PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

ครบ67ปี ปชป. มาร์คไม่ท้อ พร้อมเป็นเสาหลักบ้านเมือง

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2556, 13:56 น.

ครบ 67 ปี พรรคประชาธิปัตย์ “มาร์ค” ไม่ท้อโวก้าวต่อไปมั่นคงทำให้ดีที่สุด ยัน พร้อมเป็นหลักให้บ้านเมือง ขณะที่ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ร่วมแสดงความยินดี...

วันที่ 6 เม.ย.56 เวลา 07.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการจัดงานครบรอบ 67 ปีวันก่อตั้งพรรค โดยมีการทำพิธีทางศาสนา 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ พราหมณ์ และอิสลาม โดยมีสมาชิกของพรรคเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

ขณะเดียวกันมีตัวแทนจากพรรคต่างเข้าร่วมอวยพร อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายนิกร จำนง กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

จากนั้นเวลา 09.29 น. ได้มีการประกอบพิธีทางศาสนาพาหมณ์ ที่บริเวณลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค โดยมีแกนนำของพรรคร่วมพิธีจำนวนมาก ซึ่งในปีนี้พระแม่ธรณีทรงสไบสีทอง

ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคได้กล่าวกับผู้นำศาสนาอิสลาม ตอนหนึ่งว่าไม่ต้องเป็นห่วงอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของพรรคประชาธิปัตย์ พวกเราไม่มีใครย่อท้อมีความหนักแน่น ตนตั้งใจว่าตลอดเวลาที่เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคตั้งแต่ปี 2548 จะต้องเผชิญกับปัญหายากๆ แต่เพราะความเป็นหนึ่งเดียวกันของสมาชิกพรรคช่วยให้ฟันฝ่ามาได้ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ พรรคจะเป็นหลักเพื่อบ้านเมือง ทำงานสานต่อเจตนารมณ์ผู้ก่อตั้งพรรค และต้องขอบคุณผู้สนับสนุนที่ทำให้เราเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด

จากนั้นเวลา 10.15 น. นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าในโอกาสที่ครบรอบการก่อตั้ง 67 ปีนั้น ยืนยันว่าพรรคจะเป็นสถาบันทางการเมืองนำพาประเทศชาติไปสู่ประชาธิปไตย ให้สังคมมีความสงบสุข มีความเจริญก้าวหน้าอยู่ดีมีสุข ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของพรรคไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต โดยการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวม

ทั้งนี้การทำงานของพรรคปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้ ที่พรรคเป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ก็พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์ทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์ เพื่อให้สังคมและประชาชนพึ่งพาได้ และยืนยันว่าอุดมการณ์ของพรรคที่มีตั้งแต่ 67 ปีที่แล้วนั้น ยังมีความทันสมัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเคารพสิทธิเสรีภาพประชาชน หลักเศรษฐกิจที่ให้ภาคประชาชนมีสิทธิพึ่งกลไกเศรษฐกิจเสรี โดยที่พรรคดูแลความเป็นธรรม รวมทั้งอุดมการณ์การกระจายอำนาจ ที่สอดคล้องแนวคิดโลกปัจจุบัน

โดย ทีมข่าวการเมือง




ครบ4ปีภูมิใจไทยหงอย ไร้เงา'เนวิน-กลุ่มมัชฌิมาฯ'

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2556, 14:29 น.

"อนุทิน ชาญวีรกุล" ทำบุญใหญ่พรรคภูมิใจไทย ขึ้นสู่ปีที่ 5 ลั่นเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องกวาด ส.ส.มากกว่า 33 คน ไม่หวั่นคนมองว่าเป็นช่วงขาลง ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านแบบคุณภาพ ขณะที่ไร้เงาแกนนำพรรคร่วมงาน ทั้ง "เนวิน" และ "กลุ่มมัชฌิมาฯ"...

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่พรรคภูมิใจไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการจัดเลี้ยงทำบุญในวาระครบรอบจัดตั้งพรรคภูมิใจไทย 4 ปี โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคฯ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรค นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคฯ พร้อมด้วยแกนนำพรรคภูมิใจไทย อาทิ นายโสภณ ซารัมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร นายศุภชัย ใจสมุทร เป็นต้น

โดยไม่มีแกนนำคนสำคัญ อย่าง นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและอดีตหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเนวิน ชิดชอบ อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย และนางพรทิวา นาคาศัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่ก็ได้มีแจกันดอกไม้ มาร่วมแสดงความยินดีแทน
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีราชชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมามอบแจกันดอกไม้ ร่วมอวยพรวันเกิดครบรอบวันเกิดพรรคภูมิใจไทย และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกันด้วย

นายอนุทิน กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการว่า ตนได้ทำหน้าที่ครั้งแรกในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในพิธีการสำคัญของพรรคเป็นครั้งแรกในวันนี้ โดยพรรคภูมิใจไทยได้ก่อตั้งขึ้นมาท่ามกลางความรุนแรง ขัดแย้งของสังคมไทย และมีความกดดันจากรอบข้าง เราจึงจำเป็นต้องทำบางอย่างเพื่อบ้านเมือง และเราจำเป็นต้องทำบางอย่างให้สถานการณ์พลิกขึ้นตามลำดับ เนื่องจากในขณะนั้น มีความขัดแย้งมากมาย มีการสาดโคลน โต้เถียง มีการใช้วาทะ ทั้งเรื่องการพูดให้เสียหาย และจะต้องเข้มแข็งและต้องมีสติ

“หลายคนบอกว่า พรรคภูมิใจไทยอยู่ในช่วงขาลง ยืนยันว่าขาต้องลงถึงจะยืนอยู่ได้ ถ้าขาชี้ฟ้า แสดงว่าถูกจับห้อยหัว ผมไม่เคยคิดว่า คำว่า พรรคภูมิใจไทยขาลง เป็นคำที่ไม่ดี ถ้าขาลงทุกคน แสดงว่าเราก็ยังยืนอยู่อย่างมั่นคง เราก็ไม่มีวันที่ขาจะชี้ฟ้า แสดงว่าใกล้ถึงจุดจบ และที่สำคัญที่สุดยังได้เห็นความสามัคคี ความอบอุ่นในพรรค ขณะนี้พรรคของเราก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 5 องค์กรใดอยู่รอดได้ถึงทุกวันนี้ ก็ถือว่าองค์กรนั้นมีความมั่นคง ต้องถือว่าเราสามารถยืนอยู่ด้วยขาของตัวเองได้แล้ว ตอนที่เราหอบหิ้วกันออกมา มีเพียง 20 คนเท่านั้น แต่ตอนนี้เรามี ส.ส. 33 คน ผมยังยืนยันว่า ขณะนี้เราก็ยังมีอยู่ 33 คน และจากนี้ไปเราก็จะมี ส.ส.ให้มากกว่าเดิม พวกเราชอบคำดูถูก เหยียดหยาม และปรามาส เพราะมันทำให้พวกเราแข็งแรง และต้องต่อสู้เพราะมีเลือดนักสู้อยู่ในตัวเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมผ่านคำปรามาสมาเยอะ แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเกร่ง” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนมองว่า นอกจากแข่งจากภายนอกแล้ว เราต้องแข่งกับตัวเอง และเราต้องให้ความสำคัญกับตัวเอง และมีความตั้งใจมากกว่าให้ความสำคัญกับคู่แข่งที่อยู่รอบๆ ตัวเอง ถ้าเราชนะตัวเองได้ จะไม่มีใครสามารถชนะเราได้ นี่คติของตนในการดำรงชีวิตมาโดยตลอด วันนี้มาอยู่ร่วมพรรคภูมิใจไทยในทางการเมือง ก็ถือว่าใหม่ในทางการเมือง แต่การพูดคุยประสบการณ์กับพวกท่านทั้งหลาย ถึงแม้ว่าตนจะเป็นผู้นำของพรรค แต่ตนก็รู้ว่าตัวเองมีดีทางไหน อย่างไรก็ตาม ตนมองอดีตรัฐมนตรีและส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย เป็นยอดฝีมือ และกระบี่มืออันดับหนึ่งในใจ ที่จะต้องเรียนรู้ร่วมกัน ถอดวิทยายุทธ์ พรรคภูมิใจไทยได้ขับเคลื่อนไปอยู่ในสถานะที่เป็นฝ่ายค้าน แต่เราก็เป็นฝ่ายค้านที่มีเหตุผล ทุกสิ่งที่เราทำสามารถอธิบายต่อสังคมได้ อธิบายต่อคนที่ได้รับผลกระทบต่อสิ่งที่เรากระทำได้

