PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562

E-DUANG : ตั้งรับ หรือรุก ทางการเมือง เสียงขู่ คุกคาม รัฐประหาร

เหมือนกับเสียงขู่ในเรื่อง”รัฐประหาร”อันมาจากภายในพรรคพลังประชาชาติไทย เหมือนกับการตัดต่อคลิปอันมาจากภายในพรรค พลังประชารัฐจะเป็นการรุกในทางการเมือง
รุกไปยังพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ รุกไปยังพรรคอนาคตใหม่
กระนั้น เมื่อพิจารณาลงไปในมูลเชื้อและรากที่มาของการทำเสียงขู่ฟ่อๆในเรื่อง”รัฐประหาร” รวมถึงการตัดต่อภาพและเสียงจูงใจให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างคน 2 คน
ล้วนรวมศูนย์อยู่ที่คำ “ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยกงเต๊กชนะเลือก ตั้ง ที่สุดก็จะมีปฏิวัติอีกรอบ”
เท่ากับสะท้อนแก่นแท้ของปฏิบัติการ IO ออกมาเด่นชัด

ไม่ว่าจะคำขู่เรื่อง”รัฐประหาร” ไม่ว่าจะความพยายามตัดต่อ ตกแต่ง คลิปภาพและเสียง มีรากงอกมาจากความรู้สึกว่าตนและพรรคของตนจะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง
ไม่เพียงแต่สัมผัสได้จากความคึกคักในการลงคะแนนเสียง เลือกตั้ง”ล่วงหน้า”ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ
หากแต่ยังสัมผัสได้จากอารมณ์และความรู้สึกของประชาชน
ความโน้มเอียงที่ประชาชนจะเทคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ อย่างท่วมท้นอย่างชนิดที่เรียกว่าหิมะถล่มหรือแลนด์สไลด์ต่างหาก
ที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวบังเกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ ในพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ทางหนึ่ง จึงพยายามปลุกฟื้น”มวลมหาประชาชน”
ทางหนึ่ง จึงเอาปฏิมาแห่ง”มวลมหาประชาชน”มาเสริมความ มั่นใจที่จะปูทางและสร้างเงื่อนไขไปสู่การรัฐประหารเมือนกับเมื่อ เดือนกันยายน 2549 และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
นี่คือลักษณะ”ตั้งรับ” มิได้เป็น”การรุก”ในทางการเมือง

คำขู่”รัฐประหาร“ในห้วงเวลาก่อนการเลือกตั้งเพียง 3 วันเป็นเรื่อง ท้าทายอย่างยิ่ง ไม่เพียงท้าทายต่อพรรคการเมือง ที่สำคัญยังเท่า กับเป็นการท้าทายต่อประชาชน
ประชาชนที่ไม่ได้เลือกตั้งมาเป็นเวลา 8 ปี
ประชาชนที่ตกอยู่ในบรรยากาศการเหยียบย่ำมาตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ต่อเนื่องมายังรัฐประหารปี 2557
ความอัดอั้นตันใจอย่างนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง

มีอะไรซ่อนอยู่หลัง 'ธนาธร'?



เรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวกับนักการเมืองจนๆ
แต่สัมพันธ์โดยตรงกับอภิมหาเศรษฐีที่ก้าวเข้าสู่วงการเมือง
เดิมที "ทักษิณ ชินวัตร" ได้สร้างปรากฏการณ์ซุกหุ้น ผ่องถ่ายทรัพย์สินไปยังคนขับรถ และสาวใช้ เพื่อหลบหลีกกฎหมาย
นำมาซึ่งวาทะอมตะ "บกพร่องโดยสุจริต"
นับแต่รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ กำหนดห้ามรัฐมนตรี ถือหุ้นสัมปทานรัฐ หรือบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐเข้าข่ายกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เจตนารมณ์ดังกล่าวได้สืบทอดมายังรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
จุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการคอร์รัปชันของนักการเมือง
ฉะนั้นเมื่อ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประกาศ โอนทรัพย์สิน ๕ พันล้านบาท ให้กองทุนเป็นผู้ดูแลแทน ในรูปแบบ Blind Trust ที่ตัวเองมองไม่เห็น และไม่มีอำนาจตัดสินใจ จึงเรียกเสียงฮือฮาจากฝ่ายที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่
ฟ้าของพ่อพากันครางฮือ! ยกย่องว่าคือการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองใหม่
ก็อย่างที่ทราบ สองสามวันที่ผ่านมา มีแต่คนพูดถึงประเด็นนี้
จะเรียกว่าลากไส้คงไม่ผิดนัก
เพราะแท้จริงแล้วเป็นการตลาดการเมืองที่ไม่ยอมศึกษาอดีตว่า เป็นเรื่องเก่าที่นักการเมืองไทยหลายคนทำกันมานานแล้ว
เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องปฏิบัติตามลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี ที่กำหนดในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และหลายคนทำเกินรัฐธรรมนูญไปนิดหน่อย เพื่อความโปร่งใส
หากแต่เรื่องนี้สามารถอธิบายว่า คือการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าได้เข้าสู่การเมืองโดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ได้ครบถ้วนอย่างนั้นหรือ?
จากประสบการณ์ที่เจอจากนักการเมืองชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" สิ่งที่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ทำในวันนี้ แค่การตลาดเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งเท่านั้น
ยังไม่ตอบโจทย์ทุจริตเชิงนโยบาย หรือผลประโยชน์ทับซ้อนแต่อย่างใด
อีกประการ หากบริสุทธิ์ใจจริงน่าจะทำให้จบไปตั้งแต่วันที่ย่างขาเข้าสู่การเมือง
ไม่ใช่โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
ก่อนอื่น ทรัพย์สินของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" มีเพียง ๕ พันล้านเท่านั้นหรือ
หรือว่าถูกกันมาให้เหลือแค่ ๕ พันล้าน
เพื่อมาโชว์ความโปร่งใส
บทความของสำนักข่าวอิศรา วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ พูดถึง "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ก่อนกระโดดเข้าสู่การเมืองว่า
"....ธนาธร หรือ 'เอก' เป็นลูกของนายพัฒนา (เสียชีวิต) นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกลุ่มไทยซัมมิท เป็นหลานนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มีธุรกิจในเครือข่ายทั้งอดีตและปัจจุบันราว ๑๐๒ บริษัท เฉพาะนายธนาธรเป็นกรรมการ ประมาณ ๖๐ บริษัท ในจำนวนนี้เปิดดำเนินการประมาณ ๒๗ บริษัท ได้แก่
บริษัท คีย์ พ้อยท์ เอ็นเนอจี จำกัด, บริษัท กรีน ไลน์ เอ็นเนอจี จำกัด, บริษัท จึงพัฒนา โฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท ทีที โซล่าร์ จำกัด, บริษัท ที เอส พาวเวอร์ เอ็นเนอจี จำกัด, บริษัท ที เอส ออโต้ เซลส์ จำกัด, บริษัท ไอคอน เอ็นเนอจี จำกัด
บริษัท ไทยซัมมิท คอมโพเน้นท์ จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท เชป คอร์ป จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท พีเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท พีเคเค จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท พีเคเค บางปะกง จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท พีเคเค เอนจิเนียริง จำกัด,
บริษัท ไทยซัมมิท เมจิ ฟอร์จจิ้ง จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท ระยอง โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท วาย-เทค โอโตพาร์ท จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท เอนจิเนียริง จำกัด
บริษัท ไทยซัมมิท โอโต เพรส จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด (มหาชน), บริษัท พรีเมี่ยมสตีล โพรเซสซิ่ง จำกัด, บริษัท โอกิฮาร่า (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท แอคทีฟ แมเนจเม้นท์ เอเชีย จำกัด, บริษัท ซัมมิท โชว่า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด, บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), บริษัท วัน โอ ซี คอร์โปเรชั่น จำกัด, บริษัท สาธรฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด และบริษัท เอสเอ ออโตโมบิล จำกัด
นอกจากนี้เคยเป็นกรรมการ บมจ.เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (กลุ่มนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์) เคย ถือหุ้น บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป
ตัวเลขในงบดุลงบการเงิน กลุ่มไทยซัมมิท มีสินทรัพย์ รวมกว่า ๕ หมื่นล้านบาท
รายได้แต่ละปีรวมกันเกือบแสนล้านบาท
กำไรสุทธิปีละหลายพันล้านบาท (ร่วมหุ้นกับนักลงทุนญี่ปุ่น) อดถูกมองไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นถุงเงินของนายธนาธรในฐานะทายาท...."
ฉะนั้น คำถามคือการลาออกจากไทยซัมมิท ซึ่งเป็นบริษัทครอบครัว นั้นตัดขาดได้จริงหรือ?
เจ้าตัวพูดไว้วันที่ ๑๘ มีนาคมที่ผ่านมาว่า
"เรื่องของไทยซัมมิท กลุ่มบริษัทไทยซัมมิทอยู่ในกลุ่มที่เปิดเสรี ไม่ต้องขอใบอนุญาต คู่แข่งไทยซัมมิทแทบจะไม่มีคนไทยเลย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไทยซัมมิทไม่เคยเข้าไปเป็นคู่สัญญารายใหญ่กับรัฐเลย แทบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นของรายได้ มาจากบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ
ไม่เกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับการทำงานการเมืองของผม
ดังนั้นคือข้อเท็จจริง ตั้งแต่ผมลาออกเมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำงานของผู้บริหารชุดใหม่อีกเลย
หากในอนาคต ไทยซัมมิทจะเป็นคู่สัญญากับภาครัฐ ก็อยากให้สื่อช่วยกันตรวจสอบ หากผมมีอำนาจในเวลานั้น ผมจะไม่เข้าไปตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ ที่เข้ามาเสนอตัวเป็นคู่สัญญาประมูลอะไรก็ตาม

