PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ดึงจังหวะ ไม่ชนะไม่เข้าตี

ดึงจังหวะ ไม่ชนะไม่เข้าตี



“ประยุทธ์”แก้เกม คสช.เป็นรองแนวรบชิงกระแส
อาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่อง หลังปรากฏการณ์ฟ้าผ่าธรณีสงฆ์สะเทือน
ตามราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ พระภิกษุถูกกล่าวหาว่า กระทําการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
1.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 2.พระพรหมเมธี (จํานงค์ เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม 3.พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา
4.พระราชอุปเสณาภรณ์ หรือสมณศักดิ์เดิมคือ พระเมธีสุทธิกร (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 5.พระราชกิจจาภรณ์ หรือสมณศักดิ์เดิมคือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 6.พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา 7.พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คํามา) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ล้วนแล้วแต่ “เจ้าคุณ” วัดดังที่โดนดำเนินคดี “เงินทอนวัด”
หมดบุญหมดวาสนาในทางธรรม ไปรับกรรมในทางโลก
อีกส่วนที่เป็นคนละกรณี แต่มีเชื่อมโยงกันในมุมของการก่อความขัดแย้งในวงการสงฆ์
ก็คือรายของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีต “พุทธะอิสระ” แห่งวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ ซ่องโจร และปลอมพระปรมาภิไธย
ต้องโดนปลดจีวรกลายเป็นฆราวาส
ถูกส่งตัวเข้าห้องขัง ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำเหมือนๆกัน
ไม่มีการเลือกข้าง ไม่แบ่งฝั่งเลือกปฏิบัติ ท่ามกลางเสียงอนุโมทนาสาธุ กับยุทธการ “ซักจีวร” ลุยล้างบางมนุษย์ในคราบผ้าเหลืองที่ทำให้พุทธศาสนามัวหมอง
ลูบหน้าปะจมูกกันมานาน ที่สุดจึงเกิดปรากฏการณ์ “ฟ้าผ่า”
วงการ “พุทธจักร” เข้าสู่โหมดการปฏิรูปใหญ่อย่างเด่นชัด
ตัดฉากมาที่สถานการณ์ของฝ่าย “อาณาจักร” ที่ยังคงวุ่นวายต่อเนื่อง ตามท้องเรื่องที่กำลังเข้าสู่โหมดการประกาศกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน
เป็นห้วงเวลาท้ายเทอมที่รัฐบาลอำนาจพิเศษนับถอยหลัง
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยคะแนนเอกฉันท์ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
เป็นอันว่า กฎหมายอันเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการเลือกตั้งกำลังเข้าสู่กระบวนการบังคับใช้
ไม่มีเหตุทำให้การเลือกตั้งสะดุดจากปมอภินิหารกฎหมาย
ตามจังหวะการเร้ากระแสของนักการเมืองทุกป้อมค่ายที่ปรองดองโดยอัตโนมัติ รวมพลังแท็กทีมกดดัน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.และฝ่ายคุมเกมอำนาจพิเศษ
เร่งวันเร่งคืน เปิดไฟเขียวสนามเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม โดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่ดูเหมือนพรรคเก่า ป้อมค่ายเดิมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กเริ่มซาเสียงลงไป
กระแสดูดที่เคยปั่นมาประจานพรรคทหารเริ่มเฝือ อีกทั้งตามผลโพลประชาชนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติตามวิถีการเมืองแบบไทยๆ
ยุคใครยุคมัน ใช้วิธีแบบนี้มาทั้งนั้น
สีสันจริงๆมันอยู่ที่ป้อมค่ายใหม่ ไฮไลต์เลยก็คือคิวของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ในฉากอีเวนต์เปิดตัวพรรคได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
“ไพร่หมื่นล้าน” นำทีมแกนนำและสมาชิกพรรคที่ล้วนแต่เป็นคนรุ่นใหม่ ยืนถือไฟฉายจากสมาร์ทโฟน สื่อความหมายเป็นนัย คนยุคใหม่ขับไล่ความมืดดำที่ปกคลุมอำนาจการเมืองไทย
กระตุกภวังค์ ย้อนอดีตไปถึงการเปิดตัวพรรคไทยรักไทยที่คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นำทีมผู้ก่อตั้งพรรคจากทุกวงการของประเทศไทย ขี่ดาวเทียมชูม็อตโต “ตาดูดาวเท้าติดดิน”
อีเวนต์แทบจะลอกแบบกันมาเลย
จะแตกต่างกันตรงบทห้าวเป้งของ “ธนาธร” ที่ประกาศกร้าวว่า ถ้าชนะการเลือกตั้งได้เข้าไปในสภาฯจะเดินหน้าฉีกรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับมรดก คสช.
พร้อมนิรโทษกรรมคดีการเมืองในยุคอำนาจพิเศษทั้งหมด
เรียกเสียงจากกองเชียร์ดังกระหึ่ม คนเกลียดทหารกดปุ่มไลค์รัวๆ
และตามฟอร์มพรรคเพื่อไทยรีบกระโจนเข้าใส่อาการแบบที่ “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำสายตรงดูไบ ประกาศเอาด้วยช่วยตามแห่เกมล้มรัฐธรรมนูญ คสช.