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายจากนี้ จะทำนโยบายใหม่ที่ยืดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่เอาความขัดแย้งและรุนแรง โดยการทำหน้าที่ในสภาฯ ก็จะยึดถือประโยชน์คนส่วนใหญ่ เราก็จะสนับสนุน แต่หากทำไปเพื่อคนกลุ่มใดหรือคนใดคนหนึ่ง เราก็คงจะคัดค้าน ส่วนบทบาทของพรรคภูมิใจไทยในอนาคต เราก็คงจะเตรียมเพื่อสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป เชื่อว่าอีกประมาณ 2 ปีกว่า คงต้องมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคก็ต้องมีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งตลอด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใด นายเนวินจึงไม่ได้มาร่วมงานในวันนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า นายเนวินก็ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะวางมือทางการเมือง โดยหันไปสนับสนุนในด้านกีฬาฟุตบอลและเรื่องรถแข่งแล้ว อีกทั้งยังส่งเสริมเยาวชนในด้านการกีฬา ถึงแม้ว่าไม่ได้มาในวันนี้ แต่ก็ได้ส่งความปรารถนาดีในการทำบุญพรรคครบ 4 ปี ในวันนี้แล้ว.

ปิดฉาก ''สาธุคุณ มูน'' ล้านอาลัย เจ้าลัทธิแต่ง 3 หมื่นคู่


วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน 2555 เวลา 00:00 น.

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สื่อระดับโลกหลายสำนัก ได้เสนอข่าว สาธุคุณ ซัน เมียงมูน ผู้ก่อตั้งมูลนิธิโบสถ์แห่งความสามัคคี ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการจัดพิธีสมรสหมู่ ที่มากสุดคือ 3 หมื่นคู่ ที่กรุงโซล เมื่อปี ค.ศ.1992 ได้ถึงแก่กรรมด้วยวัย 92 ปี เวลาตีสอง (ตามเวลาเกาหลีใต้) วันที่ 3 ก.ย. 2555 โฆษกประจำตัวแถลงว่า สาเหตุการจากไปของสาธุคุณ ซัน เมียงมูน มาจากโรคปอดบวมและอวัยวะสำคัญล้มเหลว

ทิ้งเรื่องราวทั้งด้านบวกและลบไว้ให้ผู้ที่เคารพศรัทธาและผู้ที่คัดค้านไม่เห็นด้วย ได้ศึกษาถกแถลงกันต่อไปอีกยาวนาน...

คนไทยคงเคยได้ยินเรื่องราวของบุคคลผู้นี้มาแล้วไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะการสมรสหมู่ที่เป็นข่าวไปทั่วโลก สื่อหลายชาติรวมทั้งสื่อไทยก็เคยได้รับเชิญให้ไปทำข่าวนี้มาแล้ว ทั้งที่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

การสมรสหมู่ของคนที่เข้าพิธีทั้งที่หลายคนไม่รู้จักกันนั้น กลายเป็นข้อครหาว่า เป็นเพราะเหล่าสาวกถูกล้างสมองด้วยนิกายหรือลัทธิที่สอนให้ไม่เคารพพ่อแม่ รวมทั้งเรื่องทรัพย์สมบัติที่สาธุคุณ ซัน เมียงมูน ได้ทิ้งไว้เป็นอาณาจักรใหญ่โตในปัจจุบัน ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ สื่อมวลชน การศึกษา โรงงานผลิตอาวุธ บริษัทจัดจำหน่ายอาหาร ธุรกิจกิจตกปลา ร้านซูชิในสหรัฐ...ทั้งหมดถูกคนอเมริกันที่ไม่ศรัทธากล่าวหาว่า ค้ากำไรเกินควรจากสมาชิก ประมาณการว่า อาณาจักรธุรกิจเหล่านี้มีมูลค่านับพันล้านเหรียญเลยทีเดียว

เหรียญย่อมมีสองด้าน

สาธุคุณ มูน มีลูกศิษย์หลายล้านคน

และคนที่ศรัทธายืนยันว่า ไม่เคยมีการสอนให้ไม่นับถือพ่อแม่ แต่สอนว่า พ่อแม่ทุกคนต้องเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง ต้องเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดี มีการศึกษา ใฝ่สันติ ไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน เมื่อแต่งงานแล้วก็ไม่นอกใจกัน ลูกหลานต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ด้วยความรักที่มั่นคง 3 ชั่วอายุคน

’ทำไมท่านจะมีเงินไม่ได้ เพราะท่านไม่นั่งรอรับบริจาคอย่างเดียว แต่มาจากหัวคิดที่มองเห็นการณ์ไกล เมื่อมีเงินก็ใช้เงินเพื่อทำประโยชน์กับโลก“ ลูกศิษย์ยืนยัน

โดยยกตัวอย่างให้เห็นว่า เริ่มต้นเมื่อจะสร้างโบสถ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในเกาหลีใต้นั้น การหาเงินเป็นเรื่องยากมาก สาธุคุณ มูน ได้สั่งให้สมาชิกโบสถ์ทุกคนเมื่อจะส่งจดหมายหนึ่งฉบับให้กับสมาชิก ปกติต้องติดแสตมป์ 40 วอน ก็ให้ติดแสตมป์เป็นดวงละ 1 วอน 40 ดวง และสั่งให้สมาชิกเก็บสะสมแสตมป์ไว้เพื่อขาย เพราะเชื่อว่าไม่นานจะมีนักสะสมมาแห่ซื้อ จากแสตมป์ 1 วอน ก็ขายได้ 1 ล้านวอน กลายเป็นทุนดำเนินการในหลายด้าน รวมทั้งที่ดินกลางกรุงโซลที่ซื้อไว้เพื่อสร้างโบสถ์ก็มีราคาเพิ่มมหาศาล

นอกจากนั้น สาธุคุณ มูน ยังส่งเสริมให้สมาชิกต่อเรือเพื่อทำธุรกิจจับปลา โดยตัวมูนเองชอบพาลูกศิษย์ไปตกปลาในทะเลต่าง ๆ เป็นประจำ และเล็งเห็นล่วงหน้าว่า โลกจะขาดแคลนอาหาร เนื่องจากหมู วัว แพะ แกะ ออกลูกทีละไม่กี่ตัว แต่ปลาออกไข่ทีละเป็นล้านฟองและออกลูกฝูงใหญ่ ทะเลจะเป็นแหล่งอาหารสำคัญ มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา จึงเปิดโรงงานแปรรูปอาหารที่อลาสกา มีทั้งการทำเพื่อบริจาค และการจำหน่าย...

กลายเป็นอีกรายได้ที่สำคัญ

นอกจากเรื่องการสร้างธุรกิจแล้ว มูนยังก่อตั้งองค์กรในชื่อต่าง ๆ มากมาย เช่น สหพันธ์สันติภาพสากล สหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก สหพันธ์เยาวชนคนหนุ่มสาวเพื่อสันติภาพโลก สมาคมอาจารย์อุดมศึกษาเพื่อสันติภาพโลก มีการจัดประชุมทั้งที่นิวยอร์ก เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น โดยสหพันธ์สันติภาพสากล และสหพันธ์สตรีเพื่อสันติภาพโลก ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติให้เป็นองค์กรที่มีสถานภาพเป็นที่ปรึกษาของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (UN ECOSOC)
ด้วย

และยังมีคณะบัลเล่ต์พื้นบ้าน “Little Angel” ที่ดังมาก ซึ่งเคยมาแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมด้วย อีกทั้งยังสร้างโรงพยาบาล พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ปฏิบัติธรรม เป็นต้น

ธุรกิจต่าง ๆ เหล่านี้ ลูก ๆ 14 คน (ชาย 7 คน หญิง 7 คน) เป็นผู้ดูแล ส่วนมูลนิธิโบสถ์แห่งความสามัคคีนั้นลูกชายสุดท้องในจำนวน 7 คนเป็นผู้รับช่วงต่อตั้งแต่ปี ค.ศ.2008 ขณะที่มีอายุ 28 ปี

ศพของสาธุคุณ ซัน เมียงมูน จะถูกฝังในวันที่ 15 กันยายนนี้ ที่ภูเขาซอนซุง ใกล้บ้านเกิดของเขา โดยจะมีผู้นำหลายชาติ รวมทั้งลูกศิษย์ลูกหาหลายล้านคนที่เคารพศรัทธาเขา มาร่วมส่งดวงวิญญาณในวาระสุดท้ายนี้ด้วยความอาลัยรัก แต่คนที่คัดค้านไม่เห็นด้วยก็ย่อมไม่มาร่วมแน่

วันเวลานั้นยังอีกยาวนาน แต่ไม่ไกลเกินไป

สาธุคุณ ซัน เมียงมูน ก็ไม่พ้นไปจากสุภาษิตจีนบทนี้ นั่นคือ...

ระยะทางพิสูจน์ม้า

กาลเวลาพิสูจน์คน
//
ที่มา เดลินิวส์