PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

‘เผาหัว’ ให้ร้อนไปอีก

‘เผาหัว’ ให้ร้อนไปอีก

น่าจะลัดคิวมาเป็นการเฉพาะเจาะจงเลย

กับฉากอีเวนต์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ได้นำทีมประชาสัมพันธ์การจัดแสดงผลงานผลิตภัณฑ์จากยางพาราและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพารา

ว่ากันตามท้องเรื่อง “Today Life’ Rubbers”

แล้วก็เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่พูดดังๆกลางงานเลยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำบัญชีรวบรวมความต้องการใช้ยางพาราของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเสนอขออนุมัติงบประมาณนำไปสนับสนุนการผลิตใช้ในประเทศ

เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ แก้ปัญหาราคายางด้วยกลไกในประเทศก่อน

นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งขยายตลาด เพิ่มกำลังซื้อจากประเทศจีนที่เป็นประเทศที่สั่งซื้อยางพาราจากไทยเป็นจำนวนมาก ถือเป็นผลประโยชน์การค้าต่างตอบแทนที่ไทยต้องได้ผลประโยชน์ด้วย

ตามรูปการณ์ที่ผู้นำรัฐบาล คสช.แสดงถึงความพยายามแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

ไม่ได้นั่งเฉยๆ หรือโบ้ยให้ไปขายดาวอังคาร

ขณะที่ พล.อ.ฉัตรเฉลิมก็ออกปากปรามนักการเมืองทำอะไรให้อยู่ในกรอบการนำชาวสวนยางมากดดันรัฐบาลมากๆ ผู้ที่ได้ประโยชน์คือผู้ที่กดดัน แต่ชาวสวนไม่ได้อะไรมาก

รีบดักคอดักทางขบวนการปลุกม็อบป่วน

ในสถานการณ์ที่ชาวสวนยางในภาคใต้ส่งเสียงคำรามฮึ่มๆ จะไม่ทนอีกต่อไป

ล้อกับจังหวะที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำขาใหญ่กลุ่ม กปปส.เปิดบ้านในจังหวัด สงขลา เรียกตัวแทนชาวสวนยางในพื้นที่ภาคใต้ นัยว่าระดมสมองหาวิธีแก้ปัญหาราคายางพารา

แต่แฝงด้วยลูกติดพันฟาดหางหนักๆ

ตะโกนไล่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้ลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่มีน้ำยาในการแก้ปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ

ตามสภาวการณ์ที่สุ่มเสี่ยงกับภาวะ “โรคแทรก” ทางการเมือง

โดยเฉพาะเรื่องยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ก็รู้กันอยู่ว่า

เป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองของป้อมค่ายไหน คุมเกมเล่นได้ทุกรอบปี

เรื่องของเรื่อง มันก็เข้าเหลี่ยมสถานการณ์แบบที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อ่านขาดว่า ปัญหาพืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ เป็นหัวเชื้อ “อันตราย” ที่รัฐบาลต้องพยายามประคองสถานการณ์ ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม

แบบที่ล่าสุดมีการอนุมัติงบฯ 2.5 หมื่นล้านบาท เดินหน้ามาตรการอัดฉีด

เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรฐานรากไปบรรเทาภาวะปากท้องเฉพาะหน้า

ซื้อใจชาวนา ชาวไร่ สกัดม็อบตั้งแต่ต้นทาง

แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ “บิ๊กตู่” และกัปตันทีมเศรษฐกิจพยายามอุดช่องโหว่ปมพืชผลเกษตรราคาตกต่ำกันทุกวิถีทาง

มันก็บังเอิญมีปมร้อนมา “เผาหัว” ให้ระอุเข้าไปอีก

ตามสถานการณ์ล่าสุดที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ยอมรับว่า มีการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ T–50TH จากประเทศเกาหลีใต้ให้กับกองทัพอากาศ เพิ่มอีก 8 เครื่อง

วงเงินงบประมาณ 8,800 ล้านบาท

เข้าเหลี่ยม “นักร้องขาประจำ” อย่างนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร่อนแถลงการณ์ จี้ให้คณะรัฐมนตรีชะลอการจัดซื้อเครื่องบิน T–50TH

เพราะอาจขัดรัฐธรรมนูญ และไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน

ตีปี๊บสอนมวยเลยว่า กระทรวงกลาโหม และ ครม.ควรจะมีสำนึกถึงความยากแค้นของพี่น้องประชาชนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการขายสินค้าทางการเกษตรในราคาที่ตกต่ำสุดๆ

ตอกย้ำ “จุดเปราะบาง” ในสถานการณ์ที่รัฐบาลก็อ้ำๆอึ้งๆ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: