PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

“นิพิฏฐ์” แจ้งความเอาผิดเด็ดขาด F “โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร” หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

พัทลุง - นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิด F “Oak panthongtae Shinawatra (โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร)” ในเฟซบุ๊ก ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในโพสต์หัวข้อ ยุทธการเวนคืนประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พัทลุงว่า วันนี้ (31 มี.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง และรอง หน.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สิงหพล พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองพัทลุง และ พ.ต.ท.พีระวัฒน์ ศิริรัตนพรรณ์ รอง ผกก. (ป.) สภ.เมืองพัทลุง (รก.ผกก.เมืองพัทลุง) เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊ก เป็นภาษาอังกฤษว่า โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร (Oak panthongtae Shinawatra) ซึ่งโพตส์ในหัวข้อ ยุทธการเวนคืนประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2557
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ในโพตส์ดังกล่าวมีข้อความที่เขียนในตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง หรือจะปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ซึ่งเราใช้มาก่อน คือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ใน 2 ระบอบนี้ ให้อำมาตย์ใหญ่เลือกเอาว่าจะปกครองแบบไหน ซึ่งมีการใช้คำว่า อำมาตย์ใหญ่ถึง 3 ครั้ง และยังบอกว่าประเทศไทยที่วิกฤตอยู่ในขณะนี้ เพราะมีอำมาตย์ใหญ่ชักใยอยู่เบื้องหลัง เช่น อำมาตย์ใหญ่บงการให้องค์กรอิสระตัดสินคนนั้น ตัดสินคนนี้ เอาผิดคนนั้นเอาผิดคนนี้ และยังบอกว่าอำมาตย์ใหญ่เป็นคนบงการทหาร และทหารรับคำสั่งจากอำมาตย์ใหญ่
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ตามความเข้าใจของตนคิดว่า คำว่าอำมาตย์มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเล็ก กลาง และใหญ่ แต่อำมาตย์ใหญ่ที่สั่งการทหารได้ไม่ใช่ปกติ คนที่สั่งการทหาร หรือสั่งการผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุด คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในขณะนี้คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งตนคิดว่าข้อความของผู้ที่ใช้ชื่อว่า โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ไม่ได้หมายความว่าอำมาตย์ใหญ่ที่คอยบงการ และสั่งการทหารได้ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะคือน้าสาวของเขาเอง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ตนคิดว่าคนที่จะบงการทหารได้ในความคิดเห็นของตน ตามข้อความดังกล่าว คือ สถาบันสูงสุด เนื่องจากพระองค์ท่านเป็นจอมทัพไทย ฉะนั้นข้อความทั้งหมดถือเป็นข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 112 และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ตนจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
สำหรับการแจ้งความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 112 นั้น ตนเคยแจ้งความเอาผิดต่อนายใจ อึ๊งภากรณ์ ในสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. จนกองปราบฯออกหมายจับนายใจ ในเวลาต่อมา และส่งผลให้นายใจ หลบหนีไปต่างประเทศในที่สุด และตนก็มั่นใจว่าผู้ที่ถูกตนแจ้งความเอาผิดรายนี้ก็อาจจะหนีหมายจับกุมของตำรวจไปต่างประเทศเหมือนกับนายใจ อย่างแน่นอน


ไม่มีความคิดเห็น: