PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ปิดฉากชีวิต 'เสธ.ไอซ์' ตำนานนายทหารม้าคนดัง RIP

การจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาของ "เสธ.ไอซ์" พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เมื่อช่วงเช้า 07.17 น. ของวันที่ 8 มิ.ย. ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ด้วยโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต ถือเป็นการปิดฉาก-ตำนาน นาย

ทหารม้าคนดัง ในแวดวงทหารผู้มากบารมี และเป็นทหารผู้ที่มีเรื่องราวน่าติดตาม น่าสนใจ น่าศึกษา คนหนึ่งในกองทัพไทย...

การเสียชีวิตของ "เสธ.ไอซ์" พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก เมื่อช่วงเช้า 07.17 น. ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า อย่างสงบ ด้วยโรคติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างรุนแรง 

สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับ ตระกูล "อินทรทัต" เพื่อนๆเตรียมทหารรุ่น 10 ตลอดจนพรรคพวก เพื่อนฝูง เพราะหลังจากที่เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา อาการมีแต่ทรุดๆ ทรงๆ และ

มาดีขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จากนั้น ก็ติดเชื้อ เกิดโรคแทรกซ้อน ในที่สุดก็ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา ('เสธ.ไอซ์' ถึงแก่กรรม รพ.พระมงกุฎฯ ติดเชื้อในกระแสเลือดรวมอายุ 67 ปี)

หากจะย้อนรอยชีวิตของ เสธ.ไอซ์ นายทหารม้าคนดัง ต้องบอกว่า

ยุทธจักรแวดวงคนมีสี หากเอ่ยชื่อ "เสธ.ไอซ์" ผู้มากบารมีแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครรู้จักเขา ในฐานะนายทหารผู้มีอิทธิพล หรือนายทหารมาเฟีย หรือ เสธ.คนดัง

เสธ.ไอซ์ ถือเป็นนายทหารแกนหลักของ ตท.10 มีเพื่อนร่วมรุ่นประกอบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยและอดีตผบ.ทบ. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต 

อดีต รมว.กลาโหม พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต อดีต รมช.คมนาคม พล.อ.พรชัย กรานเลิศ อดีต ผช.ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ อดีต ผบ.ทร. พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ อดีต ผบ.สส. เป็นต้น

หากย้อนในภาพวัยเด็ก เสธ.ไอซ์ เป็นนายทหารหนุ่มมาดเท่ เติบโตในราชการในกองพันทหารม้าที่ 3 (ม.พัน.3) กระทั่งไต่เต้าถึง รองผู้บังคับกองพัน เขาผ่านสนามรบในชายแดนมากมาย ชีวิตทหาร

ม้าผู้นี้ ตั้งแต่แต่งเครื่องแบบทหาร เส้นทางเขาก็ถูกลากเข้าสู่ถนนยุทธจักรนักเลงเต็มตัว เพราะด้วยความมีเพื่อนฝูงมากมาย ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เคลียร์ได้ทุกวงการ ทำให้ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน ถือเป็น

ใบเบิกทางทำให้ "บารมี" ที่ค่อยๆ สะสมมา ส่งผลให้ชื่อเสียงความเป็น "เสธ.ไอซ์" กระฉ่อนไปในทุกหนแห่ง และถนนทุกสายต้องเกรงอกเกรงใจ

จนเติบโตในเส้นทางการรับราชการทหาร จนมาสู่ยศสูงสุดของกองทัพบกไทย นั่นคือ "พลเอก"

การถูกขนานนามว่า "นายทหารคนดัง" หรือ "เสธ.คนดัง" หรือ "พี่ไอซ์" จนมาถึงคำว่า "มาเฟีย" ในเครื่องแบบ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ไม่ได้มาเพราะฟลุ๊ก แต่ได้มาเพราะความเป็นตัวตนของเขาเอง

ทำให้อาณาจักร เสธ.ไอซ์ ได้ขยายตัว แผ่อิทธิพลอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปรากฏการณ์ "ซุ้มไอซ์" ที่มีคนในเครื่องแบบทั้ง ทหาร ตำรวจ หรือ นักเลงหัวไม้ อันธพาล ต่างขอเข้ามาอยู่ซุ้มในสังกัด เพียง

ขอได้มีชื่อตามหลังว่า "เด็กเสธ.ไอซ์" จะทำให้เดินเหินสะดวกในถนนราตรี ถนนสายสีเทา หรือการของาน ประมูลงาน การติดต่อประสานงาน ก็จะไหลลื่น จนเป็นที่หมายตาหมายหัวของ

ตำรวจนั่นเอง

จึงทำให้เมื่อเกิดคดีใหญ่ๆ ขึ้นมาในเมืองไทย เสธ.ไอซ์ ผู้นี้มักจะถูกโยง และพาดพิงไปเป็นตัวละครหนึ่ง เป็นประเด็นที่ถูกกล่าวขานในคดีนั้นๆ หลายๆ คดี ชื่อที่ถูกไปพัวพัน เขาก็มักจะออกมาชี้แจง 

