PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

รับไม่ได้หาว่าลงพื้นที่หาเสียง

รับ ไม่ได้ ยอมไม่ได้ สื่อหา ลงพื้นที่หาเสียง

"บิ๊กตู่" ปรี๊ดดดดด!!!สื่อวิจารณ์ ลงพื้นที่หาเสียง ใครหนุน ขออะไรก็ให้ ผมให้ได้ยังไง มันเงินของผมที่ไหน ยันบอก "เลือกตั้ง" ก็เลือก  แต่สื่อ เขียนเลอะเทอะ ไม่รับผิดชอบ แบบนี้ ไม่ยอม

 
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานเสวนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลได้ลงไปรับทราบความเดือดร้อนความต้องการของประชาชนมาแล้ว  ผมไปประชุมครม.นอกสถานที่หลายครั้ง ทุกภาค ไม่ได้ไปทำงานการเมือง ไปฟังทุกภาคส่วนว่าเขาต้องการอะไร ก่อนมีการเสนอแผนงานเข้ามา ส่วนหนึ่งหยิบยกมาพูดในห้องประชุม ผมให้ไม่ได้ แต่อนุมัติหลักการ แล้วไปหารือกันต่อว่าจะทำได้หรือไม่ ใช้งบฯตรงไหน

"ไม่ใช่วิพากษ์วิจารณ์นายกฯไปหาเสียงการเมือง ขออะไรก็ให้ ถ้าหนุนรัฐบาลหนุนพล.อ.ประยุทธ์ ก็ให้หมด ผมให้ได้ยังไง มันเงินของผมที่ไหน มันเงินของรัฐบาล ต้องอนุมัติโดยครม. 

สื่อเขียนไปเรื่อย เขียนจนไม่รับผิดชอบอย่างนี้ผมไม่ยอม บ้านเมืองสงบไม่สงบ เลือกตั้งไม่เลือกตั้ง ก็เขียนกันเข้าไป

และผมยืนยันเลือกตั้งก็เลือก แล้วมาเขียนให้มันเลอะเทอะไปอีก" นายกฯ กล่าว 

 วันนี้เริ่มวันด้วยความเข้มแข็งแข็งแรง รับรอง ผมโดนอยู่แล้วล่ะวันนี้ สื่อเชิญท่านตามสบาย ประเทศของท่านเหมือนกัน ผมไปแบกคนเดียวไม่ไหว ท่านก็รับผิดชอบกันบ้าง เสียหายก็รับกันไป  ผมรับอยู่แล้วของผม

