PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

คปท.บุกทำเนียบฯ อีกรอบ สะพัด “อ้ายปึ้ง” ทำไสยศาสตร์-สั่งเก็บพระพุทธรูปพ้นตึกไทยคู่ฟ้า


คปท.นำมวลชนบุกทำเนียบฯ อีกรอบ หลังประธานที่ปรึกษา ศอ.รส.สั่งเก็บพระพุทธรูปที่อัญเชิญพ้นยอดตึกไทยคู่ฟ้า จนท.รีบแจ้นเอามาวางที่เดิม ระหว่างมวลชนผลักดันประตู พบปลดป้ายผ้า “ทำเนียบประชาชน” ด้วย แกนนำประกาศทำกิจกรรมในรั้วทำเนียบฯ เคารพธงชาติ-สวดมนต์ บ่าย 4-หกโมงเย็นทุกวัน
วันนี้ (31 มี.ค.) ที่สะพานชมัยมรุเชฐ เมื่อเวลา 13.50 น. เวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้เรียกระดมมวลชนเพื่อปฏิบัติภารกิจในทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากที่ทราบข่าวว่านายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) สั่งให้นำพระพุทธรูป 3 องค์ ประกอบด้วยพระพุทธชินราช และพระชัยหลังช้าง ซึ่งได้อัญเชิญขึ้นไปเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ออกไปจากใต้ฐานท้าวมหาพรหม บนยอดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งอ้างว่านายสุรพงษ์ได้ส่งครูหมอไสยศาสตร์เข้าทำเนียบฯ เพื่อทำพิธีแก้เคล็ดทางไสยศาสตร์ รวมทั้งยังปลดป้ายผ้าไวนีลที่มีข้อความว่า “ทำเนียบประชาชน” ออกไปด้วย
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000036275

ญาติอัลรูไวลี่ แถลงข่าวหลังศาลยกฟ้อง ที่ ร.ร.สยามอินเตอร์คอนติเนนตัล เผยผลไม่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์ซาอุดิอาระเบีย

ญาติอัลรูไวลี่ แถลงข่าวหลังศาลยกฟ้อง ที่ ร.ร.สยามอินเตอร์คอนติเนนตัล เผยผลไม่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์ซาอุดิอาระเบีย
งานนี้ยุ่งแน่ๆๆ ไม่รู้จะช่วยกันไปถึงไหน!!!..เอาคืนเขาไปเถอะ..


ผบ.ทร.แข็ง!!!...ย้าย ผบ.หน่วยซีล แถมได้แค่ พลเรือตรี "วินัย" ยัน ไม่ลาออก ทำงานต่อ

ผบ.ทร.แข็ง!!!...ย้าย ผบ.หน่วยซีล แถมได้แค่ พลเรือตรี "วินัย" ยัน ไม่ลาออก ทำงานต่อ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ชั้นนายพล จำนวน 203 นาย แล้ว ในวันสุดท้ายของเดือน มีนาคม พอดี ก่อนที่ คำสั่งนี้จะมีผล 1 เมย.2557
โดยมี นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
โดยไมีมีการแก้ไขใดๆ ตามที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ ผบ.เหล่าทัพ และบอร์ดกลาโหม เสนอขึ้นไป
ที่สำคัญ และฮือฮา คือ พล ร อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร.ไม่หวั่น แรงกดดันทางการเมือง เพราะนอกจาก ย้าย พล ร ต .วินัย กล่อมอินทร์ ผบ.หน่วยซีล พ้นเก้าอี้ ผบ.หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ.(ผบ.นสร.)แล้ว ยังไม่ให้เลื่อนยศ โดยยัง ขให้เป็น พลเรือตรี ตามเดิม ในตำแหน่ง ผู้ช่วยหัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ที่เปรียบเสมือน เป็นการลงโทษ ต่อกรณีการวางตัว ทางการเมือง ของ พล ร ต.วินัย เอง และ บทบาทของหน่วยซีล
"ไม่เป๋นไร ต้องยอมรับในการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา แสดงว่า ท่านเห็นเรา ทำไม่ดี ทำไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไร ผมคงทำกรรมไม่ดี มามั้ง ไม่เป็นไร ผมอโหสิกรรม ให้ทุกคน " พล ร ต วินัย กล่าว หลังรับทราบคำสั่ง
"ยืนยีนว่า ผมจะไม่ลาออก จะทำงานต่อไป เพราะตำแหน่งนึ้ก็ถือว่ามีงานทำ ไม่ใช่ประจำ หรือไม่มีงาน ทำเสียทีเดียว และ จะไม่ลาออกในภายหลังแน่ ผมยังสู้ ยังไม่ท้อแท้ เพราะรู้ว่า มีคนให้กำลังใจผมอยู่" พล ร ต. วินัย กล่าว
สำหรับ ผบ.นสร.คนใหม่ คือ พล ร ต.ธานี ผุดผาด ตท.18 ผบ.กองเรือฝึก กองเรือยุทธการ


พศ.ชี้ "พุทธะอิสระ" บวชสามเณรกลางม็อบ เข้าข่ายหลอกลวง เหตุไม่ใช่พระอุปัชฌาย์ ผิดถึงต้องสึก

พศ.ชี้ "พุทธะอิสระ" บวชสามเณรกลางม็อบ เข้าข่ายหลอกลวง เหตุไม่ใช่พระอุปัชฌาย์ ผิดถึงต้องสึก ร่อนหนังสือถึงเจ้าคณะปกครองดำเนินการลงโทษแล้ว

