PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

บุกค้น สนง.ทนายความและสถานีวิทยุชุมชนของแกนนำเสื้อแดง เพชรบูรณ์

จันทร์ 26/5/57
บุกค้น สนง.ทนายความและสถานีวิทยุชุมชนของแกนนำเสื้อแดง เพชรบูรณ์
15.00 น. ทหาร และ ตร.สนธิกำลังตรวจค้นสำนักงานทนายความของนายสิทธิชัย ต๊ะอาจ แกนนำ นปช.เพชรบูรณ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านเคหะ ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์
จากนั้นได้เข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชนคลื่นไอเดียเรดิโอ 104.25 MHz ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เบื้องต้นยึดสิ่งของหลายรายการ เช่น มีดดาบ, สปาต้า, วิทยุสื่อสาร, เสื้อและกระเป๋าลายทหาร โดยเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมสิ่งของที่ตรวดยึดไว้ไปตรวจสอบเพื่อดำเนินการต่อไป
-----------
ทลายแหล่งฝึกอาวุธการ์ด นปช.กลางสวนลำไยลำพูน รวบ 2 เสื้อแดงพร้อมอาวุธ-เสื้อเกราะอื้อ
ทหารสนธิกำลังตำรวจทลายรังฝึกอาวุธการ์ด นปช.กลางสวนลำไยลำพูนของ “เสี่ยอิ้ง” ชาวโคราช รวบผู้ต้องสงสัย 2 คน หนีไปได้ส่วนหนึ่ง ค้นเจอหลักฐานเพียบ ทั้งปืน-เสื้อเกราะ-สัญลักษณ์เสื้อแดง นปช. พร้อมป้ายไวนีลระบุชื่ออดีต ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย
บ่ายวันนี้ (26 พ.ค.) พ.อ.บุญยืน อินกว๋าง ผบ.กกล.รส.ร.7 สย.1 พร้อมกำลังทหารกว่า 30 นาย พล.ต.ต.จรัณฐค์ วรพัฒนานันท์ ผบ.ภ.จว.ลำพูน และกำลังตำรวจอีก 20 นาย ร่วมตรวจค้นภายในสวนลำไยพื้นที่ประมาณ 40 ไร่ เลขที่ 184 หมู่ 12 บ้านเชตวัน ต.เหมืองจี้ อ.เมือง จ.ลำพูน ซึ่งเป็นสวนลำไยของ “เสี่ยอิ้ง” ชาว จ.นครราชสีมา
เนื่องจากสืบทราบว่าที่สวนลำไยแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ฝึกการใช้อาวุธในการต่อสู้ของกลุ่มการ์ด นปช. และมีการซุกซ่อนอาวุธจำนวนมาก พบชายฉกรรจ์ 5 คนพากันวิ่งหลบหนีทันทีเมื่อเห็นทหารเข้าไป ซึ่งสามารถจับกุมได้ 1 คน ทราบชื่อคือ นายไพรัช สิงห์คำ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 4 ต.ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน
นอกจากนี้ ยังพบนางเสาวณี อิ่นตะหล่อ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/1 หมู่ 5 ต.ท่าวังพร้าว อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ภรรยาของนายสมพงษ์ พันธะจักร อายุ 50 ปี ที่วิ่งหลบหนีไป รับว่าเป็นคนเฝ้าสวนลำไย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารได้เข้าไปทำการตรวจค้นภายในสวน พบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีเขียว-ขาว ไม่ติดป้ายทะเบียน 1 คัน รถจักรยานยนต์ซูซุกิ สีแดง ทะเบียน กยษ 327 และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ ไม่ติดป้ายทะเบียน 1 คัน รวม 3 คัน
อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก ปืนสั้นดัดแปลงขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก ลูกปืนขนาด .22 จำนวน 2 นัด ลูกปืนอาก้า 1 นัด สื้อเกราะกันกระสุน 8 ตัว หน้ากากสีแดงสัญลักษณ์ นปช. 1 อัน เสื้อเชิ้ตสีขาว และสีดำติดโลโก้กลุ่ม นปช. 2 ตัว ป้ายไวนีล ขนาด 1.5 เมตร ระบุชื่ออดีต ส.ส.ลำพูนคนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ 8 เครื่อง ธงสีแดงสัญลักษณ์ นปช. 1 ผืน ผ้าพันคอสีแดงของ นปช. 1 ผืน รองเท้าคอมแบตแบบทหารสีดำ 1 คู่ CD เพลงปลุกใจ ของกลุ่ม นปช. 3 แผ่น วิทยุสื่อสาร สีดำ 1 เครื่อง หมวกสีเขียว 1 ใบ ภาพภาพที่ถ่ายกับบุคคลสำคัญและแกนนำ นปช. สมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงเทพ 2 เล่ม กระติกน้ำดื่มแบบทหาร 1 อัน และเอกสารเกี่ยวกับกลุ่ม นปช. 1 แฟ้ม เงินสด 3,700 บาท
เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ พร้อมควบคุมตัวทั้ง 2 คนไปสอบสวนขยายผลต่อไป
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000058707


คดี "สลายม็อบ" กปปส. หลอน "ยิ่งลักษณ์-ศรส."

วันนี้ (26 พ.ค.57) ศาลอาญา นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีที่ญาติผู้เสียชีวิต จากเหตุสลายการชุมนุมของ กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2557 ที่ผ่านมา ยื่นฟ้องให้ดำเนินคดีเอาผิดกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
คดีการสลายชุมนุมดังกล่าว ญาติของผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลอาญา โดยเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2557 นางจงจิต แซ่ด่าน ภรรยาของนายศรัทธา แซ่ด่าน ผู้ตาย และ น.ส.อุมาพร อ่างทอง มารดาของนายจีรพงษ์ ฉุยฉาย ผู้ตาย ได้มอบอำนาจให้ นายชัยวัฒน์ สิทธิสุขสกุล และ น.ส.รัตนา ผาแก้ว ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ผอ.ศรส.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เป็นจำเลยที่ 1-6 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 และ 84 รวม 2 สำนวน
โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2557 จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภาค 2 และตำรวจควบคุมฝูงชน หรือตำรวจปราบจลาจล ที่มีจำเลยที่ 5 และ 6 เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง ผลักดันผู้ชุมนุมเพื่อจะสลายการชุมนุม หรือขอคืนพื้นที่
โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ มีอาวุธ ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ในการสงคราม คือ แก๊สน้ำตา อาวุธปืนสั้น ปืนลูกซอง ระเบิด และปืนสงคราม มีกระสุนจริง และกระสุนซ้อม เป็นอาวุธประจำกาย ซึ่งการใช้อาวุธและยกกำลัง เข้าสลายการชุมนุม ไม่เป็นไปตามหลักสากล และแนวทางปฏิบัติ ในการควบคุมฝูงชนและปราบจลาจลที่ถูกต้อง
โดยจำเลยทั้งหกประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ซึ่งจำเลยทั้งหกสั่งการดังกล่าวจะใช้กระสุนปืนและอาวุธปืนยิงใส่ผู้ชุมนุมโดยเจตนาฆ่า เป็นการใช้เครื่องมือสลายการชุมนุมที่เกินกว่าความจำเป็น และไม่สุจริต เพราะมุ่งเพียงสลายหรือยุติการชุมนุมให้ได้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการสั่งการในเชิงห้ามปรามเพื่อป้องกันผลร้ายนั้น
และการสั่งการและกำกับการโดยจำเลยทั้งหก อยู่ในระหว่างที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้กระทำการรุนแรงดังกล่าวต่อผู้ชุมนุม และศาลรัฐธรรมนูญได้รับรองว่า การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.เป็นการชุมนุมโดยสงบ
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ นายจีรพงษ์ ฉุยฉาย ถูกยิงบริเวณหน้าอก ทะลุปอด ตัดเส้นเลือดดำและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายศรัทธา แซ่ด่าน ผู้ตาย อีก 1 ราย ถูกยิงบริเวณหน้าอกใต้ราวนมด้านขวาและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำหรับคดีนี้โจทก์ไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากโจทก์ไม่ไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ จึงประสงค์จะดำเนินคดีด้วยตัวเอง
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ศาลอาญาได้รับฟ้องทั้งสองคดีดังกล่าว นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์วันที่ 26 พ.ค. นี้
ขณะที่เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา นางขิ้ม รัตนคช มารดา นายธนูศักดิ์ รัตนคช ผู้ตาย และ นางอารียา บุญรุ่ง ภรรยา นายสุพจน์ บุญรุ่ง ผู้ตายจากเหตุเดียวกัน ก็ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ และบุคคลทั้ง 5 ในข้อหาเดียวกันต่อศาลอาญา
แต่ช่วงท้ายของคำฟ้อง ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ นายสุพจน์ และ นายธนูศักดิ์ ถูกกระสุนปืนยิงมีบาดแผลฉกรรจ์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
2 คดีหลังนี้ ศาลอาญารับคำฟ้องไว้เพื่อพิจารณากำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
นายชัยวัฒน์ สิทธิสุขสกุล ทนายความของญาติผู้เสียชีวิต บอกว่า เหตุการณ์ที่แยกผ่านฟ้าฯ ทำให้ประชาชนเสียชีวิตรวม 4 ราย โดยแต่ละคดีมีพฤติการณ์แตกต่างกัน จึงต้องแยกฟ้องเป็นรายคดี นอกจากนี้ยังมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บอีก 60 คน ที่อยู่ระหว่างประสานงานว่าจะให้ตนเองเป็นทนายความดำเนินการฟ้องร้องให้หรือไม่
แม้ว่าขณะนี้ นางสางยิ่งลักษณ์ และ พวก จะได้พ้นอำนาจหน้าที่การบริหารราชการแผ่นดินไปแล้ว แต่ผลพวงจากการบริหารงานในช่วงเป็นรัฐบาลรักษาการ ยังเป็น "วิบากกรรม" ติดตัว ที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แก้ตัวและต่อสู้ในคดีต่างๆ
ส่วนท้ายที่สุดแล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์ และ พวก จะต้องรับโทษรับกรรมที่เกิดจากการกระทำบ้างหรือไม่ ต้องติดตามกันไปนานๆ
# กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 26-05-57

ปปช.ชี้มูลบอร์ดกทค. ประมูล 3 จีส่อ "ฮั้ว"


อนุ ปปช.ชี้มูลความผิดบอร์ดกทค. 4 คน จัดประมูล 3จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ปลายปี 2555 ส่อเค้าเอื้อประโยชน์เอกชนฮั้วราคากันเอง เหตุไม่เสนอราคาแข่งกันทำรัฐเสียหาย จัดประมูลให้ไลเซ่น 3 ใบเท่าจำนวนค่ายมือถือร่วมประมูล

รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการป.ป.ช. สรุปผลสอบสวนกรณีจัดประมูลอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ หรือการประมูล 3จีของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2555 ว่า การประมูลครั้งดังกล่าวมีเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน จนทำให้รัฐเสียหาย โดยหลังจากนี้จะนำผลชี้มูลความผิดดังกล่าวเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อรับทราบต่อไป

ผลชี้มูลความผิดดังกล่าวมีผลตั้งแต่เดือนมี.ค.2557 โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)ทราบผลนี้ แต่ไม่เปิดเผยต่อที่ประชุมบอร์ด กทค. ขณะเดียวกัน บอร์ดกทค.ยังพยายามเร่งเปิดประมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 4จีและเร่งประชาพิจารณ์ในต้นเดือน มิ.ย. 2557

