PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

‘เผาหัว’ ให้ร้อนไปอีก

‘เผาหัว’ ให้ร้อนไปอีก

น่าจะลัดคิวมาเป็นการเฉพาะเจาะจงเลย

กับฉากอีเวนต์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ได้นำทีมประชาสัมพันธ์การจัดแสดงผลงานผลิตภัณฑ์จากยางพาราและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพารา

ว่ากันตามท้องเรื่อง “Today Life’ Rubbers”

แล้วก็เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่พูดดังๆกลางงานเลยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำบัญชีรวบรวมความต้องการใช้ยางพาราของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเสนอขออนุมัติงบประมาณนำไปสนับสนุนการผลิตใช้ในประเทศ

เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ แก้ปัญหาราคายางด้วยกลไกในประเทศก่อน

นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งขยายตลาด เพิ่มกำลังซื้อจากประเทศจีนที่เป็นประเทศที่สั่งซื้อยางพาราจากไทยเป็นจำนวนมาก ถือเป็นผลประโยชน์การค้าต่างตอบแทนที่ไทยต้องได้ผลประโยชน์ด้วย

ตามรูปการณ์ที่ผู้นำรัฐบาล คสช.แสดงถึงความพยายามแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

ไม่ได้นั่งเฉยๆ หรือโบ้ยให้ไปขายดาวอังคาร

ขณะที่ พล.อ.ฉัตรเฉลิมก็ออกปากปรามนักการเมืองทำอะไรให้อยู่ในกรอบการนำชาวสวนยางมากดดันรัฐบาลมากๆ ผู้ที่ได้ประโยชน์คือผู้ที่กดดัน แต่ชาวสวนไม่ได้อะไรมาก

รีบดักคอดักทางขบวนการปลุกม็อบป่วน

ในสถานการณ์ที่ชาวสวนยางในภาคใต้ส่งเสียงคำรามฮึ่มๆ จะไม่ทนอีกต่อไป

ล้อกับจังหวะที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำขาใหญ่กลุ่ม กปปส.เปิดบ้านในจังหวัด สงขลา เรียกตัวแทนชาวสวนยางในพื้นที่ภาคใต้ นัยว่าระดมสมองหาวิธีแก้ปัญหาราคายางพารา

แต่แฝงด้วยลูกติดพันฟาดหางหนักๆ

ตะโกนไล่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้ลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่มีน้ำยาในการแก้ปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ

ตามสภาวการณ์ที่สุ่มเสี่ยงกับภาวะ “โรคแทรก” ทางการเมือง

โดยเฉพาะเรื่องยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ก็รู้กันอยู่ว่า

เป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองของป้อมค่ายไหน คุมเกมเล่นได้ทุกรอบปี

เรื่องของเรื่อง มันก็เข้าเหลี่ยมสถานการณ์แบบที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อ่านขาดว่า ปัญหาพืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ เป็นหัวเชื้อ “อันตราย” ที่รัฐบาลต้องพยายามประคองสถานการณ์ ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม

แบบที่ล่าสุดมีการอนุมัติงบฯ 2.5 หมื่นล้านบาท เดินหน้ามาตรการอัดฉีด

เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรฐานรากไปบรรเทาภาวะปากท้องเฉพาะหน้า

ซื้อใจชาวนา ชาวไร่ สกัดม็อบตั้งแต่ต้นทาง

แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ “บิ๊กตู่” และกัปตันทีมเศรษฐกิจพยายามอุดช่องโหว่ปมพืชผลเกษตรราคาตกต่ำกันทุกวิถีทาง

มันก็บังเอิญมีปมร้อนมา “เผาหัว” ให้ระอุเข้าไปอีก

ตามสถานการณ์ล่าสุดที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ยอมรับว่า มีการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ T–50TH จากประเทศเกาหลีใต้ให้กับกองทัพอากาศ เพิ่มอีก 8 เครื่อง

วงเงินงบประมาณ 8,800 ล้านบาท

เข้าเหลี่ยม “นักร้องขาประจำ” อย่างนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร่อนแถลงการณ์ จี้ให้คณะรัฐมนตรีชะลอการจัดซื้อเครื่องบิน T–50TH

เพราะอาจขัดรัฐธรรมนูญ และไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน

ตีปี๊บสอนมวยเลยว่า กระทรวงกลาโหม และ ครม.ควรจะมีสำนึกถึงความยากแค้นของพี่น้องประชาชนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการขายสินค้าทางการเกษตรในราคาที่ตกต่ำสุดๆ

ตอกย้ำ “จุดเปราะบาง” ในสถานการณ์ที่รัฐบาลก็อ้ำๆอึ้งๆ.

ทีมข่าวการเมือง

‘ประยุทธ์’นั่งหัวโต๊ะประชุมปฏิรูปประเทศ ขอคนไทยย้อนดูผล ต่างจากก่อนปฏิวัติ

‘ประยุทธ์’นั่งหัวโต๊ะประชุมปฏิรูปประเทศ ขอคนไทยย้อนดูผล ต่างจากก่อนปฏิวัติ


“ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมปฏิรูปประเทศ ขอคนไทยย้อนดูผล ต่างจากก่อนปฏิวัติ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ว่าเป็นการประชุมเพื่อวางอนาคตของประเทศที่เป็นการทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) ที่ครอบคลุมในหลายประเด็นซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ขออย่ามองแต่ประเด็นการเมืองอย่างเดียว เพราะอนาคตของประเทศโดยเฉพาะการยกระดับรายได้ให้พ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการ และที่สำคัญเรื่องกฎหมายที่ต้องเอากฎหมายทั้งประเทศมาดูว่าจะมีการปรับปรุงพัฒนาไปอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ต้องเอากฎหมายต่างประเทศมาดูว่า เราจะต้องปรับตรงไหน ทำอย่างไรให้เป็นสากลมากที่สุด ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับอัตลักษณ์ความเป็นไทย ตนอยากให้คนไทยให้ความสำคัญกับกฎหมายมากขึ้น อย่ามองว่ากฎหมายคือสิ่งที่บังคับเรา ควบคุมเรา รัฐบาลไม่ต้องการบังคับประชาชน เราต้องการมุ่งเน้นให้กฎหมายมีการอำนวยความสะดวกและดูแลประชาชนให้ทั่วถึง ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นที่ไว้วางใจ กฎหมายไหนที่จะต้องให้เร็วในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ ตนได้กำหนดว่า เรื่องใดก็ตามที่มีผลกระทบจะต้องมีมาตรการรองรับก่อนที่กฎหมายจะออกมาเพื่อไม่ให้เกิดอย่างที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ ไม่ใช่ข้อบกพร่องของใคร เพียงแต่เป็นการรวบรวมกฎหมายที่มีอยู่เดิมมาใส่ในกฎหมายใหม่ ทั้งที่กฎหมายก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่ปฏิบัติก็ทำให้เกิดปัญหา อย่ามองว่าเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้มีหลายเรื่องที่ปฏิรูปไปแล้ว อยากให้ทุกคนย้อนกลับไปดูว่าวันนี้ ต่างจากวันที่ 22 พฤษภาคม 57 วันนั้นมีวาระการปฏิรูป 11 วาระ ซึ่ง สปท.ได้นำไปขับเคลื่อนออกเป็น 37 วาระในการปฏิรูป ซึ่งจะนำไปจัดอยู่ในกล่องเดิม 11 วาระให้ได้ เมื่อทำเสร็จเรียบร้อย ก็ไปดูกิจกรรมในวาระต่าง ๆ ก็จะออกมาเป็นแผนปฏิรูปที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 6 ยุทธศาสตร์ แล้วจึงไปขับเคลื่อนในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูป ซึ่งทั้ง 11 คณะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ขอความกรุณาสื่อและประชาชน ช่วยกันติดตาม เพราะเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน เป็นเรื่องที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นและมั่งคงไปอย่างก้าวหน้า ซึ่งทุกคนจะได้ประโยชน์และผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดีขึ้น แต่ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือวันนี้ การปฏิรูปทุกอย่างไม่มีวันสำเร็จ

“หลายประเทศเขาใช้การปฏิรูป โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เขาไม่สนใจความขัดแย้ง เมื่อปฏิรูปไม่ได้ เขาก็ใช้กฎหมายเอา ซึ่งประเทศเราทำไม่ได้ เพราะเราไม่เคยชินกับการบังคับใช้กฎหมาย เราไม่ยอมรับในกฎหมายหลายอย่าง สิ่งสำคัญต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน เดินไปสู่เป้าหมายอันเดียวกัน วันนี้รัฐบาลมองเป้าหมายที่ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทุกรายได้ ทำอย่างไรให้คนเหล่านั้นได้ประโยชน์จากการปฏิรูปประเทศ ผมก็คาดหวังกับรัฐบาลและ คสช. ท่านจะคาดหวังกับผมหรือไม่ก็ไม่รู้ หรือท่านจะไปฟังคนอื่นก็ตามใจ ก็ไปดูวันหน้าแล้วกัน ถ้าไม่ร่วมมือวันนี้ก็ไปร่วมวันหน้ากับใครก็แล้วแต่ ไปดูสิว่าจะทำสำเร็จไหม ทั้งรัฐบาลนี้ รัฐบาลหน้าไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ต้องร่วมมือกัน ถ้าขัดแย้งกันวันนี้ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องการเมือง และเรื่องอื่นๆ แล้วก็มาขัดแย้งกันเหมือนเดิม แล้วใครจะรับผิดชอบ ก็ต้องมาที่นายกรัฐมนตรีและคสช.ที่ต้องรับผิดชอบ อย่างไรผมก็รับอยู่แล้ว แต่ผมจะไม่ให้ไปสู่ตรงนั้น” นายกฯกล่าว

อย่าสนใจแต่ การเมือง !!



อย่าสนใจแต่ การเมือง !!
“นายกฯ" ถก กก.ปฏิรูปประเทศ กว่า3ชม.ชี้เป็นอนาคตประเทศ ขอสนใจติดตาม อย่าสนใจแต่ การเมือง เตรียมออก กม.อีกเพียบ แต่ต้องมีมาตรการรองรับ/ขอ คนไทยให้ความสำคัญกับกฎหมาย อย่ามองว่าถูกบังคับ "ยัน"รัฐบาลไม่บังคับ ปชช. แต่มุ่งทำประโยชน์ให้ทุกกลุ่มในประเทศ/ ชี้ คาดหวังกับรัฐบาลและคสช. เหน็บ ท่านจะไปฟังคนอื่นก็ตามใจ ก็ไปดูวันหน้าแล้วกัน ถ้าไม่ร่วมมือวันนี้ ก็ไปร่วมวันหน้ากับใครก็แล้วแต่

ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ โดยใช้เวลา กว่า 3 ชม.ครึ่ง
พลเอกประยุทธ์ แถลงหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อวางอนาคตของประเทศ ที่เป็นการทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) ที่ครอบคลุมในหลายประเด็น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ 
"ขออย่ามองแต่ประเด็นการเมืองอย่างเดียว เพราะอนาคตของประเทศ โดยเฉพาะการยกระดับรายได้ให้พ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการ และที่สำคัญเรื่องกฎหมายที่ต้องเอากฎหมายทั้งประเทศมาดูว่าจะมีการปรับปรุงพัฒนาไปอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องเอากฎหมายต่างประเทศมาดูว่า เราจะต้องปรับตรงไหน ทำอย่างไรให้เป็นสากลมากที่สุด ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับอัตลักษณ์ความเป็นไทย
"ผมอยากให้คนไทยให้ความสำคัญกับกฎหมายมากขึ้น อย่ามองว่ากฎหมายคือสิ่งที่บังคับเรา ควบคุมเรา รัฐบาลไม่ต้องการบังคับประชาชน เราต้องการมุ่งเน้นให้กฎหมายมีการอำนวยความสะดวกและดูแลประชาชนให้ทั่วถึง ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นที่ไว้วางใจ กฎหมายไหนที่จะต้องให้เร็วในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่
ทั้งนี้ผมได้กำหนดว่า เรื่องใดก็ตามที่มีผลกระทบจะต้องมีมาตรการรองรับก่อนที่กฎหมายจะออกมาเพื่อไม่ให้เกิดอย่างที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ ไม่ใช่ข้อบกพร่องของใคร เพียงแต่เป็นการรวบรวมกฎหมายที่มีอยู่เดิมมาใส่ในกฎหมายใหม่ ทั้งที่กฎหมายก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่ปฏิบัติก็ทำให้เกิดปัญหา อย่ามองว่าเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มีหลายเรื่องที่ปฏิรูปไปแล้ว อยากให้ทุกคนย้อนกลับไปดูว่าวันนี้ ต่างจากวันที่ 22 พ.ค. 57 วันนั้นมีวาระการปฏิรูป 11 วาระ ซึ่งสปท. ได้นำไปขับเคลื่อนออกเป็น 37 วาระในการปฏิรูป ซึ่งจะนำไปจัดอยู่ในกล่องเดิม 11 วาระให้ได้ เมื่อทำเสร็จเรียบร้อย ก็ไปดูกิจกรรมในวาระต่าง ๆ ก็จะออกมาเป็นแผนปฏิรูปที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 6 ยุทธศาสตร์ แล้วจึงไปขับเคลื่อนในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูป ซึ่ง ทั้ง 11 คณะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
"ขอความกรุณาสื่อและประชาชน ช่วยกันติดตาม เพราะเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน เป็นเรื่องที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นและมั่งคงไปอย่างก้าวหน้า ซึ่งทุกคนจะได้ประโยชน์และผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดีขึ้น แต่ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือวันนี้ การปฏิรูปทุกอย่างไม่มีวันสำเร็จ"
“หลายประเทศเขาใช้การปฏิรูป โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เขาไม่สนใจความขัดแย้ง เมื่อปฏิรูปไม่ได้ เขาก็ใช้กฎหมายเอา ซึ่งประเทศเราทำไม่ได้ เพราะเราไม่เคยชินกับการบังคับใช้กฎหมาย เราไม่ยอมรับในกฎหมายหลายอย่าง สิ่งสำคัญต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน เดินไปสู่เป้าหมายอันเดียวกัน
วันนี้รัฐบาลมองเป้าหมายที่ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทุกรายได้ ทำอย่างไรให้คนเหล่านั้นได้ประโยชน์จากการปฏิรูปประเทศ
"ผมก็คาดหวังกับรัฐบาลและคสช. ท่านจะคาดหวังกับผมหรือไม่ก็ไม่รู้ หรือท่านจะไปฟังคนอื่นก็ตามใจ ก็ไปดูวันหน้าแล้วกัน ถ้าไม่ร่วมมือวันนี้ ก็ไปร่วมวันหน้ากับใครก็แล้วแต่ ไปดูสิว่าจะทำสำเร็จไหม ทั้งรัฐบาลนี้ รัฐบาลหน้าไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ต้องร่วมมือกัน
ถ้าขัดแย้งกันวันนี้ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องการเมือง และเรื่องอื่นๆ แล้วก็มาขัดแย้งกันเหมือนเดิม แล้วใครจะรับผิดชอบ ก็ต้องมาที่นายกรัฐมนตรีและคสช.ที่ต้องรับผิดชอบ อย่างไรผมก็รับอยู่แล้ว แต่ผมจะไม่ให้ไปสู่ตรงนั้น” นายกฯ กล่าว

"บิ๊กตู่" ปริ๊ดดดด!!...นักข่าวถาม "สวมชุดลายพราง" ฆ่ายกครัว "ผู้ใหญ่บ้าน"กระบี่ โยง จนท.หรือไม่



"บิ๊กตู่" ปริ๊ดดดด!!...นักข่าวถาม "สวมชุดลายพราง" ฆ่ายกครัว "ผู้ใหญ่บ้าน"กระบี่ โยง จนท.หรือไม่...ลั่นถามใครหล่ะ ให้ไปหากันมา ยัน ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
ชี้ยังไม่สรุปสาเหตุฆาตรกรรมยกครัวที่กระบี่ บอกให้เวลา ผบ.ตร. ลงพื้นที่แล้ว ให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน ฉุนถูกถามมือสังหารเป็นคนมีสี ด่าสื่อคิดกันแค่นี้ ชี้ ยังไงก็ต้องใช้ตำรวจทำคดี ให้เลือกตำรวจดี ไม่ดี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีชายฉกรรจ์ยกพวกบุกบ้านนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านเมืองกระบี่ พร้อมยิงทิ้งยกครอบครัวเป็นให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 3 คนว่า "ผมคงไม่ต้องไปกำชับอะไรในคดีนี้ เพราะพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า เป็นคคีสะเทิอนขวัญ และสงสัยว่า อาจมีการเชื่อมโยง ผู้ลงมือกระทำเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่ เพราะใส่ชุดพราง นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า "ใครหล่ะ ให้ไปหากันมา ผมบอกแล้วไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
"พวกสื่อก็ชอบย้ำอยู่นั่นแหละว่า คนร้ายเป็นเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบ สื่อก็ยุ่งกับไอ้เรื่องพวกนี้ "
เมื่อถามว่า ผบ.ตร.รายงานความคืบหน้าหรือยังว่าคดีที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับประเด็นใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ยังไม่มีการรายงานอะไรขึ้นมา ทางผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องไปตรวจสอบกันก่อน ไม่ใช่ว่าไปทำวันเดียวแล้วเสร็จ เรื่องนี้ตั้งไว้หลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของความขัดแย้ง ชู้สาว ขัดแย้งผลประโยชน์ในพื้นที่ เรื่องแบบนี้สอบได้ไม่ง่าย
"เสียใจกับครอบครับที่ถูกฆาตกรรมด้วย นี่หรือ แผ่นดินธรรม พวกคนก็จะเอาแต่เรื่องการเมืองมากอดไว้ มันไม่ได้ เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ และต้องไม่เกิดขึ้นอีก
วันนี้เราก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอยู่ดี จะไปบอกว่าตำรวจไว้ใจไม่ได้มันไม่ใช่ เพราะตำรวจที่ดีก็ตั้งใจทำงาน ส่วนคนไม่ดีก็เอาออกไปลงโทษด้วยกลไกทางกฎหมาย กระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจนเท่านั้นเอง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ร่างฯ แห่ง ความเชื่อมั่นและไว้ใจกันของสังคม



ร่างฯ แห่ง ความเชื่อมั่นและไว้ใจกันของสังคม
โฆษกกห.เผย “ร่างสัญญาประชาคม” ปรับแก้แล้ว พร้อมเปิดเวที 17-20ดค.นี้แล้ว ชี้เป็นความพยายามร่วมกันของประชาชนในการหาทางออกจากความขัดแย้ง /ชี้"ร่างสัญญาประชาคม” จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความเชื่อมั่นและไว้ใจกันของสังคม