และสุดท้าย ก็เป็นเพียงแค่โยนหินถามทาง เพราะทุกคดีไม่เคยเกิดเพราะเขา เขาไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหา เพียงแต่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวเท่านั้น

แม้คดีใหญ่ล่าสุด อุ้มฆ่า "เอกยุทธ อัญชันบุตร" เขาก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่ถูกดึงเข้าไปอีก สุดท้ายก็จบลงที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

กระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ประกาศจะกวาดล้างผู้มีอิทธิพล มาเฟีย ตามคำสั่ง 

คสช. เสธ.ไอซ์ ก็ยังติดกลุ่มในบัญชีรายชื่อที่ถูกจับตา กระทั่งต้องออกมาชี้แจง

ในเส้นทางการเมือง เสธ.ไอซ์ เป็นมือการทำงานลับๆ ให้กับ "เพื่อนแม้ว" กระทั่งถูกเชิญให้เข้าไปนั่งเป็นที่ปรึกษานายกฯ สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น สร.1 หรือแม้เป็นคีย์แมนหลักให้กับ บิ๊กแอ๊ด 

"พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา" อดีตรมว.กลาโหม ต้องนั่งรั้งตำแหน่ง หัวหน้าสำนักงาน รมว.กห. จนเป็นที่มาของคดียุบพรรคไทยรักไทย การจ้างพรรคเล็ก

หลายต่อหลายครั้ง เสธ.ไอซ์ ได้ไปนั่งเป็นที่ปรึกษาในหลายกระทรวงของ รัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทย และด้วยความสนิทสนมส่วนตัว จึงมีทุกพรรค รักทุกคน ทำให้ เสธ.ไอซ์ ถูกยกย่องในบรรดา 

นักการเมืองสายนักเลง เพราะด้วยความมีน้ำใจของเขา การไม่เอารัดเอาเปรียบ การช่วยเหลือเพื่อนฝูงทุกคน จนได้รับฉายา "เสธ.ไอซ์" มากมิตร

และหลายเหตุการณ์ในถนนการเมือง เสธ.ไอซ์ ก็มักถูกมองโยงไปว่า เป็นผู้นำในการก่อม็อบ การนำมวลชนไปปิดสถานที่ต่างๆ หรืออยู่เบื้องหลังชายชุดดำ ชายฉกรรจ์ เพราะด้วยตัวตนของเขาที่มี

ลูกน้อง มีเด็กในสังกัดจำนวนมาก

สิ้นยุค 3 ทหารม้าคนดัง

การสิ้นชีพของ เสธ.ไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ในครั้งนี้ บรรดาแวดวงทหารม้า ถือเป็นการปิดฉากนายทหารทหารม้าคนดังอีกราย เพราะหลังจากที่ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรง

คุณวุฒิ ทบ.(ตท.11) ที่ถูกลอบยิงในการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 และ พล.ต.จะเด็ด ชูศักดิ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ บก.สส.(ตท.15) เกิดหัวใจล้มเหลว บทบาททุกอย่างจึงต้องตกมาอยู่ที่ เสธ.ไอซ์ 

คนเดียว

ทุกจุดศูนย์รวมของทหารสายมาเฟีย จึงมาอยู่ที่ ซุ้มไอซ์ ทำให้บทบาทของเขาเต็มพาวเวอร์ จนหานายทหารที่จะก้าวขึ้นมาเทียบบารมียากยิ่งนัก แต่ ณ วันนี้เป็นต้นไปที่ไร้ 3 นายทหารม้าคนดัง ที่แสง

เจิดจรัสของเหล่านักเลงดับลงแล้ว ก็ยากที่จะมีนายทหารม้าคนใดที่จะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ มีบทบาทที่จะขึ้นมาเทียบเท่าบารมีเท่า "เสธ.ไอซ์" คงยาก

แต่ทุกสิ่งเปรียบได้ว่า เมื่อมีน้ำขึ้น ก็ย่อมมีน้ำลง ต้องติดตามดูต่อไปในอนาคตว่าบทบาทของ "นายทหารคนดัง" หรือ "เสธ.คนดัง" ตำแหน่งนี้ ในแวดวงสายนักเลงจะฟื้นคืนชีพ และตกไปอยู่ที่ใคร

'เสธ.ไอซ์' ลั่น ผมไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล! วอนอย่าดึงไปเกี่ยวข้อง'เสธ.ไอซ์' ถึงแก่กรรม รพ.พระมงกุฎฯ ติดเชื้อในกระแสเลือดรวมอายุ 67 ปี

Cr ไทยรัฐออนไลน์8/6/59

อัสซาดลั่น! จะทวงคืนพื้นที่ทุกตารางนิ้วในซีเรีย!