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า จากกรณีพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ จัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนจำนวน 35 รูป เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมือง ที่อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนเริ่มเวลา 07.30 น. มีขบวนแห่นาค
โดยนาคนั่งเกวียนและมีวัวลากมายังด้านหน้าของอาคารบีศูนย์ราชการ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการขอขมาพ่อแม่ผู้ปกครองเจ้ากรรมนายเวร ที่ศูนย์ราชการและมีกำหนดบรรพชาสามเณรในเวลา 09.30 น. เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมานั้น การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูก เป็นการแอบอ้างและทำผิดพระธรรมวินัย เพราะหลวงปู่พุทธะอิสระ ไม่ใช่พระอุปัชฌาย์ จึงไม่สามารถบวชให้ใครได้ มีความผิดถึงต้องสึกจากความเป็นพระ รวมถึงมีความผิดเข้าข่ายหลอกหลวงได้ เพราะสามเณรที่บวชนั้นไม่ใช่สามเณรที่ถูกต้องตามระเบียบมหาเถรสมาคม ( มส. )
สำหรับขั้นตอนการดำเนินตามบทลงโทษของคณะสงฆ์นั้น ตามปกติหากเกิดเหตุการณ์กระทำผิดของพระสงฆ์ที่เขตพื้นที่ไหน เจ้าคณะปกครองในเขตพื้นที่นั้นต้องดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้น พศ.จึงได้ส่งหนังสือแจ้งให้ พระพรหมดิลก กรรมการ มส. เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร เป็นผู้ดำเนินการพิจารณาลงโทษ หลังจากนี้จึงต้องรอดูว่าเจ้าคณะปกครองจะดำเนินการกับพระพุทธอิสระอย่างไร
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20140331/572415/%E0%B8%9E%E0%B8%A8.%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94!%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A.html


ผู้บัญชาการทหารบก หนุน นายกฯ เจรจา "สุเทพ"

ผู้บัญชาการทหารบก หนุน นายกฯ เจรจา "สุเทพ" ชี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการตั้งเงื่อนไข
ย้ำทหารไม่มีเอี่ยว ใช้ M79 สร้างความรุนแรง พร้อมประณามผู้ก่อเหตุ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดสนามมวยเวทีลุมพินีแห่งใหม่ ที่รามอินทรา ถึงประเด็นการชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ ว่า สนับสนุนให้ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. มีการเจรจากัน เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างสงบสันติ และอยู่ภายใต้ข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องพูดคุย และเป็นเรื่องปกติที่แต่ละฝ่ายจะมีการตั้งเงื่อนไข แต่ต้องตกลงให้ได้ว่า จะร่วมกันปัญหาทางออกประเทศอย่างไร ส่วนที่มีกระแสข่าวให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น ยังไม่มีแนวคิดในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ยืนยันว่า ทหารไม่มีส่วนในการใช้อาวุธเอ็ม 79 ในการสร้างความรุนแรง เพราะมีการตรวจสอบอาวุธในคลังอย่างรัดกุม ซึ่งคาดว่า มีกลุ่มที่ลักลอบนำอาวุธเข้ามา และขอประณามผู้ก่อเหตุว่า มีจิตใจโหดเหี้ยม ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บและเสียชีวิต


“นิพิฏฐ์” แจ้งความเอาผิดเด็ดขาด F “โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร” หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

พัทลุง - นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิด F “Oak panthongtae Shinawatra (โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร)” ในเฟซบุ๊ก ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในโพสต์หัวข้อ ยุทธการเวนคืนประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พัทลุงว่า วันนี้ (31 มี.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง และรอง หน.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สิงหพล พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองพัทลุง และ พ.ต.ท.พีระวัฒน์ ศิริรัตนพรรณ์ รอง ผกก. (ป.) สภ.เมืองพัทลุง (รก.ผกก.เมืองพัทลุง) เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊ก เป็นภาษาอังกฤษว่า โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร (Oak panthongtae Shinawatra) ซึ่งโพตส์ในหัวข้อ ยุทธการเวนคืนประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2557
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ในโพตส์ดังกล่าวมีข้อความที่เขียนในตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง หรือจะปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ซึ่งเราใช้มาก่อน คือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ใน 2 ระบอบนี้ ให้อำมาตย์ใหญ่เลือกเอาว่าจะปกครองแบบไหน ซึ่งมีการใช้คำว่า อำมาตย์ใหญ่ถึง 3 ครั้ง และยังบอกว่าประเทศไทยที่วิกฤตอยู่ในขณะนี้ เพราะมีอำมาตย์ใหญ่ชักใยอยู่เบื้องหลัง เช่น อำมาตย์ใหญ่บงการให้องค์กรอิสระตัดสินคนนั้น ตัดสินคนนี้ เอาผิดคนนั้นเอาผิดคนนี้ และยังบอกว่าอำมาตย์ใหญ่เป็นคนบงการทหาร และทหารรับคำสั่งจากอำมาตย์ใหญ่
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ตามความเข้าใจของตนคิดว่า คำว่าอำมาตย์มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเล็ก กลาง และใหญ่ แต่อำมาตย์ใหญ่ที่สั่งการทหารได้ไม่ใช่ปกติ คนที่สั่งการทหาร หรือสั่งการผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุด คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในขณะนี้คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งตนคิดว่าข้อความของผู้ที่ใช้ชื่อว่า โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ไม่ได้หมายความว่าอำมาตย์ใหญ่ที่คอยบงการ และสั่งการทหารได้ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะคือน้าสาวของเขาเอง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ตนคิดว่าคนที่จะบงการทหารได้ในความคิดเห็นของตน ตามข้อความดังกล่าว คือ สถาบันสูงสุด เนื่องจากพระองค์ท่านเป็นจอมทัพไทย ฉะนั้นข้อความทั้งหมดถือเป็นข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 112 และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ตนจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
สำหรับการแจ้งความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 112 นั้น ตนเคยแจ้งความเอาผิดต่อนายใจ อึ๊งภากรณ์ ในสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. จนกองปราบฯออกหมายจับนายใจ ในเวลาต่อมา และส่งผลให้นายใจ หลบหนีไปต่างประเทศในที่สุด และตนก็มั่นใจว่าผู้ที่ถูกตนแจ้งความเอาผิดรายนี้ก็อาจจะหนีหมายจับกุมของตำรวจไปต่างประเทศเหมือนกับนายใจ อย่างแน่นอน


