PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

สนช.แห่ชมรัฐบาลจัดงบเหมาะสม “สมชาย”เดือด ลุกขึ้นซัดสื่อถ่ายรูปสมาชิกนั่งหลับ

สนช.แห่ชมรัฐบาลจัดงบเหมาะสม “สมชาย”เดือด ลุกขึ้นซัดสื่อถ่ายรูปสมาชิกนั่งหลับ


สนช. หวานเจี๊ยบ ชมรบ.ตั้งงบเหมาะสม “สมชาย” ลุกขึ้นซัดสื่อถ่ายรูปสมาชิกนั่งหลับฟัง “บิ๊กตู่” แจงงบฯ
เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 7 มิถุนายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวนำเสนอสาระสำคัญของร่างกฎหมาย (คลิกอ่านข่าว)
จากนั้น เวลา 11.40 น. สมาชิกสนช.ได้อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับวงเงิน 3 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลตั้งไว้พอเหมาะพอดีสอดคล้องกับภารกิจของรัฐบาล ทั้งการผลักดันโครงการไทยแลนด์ 4.0 การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ เสริมสร้างศักยภาพของคนในประเทศ รวมถึงการพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ ขณะเดียวกัน การชำระคืนเงินกู้กว่า 7.8 หมื่นล้านบาท ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณ ปี 2561 ฝากไปยังกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการใช้งบปี 2561 ให้ลงสู่ประชาชน และเกิดประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจ เพราะยังมีหลายหน่วยงานที่เบิกงบไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ด้าน นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สมาชิกสนช. อภิปรายว่า คสช.พยายามรวมหน้าที่และภารกิจ เพื่อบูรณาการการทำงานของส่วนราชการเข้าด้วยกัน แต่อุปสรรคที่สำคัญคือเชิงโครงสร้าง ความเป็นนิติบุคคลของส่วนราชการระดับกรม กระทรวง ที่มีอำนาจหน้าที่เฉพาะ แม้จะทำแผนบูรณาการ และมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน แต่การทำงานแยกส่วน ทำให้การขับเคลื่อนในทางปฏิบัติยังมีอุปสรรค เช่น การบริหารจัดการน้ำ หรือ การปราบปรามทุจริต เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่สมาชิกสนช.การอภิปราย นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมการวิสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) ได้ลุกขึ้นอภิปรายด้วยว่า มีสื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพดังกล่าว สมาชิกสนช.นั่งหลับหลายรายในระหว่างที่นายกฯชี้แจงงบประมาณฯ โดยระบุว่า “ที่ผ่านมามีการบิดเบือน การทำงานของแม่น้ำ 5 สาย นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ภาพสนช.นั่งหลับทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งตนเห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีสิ่งเดียวที่ไม่เคยปฏิรูป คือ สื่อมวลชน แม้ว่า ส่วนใหญ่กว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นสื่อดี แต่ยังมีส่วนหนึ่งยังบิดเบือน สร้างความขัดแย้ง