อัสซาดลั่น! จะทวงคืนพื้นที่ทุกตารางนิ้วในซีเรีย!
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา สำนักข่าวSANAของซีเรียได้รายงานถึงคำพูดของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาดที่กล่าวในการประชุมสมัชชาประชาชนในวันดังกล่าวที่กรุงดามัสกัสว่า จะปลดแอกให้กับพื้นที่ทุกตารางนิ้วในซีเรีย พร้อมกล่าวว่าก่อนที่กลุ่มก่อการร้ายจะถูกกำจัดให้หมดสิ้น ความคืบหน้าทางการเมืองใดใดก็เท่ากับไร้ความหมาย และจะไม่มีทางได้ผลตามที่หวังไว้
โดยกล่าวว่า “ถ้าหากพวกเราไม่กำจัดกลุ่มก่อการร้ายให้สิ้นซาก เลือดของชาวซีเรียก็คงไม่มีวันที่จะหยุดหลั่งลงได้ เราจะปลดปล่อยพื้นที่ทุกตารางนิ้วของซีเรียให้เป็นอิสระ เหมือนกับตอนยึดคืนเมืองพัลไมรา เพราะพวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้น”
เมื่อพูดถึงการเจรจาสันติภาพซีเรียในนครเจนีวาที่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าใดนัก อัสซาดกล่าวว่า ตอนนี้การเจรจาสันติภาพที่เป็นการลงมือทำจริงๆนั้นยังไม่ได้เริ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะ"เอกสารด้านหลักการ”ที่รัฐบาลซีเรียได้เสนอไปตั้งแต่ตอนเริ่มการเจรจารอบใหม่นั้นยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆ
จากรายงาน เอกสารฉบับดังกล่าวประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับเป้าหมายในการโจมตีกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม การรักษาความเป็นหนึ่งเดียวในอธิปไตยของซีเรีย แต่ทว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลก็ยังคงยืนหยัดที่จะให้อัสซาดออกจากการดำรงตำแหน่ง
ประธานาธิบดีอัสซาดกล่าวว่า ขอเพียงประเทศต่างๆเช่น รัสเซีย อิหร่าน จีน ยืนหยัดอยู่บนความถูกต้อง สนับสนุนให้ชาวซีเรียมีสิทธิ์ในการกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง กลุ่มก่อการร้ายจะถูกกำจัดจนหมดสิ้นไปในที่สุด
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธต่างๆทิ้งอาวุธและร่วมเข้าในกระบวนการปรองดองแห่งชาติ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากสิ้นสุดการเจรจาสันติภาพซีเรียที่กรุงเจนีวาที่มีรัฐบาลซีเรียและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเข้าร่วมด้วย ก็ยังไม่มีการกำหนดการเจรจาสันติภาพซีเรียรอบต่อไปแต่อย่างใด

รัสเซียเตรียมตอบโต้การขยายอิทธิพลของนาโต้

รัสเซียเตรียมตอบโต้การขยายอิทธิพลของนาโต้
China Xinhua News
รัสเซียเตรียมตอบโต้ “ให้เท่าเทียม” กับการขยายอิทธิพลของนาโต
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียกำลังเตรียมตอบโต้ “ให้เท่าเทียม” กับการขยายอิทธิพลของนาโตตามเขตชายแดน
นายลาฟรอฟกล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับ Timo Soini รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฟินแลนด์ว่า “เราไม่หลบซ่อนว่าเรามีทัศนคติในแง่ลบต่อนโยบายการขยายโครงสร้างพื้นฐานทหารของนาโตตามแนวชายแดน”
รัสเซียประกาศว่า การจัดกองพล 3 กองใกล้กับชายแดนฝั่งตะวันตกเป็นหนึ่งในมาตรการตอบโต้การที่นาโตจัดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในโรมาเนียและโปแลนด์ รวมถึงการส่งสัญญาณว่ามีพิธีสารร่วมกับมอนเตเนโกร
มีการอ้างว่ามีโอกาสที่รัสเซียจะโจมตีประเทศสมาชิกในนาโต ซึ่งนายลาฟรอฟกล่าวว่าเป็นข้ออ้างของสหรัฐฯที่จะจัดกองกำลังและอาวุธมาควบคุมพื้นที่ในยุโรปนั่นเอง

ศาลฎีกาฯนักการเมืองจำคุก6ปี ‘ชูชีพ หาญสวัสดิ์-วิทยา เทียนทอง’ คดีฮั้วประมูลปุ๋ย1.31แสนตัน