โดยบอร์ด กทค.ที่อนุป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดคือ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร นายสุทธิพล ทวีชัยการ และนายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ ส่วนนายประวิทย์ ลีสถาพรวงศา ไม่ถูกชี้มูลความผิดเพราะไม่ได้ลงนามในมติจัดการประมูล 3จีดังกล่าว

สำหรับประเด็นการตรวจสอบการทุจริตการประมูล 3จี ตั้งแต่ปลายปี 2555 หลายฝ่ายได้สอบสวนเพราะราคาการประมูลที่ได้สูงกว่าราคาตั้งเพียงเล็กน้อย โดยกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เคยเรียกประชุมกรรมาธิการนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาแนวทางการตรวจสอบ และชะลอการออกใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่ 3จี หลังหลายฝ่ายท้วงติงการประมูลอาจเข้าข่ายการฮั้วประมูล

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตส.ว.สรรหา ประธานอนุกรรมาธิการกฎหมายป้องกันการทุจริตและเสริมสร้างความเป็นธรรมในสังคม ได้ทำหนังสือสรุปผลการศึกษาถึงการประมูล 3จี ของสำนักงานคณะกรรมการกสทช. สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ผู้วิจัยของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าการประมูล 3 จีของกสทช. ซึ่งมีผู้ให้บริการรายใหญ่เพียง 3 รายเข้าร่วมการแข่งขัน อาจเป็นสิ่งที่ตั้งข้อสังเกตได้ว่า ผู้บริการทั้ง 3 ราย จะได้รับใบอนุญาตตั้งแต่ยังไม่ประมูล

เมื่อศึกษารายละเอียดในรายงาน ยังพบว่า ผู้วิจัยได้ยกตัวอย่างไว้ว่า หากมีบริษัทเข้าร่วมประมูลเพียงแค่ 3 ราย กสทช. ต้องตั้งราคาไม่ต่ำกว่า 82% ของมูลค่าความถี่คลื่น 1 สล็อต แต่ กสทช. กลับตั้งราคาเริ่มต้นไว้เพียง 70% เท่านั้น

การนำเสนอข้อมูลของกรรมาธิการหลายคนที่เห็นตรงกันในเรื่องการประมูล 3 จีของ กสทช. ว่า อาจส่อเค้าฮั้วประมูลเกิดขึ้น ทำให้ที่ประชุมมีมติจะส่งข้อมูลของกรรมาธิการให้ป.ป.ช. ประกอบการพิจารณาในการดำเนินการกับคณะกรรมการกสทช. ซึ่ง ป.ป.ช.ได้พิจารณามาตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.2555

การประมูลคลื่นความถี่ 3จี เมื่อปี 2555 นั้น มีการจัดสรรคลื่นความถี่ 9 สล็อตๆ ละ 5 เมกะเฮิรตซ์ รวม 45 เมกะเฮิรตซ์ มีผู้ร่วมประมูล 3 ราย คือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น ผลสรุปประมูลทั้ง 3 รายได้ใบอนุญาตเท่ากันที่ 3 ใบ รายละ 15 เมกะเฮิรตซ์ วงเงินรวมการประมูลอยู่ที่ 41,625 ล้านบาท มีผู้เคาะราคาใบอนุญาตราคาที่ 4,500 ล้านบาท จำนวน 6 สล็อต 4,725 ล้านบาท 1 สล็อต และ 4,950 ล้านบาท 2 สล็อต ถือเป็นวงเงินสูงสุด เท่ากับว่าการเคาะราคาแข่งกันเพิ่มขึ้นจากราคาตั้งต้นการประมูลที่ 4,500 ล้านบาท เพียง 3 สล็อตเท่านั้น

นักธุกิจสหรัฐอัดรมว.กต.จุ้นการเมืองไทย



นักธุรกิจของสหรัฐฯ ทำจดหมายถึง รมว.กต. สหรัฐฯ และ ccถึง ฑูตสหรัฐในไทย"คริสตี้" ในฐานะผู้เสียภาษีให้รัฐบาลโอบามา แสดงการไม่เห็นด้วย กับท่าทีของ กต.สหรัฐฯ ต่อการรัฐประหารในไทย และการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ...

โดยชี้ให้เห็นว่าการรัฐประหารได้รับการยอมรับ และเป็นความต้องการ ของคนไทย ส่วนใหญ่ของประเทศ หากสหรัฐฯ ยังแสดงท่าทีสนับสนุน ระบอบทักษิณ ทีเป็นโจรปล้นประเทศ และฆาตกร สหรัฐฯ จะทำให้คนไทยที่ มีความรู้สึกดีกับสหรัฐฯ กลายเป็นศัตรู แม้ว่าหลักการของสหรัฐฯ จะไม่รับรองการรัฐประหาร แต่การลดเงินช่วยเหลือและมาตรการบางประการ น่าจะเพียงพอแล้ว และ การไทยที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง เป็นเพราะมีปัญหากาเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยศาลรธน.ถือว่าเป็นโมฆะ ท้ายสุดขอให้ กต.สหรัฐฯ ยุติการข่มขู่ และแทรกแซงกิจการภายในของไทย