ทนายนกเข้านำม็อบคปท.บุกตรวจสอบ หลัง ตร.ยก"พระ"ที่เคยนำไปประดิษฐานบนด่านฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า

ปมสำคัญ..ยกพระหนี ! เหตุการณ์ ที่ทำเนียบฯ เรื่องตำรวจยกพระพุทธรูป ของ กลุ่ม คปท. ออกจาก ที่ คปท. อันเชิญไป ประดิษฐาน บนดาดฟ้า ตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อ 29 มี.ค.57
ช่วงระหว่าง กลุ่ม คปท. บุกเข้าทำเนียยฯ มีโอกาสเจอ พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัณ รองเสนาธิการ ศูนย์การทหารม้า จ.สระบุรี ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ ที่รับผิดชอบสูงสุด ประจำทำเนียบรัฐบาล จึงขอสอบถามข้อเท็จจริง บอกว่า...
".. อยู่ๆ ผมทราบว่า มีคำสั่ง ไม่ทราบที่มาที่ไป ไม่มีการลงชื่อ หรือ หนังสือจากฝั่งตำรวจ ขอให้ตำรวจ ยกพระพุทธรูป 3 องค์ ของ คปท. ออกไปจากที่ คปท. อันเชิญมา ประดิษฐาน ที่บนดาดฟ้า ทำเนียบฯ
ทราบว่า คำสั่งนี้ เกิดขึ้น ประมาณ 12 นาฬิกาเศษ และทางตำรวจ ได้ยกออกไป โดยไม่ได้แจ้งให้ทาง ทหารรับทราบ แต่เมื่อผม ได้รับทราบ และในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบ เหตุการณ์สูงสุดของพื้นที่ทำเนียบฯ ตอนนี้
ผมจึงร้องขอความร่วมมือไปที่ตำรวจ เพื่อขอให้ชะลอ และระงับ การยกพระออกไป..เพราะไม่อยากให้สถานการณ์บานปลาย กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
จากนั้น ทางตำรวจ จึงยกพระกลับไปตั้งที่เดิม ซึ่งตรงกับจังหวะ ที่ทาง คปท. ประชิดรั้ว กำลัง เข้ามาในรั้วทำเนียบฯ พอดี ..
แลัวก็มีการเจรจา และเหตุตรวจดาดฟ้าเกิดขึ้น...
ส่วนตัว..หลังจากนี้ ผมจะประสานงาน และตรวจสอบทุกคำสั่ง ให้เกิดความชัดเจน..ซึ่งคำสั่งทรายมา มีการสั่งให้ นำพระออก และ เอาธงชาติลงด้วย.. แต่ตำรวจคงเห็นว่า อะไร ที่ทำได้โดยง่ายก่อนก็ทำ"
บรรยากาศ ตอนนี้.. ม็อบยังตั้งรถ ไฮปาร์ค อยู่ในรั้วทำเนียบฯ ยังไม่มีกำหนดออกมานอกรั้ว...ประนาม ตำรวจ หักหลัง ไม่คิดถึงจิตใจผู้ชุมนุม และหวังทำให้สถานการณ์ ระหว่าง เจ้าหน้าที่ กับผู้ชุมนุม เกิดความเข้าใจผิด (17:00)

ด่วน!!อุปฑูตซาอุฯแถลงติดใจปมเปลี่ยนผู้พิพากษาคดีอัลรูไวรี่ ผิดหวังคำตัดสิน จับตาสัมพันธ์2ปท.

ด่วน!!อุปฑูตซาอุฯแถลงติดใจปมเปลี่ยนผู้พิพากษาคดีอัลรูไวรี่ ผิดหวังคำตัดสิน จับตาสัมพันธ์2ปท.
วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14:34:26 น.
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม นายอับดุลอิลาห์ อัลชุ อัยบี อุปทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายมาทรุก อัลรูไวรี่ พี่เขยของนายโมฮัมหมัดอัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย และนายอาทิก อัลรูไวลี่ พี่ชายนายโมฮัมหมัด ร่วมแถลงข่าวภายหลังศาลอาญา มีคำพิพากษายกฟ้องพลตำรวจโทสมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ พร้อมกับพวกรวม 5 คน จำเลยในคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นฟ้องในความผิดฐาน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย / ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาฯ จากกรณีการหายตัวไปของ นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่
ทั้งนี้นายอับดุลอิลาห์ เปิดเผยผ่านล่ามว่า ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรในคำพิพากษาวันนี้ และเมื่อทางฝ่ายผู้เสียหายได้รับทราบว่า มีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีนี้ ก็มีความกังวลว่าผลคำตัดสินจะไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง และไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายของผู้เสียหาย พร้อมยืนยันว่า ทางการซาอุดิอาระเบีย ผิดหวังในผลคำพิพากษาคดีในวันนี้ และทราบว่าที่ผ่านมา จำเลยในคดีนี้มีความพยายามในการขอเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา ดังนั้นจึงเรียกร้องให้สื่อมวลชนพิจารณาเหตุผลของการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา และเจตนาของฝ่ายจำเลยที่ต้องการให้เปลี่ยนตัวผู้พิพากษาคดีนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาอย่างเร่งด่วน ย่อมทำให้เกิดข้อสงสัยกับฝ่ายผู้เสียหายว่า ทำไมการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา ไม่กระทำหลังจากที่การพิจารณาคดีแล้วเสร็จในขั้นตอนศาลชั้นต้น
นายอับดุลอิลาห์ กล่าวว่า ส่วนผลการพิพากษาในคดีนี้ จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศซาอุดิอาระเบียหรือไม่นั้น ก็ยืนยันว่า ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของประเทศ ก็ลุ่มๆดอนๆ อยู่แล้ว และก็เชื่อว่า คงไม่มีสาเหตุอะไรที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศย่ำแย่ลงไปกว่านี้อีก และผลคำตัดสินในวันนี้ ทางสถานฑูตฯจะรายงานกลับไปยังประเทศซาอุดิอาระเบียต่อไป ซึ่งจะมีผลต่อสัมพันธ์อย่างไรนั้น เป็นเรื่องของอนาคตที่ประเทศซาอุดิอาระเบียจะเป็นผู้กำหนด
ขณะที่นายอาทิก เปิดเผยผ่านล่ามว่า ยอมรับว่าผิดหวังอย่างแรงในคำตัดสินและการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาในคดี ก็ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม


รังผลิตระเบิด ซอยราษฎร์อุทิศ 25 มีนบุรี อาจเป็นกลุ่มเดียว กับที่ผลิตระเบิดปี 53


Siriwanna Jill เพิ่ม 3 รูปภาพใหม่
พระเจ้า ... รังผลิตระเบิด ซอยราษฎร์อุทิศ 25 มีนบุรี มีกลิ่นว่าเป็นแก๊งเดียว กับที่ผลิตระเบิดปี 53 แต่เกิดพลาด ถล่มสมานเมตตาแมนชั่น 5 ชั้น ตลาดบางบัวทอง เช่าห้องเป็นที่เก็บ หรือประกอบระเบิด แล้วเกิดความผิดพลาด ในการประกอบระเบิด ทำให้ระเบิดขึ้นก่อน ในห้องที่เกิดเหตุยังพบ ซีดีที่เขียนปกว่า "รัฐไทยใหม่" อีกกว่า 100 แผ่น มีคนตาย 3 คนบาดเจ็บ 8 คน ขนาดระเบิด TNT นน 10 กก.
ขณะที่ บ้านเช่าที่มีนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ จยย บอมม์ ประมาณ 100 เมตร มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 6-7 คน และถูกเช่าตั้งเเต่เมื่อต้นเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา มีระเบิดไปป์บอมบ์ซุกซ่อนอยู่อีก 5 ลูก ถังแก๊สปิกนิค 6 ถัง แกลลอนน้ำมัน 1 ใบ และจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน
ระเบิดที่พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ชนิดไปป์บอมบ์ ทำจากท่อเหล็กขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 นิ้ว ยาว 1 ฟุต และใช้ดินดำเป็นส่วนประกอบ ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ ตรวจพบในระหว่างที่มีการชุมนุม ทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยระเบิดชนิดนี้ ผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ในเรื่องการประกอบระเบิด ก็สามารถผลิตได้


ป.ป.ช. โว้ย “ปู” ยันให้ความเป็นธรรม ใช้เวลาสอบ 1 ปี 10 เดือน ให้เวลาชี้แจงข้อกล่าวหา 32 วัน

ป.ป.ช. โว้ย “ปู” ยันให้ความเป็นธรรม ใช้เวลาสอบ 1 ปี 10 เดือน ให้เวลาชี้แจงข้อกล่าวหา 32 วัน

ป.ป.ช.ออกคำชี้แจง “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้รับความเป็นธรรมคดีทุจริตจำนำข้าว ยัน ป.ป.ช.ใช้เวลาสอบ 1 ปี 10 เดือน พร้อมให้เวลาแจ้งข้อกล่าวหา 32 วัน ให้ทนายความผู้ถูกร้องตรวจสอบพยาน หลักฐานสำคัญๆ ในคดีครบตามที่ต้องการ ส่วนการตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นองค์คณะไต่สวนก็เพื่อคุ้มครองและให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ ย้ำทำตามหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด ไม่ได้เป็นคู่กรณีตามที่นายกฯ กล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกคำชี้แจงการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีร้องขอถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกรณีกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว

คำชี้แจงระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อสาธารณะเกี่ยวกับการทำหน้าที่ไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีร้องขอถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกรณีกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวนั้น สำนักงาน ป.ป.ช.ขอเรียนชี้แจง ดังนี้

1. การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยความเร่งรีบใช้เวลาเพียง 21 วันก็มีการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ขอเรียนว่าเรื่องนี้เดิมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวปรากฏข้อเท็จจริงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้กำหนดให้มีนโยบายโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศ จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คณะอนุกรรมการไต่สวนจึงได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาและมีมติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะ เป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง

โดยนำไปรวมดำเนินการกับกรณีร้องขอให้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว

ดังนั้น ในการไต่สวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้นับตั้งแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีคำสั่งให้ไต่สวนข้อเท็จจริงจนกระทั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มารับทราบข้อกล่าวหา รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 1 ปี 10 เดือน ดังนั้นในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่ได้ใช้เวลาไต่สวนเพียง 21 วัน แต่อย่างใด

2.) การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เข้ามาเป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้ทำให้กลายเป็นคู่กรณีกับผู้ถูกกล่าวหาเสียเอง แทนที่จะเป็นคนกลางที่จะอำนวยความยุติธรรมนั้น ขอเรียนว่าตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 66 บัญญัติว่า ในกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีเหตุอันควรสงสัยหรือมีผู้กล่าวหาว่า ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือข้าราชการการเมืองอื่นร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว

ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับรายงานจากการไต่สวนข้อเท็จจริงว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามข้อ 1. จึงต้องดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.สามารถหยิบยกเรื่องขึ้นไต่สวนข้อเท็จจริงได้เอง เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ อย่างไรก็ดี แม้คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเป็นผู้กล่าวหาเอง แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็จะต้องดำเนินการไต่สวนให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่ได้มีการยกเว้นในเรื่องหนึ่งเรื่องใดทั้งสิ้น

ดังนั้น ผู้ถูกกล่าวหาทุกรายรวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงได้รับการอำนวยความยุติธรรมที่เท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายดังกล่าว

3.) การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าเมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกกล่าวหาจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง ก่อนที่จะนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณานั้น
ขอเรียนว่าตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในการการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ คณะกรรมการ ป.ป.ช.สามารถที่จะดำเนินการไต่สวนทั้งคณะ หรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน หรือมอบหมายพนักงานไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ได้ โดยจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับฐานะ ระดับของตำแหน่ง และการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาตามสมควร

ซึ่งในกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อคำนึงระดับตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาตามสมควร จึงได้กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง ดังนั้น การที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าจะต้องมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนนั้น จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และการให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริงนั้น เป็นการคุ้มครองและให้เป็นธรรมแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีตามกฎหมาย

4.) การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าประสงค์จะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อขอตรวจสอบพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ว่ามีพยานหลักฐานใดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้ในการกล่าวหา หรือกรณีมีข้อสงสัยที่ยังไม่ชัดเจนเพื่อที่จะได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ถูกต้องนั้น

ขอเรียนว่าการขอตรวจพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงนั้น ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องเข้าตรวจพยานหลักฐานด้วยตนเอง และตรวจได้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำของผู้ถูกกล่าวหา โดยต้องไม่กระทบต่อรูปคดีหรือการคุ้มครองบุคคลที่เกี่ยวข้อง สิทธิดังกล่าวได้มีการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบแล้วตามบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในกรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เคยอนุญาตให้ทนายความของผู้ถูกกล่าวหาเข้าตรวจพยานหลักฐานแทนผู้ถูกกล่าวหาเนื่องจากมีพฤติการณ์พิเศษ และได้คัดถ่ายเอกสารหลักฐานในสำนวนการไต่สวนให้ไปจำนวน 49 แผ่น ซึ่งได้ครอบคลุมการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาตามที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว

ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มีหนังสือขอตรวจพยานลักฐานเพิ่มเติมจำนวน 19 รายการนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื้อหาของเอกสารทั้ง 19 รายการดังกล่าวเป็นเอกสารประกอบเรื่องตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เคยให้ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตรวจดูและคัดถ่ายให้แล้ว จำนวน 49 แผ่น ยกเว้นเอกสารบางรายการซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปและมีอยู่ที่ตัวผู้ถูกกล่าวหาแล้วหรือหน่วยงานที่ผู้ถูกกล่าวหาบังคับบัญชาอยู่ เช่น รายงานการวิจัยคณะกรรมการ ป.ป.ช. โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต เอกสารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มีไปถึงผู้ถูกกล่าวหา คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี เป็นต้น ซึ่งเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารสำคัญที่จะต้องใช้ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงอนุญาตให้ทนายความของผู้ถูกกล่าวหาเข้าตรวจพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ และคัดถ่ายไปจำนวน 280 แผ่น ก่อนที่จะถึงกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 3 วัน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความประสงค์ของผู้ถูกกล่าวหาเอง และไม่ทำให้รูปของคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระบุว่าเพิ่มได้รับเอกสารเพียง 3 วัน ทำให้ไม่อาจชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ทันนั้น จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

