PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ค้านนิรโทษกรรมเพื่อ “ประชาธิปัตย์”?

(ทีมเพื่อนโอ๊ค)

ได้มีโอกาสอ่านบทความจากไทยรัฐออนไลน์ ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน เรื่องพลังโซเชียลมีเดีย ปลุกกระแสมวลชนต้าน'นิรโทษฯ'ได้จริงหรือ? (http://www.thairath.co.th/content/tech/380913) บทความดังกล่าวได้ตั้งคำถามว่า “คุณคัดค้านการนิรโทษกรรมแบบไหน?” พร้อมกับแบ่งสาเหตุการคัดค้าน ร่าง พรบ. นิรโทษกรรมฯ ไม่ว่าจะเป็นแบบนิติราษฎร์ที่ค้านการนิรโทษผู้สั่งฆ่าประชาชนและแกนนำ แบบไม่เอาทักษิณ แบบให้ทักษิณมาสู้คดีตามปกติ แบบนิรโทษคดี 112 แบบค้านนิรโทษเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง หรือ แบบค้านเพราะเกลียดนักการเมืองในสภา การรณรงค์ปลุกกระแสมวลชนต้าน “นิรโทษฯ” ในครั้งนี้ “ผู้จัดแคมเปญ” การสื่อสารทางการเมือง (Political Marketing) ได้แบ่งวิธีการสื่อสารด้วย “ข้อความหลัก” (Key Message) ถึงกลุ่มต่างๆได้ 2 ประเภท ดังนี้

ประเภทที่ 1 ข้อความหลักถึงกลุ่มคัดค้าน พรบ. นิรโทษกรรมฯ แบบเกลียดการทุจริต คอร์รัปชั่น และการกระทำผิดกฎหมาย โดย “ผู้จัดแคมเปญ” ใช้ข้อความ รักชาติ ปกป้องประเทศ ปกป้องสถาบัน ด้วยการสร้างวาทกรรมแห่งการเกลียดชัง (Hate Speech) ให้ “ทักษิณ” และครอบครัว เป็นผู้ร้าย หรือ แพะรับบาป หรือ ที่เรียกว่าเทคนิค Scape Goat ให้ผู้รับสารฟังแล้วเกิดความรู้สึกต้องการอยากปกป้องประเทศ ปกป้องสถาบันจากตัวละครตัวร้ายนี้ ด้วยเหตุผล 2 ประการว่า

1. เป็นพรบ. ที่ร่างขึ้นเพื่อเปิดช่องในการคืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน

2. และ เป็นพรบ. ที่ล้างผิดคนโกง โดยจะมีคดีเกี่ยวกับการ ทุจริต คอร์รัปชั่น ของนักการเมืองที่ได้รับอานิสงค์หลายคดี

โดยทั้ง 2 เหตุผลที่ “ผู้จัดแคมเปญ” พร่ำพูดซ้ำๆ โดยที่ไม่ได้บอกผู้รับสารว่า การคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ได้ถูกหักล้างด้วย ถ้อยแถลงของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าด้วยท่าทีต่อ ร่าง พรบ. นิรโทษกรรมฯ ว่า “การบิดเบือนนั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงิน เพราะหากเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ดิฉันในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องลงนามรับรอง ซึ่งดิฉันไม่เคยลงนามใดๆ”

ส่วนเรื่อง การล้างผิดคดีทุจริต คอร์รัปชั่น “ผู้จัดแคมเปญ” และผู้สนับสนุนทั้งหลายก็ได้กระหน่ำข้อความ ภาพอินโฟกราฟฟิค ในโลกโซเชียล ให้เห็นว่าใครจะได้รับอานิสงค์จากการทุจริต คอร์รัปชั่น บ้าง โดยที่ไม่เคยบอกผู้รับสารเลยว่าคดีที่จะได้รับการนิรโทษฯ ส่วนใหญ่เป็นคดีที่เป็นผลพวงของการรัฐประหารทั้งสิ้น ดังคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ว่า “ที่สำคัญมีความพยายามที่จะบิดเบือนว่ากฎหมายจะ กลบเกลื่อนการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับ พรบ.นิรโทษกรรม ซึ่ง พรบ. ฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ยกโทษให้ผู้ได้รับผลพวงทางการเมือง การรัฐประหารที่ไม่อยู่ในหลักนิติธรรม รวมทั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน”

มากไปกว่านั้น เมื่อ “ผู้จัดแคมเปญ” กำหนด “ข้อความหลัก” ย่อมต้องมีการวางแผนและคาดหวังผลใดจากผู้รับสาร โดยเฉพาะจุดมุ่งหมายในการที่จะขับเคลื่อนทางการเมือง กล่าวคือ “วัตถุประสงค์” ของการส่งสาร ของ “ผู้จัดแคมเปญ” หรือ “พรรคประชาธิปัตย์” ซึ่งออกตัวขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเต็มกำลังนั้นเป็นไป เพื่อสร้างโอกาสให้ได้กลับมาเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งหรือไม่? เพราะหากเป็นเช่นนั้น คงต้องพิจารณากันให้ชัดเจนว่า การปกป้องประเทศชาติจากการทุจริต คอร์รัปชั่น ถูกใช้เป็นแคมเปญในการสื่อสารนั้น ต้องปกป้องด้วยการให้พรรคประชาธิปัตย์ กลับมาได้สิทธิถือครองอำนาจรัฐ คือคำตอบที่ถูกต้องแล้วหรือไม่?

