PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

กล้าฉีกสัญญา“คิงเพาเวอร์”มั้ย?



ที่นี่ไม่มีความลับ : กล้าฉีกสัญญา“คิงเพาเวอร์”มั้ย?

12 May 2017




ที่นี่ไม่มีความลับ 
โดย : เอราวัณ

กล้าฉีกสัญญา“คิงเพาเวอร์”มั้ย?

ทันทีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สรุปผลการศึกษากรณีโครงการของรัฐที่เสียเปรียบภาคเอกชน กรณีการทำสัญญาระหว่าง บริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ (AOT) กับ กลุ่มคิงเพาเวอร์ (King Power) ได้ถูกสรุปถึงมือนายกรัฐมนตรีและถูกเปิดเผยว่าองค์กรของรัฐเสียประโยชน์และเป็นการทำสัญญาที่ส่อไปในทางผิดกฎหมายหลายประการ พร้อมข้อสรุปที่ส่งผลสะเทือนต่อทั้ง AOT และ King Power ในหลายประเด็น

ด้วยการเสนอให้ยกเลิกสัญญากับเอกชน และเสนอปลดผู้บริหารและกรรมการ AOT ที่ไปกระทำการส่อให้รัฐเสียหาย

ความจริงหลังการรัฐประหาร ปี 2549 ก็ได้มีการตั้งกรรมาธิการที่ชื่อว่า "คณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ" และมีการศึกษาเรื่องดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งผลการศึกษาก็ออกมาไม่แตกต่างกัน เพราะการเข้าทำสัญญา ร้านค้าปลอดอากรและสัญญาการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ มีลักษณะที่ส่อขัดเงื่อนไขสัญญาสัมปทาน (TOR) ในหลายประเด็น เช่น จำนวนพื้นที่เช่าที่กำหนดในTOR ให้เข้าบริหาร20,000 ตารางเมตร แต่เมื่อทำสัญญาสัมปทานมีการใช้พื้นที่ถึงกว่า 25,000 ตารางเมตร

ทำให้พื้นที่ “สนามบินสุวรรณภูมิ” ไม่ต่างจากห้างสรรพสินค้า มีการคิดค่าเช่าจากร้านค้าที่แพงมหาศาล (ไม่รวมค่าแป๊ะเจี๊ยะ) ทำให้ราคาสินค้าและอาหารในสนามบินสุวรรณภูมิแพงสุดเว่อร์อย่างที่ต้องประสบกัน

และการศึกษาทั้ง 2 ครั้งที่ผู้นำการศึกษาคือ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป และ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ยังพบเหมือนกันว่าเป็นสัญญาที่ส่อขัดต่อพ.ร.บ.การให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือการดำเนินกิจการของรัฐ 2535 และส่อว่าขัดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการสมยอมราคา 2542 และกฎหมายอื่นๆ

แต่ผลการศึกษาครั้งแรกที่ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อปี 2550และถูกส่งต่อให้ป.ป.ช.ไปดำเนินการต่อกลับ “หายเข้ากลีบเมฆ”ด้วยข่าวการวิ่งเต้น “ทหาร” ที่กุมอำนาจในยุคนั้นจนกระทั่งเป็นที่มาของ "รัฐประหารเสียของ" เพราะยึดอำนาจรัฐบาลที่ทุจริตโกงกิน กลับเป็นการ "รับงาน รับเงิน" เอา “มือปิดแผ่นฟ้า" เสียเอง

เมื่อเกิดการยึดอำนาจอีกครั้งและมีการศึกษาเรื่องนี้อีกครั้ง แต่กลับพบความเสียหายที่มากขึ้น เพราะมีสัญญามัดมือภาครัฐเพิ่มขึ้นและการแก้ไขสัญญา 2 ครั้งเพื่อขยายอายุการหมดสัญญาออกไปอีก 4 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่าได้รับความเสียหายจากการถูกปิดสนามบินในช่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นระยะเวลา 7 วัน

จึงท้าทาย “รัฐบาลทหาร” ชุดนี้ว่าจะเอาจริงเอาจังกับการจัดการสัญญาที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับภาครัฐอย่างจริงจังหรือไม่ หรือจะเป็นการปล่อยให้เป็น "รัฐประหารเสียของรอบ2” อีกไหมต้องจับตา

คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ/ หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ/ ฉบับ 3261 ระหว่างวันที่ 14-17 พ.ค.2560

ปชป.ซัด ‘ยุทธศาสตร์ชาติ’ เป็นกม.ต่อท่อให้ทหารมีเอี่ยวหลังเลือกตั้ง เหตุไม่อยากวางมือจากอำนาจ

ปชป.ซัด ‘ยุทธศาสตร์ชาติ’ เป็นกม.ต่อท่อให้ทหารมีเอี่ยวหลังเลือกตั้ง เหตุไม่อยากวางมือจากอำนาจ