5.) การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าการขอเลื่อนคดีของผู้ถูกกล่าวจะมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ และการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะมีเหตุผลมากน้อยเพียงใด นั้น
ขอเรียนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เคยขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามาแล้วครั้งหนึ่ง โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปอีก 15 วัน ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 31 มีนาคม 2557 หากนับจากวันรับทราบข้อกล่าวหาถึงวันที่อนุญาตให้ขยายรวมแล้วเป็นเวลา 32 วัน

ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าระยะเวลาดังกล่าว รวมทั้งเอกสารหลักฐานที่อนุญาตให้คัดถ่ายไปครั้งแรกจำนวน 49 แผ่นครอบคลุมข้อเท็จจริง ที่จะใช้ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว จึงมีมติไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไม่ว่าจะทำเป็นหนังสือหรือชี้แจงด้วยวาจาภายในกำหนดเดิม คือ วันที่ 31 มีนาคม 2557

ทั้งนี้ หากผู้ถูกกล่าวหาประสงค์จะเพิ่มเติมพยานหลักฐานในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาก็สามารถกระทำได้โดยให้ระบุมาในคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ:ตรวจแนวรบ 24 ช่อง "ลงสนาม" เม.ย.

ตรวจแนวรบ 24 ช่อง "ลงสนาม" เม.ย.
โดย : อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เมื่อวันจันทร์ที่ 24 มี.ค. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) อนุมัติให้โครงข่าย 4 ราย
"ทดสอบทางเทคนิค" การออกอากาศทีวีดิจิทัล 24 ช่อง ในวันที่ 1 เม.ย. นี้ที่จะใช้เวลาในการทดสอบสัญญาณประมาณ 24 วัน แล้วในวันที่ 25 เม.ย.กสท. น่าจะออกใบอนุญาตทีวีดิจิทัลให้กับ 24 ช่องได้ โดยกำหนดให้แต่ละช่องไปดำเนินการออกอากาศตามผังที่เสนอกสท.ภายใน 30 วัน คือวันที่ 25 พ.ค.
สัปดาห์หน้าถือว่ากรรมการเป่านกหวีดให้ "ผู้เล่น 24 ช่อง" ลงสนามไปวอร์มอัพ และกำหนดวันดีเดย์เริ่มแข่งแล้ว นับจากนี้สงครามทีวีดิจิทัลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการด้วยความระทึกใจ ก่อนจะไปตรวจแนวรบความพร้อมของ 24 ช่อง ขอไปสังเกตการณ์ความพร้อมของโครงข่าย 4 ค่าย ที่จะเป็นกุญแจสำคัญอีกดอกในการเปลี่ยนผ่านระบบออกอากาศโทรทัศน์ในประเทศไทย

โครงข่ายช่อง 5 ที่ได้ใบอนุญาต 2 Multiplexer กำหนดวันที่ 1 เม.ย. เป็นวันเปิดตัวโครงข่าย 14 ช่อง ที่โพธาลัย เรเซอร์ปาร์ค แต่ความพร้อมเพียง 1 MUX ส่วนอีก 1 MUX อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องส่งที่เพิ่งได้รับการอนุมัตินำเข้าจาก กสท.หมาดๆ ในวันที่ 21 มี.ค. ทำให้ช่อง 5 ต้องปรับแผนการทดสอบทางเทคนิคให้ออกอากาศพร้อมกัน 13 ช่อง ทีวีดิจิทัล และอีกช่อง HD ของช่อง 5 ไปเป็นวันที่ 7 เม.ย.เป็นวันดีเดย์ทดสอบเต็ม 100 %

โครงข่ายไทยพีบีเอส เดิมโฆษณากำหนดวันเริ่มทดสอบออกอากาศพบกับไทยพีบีเอสช่อง 3 HD ในวันที่ 1 เม.ย. แต่สัปดาห์ที่ผ่านมากลับไม่ได้บอกวันที่ 1 เม.ย. บอกแค่พบกัน"เมษายนนี้"

โครงข่าย อสมท. ยังมีปัญหาการประมูลจัดซื้อเครื่องส่งจริงไม่ได้ และถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินท้วงติงว่าตั้งราคากลางสูงเกิน แต่ อสมท.มีเครื่องส่งสำรองสามารถออกอากาศและขอใช้เสาส่งของไทยพีบีเอสชั่วคราว

โครงข่ายกรมประชาสัมพันธ์ เริ่มทดสอบสัญญาณเมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่าน แต่เนื่องจากโครงข่ายนี้ไม่มีช่องทีวีดิจิทัลของเอกชนรายใดไปใช้บริการเลย ทำให้ยังไม่มีความจำเป็นจะต้องออกอากาศเต็มพิกัดในวันที่ 1 เม.ย. เหลือเฉพาะออกอากาศช่อง 11 แบบ HD

