เจริญ ตันมหาพราน ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 4 ภาพ
3 ชม. ·
ถ้ำปริศนาที่วัดขุนพนม(ต่อ)
ในขั้นต้นพระยาสรรค์ก็ให้สมเด็จพระสังฆราชเข้าไปถวายพระพร ทูลขอให้พระเจ้าอยู่หัวทรงออกผนวช เพื่อสะเดาะพระเคราะห์เมืองสัก ๓ เดือน
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ทรงขัดข้องอย่างใด ตกลงเสด็จออกทรงผนวช ณ วันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๑๒ ค่ำ ที่วัดแจ้งอันเป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง(เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามวังหลวงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์)
ครั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงผนวชแล้ว พระยาสรรค์ให้นำไปคุมไว้ในพระอุโบสถวัดแจ้ง พร้อมกับพระโอรสที่ยังทรงพระเยาว์อยู่
ส่วนเชื้อพระวงศ์ที่ยังเหลืออยู่ เช่น กรมอนุรักษ์สงคราม(บุญมี) หลานเธอของพระเจ้ากรุงธนฯให้เอาไปจำขังไว้ แล้วประกาศแก่บรรดาข้าราชการว่า ตนเองจะอยู่รักษาราชการไว้รอท่าสมเด็จเจ้า
พระยามหากษัตริย์ศึกจะกลับมา ข้าราชการทั้งปวงเห็นชอบด้วย ต่างพากันตั้งอยู่ในความสงบ
ฝ่ายพระยาสรรค์พอได้ว่าราชการแล้ว เห็นคนทั้งปวงยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาไม่มีปฏิกิริยา จึงคิดกำเริบจะตั้งตนเป็นใหญ่อย่างจริงจัง แต่ยังติดอยู่ที่ท่านเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเท่านั้น พอคิดได้ดั่งนั้นก็ไปเกลี้ยกล่อมกรมขุนอนุรักษ์สงคราม(บุญมี) ให้รับเป็นหัวหน้าต่อสู้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ โดยพระยาสรรค์จะเป็นผู้หนุนหลัง นำเงินในพระคลังไปจ้างพระยารามัญกับพระยากลางเมืองมาเป็นพรรคพวกให้
พระยามหากษัตริย์ศึกจะกลับมา ข้าราชการทั้งปวงเห็นชอบด้วย ต่างพากันตั้งอยู่ในความสงบ
ฝ่ายพระยาสรรค์พอได้ว่าราชการแล้ว เห็นคนทั้งปวงยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาไม่มีปฏิกิริยา จึงคิดกำเริบจะตั้งตนเป็นใหญ่อย่างจริงจัง แต่ยังติดอยู่ที่ท่านเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเท่านั้น พอคิดได้ดั่งนั้นก็ไปเกลี้ยกล่อมกรมขุนอนุรักษ์สงคราม(บุญมี) ให้รับเป็นหัวหน้าต่อสู้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ โดยพระยาสรรค์จะเป็นผู้หนุนหลัง นำเงินในพระคลังไปจ้างพระยารามัญกับพระยากลางเมืองมาเป็นพรรคพวกให้
ขณะที่กำลังคิดอ่านเตรียมการอยู่นั้น พระยาสุริยอภัย(ทองอินทร์)ผู้เป็นหลานเธอ ของเจ้าพระยาสุรสีหนาท นำกำลังจำนวน ๓,๐๐๐ คนมาจากนครราชสีมาใกล้มาถึงกรุงธนบุรี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีขาล ตรงกับ พ.ศ.๒๓๒๕ สร้างความตื่นตระหนกแก่พระยาสรรค์ถึงกับสั่งให้รีบปล่อยกรมขุนอนุรักษ์สงคราม(บุญมี) ให้ยกพวกไปปล้นพระยาสุริยอภัยที่ตำบลสวนมังคุด สวนลิ้นจี่ ในวันอังคาร แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีขาล ยามเที่ยงคืน พวกกรมขุนอนุรักษ์สงคราม(บุญมี)บุกเข้าโจมตีไม่ให้รู้ตัว
ท่านผู้หญิงศรีอโนชาภริยาเอกของเจ้าพระยาสุรสีหนาทซึ่งอยู่ในกรุงธนบุรี พอทราบเหตุการณ์ก็ได้รวมไพร่พลชาวนครลำปาง รวมกำลังกันกับกองมอญของพระยาเจ่งรามัญ(ต้นสกุล“คชเสนีย์”) ซึ่งเป็นพระญาติสนิท ออกไปช่วยกองกำลังทางนครราชสีมา ได้ต่อสู้อย่างดุเดือด จนกระทั่งรุ่งเช้า พวกกองโจรแตกพ่ายหนีไป กรมขุนอนุรักษ์สงคราม(บุญมี)หนีไปหลบอยู่ในวัดยาง(แถวคลองบางกอกน้อย ใกล้วัดนายโรง) แต่ถูกตามจับได้ในวันนั้นให้เอาตัวไปจำไว้รอท่าเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ท่านผู้หญิงศรีอโนชาภริยาเอกของเจ้าพระยาสุรสีหนาทซึ่งอยู่ในกรุงธนบุรี พอทราบเหตุการณ์ก็ได้รวมไพร่พลชาวนครลำปาง รวมกำลังกันกับกองมอญของพระยาเจ่งรามัญ(ต้นสกุล“คชเสนีย์”) ซึ่งเป็นพระญาติสนิท ออกไปช่วยกองกำลังทางนครราชสีมา ได้ต่อสู้อย่างดุเดือด จนกระทั่งรุ่งเช้า พวกกองโจรแตกพ่ายหนีไป กรมขุนอนุรักษ์สงคราม(บุญมี)หนีไปหลบอยู่ในวัดยาง(แถวคลองบางกอกน้อย ใกล้วัดนายโรง) แต่ถูกตามจับได้ในวันนั้นให้เอาตัวไปจำไว้รอท่าเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ขณะนั้นเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์เริ่มทำศึกอยู่ที่เมืองบันทายเพชร ต้องหยุดชะงักลง ด้วยทราบข่าวทางกรุงธนบุรีเกิดกบฏ
เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้มอบการศึกให้พระอนุชา แล้วรีบยกกองกำลังจำนวน ๕,๐๐๐ คนกลับมาทางด่านพระจาฤก ผ่านเข้ามาทางทุ่งแสนแสบ เส้นทางที่เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสด็จผ่าน ปัจจุบันนี้ก็คือถนนพระรามที่ ๑ ที่มาสิ้นตรงสะพานยศเส(สะพานกษัตริย์ศึก)และได้ตั้งทัพอยู่ที่วัดร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชัยภูมิเหมาะสม ด้วยเป็นเนินดินขนาดใหญ่มีน้ำล้อมรอบ สามารถตั้งรับข้าศึกที่จะมาโจมตีได้
ส่วนทางกรุงธนบุรี พวกราษฎรได้ทราบข่าวว่า เจ้าพระยามหากษัตริย์กลับมาแล้ว ต่างพากันชื่นชมยินดี และไปขอร้องให้ปราบยุคเข็ญให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ในที่สุดบรรดาข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็มาอ่อนน้อม ไม่มีผู้ใดกระด้างกระเดื่องไม่
ครั้นปราบยุคเข็ญในกรุงธนบุรีเรียบร้อยลง ข้าราชการและชาวเมืองได้อัญเชิญเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสด็จขึ้นผ่านพิภพเป็นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก นับเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๑ แห่งราชวงศ์จักรีปกครองชาติไทยสืบต่อมา
๔ วันต่อมา มีคนจำนวน ๑๐ คน คือ หม่อมประสงค์ พระขนิษฐาพระเจ้าตากสิน พร้อมด้วยนายชิต นายชุบ โดยสารเรือสำเภาออกจากกรุงธนบุรี มีจุดหมายปลายทางเมืองนครศรีธรรมราช