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีมติให้คงสัดส่วนผู้บัญชาการเหล่าทัพในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามร่างของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการวางยุทธศาสตร์ด้วยรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน ของรัฐบาลประชาธิปไตยเเบบไทยๆ เป็นรัฐบาลทหารที่มาจากคนกลุ่มเดียว มีความเด็ดขาด รวดเร็ว แต่ขาดความละเอียดครบถ้วนไม่ครอบคลุมถึงความต้องการประชาชนทุกระดับชั้น จนทำให้ยุทธศาสตร์ชาติที่กำลังวางอยู่ไม่ชอบธรรมโดยหลักการไม่เห็นด้วยกับการวางยุทธศาสตร์ไว้ล่วงหน้า 20 ปี เพราะสุ่มเสี่ยงต่อความเปลี่ยนเเปลงกระทันหันในอนาคต การอ้างว่ารัฐบาลต่อไปแก้ไขได้ไม่ยาก ก็ไม่จริง เพราะมีคณะกรรมการประกอบไปด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมถึงนายกฯ นั่งค้ำขวางอยู่ ถ้าอยากจะแก้ยุทธศาสตร์แต่คณะกรรมการฯไม่ยอม จะทำได้หรือเปล่า ปัญหาคือ คณะกรรมการตั้งโดยรัฐบาลทหาร ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่อิสระ ไม่เป็นไปตามหลักการวางยุทธศาสตร์เพื่อนาคต เเต่เพื่อใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่
ซัดเเรง วางต้นทุนต่อท่ออำนาจ
“จากที่ผ่านมา กฎหมายส่งเข้าสนช.วาระ 2-3แบบนี้ส่วนมากก็ผ่าน แต่ไม่อยากให้เงียบไปแบบนี้ อยากชี้ให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์ชาติควรมุ่งประโยชน์ชาติอย่างเเท้จริง แต่วันนี้กลับเขียนตุนต้นทุนตั้งคณะกรรมการต่อท่อเอาไว้ จะทำให้รัฐบาลในอนาคตไม่เป็นอิสระส่วนที่อ้างกันว่า คณะกรรมการฯชุดดังกล่าวจะป้องกันการปฏิวัติได้ในอนาคตได้ก็ไม่จริง ไร้สาระ นับประสาอะไรกับที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กับพล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยบอกจะไม่ยึดอำนาจ แต่สุดท้ายพอสถานการณ์บีบบังคับ ก็ทำ ที่พูดไม่ใช่จะตำหนิ แต่ชี้ให้เห็นว่า อย่ามาอ้าง ในทางกลับกัน พ.ร.บ.นี้จะยิ่งเร่งให้เกิดยึดอำนาจขึ้นไปอีก ถ้าเเนวคิดคณะกรรมการฯ ไม่ตรงกับรัฐบาลในอนาคต ยิ่งติดกับดัก ไปต่อไม่ได้ จะแก้ไขก็ไม่ได้ จึงย้ำว่า เป็นเพียงต้นทุนของรัฐบาลทหาร ต่อท่ออำนาจ ขอเอี่ยวการบริหารงานประเทศหลังเลือกตั้งด้วย เพราะไม่อยากวางมือ” นายสาธิต กล่าว

โฆษก คสช.แจง ห้าม ‘เดียร์ ขัตติยา’ จัดรำลึก 7 ปี เสธ.แดง เหตุเข้าข่ายกิจกรรมการเมือง

โฆษก คสช.แจง ห้าม ‘เดียร์ ขัตติยา’ จัดรำลึก 7 ปี เสธ.แดง เหตุเข้าข่ายกิจกรรมการเมือง

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมรำลึก 7 ปีการเสียชีวิตของพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินลุมพินีนั้น ตนคิดว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้ดุลพินิจว่ากิจกรรมดังกล่าวน่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงไม่อนุญาตให้ น.ส.ขัตติยาจัดกิจกรรมดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา คสช.เน้นการขอความร่วมมือมาโดยตลอด และก็ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่าไม่ได้มีการกลั่นแกล้งทางครอบครัว น.ส.ขัตติยาแต่อย่างใด เพราะการที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้จัด เป็นเพราะพิจารณาแล้วว่าการรำลึกการจากไปของ พล.ต.ขัตติยะ อาจเข้าข่ายกิจกรรมเชิงการเมือง

"จาตุรนต์" ชี้ 3 ปี รบ.ขคสช.เหลว ! เหน็บอีก 2 ปีช่วงเวลาทิ้งทวน

"จาตุรนต์" ชี้ 3 ปี รบ.-คสช.เหลว ! เหน็บอีก 2 ปีช่วงเวลาทิ้งทวน

วันศุกร์ ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 15.41 น.
"จาตุรนต์" ชี้ 3 ปี รบ.ขคสช.เหลว ! เหน็บอีก 2 ปีช่วงเวลาทิ้งทวน

"จาตุรนต์" ชำแหละผลงาน 3 ปี "รัฐบาล-คสช." ล้มเหลว สะท้อนรัฐประหารไม่ช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง แถมยังคุกคามทำลายระบบการตรวจสอบ ผวา 2 ปีที่เหลือเป็นช่วงเวลาคอรัปชั่นทิ้งทวน

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทำงานรัฐบาล และคสช.ครบรอบ 3 ปีว่า พอมาปีที่ 3 ทำให้เห็นปัญหาชัดเจนมากกว่า 2 ปีก่อน คือทำให้เห็นว่าในที่สุดแล้วการรัฐประหารนอกจากแก้ปัญหาประเทศไม่ได้แล้ว ยังจะทำให้ปัญหาต่างๆเลวร้ายมากกว่าเดิม ซึ่ง 3 ปีนี้มานี้ เศรษฐกิจไทยชะลอตัว เติบโตน้อยที่สุดในอาเซียน ในขณะที่ประเทศอื่นๆเขาเติบโตเร็วกว่าเรามาก ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อน โดยเฉพาะการเติบโตของเศรษฐกิจ ต้องอาศัยธุรกิจขนาดใหญ่กับการท่องเที่ยว แต่ภาคเกษตรกรและธุรกิจรายเล็กรายน้อยต้องล้มลงไปยิ่งทำให้ช่องว่างของรายได้มากยิ่งขึ้น สำคัญนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่มีความเชื่อมั่น เนื่องจากประเทศความไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีความแน่นอน ไม่ชัดเจนว่าคืนสู่ประชาธิปไตย

"ปีที่ 3 เห็นปัญหาชัดกว่าปีก่อนๆ มีการผสมผสานกันระหว่างการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ตรวจสอบไม่ได้ กับการมีนโยบายใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่สูญเปล่า โดยไม่คำนึงถึงความสามารถทางการคลังและความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ตัวอย่างที่ทำให้เห็นถึงปัญหาในหลายมิติพร้อมๆกัน คือการซื้อเรือดำน้ำ เป็นโครงการที่เกิดจากนโยบายที่ไม่สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันดำเนินการไปโดยไม่มีความโปร่งใสชัดเจน บอกว่ามีการประกวดราคา ต่อมาเป็นการดำเนินการรัฐต่อรัฐ และมีการรวบรัดทำสัญญา ที่สำคัญเมื่อมีคนเรียกร้องให้ตรวจสอบ กลับถูกคุกคาม เท่ากับเป็นการทำลายระบบการตรวจสอบการคอร์รัปชั่นอย่างชัดเจนที่สุด ความจริงเป็นเรื่องที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะเคยเกิดเรื่องทำนองนี้มาก่อนแล้ว แต่สังคมอาจจะเห็นปัญหาไม่ชัด เท่ากับเรื่องเรือดำน้ำ"

นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่าช่วงหลังปัญหาใหญ่อยู่ที่การไปหาทางป้องกัน สกัดกั้นการตรวจสอบ ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่ควรจะทำ ถือเป็นอันตราย ผู้มีอำนาจอาจคิดว่าใกล้จะหมดอำนาจ ถึงแม้จะเหลือเวลาอีก 1-2 ปี แต่อาจคิดว่าเป็นช่วงเวลาทิ้งทวน ทั้งที่ต้องยิ่งตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส แต่กลับมีแนวโน้มจะเล่นงานคนที่ถูกสอบเพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ความเสียหายจาการทุจริตอาจจะมากกว่า 3 ปีที่ผ่านมาก็ได้

สคบ.ขอร้อง อ.วีรชัย งดให้ข้อมูลกระทะยี่ห้อดัง หลังผ่าพิสูจน์ เผยถูกขู่ระวังโดนฟ้อง!

สคบ.ขอร้อง อ.วีรชัย งดให้ข้อมูลกระทะยี่ห้อดัง หลังผ่าพิสูจน์ เผยถูกขู่ระวังโดนฟ้อง!

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพ จากเฟซบุ๊ก Weerachai Phutdhawong ซึ่งได้นำกระทะยี่ห้อดังมาตัดเพื่อพิสูจน์นั้น

รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ได้เปิดเผยความคืบหน้าว่า ได้รับการประสาน จาก สคบ. ว่า ขอให้งดให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าผลการทดสอบจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด และเข้าใจข้อมูลคลาดเคลื่อนทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ ตนได้ทำงานคู่ขนานกับ สคบ. มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดสอบสิ่งต่างๆ เพื่อผู้บริโภค โดยในครั้งนี้ โจทย์คือ การพิสูจน์ชนิดของโลหะ โพลิเมอร์ จำนวนชั้นที่เคลือบ ตามที่มีการโฆษณาไว้ ส่วนเรื่องราคาหรือประเด็นอื่น ก็เป็นเรื่องของ สคบ.จะพิจารณาต่อไป

“หลังจากที่ผมเผยแพร่ภาพการทดสอบ ก็ไม่คิดว่าจะมีคนให้ความสนใจมากขนาดนั้น แต่เชื่อว่าผมไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ก็มีคนมาเขียนในเฟซบุ๊กของผมว่า ระวังจะโดนฟ้องแต่ก็ไม่ทราบว่าคนเขียนเป็นคนของบริษัทหรือเป็นเพียงกองเชียร์ของกระทะเท่านั้น โดยผลการทดสอบน่าจะเสร็จวันที่ 15 พ.ค.นี้”รศ. ดร.วีรชัย กล่าว