ดึงจังหวะ ไม่ชนะไม่เข้าตี

ดึงจังหวะ ไม่ชนะไม่เข้าตี



“ประยุทธ์”แก้เกม คสช.เป็นรองแนวรบชิงกระแส
อาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่อง หลังปรากฏการณ์ฟ้าผ่าธรณีสงฆ์สะเทือน
ตามราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ พระภิกษุถูกกล่าวหาว่า กระทําการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
1.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 2.พระพรหมเมธี (จํานงค์ เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม 3.พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา
4.พระราชอุปเสณาภรณ์ หรือสมณศักดิ์เดิมคือ พระเมธีสุทธิกร (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 5.พระราชกิจจาภรณ์ หรือสมณศักดิ์เดิมคือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 6.พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา 7.พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คํามา) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ล้วนแล้วแต่ “เจ้าคุณ” วัดดังที่โดนดำเนินคดี “เงินทอนวัด”
หมดบุญหมดวาสนาในทางธรรม ไปรับกรรมในทางโลก
อีกส่วนที่เป็นคนละกรณี แต่มีเชื่อมโยงกันในมุมของการก่อความขัดแย้งในวงการสงฆ์
ก็คือรายของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีต “พุทธะอิสระ” แห่งวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ ซ่องโจร และปลอมพระปรมาภิไธย
ต้องโดนปลดจีวรกลายเป็นฆราวาส
ถูกส่งตัวเข้าห้องขัง ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำเหมือนๆกัน
ไม่มีการเลือกข้าง ไม่แบ่งฝั่งเลือกปฏิบัติ ท่ามกลางเสียงอนุโมทนาสาธุ กับยุทธการ “ซักจีวร” ลุยล้างบางมนุษย์ในคราบผ้าเหลืองที่ทำให้พุทธศาสนามัวหมอง
ลูบหน้าปะจมูกกันมานาน ที่สุดจึงเกิดปรากฏการณ์ “ฟ้าผ่า”
วงการ “พุทธจักร” เข้าสู่โหมดการปฏิรูปใหญ่อย่างเด่นชัด
ตัดฉากมาที่สถานการณ์ของฝ่าย “อาณาจักร” ที่ยังคงวุ่นวายต่อเนื่อง ตามท้องเรื่องที่กำลังเข้าสู่โหมดการประกาศกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน
เป็นห้วงเวลาท้ายเทอมที่รัฐบาลอำนาจพิเศษนับถอยหลัง
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยคะแนนเอกฉันท์ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
เป็นอันว่า กฎหมายอันเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการเลือกตั้งกำลังเข้าสู่กระบวนการบังคับใช้
ไม่มีเหตุทำให้การเลือกตั้งสะดุดจากปมอภินิหารกฎหมาย
ตามจังหวะการเร้ากระแสของนักการเมืองทุกป้อมค่ายที่ปรองดองโดยอัตโนมัติ รวมพลังแท็กทีมกดดัน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.และฝ่ายคุมเกมอำนาจพิเศษ