กสท. กำหนดให้ทุกโครงข่ายจะต้องเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, นครราชสีมา และ สงขลา# วันที่ 1 พ.ค. อุบลราชธานี, สุราษฎร์ธานี, ระยอง# วันที่ 1 มิ.ย. สิงห์บุรี, สุโขทัย, ขอนแก่น, อุดรธานี# วันที่ 1 ส.ค. ร้อยเอ็ด, เชียงราย, สระแก้ว,นครสวรรค์# วันที่ 1 ต.ค. นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, ตรัง, ลำปาง# วันที่ 1 ธ.ค. สกลนคร, สุรินทร์, น่าน, เพชรบูรณ์, ประจวบคีรีขันธ์
รวมรัศมีการออกอากาศของโครงข่ายจนถึงสิ้นปี 2557 น่าจะมากกว่า 80% ของประชากรไทยประมาณ 17-18 ล้านครัวเรือนแล้ว แล้วในเดือนพ.ค. กสท. จะเริ่มแผนประชาสัมพันธ์ครั้งใหญ่เ พื่อนำไปสู่ในเดือนมิ.ย. จะเริ่มต้นการแจกคูปองสำหรับการแลกกล่องรับสัญญาณ และเสาอากาศที่ทราบมาว่าจะเพิ่มมูลค่า จนถึงขั้นผู้บริโภคไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มให้เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงทีวีดิจิทัล

แม้ว่าแผนพีอาร์กับการแจกคูปองมาค่อนข้างช้า แต่ยังดีกว่าไม่มาเลย ถ้าเป็นไปตามแผนเช่นนี้คงจะทำให้ 24 ช่อง ทีวีดิจิทัลพอจะมีเรี่ยวแรงการกรำศึกสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในวงการโทรทัศน์

แผนสำรองของ กสท. ที่พอจะทำให้นับจากวันแรกของการออกอากาศทีวีดิจิทัลจะมีระดับการเข้าถึงประมาณ 65-70% ของประชากร ด้วยกฎ Must Carry จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย. ทางดาวเทียมไทยคม ได้พร้อมแล้วสำหรับการจัดเรียง 36 ช่องทีวีดิจิทัล เพื่อให้โครงข่ายจานในระบบ C-Band ไปเรียงบนจานตั้งแต่หมายเลข 11-46 หรือบวกเพิ่ม 10 หมายเลขจากเบอร์ช่องภาคพื้นดิน

ไทม์ไลน์ของกฎ Must Carry ในโครงข่ายต่างๆ ถัดจาก 1 เม.ย. บนจานดาวเทียมแบบจานดำหรือจานโปร่ง C-Band ถัดมาในวันที่ 2 เม.ย.ผู้ให้บริการโทรทัศน์บอกรับสมาชิก CTH จะเริ่มเรียงช่องใหม่ตามกฎนี้ แล้วในวันที่ 17 เม.ย. จานดาวเทียมในระบบ KU-Band DTV, PSI-TRUE รวมทั้งผู้ให้บริการโทรทัศน์บอกรับสมาชิกรายใหญ่ที่สุด ทรูวิชั่นส์จะจัดเรียงหมายเลขตามกฎนี้เช่นเดียวกัน

ส่วนเคเบิลทีวีท้องถิ่นยังเป็นปัญหาที่กสท.ยังแก้ไม่ตกเพราะเคเบิลท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังอยู่ในระบบอนาล็อกที่มีจำนวนช่องประมาณ 60-80 ช่อง ยังไม่สามารถนำช่องทีวีดิจิทัลลงไปในโครงข่ายได้ รวมทั้งบริษัท IPM เจ้าของจานดาวเทียม IPM ที่ใช้ดาวเทียม SES8 ยังไม่พร้อมจะเข้าสู่กฎ Must Carry เพราะต้นทุนในการอัพลิงก์ 24 ช่องใหม่ยังเป็นประเด็นใครจะรับผิดชอบ?

ขอไล่เรียงตรวจแถวความพร้อมของ "ผู้เล่น 24 ช่องทีวีดิจิทัล" ว่าในวันที่ 1 เม.ย. ประชาชนชาวไทยจะได้เห็นเนื้อหาอะไรบ้าง จาก 24 ช่องทีวีดิจิทัล ที่ถือเป็น "ฟรีทีวีใหม่" ที่เพิ่มจากฟรีทีวี 6 ช่องเดิมที่ออกอากาศระบบอนาล็อกมากว่า 50 ปีไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างการถือครองและการแข่งขันที่เป็นธรรมมากขึ้น

ช่อง HD Variety น่าจะเหลือแค่ช่อง AmarinTV ที่ยังไม่ได้เปิดเผยหน้าตาของช่องออกมาให้วงการได้รับรู้มากนัก หลังจากได้ปิดช่องทีวีดาวเทียม Amarin Creative TV ไปหลังประมูลได้ทีวีดิจิทัล รู้เพียงแค่ได้ "ภิญโญ ไตรสุริยะธรรมมา" อดีตผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ ไทยพีบีเอสไปนั่งเป็นหัวเรือใหญ่ในส่วนของข่าวและรายการ

ช่อง PPTV ที่ได้ "เขมทัตต์ พลเดช" อดีตรองผอ.อสมท.และเพรสซิเดนท์บริษัทสปา-ฮักกุไปเป็นซีอีโอนัดออนแอร์ 7 เม.ย. เวลา 03.39 น.ที่มีผังสดๆ วางลงในเวลาไพร์มไทม์เป็นซีรีย์ดังจากเกาหลีญี่ปุ่น ส่วน ช่องไทยรัฐทีวี ที่ "รำมวยไหว้ครู" มานานนับปีแล้ว กำหนดจัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่ในวันที่ 24 เม.ย.แน่นอนแล้ว

ช่อง 3 อนาล็อกที่ยัง "กั๊ก" ไม่เผยไต๋ชัดเจนว่าจะนำมาออกอากาศแบบคู่ขนาน HD ในสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ และรายการไหนบ้างที่จะไม่ตามมา เพราะช่อง 3 ยื่นประมูลในนามบริษัทใหม่ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของช่อง 3 จึงไม่สามารถนำช่อง 3 มาสวมทั้งช่องได้จะผิดกฎ กสท. ที่ไม่ให้ผู้ประมูลได้ไปให้คนอื่นดำเนินการแทน

ช่อง SD Variety เท่าที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหว ส่วนใหญ่ได้ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่ามีความพร้อมในการออกอากาศเต็มรูปแบบภายใน 1-2 เม.ย.นี้

ยกเว้นช่อง 3 SD ที่มีข่าวหยั่งเชิงยังเป็นผังแบบหลวมๆ ที่น่าจะอยู่ในช่วงจัดทัพสรรพกำลังภายในให้ลงตัว หลังออกไล่ล่ารวบรวมกำลังพลจากช่องอื่นๆ และถ่ายเทคนข่าวจากช่อง 3 เดิม ลงมาอยู่ช่อง 3 SD ที่ดูเหมือนกำลังกลายเป็นแหล่งรวม "คนข่าว" ต่างสำนักที่ไม่ใช่หน่อเนื้อลูกหม้อช่อง 3

ช่อง SD News เกือบทั้งหมดเป็นช่องทีวีดาวเทียมเดิมทำให้มีความพร้อมในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ยกเว้นบริษัท 3A Marketing ที่ยังอยู่ระหว่างการแต่งตัวช่อง Bright TV ใกล้จะเข้าที่เข้าทางแล้วน่าจะอยู่ในช่วงเดือนพ.ค. คาดว่าช่องนี้น่าจะมีสัดส่วนแบ่งข่าวอยู่ 50% เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำ และผังที่เหลือจะกลายเป็นรายการวาไรตี้ รวมทั้งรองรับรายการหลุดจากผังช่อง 5 ที่จะต้องเพิ่มสัดส่วนข่าวและสาระจาก 50% เป็น 70% หลังเป็นช่องทีวีสาธารณะ

ช่องที่มีการปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าช่องมากที่สุดก่อนใครคือช่อง Dailynews TV เมื่อวันที่ 11 มี.ค .มีการปรับผังแบบไม่เหลือคราบเดิมช่องข่าว กลายเป็นอีกช่องไปเลยในนาม NewTV ที่มีสัดส่วนสารคดีมากถึง 80% ส่วนใหญ่มาจาก บริษัท NEXTSTEP ที่เป็นเจ้าของช่องทีวีดาวเทียมสารคดีโลก

ช่องทีวีพูลที่ได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มี.ค. เป็นช่องข่าว THV โดยกลุ่มบางกอกโพสต์ จะรับผิดชอบทำข่าวประมาณ 20% ของผังและอีก 30 %เป็นข่าวบันเทิงที่กลุ่มทีวีพูล รวมสัดส่วนผังข่าวครบตามความเห็นของผู้บริหารทีวีพูล 50% เวลาที่เหลือทั้งหมดจะเป็นรายการละคร, วาไรตี้ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00-24.00 น. เช่น รายการล้วงตับโดยเต๋าทีวีพูล, รายการสลับไตโดยบรรณาธิการข่าวบันเทิง "แจ็กเกอลีน", TV Pool CelebSpy, ละครสาวน้อยคาเฟ่ นำแสดงโดยแคทรียา อิงลิช ฯลฯ

ภาพรวมของช่องข่าว THV สายพันธ์ TV Pool จึงแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับช่องข่าวที่เหลืออีก 4 ช่อง คือ Nation TV, TNN24, VoiceTV และ Spring News ที่มีสัดส่วนผังข่าวและรายการข่าวเกินกว่า 75% จนถึง 95% เป็นข่าวและสาระมากเกินกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ กสท. ไปเยอะ

ช่องเด็กที่มีอยู่เพียง 3 ช่อง น่าจับตามอง ช่อง 3 Family กับ ช่อง LOGA ที่น่าจะต่างจากช่อง 9 เด็กที่ได้ยินว่าร่วมกับกลุ่ม Cartoon Club โดยช่อง3 Family ใช้วิธีเกลี่ยบางรายการที่มีเรทติ้งต่ำลงจากช่อง 3 อนาล็อกมาลงผัง เช่น รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง, รายการแจ๋ว ฯลฯ ส่วนช่อง LOGA มีบริษัทโชว์โนลิมิตของ "หนุ่ย-พงษ์สุข หิรัญพฤกษ์" เป็นตัวชูโรงถึง 5 รายการ ที่มีความถนัดมาทางไอทีและไลฟสไตล์

สัปดาห์หน้าจะได้เห็นระดับความพร้อมของแต่ละช่องทีวีดิจิทัล ในการออนแอร์ผ่าน 3 โครงข่ายครบ 24 ช่อง แล้วสงครามทีวีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2 โดยเชื่อว่าในไตรมาส 3-4 จะลุกลามถึงขั้นติดดาบปลายปืน จ้วงแทงกันแบบประชิดตัวใน "สงครามราคา" เพื่อเร่งสะสมเม็ดเงิน เตรียมไว้สำหรับการจ่ายค่าประมูลให้ กสท. ในงวดที่สองภายในวันที่ 12 ก.พ. 2558 วันนั้นจะพอรู้แล้วว่าอาการของแต่ละช่องเป็นอย่างไร