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อายุ 72 ปี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายวิทยา เทียนทอง อายุ 75 ปี อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคไทยรักไทย เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 17
คำฟ้องสรุปว่าเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544 ถึงวันที่ 20 กันยายน 2545 พวกจำเลย ร่วมกันทุจริตจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยอัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 ว่านายชูชีพ จำเลยที่ 1 เป็น รมว.เกษตรฯ และนายวิทยา จำเลยที่ 2 เป็นเลขานุการ รมว.เกษตรฯ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีเสนอให้จัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจำเลยทั้งสองมีอำนาจหน้าที่ในการเสนอโครงการจัดซื้อปุ๋ยได้กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และกระทำการส่อไปในทางทุจริต ในการร่วมกันกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าประมูล เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย (ชสท.) เป็นผู้ประมูลได้เพียงรายเดียว
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้ประกันตัวในชั้นไต่สวน
ทั้งนี้ คณะองค์คณะผู้พิพากษาประชุมหารือกันนานกว่า 5 ชั่วโมง โดยพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า จำเลยที่1, 2 เร่งรีบในการพิจารณารับราคา ที่มีการเสนอในการประกวดราคาจัดซื้อปุ๋ย และไม่ดำเนินการตรวจสอบข้อพิรุธในการจัดซื้อที่น่าจะทราบมาตั้งแต่ต้น หลังจากมีหนังสือปลัดกระทรวงเกษตร และคณะกรรมมาธิการตรวจสอบการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของ ส.ส. แต่จำเลยกลับประวิงเวลากระทั่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ลงนามทำสัญญากับชุมนุมเกษตรกรแห่งประเทศไทย จัดซื้อปุ๋ยมูลอินทรีย์ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
องค์คณะจึงมีมติด้วยเสียงข้างมาก พิพากษาว่านายชูชีพ จำเลยที่1 กระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการรเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (ฮั้วประมูล) มาตรา 10,12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนนายวิทยา จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนนายชูชีพกระทำความผิด จึงให้จำคุกคนละ 6 ปี ฐานทำผิด มาตรา 12 พ.ร.บ.ฮั้วประมูลซึ่งเป็นบทหนักสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่องค์คณะผู้พิพากษา ประชุมหารือกันนานกว่า 5 ชั่วโมง ระหว่างนี้นายวิทยา จำเลยที่2 มีอาการปวดศีรษะจนต้องวัดความดันถึง 2 ครั้ง และพบว่าความดันสูงเกือบ 200 มิลลิกรัมปรอท ขณะที่ภายหลังฟังคำพิพากษา นายชูชีพ จำเลยที่ 1 มีสีหน้าตกใจจนต้องใช้ยาดมบรรเทาอาการ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะควบคุมตัวจำเลยทั้งสองคนขึ้นรถตู้เพื่อไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ต่อมาเวลา 17.16 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เตรียมควบคุมตัวทั้งสองคนไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคดีดังกล่าว ป.ป.ช.มีมติเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 ชี้มูลความผิดนักการเมือง 2 ราย ร่วมกับข้าราชการประจำและเอกชนหลายราย ทุจริตฮั้วประมูลปุ๋ยอินทรีย์ปลอม 1.31 แสนตัน วงเงิน 367 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2545 ของกรมส่งเสริมการเกษตร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10,12 และ 13 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83

เปิดโปงขบวนการค้าน้ำกาม “นาตารี” รัชดาฯ ซ่อง “เสี่ย ล.”

เปิดโปงขบวนการค้าน้ำกาม “นาตารี” รัชดาฯ ซ่อง “เสี่ย ล.”

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม   
7 มิถุนายน 2559 23:18 น. (แก้ไขล่าสุด 8 มิถุนายน 2559 07:04 น.)
เปิดโปงขบวนการค้าน้ำกาม “นาตารี” รัชดาฯ ซ่อง “เสี่ย ล.”
        ตะลึง!!?? เส้นทางค้ามนุษย์ยุคดิจิตอล แม่เล้าออกตระเวนตกเขียวสาวน้อยชนเผ่าท่าขี้เหล็ก ก่อนส่งสังเวยกาม แฉเรียกเสี่ยหื่น “เปิดซิง” เก็บเงินแสนก่อนลดระดับส่งเข้านั่งตู้ “จับตา” นาตารีโด่งดังจัดลูกค้าจีนแห่เที่ยว แต่ตำรวจไม่รู้ไม่เห็น งานนี้ถ้ารัฐเอาจริงอาจมียึดทรัพย์ เสี่ย ล.
       
       จากข้อมูล NVADER ที่แจ้งเบาะแสมายังรัฐบาล ว่า มีการค้ามนุษย์ในสถานบริการขนาดใหญ่ใจกลางเมืองกรุง จนเป็นที่มาของ “ปฏิบัติการสังขร” โดยเจ้าหน้าที่จากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร บุกเข้าตรวจค้นสถานอาบอบนวด “นาตารี” ย่านถนนรัชดาภิเษก พื้นที่สน.ห้วยขวาง พบหญิงต่างด้าวอายุต่ำกว่า 18 ปี และเกินกว่า 18 ปี รวมถึง 119 คน โดยก่อนหน้าได้วางแผนล่อซื้อการค้าประเวณีกับหญิงบริการอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 3 คน เมื่อพบความผิดชัดเจนจึงส่งสัญญาณบุกเข้าทลาย
       
       ระหว่างการตรวจค้นยังพบบัญชีรายจ่าย หรือ “ส่วยน้ำกาม” ที่สถานบริการดังกล่าวจ่ายต่อผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีการโอนเงินเข้าบัญชีให้กับบุคคลต่าง ๆ ด้วยจึงเก็บเป็นหลักฐาน ส่วนตัวเจ้าของอยู่ระหว่างการสืบสวนว่าเป็นของผู้ใด หากพบจะดำเนินคดีตามกฎหมายในทันทีโดยอัตราโทษถึงขั้นยึดทรัพย์
       
       สำหรับสถานบริการอาบอบนวด “นาตารี” ทราบกันในวงการว่า เป็นของเสี่ยคนดังที่ท่องยุทธจักรค้าเนื้อสดมานานหลายสิบปี อักษรย่อ “นาย ก.” มีชื่อเล่น “เสี่ย ล.” เคยโด่งดังเมื่อครั้งมีข่าวปะทะกับเจ้าพ่ออ่างชื่อดังระดับประเทศรายหนึ่งเกี่ยวกับการขออนุญาตเปิดสถานอาบอบนวด ย่านถนนรัชดา แต่มีปัญหาอยู่ติดกับสถานศึกษา จนเกิดการตีความว่าผิด พ.ร.บ. สถานบริการหรือไม่เส้นทางของ “เสี่ย ล.” เติบโตมาจากการค้าหญิงบริการมาตั้งแต่ยังเป็นโรงน้ำชา ก่อนขยับมาเป็นอาบอบนวดขนาดเล็กและเติบใหญ่มาเรื่อย ๆ จน เป็นเจ้าของสถานอาบอบนวด ขนาดใหญ่ระดับ 4 ดาวหลายแห่ง รวมทั้งนวดแผนโบราณอีกจำนวนหนึ่งนอกจากกิจการ “นวด” แฝง “นาบ” แล้ว “เสี่ย ล.” ยังอยากสร้างเม็ดเงินให้มากขึ้นอีก ด้วยการลงทุนซื้ออพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งภายในซอยโชคชัย 4 ย่านลาดพร้าว แล้วลักไก่เปิดสถานบริการอาบอบนวด พร้อมกับบ่อนพนันมาตรฐาน แต่เนื่องจากเกิดปัญหากับเสี่ยอ่างคนดัง จึงตามถูกราวีเปิดโปงกระทั่งต้องปิดตัวไปโดยปริยาย
       
       สำหรับการเปิดค้าประเวณีแบบท้าทายกฎหมาย ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลไทย ที่จะให้หลุดพ้นจากการจัดอันดับในกลุ่มเทียร์ 3 หรือประเทศที่ยังมีสถานการณ์การค้ามนุษย์ในระดับเลวร้าย แต่ดูเหมือนว่า ยังมีการปล่อยปละละเลยจากเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานของรัฐ ดังเช่น กรณีการบุกทลายสถานบริการอาบ อบ นวด ซึ่งนอกจากจะพบเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวนหนึ่งแล้ว ยังเป็นสาวต่างด้าวอีกจำนวนมาก จึงเกิดคำถามว่า
       
       สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ยิ่งในสภาวะที่รัฐบาล และ คสช. ประกาศจุดยืนต้องทำลายขบวนการค้ามนุษย์ให้สิ้นซาก แต่ก็ยังเปิดค้าเนื้อสดกลางกรุงอย่างโจ๋งครึ่ม แสดงให้เห็นว่า ยังคงมีบางหน่วยงานหย่อนยาน บกพร่องต่อหน้าที่ หรืออาจเข้าขั้นร่วมรู้เห็นเป็นใจเพียงเพื่อแลกกับส่วยจำนวนไม่กี่หมื่นบาทต่อเดือน
       
       ทั้งนี้ หากต้องการสืบค้นกันอย่างจริงจัง “บัญชีส่วยน้ำกาม” จะเป็นตัวบ่งชี้ไปถึงบุคคลต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน
       
       ทั้งนี้ ความเป็นจริงของสถานบริการอาบ อบ นวด ทุกแห่ง ล้วนมีการค้าประเวณีแอบแฝงทั้งสิ้น รวมไปถึงสถานนวดแผนโบราณ ในรูปแบบทั่วไป หรือมีพริตตี้ส่วนใหญ่มีการขายเนื้อสดกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ย่านรัชดา - ห้วยขวาง ย่านถนนประเสริฐมนูญกิจ - ประดิษฐ์มนูธรรม หรือ ถนนเกษตร - นวมินทร์ ถนนเลียบทางด่วน ที่คุ้นเคย ย่านถนนพระราม 9 เชิงสะพานปิ่นเกล้าฯ บางยี่ขัน ย่านชานเมืองตามความเจริญเติบโตของเมืองหลวง หากเมื่อเข้าไปใช้บริการอาจจะมีข้อความแผ่นสติกเกอร์เขียนว่า “ห้ามค้าประเวณี” แต่ให้เชื่อว่าเป็นเพียงเทคนิคการเลี่ยงกฎหมายเท่านั้น
       