ประเภทที่ 2 ข้อความหลักถึงกลุ่มที่คัดค้าน ร่าง พรบ. นิรโทษฯ ที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเน้นเรื่องการนิรโทษให้กับผู้สั่งฆ่าประชาชนและแกนนำ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ว่าผู้สูญเสียและนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อาจยังไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ณ เวลานี้

อย่างไรก็ตาม “ผู้จัดแคมเปญ” ที่สื่อสารข้อความหลักประเภทนี้ ก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุม ปี 2553 แต่อย่างใด และไม่ได้มีความต้องการในการสร้างกระแสสังคมเพื่อนำไปสู่หนทางที่ประเทศจะยกระดับประชาธิปไตยที่ดีขึ้น มิหนำซ้ำ "ผู้จัดแคมเปญ" ยังมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองซ่อนเร้นในการล้มล้างรัฐบ าลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน อีกครั้งใช่หรือไม่? และถ้าเป็นเช่นนั้น การชุมนุมอยู่ในขณะนี้นั้นคงไม่ใช่หนทางในการนำประเทศไปสู่การคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน และส่งเสริมการปกครองระบบประชาธิปไตยให้ดีขึ้นได้

และท้ายที่สุด การชุมนุมครั้งนี้ ก็คงไม่ต่างจากการชุมนุมที่มีเป้าหมายในการล้มล้างรัฐบาลเหมือนทุกครั้ง โดยเฉพาะในขณะนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ยุติการปลุกระดม ในขณะที่ทุกฝ่ายได้ส่งสัญญาณการรับฟังและพร้อมที่จะรักษาบรรยากาศของประเทศและบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตย ซ้ำร้าย พรรคประชาธิปัตย์ยังคงสร้างเงื่อนไขใหม่ เพื่อไปสู้เป้าหมายที่ซ่อนเร้นเอาไว้ภายใต้การปลุกระดมที่ชัดเจนมากขึ้น

ทั้งๆที่ ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ออกมาแถลงอย่างชัดเจนแล้วว่า "ขอยืนยันว่ารัฐบาลรับฟังเสียงความรู้สึกของประชาชนเพราะมาโดยประชาชน ยึดเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเป็นสำคัญ และจะไม่ทำลายความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังมาตั้งแต่แรก ไม่มีทิฐิ ขอเพียงให้บ้านเมืองเกิดความสงบและสันติสุขเท่านั้น ทั้งนี้เรามีหลายขั้นตอนที่ช่วยเหลือประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ แม้พ้นระยะเวลา 180 วันไปแล้ว พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่าจะไม่หยิบยกกฎหมายฉบับนี้มาพิจารณาอีก”

(ทีมเพื่อนโอ๊ค)

กระแส"ตีกลับ"?

นับตั้งแต่วันนี้กระแสจะเริ่มตีกลับ จากความไม่ชอบธรรมของเพื่อไทยไปสู่ความไม่มีเหตุผลของม็อบ ในเมื่อรัฐบาล-วุฒิสภา ประกาศคว่ำร่างนิรโทษเหมาเข่งแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาดราม่าทำมือไขว้กากบาทอีก เว้นแต่จะอยากโค่นรัฐบาลด้วยม็อ

ให้ดูวันศุกร์ ถ้า สว.ประชุมครบองค์ คว่ำร่างเหมาเข่ง ม็อบก็ไม่มีเหตุผลอีกต่อไป หรือถ้า สว.ไม่ครบองค์เพราะแก๊ง 40 สว.ไม่ยอมเข้า ก็ต้องถามว่าไหนอยากให้คว่ำร่างไวๆ ทำไมไม่เข้าประชุม มี agenda อะไร

ปชป.ไม่ยอมถอยเพราะได้ใจ ได้มวลชนอย่างไม่เคยได้มาก่อน แต่การไม่ยอมถอยในจังหวะที่ "ชนะ" ยังขืนลากยาวต่อไป ก็จะกลายเป็นแมลงสาบทอดบนถนนราชดำเนิน เ้พราะกระแสสังคมจะถามกลับ ในเมื่อเพื่อไทยยอมแพ้ถอยกระเจิงออกจากซอย แล้วเมริงยังม็อบทำไมอีก

ถ้าอยากล้มรัฐบาลตามระบอบ ก็เรียกร้องให้ยุบสภาสิ อย่างที่ม็อบเสื้อแดงเคยเรียกร้อง แต่ไม่แน่จริงนี่หว่า หวังแต่จะหา "ตัวช่วย" ตั้งม็อบลากยาวรอวันที่ 11 ศาลโลกพิพากษาเพื่อจะมาป้ายขี้

โชคดีอย่าง ที่นอกจาก ปชป.ยังมีม็อบสัมภเวสี พันธมิตรจุ้กกรู้ ไม่ดูจังหวะไม่ดูขั้นตอน ลุกฮือจะบุกทำเนียบ "ขับไล่รัฐบาลจนถึงจุดแตกหักแล้วปฏิรูปประเทศไทย" (ไม่เอาเลือกตั้ง) ช่วยทำให้ขบวนการไล่รัฐบาลไร้เหตุผลชัดเจนขึ้น

เรื่องรัฐประหารไม่ต้องกลัว ทหารเข็ดแล้ว ต่อให้กล้าทำรัฐประหารก็ไปไม่รอดอยู่ดี จะพากันพังทั้งยวง หรือถ้าศาลยุบพรรคอีก ศาลนั่นแหละยิ่งเปื้อน ความชอบธรรมพลิกกลับ สรุปคือพวกเขาปลุกม็อบได้แต่ "ตัวช่วย" หาทางช่วยไม่ได้

เกมนี้ ปชป.ทุ่มหมดหน้าตัก เช่นเดียวกับพวก "ขุนนางปัญญาชน" อธิการบดีมหาวิทยาลัยทั้งหลาย ฉะนั้นเดิมพันสูง ถ้าพลิกแพ้ในบั้นปลายก็หงายเงิบ (เกา teen รอได้เลย)

แต่รัฐบาลก็ต้องตั้งรับให้มั่นคงเช่นกัน อย่าพลาดแม้แต่นิดเดียว ถ้ามีใครบุ่มบ่ามซุ่มซ่ามผิดจังหวะอีก พังเอาง่ายๆ

คำแนะนำเบื้องต้นมีดังนี้

1.ให้นายกฯ สั่งการแต่ผู้เดียว โดยหารือกับทีมยุทธศาสตร์พรรค

2.แนะทักษิณให้ซื้อตั๋วขึ้นดาวเทียมไปท่องอวกาศนอกโลกสักพัก

3.ส่งเจ๊แดงไปดูงานที่สวาซีแลนด์ นามีเบีย หรือแองโกลา ฯลฯ

4.อวยพรให้ออเหลิมเข้าโรงพยาบาล

ปรากฏการณ์ ม็อบโซเชียลมีเดีย ต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย

กองบรรณาธิการ Positioning Magazine 7 พฤศจิกายน 2556

ไลค์..เม้นท์...แชร์ สนั่น “ม็อบออนไลน์” ต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย โดยมีโซเชียลมีเดีย อย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทิวบ์ และไลน์ เป็นสื่อสารอันสร้างพลัง สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการเมืองไทยในปี 2556

ถ้าปี 2535 เรียกการชุมนุมทางการเมืองว่าเป็น “ม็อบมือถือ” โดนกลุ่มคนชั้นกลาง และคนทำงานรวมตัวกันใช้อุปกรณ์มือถือเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร จนเกิดการรวมพลังคนจำนวนมากออกมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร จนกลายเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น

จากนั้นเป็นต้นมาการชุมนุมทางการเมืองก็มีสื่อออนไลน์ เป็นเครื่องมือในการกระจายข้อมูล ข่าวสาร อย่างเช่น การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย หรือเสื้อเหลือง มีสื่อมัลติมีเดียอย่างเว็บไซต์ ที่ออนไลน์ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ ดึงมวลชนปลุกม็อบเสื้อเหลืองจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมาแล้ว

ล่าสุด การชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกว่า “ม็อบโซเชียลมีเดีย” เมื่อมวลชนได้ใช้สื่อเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ยูทิวบ์ ไลน์ เป็นเครื่องมือสื่อสารแชร์ข้อมูล สร้างให้เกิดเป็น "กระแส" การรวมกลุ่มเกิดม็อบกลุ่มต่างๆ อย่างแพร่หลายและในเวลาอันรวดเร็ว

ความร้อนแรงสถานการณ์การชุมนุมในเมืองไทยได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่สภาผู้แทนฯ รวบรัดผ่านร่าง พ.ร.บ นิรโทษกรรมวาระ 3 ส่งผลให้มวลชนได้ออกมารวมพลัง คัดค้านกันอย่างคึกคัก ซึ่งในการชุมนุมครั้งนี้โซเชียลเน็ตเวิร์กถือว่าเป็นพระเอกของงานเลยก็ว่าได้ เพราะถูกใช้เป็นช่องทางในการเสพข่าวสาร รวมไปถึงการ "ระดมพล" ให้ออกไปชุมนุม เกิดการโน้มน้าว และปากต่อปากกันไปเรื่อยๆ ทำให้การชุมนุมครั้งนี้มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ

อ่านต่อที่ http://goo.gl/NycvMu


คปท.ข้ามพ.ร.บ.นิรโทษ เล็งยกระดับชุมนุมขับไล่ยิ่งลักษณ์

(7พ.ย.56)เมื่อเวลา 16.30 น. นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) กล่าวว่า การยึดพื้นที่ถนนราชดำเนินนอกในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับอีกขั้นหนึ่ง ยืนยันว่าในวันนี้จะไม่มีการเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามพิเศษบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยหลังจากนี้จะใช้เวลา 1-2 วัน เพื่อประเมินการชุมนุม เพราะจำนวนมวลชนเป็นปัจจัยหลักในการเคลื่อนไหวต่อไป ซึ่งจุดที่จะยกระดับต้องเป็นจุดที่สามารถกดดันนายกรัฐมนตรีได้ อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่การคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว แต่เป็นขับไล่รัฐบาลจนถึงจุดแตกหักและปฏิรูปประเทศไทย

ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นมา มวลชนส่วนใหญ่ยกระจายผักพ่อนริมถนนราชดำเนินนอก เพื่อรอการจัดตั้งเวทีปราศรัยถาวรบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบก โดยหันหน้าไปทางทำเนียบรัฐบาล ให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้

รายงานพิเศษเฉพาะกิจ
ขอขอบคุณแหล่งข่าวมา™ณ ที่นี้
ヾ( "เยาวชนคนข่าว.♥♥" )


พรรคเพื่อไทยกำลังปรับกระบวนท่า


พรรคเพื่อไทยกำลังปรับกระบวนท่า จงใจเอาแกนนำนปช.สามเกลอมานั่งข้างนายกฯยิ่งลักษณ์ ให้เห็นภาพว่า นปช.กับพรรคเพื่อไทยกลับคืนมาแล้ว

งานนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์เป็นตัวเชื่อมประสานรอยร้าว กำลังมีบทบาทสำคัญในการอุ้มพรรคเพื่อไทย ตระกูลชินวัตร และครม.ทั้งคณะไว้บนบ่าทั้งหมด ต้องชูนายกฯยิ่งลักษณ์ในการแก้วิกฤตครั้งนี้ เพราะท่านมีภาพที่นุ่มนวล ถ่อมตน ไม่แข็งกร้าว ไม่ท้าทาย ไม่ปะทะ ทำให้อุณหภูมิเย็นลง คนกรุงเทพฯจำนวนมากยังยอมรับนายกฯยิ่งลักษณ์อยู่

เท่าที่ดู คนเสื้อแดงก็ปรับขบวนได้เร็วเช่นกัน ทะเลาะกัน ด่ากันเละเทะมาสองสัปดาห์ ตอนนี้ค่อย ๆ ดีขึ้น ภาพนายกฯกับแกนนำนปช.ช่วยได้มาก ขวัญกำลังใจกลับมาอย่างรวดเร็ว เสื้อแดงที่ทะเลาะกันก็กำลังกลับมารวมกันอีก เตรียมผนึกกำลังปกป้องนายกฯยิ่งลักษณ์และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ใคร ๆ ที่ทะเลาะด่ากัน ก็จับมือกันเถอะ ผมเองก็ต้องขออภัยถ้าสำบัดสำนวนของผมเผอิญไปกระทบใจใครเข้า โดยเฉพาะคนที่เชียร์เหมาเข่ง หลายคนคงเคืองผมอยู่

ตอนนี้ สามัคคีรวมตัวกันรับศึกใหญ่ วิกฤตผ่านไปแล้ว ค่อยกลับมาสะสางเรื่องภายในกันอีกที

ปรากฎการณ์แปลกๆประเทศไทย

ผู้ใหญ่ในสภาอายเด็กบ้างไหม ?? เด็กประถมรักชาติเดินชูป้ายหรา "เราไม่เอาพ.ร.บ.นิรโทษกรรม" !!!
07-11-13 17:33   อ่าน : 1,995
คอลัมน์ : การเมือง / กลุ่มผู้ชุมนุม
ภาพชัดๆ!! เด็กประถมโรงเรียนเทศบาล ๒ จิตสำนึกรักชาติเต็มเปี่ยม เดินชูป้ายหรา คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 
วันนี้ ( 7 พ.ย. ) สืบเนื่องจากสถานการณ์การเมืองเกี่ยวกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่กำลังร้อนแรง ทำให้เกิดเป็นกลุ่มพลังต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมต่อต้านกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาชีวะ กลุ่มนักศึกษา หรือแม้กระทั่งเด็กนักเรียน ...

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊คเพจ หนุมานชาญสมร ชวิน ถวัลย์ภิยโย ได้แชร์ภาพ เด็กประถม โรงเรียนเทศบาล ๒ แห่งหนึ่งในภาคใต้ ที่จิตสำนึกรักชาติ เดินชูป้ายคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ท่ามกลางผู้ที่สัญจรผ่านไปมา 

14ตุลากับม็อบที่มหาลัยเป็นคนนำวันนี้

Thanet Aphornsuvan

7 พย56 ไปสอนที่มธ.ท่าพระจันทร์ วิชามธ. 110 นศ.คณะบัญชีโครงการพิเศษ 4+1 เมื่อวานเจ้าหน้าที่โทรมาถามว่าจะงดไหม ผมถามว่ามหาลัยให้ปิดการสอนหรือ เปล่า ถ้างั้นผมสอนปกติ มีนศ.เต็มห้องเกือบร้อย 

เลยเล่าเรื่องการเดินขบวน ๑๔ ตุลาเมื่อสี่ทศวรรษให้ฟัง บอกว่าคนที่มาชุมนุมประท้วงเช้าวันนี้เป็นคนเลยกลางคนเสียมาก คงเป็นอดีต๑๔ ตุลามารำลึกอดีต แต่ไม่เหมือนตอนโน้น เพราะวันนี้มหาลัยเป็นคำเริ่มและนำการเดินขบวนเอง 

นศ.ก็แปลกใจว่าแปลกยังไง เลยต้องอธิบายยาวไปมาก ปกติผู้บริหารมหาลัยยิ่งของรัฐด้วย ถ้าไม่มี"สัญญาณ" พิเศษ ก็จะไม่ออกมาให้เปลืองตัว เกมส์หรืองานนี้ออกมาพร้อมกันหมดทุกสถาบันของรัฐ เราที่ถูกสอนให้หัดคิดอย่างวิเคราะห์และวิพากษ์ 

จึงต้องหัดทำแบบฝึกหัดไปในวันนี้เลย แล้วต่อไปที่ทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตยของอ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ (ซึ่งเป็นเจ้าของการให้พวกนี้เรียนวิชาสหวิทยาการมนุษย์ สังคมฯและวิทยาศาสตร์ในปี ๑ ) ว่าที่ผ่านมาสามารถอธิบายรัฐประหาร(โดยกองทัพ)ได้แล้ว ว่าเป็นเพราะรัฐบาลเลือกตั้งมักมาจากคนชนบทที่มือและเสียงรวมกันแล้วยอ่มมากกว่าคนในเมือง อยู่ไปวันหนึ่งกระฎุมพีเมืองและชนชั้นดีแต่คิดและพูดก็บอกว่า "ขโมย" "โจร" "โกง" แล้วส่งซิกให้กองทัพซึ่งรับด้วยความภูมิใจว่าได้ทำหน้าที่เพื่อชาติ (กองทัพไทยไม่เคยรบนอกประเทศจริงๆเลยนับแต่ตั้งมาสองศตวรรษแล้ว) แล้วโค่นรัฐบาล ฉีกรัฐธรรมนูญปิดรัฐสภายุดพรรคการเมือง แต่ยกเว้นศาลมาโดยตลอด 

เพราะฉะนั้นศาลไทยไม่เคยถูกละเมิอดอำนาจเลย กระทั่งมีรัฐบาลเลือกต้ง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าประชาธิปไตยไทยดำเนินมาเป็นปกติ อย่าไปเชื่อฝรั่ง รัฐประหารก็เพื่อชาติและสถาบันถูกต้องแล้ว ต้องสอนกันอย่างนี้ต่อไป 

เร็วๆนี้มีคนเริ่มวิพากษ์ทฤษฎีสองนคราฯว่าไม่จริงแล้ว โดยเฉพาะหลังพฤษภาเลือด ๓๕ เป็นต้นมา ยิ่งมีรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป ๔๐ เรายิ่งเชื่อกันใหญ่ว่ารัฐประหารยุติแล้วโดยสิ้นเชิงและโดยโครงสร้าง จนกระทั่ง ๑๙ กันยา 

แต่นปช.ก็ยืนกรานยอมตายเพื่อให้มีการเลือกตั้งและรัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่ตกลงกันภายในผู้นำ ทำให้ทฤษฎีสองนคราฯดูล้าหลังไปอีกแล้ว ...

กระทั่งมาถึงวันนี้ ผมถามนศ.ว่าเราจะมาดูกันว่าทฤษฎีสองนคราฯจะมีน้ำยาอีกไหม อีกไม่นานคงได้เห็น.............

คำบรรยายชั่วโมงแรกของสหวิทยาการมนุษยศาสตร์ ก็เอวังด้วยประการฉะนี้ 

เป็นครั้งแรกที่นศ.ในวิชานี้นั่งฟังตาแป๋วเป็นประกาย ไม่เล่นมือถือ ไอโฟนหรือคุยกันแบบปีก่อนๆ เฮ้อ..จะมีสถานการณ์แบบนี้อีกในปีหน้าไหม ผมจะได้มีไฟในการสอน เพราะระยะหลังบอกตรงๆว่าเฉื่อยชาไปมาก

สุเทพ ลั่น 11 พ.ย.เล็งตั้งศาลปชช.พิพากษา"ปู"

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2556

'สุเทพ'ลั่น11พ.ย.เล็งตั้งศาลพิพากษา'ปู'

'สุเทพ'ลั่น11พ.ย.เล็งตั้งศาลพิพากษา'ปู' ให้ม็อบค้านนิรโทษราชดำเนินตัดสิน หลากหลายอาชีพทยอยขึ้นเวทีค้านนิรโทษอนุสาวรีย์ปชต.คึกคัก

              ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง วันที่ 7 พ.ย.56 เมื่อเวลา 18.00 น.  วันที่ 7 พ.ย.2556 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของมวลชนคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ปักหลักชุมนุมเป็นวันที่ 4 ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงเย็นภายหลังจากเลิกงาน ประชาชนจากหลากหลายอาชีพต่างทยอยเดินทางเข้าพื้นที่ชุมนุมอย่างต่อเนื่องและคึกคัก นอกจากนี้ ยังมีนักเรียน นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ ร่วมด้วย
             ขณะที่บนเวทีปราศรัยยังคงมีนักการเมืองสลับสับเปลี่ยนขึ้นปราศรัยโจมตี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และแจ้งข่าวสารความเคลื่อนไหวของภาคส่วนต่างๆเกี่ยวกับพ.ร.บ.ดังกล่าว อาทิ นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ส.ส.กทม.ปชป. และโฆษกเวที นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม.นอกจากนี้ บนเวทียังเปิดโอกาสให้แนวร่วมที่ร่วมชุมนุมขึ้นมาสลับกันปราศรัยด้วยในจำนวนนั้นมีนักเรียนที่ปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล้วด้วย และเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ฝนได้โปรยปรายลงมา ผู้ชุมนุมต่างเข้าหาที่หลบฝน บางส่วนก็นำร่มมากางและนั่งปักหลักฟังการปราศรัยเช่นเดิม
             อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 17.39 น. แกนนำบนเวทีได้นำผู้ชุมนุมเป่านกหวีดยาวนับนาทีพร้อมกับมวลชนที่ราชประสงค์ ซึ่งได้มีการถ่ายทอดภาพสดมายังเวที ขณะที่การแสดงบนเวทีในช่วงเวลา 18.00 น.นายมงคล อุทก หรือ หว่อง คาราวาน ได้ขึ้นมาร้องเพลงเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้ผู้ชุมนุม  อย่างไรก็ตาม ในคืนนี้ ดร.เสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการด้านการสื่อสารจะมาขึ้นปราศรัยบนเวทีด้วย
             จนกระทั้งเวลา 19.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีปราศรัยอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงยอมถอนกฎหมายนิรโทษกรรม 6 ฉบับออกจากสภาในวันนี้ แม้แต่เด็กยังรู้ว่าโกหก บิดเบือน โยนความผิดให้แก่ประชาชน และพูดจาดูถูกประชาชนเหมือนเดิม ดังนั้นไม่ว่าตัวพี่คือทักษิณ ชินวัตร จะพูดอะไร ไม่ว่าตัวน้องคือยิ่งลักษณ์ จะขานรับอย่างไร ขอให้เราตั้งสติให้มั่น รอวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน โดยเราขอประกาศให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์และฝ่ายรัฐบาลทั้งหลาย ฟังให้ชัดเจนว่าที่เคยหนีคำพิพากษาศาล ที่เคยหลบหนีกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยและที่น้องสาวกำลังหนีความรับผิดชอบอยู่นั้น ทุกความผิดทุกกระทงจะชำระความกันวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน เวลา 18.00 น. เราจะตั้ง "ศาลประชาชน" ขึ้นกลางถนนราชดำเนิน ตัดสินพฤติกรรมความผิดทั้งหลายทั้งปวงของทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ของคนตระกูลชินวัตร ที่กระทำย่ำยีต่อประเทศและชาวไทยทั้งประเทศ แล้วให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้พิพากษา ให้ประชาชนทั้งประเทศได้เป็นผู้ตัดสินว่า ประชาชนคนไทยจะดำเนินการอย่างไรกับทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
  
            นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ทราบมาว่าศิลปินดาราที่มาขึ้นเวที ถูกสรรพากรตรวจสอบรายได้ข้อหามาขึ้นเวทีประชาชน ไม่เป็นไร เราจะจดบัญชีไว้ ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ อธิบดีสรรพากร ยังอยู่ วันไหนยิ่งลักษณ์ไปอยู่ดูไบ ก็ให้ตามไปอยู่ดูไบด้วย หมดเวลาคนที่ทำร้ายประชาชน ประเทศชาติ ถึงเวลาชำระบัญชีกันเสียที อีกไม่กี่วัน ถ้าประชาชนพร้อม ใครจะมาก็มากันให้มาก มาต่อสู้ร่วมกัน ให้ชัยชนะเป็นของประชาชน ให้ฝ่ายอธรรมเข็ดหลาบทั้งชาติ จะได้ไม่กล้าคิดร้ายต่อประเทศต่อไป
  
            "แผ่นดินนี้มีคนรักชาติ รักแผ่นดินทุกรุ่น ทำให้เชื่อมั่นว่า ถ้าประชาชนสามัคคีทุกหมู่เหล่า เราชนะแน่นอน"

หรือ ปชป.ขับสาหลอก

Rattawoot Pratoomraj

มีการมองว่าปชป.เจตนาจัดหนัก พรบ.นิรโทษให้เป็นผู้ร้ายตัวหลอก (แต่ดูจะเด่นมาก เพราะเนื้อหาพรบ.นิรโทษขัดหลักนิติธรรม ขัดรัฐธรรมนูญ และคนมองว่าเจตนาช่วยทักษิณ ซึ่งคนยอมรับไม่ได้) เพื่อเลี่ยงไม่เล่นร่างแก้ไขรธน.ม.190 ของพท. (จะเห็นว่าข่าวเงียบมาก ทั้งที่เป็นกม.ขายชาติอย่างร้ายแรง) เพราะปชป.ประเมินว่าอาจกระทบกรณีพระวิหารให้พท.เล่นกลับปชป.ได้ สมมติกรณีศาลโลกตัดสินให้เสียดินแดนตามแนที่1ต่อ2แสน ก็ถือว่าปชป.เป็นคนทำ MOU43

และอาจเป็นไปได้ว่าที่ปชป.ให้สส.ไปฟ้องศาลรธน. เพื่อหลอกสังคมทำเป็นว่าสู้เต็มที่ เพราะผมลองอ่านรธน.ม.68 ดูแล้ว ร่างแก้ไขม.190 ไม่น่าจะผิดม.68 (ส่วนตัวผมมองว่า พรบ.นิรโทษ น่าจะเข้าข่ายผิดม.68 มากกว่า)

อ้างอิง
มาตรา ๖๘ (การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย)
บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้

ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการ ดังกล่าว

ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใดเลิกกระทำการตามวรรคสองศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้

ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองตามวรรคสาม ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารของพรรคการเมืองที่ถูกยุบในขณะที่กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งดังกล่าว

ต่อตระกูล ยมนาคแถลงการณ์ วิศวกรเพื่อชาติ

เรา คือกลุ่มวิศวกรเพื่อชาติ ประกอบด้วยวิศวกรทุกสาขาวิศวกรรมทั่วประเทศ ที่มีความรักต่อประเทศชาติ และต่างมีความมุ่งหมายร่วมกันตามคำปฏิญญาวิศวกรสากลที่ว่า

“ความเชี่ยวชาญพิเศษของพวกเราที่เป็นวิศวกรนั้น มีมาพร้อมกับพันธกรณีที่จะต้องรับใช้ประเทศชาติ ด้วยความจริงใจถึงที่สุด”

พวกเรา “วิศวกรเพื่อชาติ” ขอสนับสนุนการเคลื่อนไหวต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ หรือฉบับใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ ที่รัฐบาลนี้จะทำขึ้นอีกในอนาคต ในการยกโทษให้กับผู้ทุจริตคอร์รัปชั่นเหล่านี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายระบบยุติธรรมของสังคม

วิศวกรทุกคน ล้วนมีส่วนเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนา และสร้างชาติ เราจึงทราบดีว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นพฤติกรรมชั่วร้ายของนักการเมืองและข้าราชการที่ร่วมมือกันมาโดยตลอด และประจักษ์ว่าความรั่วไหลของงบประมาณของชาตินั้น กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นไปเช่นนี้ต่อไป ก็จะนำไปสู่ความพินาศล่มสลายของประเทศไทยในอนาคตอันรวดเร็วนี้อย่างแน่นอนที่สุด

กลุ่มวิศวกรเพื่อชาติได้ระดมความคิด เพื่อใช้เป็นมาตรการต่อสู้กับรัฐทรราชย์ ที่อาจใช้กำลัง เพื่อปราบปรามมหาประชาชน ที่ร่วมชุมนุมโดยสงบ สันติ ถูกกฎหมาย ในการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้

ขอให้ประชาชนที่รักชาติได้มีความมั่นใจในการต่อสู้ที่ชอบธรรมต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ

ประกาศมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2556


บช.น.ออกหนังสือกดดันให้ม็อบออกจากพื้นที่

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2556 ทางกองบัญชาการตำรวจนครได้ออกหนังสือประกาศ เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่อาคาร หรือสถานที่ ตามข้อกำหนด และประกาศที่ออกกฎหมาย (ถ.ราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกพระรูป ถึง แยกจปร.) มีเนื้อความดังนี้ เรียนพี่น้องที่เคารพรัก ด้วยมีประกาศเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2556 คณะรัฐมนตรีมีมติให้พื้นที่เขตดุสิต เฉพาะแขวงดุสิต และแขวงจิตรลดา เขตพระนคร เฉพาะแขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถม และแขวงบางขุนพรหม และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เฉพาะแขวงโสมนัส กทม. เป็นพื้นที่ปรากฏเหตการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการระหว่างวันที่ 19 ต.ค.-30 พ.ย. 56 รวมทั้งได้มีการออกข้อกำหนด และประกาศตามกฎหมาย ห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคารหรือสถานที่ และห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ เว้นแต่ผู้ซึ่งได้รับอนุญาต หรือได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ที่รวมถึงบริเวณพื้นที่ที่ท่านชุมนุมอยู่ในขณะนี้ คือ ถ.ราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกพระรูปถึงแยกจปร. เพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อย และปฏิบัติตามกฎหมาย จึงขอให้ท่านที่ชุมนุมอยู่ ออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ ในบริเวณพื้นที่ที่ท่านอยู่ในขณะนี้ และให้นำยานพาหนะออกไปด้วย ภายในวันที่ 7 พ.ย. 56 หากท่านฝ่าฝืน จะมีความผิด ฐานฝ่าฝืนข้อกำหนด และประกาศที่ออกตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญติ การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาตรา 24 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ด้วยความปรารถนาดีจาก กองบัญชาการตำรวนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2556

ถอยเพื่อรุก !!!

Pakorn Lertsatienchai

ให้ระวังการถอยเพื่อรุก ที่นางโยะออกมาแถลงถอนร่างผ่านหน้าจะทีวี เหมือนถอย แต่ที่จริงเป็นกลยุทธเดินหน้าต่อไป

เริ่มจากข้อเท็จจริงที่ว่า ที่ถอนออกไปเป็นร่างที่อยู่ในการพิจารณาของ สส. ยังมีอีกร่างที่เป็นฉบับสุดซอยในการพิจารณาของ สว.

ที่ทำออกมาทำท่าถอย ตีบทแตกนั้น เพื่ออย่างแรก สร้างความสงสาร ลดกระแสสังคม กลายเป็นว่าตนเป็นฝ่ายยอมหมดแล้ว พวกคัดค้านนั่นแหละ จ้องยกระดับเป็นการล้มรัฐบาล แรงกดดันก็พลิกกลับด้านไป

แต่จุดสำคัญคือ ก็ยังยอมไม่หมด เพราะว่าร่างสุดซอยต่อให้ สว. ปัดตก ก็ยังจะย้อนกลับมาที่ สส. อีกอยู่ดี

ทีนี้ อย่างถัดมา การล้มหกร่างที่ สส. นั่นคือการปิดทางเลือกอื่นของเสื้อแดงให้หมด ถ้าเสื้อแดงต้องการนิรโทษประชาชนตนเอง ก็เหลือแค่ร่างสุดซอยให้เลือกเท่านั้น

โดยที่การถอยนี้เป็นแค่พักยก กลับไประดมกำลังมวลชนใหม่ ใช้แกนนำนักพูดไปช่วยระดมมวลชนอีกรอบ จูบปากกันแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้อาเฮียกร่างเกิน ไปไล่พวกเขาออกจากหน้าจอคิดว่าจะรวบสรรพกำลังเอาไว้กับตัว

ยอมย้อนกลับไปเสียเวลาหน่อย ยังมีเวลาให้ใช้งาน สส. โหวตอีกรอบ และแต่ถ้าจุดมวลชนติด ก็เตรียมให้มวลชนซัดกันได้เลย

นิสัยเฮีย ลงทุนไปหนักแล้ว จบง่ายๆไม่ได้ ส่วนคนอื่นๆไม่ว่าแกนนำหรือมวลชนก็เป็นแค่หมากของตน

ประเทศไทยไม่มีนักการเมืองปชต.

7 พ.ย.2556 สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด กำลังพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ "เราอยากมีนักการเมืองที่เป็นนักประชาธิปไตย แต่เมืองไทยมันไม่มี แต่สิ่งที่เรามีคือเอาคนพวกนี้มาใช้ก่อนชั่วคราว แต่เราต้องพยายามหานักการเมืองที่เป็นนักประชาธิปไตยด้วย

เวลาคนเสื้อแดงอธิบายว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และเสื้อเหลืองเป็นอนุรักษนิยม ผมไม่ค่อยแน่ใจ คือมีทั้งคนที่อยากได้ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น และมีคนที่ต้องการเอาประโยชน์จากมันทั้งสองฝ่าย ผมคิดว่าพวกที่มาเป่านกหวีดอยู่ตอนนี้ มีความชอบธรรมที่จะบอกว่ารัฐบาลไม่ชอบธรรม และสะท้อนว่าคนที่ออกมาเขารู้สึกว่าประเทศนี้ อำนาจเป็นของเขา แต่สิ่งที่ผมรู้สึกแน่ที่สุดในพวกเสื้อเหลืองคือการชอบอ้างเรื่องตัวบุคคล โดยเฉพาะสถาบันซึ่งผมคิดว่ามันไม่เกี่ยวเวลาพูดเรื่องประชาธิปไตย และทำให้คนพวกนี้ดูล้าหลัง