ไม่เลื่อนชัวร์

ไม่เลื่อนชัวร์



หวยศาลรัฐธรรมนูญงวดล่าสุด ออกมาโป๊ะเชะถูกใจ คสช. ยิ่งนักแล
เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ฟันธงว่า คสช. 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ประเด็น
ตรงเป๊ะอย่างที่ “แม่ลูกจันทร์” กระชุ่นเอาไว้ทุกประการ
ประเด็นที่ 1,กรณีบังคับให้สมาชิกพรรคการเมืองทุกคนต้องไปแสดงตัวยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคด้วยตัวเอง
หากสมาชิกคนใด ไม่ไปแจ้งยืนยัน พร้อมชำระค่าสมาชิก 100 บาท ภายในเวลา 30 วัน จะต้องพ้นจากความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นทันที!!
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ “เสียงข้างมาก” ว่า คำสั่ง คสช.ประเด็นนี้ไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนเกินกว่าเหตุ และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมแก่บุคคลด้วยเหตุผลทางการเมือง
ประเด็นที่ 2,กรณีสั่งยุบเลิกสาขาพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิม และให้พรรค การเมืองต้องจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 90 วัน
หากพรรคใดดำเนินการตามเงื่อนไขไม่ทัน 90 วัน พรรคการเมืองนั้นจะต้องถูกยุบพรรคทันที
ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ “เป็นเอกฉันท์” ว่า คำสั่ง คสช.ประเด็นนี้ไม่เป็นการเพิ่มภาระ หรือจำกัดสิทธิ หรือเสรีภาพบุคคลเกินกว่าเหตุ และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อพรรคการเมือง
แสดงว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ประทับตรารับรองความถูกต้องของคำสั่ง คสช.ฉบับนี้ อย่างเป็นทางการ
ส่วนใครจะเห็นด้วย? หรือไม่เห็นด้วย? ก็เป็นเรื่องนานาจิตตัง
“แม่ลูกจันทร์” มองแง่ดีว่า ผลการลงมติของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้เท่ากับหมดเงื่อนไขที่จะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีกอย่างที่ผ่านมา
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช.ได้ย้ำยืนยัน (อีกครั้ง) ว่า การเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าตามเดิม
เท่ากับเหลืออีก 9 เดือนเท่านั้น คนไทยทั้งประเทศจะได้ใช้สิทธิ เลือกตั้งอย่างแน่นอน
แต่ยังติด “ด่านสุดท้าย” ที่ทำให้การเดินทางไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ไม่สะดวกโยธิน
คือต้องรอให้ คสช.ปลดล็อกการเมือง
ปลดล็อกให้พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่พรรค เลือกตั้งหัวหน้าพรรค เลือกตั้งคณะกรรมการพรรค จัดตั้งสาขาพรรค แต่งตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน ฯลฯ
รวมทั้งต้องทำ “ไพรมารีโหวต” หาผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.เขตให้เสร็จครบทุกขั้นตอน
ถ้า คสช.ยังไม่ปลดล็อก พรรค การเมืองก็ไม่สามารถดำเนินการต่างๆเพื่อเตรียมการเลือกตั้งได้เลย
“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไขกุญแจปลดล็อกให้พรรคการเมืองเตรียมเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งอย่างสะดวกโยธิน
เริ่มจากไขกุญแจล็อกดอกที่หนึ่ง
ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิน 5 คน
แล้วจึงไขกุญแจล็อกดอกที่สอง
ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
ไฮไลต์สำคัญอยู่ตรงกุญแจล็อกนี่แหละโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

