมองในแง่ของเสรีภาพอย่างเดียวคงไม่ได้ ดังนั้นการที่รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งหากไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งต้องดูเรื่องของจุดประสงค์ด้วยว่ารัฐต้องการเข้าถึงข้อมูลด้วยเหตุผลอะไร และหากเข้าไปดูข้อมูลเพราะมีการทุจริตผิดกฎหมายจะทำได้หรือไม่ นอกจากนี้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติจะทำอย่างไร
“ถ้าบอกว่าอะไรก็อิสรเสรีทั้งหมด แต่ปัญหาต่างๆทำให้เกิดความรุดแรง ซึ่งเราต้องช่วยกันดูในหลายมอย่าง ต้องช่วยผมคิดว่าจะทำอย่างไร ตอบให้ผมด้วย ร่างกฎหมายให้ผมหน่อยสิ ว่าสื่อเสรีภาพจะทำอย่างไรถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ มีการปลุกปั่น ปลุกระดมมวลชนหาทางออกให้ผมหน่อย ถ้าบอกว่าตีกันเหมือนเดิม รับได้ก็รับ ถ้าไม่มีอะไรผิดถูกใครจะอยากไปดู”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งว่า รัฐบาลได้แจ้งให้แต่ละฝ่ายทราบถึงการขับเคลื่อน 9 ยุทธศาสตร์การทำงานว่าเป็นอย่างไร และได้แสดงความห่วงใยว่าผู้มีรายได้น้อยทำอย่างไรจะลดความเหลื่อมล้ำ เพราะการอธิบายเป็นไปได้ยากเนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาแก้ปัญหาโดยให้เขารับเงินไปเลย แต่วันนี้เราทำอย่างนั้นไม่ได้ จึงต้องไปสร้างความเข้าใจว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในช่วงที่ประเทศชาติกำลังคับขัน ตอนนี้เศรษฐกิจยังแย่อยู่ วันนี้ในที่ประชุมร่วมได้พูดคุยเรื่องเศรษฐกิจหลายอย่าง ต้องมองว่าเราควรดูเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคว่าเป็นอย่างไร โดยนำตัวเลขทั้งหมดมาวิเคราะห์ ที่เป็นปัญหาคือการติดลบทั้งการท่องเที่ยว การค้าขาย เพราะรัฐบาลช่วงที่ผ่านมามีปัญหาจากการเมือง แต่ไตรมาสสุดท้ายปี 57 เมื่อเราเข้ามาก็สามารถเดินหน้าได้ เพรานำเงินออกมาใช้จ่ายได้ ทำให้ตัวบวกแต่อย่างไรก็โตไม่เกิน 1 % สิ่งที่เราทำคือการมาไล่ดูข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)หรือข้อมูลการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ว่าสินค้าประเภทใดส่งออกตกลง เช่น ข้าว-ยางที่มีมูลค่าส่งออกสูงมาตลอด แต่วันนี้ราคาก็ดีขึ้น สุดท้ายเราก็มาดูประชาชนเดือดร้อนอย่างไร จัดอาชีพให้ สร้างตลาดชุมชน ตลาดธงฟ้าทุกอำเภอ ส่วนปัญหาค่าครองชีพได้สั่งการให้กะทรวงพาณิชย์ไปดูต้นทุนซึ่งไม่ได้สูงขึ้นมากมายเพียง แต่เมื่อขายได้น้อยผู้ประกอบการจึงขายแพงขึ้น คนประกอบอาหารกินเองในบ้านไม่ค่อยออกนอกบ้านจึงทำให้เกิดการขึ้นราคาอาหาร สั่งให้ไปเดินดูอยู่ และใครมีข้อมูลให้บอกมาร้านเจ๊นั้นนี้ขายแพงจะไปดูให้ ไข่-หมูเป็นอย่างไรแต่จะให้ไปควบคุมมากก็ไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่กันไม่ได้ ทำอย่างไรให้ขายได้เท่าเดิม และถ้าสถานการณ์ไม่ปกติ คนไม่เที่ยวไม่กินจะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปเล่นงานตำหนิคนที่เป็นต้นเหตุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงไฮซีซั่น ตัวเลขเป็นบวกในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เราต้องทำให้เกิดความปลอดภัย สร้างกลไกแรงจูงใจให้แก่ต่างชาติเพราะเขามาเที่ยวโดยไม่สนใจกฎหมายพิเศษ และเร่งขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจชายแดนให้เร็วขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น: