PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เจอมาเยอะคิวถ่วงดุล

แหกโผเล็กน้อย แต่สะเทือนการเมืองพอสมควร ในคิวการประชุมรัฐสภา เพื่อลงมติเลือกนายกฯ

แค่ “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สวนทางต้นสังกัดที่โหวตลงมติเลือก ชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำ

ผู้แทนฯเมืองดอกลำดวนสมัยที่ 2 ดีกรีอายุน้อยร้อยล้าน “เสี่ยโต้ง” ขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. “งดออกเสียง”

แต้ม “หนุนลุงตู่” จึงหยุดอยู่ที่ 500 ไม่เข้าสเปก 501 รุ่นกางเกงยีนส์

เหตุผลของนายสิริพงศ์ อย่างที่ชี้แจงไว้ เพราะรับปากชาวบ้านในพื้นที่จะเลือก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯเพียงคนเดียว ผิดจากนี้เป็นใครก็เลือกไม่ได้

ลูกค่ายยึดหลักการ ทำตามสัญญา แต่ทำ “หัวหน้าหนู” สะอึกไปหนึ่งจังหวะ

แน่นอน อีกทางย่อมเพิ่มแรงสั่นสะเทือนต่อ “ดีล” โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีของค่ายภูมิใจไทย ที่กำลังโดนเขย่าเก้าอี้หมายปอง “กระทรวงคมนาคม” คนพลังประชารัฐ ขอให้ นำมา “ล้างโผ” กันใหม่

เป็นคิวที่ “เสี่ยหนู อนุทิน” ก็ชักไม่มั่นใจ ต้องแก้สถานการณ์ “หน้างาน” กันไป

นั่นก็ไม่แพ้กัน สำหรับคิวแหกมติพรรคของ “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมานอกห้องประชุม แถลงข่าว “ลาออกจาก ส.ส.” ก่อนคิวโหวตสำคัญ

ประกาศเหตุผล เพราะไม่อาจสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ตามที่ “สัญญา ประชาคม” กับประชาชนไว้ ไม่อาจทำ “บาปเรื่องไร้หลักการ” แต่ก็ไม่อาจฝ่าฝืนมติพรรค

หลักการ คำคมเพียบ แต่ก็อย่างที่เห็น แนวทางขั้วที่ 3 ไม่อาจเกิดจริง กระทั่งคนในสังกัดเดียวกันไม่เอาด้วย

สังคมวันนี้ ไม่มีที่ยืนสำหรับคนกั๊ก ประเภทขั้วกลางต้องเดินเดียวดาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นายอภิสิทธิ์จะไขก๊อก ส.ส. แบบเดินเดี่ยว ถึงมีแนวร่วมที่เอาด้วยก็เป็นเสียงข้างน้อย โดยเฉพาะที่ประกาศยุติบทบาทการเมืองตาม ก็ล้วนเป็นสมาชิก “นิวเดม” รุ่นใหม่ที่ไม่ได้เข้าสภาฯ

แต่นั่นก็ใช่ว่าเสียง ส.ส.ส่วนใหญ่ ปชป.ที่หนุน “บิ๊กตู่” จะแพ็กแท็กทีมกันเหนียวแน่น เพราะความเสี่ยงยังมีสูงกับคิว “พรรคแตก” ประชาธิปัตย์ยังแบ่งเป็น 2 สาย แยกเดินคนละทาง

ถึงแม้ในขั้ว “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ที่แท็กทีมขั้วภูมิใจไทย ต่อสายข้ามหัว พปชร. เปิดดีลกับ “บ้านใหญ่” ในค่ายทหาร

ลูกข่ายในปีกนี้ประสานเสียง สัญญาต้องเป็นสัญญา ไม่บิดพลิ้ว ไม่ล้ม “ดีลเดิม” โฟกัสในเงื่อนไข 7 เก้าอี้ใหญ่ เกรดเอ 3 ทั้งรมว.พาณิชย์-เกษตรฯ-การพัฒนาสังคม และ 4 รัฐมนตรีช่วย

แต่อ่านทางแล้ว “จุรินทร์-เฉลิมชัย” ก็เริ่มออกอาการไม่มั่นใจ

เพราะอีกทาง ขั้ว ปชป.ส่วนแยก ทั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค-กรณ์ จาติกวณิช-ถาวร เสนเนียม” ก็ต่อสาย เป็นตัวแทนดีลกับคนในค่ายพลังประชารัฐ ฉีกไปเจรจากับบิ๊กๆการเมือง นอกโซน อิทธิพลท็อปบูต

นาทีต่อนาที วันต่อวันจากนี้ ต้องจับตา 2 ขั้วจาก ปชป. ที่แน่นอนโยงไปถึง 2 ปีกใน พปชร.

ค่ายแกนนำรัฐบาลประยุทธ์ 2 กำลังเปิดศึกวัดพลังไม่แพ้กัน

เปิดสูตรโยนจากขั้ว “การเมือง” พปชร. เสียงแข็งต้อง “รื้อโผ” เอามาคุยในพรรค

ทั้งดีลภูมิใจไทย ต้องขอคืน “คมนาคม” เอา “พลังงาน” ไปแทน และแถมเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย อีกทางก็ต้องขอคืนกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญจากประชาธิปัตย์ “พาณิชย์” แลก “ศึกษาธิการ-ต่างประเทศ” และเพิ่มเก้าอี้ รมช.

เป็นข้อเสนอใหม่ที่โยนออกมา พร้อมกับกระแสข่าว ส.ใหญ่ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กับคำถามว่าจะ “ไปต่อ” หรือไม่ นอกจากสาเหตุจากปัญหาสุขภาพ

อีกทางก็มองได้ เป็นเงื่อนไขโยนถึงผู้มีอำนาจ “เคาะ” สูงสุด

ถ้าพรรคหลักรัฐบาล พปชร.ไม่ได้คุม “คมนาคม-พาณิชย์” ก็บริหารยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจได้ยาก

สรุปว่าหลังผ่านพ้นคิวหนักๆในสภา เข้าแผน “ไปต่อ” แล้ว ยังมีเรื่องยากรออยู่ กับคิวฟอร์ม ครม. ท้าทายบทผู้นำ วัดใจ “บิ๊กตู่” ที่แม้จะจัดว่าเชี่ยวการ “บริหารจัดการอำนาจ”

ผ่านการถ่วงดุลหลากขั้วในบ้านเมืองมาหลายรอบแล้วก็ตาม.

ทีมข่าวการเมือง

โจทย์ยาก...ที่ต้องแก้ :ไทกร พลสุวรรณ

โจทย์ยาก...ที่ต้องแก้
เมื่อพิจารณาจากคะแนนเสียงที่โหวตเลือกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว โจทย์ใหญ่สำคัญที่รัฐบาลใหม่ต้องแก้คือ
(1)จำนวนเสียง ส.ส. ที่สนับสนุนรัฐบาลใหม่ มีเพียง 251 เสียงเท่านั้น และมีเสียง ส.ส. ฝ่ายค้าน 246 เสียง (ตอนนี้เหลือ 245 เสียง เนื่องจากหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ถูกพักการทำหน้าที่ชั่วคราว)
ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 3 ท่านต้องงดออกเสียงตามประเพณีปฏิบัติ
สรุป มีเสียงมากกว่ากันเพียง 5 เสียงเท่านั้น
ถือเป็นรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพ เพราะมีโอกาสสะดุดล้มได้ตลอดเวลา
หากแก้โจทย์นี้ไม่ได้ก็ต้องเริ่มนับถอยหลังอายุของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่รัฐบาลเริ่มต้นบริหารประเทศเลยทีเดียว
(2)การทุจริตคอรัปชั่น ต้องยอมรับความจริงว่าต้นทุนในการสืบทอดอำนาจครั้งนี้ สูงมากๆ สูงกว่าการเลือกตั้งครั้งใดๆที่ผ่านมา หลังประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โหวตเลือกประยุทธ์ไปแล้ว ก็เหมือนผีหามถึงป่าช้า "ไม่ฝัง ก็ต้องเผา" ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะผูกขาติดกันแล้ว ถ้าจะจมน้ำก็ต้องจมไปด้วยกัน กลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐถือว่า นี่คือความได้เปรียบ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว การต่อรองจะยิ่งหนักหน่วงขึ้น การบิดพริ้ว การผิดคำพูด และการทรยศหักหลัง จะเกิดขึ้น หาความราบรื่นไม่มี
การถอนทุนจะเกิดขึ้น ยิ่งลงทุนมาก ยิ่งต้องถอนทุนมาก
โจทย์ 2 ข้อนี้ หากแก้ได้ รัฐบาลประยุทธ์ก็บริหารประเทศต่อไปได้ แต่จะเป็นไปอย่างทุลักทุเลเต็มที หากแก้โจทย์ทั้ง 2 ข้อนี้ไม่ได้
คงไม่ต้องบอกว่าอายุรัฐบาลนี้จะสั้นแค่ไหน
นี่ยังไม่นับรวมการเตรียมเคลื่อนไหวของประชาชนทั่วไปที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ตอนนี้ก็ ฮึ่ม ฮึ่ม อยู่ รอเพียงไม่มี ม. 44 เท่านั้น
ไทกร พลสุวรรณ
6 มิถุนายน 2562
ขอขอบคุณภาพประกอบจากไทยรัฐ

วิบากกรรมของรัฐบาลชุดหน้าในระบอบโจราธิปไตย :ธีรภัทร เสรีรังสรรค์


วิบากกรรมของรัฐบาลชุดหน้าในระบอบโจราธิปไตย(Kleptocracy)ภายใต้สภาห้าร้อย

วงรอบที่หนึ่ง ทัศนคติและพฤติกรรมของผู้นำเผด็จการที่ปราศจากความซื่อสัตย์สุจริตและไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ จะนำไปสู่การแพ้ภัยตนเอง

วงรอบที่สอง การรวมตัวของกลุ่มก๊วนนักการเมืองภายในพรรคแกนนำรัฐบาลที่เป็นพวกผลประโยชน์นิยมจะนำไปสู่ความแตกร้าวภายในพรรคการเมืองเหล่านั้น

วงรอบที่สาม ความขัดแย้งเชิงอำนาจและผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงและบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาล

วงรอบที่สี่ การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่มีเสียงก้ำกึ่งกัน จะเป็นไปอย่างดุเดือด อย่ากระพริบตา รัฐบาลมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำสูง

วงรอบที่ห้า รัฐบาลกับประชาชนกลุ่มชนต่างๆจะเกิดความขัดแย้งแตกแยกมากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลผลประโยชน์นิยมดังกล่าวย่อมเป็นการยากที่จะมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้

สรุป ห้าวงรอบที่จะบีบรัดบดขยี้จนกระทั่งรัฐบาลในระบอบโจราธิปไตยไม่สามารถธำรงอยู่ได้ ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าหลังจากการจัดตั้งรัฐบาลชุดหน้านี้

ศาลสั่งจำคุกทักษิณ 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีหวยบนดิน

ศาลสั่งจำคุกทักษิณ 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีหวยบนดิน
.
วันนี้ (6 มิ.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง อ่านคำพิพากษาคดีออกโครงการสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว หรือหวยบนดิน คดีหมายเลขดํา อม.1/2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร อายุ 70 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23
.
ทั้งนี้ศาลพิจารณาคดีลับหลังได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำพิพากษาคดีนี้ไปแล้ว แต่ได้จำหน่ายคดีความผิดในส่วนของทักษิณ เนื่องจากทักษิณไม่ได้เดินทางมาศาล
.
ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าขณะทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2546-2549 เร่งรัดให้มีการออกสลากพิเศษหวยบนดิน แม้จะมีการทักท้วงว่าการออกสลากดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีการยับยั้งจนทำให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ทักษิณยังเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสั่งการเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้เร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว รวมทั้งยังนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างผิดขั้นตอน อีกทั้งเร่งออกสลากโดยไม่รอเครื่องพิมพ์
.
อย่างไรก็ตาม ศาลยังพิจารณาว่าแม้ว่าโครงการนี้จะทำให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีรายได้จากการขายสลากกว่า 1.2 แสนล้านบาท แต่การบริหารงานกลับขาดทุน 7 งวด เป็นเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท ซึ่งทำให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้กับผู้ที่ถูกรางวัล นอกจากนี้เงินรายได้กว่า 80% ที่สมทบเข้ากองทุนจ่ายเงินรางวัลและส่วนหนึ่งต้องนำกลับคืนสู่สังคม มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ศาลจึงพิพากษาให้ลงโทษจำคุกทักษิณเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ส่วนความผิดฐานยักยอกทรัพย์ศาลยกฟ้อง
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/