คุณกำลังจะได้เห็น ในสิ่งที่คุณไม่เคยได้เห็นในประเทศไทย


คุณกำลังจะได้เห็น ในสิ่งที่คุณไม่เคยได้เห็นในประเทศไทย
ผมกำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ประวัติศาสตร์ชาติไทย
ถ้า ท่านประยุทธ์ กำลังทำในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น แม้กระทั่ง พ่อตาผมอายุ 84 ปี มีชีวิตผ่านมา 3 รัชการ ( 7- 8 -9 ) ท่านก็ยังอดที่จะชื่นชมไม่ได้
ณ เวลา นี้ ทาง คสช. กำลังเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับภาคการเมือง ทุกคน ทุกเพศ มาเข้ารายงานตัวทั้งหมด!!!
ล่าสุด เรียกทนาย ที่ทำถุงขนมตก 2 ล้านบาทที่หน้าศาล ก่อนที่ทักษิณจะบินไปดูโอลิมปิก
เรียก เลขา ของพจมาน มารายงานตัว
เรียก โอ๊คอ๊าค เข้ารายงานตัว
และกำลังจะเรียกอีกหลายๆคนรายงานตัว
พูดง่ายๆ ทหารต้องการทราบถึง "จิ๊กซอว์" ทุกชิ้น ในระบอบทักษิณ
มันน่าสนุกตรงไหนรู้ไม๊ครับ มันน่าสนุกตรง
ไอ้พวกกลุ่มแรก มันพูดอะไรไปแล้วบ้าง ไอ้กลุ่มหลังๆ จะพูดอะไร แมร่งจะย้อนแย้ง กลุ่มแรกป่าวว๊ะ?? แค่คิดก็โคตรสนุกแล้ว!!!
พรุ่งนี้ ก็มีการเรียกผู้บริหาร "สื่อ" หลักทั้งหมด เข้าประชุม
เรียก ผู้ประกอบการด้าน "พลังงานเชื้อเพลิง" เข้ามาคุย
ระงับการดำเนินการของ ร้านรับแลกเงินที่ใหญ่อันดับต้นๆของไทยอย่าง Super Rich
ย้าย อดุลย์ / ธาริต / นิพัทธ์ เข้ากรุ
เอก อังสนานนท์ + วินัย ทองสอง + พงศพัศ พงษ์เจริญ สามคนนี้ ไม่รู้จะนั่งร้องไห้ที่ไหน เพราะแต่ละคนกำลังลุ้นตำแหน่ง ผบ.ตร คนใหม่ หลัง อดุลย์ เกษียณ แต่แล้วท่านประยุทธ์ ก็ไม่ทำให้คนส่วนใหญ่ผิดหวัง
ระบบ ตำรวจที่เป็นปัญหาหลักของบ้านเรามานาน
"รัฐตำรวจ" กำลังจะโดนล้างเป็นที่แรก
อย่าได้แปลกใจนะครับ ถ้าคำสั่งย้าย จะปลิวว่อนยิ่งกว่าการโปรยไปรษณียบัตร ชิงโชค บอลโลก
ประชา พรหมนอก ถูกจับ คาสนามบินสุวรรณภูมิ
ระงับ ธุรกรรมทั้งหมดของ จารุพงศ์ - จาตุรนต์
เด๊๋ยวถ้าเปิดมาวันจันทร์ ผมเชื่อว่า การจัดระเบียบจะเข้มข้นกว่านี้
ข้าราชการที่เกียร์ว่าง
ข้าราชการที่อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ
ข้าราชการที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
กำลังจะโดนล้างบาง
เชื่อผมสิ ถึงช่วงวันจันทร์เป็นต้นไป ช่วงวันทำการ เราไม่มีทางเห็นพวกจุดเทียน พวกตามหานกพิราบ พวกที่จะมาแดก McDonald ฯลฯ มาประท้วง หรอกครับ
เพราะทหารจะจับตัวขังเล่นๆสัก 2 วัน นอนห้องพัดลมให้ยุงแดก แล้วปล่อยตัวไปอีก 2-3 วันถัดไป ให้เจ้านายที่ทำงาน เค้าถามเล่นๆว่า
"มึงขาดงานไปไหนมา"
ถ้าตอบว่า โดนทหารจับ แมร่งก็คงเจอ "ซองขาว" ตามมาแน่นอน
ผมถึงอยากถามอีกครั้ง ถึงพวกที่มาบอกว่า
" รัฐประหารทำประเทศล้าหลัง"
ผมอยากถามว่า ตรงไหน?
ยิ่งมาด่าว่าทหารเผด็จการ!! ผมก็จะถามว่า ในการใช้ชีวิตประจำวันของพวกมึง นอกจากเวลา 4 ทุ่มที่ต้องเข้านอนที่บ้านแล้ว
พวกมึงโดนบังคับขืนใจ ตรงไหนบ้าง?
การ์ตูนกลับมาแล้ว
ละครแย่งผัวกลับมาแล้ว
เกมส์โชว์กลับมาแล้ว
ทอร์กโชว์ ที่อวยกันจนKวยแฉะก้กลับมาแล้ว
เล่าข่าวหน้าง่าว ก็กลับมาแล้ว
มึงจะ กิน ขี้ ปี้ นอน ไม่มีใครมาจัดระเบียบตรงนี้ให้พวกมึงเลยนะ
ชีวิตพวกมึงโดนเบียดเบียนตรงไหนว๊ะ??
ล่าสุดไปอ่าน ความคิดเห็นของคนกลุ่มนึง
เอาความที่เป็น "รัฐศาสตร์ + นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์" มาอ้าง ว่ารัฐประหาร นี้ไม่ชอบด้วยกฏหมาย กำลังจะระดมกลุ่มคนที่มีความคิดแนวนี้มารวมตัว
ผมอยากจะถุยใส่เบ้าตา แล้วบอกว่า
ณ Moment ก่อนที่ ท่านประยุทธ์จะประกาศยึดอำนาจ
ท่านแมร่ง Balance ทั้ง นิติศาสตร์ และ รัฐศาสตร์ หมดทุกอย่างแล้ว
การถอนฟ้องทุกคดี ให้กับแกนนำ เพื่อจะได้มานั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว นี่คือ ศาสตร์ของ "รัฐศาสตร์" ล้วนๆ
แต่พอเข้าที่ประชุม ทุกคนแมร่ง พูดแต่เรื่อง "ทำไม่ได้ ผิดกฏหมาย"
แมร่งเอานิติศาสตร์นำธง ไม่ยอมทั้งหมดทั้งมวล
เอาหลักกฏหมายมาอิง
จนเป็นที่มาของประโยคที่ว่า
"ผมขอโทษ ผมต้องยึดอำนาจ"
ผมเลยละเหี่ยใจชิบหาย อ้าง นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ กันให้วุ่นวาย
ทั้งๆที่พ่อนักการเมืองที่พวกมึงบูชานั่นแหละ ที่ไม่ยอมใช้หลัก นิติศาสตร์ ควบคู่กับรัฐศาสตร์
ที่สำคัญ ขาดจริยธรรมเป็นที่สุด
สุดท้ายแล้วก็เจอ
"พลศึกษาศาสตร์" เข้าไป
จนชายที่กล่าวกันว่า เป็น "รัฐมนตรี ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" ยังต้องยอมศิโรราบ
หึหึหึ
CR:Chackrit Suwannasarn

สัญญาน?เสียงยั่วยุจากลำโพงทหารที่อนุสาวรีย์ชัย26พ.ค.57

เหตุการณ์ ม็อบต้านรัฐประหาร 26 พ.ค.57



17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 2 กองร้อย นำกำลังมาวางแนวบริเวณทางเข้าถนนพญาไททั้งสองฝั่งถนน พร้อมนำรถติดเครื่องขยายเสียงมาประชิดหลังแนวเจ้าหน้าที่ทหาร โดยเจ้าหน้าที่ทหารกล่าวบนรถติดเครื่องขยายเสียงว่า ขอให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ ทหารมารักษาความสงบ เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย แต่ผู้ชุมนุมสร้างปัญหา

ถ้าผู้ชุมนุมใช้อาวุธ เจ้าหน้าที่จะตอบโต้อย่างรุนแรง คนที่เขวี้ยงขวดน้ำ มีแกนนำคอยแจกเงินอยู่ในที่ชุมนุม พร้อมกันนี้ทหารยังพูดเป็นภาษาอังกฤษกับผู้สื่อข่าวต่างชาติมีใจความตอนหนึ่งว่า ครั้งนี้ไม่ใช่การรัฐประหารครั้งแรก แต่มีมาหลายครั้งแล้ว พร้อมโจมตีกลุ่มผู้ที่มาชุมนุมต้านรัฐประหารว่าไม่รักชาติ

หลังจากผู้ชุมนุมได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ทหารคนดังกล่าวแล้ว ก็รู้สึกโกรธและเข้าไปชิดแนวทหาร พร้อมโห่ร้อง แสดงอาการไม่พอใจ ก่อนจะถอยออกมาบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ แต่ไม่มีการปะทะกัน โดยเจ้าหน้าที่ทหารคนดังกล่าวยังพูดผ่านเครื่องขยายเสียงอีกว่า ขอให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่พอใจกับการชุมนุมของกลุ่มต้านรัฐประหารโห่ร้องใส่ผู้ชุมนุม

17.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารคนดังยังกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงอีกว่า มีชายชุดดำอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ขอให้สายสืบถ่ายรูปทุกคนไว้ แล้วจะไปเยี่ยมที่บ้าน เชื่อว่าทุกคนไม่ได้รักชาติ ทำให้ผู้ชุมนุมพร้อมใจกันตะโกนว่า เลือกตั้ง เป็นระยะๆ จากนั้นจึงเข้าประชิดแนวทหารบริเวณทางเข้าถนนพญาไทอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ทหารคนดังกล่าวต่อว่า ผู้ชุมนุมเป็นพวกล้มประเทศ ฯลฯ

เนื้อความ by..@kowsod

(คลิป)นักข่าวถาม หัวหน้าคณะ คสช. ท่านจะเป็นนายกเองหรือเปล่า

กัมพูชาประกาศไม่อนุญาตให้ ‘ยิ่งลักษณ์’มาตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น!

ทางการกัมพูชาออกโรงยืนยัน รัฐบาลนายกรัฐมนตรี สมเด็จฮุน เซน จะไม่อนุญาตให้รัฐบาลของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาจัดตั้งรัฐบาล ‘พลัดถิ่น’ ในแผ่นดินกัมพูชา หลังโดนกองทัพไทยทำรัฐประหารยึดอำนาจ ...

สำนักข่าวพนมเปญ โพสต์ ในกัมพูชารายงานเมื่อ 26 พ.ค.ว่า รัฐมนตรีอาวุโสในคณะรัฐบาลนายกรัฐมนตรีฮุน เซน รวมทั้งแกนนำระดับสูงของพรรครัฐบาลของกัมพูชาหลายคน ออกโรงปฏิเสธ เป็นไปไม่ได้ที่กัมพูชาจะอนุญาตให้รัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาจัดตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่น”
ในประเทศกัมพูชา หลังจากถูกกองทัพไทยทำรัฐประหารคุมอำนาจบริหารประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่่ผ่านมา โดยชี้ว่านอกจากจะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญแล้ว รัฐบาลกัมพูชายังไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม

ด้านนายปาย สิพัน โฆษกประจำคณะรัฐบาลกัมพูชากล่าวยืนยันว่า ใครก็ตามที่คิดว่า รัฐบาลกัมพูชามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลชุดที่แล้วของไทย อีกทั้งยังคิดว่า รัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์กำลังพิจารณาจะมาตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในกัมพูชานั้น ทางรัฐบาลกัมพูชาขอชี้แจงว่า ไม่มีความเป็นไปได้
“เราจะไม่อนุญาตให้รัฐบาลของอดีตนายกฯ ไทย มาจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในแผ่นดินของเรา” นายปาย สิพัน โฆษกคณะรัฐบาลกัมพูชากล่าวยืนยัน หลังจากที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้แสดงท่าทีด้วยความระมัดระวัง และมีความเป็นกลางมาตลอดนับตั้งแต่กองทัพไทยทำรัฐประหารเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากทราบกันดีว่า นายกรัฐมนตรี สมเด็จฮุน เซน แห่งกัมพูชา มีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ มาโดยตลอด