ซึ่งเราไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น แต่ผมไม่ได้อยู่ไทยซัมมิทแล้ว คงพูดแทนไทยซัมมิทไม่ได้ อยากให้เข้าใจความมุ่งมั่น เพื่อประเทศไทยจะไม่ไปสู่จุดเดิม
การกระทำไม่ต้องไปเรียกร้องพรรคอื่น แต่เริ่มได้ที่พรรคของผม"
แล้ว "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ทิ้งไทยซัมมิทได้จริงหรือไม่ เพราะเขาเป็นผู้ปลุกปั้นให้ ไทยซัมมิท โกอินเตอร์
และความภาคภูมิใจนั้นยังปรากฏอยู่ใน หน้าเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit ที่โพสต์เอาไว้เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐
"...พระเจ้าองค์เดียวที่จะช่วยเราได้ในอุตสาหกรรมระดับโลกคือพระเจ้าแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บ้านเลขที่หนึ่ง ถนนไทยซัมมิท ในรัฐแคนตั้กกี้ คือที่ตั้งของโรงงานผลิตตัวถังรถยนต์แห่งใหม่ของกลุ่มไทยซัมมิท เทคโนโลยีการผลิตโครงสร้างรถยนต์น้ำหนักเบาของเราได้รับการยอมรับจาก Tesla รถยนต์ Tesla Model 3 ใช้ชิ้นส่วนโครงสร้างจากเทคโนโลยีของเรา และทำให้เราสร้างธุรกิจกับ Tesla ได้ปีละ ๑๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
โครงสร้างที่เบาลงทำให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ไกลขึ้นต่อหนึ่งหน่วยพลังงาน นั่นหมายถึงยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นของโลกมนุษย์
ผู้ว่าการรัฐแคนตั้กกี้เห็นถึงความสำคัญของการจ้างงานคุณภาพและเทคโนโลยีสีเขียว จึงได้มอบถนนไทยซัมมิท หรือ 'Thai Summit Drive' พร้อมกับบ้านเลขที่ ๑ ของถนนเพื่อเป็นเกียรติให้กับเรา ในอนาคตใครมาตั้งสถานประกอบการในถนนนี้ก็ต้องใช้ชื่อของเรา
ไม่ต้องหมอบกราบพระเจ้าองค์ไหน หรือบริจาคเงินให้ผู้วิเศษองค์ใด อนาคตของความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยอยู่ที่ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี..."
ไม่มีใครตอบได้ว่า "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" จะล้างมือจากไทยซัมมิทได้หมดหรือไม่ นอกจากตัว "ธนาธร" เอง
หากทำได้ถือเป็นบุญของประเทศ
แต่มันไม่จบแค่นั้น!
นักการเมืองโอนทรัพย์ ให้คนกลางไปดูแล เป็นเพียงด่านแรก ในการสกัดโกง
โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เข้มงวดกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๔๐ และ ๒๕๕๐
เข้มขนาดไหน?
เข้มขนาดที่ว่า "สฤณี อาชวานันทกุล" นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการนี้ และพูดถึง "ธนาธร" ในด้านบวกมาตลอด ยังเผลอยอมรับว่า
"รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ วางเกณฑ์เข้มข้นกว่าเดิมอีก โดยมาตรา ๑๘๔ ​ห้าม​ไม่​ให้​ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ถือ​หุ้น​ใน​บริษัท​หรือ​กิจการ​ที่​ได้​รับ​สัมปทาน​จาก​ภาค​รัฐ​หรือ​เป็น​คู่สัญญา​กับ​รัฐ​ทั้ง​ทาง​ตรง​และ​ทาง​อ้อม"
แต่ในอดีตนักการเมืองพลิกแพลงได้มากกว่าที่ประชาชนเห็น
ฉะนั้นแม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะคุมเข้มมากกว่าเดิม นักการเมืองก็ปรับตัวได้แนบเนียนกว่าเดิมเช่นกัน
หากพรรคอนาคตใหม่ชนะถล่มทลาย "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะเกิดอะไรขึ้น
ถือไม่ถือหุ้น ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด
เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนที่มาจากนโยบายการเมือง ประเทศไทยผ่านมาแล้ว
เช่นกรณีทักษิณ ปล่อยเงินกู้พม่า เพื่อย้อนกลับมาจัดซื้อจัดหาและพัฒนาระบบโทรคมนาคมจากบริษัทเครือชินคอร์ป
สิ่งที่ได้ยินจากปาก "ธนาธร" ในวันนี้ จะมองว่าเป็นนโยบายเพิ่มรายได้ให้ประเทศก็ได้
อีกมุมมองว่า ส่อผลประโยชน์ทับซ้อนด้านนโยบายก็ได้
นั่นคือการยกเลิก บีโอไอ อาจถูกมองว่าเตะตัดขาคู่แข่งตั้งแต่ยังไม่เป็นวุ้นได้
บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ๆ อาจเกิดยาก หากไม่มีบีโอไอ
"ไทยซัมมิท" ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
วันนี้ยังไม่มีใครโกง
แต่อนาคตข้างหน้า ไม่มีใครตอบได้
สิ่งที่พึงระวัง การโกงจะพัฒนาไปมาก ชนิดที่คนรุ่นใหม่ไม่มีทางตามทัน หากไม่ศึกษาจากอดีต
ทั้งหมดทั้งมวลจากกรณี "Blind Trust" มีสิ่งหนึ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งพึงตระหนัก
"Blind Trust" แค่เรื่องเล็กๆ ที่ถูกหยิบยกมาเป็นการตลาดทางการเมือง เพื่อโชว์ว่า โปร่งใสกว่าใคร เป็นทิศทางของนักการเมืองรุ่นใหม่
ถ่มถุยการเมืองรุ่นเก่า
สุดท้ายเนื้อในถูกถลกออกมาหมดแล้ว โปร่งใสจนมองไม่เห็น อาจสุ่มเสี่ยงตรวจสอบไม่ได้
และสิ่งที่ "ธนาธร" เอามาโฆษณาชวนเชื่อ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่
สาเหตุอาจเพราะ ไม่ลึกซึ้ง ประสบการณ์น้อย
ทีนี้มาดูสิ่งที่ "ธนาธร" จะทำหลังเลือกตั้ง
แก้ไขรัฐธรรมนูญ
รื้อโครงสร้างกองทัพ
๒ ประเด็นนี้ ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ ต้องศึกษามากกว่าการทำ "Blind Trust" ซึ่งเป็นการจัดการเรื่องส่วนตัว หลายล้านเท่าตัว
ถามว่า...รู้มากพอแล้วหรือยัง
ที่สำคัญได้เตรียมวิธีรับมือกับวิกฤติที่จะตามมาด้วยหรือไม่.
ผักกาดหอม

'บิ๊กตู่'เสริมทัพแน่นปึ้ก! ตวัดคำสั่งแต่งตั้ง 6 ที่ปรึกษานายกฯ

21 มี.ค.62  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย

1.นายดิศทัต โหตระกิตย์
2.นายบุญทักษ์ หวังเจริญ
3.นายปิติ ตัณฑเกษม
4.นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร
5.นายเศรษฐพุฒิ  สุทธิวาทนฤพุฒิ
6.นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์
ทั้งนี้คณะที่ปรึกษาดังกล่าว มีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆตามที่นายกฯมอบหมาย  โดยให้ส่วนราชการสนับสนุบสนุนการดำเนินงานของที่ปรึกษานายกฯตามที่ไดร้รับการร้องขอ

'กำนัน' ยกวาทะ 'ยะใส' ปลุกมวลชนฉุกคิด 'ประเทศยังไม่ปลอดภัย ประชาธิปไตยยังถูกบิดเบือน'

21 มี.ค.62 - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban ว่า เหลืออีกเพียง 3วัน ประเทศก็จะมีการเลือกตั้ง หลังไม่มีมานาน 8 ปี ถ้าย้อนไป กว่า 12 ปีที่ระบอบทักษิณเกิดขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางความคิดก็เกิดขึ้น ฟากหนึ่งเป็นพรรคการเมืองของทักษิณ และมวลชนคนเสื้อแดง ฟากหนึ่งกลุ่มเป็นประชาชนที่รวมตัวกันต่อต้าน นำโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สัญญลักษณ์เสื้อเหลือง มีแกนนำเกิดขึ้นหลายรุ่น ซึ่งหลายปีต่อมารวมตัวเป็นมวลมหาประชาชน ในนาม กปปส. ต่อสู้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
และหนึ่งในนั้นคือ คุณสุริยะใส กตะศิลา คนหนุ่มซึ่งต่อมาได้เข้าร่วมเป็นผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ “หยุดระบอบทักษิณไม่ให้ทำร้ายประเทศไทยอีกต่อไป” คุณสุริยะใส เป็นคนที่ยืนหยัดต่อสู้กับระบอบทักษิณมาอย่างยาวนาน และสู้ไม่ถอย สู้ไม่หนี สู้แบบเคารพการตัดสินของศาลสถิตย์ยุติธรรม
วันนี้จึงยอมเดินอย่างองอาจเข้ารับโทษในเรือนจำ พร้อมกับแกนนำพันธมิตรอีก 5ท่าน แต่การกักขังย่อมกระทำได้เพียงร่างกาย ไม่สามารถหยุดยั้งวิญญาณของนักสู้ที่ห่วงใยประเทศได้ และช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งนี้ นับว่าน่าสิ่วหน้าขวานพอสมควร คำว่า “ประชาธิปไตย” ถูกนำมาเป็นวาทกรรมหาเสียง 
สุริยะใส มองเห็นเกมส์นี้มาแต่ต้น และพูดไว้ก่อนที่จะต้องคำพิพากษาในคดีนี้ว่า “ประเทศยังไม่ปลอดภัย ประชาธิปไตยยังถูกบิดเบือน”
24 มีนาคมนี้ ชาวพันธมิตร ชาว กปปส. ฟังกันแล้วคิดให้ดี จะไว้ใจนักการเมืองเหมือนเดิม หน้าเดิม หรือจะเลือกพวกที่เคยต่อสู้มาด้วยกัน...คิดดูดีๆ

ปปง.อายัดที่ดิน51ล้าน'วัฒนา'-พวก โกงบ้านเอื้ออาทร

21 มี.ค. 62 - สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เผยแพร่คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม  เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2562 ว่า คณะกรรมการ (ปปง.) มีคำสั่งที่ ย.51/2562 เรื่องอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดไว้ชั่วคราว กรณีเรื่องร้องเรียนนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) มีพฤติการณ์ทุจริต เรียกรับสินบนโครงการบ้านเอื้ออาทร อันเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ผู้ร้องเรียนได้แจ้งว่านายวัฒนา จะหาบริษัทหรือบุคคลมารับทำโครงการบ้านเอื้ออาทรและส่งเรื่องให้การเคหะแห่งชาติรออนุมัติ โดยมีข้อแม้ว่าผู้ร่วมโครงการจะต้องจ่ายค่าตอบแทนยูนิตละ 10,000 บาท ซึ่งกรณีดังกล่าว คณะกรรมการตรวจสอบการกระทําที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ดําเนินการไต่สวนนายวัฒนา กับพวก รวม 20 ราย ว่ามีพฤติการณ์ทุจริตเรียกรับสินบนในโครงการบ้านเอื้ออาทรหรือไม่
ต่อมาได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญานายวัฒนา กับพวกรวม 8 ราย ปัจจุบันคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง จากนั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ไต่สวนและชี้มูลความผิดทางอาญาแก่บุคคลเพิ่มเติม จํานวน 11 ราย จากการรวบรวมพยานหลักฐานของ ปปง. มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายวัฒนากับพวก เป็นผู้มีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (5) ตามพ.ร.บ ฟอกเงินฯ และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายวัฒนา กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดดังกล่าว ปปง.จึงมีคำสั่งอายัดที่ดินในพื้นที่ลาดพร้าว-บางกะปิ ในชื่อนางสุดา คุณจักร รวมราคาประเมิน 51,532,950 บาท.