พอถึงเมืองนครศรีธรรมราชก็เดินทางต่อด้วยช้าง ๒ เชือกไปยังวัดเขาขุนพนม
พอถึงเมืองนครศรีธรรมราชก็เดินทางต่อด้วยช้าง ๒ เชือกไปยังวัดเขาขุนพนม
หลังจากนั้น ๒ ปี นายชิดกับนายชุบก็เสียชีวิตเพราะไข้ป่า ทำให้ทรงเสียพระทัยมาก ให้นำกระดูกของคนทั้งสองบรรจุไว้ในรูปปั้นยักษ์ที่รักษาทวารบนถ้ำ
“ถ้ำขุนเขาพนม” เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนครศรีธรรมราช ปากถ้ำอยู่สูงจากเชิงเขาด้านวัดเขาขุนพนมประมาณ ๒๐๐ เมตร มีทางขึ้นเป็นบันไดปูนซีเมนต์ประมาณกว่า ๒๐๐ ขั้น บริเวณถ้ำเป็นหน้าผาตัดราบ เนื้อที่ประมาณ ๓๐ ตารางเมตร หน้าถ้ำมีกำแพงเสมาก่ออิฐถือปูนสูงประมาณ ๒ เมตร มีประตูเข้าออก มีใบเสมาด้านบนทำนองเดียวกับกำแพงเมืองที่ประตูมียักษ์ปั้นทำหน้าที่ทวารบาล ๒ คน ส่วนผนังกำแพงด้านหน้า มีลายปูนปั้นประดับถ้วยชามเก่าแก่ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปสำริด หม้อน้ำมนต์ และพระพุทธรูปโบราณ บริเวณทางซ้ายมือของบันไดทางขึ้นถ้ำประมาณ ๘๐ เมตร มีร่องรอยฐานซากอาคารโบราณซึ่งคนในท้องถิ่นมีความเชื่อว่าเกี่ยวพันกับประวัติบุคคลสำคัญ คือ สมเด็จพระเจ้าตามสินมหาราช
คำบอกเล่าเรื่องนี้มีว่า พระองค์ไม่ได้ถูกสำเร็จโทษแต่ประการใด แท้ที่จริงได้เสด็จหนีลงเรือมาประทับ ณ วัดเขาขุนพนม ทรงดำรงพระองค์อย่างสมณเพศ ทรงสั่งสอนสมถวิปัสสนาและทรงรับบิณฑบาตจากราษฎรเป็นเวลาสี่ปี จนทรงประชวรและเสด็จสวรรคต ณ ที่ประทับเขาขุนพนมเมื่อพระชนมายุได้ ๕๒ พรรษา(ประมาณ พ.ศ.๒๓๒๙) เมื่อสวรรคตแล้วพระอัฐิของพระองค์ถูกนำไปฝังไว้ ณ ฮวงซุ้ยทางด้านเหนือของเมืองนครศรีธรรมราช
ต่อมาอีก ๒ ปี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงสวรรคตด้วยไข้ป่าเช่นกัน รวมระยะเวลาที่ประทับอยู่ที่เขาขุนพนมเพียง ๔ ปี
ความเชื่อเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เสด็จประทับที่ขุนเขาพนมจนเสด็จสวรรคต ยังปรากฏในวรรณกรรมมุขปาฐะประเภทเพลงร้องเรือบทหนึ่ง ซึ่งแพร่หลายมาก คือ เพลงร้องเรือชื่อ “สงสาร” มีใจความว่าดังนี้
สงสารเหอ แปะหนวดยาวเราสิ้นทุกข์
เอาศพใส่โลงดีบุก ค้างไว้ในดอนดง
สาวสนมกรมวัง ช่วยกันถือฉัตรถือธง
ค้างไว้ในดอนดง ค่อยปลงบนเมรุใหญ่(เพลงร้องเรือ อ.พรหมคีรี)
สงสารเหอ แปะหนวดยาวเราสิ้นทุกข์
เอาศพใส่โลงดีบุก ค้างไว้ในดอนดง
สาวสนมกรมวัง ช่วยกันถือฉัตรถือธง
ค้างไว้ในดอนดง ค่อยปลงบนเมรุใหญ่(เพลงร้องเรือ อ.พรหมคีรี)
เชื่อกันว่าแปะหนวดยาว คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ความเชื่อเช่นนี้สืบทอดกันต่อมากระทั่งปัจจุบัน จนมีวัตถุซึ่งเป็นรูปเคารพของสมเด็จพระเจ้าตามสินมหาราช วัตถุอื่นๆที่เกี่ยวข้องและมีพิธีกรรมต่างๆ เกี่ยวกับพระองค์อย่างเป็นกิจจะลักษณะ เช่น มีจารึกพระราชนิพนธ์ มีพระบรมราชานุสาวรีย์ ประดิษฐาน ณ เขาขุนพนมมีบทสดุดี และบทอาราธนาดวงพระวิญญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น