ศาลทหาร คืออะไร

"ศาลทหาร" กลายเป็นที่มีผู้สนใจและให้ความสำคัญเมื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้บรรดาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ได้แก่ ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่มาตรา 107-112 และความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่มาตรา 113-118 และความผิดตามประกาศหรือคำสั่ง คสช. ให้การกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตราชอาณาจักร และในระหว่างที่ประกาศนี้ใช้บังคับ อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงนั้น

หลายคนที่ได้ฟังคำประกาศของ คสช.อาจจะไม่เข้าใจว่า "ศาลทหาร" คืออะไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
ตามรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้มีศาล ๔ประเภท ได้แก่ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และศาลทหาร โดยศาลแต่ละประเภทจะมีอำนาจในการพิจารณาคดีแต่ละประเภทแตกต่างกันไป ทั้งนี้ตามที่รัฐธรรมนูญ และกฎหมายจัดตั้งศาลนั้นๆจะได้กำหนด กล่าวคือ ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรมก็จะรับพิจารณาและวินิจฉัยในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งและทางอาญาทั่วไป ส่วนศาลปกครองจะรับพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการปกครองระหว่างรัฐหรือองค์กรของรัฐกับประชาชน

สำหรับศาลทหารนั้นรัฐธรรมนูญกำหนด ให้มีอำนาจพิจารณาคดีอาญาทหารและคดีอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.๒๔๙๘ มาตรา ๑๓ กำหนดให้ ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาและพิพากษาลงโทษทางอาญาต่อบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้น หมายถึงข้าราชการทหารทั่ว ๆไปนั่นเอง

ศาลทหาร จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ นอกจากจะมีลักษณะเช่นเดียวกับพระธรรมนูญศาลยุติธรรมที่จัดตั้ง ศาลยุติธรรมแล้ว พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารยังมีบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความในศาลทหาร รวมไปถึงบทบัญญัติในเรื่องการแต่งตั้งและถอดถอนตุลาการอีกด้วย จึงเป็นการนำเอาบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวกับระบบศาลและตุลาการ(ในศาลพลเรือนเรียกว่า "ผู้พิพากษา") ทั้งหมดมารวมไว้ในกฎหมายฉบับเดียวกัน ซึ่งถ้าหากเทียบเป็นกฎหมายในปัจจุบันก็คงเรียกชื่อว่าพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทหารและวิธีพิจารณาความในศาลทหาร เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

ประเภทของศาลทหาร
ศาลทหารสามารถแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ
(๑) ศาลทหารในเวลาปกติ
(๒) ศาลทหารในเวลาไม่ปกติ
(๓) ศาลอาญาศึก

ศาลทหารในเวลาปกติ
ศาลทหารในเวลาปกติ คือ ศาลทหารที่ดำเนินการอยู่ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองสงบสุขไม่มีศึกสงคราม โดยศาลทหารในเวลาปกติจะมีการพิจารณาพิพากษาคดีที่สามารถอุทธรณ์ และฎีกาได้สามชั้น ดังนั้นศาลทหารในเวลาปกติจึงประกอบด้วย
ก. ศาลทหารชั้นต้น
ข. ศาลทหารกลาง (ชั้นอุทธรณ์)
ค. ศาลทหารสูงสุด (ชั้นฎีกา)

ศาลทหารในเวลาไม่ปกติ
ในเวลาไม่ปกติ หมายถึง ในเวลาที่มีการรบ หรือสถานะการณ์สงคราม หรือได้ประกาศใช้ กฎอัยการศึก ศาลทหารซึ่งมีอยู่แล้วในเวลาปกติคงพิจารณาพิพากษาคดีอาญาได้ตามอำนาจ แต่ถ้าผู้มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึกได้ประกาศ หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้สั่งตามกฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึก ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาใด ๆ อีก ก็ให้ศาลทหารพิจารณาพิพากษาคดีอาญาตามประกาศ หรือคำสั่งนั้นได้ด้วย

เมื่อหมดภาวะการรบ หรือสถานะสงคราม หรือเลิกใช้กฎอัยการศึก ศาลทหาร ยังคงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่ค้างอยู่ในศาล หรือที่ยังมิได้ฟ้องโดยมีอำนาจแต่งตั้งตุลาการ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีอำนาจสั่งโอนคดี หรือส่งผู้ต้องหาไปดำเนินคดียังศาลทหารแห่งอื่นได้และให้การพิจารณาพิพากษาคดีเช่นนี้มีอำนาจและหน้าที่ดังศาลทหารในเวลาไม่ปกติ
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร มาตรา ๓๖

ศาลอาญาศึก
ศาลอาญาศึกเป็นศาลทหารอีกประเภทหนึ่งที่ได้แยกออกมาต่างหากจากศาลทหารในเวลาปกติและศาลทหารในเวลาไม่ปกติ การตั้งศาลอาญาศึกจะเกิดขึ้นได้เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ดังนี้
(๑) เมื่อมีการรบเกิดขึ้น โดยได้มีการกำหนดเขตยุทธบริเวณ
(๒)ในเขตยุทธบริเวณดังกล่าว มีกำลังทหารไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน หรือมีเรือรบ ป้อม หรือที่มั่นอย่างใด ๆ ของทหาร
(๓) ผู้บังคับบัญชาของกองกำลังทหารที่ไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน หรือผู้บังคับบัญชาประจำเรือรบ ป้อม หรือที่มั่นดังกล่าวตามข้อ ๒ หรือผู้ทำการแทนผู้บังคับบัญชาดังกล่าว ได้ตั้ง
ศาลอาญาศึกขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีอาญาที่เกิดขึ้นในยุทธบริเวณนั้น ๆ

คดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหารพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๑๓ กำหนดให้ศาลทหาร มีอำนาจ พิจารณาพิพากษาลงโทษผู้กระทำความผิดอาญาซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารในขณะกระทำผิด สั่งลงโทษบุคคลใดๆ ที่กระทำผิดฐาน ละเมิดอำนาจศาล นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีอำนาจในการพิจารณาคดีอย่างอื่นได้อีกตามที่จะมีกฎหมายบัญญัติเพิ่มเติม ที่เคยมีมาแล้วเช่น ความผิดฐานกระทำการอันเป็นคอมมูนิตส์ เป็นต้น

สำหรับอำนาจในการรับฟ้องคดีของศาลทหารแบ่งได้ดังนี้ ศาลจังหวัดทหารจะรับฟ้องคดีที่จำเลยมีชั้นยศเป็นนายทหารประทวน ศาลมณฑลทหารจะรับฟ้องคดีที่จำเลยมีชั้นยศตั้งแต่ชั้นประทวนจนถึงชั้นยศสัญญาบัตรแต่ไม่เกินพันเอก ส่วนศาลทหารกรุงเทพจะรับฟ้องได้หมดทุกชั้นยศ นอกจากนี้ชั้นยศจำเลยมีผลต่อการแต่งตั้งองค์คณะตุลาการที่จะพิจารณาคดีด้วย โดยองค์คณะตุลาการที่จะแต่งตั้งนั้นอย่างน้อยต้องมีผู้ที่มียศเท่ากันหรือสูงกว่าจำเลย

เกร็ดความรู้ เรื่อง ศาลทหารโดย กองพระธรรมนูญ กรมสารบรรณทหาร


พลิกปูมชีวิต"บิ๊กตู่"ลูกทหาร-วันรับตำเเหน่งหัวหน้า คสช.ทางการ

พลิกปูมประวัติ 'บิ๊กตู่' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากชายชาติทหารสู่หัวหน้าคสช. 1 ใน 3 ผู้โดดเด่นเเห่งสายบูรพาพยัคฆ์
วันที่ 26 พฤษภาคม 2557 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องจารึกไว้อีกครั้ง เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายหลังยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาลรักษาการ ที่มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นหัวเรือใหญ่
พล.อ.ประยุทธ์ หรือ บิ๊กตู่ เกิดวันที่ 21 มีนาคม 2497 ที่จ.นครราชสีมา เป็นบุตรคนโตของพ.ท.ประพัฒน์ และนางเข็มเพชร จันทร์โอชา ในบรรดาพี่น้อง 4 คน จบการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23 ปัจจุบันครองสมรสกับรศ.นราพร จันทร์โอชา และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาทหารบก เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2553 จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งชีวิตก่อนเข้ารับราชการทหารของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ถือว่าได้รับการกล่าวขานเป็นผู้เรียนดีคนหนึ่งของประเทศ จนกองบรรณาธิการ ‘ชัยพฤกษ์’ ฉบับที่ 4 ปักษ์หลังเดือนกุมภาพันธ์ 2512 ต้องบันทึกเรื่องราวของเขาไว้ในคอลัมน์ ‘เรียนดี’ ขณะนั้นอายุเพียง 15 ปี โดยจะใช้เวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ถึงขนาดอ่านทวนซ้ำหลายรอบเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
โดยวิชาที่เก่งมากที่สุดคงต้องยกให้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ซึ่งนอกจากจะเก่งในวิชาเหล่านี้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังชอบเรียนมากด้วย แต่ยามใดที่เขารู้สึกเครียดก็จะใช้เวลาผ่อนคลายไปกับการดูสารคดีหรือหนังญี่ปุ่นแทน
ทั้งนี้ ใครหลายคนที่รู้จักพล.อ.ประยุทธ์มักจะคุ้นชินกับอุปนิสัยที่เคร่งขรึมที่ติดตัวมาแต่วัยเด็ก หากแต่จิตใจเบื้องลึกของผู้ชายผู้นี้แล้ว นับว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจใช้ได้! คนหนึ่งทีเดียว โดยจะช่วยเหลืองานบ้านเป็นประจำ เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน เพราะเชื่อว่าผู้ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตข้างหน้านั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียว
สำหรับห้วงชีวิตในราชการทหารของพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ทหารเสือราชินี) จากนั้นจึงย้ายไปอยู่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และรับตำแหน่งรองแม่ทัพ ภาคที่ 1 ไต่อันดับจนกระทั่งได้เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่เป็นใหญ่ในสายบูรพาพยัคฆ์ หรือนักรบแห่งบูรพาโดดเด่นอันดับต้น ๆ รองจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งบุคคลหลังนับว่ามีความสนิทสนมกันมากที่สุด ด้วยความเป็นทหารเสือราชินีเหมือนกัน ถึงขนาดนับถือเป็นเสมือนพี่น้องท้องเดียวกัน เพราะพล.อ.ประยุทธ์เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างนอบน้อมมาโดยตลอด
สมญานาม ‘บูรพาพยัคฆ์’ หมายถึง นายทหารที่สังกัดหรือเจริญเติบโตมาจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ตั้งอยู่ค่ายพรหมโยธี จ.ปราจีนบุรี โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทั้งยังมีคุณลักษณะพิเศษให้เป็นกองพลทหารราบยานเกราะที่มีหน่วยขึ้นตรงในระดับกรมและกองพันกระจายตัวอยู่ทั้งในจ.สระแก้ว ชลบุรี และปราจีนบุรี ซึ่งปัจจุบันไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ากลุ่มทหารสายบูรพาพยัคฆ์มีบทบาทสูงในกองทัพ
ดังเช่นวิกฤตการณ์ปัจจุบัน... ตัดสินใจเฉียบขาด...ในการยึดอำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิตยสารราชพฤกษ์ ผลิตโดย สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ตีพิมพ์ฉบับเเรกเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2497 เน้นความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กเเละเยาวชน ทั้งในเเง่ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เเละอื่น ๆ รวมถึงคอลัมน์ 'เรียนดี' ที่จะนำเสนอเรื่องราวของนักเรียนที่มีทักษะการเรียนดี
กระทั่งภายหลังได้มีการขยายรูปเเบบเป็น นิตยสารชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ เเละชัยพฤกษ์การ์ตูนในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม เเม้ระยะหลังจะมียอดตีพิมพ์สูงเดือนละ 2.5 หมื่นเล่ม เเต่ด้วยต้นทุนที่สูงขึ้นเเละไม่ค่อยมีโฆษณาเข้า จึงทำให้ต้องทยอยปิดตัวลง โดยนิตยสารชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ ปิดฉากลงในฉบับที่ 299 เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2538


โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้า คสช.

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้ว

ด้วยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำความกราบบังคมทูลว่า เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่อื่นๆ ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มขยายตัว จนอาจนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือจลาจล ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง และอื่นๆ อันจะก่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย คณะทหาร และตำรวจ ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้า ได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.30 น.เป็นต้นไป 

ดังนั้นเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่ประเทศชาติ และความสมานฉันท์ของประชาชน จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก

ปะทะกันที่ตราด

เสื้อแดงเหิมยิงทหารพรานดับ ระหว่างปะทะโยงคดียิง กปปส.ตราด
ตราด - ชุดนาวิกโยธินบุกรวบเครือข่ายเสื้อแดงตราดเชื่อมโยงคดีขว้างระเบิดและยิงกลุ่ม กปปส.ตราดได้ 2 คน ขณะทหารพรานพลีชีพ 1 รอง ผบ.กปช.จต.แจงให้รายละเอียดมากไม่ได้หวั่นมีฆ่าตัดตอน ที่เกิดเหตุพบเสื้อแดงและผ้าคาดหัว พร้อมรถยนต์
วันนี้( 26 พฤษภาคม )ร้อยเวรสอบสวนสภ.เขาสมิง จ.ตราด รับแจ้งว่ามีเหตุยิงปะทะระหว่างคนร้ายและทหารพรานนาวิกโยธิน มีทหารเสียชีวิต 1 นาย ที่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 3 ต.ประณีต อ.เขาสมิง ของนายณรงค์ กระจ่างแสง อายุประมาณ 40 ปี ที่เป็นเกษตรกรปลูกผลไม้
ในที่เกิดเหตุการณ์พบชุดทหารนาวิกโยธิน จากกองกำลังป้องกันจันทบุรีตราด(กปช.จต.) มีพลเรือตรีนพพร วุฒิรณฤทธ์ รองผบ.กปช.จต.อยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมน.อ.เลอศักดิ์คชนันท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กำลังทหารนาวิกโยธินชุดคอมมอนโด รวมทั้งทหารพรานจากชุดควบคุมทหาร พรานนาวิกโยธินที่ 1 อ.บ่อไร่(ชค.ทพ.นย.ที่ 1) นำโดยน.อ.สุบรร ดีนอก หัวหน้า ชค.ทพ.นย.ที่ 1 จำนวนนับร้อยนาย
ที่เกิดเหตุที่เป็นสวนผลไม้ ห่างจากบ้าน 100 เมตร พบศพของอาสาสมัครทหารพรานวุฒินันท์ ศรีประสิทธิ อายุ 25 ปี บ้านเดิมอยู่อ.เมือง จ.สุรินทร์ สังกัดชค.ทพ.นย.ที่ 1 (บ่อไร่) ใบหน้ามีรอยกระสุนปืน 2 นัดยิงทะลุท้ายทอย ห่างจากศพพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 3 ปลอกตกอยู่
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุฝ่ายข่าวกรองทหาร สืบทราบว่ามีคนร้าย 3 คนเดินทางหลบหนีมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จึงได้นำกำลังทหารนาวิกโยธิน และอาสาสมัครทหารพรานจากชค.ทพ.นย.ที่ 1 (บ่อไร่) มาปิดล้อม และสามารถจับคนร้ายได้ 2 คน แต่คนร้ายอีก 1 คนยังหลบอยู่ในสวนผลไม้ จึงได้ให้น.อ.สุบรรนำกำลังทหารพรานเข้าทำการปิดล้อม แต่คนร้ายที่ซุ่มอยู่ในกอกล้วยเห็นผู้ตายลาดตระเวนเข้ามาใกล้และออกนอกแถว จึงยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองจนเสียชีวิต
พลเรือตรีนพพร กล่าวว่า หน่วยงานข่าวทหารได้แจ้งว่ามีคนร้ายเข้ามาอาศัยในบ้านหลังดังกล่าว และเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ขว้างระเบิดและใช้อาวุธสงครามยิงใส่กลุ่มกปปส.ตราด เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557แต่ยังไม่สามารถระบุในรายละเอียดได้ทั้งหมดได้ในขณะนี้ เนื่องจากอาจเกิดการฆ่าตัดตอน ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงถึงคนบงการได้
สำหรับคนร้าย 2 คนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 และมีความเชื่อมโยงกันด้วย และจากการตรวจค้นภายในบ้านครั้งนี้พบชุดทหารลายพราง 1 ชุด เสื้อยืดดำ 1 ตัว รองเท้าบู๊ธ 1 คู มีดพก 1 เล่ม ผ้าพันคอสีแดงที่เขียนว่าปกป้องประชาธิปไตย และผ้าโพกหัวสีแดง