วิชามารโค้งสุดท้าย


    "บิ๊กป้อม" ยันเอกสารลับ ทภ.1 ปฏิบัติการไอโอช่วย พปชร.ของปลอม "โฆษก กห.-ทบ.ย้ำไม่ใช่เอกสารราชการ วอน ปชช.ใช้ดุลพินิจรับข้อมูล "บิ๊กแดง" ไฟเขียวให้แจ้ง ปอท. เพจหนุน คสช.ชี้ความผิดปกติ 5 จุด "สมชัย" เตรียมร้อง กกต.ให้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน "ธนาธร" โต้คลิปเจรจากับ "ทักษิณ" เป็นเท็จ หลายพรรคแฉโค้งสุดท้ายซื้อเสียงหนัก ปชป.ปูดพัทลุงปูพรมซื้อหัวละ 500-1 พันบาท ทุ่ม 3 เขต 90ล้าน กกต.มติเอิกฉันท์ พปชร.เสนอชื่อ "ประยุทธ์" เป็นนายกฯ ชอบด้วยกฎหมาย "จตุพร" เผย 3 พรรคใหญ่จะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
    เมื่อวันพุธ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเพจ CSI La ได้เผยแพร่เอกสารลับเพื่อขออนุมัติ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้หน่วยขึ้นตรงทั้งหมดทำ IO (ปฏิบัติการด้านข่าวสาร) สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า "เอกสารปลอม"
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารดังกล่าวระบุ การสรุปผลการประชุมแลกเปลี่ยนข่าวสารการเลือกตั้งปี 2562 ของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส) กองทัพภาคที่ 1, 2, 3 และ 4 โดยให้สรุปผลการประเมินการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ที่รับผิดชอบที่มีพื้นที่ช่วงชิงระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่นๆ
    ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวยังระบุด้วยว่า เจ้ากรมข่าวทหารบกขอให้ฝ่าย กกล.รส.สนับสนุนการข่าวสารการปฏิบัติการข่าวสาร หรือไอโอ และขอให้สนับสนุนการปฏิบัติการของชุดปฏิบัติการกรมกิจการพลเรือนทหารบก ในการสร้างการรับรู้ของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ช่วงชิงเพื่อสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ หลังจากนั้นให้แต่ละพื้นที่ที่รับผิดชอบนำผลการปฏิบัติมาชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้ง
    พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงของการหาเสียง การเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ มีทั้งข้อมูลที่เป็นเท็จ บิดเบือนไม่ใช่เป็นความจริง ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ระบุแล้วว่าเป็นเอกสารปลอม ขอให้ประชาชนใช้ดุลพินิจในการรับทราบข้อมูล วันนี้มีความพยายามที่จะบิดเบือนให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และผู้ที่เผยแพร่ก็จะต้องได้รับผลของการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และก่อนหน้านี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการแจ้งความเอาผิดกับเพจดังกล่าวอยู่แล้ว จึงขอความร่วมมือให้เสนอข้อมูลความจริง สิ่งไหนที่เป็นการบิดเบือน อย่าดำเนินการอะไรเลย เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด เกิดความแตกแยก 
     พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวเช่นกันว่า ไม่ใช่เอกสารจริงของทางราชการ เพราะมีหลายจุดในเอกสารไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผนและรูปแบบข้อกำหนดของหนังสือราชการ ในระยะหลังมักพบว่ามีการเผยแพร่เอกสารที่มีลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่พบว่าต้องการให้มีผลกระทบเรื่องการเมือง หรือมีความพยายามที่จะลดระดับความน่าเชื่อถือของบุคคลหรือองค์กร จนถึงขั้นมีการปลอมแปลงราชกิจจานุเบกษา ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร โดยปกติหากหน่วยงานความมั่นคงจะจัดการประชุมและประเมินสถานการณ์ต่างๆ นั้น ก็เพื่อดูแลความเรียบร้อยและภารกิจความมั่นคงเป็นหลัก
    ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้มอบหมายให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ฝ่ายกฎหมาย คสช. รับมอบอำนาจแจ้งความดำเนินคดีกับเพจดังกล่าว ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) 
จับผิดเอกสารปลอม 5 จุด
    ขณะที่เพจสนับสนุน คสช.ได้ตรวจสอบเอกสารดังกล่าวและเปิดเผยว่า พบความผิดปกติ 5 จุด ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารราชการของกองทัพบก โดยมีการดัดแปลงบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด อาทิ จุดที่ 1 เอกสารดังกล่าวระบุว่าหนังสือราชการทำงานตั้งแต่ต.ค.-ก.พ. แต่เลขที่หนังสือเลขที่ 1 จึงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนปลอมแปลงคงไม่รู้เรื่องหนังสือราชการ, จุดที่ 2 รอยถ่ายเอกสารซ้ำตรงสี่เหลี่ยม “ที่รับหนังสือ” ซึ่งตามปกติการปั๊มรับหนังสือจะปั๊มไว้ที่ด้านหลังของหนังสือหน้าแรก, จุดที่ 3 ช่องที่รับหนังสือบนหน้าแรก,  จุดที่ 4 ถ้าเป็นข้าราชการทหารจะทราบว่าหนังสือฉบับเดียวกัน หน้าเดียวกัน ถ้าพิมพ์ยศชื่อ สกุล หรือตำแหน่งของหัวหน้าผิด เป็นเรื่องที่ผ่านยาก และจุดที่ 5 เอกสารดังกล่าวระบุประชุมวันที่ 18 ก.พ.62 เกี่ยวกับสรุปประเมินผลการเลือกตั้ง ทั้งที่ยังไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า 17 มี.ค.62 และวันเลือกตั้งจริง 24 มี.ค.62
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่มีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนในช่วงเลือกตั้ง เรื่องนี้มีบก.ปอท.ดำเนินตรวจสอบอยู่แล้ว กลุ่มที่ออกมาป่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็จะเป็นผลเสียกับกลุ่มตนเอง  เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต้องการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง  
    ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จ.สมุทรสาคร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เรื่องจริง ไม่จริง ไม่ทราบ แต่การที่มีเอกสารดังกล่าวเผยแพร่ผ่านทางสื่อต่างๆ คงไม่ควรจบเพียงแค่คำปฏิเสธง่ายๆ ของบิ๊กป้อมว่าเป็นของปลอมแล้วจบกัน กกต.ควรตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว โดยใช้อำนาจเรียกบุคคลที่มีชื่อในเอกสารดังกล่าวมาให้ข้อเท็จจริง และเรียกตรวจสอบเอกสารรับส่งหนังสือของหน่วยราชการที่ระบุในเอกสารเพื่อให้เกิดความถูกต้องว่าไม่มีการใช้หน่วยราชการหรือทรัพย์สินของทางราชการเพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค เพื่อให้ กกต.มีต้นเรื่องของการดำเนินการ ในวันที่ 21 มี.ค.2562 เวลา 14.30 น. ผมจะเอาเอกสารไปยื่นที่ สนง.กกต. ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาฯ กกต. กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ถึงแม้ยังไม่มีคนร้องมา  เมื่อเอกสารปรากฏก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย เข้าใจว่าทางกองทัพบกก็คงตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่เช่นเดียวกัน ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองตามมติ ครม.
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ชี้แจงถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เผยแพร่คลิปเสียงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค. สนทนาร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งมีเนื้อหาในเชิงการต่อรองที่นั่ง ส.ส. เพื่อจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงการประเมินจำนวน ส.ส.ที่จะได้ว่ามาจากการหลอกลวงคนรุ่นใหม่ว่า ของปลอมแน่นอน ขอย้ำว่านายธนาธรไม่ได้พูดคุยกับนายทักษิณเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พ่อของนายธนาธรป่วย ซึ่งนายทักษิณได้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย ส่วนจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ รอความชัดเจนและท่าทีของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวก่อน
"ธนาธร"โต้คลิปเจรจาทักษิณ
     ด้านนายธนาธร ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เนชั่น ผ่านรายการเก็บตกจากเนชั่นภาคเที่ยงว่า ไม่ว่าตนหรือใครฟัง ดูจากคลิปแล้ว ก็น่าจะเห็นได้ว่าเป็นเท็จอยู่แล้ว ไม่คิดว่าสื่อมวลชนที่มีคุณภาพจะเอาคลิปแบบนี้มาออกรายการ แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานจริยธรรมของเนชั่นตกต่ำลง 
    ทั้งนี้ ในรายการได้สอบถามว่าส่วนตัวได้พูดคุยกับนายทักษิณหรือไม่ นายธนาธรบอกว่า "ผมได้พูดเรื่องนี้ออกอากาศไปหลายครั้งแล้ว และสื่อที่มีคุณภาพไม่ควรผลักภาระในการพิสูจน์ให้กับผู้กล่าวหา เหตุการณ์แบบนี้ควรออกมาขอโทษ ขอเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบต่อผมและประชาชนที่รับข้อมูลข่าวสารนี้" 
    ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์ว่า  รัฐบาล คสช.กำลังใช้อำนาจเผด็จการตามมาตรา 44 ที่ให้อำนาจฝ่ายทหารเข้าตรวจค้นบ้านพัก คุกคามบุคคลโดยไม่ต้องมีหมายศาล เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งของฝ่ายตน เนื่องจากได้รับรายงานว่าช่วงเวลานี้มีการนำกำลังทหารเข้าตรวจค้นบ้านพักของสมาชิกสภาจังหวัด และหัวคะแนนของผู้สมัคร พท.ในบางจังหวัด เสมือนการจับกุมอาชญากร และมีการเตรียมการจะดำเนินการในเขตเป้าหมายอีกหลายพื้นที่ เป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในการสืบทอดอำนาจ จึงขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กกต. ต้องให้ความสำคัญและแสดงท่าทีหยุดยั้งต่อปัญหานี้โดยเร็ว 
    นายธีระพงษ์ เผ่ากา รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ(พ.ช.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ภาคเหนือตอนบนทุกวัน พบวิชามาร และการที่พรรคที่คุณรู้ว่าใครให้เจ้าหน้าที่รัฐเอาเปรียบทุกรูปแบบในพื้นที่ ยิ่งใกล้โค้งสุดท้าย ราคาค่าตัวประชาชนขึ้นหลักพันไปถึงสองพันแล้วในบางพื้นที่ 
    นายยุทธพล อังกินันทน์ ผู้สมัคร ส.ส.เพชรบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา (ชพท.) และโฆษกพรรค ชทพ. กล่าวว่า เรียกร้องให้ กกต.ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการทุจริตการเลือกตั้ง และการแข่งขันในพื้นที่เลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. เนื่องจากในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ในหลายพื้นที่มีหัวคะแนนของบางพรรคการเมืองเข้าไปจดชื่อพร้อมแจกเงินให้กับประชาชน และบางพื้นที่พบการปราศรัย รวมถึงหาเสียงโดยมีเจตนาใส่ร้ายผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองอื่น ตนเคยแจ้งไปยัง กกต.ประจำจังหวัด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้นำหลักฐานและพยานแจ้งเรื่อง ซึ่งไม่มีประชาชนคนใดจะกล้าเป็นพยานเพื่อให้ กกต. ได้ตรวจสอบ 
    นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตั้งแต่ผมลงเลือกตั้งมา ครั้งนี้ต้องแข่งกับการใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐมากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วผมเชื่อว่าเราจะได้ความเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้ง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือความต้องการของประชาชน ความเสี่ยงสูงสุดคือการไม่ยอมรับผล ซึ่งตราบใดที่ทุกคนเคารพในผลการเลือกตั้ง เชื่อว่าประเทศจะไม่มีปัญหา เดินไปข้างหน้าได้ 
แฉพัทลุงทุ่มซื้อเสียง 90 ล.
    ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป.โพสต์เฟซบุ๊กว่า การซื้อเสียงได้ระบาดเต็มพื้นที่จังหวัดพัทลุงแล้ว จบข่าว” โดยนายนิพิฏฐ์ให้สัมภาษณ์ว่า พฤติกรรมการซื้อสิทธิ์ขายเสียงโกงการเลือกตั้งทำกันแบบโจ๋งครึ่ม มีการปูพรมจ่ายเงินให้ชาวบ้านเต็มทุกพื้นที่ทั้ง 3 เขตเลือกตั้งของ จ.พัทลุงแล้ว โดยการข่าวที่ได้แจ้งมาว่าจะมีการซื้อเสียงช่วงโค้งสุดท้าย 1 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง พรรคดังกล่าวตั้งเป้าไว้เขตเลือกตั้งละ 30 ล้านบาท รวม 3 เขต สูงถึง 90 ล้านบาท ซึ่งก็จับตาดู กระทั่งเช้าวันที่ 20 มี.ค.ก็มีชาวบ้านแจ้งมาว่ามีการปูพรมจ่ายเงินแล้วหัวละ 500 บาท บางพื้นที่สูงถึงหัวละ 1,000 บาท โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเป็นฐานเสียงเหนียวแน่นของ ปชป.
    "เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องบางส่วนก็ใส่เกียร์ว่างเหมือนมองไม่เห็น และผมเคยเรียกร้องให้ กกต.กลางส่งคนลงมาหาข่าวทางลับในพื้นที่แล้ว วันนี้ทำได้เพียงร้องบอกต่อสังคมผ่านสื่อมวลชน คงร้องเรียน กกต.กลางไม่ทันการณ์ เพราะกว่าจะส่งคนลงมาก็ไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น" นายนิพิฏฐ์กล่าว
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เป็นประธานการประชุมสัมมนาบทบาทของข้าราชการตำรวจในการเลือกตั้งส.ส. โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง (ผอ.ศลต.ตร.) พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง รวม 255 นาย
     พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงกรณีที่ จ.สมุทรสาคร ที่มีแม่ค้ากาบัตรคนเดียว 17 ใบว่า สตช.ได้ดำเนินการไปส่วนหนึ่ง ส่วน กกต.ก็เข้าไปตรวจสอบด้วยว่ามีเจตนาอะไร น่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้ และกรณีข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทางโซเชียลฯ นั้น ก็ขอให้โพสต์ความจริง เมื่อมีคนแจ้งมา เราก็ส่งคนไปตรวจสอบ ส่วนข้อบกพร่อง น้อมรับความผิดและนำไปแก้ไข ในวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้ บัตรเลือกตั้งของเขตไหนก็อยู่ในหน่วยเลือกตั้งนั้น จะไม่เหมือนวันเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต 
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ปชป.เปิดเผยว่ามีการซื้อสิทธิถึงหัวละ 1,000 บาท พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ฝากไปยังประชาชน การเลือกตั้งจริงๆ แล้วทุกคนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม หากมีข้อมูลเก็บหลักฐานไว้หรือนำมาร้องเรียนกับ กกต.หรือตำรวจ ทุกคนต้องช่วยกัน เราไม่อยากให้การทุจริตเลือกตั้งมาเป็นจุดตำหนิเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมาอีกแล้ว เราคงไม่ยอมให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่ทำการทุจริตเข้าไปนั่งในสภาแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว
    ส่วน พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ตำรวจทุกหน่วยเฝ้าระวังการซื้อสิทธิขายเสียง ใส่ร้ายผู้อื่น และแจ้งความเท็จจริง เนื่องจากเป็นคดีอาญาตำรวจยังไม่ได้รับแจ้งจาก กกต.ในเรื่องของการให้ดำเนินคดี กกต.ได้มีการขอเพิ่มกำลังตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.พัทลุง, จ.สตูล ที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น 
"บิ๊กตู่"เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้    
    ที่สำนักงาน กกต. นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง พร้อมแนวร่วม ได้เดินทางมาพร้อมป้ายผ้า และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ โดยนายอนุรักษ์กล่าวว่า มายื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อติดตามความคืบหน้าคำร้องยุบพรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งได้ยื่นคำร้องดังกล่าวผ่านมาแล้ว 15 วัน แต่ยังไม่ปรากฏว่า กกต.ได้พิจารณาคำร้อง ต่างกับการพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ ที่มีผู้ยื่นให้ กกต. วันที่ 8 ก.พ. และ กกต.ก็เร่งพิจารณายุบพรรค 
    ขณะที่นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่มสังคมประชาธิปไตยประชาชน เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครและเพิกถอนตำแหน่งกรรมการบริหาร พปชร. ของนายอุตตม สาวนายน, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เนื่องจากมีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ โดยมีตำแหน่งเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ นอกจากนี้ยังขอให้เพิกถอนพล.อ.ประยุทธ์จากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.
     มีรายงานว่า ในการประชุม กกต. ได้พิจารณากรณีนายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ ขอให้ กกต.ทบทวนการประกาศรายชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร.ใหม่ พร้อมทั้งดำเนินการเพิกถอนชื่อบุคคลดังกล่าวนั้น กกต.มีมติเอกฉันท์ว่าการประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ได้รับเสนอการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ชอบด้วยกฎหมาย โดยเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 และ 89 รวมทั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 13 และ 14
      ที่ลานข้างศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง จ.สมุทรปราการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ มาช่วยนายชัยวิทย์ พิศาลรวิพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่หาเสียง โดยนายจตุพรปราศรัยว่า เราจะเจอในสิ่งที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน เช่นว่าพรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรค จะไม่มีบัญชีรายชื่อ หมายถึงพรรคการเมืองขนาดใหญ่ บุคคลสำคัญทางการเมืองที่มีชื่อทั้งหลายในระบบบัตรใบเดียวนี้ไม่มีโอกาสเข้าสภา และที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ถ้าเลือกไม่เป็นจะแพ้อย่างราบคาบ 
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญต่อประเทศมาก ขอให้ประชาชนคิดให้ดี อย่าปล่อยให้เครือข่ายทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดิน เครือข่ายที่มีแผนการที่จะนิรโทษกรรมคดีต่างๆ และพวกหมิ่นสถาบันเข้ามา เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จะสร้างปัญหาความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในประเทศอย่างแน่นอน บ้านเมืองไม่สงบสุขแน่ ที่พูดไม่ใช่วาทกรรมทางการเมือง แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น สถานการณ์ในขณะนี้ไม่มีใครที่ประชาชนจะไว้ใจได้เท่า พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น 24 มี.ค. เข้าคูหากา พปชร.เท่านั้น.