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการจัดทำร่างสัญญาประชาคมว่า ขณะนี้ ได้ปรับความเหมาะสมของเนื้อหาร่างสัญญาประชาคม ตามคำแนะนำของคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง เรียบร้อยแล้ว
โดยอยู่ระหว่างประสานความพร้อม เพื่อเตรียมชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในภูมิภาคต่างๆ ระหว่าง 17 - 20 ก.ค.60 ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร นครราชสีมา พิษณุโลกและนครศรีธรรมราช ตามลำดับ
ทั้งนี้ การจัดทำ “ร่างสัญญาประชาคม” ฉบับนี้ ได้ดึงความเห็นร่วมที่สอดคล้องและตรงกันของประชาชนในประเด็นการสร้างความสามัคคีปรองดอง จากเวทีการรับฟังทั่วประเทศที่ผ่านมา มาพิจารณาร่วมกับผลการศึกษาด้านการปฏิรูปและการปรองดองของคณะกรรมการต่างๆที่เคยมีมา เช่น คณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
รวมทั้งรายงานวิจัย การสร้างความปรองดองแห่งชาติ ของสถาบันพระปกเกล้า และคู่มือสันติวิธี สถาบันยุทธศาสตร์สันติวิธี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยพิจารณาถึงทิศทางร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ และความสอดคล้องตามกรอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
โดย กล่าวนำถึง สภาพสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตามสภาพแวดล้อมสังคมโลก ความไม่พร้อมต่อการปรับตัวและการบริหารจัดการที่ไม่สมดุลและเป็นธรรมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเกิดปัญหาต่างๆของสังคมตามมาเป็นวงกว้าง
“ร่างสัญญาประชาคม” ที่จัดทำขึ้น มีสาระสำคัญ ถึงความตระหนักร่วมกันต่อปัญหาที่ผ่านมา ความเข้าใจร่วมกันเพื่อการปรับตัวและความจำเป็นที่ทุกคน ต้องร่วมมือร่วมใจเข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหาของประเทศอย่างจริงจัง ด้วยคำมั่นต่อกัน ที่เน้นในสำนึกหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกัน ในการสนับสนุน ส่งเสริม เรียนรู้และร่วมมือกันปฏิบัติ
โดยยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรม หลักศีลธรรมอันดีงามของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างถูกต้อง เหมาะสม ยอมรับความแตกต่างทางความคิด เคารพและไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นภายใต้กรอบของกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ที่ยึดเอา หลักความถูกต้อง ชอบธรรม ความเสมอภาค ไม่สร้างเงื่อนไขที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม โดยน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” เป็นภูมิคุ้มกันของสังคมร่วมกัน
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า สำหรับข้อมูลความเห็นร่วมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากประเด็นการสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่ได้รับจากประชาชนนั้น ถือว่ามีคุณค่ายิ่งต่อการบริหารงานของรัฐบาล และการจัดการร่วมกันเพื่อการปฏิรูปประเทศในทุกมิติต่อไป
และเชื่อมั่นว่า การชี้แจง สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชนอย่างกว้างขวางใน “ร่างสัญญาประชาคม” ที่ร่วมกันจัดทำขึ้น จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความเชื่อมั่นและไว้ใจกันของสังคม ที่จะพัฒนาไปสู่การมีส่วนร่วมและความร่วมมือร่วมใจกันอย่างเป็นรูปธรรม ในการนำพาประเทศก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคทั้งปวง สู่จุดหมายร่วมกัน คือ การอยู่ร่วมกันอย่างสงบและสันติสุข ด้วยบรรยากาศของการปรองดองสามัคคีกัน

ปฏิรูป "ข่าวกรอง" รับมือ ภัยคกคาม ทั้งระบบ เชื่อมData linkกับ 27 หน่วยงาน



ปฏิรูป "ข่าวกรอง" รับมือ ภัยคกคาม ทั้งระบบ เชื่อมData linkกับ 27 หน่วยงาน
"บิ๊กป้อม" ถก คณะกรรมการความมั่นคง อนุมัติ แผนปฏิรูปข่าวกรอง และการเชื่อมโยง Data linkage กับ 27 หน่วยงาน ทั้งราชการ และ รัฐวิสาหกิจ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการทำข่าวกรอง วิเคราะห์ ภัยคุกคาม/ ไฟเขียว ใช้แอพพลิเคชั่น ในการ ถอดรหัส ข้อมูลที่มีชั้นความลับ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการ อำนวยการปฏิรูปงานความมั่นคง ที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)
พลเอก ทวีป เนตรนิยม เลขาฯสมช. เผยว่า ในการประชุม ได้มีการ อนุมัติ แผนการปฏิรูปข่าวกรอง ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ(สนข.) แล้ว
รวมทั้ง ขอความเห็นชอบ ต่อที่ประชุม ในการเชื่อมโยง Data linkage กับ 27 หน่วยงาน ทั้งราชการ และ รัฐวิสาหกิจ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการทำข่าวกรอง วิเคราะห์ ภัยคุกคาม โดยจะต้อง นำเข้าที่ประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนกสรบริหารราชการแผ่นดินและยุทธศาสตร์ชาติ คณะ5 ที่มี พลเอกประวิตร เป็นประธาน ก่อนที่จะนำเข้า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังอนุมัติเริ่อง
ฐานข้อมูลความมั่นคง เพิ่อไว้ ใช้ประโยชน์ ในการวิเคราะห์ และประเมิน ภัยคุกคาม ต่างๆ ของหน่วยความมั่นคง
รวมทั้งการทำ แอพพลิเคชั่น ในการ ถอดรหัส ข้อมูลที่มีชั้นความลับ ด้านความมั่นคง
นอกจากนี้ ยังรับทราบ แผนแม่บท และแผนโครงสร้าง ของกระทรวงกลาโหม และแผนการเพิ่ม ขีดความสามารถ ของกลาโหม ในด้านการวิจัยพัฒนา และอุตสาหกรรมป้องกัน ประเทศ
และรับทราบ การปฏิรูปองค์กรตำรวจ โดยที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบตร. ได้ ชี้แจงความคืบหน้า และการทำงานร่วมกับ คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่มี พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ. เป็นประธาน เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ ตามแนวทางที่นายกฯ สั่งการ

"กอ.รมน."เปิดเวทีสาธารณะ ในค่ายทหารแจง"ร่างสัญญาประชาคม" ฉบับ"บิ๊กเจี๊ยบ"



"กอ.รมน."เปิดเวทีสาธารณะ ในค่ายทหารแจง"ร่างสัญญาประชาคม" ฉบับ"บิ๊กเจี๊ยบ"17-20กค.นี้ กทม.-โคราช-พิษณุโลก-นครศรีฯ เชิญชวนประชาชนร่วมแสดงความเห็น ก่อนทำ"ร่างสัญญาประชาคม"ฉบับสมบูรณ์" ยัน ยึด"ประชาชนเป็นศูนย์กลาง"

พ.อ. พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยถึงกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองว่า จากที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ได้เสนอข้อมูล ข้อคิดเห็น ให้คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง(คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 1) และได้ร่วมในกระบวนการทบทวนสรุปข้อคิดเห็นกับคณะอนุกรรมการพิจารณาบูรณาการข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง(คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 2) ไปแล้วนั้น
ในขณะนี้คณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อความสามัคคีปรองดอง (คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 3) ที่มี
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.เป็นประธานได้จัดทำ "ร่างสัญญาประชาคม"เสร็จเรียบร้อยแล้ว
และได้กำหนดการชี้แจงให้แก่พี่น้องประชาชนทุกๆกลุ่มได้รับทราบ ก่อนที่คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 3 จะพิจารณาจัดทำร่างสัญญาประชาคมฉบับสมบูรณ์ต่อไป
และเพื่อให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการสร้างความสามัคคีปรองดอง จึงได้จัดให้มีเวทีสาธารณะขึ้นในภูมิภาคต่างๆ และคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อความสามัคคีปรองดอง(คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 3) จะทำการชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบเพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจในรายละเอียดของร่างสัญญาประชาคม ดังนี้.-
พื้นที่ภาคกลาง ในวันจันทร์ ที่ 17 ก.ค.60 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ สโมสรกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1(บก.ทภ.1) กทม.
พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันอังคาร ที่ 18 ก.ค.60 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ สโมสรร่วมเริงไชย กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 (บก.ทภ.2) ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
พื้นที่ภาคเหนือ ในวันพุธ ที่ 19 ก.ค.60 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ อาคารกีฬาเอนกประสงค์ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ กองบัญชาการช่วยรบ ที่ 3(บชร.3) จังหวัดพิษณุโลก
พื้นที่ภาคใต้ ในวันพฤหัสบดี ที่ 20 ก.ค.60 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ สโมสรรื่นฤดี ค่ายวชิราวุธ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4(บก.ทภ.4) จังหวัดนครศรีธรรมราช
ในการดำเนินการ กอ.รมน. ได้บูรณาการร่วมกันกับทุกๆจังหวัด โดย กอ.รมน.จังหวัด จะเรียนเชิญพี่น้องประชาชนจากกลุ่มต่างๆ ที่ได้เคยให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะฯในขั้นตอนของการรับฟังความคิดเห็นฯจากทุกจังหวัด รวมเป็นพื้นที่ภูมิภาคละประมาณ 300 – 500 คน เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงฯ
กอ.รมน. จึงขอเรียนเชิญผู้แทนของกลุ่มต่างๆที่เคยมาร่วมแสดงความคิดเห็นได้มาร่วมประชุมเพื่อรับฟังร่างสัญญาประชาคมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาร่างสัญญาประชาคมให้มีความสมบูรณ์ ก่อนที่จะนำเสนอให้คณะกรรมการสร้างความสามัคคีปรองดองต่อไป