เร่งวันเร่งคืน เปิดไฟเขียวสนามเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม โดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่ดูเหมือนพรรคเก่า ป้อมค่ายเดิมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กเริ่มซาเสียงลงไป
กระแสดูดที่เคยปั่นมาประจานพรรคทหารเริ่มเฝือ อีกทั้งตามผลโพลประชาชนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติตามวิถีการเมืองแบบไทยๆ
ยุคใครยุคมัน ใช้วิธีแบบนี้มาทั้งนั้น
สีสันจริงๆมันอยู่ที่ป้อมค่ายใหม่ ไฮไลต์เลยก็คือคิวของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ในฉากอีเวนต์เปิดตัวพรรคได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
“ไพร่หมื่นล้าน” นำทีมแกนนำและสมาชิกพรรคที่ล้วนแต่เป็นคนรุ่นใหม่ ยืนถือไฟฉายจากสมาร์ทโฟน สื่อความหมายเป็นนัย คนยุคใหม่ขับไล่ความมืดดำที่ปกคลุมอำนาจการเมืองไทย
กระตุกภวังค์ ย้อนอดีตไปถึงการเปิดตัวพรรคไทยรักไทยที่คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นำทีมผู้ก่อตั้งพรรคจากทุกวงการของประเทศไทย ขี่ดาวเทียมชูม็อตโต “ตาดูดาวเท้าติดดิน”
อีเวนต์แทบจะลอกแบบกันมาเลย
จะแตกต่างกันตรงบทห้าวเป้งของ “ธนาธร” ที่ประกาศกร้าวว่า ถ้าชนะการเลือกตั้งได้เข้าไปในสภาฯจะเดินหน้าฉีกรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับมรดก คสช.
พร้อมนิรโทษกรรมคดีการเมืองในยุคอำนาจพิเศษทั้งหมด
เรียกเสียงจากกองเชียร์ดังกระหึ่ม คนเกลียดทหารกดปุ่มไลค์รัวๆ
และตามฟอร์มพรรคเพื่อไทยรีบกระโจนเข้าใส่อาการแบบที่ “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำสายตรงดูไบ ประกาศเอาด้วยช่วยตามแห่เกมล้มรัฐธรรมนูญ คสช.
แค่นั้นไม่พอ ยังแถมโวลั่น ต้องไล่เช็กบิลเผด็จการด้วยถึงจะสาแก่ใจ
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่เสมือนหนึ่งว่า กระแสไหลเข้าทางเกมทวงอำนาจของฝ่าย “ทักษิณ”
อย่างที่เห็นการขับเคลื่อนของพรรคอนาคตใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยตามแห่ขบวนอยู่ด้านหลัง โดยมีพลังมวลชนม็อบคนอยากเลือกตั้งเป็นตัวช่วยกดดัน โยงไปถึงอีกตัวละครสำคัญคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ที่เปิดหน้าแสดงตัวเป็นแนวร่วมฝ่ายต้านทหาร ขอเป็นนายประกันให้แกนนำม็อบอยากเลือกตั้งที่โดนล็อกตัวฐานผิดคำสั่ง คสช.
ยุทธการแยกกันเดินรวมกันตีเริ่มแปรรูปขบวนชัดเจน
ใครเป็นใครเห็นๆกัน เหลือแค่ลุ้นคนถือธง “นอมินี” ตัวจริง
และตรงกันข้ามกับฝ่ายคุมเกมอำนาจพิเศษ คสช.ที่ชักจะทนนิ่งอยู่ไม่ได้
ในอาการเทกแอ็กชันขู่กลับแรงๆแบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ส่งซิกให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบดูว่าผิดหรือถูกอย่างไร
กับมุกพูดหาเสียงล่วงหน้าของนายธนาธร
เสียงแข็งการฉีกรัฐธรรมนูญไม่สามารถทำได้ รวมทั้งการเช็กบิล คสช.ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร
“พี่ใหญ่” เริ่มส่งเสียงคำรามดังๆ ในห้วงสถาน-การณ์ที่ทีมทหาร คสช.ตกที่นั่งลำบาก
“เสือตะวันออก” กำลังเป็นฝ่ายตั้งรับกระแส
แรงกระแทกทั้งจากภายใน อาการป่วนจากอดีตแนวร่วมฝ่ายเดียวกันที่ร่วมโค่นระบอบทักษิณมา แต่ไม่พอใจกับการแชร์อำนาจและผลประโยชน์
แบบที่แนวร่วมพันธมิตรฯจิกตีปมราคาน้ำมัน เพราะหมั่นไส้รัฐบาล “ลุงตู่” ไม่รับมุกการยกเลิกสัมปทานปิโตรเลียม และการทวงคืนขุมทรัพย์บริษัท ปตท.
นั่นก็ไปเพิ่มแรงบวกกับแรงเสียดทานภายนอกเครือข่ายฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะขุมข่ายพรรคเพื่อไทยของ “นายใหญ่” ที่ได้ทีเขย่าสถานการณ์ราคาน้ำมัน
เบิ้ลบลัฟซ้ำภาวะข้าวยากหมากแพง กระตุกต่อมหงุดหงิดปัญหาปากท้องชาวบ้าน
พาลถึงการดิสเครดิตฟอร์มบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เพิ่งโชว์ตัวเลขจีดีพีดีดตัวสูงถึงร้อยละ 4.8 สูงสุดในรอบ 5 ปี แต่เจอตีปี๊บประจานเรื่องน้ำมันแพง แก๊สหุงต้มขึ้นราคา กลบไปหมด
กระตุกอารมณ์หงุดหงิดของผู้นำทหารอย่าง “บิ๊กตู่”
สั่งไล่จับขบวนการปล่อยข้อมูลเท็จผ่านเพจปลอม บิดเบือนข้อมูลถล่มรัฐบาล
สถานการณ์ถึงขั้นที่เพจอวย “นายกฯลุงตู่” แท้ๆ ทำโพลถามสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำต่อหรือไม่ คะแนนออกมาเกินร้อยละ 90 กว่าๆ “โหวตโน” ทำหน้าหงาย
เรื่องของเรื่อง คสช.ถูกลากเข้าไปในสงครามที่เสียเปรียบ
แนวรบโซเชียลมีเดียที่ทหารตกเป็นรองมาตลอด
และต่อให้ทีม “นายกฯลุงตู่” ยกระดับการต่อสู้ เกณฑ์นักรบไซเบอร์ เพิ่มดีกรีการตอบโต้ในโลกโซเชียลฯ
แต่นั่นก็ทำได้แค่ขีดระดับความสามารถในแบบฉบับของทหาร
ไม่มีทางเทียบได้กับ “โคตรเซียนตัวพ่อ” ยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่มีพร้อมทั้งลูกเขี้ยวเกมการตลาดและความฉลาดในการใช้เครื่องมือสื่อสารที่ไปไกลระดับโลกแล้ว
ประกอบกับแนวโน้มสถานการณ์ที่เอื้อให้ กระแสเบื่อรัฐบาลทหารที่อยู่มานานเกิน 4 ปี
เกมนี้ “บิ๊กตู่” สู้ไปก็มีแต่เข้าเนื้อ เจ็บตัวหนักถ้าไม่ปรับมุมการต่อสู้ใหม่
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่ คสช.เป็นรองเกมแห่กระแส ผวาแนวรบสงครามโซเชียลมีเดียสู้ไม่ได้
มันก็มีสัญญาณแปร่งๆ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ส่งซิกการนัดพบระหว่าง คสช.กับพรรคการเมืองเพื่อพูดคุยเรื่องการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายนนี้ ส่อต้องเลื่อนออกไป
แถมการนับปฏิทินโรดแม็ปเลือกตั้งแบบลากยาวสุดคือเดือนเมษายน 2562
เหมือนว่าบรรยากาศสถานการณ์กำลังเข้าสู่จุดพลิกผัน
ตามฟอร์มทหารที่ทำอะไรต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจน ในเมื่อรู้อยู่ว่าแพ้ จะรบทำไม
ขืนปล่อยเลือกตั้งในจังหวะกระแสเป็นรอง ก็เสี่ยง “เสียของ”
ต้องดึงเกมออกไปก่อน ไม่ชนะ ไม่เข้าตี.
“ทีมการเมือง”

ยืดเวลาตั้งหลักให้ลงตัว

ยืดเวลาตั้งหลักให้ลงตัว



เจอคิวแทรกบั่นทอนเครดิตท็อปบูต
ในซีนที่ กกต.ลงมติเสียงข้างมากชี้มูล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 264 กรณีภริยาถือครองหุ้นเกิน 5% โดยไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนด
ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเป็นด่านสุดท้าย จะหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่
ตามท่าทีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
ที่ยังไม่กล้าตัดสินใจชัดเจน จะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดแรงกระเพื่อม ทั้งคนใน คนนอกรัฐบาลต่างรอโอกาส จับจ้องแย่งเก้าอี้ เผลอๆอาจวุ่นวายไปถึงขั้นปรับใหญ่ ไม่ใช่แค่ปรับเล็กเฉพาะตำแหน่งที่มีปัญหา
เขย่าเสถียรภาพรัฐบาลให้เกิดปัญหาภายใน
ขยายแผล ซ้ำเติมสถานการณ์ให้ “บิ๊กตู่” มีเรื่องต้องพะวงใจมากขึ้นกว่าเดิม
นอกเหนือจากแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองชักแถวออกมาทวงสัญญาคืนเวทีเลือกตั้งตามโรดแม็ป
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญลงมติเป็นเอกฉันท์ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
กฎหมายลูกสำคัญฉบับสุดท้ายถูกปลดล็อก รอประกาศบังคับใช้ นั่นเท่ากับ “บิ๊กตู่” หมดตัวช่วย ยื้อเลือกตั้ง รอเวลาเข้าคูหาหย่อนบัตร เร้าเสียงปี่กลองการเมืองหลังจากนี้ให้ดังขึ้นเรื่อยๆ
สอดรับจังหวะออกตัวแรงๆของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ที่ประกาศชูธงโละรัฐธรรมนูญปี 2560 ทั้งฉบับ หากได้รับโอกาสเข้ามาทำงานในสภาฯ
ตั้งแท่นทำลายล้างมรดก คสช. จ่อเช็กบิลฝ่ายอำนาจพิเศษตั้งแต่ออกตัว
แม้จะรู้เป็นแค่ลีลาหาเสียง อาศัยเหลี่ยมการตลาดวาดลวดลายทางวาทกรรม ปั่นเรตติ้งให้ตัวเอง แต่ก็สร้างอาการผวาให้ คสช.ได้ไม่น้อย
หากดูจากแอ็กชันของเหล่าคีย์แมนอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาตั้งแง่ข้องใจการประกาศเจตนารมณ์รื้อรัฐธรรมนูญเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเรียกร้องให้ กกต.ไปดำเนินการตรวจสอบ
สะท้อนให้เห็นอาการแอบหวั่นไหวอยู่ลึกๆ
อย่างที่เห็นๆกันอยู่ พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้สู้แค่เพียงลำพัง เพราะพรรคการเมืองต่างๆ พร้อมผสมโรงเป็นแนวร่วม รอคอยการปลดโซ่ตรวน ถ้าโอกาสเข้าทาง อะไรที่ยากในทางปฏิบัติก็อาจเป็นไปได้
รูปการณ์ที่เคยเป็นต่อ ชักจะไม่นิ่ง หลังจากเพลี่ยงพล้ำในสงครามโซเชียล เจอลูกเขี้ยวฝ่ายตรงข้ามโหมกระแสปล่อยข่าวลบเล่นงานรัฐบาลสะบักสะบอม ทั้งเรื่องราคาน้ำมัน การลักไก่ขึ้นภาษีแวต
ต้องสั่งทีมงานไล่แก้ข่าวเชิงลบกันอุตลุด
นี่คือปรากฏการณ์แพ้ทางโลกโซเชียลที่ “ลุงตู่” กำลังเผชิญอยู่ โดนปั่นกระแสเสี้ยมให้คนเบื่อรัฐบาลทหารที่ครองอำนาจมา 4 ปี
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยการเมืองที่ชักไม่นิ่ง สถานการณ์ไม่เป็นใจให้ขั้วอำนาจพิเศษเหมือนเดิม
ซีกการเมืองยังแตกเป็นหลายขั้ว พรรคใหญ่จูนกันไม่ลงรอยหลังเลือกตั้ง ต้องเตรียมหาทางใช้สูตรพิเศษ โมเดลรัฐบาลแห่งชาติเป็นทางเลือกสำรองไว้เวลาฉุกเฉิน
ขณะที่ฟากประชาชนยังแตกแยก แบ่งเป็นฝักฝ่าย ตัวอย่างที่เห็นชัดๆจากปฏิบัติการบุกจับ “อดีตพุทธะอิสระ” ที่สะท้อนแรงกระเพื่อมในสังคมชัดเจน ทั้งฝ่ายกองเชียร์ กองแช่งเปิดศึกด่าทอกันเละเทะ
ความปรองดองยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่ถูกสะกดชั่วคราวด้วยมาตรา 44 ศึกสีเสื้อยังอยู่คู่สังคมไทย
สภาวการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง โยงกับการรอดูท่าทีผลการตีความคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560
นั่นก็เป็นความจำเป็นที่อาจจะต้องเลื่อนโปรแกรมการจับเข่าคุยพรรคการเมืองในเดือน มิ.ย.ออกไป ตามการส่งสัญญาณจากนายวิษณุ เครืองาม
อย่างน้อยก็ต้องรอให้กฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายประกาศบังคับใช้แล้ว เบรกการปล่อยผีนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหวในช่วงรัฐบาลกำลังเสียหลัก
ดึงจังหวะให้ทุกอย่างกลับมาเข้ารูปเข้ารอยก่อน ค่อยมาว่ากันใหม่
ทำไปทำมามีแนวโน้มไปกระทบปฏิทินเลือกตั้งอาจขยับจากกำหนดการเดิมในเดือน ก.พ.2562 เล็กน้อย
ยืดเวลาให้ “ลุงตู่” ตั้งหลักปรับทัพให้ลงตัว.
ทีมข่าวการเมือง

อยู่ไม่ได้ก็ออกไป

อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ ก็ออก!

“บิ๊กตู่” อารมณ์เสีย ลั่นไม่ปรับครม. “ดอน” อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ ก็ออก” ยัน ไม่ได้คิดว่าจะปรับใคร  ทุกอย่าง อยู่ขั้นตอนตามกม.”

พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีคุณสมบัติ รมต.ของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ  จะต้องปรับ ครม.หรือไม่ ว่า  ปรับทำไม ผมไม่ปรับ คุณก็ปรับเอง สิ

“ผมไม่ปรับ อยู่ได้ก็อยู่. อยู่ไม่ได้ ท่านก็ต้องออกอยู่แล้ว”

เมือถามว่า จะต้องปรับ ครม.ตำแหน่งอื่นด้วยหรือไม่ พลเอกประยุทธ์  กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า พูดไป ไม่เข้าใจหรือไง  จะตำแหน่งอะไรอีก. ไม่มีแผน 

“ไม่ได้คิดว่าจะปรับใคร ทุกอย่าง อยู่ขั้นตอนตามกม.”

เมื่อถามว่า สุดท้ายหาก นาย ดอน พ้นสภาพ รมต.จะต้องปรับหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ ทำหน้า ไม่สบอารมณ์ แล้วยุติการให้สัมภาษณ์ เดินออกจากไมค์ฯ เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

บูด

อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ ก็ออก!

“บิ๊กตู่” อารมณ์เสีย ลั่นไม่ปรับครม. “ดอน” อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ ก็ออก” ยัน ไม่ได้คิดว่าจะปรับใคร  ทุกอย่าง อยู่ขั้นตอนตามกม.”

พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีคุณสมบัติ รมต.ของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ  จะต้องปรับ ครม.หรือไม่ ว่า  ปรับทำไม ผมไม่ปรับ คุณก็ปรับเอง สิ

“ผมไม่ปรับ อยู่ได้ก็อยู่. อยู่ไม่ได้ ท่านก็ต้องออกอยู่แล้ว”

เมือถามว่า จะต้องปรับ ครม.ตำแหน่งอื่นด้วยหรือไม่ พลเอกประยุทธ์  กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า พูดไป ไม่เข้าใจหรือไง  จะตำแหน่งอะไรอีก. ไม่มีแผน 

“ไม่ได้คิดว่าจะปรับใคร ทุกอย่าง อยู่ขั้นตอนตามกม.”

เมื่อถามว่า สุดท้ายหาก นาย ดอน พ้นสภาพ รมต.จะต้องปรับหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ ทำหน้า ไม่สบอารมณ์ แล้วยุติการให้สัมภาษณ์ เดินออกจากไมค์ฯ เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

รมย์เสียถามเรื่องลุงกำนัน

ไม่อยากตอบ เรื่อง”สุเทพ” ..บิ๊กตู่  อารมณ์เสีย  ฉุนสื่อ รุมซัก ปรับครม. แถม เสนอข่าวไม่ถูกใจ  ถาม..“ สื่อ นี่ต้องซื้อ เท่านั้นหรือไง? 

“นายกฯบิ๊กตู่” เมินตอบ “สุเทพ” หลั่งน้ำตา ตั้งพรรค รวมพลังประชาชาติไทย ....จะเป็นกองหนุน คสช. อีกแรงหรือไม่ ...เดินเชิดหน้า ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า หลัง ผละออกจากไมค์ ยุติการให้สัมภาษณ์ ตั้งแต่ ถูกซัก เริ่องปรับครม.