ส่วนเสื้อแดงเขาเริ่มจากพื้นฐานมากๆ คือพูดถึงว่าช่วยนับพวกเขาเป็นหนึ่งคนและหนึ่งเสียง เขารู้สึกถึงความเป็นประชาธิปไตยจากการที่เขาใช้บัตรประชาชนไปโหวตรัฐบาล เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขามีอำนาจ และการรัฐประหารปี 49 เป็นการดูถูกการมีอยู่ของเขา การรัฐประหารเป็นการปฏิเสธเสียงพวกเขา ทำให้มันไม่มีค่าอะไรเลย ผมอยากจะบอกว่าประชาชนทุกกลุ่ม สังคมไทยกำลังเคลื่อนเป็นสังคมประชาธิปไตยทั้งหมด แต่มาจากคนละทิศทาง....ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายเกิดจากการยึดติดตัวบุคคล"


แกนนำแดงร่วมแถลงขวางม็อบล้มรัฐบาล

วันที่ 7 พ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ประธาน นปช. นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์การเมืองภายหลังการถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและ พ.ร.บ.ปรองดองออกจากสภาฯ โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราคารพการแสดงเจตนารมณ์ของประชาชนทุกฝ่ายต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายสนับสนุน โดยเฉพาะฝ่ายที่เคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ เท่ากับว่าได้แสดงจุดยืนตามเสรีภาพที่คุ้มครองตามกฎหมาย

ถึงเวลานี้ปรากฏชัดว่าพรรคเพื่อไทย รัฐบาลและส.ว.เคารพในเจตนารมณ์ของประชาชน และแสดงท่าทีถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและปรองดองที่ค้างอยู่ในวาระ ดังนั้น ประเด็นนี้ได้ข้อยุติแล้ว ซึ่งจะไม่มีการเดินหน้าในชั้นวุฒิสภา ถือว่าการเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มแสดงออกครบถ้วนและบรรลุตามวัตถุประสงค์แล้ว ดังนั้น อยากฝากไปถึงทุกกลุ่มว่าควรจะทบทวนการเข้าร่วมชุมนุมในเวทีต่างๆ ซึ่งต้องการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้มีความเคลื่อนไหวเชื่อมโยงเป็นระบบ มีนัยยะสำคัญ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรามีความเห็นว่าจะจัดเวทีปราศรัยใน กทม.และทั่วประเทศ โดยใช้ชื่อว่า “นปช. เพื่อไทยปกป้องประชาธิปไตย” เริ่มวันที่ 10 พ.ย.ที่ กทม. วันที่ 11 พ.ย.ที่ จ.ขอนแก่น วันที่ 12 พ.ย.ที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 13 พ.ย.ที่ จ.อุดรธานี วันที่ 14 พ.ย. ที่ จ.ชลบุรี จากนั้นจะประเมินสถานการณ์กันต่อว่าจะตั้งเวทีชี้แจงประชาชนอย่างไรให้ต่อเนื่อง นอกจากนี้จะดำเนินการรายการ “ความจริงวันนี้” ภาคพิเศษ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อให้ประชาชนรับทราบ

ทั้งนี้ เหตุที่ตนเห็นต่างกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพราะนิรโทษกรรมให้แกนนำและผู้สั่งการ ควรจะมีการพิสูจน์ด้วยกระบวนการยุติธรรม ผู้มีอำนาจสั่งการต้องได้รับผิดชอบทางกฎหมาย ที่เจ็บปวดที่สุดเพราะไม่คิดว่าคนที่ถูกอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีสังหารประชาขน จะไปตั้งเวทีในพื้นที่เดียวกันกับที่มีการใช้ปืนติดลำกล้องสังหารประชาชนเกือบ 30 ราย และสะอึกสะอื้นว่าเป็นการทวงความเป็นธรรมให้คนตาย ไม่คิดว่าคนเป็นนักการเมืองเดินไปถึงจุดสูงสุด เป็นถึงรองนายกฯ จะขาดซึ่งสำนึก แสดงความเลือดเย็นออกมาได้ ในเมื่อศาลมีการไต่สวนและวินิจฉัยออกมาว่าสิบกว่าชีวิตเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่แต่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ หาได้มีความสำนึกไม่ ที่นายอภิสิทธิ์ขึ้นเวทีบอกเรียกร้องความเป็นธรรมให้คนตายนั้น ถ้าดวงวิญญาณคนตายรับรู้ได้จะร้องไห้ตลอดเวลา

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สุดท้ายวันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหลายแม้จะเห็นต่างในพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่สถานการณ์ใหญ่ คือการโค่นล้มรัฐบาล ทำลายกระบวนการประชาธิปไตยของทั้งประเทศ ดังนั้น ต้องจัดการภายในเพื่อเผชิญปัญหาภายนอก จัดการภายใน คือการปรับทุกข์ ผูกมิตร ทำความเข้าใจ แสดงความเป็นเอกภาพ ปัญหาภายนอก คือพรรคประชาธิปัตย์กำลังโค่นล้มรัฐบาล

ดังนั้น ไม่อาจให้ฝ่ายนั้นทำหรือสร้างกระแสเพียงฝ่ายเดียว ฝ่ายประชาธิปไตยต้องสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อเผชิญหน้าหรือปะทะกันของประชาชน เราจะดำเนินการด้วยความรัดกุม ด้วยท่วงทำนองของคนรักประชาธิปไตย ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงแกนนำม็อบรุ่นน้องอย่างนายสุเทพ ว่าชกคนเดียวมาหลายวันแล้ว ขอให้ตนได้แสดงความเห็นต่อประชาชนด้วยท่วงทำนองและท่าทีที่ไม่รุนแรงและไม่เผชิญหน้าบ้าง