เหนื่อยสู้กับความรู้สึก

เหนื่อยสู้กับความรู้สึก



กลายเป็น “มวยนอกสายตา” ที่ตกม้าตายตอนจบ
ตามสภาพสะบักสะบอมของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่โดนนักข่าวดักล้อมหน้าล้อมหลัง จี้ถามเรื่องการแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง
สะดุดปมหุ้นของเมีย เสียผู้เสียคนตอนแก่
ตกเป็นเหยื่ออันโอชะทางการเมือง ถูกขบวนการหมั่นไส้รัฐบาล คสช. ลากเข้าเหลี่ยมกระแทกชิ่ง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.
โดนล่อเป้าแบบรายวัน ไม่รู้จะอึดไปได้อีกนานแค่ไหน
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่มีพวกจ้องฉวยเอาวิกฤติของ รมว.ต่างประเทศ เป็นโอกาส “เขย่า” ให้เกิดช่องว่าง เพื่อโอกาสลุ้นเสียบ ครม.ร่วมขบวน “ลุงตู่”
“ข่าวปล่อย” ปรับ ครม.ว่อนตั้งแต่นาทีแรกที่นายดอนเจอพิษหุ้น
ตามท้องเรื่องที่กระแสไหลเร็ว พาดโยงไปถึง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตกเป็นเป้าแรกที่จะโดนเขี่ยออก เพื่อสลับฉากให้พลเรือนเข้ามานั่งคุมมหาดไทย
เป้าหมายแซะ “พี่รอง” ก่อนใครเลย
นั่นก็ทำให้เจ้าตัวต้องขยับเดินแต้ม เปิดโปรแกรมความพร้อมการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นภายในสิ้นปี ต่อเนื่องกับกระแสความเคลื่อนไหวทางลึกที่ว่ากันว่ามีการดีลกับอดีตพ่อเมืองคนดังที่เกษียณไปแล้ว รวมถึงผู้นำท้องถิ่น นายก อบจ.ที่ฐานคะแนนแน่นๆ
เดินแผนปั้นกองกำลัง ส.ส.ในสนามเลือกตั้ง
“บิ๊กป๊อก” เดินหมากวางเกมยาว หวังเกาะขบวนตีตั๋วต่อกับ “บิ๊กตู่” ดูแล้วไม่ใช่จะแซะกันง่ายๆ
และพูดก็พูด ปรากฏการณ์ “น้องเล็ก” โละ “พี่รอง” โอกาสความเป็นไปได้แทบจะไม่มี ตามสภาพการณ์ของ 3 พี่น้องที่เกาะเกี่ยวกันอย่างเหนียวแน่นมากว่า30 ปี
มีข่าวมาเป็นสิบๆรอบแล้วก็ยังเหนียว
“เสือซุ่ม–สิงห์เงียบ” ยังยึดมหาดไทยไว้ได้แบบนิ่งๆ
เรื่องของเรื่อง จับทางเป้าจริงของการปล่อยข่าว เขย่าที่ว่างใน ครม. มุ่งโฟกัสไปที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ตามรูปเกมที่มีการแห่กระแส กระตุกอุปาทานหมู่ปัญหาปากท้อง
กดดันมัดคอ “ลุงตู่” ต้องปรับรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ
โดยมีนักการเมืองทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์แท็กทีมช่วยเขย่า เป้าหมายร่วมอยู่ที่เกมดิสเครดิต “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ
เตะตัดขาค้ำยันนั่งร้านสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์
ตามท้องเรื่อง โยงปมล้มเหลวสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ เพื่อเตะสกัดการตีตั๋วต่อของ “นายกฯลุงตู่” กับค่าย “พลังประชารัฐ” ยี่ห้อที่ “สมคิด” การันตี เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ
“ข่าวปล่อย” ปรับ ครม. งานนี้สมประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย
แต่มันคือความเสียหายอย่างใหญ่หลวงสำหรับรัฐบาล คสช.
อารมณ์แบบที่ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” ต้องขอพูดแบบเปิดใจ ปล่อยเบรกยาวกับสื่อ
ระบายความอัดอั้น ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่า “สูญเปล่า”
ทั้งๆที่รัฐบาลมีผลงานปรากฏเยอะแยะเป็นร้อยเป็นพัน แก้ปัญหาหมักหมมของประเทศได้มากมาย
ยืนยันไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่ได้นาน แต่พยายามทำดีที่สุดเพื่อคนไทย 4 ปีไม่สูญเปล่า
ยอมรับยังมีความเป็นมนุษย์สูง ย่อมมีผิดพลาด มีโมโห มีโกรธ ไม่เข้าใจทำไมหลายคนต้องทำลายเกียรติยศนายกรัฐมนตรีของประเทศ โดยเฉพาะคำผรุสวาทในโซเชียลมีเดีย
บิดเบือนจนตำแหน่งนี้ “fail” ล้มเหลวไปหมด
ถึงจุดที่ “ลุงตู่” ต้องเบิ้ลกระแสกลับแบบแรงๆ หลังโดนต้อนเข้ามุมอับเป็นฝ่ายตั้งรับ รัฐบาลตกเป็นรองแนวรบไซเบอร์วอร์ สงครามโซเชียลมีเดีย
ขณะที่ “สมคิด” ก็วิ่งสู้ฟัด เอาข้อมูลที่มีหลักแหล่งยืนยันได้มาหักล้างเกมปั่นกระแสความรู้สึกชาวบ้าน
ระบุล่าสุดได้รับการยืนยันจากหน่วยงานต่างประเทศที่ประเมินการเติบโตมองเศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว
โดยปีนี้จะเติบโตได้มากกว่าร้อยละ 4 อย่างแน่นอน
แต่ใช้เวลาอีกไม่นานการเติบโตจะลงไปถึงรากหญ้า เพราะตอนนี้ราคาพืชผลการเกษตรยังตกต่ำ
ว่ากันตามสภาพคนทำงานหนักที่ต้องสู้กับกระแสลอยๆ.
ทีมข่าวการเมือง