สื่อตั้งข้อสังเกตุ บิ๊กตู่ อารมณ์เสีย ใส่นักข่าว วันนี้  นอกจาก ไม่แฮปปี้กับ ข่าวในหน้าสื่อ และ ข่าว ในโซเชี่ยล มีเดีย  และบ่นการเสนอข่าวของสื่อ หลายสำนัก แต่เอ่ยชื่อ TPbs ข่าวสด มติชน  ถาม “สื่อ นี่ต้องซื้อ เท่านั้นหรือไง?” ปิดท้ายสัมมนา แล้ว  อาจเพราะไม่อยากตอบ เรื่อง “สุเทพ” ....เดินหนี ตั้งแต่เริ่องปรับครม.
เพราะ นายกฯไม่ได้ ปริ๊ดมานาน หลายเดือน!!

ดีแล้วทำงานร่วมกัน

ดี แล้ว "ลุงกำนัน" ตั้งพรรค หลายฝ่ายร่วมมือกัน...เมื่อก่อนเป็นกองหนุน คสช.แต่ตอนหลัง คสช.ก็ไปทำงานของคสช.เอง”

“บิ๊กป้อม”บอกเป็นเรื่องดี สุเทพ ร่วมอดีตกปปส. ตั้งพรรค รปช. เพราะหลายฝ่ายมาร่วมมือกัน  แต่ออกตัว “ไม่รู้ใจ”ลุงกำนัน ทำไม หลั่งน้ำตา ร่วม”พรรครวมพลังประชาชาติไทย” เขาร้องไห้ ผมจะไปรู้ได้ยังไง  ไม่ได้ไปรู้ใจ เขาก็คิด ตามที่เขาคิด  ปัดวิจารณ์ ทำไมยอม”ตระบัดสัตยเพื่อชาติ” ตัองไปถาม คุณสุเทพ เอง ผมไม่ตอบ เห็นแล้ว รู้สึกยังไง ก็ไม่ตอบ...แต่มองว่าดี ที่ สุเทพ-อดีตกปปส.ตั้งพรรคการเมือง เพราะจะได้มีหลายส่วนร่วมมือกัน  ปัด ช่วยซับน้ำตา แม้”สุเทพ “เคยหนุน คสช.แต่ตอนหลัง คสช.ก็ทำในส่วนคสช. เอง ยันไม่รู้ สุเทพ ตั้ง รปช.เพื่อหนุน”บิ๊กตู่”เป็นนายกฯ  แนะสื่อไปถาม สุเทพ เอง เหน็บสื่อ อยากคิดยังไงก็คิดไป เรื่อง รปช. เริ่อง สุเทพ

พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และได้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.)ว่า แล้วแต่เขาว่าเขาจะคิดอย่างไร แต่ส่วนตัวเห็นว่านายสุเทพ มาตั้งพรรคการเมืองก็ดี มาร่วมมือกันหลายส่วน

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เห็นภาพนายสุเทพ ร้องไห้หรือไม่ รู้สึกอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เห็น 

เมื่อถามว่า นายสุเทพ บอกว่าต้องยอมตระบัดสัตย์เพราะต้องการมาทำงานเพื่อประชาชน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาคิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แล้วแต่เขา  

เมื่อถามว่าเห็นแล้วสะท้อนใจหรือไม่ ที่คนระดับนายสุเทพ ต้องมาหลั่งน้ำตาเพื่อมาทำงานทางการเมือง พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่ขอตอบ ไปซับอะไรเขา ก็เขาร้องไห้ เราจะไปรู้ได้อย่างไร ไม่ได้รู้ใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องซับน้ำตาให้นายสุเทพ หรือไม่ เพราะเคยเป็นกองหนุนของรัฐบาลมาตั้งแต่สมัยเป็นกปปส. ลงเรือลำเดียวกันมาตั้งแต่ปี 2557  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “อะไรว่ะ  ไม่มีไร ตอนหลังก็ไม่ได้มาทำอะไรร่วมกันแล้ว คสช.ก็ไปทำงานของคสช.เอง” 

ส่วนที่มองกันว่าการที่นายสุเทพ ร่วมก่อตั้งพรรครปช.ขึ้นมามีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามเขา ถามผมไม่ได้ 

เมื่อถามอีกว่าหาก นายสุเทพ หนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “คุณคิดอย่างไร ก็แบบนั้นนั่นแหล่ะ”
///