PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ครม.ตีกลับ เพิ่มบำเหน็จ 600 คสช.

ครม.ตีกลับ เพิ่มบำเหน็จ 600 คสช.”บิ๊กตู่” ให้ลดลงอีก เท่าที่จำเป็น ไม่ต้องรีบ!!
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (สลธ.คสช.) เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาอนุมัติบำเหน็จประจำปี 2 ขั้น นอกเหนือโควต้าปกติให้เจ้าหน้าที่ในคสช. ว่าคณะรัฐมนตรียังไม่อนุมัติ โดยให้คสช.ไปดูเรื่องของความจำเป็นของการทำงาน และเรื่องของจำนวนคนที่เสนอมา 600 นาย ที่ถือว่าลดลงมาเป็นลำดับ
จากปีแรกที่มี 1,000 คน แต่นายกฯระบุว่าควรลดได้มากกว่านี้ โดยให้ดูเท่าที่มีความจำเป็น
ส่วนจะเสนอ ครม.กลับมาเมื่อไหร่นั้น ยังไม่มีกำหนดตายตัว ไม่ต้องรีบเร่งเพราะครอบคลุมเวลาตั้งแต่ 1 ต.ค.60 จนถึงวันที่ 30 ก.ย.61

“บิ๊กตู่” ปฏิรูปตำรวจ ต้องไม่มีซื้อเก้าอี้

ใช้Fast Track
“บิ๊กตู่” ปฏิรูปตำรวจ ต้องไม่มีซื้อเก้าอี้ ชี้ “ตรงนี้ทหารเขาทำได้ ตำรวจก็ต้องทำได้”....เปรย ใช้Fast Track ในกองทัพ ไม่อย่างนั้น ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมครม.สัญจร ว่า ได้สั่งการได้ที่ประชุมถึงเรื่องการปฏิรูปตำรวจ 1 ปีที่ผ่านมา ทำในสิ่งที่ทำได้ก่อน
ส่วนเรื่องการแต่งตั้ง ขอให้เกิดความชัดเจน ต้องไม่มีการทุจริตเรียกเงินเรียกทอง มันมีวิธีการอยู่
“ตรงนี้ทหารเขาทำได้ ตำรวจก็ต้องทำได้”
ฉะนั้นมันมีทั้ง 2 อย่างคือ จริงบ้างไม่จริงบ้าง บางอย่างก็ไม่บอกกัน บางอย่างก็อ้างกัน
ฉะนั้น จะทำอย่างไรนั้น ผมมอบหมายไปแล้ว การแต่งตั้งต้องเป็นธรรม ซึ่งมีสัดส่วนของมันอยู่ ทั้งเรื่องอาวุโส และความเหมาะสม ซึ่งต้องมีfast trackขึ้นมาด้วย หากเอาความอาวุโสอย่างเดียวบางทีมันไม่ได้
“ทหารก็เหมือนกัน บางทีเราอาวุโสอย่างเดียว มันก็อาจไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ต้องเตรียมคนรุ่นใหม่ไว้พร้อมกัน ไม่เช่นนั้นความอาวุโสที่เท่ากัน เมื่อขึ้นมาแล้วเกษียณพร้อมกันหมด ไม่เกิดความต่อเนื่องจึงต้องดูสัดส่วนตรงนี้ให้เหมาะสม”

ของดีต้องแพง

ของดีต้องแพง



หากหวังจะสืบทอดอำนาจ คสช. หลังเลือกตั้งต้นปีหน้าให้ยาวว์ว์ไปสุดซอย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเวลาเหลืออีก 8 เดือน เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้าให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
ต้องดันราคาสินค้าเกษตร (ข้าว ยาง ปาล์ม ข้าวโพด ฯลฯ) ให้ขยับขึ้นพรึ่บพรั่บพร้อมกันทุกตัว
นี่คือ “โจทย์หิน” ที่รัฐบาลบิ๊กตู่ กำลังเร่งปลํ้าฟัดสุดลิ่มทิ่มประตู
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า โชคดี ปีนี้ราคาข้าวไทยดีขึ้นผิดหูผิดตา ทำให้ นายกฯบิ๊กตู่ เบาใจไปได้อีกหลายกิโล
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ออกมาฟันธงว่าปีนี้จะเป็น “ปีทองของตลาดข้าวไทย” เนื่องจากต่างประเทศแห่กันสั่งซื้อข้าวไทยจนหัวกระไดเป็นมัน ทั้งแอฟริกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ฮ่องกง และมาเลเซีย ฯลฯ
โดยเฉพาะพี่เบิ้มจีนกระหน่ำซื้อข้าวไทยไปแล้ว 6 แสนตัน และกำลังเจรจาจะเซ็นสัญญาซื้อข้าวลอตใหญ่เพิ่มอีก 1 ล้านตัน
ส่งผลให้ปีนี้ไทยส่งออกข้าวสูงทะลุเป้า 10 ล้านตัน!!
สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 5 แสนตัน
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า แนวโน้มตลาดข้าวไทยจะสดใสต่อไปอีก 2 ปี ช่วยให้พี่น้องชาวนา ซึ่งขาดทุนบักโกรกมาหลายปี มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ
โดยเฉพาะข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาพุ่งกระฉูดไปถึง 18,800 บาทต่อตัน สูงกว่าราคาเฉลี่ยปีก่อนถึง 7,000 บาทต่อตัน
การที่ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นใบเสร็จยืนยันว่า ข้าวหอมมะลิไทย ยังผูกขาดตำแหน่งแชมป์ข้าวตลาดพรีเมียมต่อไปอีกยาวนาน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ยิ่งข้าวหอมมะลิไทยขายดี และขายได้ราคาแพง ยิ่งทำให้ประเทศคู่แข่งเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ใกล้เคียงข้าวหอมมะลิไทย
เพื่อขายตัดราคาแย่งตลาดข้าวไทยกันอึกทึกครึกโครม
ที่กำลังมาแรงคือ “ข้าวหอมดอกมะลิ” และ “ข้าวดอกลำดวน” ของกัมพูชา ซึ่งใช้สายพันธุ์เดียวกับข้าวหอมมะลิไทย
ที่แสบติ่งยิ่งกว่าคือ “เวียดนาม” ซึ่งจ้องตัดราคาแย่งตลาดข้าวไทยทั้งตลาดล่างและตลาดบน
“เวียดนาม” เอาพันธุ์ข้าวดอกมะลิของกัมพูชา (ซึ่งมาจากพันธุ์ข้าวหอมมะลิไทย) ไปพัฒนาพันธุ์ใหม่เป็น “ข้าวหอมมะลิเวียดนาม”
ขายตัดราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทยถึง 200 เหรียญต่อตัน!!
อ้อ...ยังมีข้าวหอมมะลิพม่า เริ่มส่งออกช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยเพิ่มอีกราย
ล่าสุด มีข้าวหอมมะลิอเมริกา เรียกว่า “อเมริกัน จัสมิน” พัฒนาสายพันธุ์จากข้าวหอมมะลิไทย เริ่มแผ่พังพานบุกตลาดข้าวพรีเมียม ฮ่องกง และฟิลิปปินส์
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า แม้จะถูกคู่แข่งตัดราคาแย่งตลาดข้าวไทยกันอุตลุด
แต่ “จุดแข็ง” อยู่ที่คุณภาพข้าว หอมมะลิไทยยังเหนือกว่าข้าวหอมมะลิคู่แข่งครึ่งช่วงตัว
ปัญหาอย่างเดียว ข้าวหอมมะลิไทยยุคปัจจุบันกลิ่นไม่หอมติดลิ้นเหมือนข้าวหอมมะลิไทยเมื่อ 10 ปี 20 ปีที่ผ่านมา
เพราะปุ๋ยเคมีทำให้ความหอมดั้งเดิมหอมธรรมชาติ หอมเป็นเอกลักษณ์เจือ
จางลง
“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่า ถ้าไม่รักษาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยให้คงเส้นคงวา
ตลาดข้าวหอมมะลิไทยต้องเจอศึกหนักแน่นอน
โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิเวียดนาม ประมาทไม่ได้นะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้

ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้



โฟกัสทั่วโลกมุ่งเป้าสายตาไปที่เกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์
ช็อตประวัติศาสตร์การประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา กับประธานาธิบดีคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
เพื่อแนวทางสันติภาพ ยุติการก่อสงครามนิวเคลียร์
“ทรัมป์-คิม จอง อึน” เงื่อนไขสถานการณ์ขัดแย้งระดับโลก ที่ไม่คิดว่าจะโคจรมาเจอกันได้ ยังเกิดขึ้นแล้ว ตามแนวโน้มเงื่อนไขสถานการณ์ที่ย้อนกลับมาวิกฤติการเมืองในประเทศไทยที่แตกแยกกันมากว่า 10 ปี
มันก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ในสถานการณ์ถ้าขั้วขัดแย้งอย่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยลูกข่ายยี่ห้อ “ทักษิณ” จะหันกลับมาจูบปาก หักมุมปรองดอง ยุติการแย่งชามข้าวในหมู่นักการเมืองอาชีพ
รวมหัวเพื่อชิงอำนาจทางการเมืองคืนจากขั้วอำนาจ คสช.
เรื่องของเรื่อง จับอาการล่าสุดของเซียนการเมืองตัวพ่อระดับนายชวน หลีกภัย ประธานกุนซือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งใจออกมาซัดใบมีดโกนใส่ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล โทษฐานชักชวนให้นักธุรกิจตั้งพรรคการเมืองกันเยอะๆ
ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะส่งผลดีต่อระบบการเลือกตั้ง
ซึ่งก็ไม่แน่ใจความหมายแฝงของนายชวนที่ไม่ชอบให้มีพรรคการเมืองมากๆเพราะเหตุใด เพราะตามหลักการมันก็มีคำถามย้อนแย้งในที ถ้าพรรคการเมืองเดิมดีอยู่แล้ว ก็คงไม่จำเป็นต้องมีพรรคใหม่มาเป็นทางเลือก หรืออีกมุมทุกคนควรมีส่วนร่วมกับการเมือง ไม่ใช่จำกัดแค่นักการเมืองมิใช่หรือ
ไม่บ่อยนักที่เจ้าหลักการอย่างนายชวนจะออกหมัดหลวม เปิดช่องให้โดนโต้ง่ายๆ
ประเด็นสำคัญจริงๆเลยก็คือ อาการของมวยเก๋าอย่างนายชวน เหมือนเงื้อหมัดมาตั้งแต่บ้าน
พุ่งเป้าใส่ “สมคิด” อย่างชัดเจนและโจ่งแจ้ง
และแน่นอน มันไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะมองได้ นอกจากเหลี่ยมเกมการเมือง
เรื่องของการเตะตัดขา งานนี้นายชวนยิ่งกว่าตั้งใจ “เจาะยาง” นายสมคิด พาลกระแทกชิ่งขาค้ำยันสำคัญของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.
หลังเป็นที่ประจักษ์แล้ว นายสมคิดคือผู้มีบทบาทสำคัญทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง
ในฐานะขุมพลังเดินเครื่องให้ “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
“ชวน” เปิดเกมล่อเป้า “สมคิด” โดยไม่สนความเป็นแนวร่วมฝ่ายเดียวกัน ตรงกันข้ามกลับเป็นการช่วยตอกย้ำซ้ำเงื่อนไขสถานการณ์กระแสอุปาทานหมู่ปมเศรษฐกิจปากท้อง
เข้าเหลี่ยมขุมข่าย “ทักษิณ” ที่ทั้งโห่ทั้งแห่กระแสขย่ม “สมคิด” เย้ยฝีมือเศรษฐกิจรัฐบาล “ลุงตู่” บ้อท่าอย่างเนียนๆ
ปรมาจารย์ชวน” แตะมือแท็กทีมกับยี่ห้อ “ทักษิณ” โดยอัตโนมัติ
ปฏิบัติการฟัดเป้าหมายร่วมคนเดียวกันคือ “จอมยุทธ์กวง”
ถ้าเตะตัดขา “สมคิด” ร่วง ก็หมายถึง “ลุงตู่” นั่งร้านพังเท่านั้นเอง
และนั่นก็โยงเป็นเหตุเป็นผลรองรับ กับการที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดชัดเลยว่า จะผลักดันให้ใส่ชื่อปรมาจารย์ชวนเป็น 1 ใน 3 บัญชีนายกฯของพรรคประชาธิปัตย์
ตั้งแท่นแต่งตัวให้ผู้อาวุโสไปนั่งรอเทียบแต่หัววัน
เพราะมันมีโอกาสไม่น้อยที่สถานการณ์จะเดินไปสู่เส้นทางบังคับ ถนนเส้นเดียวที่จะกลับสู่เกมอำนาจ “นายใหญ่” จำเป็นต้องยอมจับมือกับประชาธิปัตย์โค่น คสช.
ดันปรมาจารย์ชวนขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี ตามรอย “ปู่มหาเธร์ โมฮัมหมัด” แห่งมาเลเซีย
โดยไม่จำเป็นที่นายชวนจะต้องหวนมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หักหน้า “ศิษย์รัก” อย่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้เสียผู้เสียคนทางการเมือง
และตามท้องเรื่องที่แรงเสียดทานทีมของ “สมคิด” เริ่มยกระดับขึ้น
ตามจังหวะการขยับของทีม “FOS” หรือ “เฟรนด์ ออฟ สมคิด” ที่ยกขบวนเครือข่ายชาวนาประชารัฐ เข้าให้กำลังใจ “ลุงตู่” สู้กับแรงเสียดทานฝ่ายต้านถึงในทำเนียบรัฐบาล
ล่าสุดนายวันชัย บุนนาค ทนายความอิสระ ได้เข้ายื่นหนังสือที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าคดีฟอกเงินจากการทุจริตโครงการอนุมัติปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร
ไล่บี้ให้เอาผิดกับนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะอดีตกรรมการ (บอร์ด) แบงก์กรุงไทยที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ
รับน้อง “ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” ตั้งแต่ไก่โห่เลย.
ทีมข่าวการเมือง