       อย่างไรก็ตาม ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา สถานบริการอาบ อบ นวดหลายแห่งอยู่ในสภาพซบเซา บางที่ต้องปิดกิจการไปเลย อาทิ “ซีซาร์” อาบ อบ นวด หรือที่กำลังร่อแร่ต้องลดแลกแจกแถมให้กับนักเที่ยว ก็คือ อาบอบนวดในเครือชวาลา ส่วนแหล่งอื่น ๆ อย่างดีที่สุด ก็คือ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ต่างกับ “นาตารี” ซึ่งกลายเป็นแหล่งสวรรค์ของนักท่องเที่ยวเนื่องจากผู้บริหาร “ใจถึง” จัดสาวบริการต่างด้าวจำนวนมากในราคาไม่แพงไว้ล่อตะเข้สายหื่น ซึ่งเกือบทั้งหมด และลูกค้าส่วนใหญ่ของ “นาตารี” คือ นักท่องเที่ยวชาวจีน หรือมีศัพท์เรียกว่าพวก “วอล์กกิงสตรีท” พวกนี้มักจองที่พักตามโรงแรมย่านถนนรัชดาฯ เมื่อว่างจากโปรแกรมเที่ยววัด - วัง ก็จะ “แว่บ” มาลงอ่าง
       
       “ป๋า ม.” อดีตคนเชียร์แขกรายหนึ่ง ผู้มีประสบการณ์รับจ้างเป็นพนักงานเชียร์ และ ผจก. ผ่านงานอาบ อบ นวด มาอย่างโชกโชน ให้ข้อมูลว่า ก่อนทหารเข้ามายึดอำนาจ และก่อนจะมีกฎหมายลงโทษขบวนการค้ามนุษย์อย่างรุนแรงถึงขั้นยึดทรัพย์นั้นขบวนการค้ามนุษย์ หรือ “ตกเขียว” เด็กสาวหน้าตาดีจะเดินทางเข้าไปยังท่าขี้เหล็ก ชายแดนเพื่อนบ้านเรา และติดต่อกับครอบครัวกลุ่มชนเผ่า ขอซื้อลูกสาวเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ซึ่งขบวนการนี้จะมี “คนกลาง” ผู้อธิบายลักษณะของงานอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกับเสนอเงินหลักแสน จนถึงหลายแสนบาทสุดแท้แต่บุคลิก รูปร่างหน้าตาของเด็กสาว จนเมื่อตกลงกันได้ก็จะหาทางผ่านด่าน ตม.แม่สาย จ.เชียงราย เดินทางมายังเมืองหลวงเพื่อขายตัว “ล้างหนี้” จนกว่าจะครบถ้วน
       
       ขบวนการนายหน้าค้าเนื้อสดส่วนใหญ่เป็นสตรี เป็นที่เชื่อถือของพ่อ - แม่เด็กสาวที่อนุญาตให้พามาทำงานได้ ทั้งนี้ น่าจะมาจากผลงานในอดีตเมื่อมีเด็กบ้านนั้นมาทำงานเพียงปี 2 ปี ฐานะก็เปลี่ยนแปลงสามารถปลูกบ้าน มีรถกระบะ มีรถจักรยานยนต์และมีเครื่องไฟฟ้าอำนวยความสะดวกจากประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นหน้าเป็นตา เป็นความสำเร็จของครอบครัวคล้าย ๆ กับบรรยากาศเมื่อ 30 - 40 ปีก่อน เมื่อยังมีขบวนการตกเขียวในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย
       
       คราวนี้มาถึงขั้นตอนสำคัญที่ “ป๋า ม.” ระบุว่า ขบวนการค้ามนุษย์จะสามารถเรียกทุนคืนด้วยการเปิดบริสุทธิ์เด็กสาวทุกคน อาจจะมีราคาตั้งแต่เรือนแสนถึงหลาย ๆหมื่น แต่ค่าเปิดบริสุทธิ์พวกนี้จะเก็บไว้หมดไม่ยอมจ่ายให้เด็ก จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง ๆ จนผ่านไปสักระยะเมื่ออบรมการวางตัว มี “ครูฝึก” การดูแลแขกนักเที่ยว ทั้งอาบน้ำให้ จนถึงขั้นตอนอื่น ๆ จนเห็นว่าเด็กสามารถส่งไป “นั่งตู้” ทำงานอย่างจริงจังได้ก็จะมอบให้กับเจ้าของอาบ อบ นวด จัดการอีกขั้นตอนหนึ่ง เช่น กำหนดราคาที่แตกต่างกันประมาณที่รอบละ 2 พัน - 3 พันบาท หักให้กับสถานบริการ 50/50 หรืออาจจะมากน้อยสุดแท้แต่ตกลงกัน ส่วนเงินค่าตัวเด็กนายหน้าก็จะทยอยหักไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดหนี้สิน ประมาณว่า เด็ก 1 คน จะสร้างรายได้ให้ขบวนการค้ามนุษย์มากถึง 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท
       
