PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ส่อแววตกงานอื้อ แรงงานเจอลอยแพ-นศ.จบใหม่หางานยาก


ส่อแววตกงานอื้อ แรงงานเจอลอยแพ-นศ.จบใหม่หางานยาก

ปัญหาซ้ำซาก เด็กจบใหม่จ่อเตะฝุ่นเพิ่ม หลังสงครามการค้าฉุดส่งออก จับตาปี’63 ใกล้ชิด โดยนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย ยอมรับว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการจ้างงานลดลง ประกอบกับบางส่วนปรับมาใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้นทั้งหุ่นยนต์และเทคโนโลยีต่างๆ เป็นความเสี่ยงต่อตลาดแรงงานโดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ระบบช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 2563 อีกประมาณ 5.24 แสนคน อาจต้องประสบปัญหาภาวะว่างงานสูงขึ้น ดังนั้นรัฐบาลคงต้องประคับประคองด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการบริโภคภายในแทน


ทั้งนี้ยังมีผลพวงจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ที่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยปี 2562 มีโอกาสติดลบ 1.5-2% สะท้อนถึงการจ้างแรงงานของไทยที่เริ่มชะลอลงตามไปด้วย โดยเฉพาะตลาดแรงงานในภาคการผลิต การผลิตเพื่อส่งออก โลจิสติกส์ ค้าปลีกและค้าส่งที่ช่วงนี้ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน<


นายธนิต กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มการปิดโรงงานและการเลิกจ้างสูงขึ้น เห็นได้จากช่วงที่ผ่านมามีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม จ.สมุทรสาคร ปิดกิจการและเลิกจ้างคน รวมถึงภาคบริการก็มีการเลิกจ้างพนักงานจํานวนมากของบริษัทแห่งหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออกโดยตรงที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง แต่จะมากน้อยเพียงใดก็คงต้องติดตามใกล้ชิด


อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดแรงงานในระยะต่อไป คือ การเริ่มสู่ยุคดิจิตอลที่เน้นโทคโนโลยีแทนคนเพิ่มขึ้น, เงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนที่เน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง, เศรษฐกิจโลกที่อยู่ในวัฏจักรชะลอตัว และการว่างงานของไทยที่ต่ำเป็นอันดับ 7 จาก 181 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นอัตราว่างงานเฉลี่ย 1.1-1.2% แต่แรงงานไทยส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบและมีการเข้าโครงการลาออกโดยสมัครใจ (เออร์ลี่ รีไทร์) จึงไม่นับว่ากลุ่มนี้เป็นคนว่างงาน ทำให้ไทยมีอัตราว่างงานในเกณฑ์ต่ำ