4-5ผู้นำพรรคไม่เอาลุงตู่

“บิ๊กตู่” โหมตรวจงานพบปะประชาชนเดินสวนลุมฯลากยาวไปแปดริ้ว ยัวะสื่อถามจี้ใจดำถ้าแพ้เลือกตั้งจะทำยังไง หงุดหงิดโลกโซเชียลด่าเช้ายันเย็นไหว้หลวงพ่อโสธร ขอพรได้เวลาทำงาน พท.โวยทหารคุกคามปูพรมค้นบ้าน ส.จ.-หัวคะแนน “นิพิฏฐ์” ปูดทุ่ม 90 ล้านซื้อเสียงทั่วพัทลุง เซ็ง กกต.จว.บ้อท่า-จนท.รัฐเกียร์ว่าง “เบญญา นันทขว้าง” โพสต์ฝ่ายประชาธิปไตยกงเต๊กชนะ มีปฏิวัติแน่ “จตุพร” อัดข่มขู่ประชาชน “สุเทพ” ฮึ่มถ้าเลือกตระกูลเพื่อ... เตรียมตัวไปราชดำเนินอีก พลังประชารัฐแจงถูกตัดต่อภาพเวทีหาเสียงอุบลฯ ยิงสลุตเลือกความสงบจบที่ “ลุงตู่” มติ กกต.เอกฉันท์ พปชร.เสนอชื่อ “ประยุทธ์” แคนดิเดตนายกฯชอบด้วยกฎหมาย สื่อฮ่องกงตีข่าวไทยขอตัว “ทักษิณ” ส่งผู้ร้ายข้ามแดน “ชัชชม” ปัดไม่มีสนธิสัญญา รองโฆษก สตช.รับ ตร.ส่งข้อมูลให้อินเตอร์โพล

ช่วงเข้าทางตรงก่อนนับถอยหลังเข้าสู่วันเลือกตั้ง วันที่ 24 มี.ค. ทุกพรรคการเมืองต่างเร่งปล่อยทีเด็ด พร้อมลงพื้นที่อ้อนขอคะแนนเสียงจากประชาชน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังคงลงพื้นที่ตรวจราชการติดตาม พบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเชิญชวนประชาชนร่วมกันขจัดขยะในประเทศออกไปให้ได้

“บิ๊กตู่” เดินสวนลุมฯจิบน้ำชาเช้า

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ลงพื้นที่ กทม.เพื่อติดตามการปรับปรุงภูมิทัศน์สวนลุมพินี เขตปทุมวัน มี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ต้อนรับ โดยนายกฯสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ก่อนปลูกต้นรวงผึ้งร่วมกับกลุ่มภาคีเครือข่ายพื้นที่สีเขียว เดินตรวจเยี่ยม แวะทักทายประชาชนที่มาออกกำลังกาย ร่วมจิบน้ำชาและกินกล้วย เมื่อ ผ่านซุ้มอาหารได้สอบถามขายของเป็นอย่างไร ผู้ค้า ตอบว่า ขายดี นายกฯจึงกล่าวว่า ขายดีอย่างนี้แสดงว่าเศรษฐกิจดี ใครบอกเศรษฐกิจไม่ดี มีประชาชนให้กำลังใจ ขอให้โชคดี เป็นนายกฯไปนานๆอีกสมัย ขณะเดินไปขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวถามว่าจะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่พรรคพลังประชารัฐ วันที่ 22 มี.ค.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่รู้เลย

ยัวะฉุนถูกถามแพ้ ลต.จะทำอย่างไร

เมื่อถามว่า พร้อมแค่ไหนวันที่ 24 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมก็พร้อม คือพร้อมพาครอบครัวไปเลือกตั้ง” ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า “แล้วต้องพร้อมอะไรกันนักหนา ถามอะไร ทำงานมา 5 ปี ไม่ต้องเตรียมอะไรแล้ว” เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องการอยู่ต่ออีก 5 ปีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า “ผมไม่ได้ต้องการ ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนจะเลือก” เมื่อถามย้ำว่า แล้วคิดว่าประชาชนจะเลือกกลับมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หันกลับมามองด้วยสีหน้าโกรธพร้อมกล่าวว่า “ผมไม่รู้ เป็นเรื่องประชาชนคิดกันเอาเอง” เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจแค่ไหนว่าจะชนะเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมยังไม่พูดแพ้ชนะอะไรสักอย่างเลย ถามกันแบบนี้จะเอาอะไร” เมื่อถามว่า แล้วถ้าท่านแพ้ ท่านจะทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์หันมาหาผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามทันทีพร้อมถามกลับไปด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเสียงดังว่า “ไหนใครเป็นคนถามเมื่อกี้นี้ ถามแบบนี้ตลอดทางเลย ไอ้ถามคำถามแบบนี้คุณก็อยู่กับการเมืองของพวกเธอไป”

ว้ากเลิกถามผมจะได้อะไรจาก ลต.

เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นของขวัญ วันคล้ายวันเกิดอายุ 65 ปีหรือไม่ จังหวะนั้น พล.อ. ประยุทธ์ก้าวขึ้นไปบนรถยนต์ส่วนตัวกล่าวด้วยอารมณ์โมโหว่า “คุณไปถามว่าบ้านเมืองจะได้อะไรขึ้นมาบ้างดีกว่า อย่ามาถามผมว่า จะได้อะไรจากการเลือกตั้ง ถามว่าประชาชนเขาจะมีความสุขหรือไม่ดีกว่า”

ฉุนโลกโซเชียลด่ายับเช้ายันเย็น

จากนั้นเวลา 08.05 น. นายกฯและคณะเดินทาง ตรวจเยี่ยมสวนป่าเบญจกิติ ในพื้นที่การยาสูบแห่ง ประเทศไทย ที่จะสร้างสวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 2 และ 3 พร้อมพบปะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และประชาชนที่นำดอกกุหลาบมามอบให้ พร้อมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์อวยพรวันเกิดล่วงหน้าครบ 65 ปี วันที่ 21 มี.ค. นายกฯขอบคุณและร่วมร้องด้วยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกล่าวว่า “ถ้ารู้มีคนรักเรามากขนาดนี้ คงมีกำลังใจมากขึ้นอีกเยอะ ความจริงไม่ต้องให้อะไร ก็ได้ใจถึงใจอยู่แล้ว” และกล่าวกับผู้ร่วมงานว่าบ้านเมืองเปลี่ยนมา 5 ปีแล้วจะให้สลายไปหรือ ตนเสียดายแทน ต้องดำรงต่อไป สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงสั่งสอนมาตลอด ว่า ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ต้องเสียสละเพื่อชาติ อย่าให้ใครสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชนกับตำรวจ ทหาร ใครทำถือว่าทำลายประเทศ วันนี้ไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจ เลือกตั้งก็ไปใช้สิทธิ ใครอยากเป็นอะไรก็เป็น เห็นอยากเป็นกันจัง ไม่ได้รังเกียจใครทั้งสิ้น คนไทยด้วยกัน ให้โอกาสหลายคนปรับเนื้อปรับตัว ใครยังไม่ปรับว่ากันอีกที กฎหมายมีทุกตัว อย่าตัดสินกันเองทั้งหมด คนไทยรักแรง เกลียดแรง วิจารณ์ทุกเรื่อง ตนฟังหมด เปิดมาเจอด่าตนตั้งแต่เช้ายันเย็น เขาทำอาชีพอะไรนั่งด่าผม ทั้งวัน แปลกดี ความสุขของเขามั้ง ปล่อยไปตามสบาย แต่แน่จริงมาคุยกัน

ไม่ควรมีปฏิบัติไอโออุ้ม พปชร.

ต่อมาเวลา 09.00 น. ภายหลังเสร็จสิ้นงานสื่อมวลชนได้อวยพรวันคล้ายวันเกิด โดยนายกฯกล่าวขอบคุณว่า เรารักทุกคน รู้ว่าต่างมีหน้าที่ ขอให้ทำ หน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ช่วยกันทำความเข้าใจว่าบ้าน เมืองยังจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป การเป็นรัฐบาลไม่ใช่ ทำอะไรก็ได้หรือง่ายไปหมด หลายเรื่องต้องระมัดระวัง ขอสื่อช่วยทำความเข้าใจ ถ้าไม่ช่วยกันความเป็นปึกแผ่นไม่เกิด รัฐบาลทำอะไรไม่ได้อีก ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ทำไม่ได้ และขอพรคืนกลับไปที่สื่อทุกวงการร้อยเท่าพันทวี วันนี้โลกเปลี่ยนสื่อต้องปรับตัวด้วย หลายคนบ่นว่าสื่อสิ่งพิมพ์คนอ่านน้อยลง หันไปอ่านออนไลน์ ต้องพัฒนา ขอทุกคนโชคดี” เมื่อถามถึงกรณีมีเผยแพร่เอกสารลับกองทัพภาค 1 ระบุถึงหน่วยงานในสังกัดปฏิบัติการทางข่าวสาร (ไอโอ) สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ นายกฯกล่าวว่า “เหรอ ยังไม่เห็นเลย เดี๋ยวไปดู ความหมายเขาคือ อะไรยังไม่รู้ แต่ไม่ควรจะออกมา” จากนั้นนายกฯเดินทางไปติดตามโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต บริเวณชานชาลา ชั้น 3 (ชานชาลารถไฟความเร็วสูงและรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ณ สถานีกลางบางซื่อ กทม. ก่อนช่วงบ่ายเดินทางไปติดตามงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา

ยินดีเป็นสะพานให้ทุกคนก้าวข้าม

จากนั้นเวลา 13.00 น. ที่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะไปติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ได้รับคำเตือนให้พูดเพราะๆ จะพยายามพูดให้เพราะมากที่สุด เรื่องประชาธิปไตยการเลือกตั้งไปว่ากันมา ยืนยันมาครั้งนี้เพื่อตรวจราชการ ขออย่าให้ใครมาทำให้เกิดความแตกแยกอีก เพราะวันนี้ในโซเชียลมีเดียมีทั้งรักทั้งชัง ทั้งชอบและเกลียดนายกฯ บ้างด่านายกฯ มีแต่คนพูดเก่งว่าจะทำอย่างโน้นอย่างนี้ แต่คนที่ทำคือตน หลายสิ่งทำได้ในรัฐบาลนี้ ในอนาคต อยากให้ใครทำต่อก็สุดแล้วแต่ประชาชนจะพิจารณา ยินดีเป็นสะพานให้ทุกคนก้าวข้ามไปข้างหน้า ไม่ได้ต้องการเป็นใหญ่โตอะไร พล.อ.ประยุทธ์ชูกำปั้นมือขวาเพื่อให้สัญญาและกล่าวกับผู้ประกอบการชาวต่างชาติว่า connected together move together เรื่องเศรษฐกิจคือเศรษฐกิจ การเมืองคือการเมือง ขอคนไทยอย่ารังเกียจชาวต่างชาติที่มาลงทุนต้องสร้างโอกาสเพื่อก้าวเข้าสู่ประเทศนวัตกรรม

ขอหลวงพ่อโสธรได้เวลาทำงานต่อ

จากนั้นเวลา 15.00 น. ที่พระอุโบสถวัดโสธรวราราม วรวิหาร พล.อ.ประยุทธ์ เข้ากราบนมัสการพระธรรมมังคลาจารย์ (วิ.) เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร อายุ 94 ปี โดยเจ้าอาวาสมอบพระพุทธรูปหลวงพ่อพุทธโสธรจำลองหน้าตักกว้าง 7 นิ้ว ให้เป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมอำนวยพรให้โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง โดยนายกฯกล่าวว่า ได้กราบอธิษฐานขอพรหลวงพ่อพุทธโสธร ขอให้ประเทศชาติปลอดภัย ประชาชนมีความสุข ปราศจากความเดือดร้อน ขอให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ปลอดภัย ขอเวลาทำงาน จากนั้นนายกฯไปที่โรงเรียนวัดโสธรวราราม วรวิหารติดตามความก้าวหน้าโครงการรัฐบาล มีเด็กนักเรียนแต่งชุดไทยกล่าวต้อนรับให้กำลังใจว่า “ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่สู้ตาย ลุงตู่ไว้ลาย ลูกผู้ชายสู้ๆ” นายกฯกล่าวตอบกลับว่า “แค่คำว่าสู้ครั้งแรก ลุงตู่ก็สู้ตายแล้ว สู้เพื่อ พวกเราทุกคน สู้เพื่ออนาคต”

24 มี.ค.วันเกิดประเทศชวนขจัดขยะ

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า อยู่มา 5 ปี ตาเจ็บ ผ่าตามา 2 ข้างแล้ว แต่เจ็บอย่างไรต้องมา คนแปดริ้วจะแล้งน้ำใจหรือเปล่า ถ้าทะเลาะตบตีกันทุกอย่างจะเกิดหรือไม่ พรุ่งนี้วันเกิดตนขอแค่นี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ร่วมกับประชาชน โดยกล่าวว่า ไม่ได้บังคับให้ใครมาอวยพร แต่อวยพรให้ประเทศที่จะ เกิดใหม่วันที่ 24 มี.ค. วันนี้ต้องดีกว่าเดิม อย่าถอยหลังไปที่เก่า วันนี้ถือเป็นวันพบประชาชนครั้งสุดท้ายก่อนวันเกิดประเทศและวันเกิดตนด้วย ไม่ได้หวังอะไรอย่างอื่น วันหน้าต้องเลือกคนดีมาบริหาร ประเทศไม่ใช่บริษัทไม่ได้บริหารด้วยนายกฯคนเดียว แต่ด้วยผู้แทนฯที่เข้ามาจะส่งผลถึงคน 68 ล้านคน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันขจัดขยะไปให้ได้ ก่อนกล่าวทิ้งท้าย “พบกันเมื่อชาติต้องการ เมื่อไหร่ที่ต้องการ” จากนั้นนายกฯทำท่าขว้างหัวใจให้ประชาชน

“บิ๊กป้อม” ยันเอกสารไอโอของปลอม

ที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเพจ CSILA เผยแพร่เอกสารลับขออนุมัติ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 สั่งให้หน่วยขึ้นตรงทำ IO สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นเอกสารปลอม ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เพจ CSI LA นำภาพถ่ายคล้ายเอกสารราชการมานำเสนอผ่านโซเชียลมีเดียไม่ใช่เอกสารจริง มีหลายจุดไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผน และรูปแบบข้อกำหนดของหนังสือราชการ ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. มอบหมายให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย คสช. เข้าแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)

“วิษณุ” ป้อง ครม.เร่งเทงบฯไร้ปัญหา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค. ที่เกิดข้อผิดพลาดหลายอย่างว่าถือเป็นบทเรียนที่ กกต.ต้องนำไปปรับปรุงหรือแก้ไข ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก การที่สังคมเป็นห่วงว่าอาจทำให้การเลือกตั้ง ครั้งนี้เป็นโมฆะไม่ทราบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร ยังไม่รู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและจะนำไปถึงขนาดนั้นหรือไม่ ส่วนมติ ครม.วันที่ 19 มี.ค. อนุมัติงบกลางปี 2561 วงเงิน 37,900 ล้านบาท เติมเงินในกองทุนประชารัฐฯ ถูกมองว่าเอาใจประชาชนโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ถ้าเรื่องจำเป็นต้องทำก็ต้องทำ ไม่ว่าจะใกล้เลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้ง การประชุม ครม.วันที่ 19 มี.ค. ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายยังมีต่อไปเรื่อยๆ อันไหนรอได้ต้องรอ การแต่งตั้งโยกย้ายถ้าจำเป็นยังต้องทำอยู่ เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะนำไปสู่การมีรัฐบาลใหม่ ขณะที่มติ ครม.ปรับเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เดือนละ 600 บาท เป็น 1,000 บาทตั้งแต่เดือน ธ.ค.2561 มาสั่งการเร่งรัดให้จ่ายเงินภายในวันที่ 22 มี.ค. บางเรื่องอาจใช่ แต่เท่าที่ดูไม่เห็นจะมีอะไร ไม่เห็นแปลกหรือผิดปกติอะไร

“ธนาธร” โอนทรัพย์สินคนอื่นก็ทำกัน

นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงนามในข้อ ตกลงโอนทรัพย์สินเข้าไปอยู่ในกองทุนเป็นผู้ดูแล (ทรัสต์) โดยเจ้าของทรัพย์สินมองไม่เห็นหรือที่เรียกว่า Blind Trust ก่อนรับตำแหน่งทางการเมืองยังต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะเป็นกฎหมายคนละฉบับ ปกติใครๆ ก็ทำถ้าเข้ามาการเมือง มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี เพราะ กฎหมายบังคับไว้ว่าถือครองได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เกินต้องถูกนำเข้าบัญชีให้บุคคลหรือองค์กรอื่นบริหารจัดการ ถูกตรวจสอบได้ด้วย ไม่ต่างกับการเอาทรัพย์สินไปฝากไว้เฉยๆ ถ้าจะทำไว้ก็ดีอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีคนอื่นที่ไม่ใช่นักการเมืองก็ทำ เอาเงินไปฝากในกองทุนไว้ ถ้าเกรงว่าจะมีปัญหา อาจทำวิธีนี้เพื่อไม่ให้ผิดพลาด เช่น เรื่องมรดก ทำแล้วจะถอน หรือยกเลิกเมื่อใดก็ได้ แต่ถ้ามีตำแหน่งทางการเมืองแล้วจะยกเลิกไม่ได้ และส่วนที่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ต้องเปลี่ยนบริษัทบริหารจัดการ

พท.โวยทหารคุกคาม ส.จ.–หัวคะแนน

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรื่อง คสช.ต้องหยุดการใช้อำนาจคุกคามพรรคการเมืองต่างๆว่าช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งชัดเจนว่ารัฐบาล คสช.กำลังใช้อำนาจเผด็จการตามมาตรา 44 ที่ให้อำนาจฝ่ายทหารเข้าตรวจค้นบ้านพัก คุกคามบุคคลโดยไม่ต้องมีหมายศาล เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งของฝ่ายตน ช่วงเวลานี้มีการนำกำลังทหารเข้าตรวจค้นบ้านพักของสมาชิกสภาจังหวัด และหัวคะแนนของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยบางจังหวัด โดยคุกคามเข้าตรวจค้นเสมือนจับกุมอาชญากร และจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ ทราบว่ามีการเตรียมการจะดำเนินการในเขตเป้าหมายอีกหลายพื้นที่ แทบไม่น่าเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และกำลังจะมีการเลือกตั้งอีกไม่กี่วันนี้ โดยหลักการแล้วควรจะให้อำนาจทั้งหลายเป็นของ กกต.และหากจะมีการกระทำผิดใดๆ ควรเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรง

จี้ กกต.ตรวจสอบยุติการกระทำ

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า การดำเนินการเช่นนี้ จึงเป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในการสืบทอดอำนาจ เพราะเป็นที่ทราบกันอย่างชัดเจนว่า ผู้นำ คสช.เป็นแคนดิเดตของพรรคหนึ่ง ดังนั้นการเข้าตรวจค้นเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยตามมาตรา 44 ของ คสช. จึงแปลความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเพื่อสร้างความได้เปรียบและข่มขู่ทางการเมือง สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กกต.ต้องให้ความสำคัญและแสดงท่าทีหยุดยั้งต่อปัญหานี้โดยเร็ว ไม่ใช่เป็นฝ่ายรอรับรายงาน และขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนร่วมกันจับตามองพฤติกรรมความรุนแรงนี้ ที่กระทำโดยบุคคลในนามของรัฐ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายด้วยความเป็นธรรม

“นิพิฏฐ์” ปูดทุ่ม 90 ล้านซื้อเสียงพัทลุง

เมื่อเวลา 15.30 น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า “การซื้อเสียงได้ระบาดเต็มพื้นที่จังหวัดพัทลุงแล้ว จบข่าว” จากนั้นนายนิพิฏฐ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า พฤติกรรมการซื้อสิทธิขายเสียงโกงการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำกันแบบโจ๋งครึ่ม หลังจากเคยเปิดเผยว่ามีการจดชื่อชาวบ้านถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของตัวแทนพรรคหนึ่ง ตั้งเป้าหมายไว้เขตเลือกตั้งละ 4 หมื่นคน ทำเป็นขบวนการจัดตั้งกระจายแกนไปทุกหมู่บ้าน พร้อมให้ผลประโยชน์ลักษณะหัวคิวของคนถ่ายบัตรหรือชักนำคนมา ล่าสุดที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เพราะมีการปูพรมจ่ายเงินให้ชาวบ้านเต็มทุกพื้นที่ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง จ.พัทลุงแล้ว การข่าวที่ได้แจ้งมาก่อนหน้านี้ว่าจะซื้อเสียงช่วงโค้งสุดท้าย 1 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง พรรคดังกล่าวตั้งเป้าไว้เขตละ 30 ล้านบาท รวม 3 เขตสูงถึง 90 ล้านบาท จับตาดูกระทั่งเช้าวันที่ 20 มี.ค. มีชาวบ้านแจ้งมามากว่ามีการปูพรมจ่ายเงินแล้วหัวละ 500 บาท บางพื้นที่สูงถึงหัวละ 1,000 บาท โดยเฉพาะพื้นที่ฐานเสียงเหนียวแน่นของพรรคประชาธิปัตย์

โวย จนท.รัฐเกียร์ว่าง –กกต.จว.บ้อท่า

“ที่ผ่านมาหลังเปิดเผยว่ามีการจัดทีมเก็บบัตรหรือถ่ายบัตรประชาชน ได้หาข้อมูลและแจ้งเบาะแส พร้อมชื่อบุคคลที่ดำเนินการ โดยผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 เขต ได้แจ้งข้อมูลทั้งหมดให้ กกต.จังหวัดทราบหมดแล้ว แต่ยังปรากฏว่ามีการซื้อเสียงชาวบ้านจากกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ไม่มีความเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องบางส่วนใส่เกียร์ว่าง เหมือนมองไม่เห็น เคยเรียกร้องให้ กกต.กลาง ส่งคนลงมาหาข่าวทางลับในพื้นที่แล้ว วันนี้ทำได้เพียงร้องบอกต่อสังคมผ่านสื่อมวลชน คงร้องเรียน กกต.กลางไม่ทันกาล กว่าจะส่งคนลงมาไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราผู้สมัครทั้ง 3 เขต และทีมพรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ป้องกันและป้องปรามการซื้อเสียงได้ตามกำลังให้ได้มากที่สุด บอกกล่าวเตือนสังคมไทยว่าเมื่อเขาลงทุน ต้องถอนทุน เราจะเก็บหลักฐานพยานให้มากที่สุดเพื่อแสดงต่อสังคมให้รู้ว่าการทุจริตเลือกตั้งซื้อเสียงเกิดขึ้นจริง” นายนิพิฏฐ์กล่าว

“ยงยุทธ” ย้ำกาเพื่อชาติ–ขั้ว ปชต.

ที่โรงแรมอิมพีเรียล จ.แม่ฮ่องสอน นายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่ช่วยนางชุณห์พิมาน เชษฐ์เมทินี ผู้สมัคร ส.ส.แม่ฮ่องสอน หาเสียงเป็นวันที่ 2 โดยนายยงยุทธปราศรัยตอนหนึ่งว่านโยบายพรรคเพื่อชาติ มุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนได้จริง ประเทศไทยวันนี้เหลื่อมล้ำต้องรีบแก้ไข 5 ปี รัฐบาลทหารยึดอำนาจ คนจนแทบไม่มีอะไรกิน คนรวยก็รวยไม่รู้จะรวยไปไหน พรรคจึงมุ่งมั่นยกเลิกสัมปทานผูกขาดตัดตอนทุกชนิด เปิดช่องทางทำมาหากินให้คนจน พืชผลการเกษตรจะกำหนดราคาให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด ทุกวันนี้ทหารเข้ามายึดอำนาจ กำนันสุเทพออกมาพูดว่าไม่ได้เป็นเผด็จการ แต่แนวคิดการจะอยู่ร่วมกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ 1.การมีส่วนร่วม 2.เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง 3.ความเป็นประชาธิปไตย ไทยเรายึดถือประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราเดินกันมาถึงขนาดนี้แล้ว วันหนึ่งคนฉีกรัฐธรรมนูญ ทำผิดกฎหมาย แต่พอเค้ายึดอำนาจได้ก็นิรโทษกรรมตนเองกลายเป็นคนถูกต้อง ไปชี้หน้าด่าคนที่ลงเลือกตั้งว่าเป็นคนเลวคนชั่ว ต้องไม่ลืมเด็กๆทั้งหลายสนใจการเมือง ขอยืนยันเจตนารมณ์เป็นพรรคเกาะกลาง พร้อมเปิดกว้างการเจรจาให้ทุกฝ่าย ขอคำมั่นสัญญาจากพ่อแม่พี่น้องชาวแม่ฮ่องสอน พร้อมใจไปเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.เลือกพรรคเพื่อชาติและฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น

“จตุพร” อัดเด็กเทือก ข่มขู่ชาวบ้าน

ที่ลานข้างศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง จ.สมุทรปราการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ พร้อมคณะลงพื้นที่หาเสียงช่วยนายชัยวิทย์ พิศาลรวิพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 โดยนายจตุพรกล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค รปช.อ้างจำเป็นต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะช่วยต่อสู้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในปี 2552-2553 ว่า บุญคุณระหว่างนายสุเทพกับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุญคุณท่ามกลางความตายของพี่น้องคนเสื้อแดง ยังบังคับทางเลือกถ้าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯบ้านเมืองจะไม่สงบ ทั้งที่ความไม่สงบเกิดจากซีกนายสุเทพอ้างขัดขวางร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เปิดทางให้ยึดอำนาจ ลูกพรรคนายสุเทพที่เป็นลูกสาวนักเขียนชื่อดังโพสต์ข้อความข่มขู่ประชาชนถ้าเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะเกิดรัฐประหาร นึกไม่ถึงว่าจะใช้วิธีทำมาหากินกันเช่นนี้ ถ้าไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐหรือว่าพรรคนายสุเทพ บ้านเมืองต้องถูกรัฐประหาร ไม่ยุติธรรมต่อประชาชน คนปากน้ำอาจชินเรื่องนี้ เพราะเป็นที่เกิดตำนานงูเห่ารอบนี้เขียนรัฐธรรมนูญไว้ให้เลยว่า ส.ส.ไม่ต้องปฏิบัติตามมติพรรค พร้อมให้เป็นงูเห่าได้ทุกเมื่อ ขอให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิสำแดงเดชส่ง พล.อ.ประยุทธ์กลับบ้าน

“เด็กเทือก” ข่มขวัญ ปชต.ชนะปฏิวัติอีก

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงดึกวันที่ 19 มี.ค. น.ส.เบญญา นันทขว้าง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า “คิดหรือว่าจับปากกาแล้วจะฆ่าเผด็จการได้ ฝันไปเหอะ เล่นหมากรุกเป็นไหม ดูเกมสิ เขาวางหมากไว้หมดแล้ว ส่วนตัวคิดว่าถ้าฝ่ายประชาธิปไตยกงเต๊กชนะเลือกตั้ง ที่สุดก็จะปฏิวัติอีกรอบเอาไหม”

“เบญญา” โต้ ปชต.แท้เดือดร้อนทำไม

ต่อมาเวลา 14.30 น. น.ส.เบญญาให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการโพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความดังกล่าวว่าคำว่า ประชาธิปไตยเป็นคำของทุกคน ไม่สามารถปล่อยให้ใครยึดไปใช้ได้ ฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตยแท้จริงมีอยู่ ส่วนใครที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยจอมปลอม ไม่เห็นจำเป็นต้องเดือดร้อนอะไร เรามีรัฐธรรมนูญป้องกันการโกง ป้องกันนักการเมืองชั่วกลับมา รวมถึงมียุทธศาสตร์ชาติแล้ว นั่นคือหมากที่ตนหมายถึงหากนักการเมืองเลวเข้ามาจนประเทศล่มจมมีโอกาสสูงที่ทหารจะออกมารัฐประหารอีก แต่กลายเป็นบางคนมาวิจารณ์ว่าตนเอาการรัฐประหารมาขู่ ถ้ามีนักการเมืองดีจะมีการรัฐประหารไหม ดีที่สุดคือเลือกคนดีเข้าสภาฯ ยืนยันไม่มีใครชอบรัฐประหาร ส่วนตัวไม่สนับสนุนการรัฐประหารอยู่แล้ว

รปช.ยันไม่สนับสนุนรัฐประหาร

นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้สมัคร แต่ยืนยันและเชื่อว่าคนในพรรคอยากก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่มีใครสนับสนุนการรัฐประหารหรืออยากให้เกิดการรัฐประหาร ตั้งพรรคมาถึงช่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทรัพยากรและความร่วมมือจากภาคประชาชนจำนวนมาก จุดยืนของพรรคคือก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง ปิดวงจรการเลือกตั้งที่ได้นักการเมืองโกงกิน จนเกิดการรัฐประหาร

“สุเทพ” ฮึ่มชุมนุมราชดำเนินอีก

บริเวณลานศิลปวัฒนธรรม หน้าศาลากลางจ.ปัตตานี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยและคณะ เปิดปราศรัยหาเสียง โดยนายสุเทพกล่าวว่า การยึดอำนาจที่ผ่านมาดีที่สุดแล้ว มิฉะนั้น คน กปปส.ไม่รู้จะเสียชีวิตอีกเท่าไร เลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีประโยชน์ที่สุดของประเทศไทยเพราะต้องปฏิรูปประเทศให้เดินหน้า ถ้าพรรครวมพลังประชาชาติไทยชนะเลือกตั้งจะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล เมื่อเป็นรัฐบาลพรรคจะทำให้ยางกิโลกรัมละ 80 บาท ส่วนปาล์มกิโลกรัมละ 5 บาท ถ้าเลือกพรรคอื่นตายแน่นอน ถ้าเลือกตระกูลพรรคเพื่อ...ทั้งหลาย เป็นการเชิดชูทักษิณ ไม่ต้องดำเนินคดีและให้กลับบ้านเป็นฮีโร่ ถ้าเลือกอย่างนั้นก็เตรียมตัวไปราชดำเนินกันใหม่

“หนูนา” ขอทุกพรรคช่วยจับตาซื้อเสียง

ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร อ.เมืองเพชรบุรี น.ส. กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาและคณะ ลงพื้นที่หาเสียง โดยนั่งขบวนรถซาเล้งตระเวนขอคะแนนไปรอบเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี โดย น.ส.กัญจนากล่าวว่า พรรคจะดูแลภาคเกษตรกร เน้นลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มราคาพืชผลการเกษตร พรรคไม่มีเงื่อนไข ไม่ทำตัวเองให้เป็นปัญหากับใครหรือกับประเทศชาติ เราไม่ใช่พรรคใหญ่ หวังจะมี ส.ส.20-35 ที่นั่ง แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เสียใจ ทำเต็มที่แล้ว ต้องรอดูว่าพรรคใหญ่จะจับขั้วกันอย่างไรก่อน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีการใช้เงินซื้อเสียงสูงถึงหัวละ 1,000 บาท หากมีหลักฐานขอให้ยื่นต่อ กกต.เอาผิดผู้ซื้อเสียง การทุจริตการเลือกตั้งและข่าวการซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้นทุกสมัย เป็นสัญญาณดีที่ทุกฝ่ายร่วมกันตรวจสอบ พรรคใดพบคู่แข่งซื้อเสียงช่วยกันเป็นหูเป็นตา

พปชร.แจงภาพเวทีอุบลฯของจริง

น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ตลาดชุมชนวัดเกาะสุวรรณาราม เขตสายไหม ช่วยนายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 11 หาเสียง โดย น.ส.วทันยากล่าวถึงการเผยแพร่เอกสารของหน่วยทหารที่ขอให้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐว่าทหารไม่เกี่ยวข้องกับพรรคที่ผ่านมา ไม่เคยเจอหรือทำงานร่วมกับผู้แทนกองทัพ ส่วนกรณีโซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพถ่ายเวทีปราศรัยที่ จ.อุบลราชธานี อ้างว่าพรรคตัดต่อภาพให้ดูว่ามีคนมาฟังปราศรัยจำนวนมาก ไม่เป็นความจริง ภาพที่ถูกเผยแพร่ไปเป็นคนละภาพกับภาพที่พรรคถ่ายส่งให้สื่อสำนักต่างๆ โดยเฉพาะหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆการันตีได้ อาจเป็นเกมการเมืองผู้ไม่หวังดีนำไปตัดต่อแล้วสร้างข่าวโจมตีพรรค ขออย่าหลงเชื่อ ดูภาพวิดีโอไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของพรรคได้

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า อยากฝากถึงประชาชนทั่วประเทศให้โอกาสสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทำงานต่อให้จบ 4-5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในช่วงสะสางแก้ปัญหาที่หมักหมมมากว่า 10 ปี จากนี้ไปหาก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีกครั้งจะดำเนินการด้านเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

ขึ้นป้าย “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรคพลังประชารัฐ อาทิ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตปทุมวัน บางรัก สาทร น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตพญาไท ราชเทวี และ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.เขตพระนคร ดุสิต ได้ปรับกลยุทธ์กับป้ายหาเสียงที่เป็นภาพคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยนำสติกเกอร์ข้อความ “เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่” มาแปะเพิ่มเติมในป้าย ซึ่งความสงบถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่นำเสนอต่อประชาชน และจากการลงพื้นที่พบว่ากระแส “ลุงตู่” มาแรงในช่วงโค้งสุดท้าย จึงต้องปรับกลยุทธ์โดยใช้ “ลุงตู่” ช่วยเรียกคะแนน

มติ กกต.เสนอชื่อ “บิ๊กตู่” ชอบด้วย ก.ม.

เมื่อเวลา 13.00น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เป็นประธานการประชุม กกต.โดยมีกรรมการกกต.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ภายหลังการประชุมสำนักงาน กกต.ได้ออกเอกสารข่าวเผยแพร่ผลการประชุม กกต. กรณีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ขอให้ กกต.ทบทวนการประกาศรายชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐเสียใหม่ และดำเนิน การเพิกถอนชื่อบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ กกต.พิจารณาแล้ว มีมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ เห็นว่าการประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ชอบด้วยกฎหมาย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 และมาตรา 89 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 13 และมาตรา 14

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ มติดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยตามคำร้องของนายวิญญัติ ที่ยื่นร้องคัดค้านการประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากก่อนและหลังการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินเดือนและยังเป็นกรรมการบริหารในหลายองค์กร มีค่าตอบแทนจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

“เอกชัย” มอบ 5 สิ่งวิเศษให้ กกต.

ช่วงสาย นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เดินทางมายังสำนักงาน กกต.อ้างว่าหลังการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรและการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด กกต.ถูกตำหนิและถูกฟ้องดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจำนวนมาก จึงกังวลว่าอาจกระทบการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. จึงมาเพื่อมอบของวิเศษ 5 อย่างให้ กกต. คือ 1. บั้งบ่า คนไม่มีตำแหน่งหน้าที่ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อติดแล้วสั่งการหน่วยงานของรัฐได้ทุกหน่วยงาน 2.ปลอกข้อมือรูปนาฬิกา สวมใส่แล้วเป็นบุคคลอันเป็นที่รัก คล้ายมีสาลิกาลิ้นทอง 3.เกราะโต๊ะจีน ใช้ปกป้องได้ดี 4.โล่ใบหน้ามนุษย์คล้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ 5.ค้อนเทพเจ้า หัวค้อนมีตราพิเศษทุบทำลายได้ทุกอย่าง

ทวงยุบ พปชร.–รปช.อืดเป็นเรือเกลือ

ต่อมานายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ดเส้น ทางสีแดง พร้อมแนวร่วม ยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าในการพิจารณายุบพรรครวมพลังประชาชาติไทยและพรรคประชาชนปฏิรูป มีผู้ร่วมก่อตั้งพรรคและหัวหน้าพรรคถูกฟ้องในคดีกบฏ โดยระบุว่าได้ยื่นให้ กกต.พิจารณายุบพรรคการเมืองทั้ง 2พรรค ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ระหว่างนั้น นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต จ.แพร่ พรรคไทยรักษาชาติ ที่ถูกตัดสินให้ยุบพรรคจนหมดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ร่วมเดินทางมากับกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ฟ้องสื่อมวลชนว่าตนถูกชายผมเกรียน อ้างตัวเป็นตำรวจนอกเครื่อง แบบ พยายามยึดภาพวาดเหมือนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ลิดรอนสิทธิในการแสดงออกของประชาชน

ยื่นถอนสิทธิสมัคร“บิ๊กตู่-อุตตม-สุวิทย์”

ถัดมานายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่มสังคมประชาธิปไตยประชาชน เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครและเพิกถอนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐของนายอุตตม สาวนายน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีตำแหน่งเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ถือว่าองค์ประกอบความผิดครบถ้วนแล้ว กกต.มีมติเพิกถอนจากตำแหน่งได้ทันที ไม่ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและยังขอให้เพิกถอน พล.อ.ประยุทธ์ จากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ

“จรุงวิทย์” ติว ตร.รับมือวันกาบัตร

ขณะที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เป็นประธานการประชุมสัมมนาบทบาทของตำรวจในการเลือกตั้ง ส.ส. มี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศลต.ตร.และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้อง 255 นายเข้าร่วม พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่าทุกคนมีส่วนร่วมตรวจสอบทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม หากมีข้อมูลเก็บหลักฐานไว้หรือนำมาร้องเรียน กกต.หรือตำรวจ ไม่อยากให้การทุจริตมาเป็นจุดตำหนิ เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมาอีกแล้ว เราคงไม่ยอมให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่ทุจริตเข้าสภาฯ

ผบ.ตร.เผยสถานการณ์ยังปกติ

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่าได้เน้นย้ำให้ตำรวจทุกหน่วยเฝ้าระวังการซื้อสิทธิขายเสียง ใส่ร้ายผู้อื่นและแจ้งความเท็จ ทั้งนี้ กกต.ขอเพิ่มกำลังตำรวจทั่วประเทศโดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้ง จ.พัทลุงและสตูลที่เคยเกิดเหตุระเบิด จากการข่าวยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในพื้นที่หัวเมืองชั้นใน ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า สถานการณ์ช่วงเลือกตั้งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง วันเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. สั่งการเน้นย้ำให้ดูแลความปลอดภัยและอำนวย ความสะดวกจราจรให้เรียบร้อย ส่วนที่มีเอกสารลับให้ทำไอโอ สนับสนุนพรรคหนึ่งนั้นยังไม่เห็น เชื่อว่า ไม่ได้มีแค่ช่วงเลือกตั้ง แต่มีมาตลอด ตำรวจเฝ้าติดตามมาตลอด จับกุมมาได้หลายราย ใครต้องการเข้ามาป่วนจะเป็นผลลบเสียมากกว่าได้

กกต.จว. สอบ “สมชัย” ผิด ก.ม.เลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีชาวบ้าน ต.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ร้องเรียนว่านายสมชัย อัศวชัยโสภณ (เฮียเน้า) ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย กระทำเข้าข่ายความผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่งานแต่งงาน โดยยืนยันหลักฐานที่นายสมชัยขึ้นเวทีอวยพรคู่บ่าวสาว แล้วพูดลักษณะปราศรัยหาเสียงนั้น นายวิรัตน์ เจริญวงศ์ ผอ.กกต.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนมาแล้ว ให้พนักงานสอบสวนเบื้องต้น สรุปดูสำนวนมีพยานหลักฐานครบถ้วน จึงสั่งรับเรื่องร้องเรียน มอบให้คณะกรรมการไต่สวน แจ้งไปที่ส่วนกลางแล้ว จากนี้อยู่ที่คณะกรรมการไต่สวน ดูรายละเอียด เรียกผู้ร้องและหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ ใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 10 วัน ต้องดูให้ละเอียดรอบคอบ ถ้าเร่งได้จะทำก่อนถึงวันเลือกตั้ง แต่อยู่ที่พยานหลักฐานและระเบียบว่าครบถ้วนหรือไม่ ถ้าครบถ้วนจะเสนอ กกต.แจ้งข้อกล่าวหากับ ผู้ถูกร้อง จะเข้าข่ายผิดข้อไหนตอบไม่ได้ต้องให้กกต.กลางพิจารณา ขั้นตอนการดำเนินการ ให้แล้วเสร็จตามกฎหมาย คือก่อนการประกาศผล ไม่ใช่ก่อนการเลือกตั้ง

คลิปว่อนขึ้นเวทีงานแต่งจ้อหาเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลักฐานที่ผู้นำไปยื่นต่อกกต. เป็นคลิปนายสมชัยไปร่วมงานแต่งงาน และขึ้นไปกล่าวอวยพรบ่าวสาวบนเวที จากนั้นกล่าวว่า “ขออนุญาตเจ้าภาพ ครั้งนี้ผมมีโอกาสลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย รับอาสามาประสานงานให้ท่านในนาม พรรคเพื่อไทย ครั้งนี้ผมลงพรรคเพื่อไทยเบอร์ 10 ฝากพ่อแม่พี่น้อง ชาวฉะเชิงเทรา เขต 2 โดยเฉพาะพื้นที่บางขนาก บางน้ำเปรี้ยว ขอฝากไว้ด้วย ครั้งนี้ช่วยกันหน่อย ให้ผมมีโอกาสเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับท่านอีกครั้ง ตอนนี้ทุกท่านไปที่ไหนก็บ่น เศรษฐกิจแย่ ข้าวราคาถูก ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปใช้จ่าย ผมลงไปหาเสียงในหลายพื้นที่ บอกว่าได้บ้านมาสมัยรัฐบาลก่อน ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา”

“เสี่ยเน้า” จี้ กกต.การันตียังไม่ผิด

นายสมชัย อัศวชัยโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 พรรคเพื่อไทย แถลงกรณีถูกกล่าวหาว่าหาเสียงในงานแต่งงาน เข้าข่ายถูกตัดสิทธิเลือกตั้งว่า ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแจ้งข้อร้องเรียนใดๆจาก กกต.ที่มีผู้ร้องเรียนไปยัง กกต. สร้างความเสียหายให้ตนอย่างร้ายแรง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ที่ ผอ.กกต.จ.ฉะเชิงเทราไปให้ข่าวว่าได้รับเรื่องแล้ว และส่งต่อให้ กกต.กลาง ขอให้ กกต.จังหวัดชี้แจงว่าตนไม่ได้มีความผิดเพราะการให้ข่าวมีผู้ไปตีความที่ก่อให้เกิดความเสียหายสื่อให้เห็นว่า กกต. ไม่เป็นกลาง ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้าม การให้สัมภาษณ์ของ ผอ. กกต.เกิดขึ้นทั้งที่ไม่เคยได้รับรู้ข้อร้องเรียนเลย แต่นักข่าวบุคคลภายนอกกลับทราบเป็นอย่างดี ที่บอกว่าไม่เปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียน แต่เปิดเผยข้อมูลผู้ถูกร้องแสดงว่าไม่ปกป้องสิทธิผู้ถูกร้อง ทั้งที่ยังไม่ได้ไต่สวนข้อเท็จจริง และยังไม่มีความผิด ผอ.กกต.ควรมีวุฒิภาวะและระมัดระวังคำพูดมากกว่านี้

ค้นเบาะแสคนร้องขู่ฟ้องกลับถึงที่สุด

นายสมชัยกล่าวว่า ตามระเบียบกฎหมายแล้ว การที่ตนจะไปร่วมงานแต่งงานทำได้ การขึ้นพูดบนเวทีทำได้ การแต่งกายจะสวมเสื้อผ้าที่มีโลโก้พรรคหรือไม่เป็นสิทธิ และไม่ได้ใส่เสื้อพรรคเพื่อไทยตามที่เป็นข่าว ที่สำคัญไม่ได้เป็นผู้จัดงาน เพียงไปร่วมงานเท่านั้น ชาวบ้านในงานทราบดี ได้ปรึกษาทีมกฎหมายและปรึกษา กกต.หลายคนแล้วไม่มีความผิด แต่ผู้ไปพูดว่าตนถูกใบแดงหรือพูดถึงในทางเสียหายทำให้ประชาชนเข้าใจผิดฟ้องกลับได้ทันที ถ้าผู้ใดพบเห็นข้อมูลเบาะแสผู้กล่าวหา ขอให้ส่งหลักฐานมาให้ตนด้วยจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขอยืนยันเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง กกต.ตกเป็นเครื่องมือการเมืองฝั่งตรงข้ามใส่ร้ายป้ายสีเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด

“พนัส” สับล่อใจค่าจ้าง 425 บาทเพ้อฝัน

นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย คณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองในคณะกรรมการ (บอร์ด) ค่าจ้าง กล่าวถึงตัวเลขการปรับขึ้นค่าจ้าง 400-425 บาทที่พรรคการเมืองหาเสียงว่า เป็นตัวเลขเพ้อฝัน หวังเอาค่าจ้างสูงๆมาล่อผู้ใช้แรงงานกว่า 38 ล้านคน เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ไม่โง่ คิดเป็น รู้ว่าอะไรทำได้จริง ไม่จริง ค่าจ้างสูงขนาดนั้นทำไม่ได้แน่ จะหาเสียงเลือกตั้งทำกันไป ผู้ใช้แรงงานมีสมอง จะคิดกับเรื่องอย่างไรให้รอดูผลการเลือกตั้ง ส่วนตัวเลขค่าจ้างปล่อยเป็นหน้าที่ของบอร์ดค่าจ้าง พิจารณาตามความเป็นจริง การเมืองต้องไม่แทรกแซง

รอบอร์ดไตรภาคีเคาะปลาย เม.ย.

นายพนัสกล่าวอีกว่า ความคืบหน้าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2562 นั้น หลังบอร์ดค่าจ้างให้จังหวัดที่ไม่เสนอตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำกว่า 40 จังหวัด กลับไปดูข้อมูลให้ครบทุกด้าน แล้วเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดพิจารณาอีกครั้งช่วงปลายเดือน เม.ย. อาจไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองของคณะอนุกรรมการวิชาการฯ เหมือนรอบแรก แต่จะเสนอบอร์ดค่าจ้างชุดใหญ่ พิจารณาไปเลย แต่ตัวเลขต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง รอบแรกเสนอให้ กทม.ปรับขึ้นอีก 14 บาทจาก 325 บาท จ.สมุทรปราการ อัตราค่าจ้างเท่า กทม.แต่เสนอให้ปรับขึ้นไม่ถึง 10 บาท ทั้งที่พื้นที่ติดกันค่าครองชีพไม่ต่างกันเลย จึงให้ปรับขึ้นที่ 10 บาทเท่ากัน จ.ชลบุรีกับภูเก็ต 330 บาท เสนอให้ปรับขึ้น 10 บาท เป็น 340 บาท จ.ระยองเดิม 330 บาท ไม่มีการเสนอปรับ ทั้งที่ค่าครองชีพ จ.ระยองสูงมากจึงให้ปรับขึ้น 5 บาทเท่า จ.เชียงใหม่ จ.นราธิวาสปรับขึ้นอีก 4 บาท จาก 308 บาท แต่ต้องรอให้บอร์ดค่าจ้างกลางเคาะตัวเลขที่เหมาะสม

“มาร์ค” สะกิดจำได้ไหม พ.ค.ทมิฬ

เมื่อเวลา 18.00 น.ไทยรัฐทีวีจัดเวทีดีเบตไทยรัฐเลือกตั้ง ครั้งสุดท้ายหัวข้อ “ใครพร้อมเป็นนายกฯยกมือขึ้น” ถ่ายทอดสดจากหน้าอาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ แคนดิเดตนายกฯของแต่ละพรรค อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าร่วม

นายอภิสิทธิ์กล่าวตอนหนึ่งถึงกรณีจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาหรือร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ว่า ได้ย้ำจุดยืนนี้ชัดเจนแล้วถึงประกาศว่าไม่สนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชันและไม่เอาการสืบทอดอำนาจ ตนเคยทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ส่วนตัวไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ 5 ปีที่ผ่านมาท่านทำงานเราก็เห็นว่าเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งไม่เหมือน 5 ปีที่ผ่านมาเพราะศูนย์กลางความขัดแย้งมันเคลื่อนตัว มีข้อยกเว้นอยู่เพียงคนเดียวที่ไม่ต้องปฏิบัติเหมือนคนอื่นตรงนี้จะเป็นปัญหา จำเหตุการณ์พฤษภา 35 ได้หรือไม่ จึงบอกว่าการสืบทอดอำนาจคือปมของความขัดแย้งใหม่

ผู้นำ 4 พรรคไม่เอา“ประยุทธ์”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ที่กล่าวว่า ตนไม่สนับสนุน ทุกคนต้องดูที่มาที่ไปของ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐที่สืบทอดอำนาจ ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่าไม่สนับสนุน เพราะที่ผ่านมาพี่น้องลำบากมาพอแล้ว เศรษฐกิจแย่ ยาเสพติดก็เยอะ ขณะที่นายมิ่งขวัญที่กล่าวว่า ตนชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่มาเล่นการเมือง เพราะประชาชนไม่มีจะกินอยู่มา 5 ปีแล้ว ดังนั้นพักผ่อนได้แล้ว ด้านนายธนาธรตอบสั้นๆว่าเจอกันในสถานการณ์อื่น พล.อ.ประยุทธ์อาจเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่ในสถานการณ์นี้ พล.อ.ประยุทธ์คือเผด็จการ สำหรับนายสุวัจน์กล่าวว่า โนพร็อบเบลม ตนไม่อยากสร้างเงื่อนไขทางการเมือง รอบนี้พี่น้องประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพราะอยากเลือกใครเป็นนายกฯ ตนสนับสนุนทุกท่านที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มองว่าเสถียรภาพของรัฐบาลสำคัญที่สุด

สื่อฮ่องกงตีข่าวไทยขอตัว “ทักษิณ”

อีกเรื่อง เว็บไซต์ “เซาธ์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์” สื่อฮ่องกงรายงานเมื่อ 19 มี.ค. ระบุทางการไทยอยู่ระหว่างร้องขอถึงทางการฮ่องกง ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งอยู่ในฮ่องกงร่วมงานแต่งงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” บุตรสาวคนเล็กกับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ กัปตันเครื่องบินพาณิชย์ จัดขึ้นที่โรงแรมโรสวูด ฮ่องกง ในวันศุกร์ 22 มี.ค.นี้ คาดว่านายทักษิณ เดินทางถึงฮ่องกงแล้ว

ทั้งนี้ “เซาธ์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์” ระบุด้วยว่า นายทักษิณเดินทางเข้าฮ่องกงบ่อยครั้งและใช้ฮ่องกงเป็นสถานที่พบปะเหล่านักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย นอกจากฮ่องกงแล้วนายทักษิณยังเดินทางเข้าออกบ่อยครั้งทั้งที่สิงคโปร์ กรุงลอนดอน และกรุงปักกิ่ง โดยคาดว่านายทักษิณ ไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางของประเทศไทย ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มักเดินทางไปไหนมาไหนเคียงข้างนายทักษิณ พี่ชายอยู่เสมอ และเชื่อว่าเดินทางหลบหนีความผิดออกจากประเทศไทยโดยใช้หนังสือเดินทางของกัมพูชาเมื่อช่วงปี 2560

อัยการไทยจ่อขอผู้ร้ายข้ามแดน

“เซาธ์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์” ระบุอีกว่า นายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ระบุจะมีคำขอส่งตัวนายทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจากฮ่องกงทันทีที่เจ้าหน้าที่ทราบสถานที่พำนักของนายทักษิณอย่างชัดเจน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่สำนักงานอัยการสูงสุด ส่งคำขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากทางการฮ่องกง แต่ไทยกับฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน นอกจากนั้น “เซาธ์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์” ได้สอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรมของฮ่องกง เรื่องคำขอจากทางการไทยขอส่งตัวนายทักษิณ แต่กระทรวงยุติธรรมของฮ่องกงปฏิเสธให้ความคิดเห็นอ้างเป็นเรื่องส่วนบุคคล

“ชัชชม” ปัดพัลวันไม่มีสนธิสัญญา

ต่อมานายชัชชมเปิดเผยว่า กรณีมีกระแสข่าวอัยการไทยมีหนังสือถึงทางการฮ่องกงที่จะติดตามตัวนายทักษิณกลับมารับโทษ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทางอัยการยังไม่เคยยื่นเอกสารคำร้องใดๆไปถึงทาง การฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงกับไทยไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน แต่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ผ่านวิถีทางการทูตในลักษณะต่างตอบแทนหากมีข้อมูลที่ชัดเจนการเดินทางเข้าไปพักอาศัยที่ฮ่องกง ยืนยันยังไม่มีการยื่นเรื่องใดๆทั้งสิ้น ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หน้าที่การขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเป็นหน้าที่ของอัยการ แต่ตำรวจไทยส่งข้อมูลไปยังอินเตอร์โพลทั่วโลกเมื่อมีภาพนายทักษิณปรากฏที่ฮ่องกงจะให้ความร่วมมือหรือไม่ก็เป็นสิทธิ