       เมื่อถามถึงมาตรการสอดส่องดูแลเด็ก ป๋า ม. บอกว่า อันนี้ไม่ต้องห่วงเพราะทางสายจัดหาเด็กจะจัดการที่พักให้เป็นอย่างดี จากที่เคยอยู่ชนบทห่างไกลบางบ้านไม่มีไฟฟ้าแต่พอมาอยู่กรุงเทพฯชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนอนห้องปรับอากาศ กินอยู่อย่างดี แถมด้วยโทรศัพท์ราคาแพงแต่งตัวพัฒนาไปตามแฟชั่น มีหลายคนเมื่อใช้หนี้หมดก็ยังไม่ยอมกลับ พวกนี้พอปีกกล้าขาแข็งก็บินเดี่ยวหากินเอง ด้วยความสาวสวย ผิวพรรณดี บางคนได้สามีเป็นเสี่ยเป็นนักธุรกิจตั้งรกรากอยู่ในกรุงเทพฯ หรือประเทศไทยก็มี
       
       “ผมไม่สนับสนุนให้ทำกันแบบนี้นะ แต่ที่เห็น ที่ผ่านมามันเป็นแบบนี้ คือ ถ้าจะคิดว่าพวกนี้เขาทำ เพราะความยากจนส่วนหนึ่งอาจจะใช่ สำหรับผมคิดว่าส่วนที่ใหญ่กว่า คือ เป็นทางเลือกให้กับชีวิตเขาเอง เพราะใคร ๆ ก็อยากสบาย อยากให้พ่อแม่พี่น้องได้สบาย เราเองก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นใช่ไหมล่ะ” ป๋า ม. กล่าวทิ้งท้าย 

เปิดตำนานเจ้าพ่อเมืองหลวง“เสธ.ไอซ์ ”ขาใหญ่สีเขียว

 เส้นทาง “เสธ.ไอซ์”ผู้สร้างตำนาน “มาเฟียสีเขียว” ด้วยอุปนิสัย “ใจถึง พึ่งได้”และพริ้วไหวแบบฉบับเพลย์บอยกลายเป็นผู้สร้างตำนาน “ทหารดัง - ผู้กว้างขวางเด่น” ยึดอาณาจักรห้วยขวาง รัชดาฯไม่มีใครแตะ เผย “จุดเปลี่ยน” ขึ้นสู่หมายเลข 1 หลังตกเป็นข่าวพัวพันการจบชีวิต “ไฝ ประตูน้ำ”เสี่ยขาใหญ่ถูกมือปืนพระกาฬแหวกการ์ดคุ้มครองจ่อยิงตายคาสนามม้า
       
       บนเส้นทางผู้กว้างขวางของประเทศไทยหากเอ่ยชื่อ “เสธ.ไอซ์” หรือ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ทั้งวงการคนมีสี วงการนักเลง ผู้กว้างขวางหรือแม้กระทั่งสายสื่อสารมวลชน “เสธ.ไอซ์”มีภาพทั้งความน่าเกรงขาม น่าหวาดหวั่นหรืออาจจะพลิกเป็นน่ารักในสายตาของคนที่มีโอกาสสัมผัสบางช่วงจังหวะของชีวิต ทั้งนี้เพราะด้านหนึ่งมีความอ่อนโยน สนุกเฮฮา ใจถึงพึ่งได้แถมยังติดความเป็นเพลย์บอย ทุกครั้งที่ออกตระเวนราตรีตามสถานบันเทิงย่านห้วยขวาง รัชดาภิเษก หรืออีกหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร มักจะเห็นคนล้อมหน้าล้อมหลังเสธ.คนดัง จนเป็นที่อิจฉาของนักเที่ยว
       
       ด้วยอุปนิสัยกล้าได้กล้าเสียมีจิตใจเป็นนักเลง“เสธ.ไอซ์”จึงวนเวียนเข้าสนามม้าเป็นขาประจำทั้งสนามไทย และสนามฝรั่งกระทั่งเส้นทางสายมาเฟียมาเจิดจรัสช่วงปี 2536 เกิดความขัดแย้งกับไฝ ประตูน้ำ หรือนายจีระ ถวินวัฒน์ เจ้าของคอกม้าและยังมีธุรกิจอีกหลายอย่างกระทั่งเย็นวันที่ 25 เม.ย.2536 ขณะที่ “ไฝ ประตูน้ำ”พร้อมด้วยมือปืนผู้ติดตาม ไปเล่นพนันแทงม้าแข่งกันตามปกติและเมื่อหมดเวลาจึงเดินมายังประตูหน้าเพื่อเตรียมเดินทางกลับ จังหวะนั้นเองมีมือปืนพระกาฬรอดักอยู่ ตรงปรี่เข้าหาแล้วจ่อยิงในลักษณะประชิดกระสุนเข้าลำคอเพียงนัดเดียวก่อนวิ่งไปซ้อนท้าย จยย.ที่จอดรถอยู่เพื่อหลบหนี หลังจากหายตกตะลึงลูกน้อง - มือปืนของ “ไฝ ประตูน้ำ”ชักปืนยิงไล่หลังทำให้รถคนร้ายเสียหลักล้มลงบริเวณถนนราชดำริ แต่สามารถประครองขับหลบหนีไปได้ส่วนนายจีระ หลังถูกส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลตำรวจ ไม่นานนักก็เสียชีวิต
       
       คดีนี้ถือเป็นคดีดังในช่วงนั้น หลายฝ่ายเล็งมายัง พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ในฐานะคู่ขัดแย้งแต่ในที่สุดตำรวจนครบาล ในสมัยนั้นตามปิดคดีด้วยการจับกุมนายธวัชชัย เฮงวัฒนา หรือ “เล็ก ลำตะคอง”มือปืนรับจ้างขณะหนีไปกบดานที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แต่นายธวัชชัย ให้การปฏิเสธยอมรับว่าที่ปลิดชีวิตไฝ ประตูน้ำ มาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจนอกกฎหมาย “เสธ.ไอซ์”จึงรอดจากการตกเป็นผู้ต้องหาใช้จ้างวานอย่างหวุดหวิด และผลจากการล้ม “ไฝ ประตูน้ำ”นี่เองถนนทุกสายของวงการนักเลง-เจ้าพ่อจึงมุ่งตรงสู่อาณาจักรของพล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ไม่ว่าจะเป็นในฐานะนายทหารดาวรุ่งคนดังที่มีความใกล้ชิดกับ”บิ๊กหมง”พล.อ.มงคล อัมพรพิสิษฏฐ์ ผบ.สส.ในขณะนั้น หรือในฐานะผู้กว้างขวาง จังหวะ “ขาขึ้น”ทั้งกิจการ “สีเทา”สถานบริการต่างๆ โดยเฉพาะในย่านห้วยขวาง-รัชดาฯ ต่างพากันหันมาพึ่งบารมี “เสธ.ไอซ์” ทั้งช่วยเคลียร์ข้อพิพาท-ความขัดแย้งต่างๆ จนกลายเป็นที่เขม่นของ “ขาใหญ่”สายสีกากีหลายคน
       
       ครั้งหนึ่ง “ป๋าเยี่ยม”เจ้าของสถานบันเทิงยอดนิยมย่าน รัชดาฯ เกิดปัญหากับคู่แข่งจนเกิดเรื่องราววิวาท ฝ่ายตรงข้ามมีแบล็กดีเป็นตำรวจจึงรีบใช้อำนาจหน้าที่ออกหมายจับ “ป๋าเยี่ยม” เมื่อเสธ.ไอซ์ รู้เรื่องจึงบอกให้”ป๋าเยี่ยม”ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิท(ต่างอาชีพ)ทำใจเย็นๆ แล้วสั่งให้พนักงานมาตั้งโต๊ะอาหารหน้าสถานบริการแห่งนั้น แล้วเปิดฉากนั่งดื่มกินอย่างสบายใจกระทั่งตำรวจถือหมายจับมาที่ร้าน เดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายรอบก็ไม่กล้าเข้าจับก่อนล่าถอยไป “เสธ.ไอซ์”มักหยิบเรื่องนี้มาพูดคุยกับคนใกล้ชิดเสมอ อาจเป็นเพราะความกดดันประวัติศาสตร์ของครอบครัวที่ทำให้ต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตำรวจ
       
       เมื่อมาถึงจุดเป็น “พี่ใหญ่”ของวงการจ้าวยุทธจักรแห่งเมืองหลวงแล้วเขายังถีบตัวเองจากคนชอบแทงม้ากลายมาเป็นเจ้าของคอกชื่อ “อัศวโยธิน”ด้วยลีลาที่ไหวพริ้วผสมความกล้าในแวดวงสนามม้ามักได้ยินเซียนพนันซุบซิบกันว่าหากพี่เสธ.ต้องการให้ม้าตัวไหนแพ้หรือชนะก็สามารถทำได้ดั่งใจนึก กระทั่ง พ.ศ.2544 การการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”สามารถรวมนักการเมืองได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น พล.อ.ไตรรงค์ ในฐานะเพื่อนร่วมเตรียมทหาร 10 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง
       
       นอกจากตำแหน่งในกองทัพ ในรัฐบาล หรือในบอร์ดของสนามม้าแล้ว พล.อ.ไตรรงค์ ยังได้รับเชิญเป็นประธานที่ปรึกษาบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก และประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการผู้ตัดสินฟุตบอล ในสมัย “บังยี”นายวรวีร์ มะกูดี เป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาสายการบินแอร์เอเชีย และบริษัทเอกชนอีกหลายแห่งกระทั่งก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต
       
       ทราบในหมู่ใกล้ชิดว่า พล.อ.ไตรรงค์ มีปัญหาเรื่องสุขภาพต้องเข้าๆ ออกอาศัยบริการแพทย์-พยาบาลอยู่เป็นประจำกระทั่งวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมาญาติได้นำร่างไร้สติส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พักรักษาตัวอยู่ 3 วันจึงถึงแก่กรรมรวมอายุได้ 67 ปี