แค่นั้นไม่พอ ยังแถมโวลั่น ต้องไล่เช็กบิลเผด็จการด้วยถึงจะสาแก่ใจ
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่เสมือนหนึ่งว่า กระแสไหลเข้าทางเกมทวงอำนาจของฝ่าย “ทักษิณ”
อย่างที่เห็นการขับเคลื่อนของพรรคอนาคตใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยตามแห่ขบวนอยู่ด้านหลัง โดยมีพลังมวลชนม็อบคนอยากเลือกตั้งเป็นตัวช่วยกดดัน โยงไปถึงอีกตัวละครสำคัญคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ที่เปิดหน้าแสดงตัวเป็นแนวร่วมฝ่ายต้านทหาร ขอเป็นนายประกันให้แกนนำม็อบอยากเลือกตั้งที่โดนล็อกตัวฐานผิดคำสั่ง คสช.
ยุทธการแยกกันเดินรวมกันตีเริ่มแปรรูปขบวนชัดเจน
ใครเป็นใครเห็นๆกัน เหลือแค่ลุ้นคนถือธง “นอมินี” ตัวจริง
และตรงกันข้ามกับฝ่ายคุมเกมอำนาจพิเศษ คสช.ที่ชักจะทนนิ่งอยู่ไม่ได้
ในอาการเทกแอ็กชันขู่กลับแรงๆแบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ส่งซิกให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบดูว่าผิดหรือถูกอย่างไร
กับมุกพูดหาเสียงล่วงหน้าของนายธนาธร
เสียงแข็งการฉีกรัฐธรรมนูญไม่สามารถทำได้ รวมทั้งการเช็กบิล คสช.ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร
“พี่ใหญ่” เริ่มส่งเสียงคำรามดังๆ ในห้วงสถาน-การณ์ที่ทีมทหาร คสช.ตกที่นั่งลำบาก
“เสือตะวันออก” กำลังเป็นฝ่ายตั้งรับกระแส
แรงกระแทกทั้งจากภายใน อาการป่วนจากอดีตแนวร่วมฝ่ายเดียวกันที่ร่วมโค่นระบอบทักษิณมา แต่ไม่พอใจกับการแชร์อำนาจและผลประโยชน์
แบบที่แนวร่วมพันธมิตรฯจิกตีปมราคาน้ำมัน เพราะหมั่นไส้รัฐบาล “ลุงตู่” ไม่รับมุกการยกเลิกสัมปทานปิโตรเลียม และการทวงคืนขุมทรัพย์บริษัท ปตท.
นั่นก็ไปเพิ่มแรงบวกกับแรงเสียดทานภายนอกเครือข่ายฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะขุมข่ายพรรคเพื่อไทยของ “นายใหญ่” ที่ได้ทีเขย่าสถานการณ์ราคาน้ำมัน
เบิ้ลบลัฟซ้ำภาวะข้าวยากหมากแพง กระตุกต่อมหงุดหงิดปัญหาปากท้องชาวบ้าน
พาลถึงการดิสเครดิตฟอร์มบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เพิ่งโชว์ตัวเลขจีดีพีดีดตัวสูงถึงร้อยละ 4.8 สูงสุดในรอบ 5 ปี แต่เจอตีปี๊บประจานเรื่องน้ำมันแพง แก๊สหุงต้มขึ้นราคา กลบไปหมด
กระตุกอารมณ์หงุดหงิดของผู้นำทหารอย่าง “บิ๊กตู่”
สั่งไล่จับขบวนการปล่อยข้อมูลเท็จผ่านเพจปลอม บิดเบือนข้อมูลถล่มรัฐบาล
สถานการณ์ถึงขั้นที่เพจอวย “นายกฯลุงตู่” แท้ๆ ทำโพลถามสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำต่อหรือไม่ คะแนนออกมาเกินร้อยละ 90 กว่าๆ “โหวตโน” ทำหน้าหงาย
เรื่องของเรื่อง คสช.ถูกลากเข้าไปในสงครามที่เสียเปรียบ
แนวรบโซเชียลมีเดียที่ทหารตกเป็นรองมาตลอด
และต่อให้ทีม “นายกฯลุงตู่” ยกระดับการต่อสู้ เกณฑ์นักรบไซเบอร์ เพิ่มดีกรีการตอบโต้ในโลกโซเชียลฯ
แต่นั่นก็ทำได้แค่ขีดระดับความสามารถในแบบฉบับของทหาร
ไม่มีทางเทียบได้กับ “โคตรเซียนตัวพ่อ” ยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่มีพร้อมทั้งลูกเขี้ยวเกมการตลาดและความฉลาดในการใช้เครื่องมือสื่อสารที่ไปไกลระดับโลกแล้ว
ประกอบกับแนวโน้มสถานการณ์ที่เอื้อให้ กระแสเบื่อรัฐบาลทหารที่อยู่มานานเกิน 4 ปี
เกมนี้ “บิ๊กตู่” สู้ไปก็มีแต่เข้าเนื้อ เจ็บตัวหนักถ้าไม่ปรับมุมการต่อสู้ใหม่
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่ คสช.เป็นรองเกมแห่กระแส ผวาแนวรบสงครามโซเชียลมีเดียสู้ไม่ได้
มันก็มีสัญญาณแปร่งๆ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ส่งซิกการนัดพบระหว่าง คสช.กับพรรคการเมืองเพื่อพูดคุยเรื่องการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายนนี้ ส่อต้องเลื่อนออกไป
แถมการนับปฏิทินโรดแม็ปเลือกตั้งแบบลากยาวสุดคือเดือนเมษายน 2562
เหมือนว่าบรรยากาศสถานการณ์กำลังเข้าสู่จุดพลิกผัน
ตามฟอร์มทหารที่ทำอะไรต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจน ในเมื่อรู้อยู่ว่าแพ้ จะรบทำไม
ขืนปล่อยเลือกตั้งในจังหวะกระแสเป็นรอง ก็เสี่ยง “เสียของ”
ต้องดึงเกมออกไปก่อน ไม่ชนะ ไม่เข้าตี.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: